คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา ฉบับรีไรต์ (ลงทีละ 3 ตอนเพื่อจะได้จบเร็ว)
เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (ฉบับรีไรต์)

บทนำ

คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ คืนที่ฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจอันแห้งเหี่ยวอับเฉาได้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาหมือนน้ำตาจากฟ้าเสียมากกว่า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมจนกลายเป็นความแค้นในที่สุดและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวเกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร....
เจ้าของใบหน้าสวยและเรือนร่างงดงามได้สัดส่วนหากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าเป็นน้องๆนางแบบก็คงไม่มากเกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดหน้าขึ้น

“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายยังไงล่ะ”

“คุณแม่คะ แต่....”



“เอาเถอะแกไม่ไปแม่ก็ไม่จะบังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย”

ประตูรถยนต์คันหรูสีดำถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามาร่างบางระหงนั้นไป

“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้า” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือ ความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอก

เจ้าของใบหน้ารูปไข่และมีองประกอบบนหน้าที่งดงามโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโต ที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปแต่ที่ดึงดูดตาของใครหลายคนคงเป็นริมฝีปากที่สวยอิ่มเอิบชนิดหาตัวจับยากรวมเป็นความสวยและมีเสน่ห์ที่เรียกว่าใครเห็นใบหน้าแก้วกรรณิกาก็ต้องมองจนเหลียวหลังส่วนผมสลวยยาวตรงนั้นถูกรวบไว้เป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นเชิดหน้าขึ้นและก้าวเดินอย่างมาดมั่นแก้วกรรณิกาจึงกลายเป็นสาวสวยที่ดูมั่นใจเกินร้อยคนหนึ่ง เธอกลางร่มบางใสที่หยิบติดมือมาจากรถเมื่อฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายเธอก็ก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกกอดและร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นในทางตรงกันข้ามก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมา

ผู้ชายใบหน้าหล่อคมผิวขาวสะอาดมีเคราบางๆรูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกซึ่งอาการมานานับชั่วโมงแต่เมื่อพบกันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าจบเขาก็ยังคงไม่แสดงออกทั้งที่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับราวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”

“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บเอาไว้แล้วล่ะค่ะ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ข้างในอกตม

“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปแล้ว รอแต่วันถอนหมั้น”

“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากมีชีวิตที่สุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” เธอไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ

ว่านนทีมีรอยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อทั้งหมดจะมาจากความคิดของผู้หญิงตรงหน้า

“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาสิ”

“ คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียอย่างเปล่าประโยชน์”


“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใคร

“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า”ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นขออ้างให้เขาตัดใจ

“ บอกมาเสียดีๆว่าใครบังคับคุณให้มาพูดกับผมแบบนี้”เขามองไปที่รถหรูของเธอ “คุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหม”


แก้วกรรณิกาไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า


“แม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากตัวฉันเอง เอามือหยาบๆที่ทำงานหนักๆออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาปความจนไปด้วย”


“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้” ว่านนทียังไม่ยอมรับว่าความคิดทั้งหมดมาจากเธอ

“ฉันเจ็บนะว่านนที”


เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้างและดูหนังอยู่เลย นอกจากนั้นเขาก็ยังขอให้เธอพาไปรู้จักกับครอบครัวซึ่งว่านนทีเองกำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้

ใบหน้าสวยนั้นเชิดขึ้นอย่างถือตัว “ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”


“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ ”


“ใช่คุณคิดไปเอง ฉันก็แค่เหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก

“ถ้านี่คือการอำผมก็ชักไม่สนุก”


“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”


“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร” เขาจับไหล่เธอเอาไว้

“มองตาผม”

“ไม่”

“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆเหรอ” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางเบาแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริวเวณหัวไหล่

มือเรียวเล็กตบสุดแรงที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนที“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาที่หลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้”

ความเจ็บที่เธอตบเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจหากเธอพูดออก


“ผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” ความโมโหทำให้เขาลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆเพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำ


“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณเข้าใจไว้ด้วย”

ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาจูบแรงๆ เพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่แก้ว

“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีเองก็ไม่รู้ว่าในรถนั้นคุณหญิงมณีกำลังนั่งดูอยู่ นางไม่ได้คิดลงมาช่วยเหลือแต่กลับยิ้มเยาะ
ร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเองตัดใจจากกันได้

กรรณิการู้สึกริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมด แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที


“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ


“ผมถามว่าใช่ไหม” ว่านนทีตะคอกถามอย่างคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ “ตอบมาสิ ตอบผม”


ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า

“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังคิดไปถึงขั้นจะแต่งงานด้วยเลยเหรอคะ เสปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้สะด้วย ”

สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้


“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่จะถือว่าหูฝาดไป”


“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้”

“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้า แต่ไม่เป็นไรเพราะ ผู้หญิงไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา”

คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื่นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่พยายามฝืนเอาไว้

“ที่ผ่านมาฉันก็แค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมามันไม่ไหว เลยโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมีแค่ในนิยายดเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้” แก้วกรรณิกาหยุดพูดเพียงแค่นั้นเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวเหรอหากแท้จริงเธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจะรู้ว่าเธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่เวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย”

แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะ“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดี”

“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงจะได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตนั่นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลว ก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขละกัน” เขาหันหลังให้เธอ แต่เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำ
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงที่ไหนๆ เขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสรร”


ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน

“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มความ เถื่อน เลว และซาดิสต์ ให้อีกด้วย”

แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆก็คงบ้าแล้ว

“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจแต่ยังไม่พอเพราะเสปคของฉัน ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปก็เหมือนคุณธนกฤตเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว

สายตาที่เขาเคยมองเธออย่างรักใคร่เปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความรังเกียจ “น่าสมเพช”



จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลยจึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งนั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว

“คุณว่านนที ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน

หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปราบพร้อมรอยยิ้ม แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกลากับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนทีคนนั้น

คุณหญิงมณีลดกระจกลง“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆแบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอก อยู่นานๆแล้วคัน”

“ค่ะคุณแม่” ร่างบางพาตัวเองกลับขึ้นมาบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมอง เธอจะจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักแค่ไหนก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล

“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่แล้วจะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิคอีกนานไหม”

เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถ

“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้

“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”

“หลักฐาน ว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหากับมันอีก”

“หมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”

“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้ง”

คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆเมื่อถูกขัดใจ “จะทำไหม ยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่ไหม”
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”

“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอ”

แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า “ ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณอยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตาม

“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”

เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากมือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรก็ตามต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจใยดี และจะไม่มีวันชายตามองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่ลอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้นเอง”

เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก


“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่”

เลี้ยงมาจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: แก้วกรรณิกา ว่านนที

ตอน: บทนำ- ตอนที่ 2

เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (ฉบับรีไรต์)

ใกล้ส่งต้นฉบับเข้ากองอยู่ระหว่างรีไรต์เลยมาขอความเห็นจากคนอ่านหน่อยค่ะ เนื้อหาเรื่องนี้บางส่วนรุนแรงซึ่งอาจลงไม่ได้ต้องข้ามๆไปนะคะ

บทนำ

คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ คืนที่ฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจอันแห้งเหี่ยวอับเฉาได้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาหมือนน้ำตาจากฟ้าเสียมากกว่า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมจนกลายเป็นความแค้นในที่สุดและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวเกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร....
เจ้าของใบหน้าสวยและเรือนร่างงดงามได้สัดส่วนหากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าเป็นน้องๆนางแบบก็คงไม่มากเกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดหน้าขึ้น


“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายยังไงล่ะ”


“คุณแม่คะ แต่....”



“เอาเถอะแกไม่ไปแม่ก็ไม่จะบังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย”

ประตูรถยนต์คันหรูสีดำถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามาร่างบางระหงนั้นไป


“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้า” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือ ความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอก

เจ้าของใบหน้ารูปไข่และมีองประกอบบนหน้าที่งดงามโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโต ที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปแต่ที่ดึงดูดตาของใครหลายคนคงเป็นริมฝีปากที่สวยอิ่มเอิบชนิดหาตัวจับยากรวมเป็นความสวยและมีเสน่ห์ที่เรียกว่าใครเห็นใบหน้าแก้วกรรณิกาก็ต้องมองจนเหลียวหลังส่วนผมสลวยยาวตรงนั้นถูกรวบไว้เป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นเชิดหน้าขึ้นและก้าวเดินอย่างมาดมั่นแก้วกรรณิกาจึงกลายเป็นสาวสวยที่ดูมั่นใจเกินร้อยคนหนึ่ง เธอกลางร่มบางใสที่หยิบติดมือมาจากรถเมื่อฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายเธอก็ก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกกอดและร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นในทางตรงกันข้ามก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมา

ผู้ชายใบหน้าหล่อคมผิวขาวสะอาดมีเคราบางๆรูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกซึ่งอาการมานานับชั่วโมงแต่เมื่อพบกันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าจบเขาก็ยังคงไม่แสดงออกทั้งที่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับราวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”

“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บเอาไว้แล้วล่ะค่ะ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ข้างในอกตม

“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปแล้ว รอแต่วันถอนหมั้น”

“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากมีชีวิตที่สุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” เธอไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ

ว่านนทีมีรอยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อทั้งหมดจะมาจากความคิดของผู้หญิงตรงหน้า

“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาสิ”

“ คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียอย่างเปล่าประโยชน์”


“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใคร

“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า”ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นขออ้างให้เขาตัดใจ

“ บอกมาเสียดีๆว่าใครบังคับคุณให้มาพูดกับผมแบบนี้”เขามองไปที่รถหรูของเธอ “คุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหม”


แก้วกรรณิกาไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า


“แม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากตัวฉันเอง เอามือหยาบๆที่ทำงานหนักๆออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาปความจนไปด้วย”


“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้” ว่านนทียังไม่ยอมรับว่าความคิดทั้งหมดมาจากเธอ

“ฉันเจ็บนะว่านนที”


เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้างและดูหนังอยู่เลย นอกจากนั้นเขาก็ยังขอให้เธอพาไปรู้จักกับครอบครัวซึ่งว่านนทีเองกำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้

ใบหน้าสวยนั้นเชิดขึ้นอย่างถือตัว “ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”


“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ ”


“ใช่คุณคิดไปเอง ฉันก็แค่เหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก

“ถ้านี่คือการอำผมก็ชักไม่สนุก”


“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”


“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร” เขาจับไหล่เธอเอาไว้

“มองตาผม”

“ไม่”

“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆเหรอ” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางเบาแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริวเวณหัวไหล่

มือเรียวเล็กตบสุดแรงที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนที“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาที่หลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้”

ความเจ็บที่เธอตบเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจหากเธอพูดออก


“ผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” ความโมโหทำให้เขาลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆเพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำ


“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณเข้าใจไว้ด้วย”

ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาจูบแรงๆ เพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่แก้ว

“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีเองก็ไม่รู้ว่าในรถนั้นคุณหญิงมณีกำลังนั่งดูอยู่ นางไม่ได้คิดลงมาช่วยเหลือแต่กลับยิ้มเยาะ
ร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเองตัดใจจากกันได้

กรรณิการู้สึกริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมด แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที


“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ


“ผมถามว่าใช่ไหม” ว่านนทีตะคอกถามอย่างคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ “ตอบมาสิ ตอบผม”


ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า

“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังคิดไปถึงขั้นจะแต่งงานด้วยเลยเหรอคะ เสปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้สะด้วย ”

สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้


“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่จะถือว่าหูฝาดไป”


“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้”

“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้า แต่ไม่เป็นไรเพราะ ผู้หญิงไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา”

คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื่นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่พยายามฝืนเอาไว้

“ที่ผ่านมาฉันก็แค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมามันไม่ไหว เลยโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมีแค่ในนิยายดเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้” แก้วกรรณิกาหยุดพูดเพียงแค่นั้นเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวเหรอหากแท้จริงเธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจะรู้ว่าเธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่เวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย”

แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะ“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดี”

“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงจะได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตนั่นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลว ก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขละกัน” เขาหันหลังให้เธอ แต่เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำ
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงที่ไหนๆ เขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสรร”


ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน

“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มความ เถื่อน เลว และซาดิสต์ ให้อีกด้วย”

แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆก็คงบ้าแล้ว

“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจแต่ยังไม่พอเพราะเสปคของฉัน ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปก็เหมือนคุณธนกฤตเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว

สายตาที่เขาเคยมองเธออย่างรักใคร่เปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความรังเกียจ “น่าสมเพช”



จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลยจึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งนั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว

“คุณว่านนที ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน

หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปราบพร้อมรอยยิ้ม แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกลากับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนทีคนนั้น

คุณหญิงมณีลดกระจกลง“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆแบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอก อยู่นานๆแล้วคัน”

“ค่ะคุณแม่” ร่างบางพาตัวเองกลับขึ้นมาบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมอง เธอจะจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักแค่ไหนก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล

“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่แล้วจะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิคอีกนานไหม”

เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถ

“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้

“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”

“หลักฐาน ว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหากับมันอีก”

“หมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”

“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้ง”

คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆเมื่อถูกขัดใจ “จะทำไหม ยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่ไหม”
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”

“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอ”

แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า “ ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณอยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตาม

“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”

เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากมือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรก็ตามต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจใยดี และจะไม่มีวันชายตามองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่ลอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้นเอง”

เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก


“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่”

เลี้ยงมาจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 1

สามเดือนต่อมา

รายการวิทยุชื่อดังที่มีแฟนคลับส่วนมากเป็นคนอกหักและคนที่กำลังมีความรักติดกันงอมแงมไปทั่วบ้านทั่วเมือง รายการนี้จะเปิดรับสายจากทางบ้านให้โอกาสโทรมาเล่าถึงปัญหา และปรึกษาเรื่องความรักกับผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ชีวิตปกติของแก้วกรรณิกาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมานั่งฟังอะไรแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดมาเจอคลื่นนี้และหัวข้อการสนทนาในคืนนี้ที่มันแทงใจดำต่างคนต่างเหงา หรือเรารักกัน มันทำให้เธอหยุดมือที่จะกดรีโมตเปลี่ยนไปหาคลื่นอื่น เพลงต้นเรื่องก่อนเข้ารายการเสียงฝนตกพรำๆ และเสียงฟ้าร้องมันชั่งตรงกับความรู้สึกของเธอเสียจริง เป็นอารมณ์เดียวกับที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ผู้ดำเนินรายการเริ่มพูดทักทายผู้ฟังทางบ้านสลับกับผู้ดำเนินรายการหญิงชื่อดังอีกท่านหนึ่งจากนั้นก็มีสายจากทางบ้านโทรเข้ามาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านทางหน้าไมค์ แก้วกรรณิกานั่งฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจใช่ว่าเธอคนเดียวเสียที่ไหนกันเล่าที่มีปัญหาเพราะความรัก คนอีกมากมายในสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหาความรักไม่ลงตัวต้องบอบช้ำผิดหวัง หรือสมหวัง แก้วกรรณิกายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฟังเรื่องเล่าของใครหลายๆคนและคิดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา รักที่เธอเพิ่งจะสลัดทิ้งไป


ฟังประสบการณ์จากทางบ้านไปหลายเรื่องส่วนมากก็จะมีปัญหาเรื่องมือที่สาม จนกระทั่งมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งน้ำเสียงของเธอดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรักมากกว่าคนอกย เธอโทรมาเล่าว่ากำลังกลุ้มใจอย่างหนักเพราะปัญหารักที่ไม่ลงตัว ผู้ดำเนินรายการชื่อดังจึงถามว่า ปัญหาความรักที่ไม่ลงตัวของเธอนั้นคือปัญหาอะไร คนรักนอกใจหรือว่าเธอไม่ได้รักเขา หรือเขาไม่ได้รักเธอ หรือรักสามเศร้า

“ต้องขอโทษนะคะที่จริงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนที่สุดแสนจะงี่เง่าของดิฉัน”

“ยัยนี่เผาเพื่อน ไม่ใช่เรื่องตัวเองแล้วจะมาเล่าทำไม” แก้วกรรณิกาเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะส่ายศีรษะแต่ก็ยังฟังต่อเพราะน้ำเสียงยิ่งฟังยิ่งคุ้นหู

“ฉันอยากจะให้เพื่อนฉันได้ฟังเหลือเกินขออนุญาตอัดเทปไว้นะคะเพราะเธอไม่ค่อยจะได้ฟังอะไรแบบนี้”

“ก็เพื่อนหล่อนไม่ชอบฟังแล้วดันมาเล่า นี่คิดว่าเพื่อนหล่อนมันจะบังเอิญเปลี่ยนคลื่นมาหยุดฟังหรือไงยัยเพี้ยน” แก้วกรรณิกาฟังและบ่นสายจากทางบ้านเบาๆ แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคลื่นหนี ยังคงนั่งกอดอกฟังต่อ

“เอ….ไม่ใช่เรื่องของคุณแล้วมันทำให้คุณทุกข์ยังไงเหรอคะ” ผู้ดำเนินรายการสาวถามขึ้นอย่างสงสัยเช่นกัน

“ทุกข์สิคะเพราะว่าบังเอิญยัยผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองเจ้าของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้บังเอิญเป็นเพื่อนที่ดิฉันรักมากที่สุด และรู้ดีว่าถ้าเธอพลาดจากความรักครั้งนี้เธอคงจะไม่มีความสุขตลอดไป”

ผู้ดำเนินรายการจึงบอกให้คุณ ย นามสมมุติสายจากทางบ้านเล่าเรื่องความรักของเพื่อนสาวให้ฟัง

“แล้วเรื่องของเพื่อนคุณเริ่มต้นอย่างไรคะ”

“เริ่มที่คืนหนึ่ง คืนนั้นในวันฝนตกพรำ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสลัวของผับชื่อดัง”

แก้วกรรณิกาที่นั่งฟังอยู่เบ้ปากทันที “เริ่มต้นเรื่องก็น้ำเน่ายุงตอมหึ่งๆ”

“เพื่อนของฉันกับผู้ชายคนหนึ่ง...” ยาหยีเริ่มเล่าน้ำเสียงตื่นเต้นประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่โทรติดในรายการ

แก้วกรรณิกาล้มตัวลงนอนฟังบนเตียงนอนหรูหราราคาเหยียบแสนสมศักดิ์ศรีทายาทไฮโซตระกูลดัง

“ดิฉันขอสมมุติว่าเพื่อนของดิฉัน ชื่อ น้อง ก นะคะซึ่งมีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานแต่ปรากฏว่าเธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่เคยรักว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ เพราะเธอได้มารู้ตัวว่าเธอเกิดหลงรักผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งพบกันไม่นานแต่สัญชาตญาณของเพื่อนฉันบอกว่าผู้ชายคนนั้นเกิดมาเพื่อเธอ”

“ยัยนี่เล่าได้โอเวอร์มาก” แก้วกรรณิกาบ่นไปฟังไป

“เอ่อ... เขาทั้งสองคนรักกันทั้งที่เพิ่งเจอกันเหรอคะ”ผู้ดำเนินรายการถาม

“ก็ความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาไม่ใช่เหรอคะ ในคืนนั้นที่เขาพบกันเพื่อนของดิฉันกำลังมีปัญหาและเสียใจอย่างหนักและเธอก็ถูกมอมเหล้าค่ะ ”จากนั้นก็เงียบไป

“แล้วยังไงต่อคะคนฟังทางบ้านกำลังลุ้นอยู่นะคะ”

“เพื่อนดิฉันรอดมาได้ค่ะ ไม่ถูกเจ้าพวกนั้นปู้ยี้ปู้ยำก็เพราะว่า มีผู้ชายคนหนึ่งสมมุติว่าเขาชื่อคุณ ว ละกันนะคะเขาได้ช่วยเพื่อนของดิฉันเอาไว้ทันเวลาค่ะ เขาตามออกไปจากผับเพราะเขาเองก็แอบมองเพื่อนดิฉันอยู่เหมือนกัน”

“หมายความ คุณ ว เองเขาก็แอบสนใจพื่อนคุณเหมือนกันใช่ไหมคะ”

“ก็ประมาณนั้นค่ะไม่สนใจแล้วเขาจะมองทำไมจริงไหมคะ” ผู้ดำเนินรายการหน้าตึง

“นั่นสินะคะ”

“ แต่เหตุการณ์นี้คือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”

“เรื่องอะไรคะหรือว่าเขาสองคนเกิดตกหลุมรักกันหลังจากที่คุณ ว ได้เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวไปช่วยเธอ” ผู้ดำเนินรายการสาวพูดแทรกขึ้น
“ไม่ใช่ค่ะมันมากกว่านั้น...มากกว่าตกหลุมรัก เพราะมันคือรักแรกพบ”

“น้ำเน่าจริงๆ ไปกันใหญ่แล้ว เลอะเทอะ เล่าอะไรฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง” แก้วกรรณิกาที่ฟังอยู่อุทานขึ้นแต่ก็ทนฟัง

“ความรักช่างสวยงาม ในเมื่อคนสองคนหัวใจตรงกันก็เกิดความรักมันก็คลิกแล้วนี่คะ” ผู้ดำเนินรายการพูดขึ้น

“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็คงจะดีสิคะ แล้วฉันเองก็คงไม่ต้องโทรมาปรึกษาในรายการ”

“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นคะ”
“รักสี่เศร้าของเขาสี่คนค่ะ เพราะคืนนั้น...”

“เพื่อนของคุณกับเขาคนนั้นก็โคจรมาพบกันอีกและปิ๊งกันใช่ไหมคะ....” ผู้ดำเนินรายการเดาทาง
“เปล่าหรอกค่ะ”
“อ้าว!

“เขาจูบกันค่ะ ผู้ชายคนนั้นจูบเพื่อนดิฉันแลกกับการช่วยเหลือ และบังเอิญว่าคู่หมั้นตัวจริงของเพื่อนดิฉันผ่านมาพบเข้าพอดิบพอดีได้ยินมาว่าปากประกบปากอยู่เลย”

“งานเข้า ผู้ชายสองคนก็เลยชกกัน” ผู้ดำเนินรายการแทรกขึ้น
“เปล่าค่ะ กลับบ้านใครบ้านมัน”

“แล้วกัน.... ตกลงแล้วเรื่องมันยังไงกันหรือว่าจบแค่นี้คะ” ผู้ดำเนินรายการเริ่มมึนกับสายทางบ้านที่เล่าแบบกวนมึนงง อาจเพราะตื่นเต้นมากไป

“ยังมีต่อค่ะ เพราะต่อมาเพื่อนของดิฉันไม่ใช่เผลอไปกับจูบของคุณ ว เท่านั้น แต่หลังจากนั้นเกิดเผลอใจไปกับคุณ ว ด้วย”

“แล้วอย่างนี้คุณแฟนตัวจริงของเพื่อนคุณคงจะจับได้ว่าเพื่อนคุณแอบเผลอใจให้ผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ”

“เขาไม่ทราบหรอกค่ะเพราะหมอนั่นใช้เวลาหมดไปกับการบริหารผู้หญิงในสต็อกไม่มีเวลามาจับผิดเพื่อนฉันหรอก ถ้าเพื่อนดิฉันไม่สารภาพออกมาเอง”

“ปัดโธ่! แล้วไปสารภาพทำไมล่ะเขาเลยรู้หมด” ผู้ดำเนินรายการแซว

“นั่นน่ะสิคะ เป็นดิฉันนะคะไม่บอกหรอก แบบนี้เขาเรียกสวยแต่โง่จริงไหมคะ”

“ยัยนี่ยังไงกัน” แก้วกรรณิกาฟังแล้วฉุนแทนคนถูกด่าว่าโง่

“แฟนตัวจริงของคุณ ก ก็เลยเสียใจมากสินะคะที่เพื่อนของคุณไปแอบมีใจให้ผู้ชายคนอื่น”

“ที่จริงหมอนั่นแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากนักหรอกเ พราะตลอดเวลาที่คบหากันมาหลายปีเขาก็มีผู้หญิงคนอื่นนอกใจเพื่อนดิฉันตลอดเวลานี่แหละค่ะเ ป็นเหตุให้เมื่อเพื่อนฉันมาเจอ คุณ ว ปุ๊บก็ตกหลุมรักเขาปั๊บเหมือนหนุมารแผลงศร”

“เออ..เอ่อ...คุณคะกามเทพแผลงศรหรือเปล่าคะ” ผู้ดำเนินรายการสาวแก้ให้

“ขอโทษค่ะ กามเทพแผลงศรนั่นแหละค่ะใช่เลย เห็นปุ๊บและรักปั๊บติดแต่ว่ามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว”

“แล้วเรื่องราวเป็นยังไงต่อคะ”

“เพื่อนดิฉันเกิดละอายใจวิญญาณแม่หญิงเข้าสิงค่ะเพราะเธอตระหนักว่าเป็นถึงลูกคุณหญิง...”คนเล่ารีบหุบปากกลัวเอ่ยชื่อออกไป “เป็นลูกคนใหญ่คนโตค่ะด้วยความเหมาะสมและความถูกต้อง เพื่อนดิฉันก็เลยคิดว่าจะหยุดความสัมพันธ์กับ คุณ ว ทั้งที่ยังรัก แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นอีก”
“เรื่องอะไรอีกล่ะคะทีนี้”
“เพื่อนดิฉันนัดกับคู่หมั้นของเขาไปทานข้าวกะจะเคลียร์ปัญหาที่คาใจและจะปรับความเข้าใจกัน แต่หมอนั่นไม่ได้มาตามนัดอ้างว่าติดงานแต่ที่จริงติดหญิงอยู่ค่ะทำให้เพื่อนฉันต้องนั่งค่อยเก้อ และก็คราวซวยเมื่อดิฉันก็บังเอิญไปเจอโจทก์เก่าเข้าก็ไอ้พวกที่มันเคยมอมเหล้าเธอที่ผับที่ฉันได้เล่าไปแล้ว และแล้วก็เหมือนนิยายน้ำเน่าเพราะคุณ ว คนนั้นก็ผ่านมาและก็เป็นอีกครั้งที่เขาช่วยเธอเอาไว้….”
“เพื่อนคุณกับผู้ชาย ชื่อ ว ก็เลยยิ่งตกหลุมรักลึกซึ้งกันเข้าไปใหญ่” ผู้ดำเนินรายการเริ่มชักสงสัยเหตุใดหมอนี่มาช่วยทันทุกทียังกับพระเอกนิยายไทย

“เปล่าค่ะเขาไม่ได้ตกหลุมรักกัน แต่เขามีอะไรกันในคืนนั้นเลย” คนเล่าคิดเอง
“หา...” ผู้ดำเนินรายการร้องขึ้นอย่างตกใจ
“เขาบอกคุณเหรอคะ” น้ำเสียงตื่นเต้น

คนเล่าหัวเราะแหะ“เปล่าหรอกค่ะ อันนี้ดิฉันแอบเดาสุ่มเอาเองน่ะคะ ก็เห็นเพื่อนกลับมาในสภาพหมดแรง...”

“แหม …คิดว่าเรื่องจริงเสียอีกทำเอาคนฟังตกใจหมด”

“เพื่อนของดิฉันเล่าว่าในคืนนั้นพวกมันแค้นเรื่องคราวก่อนที่เธอหลุดรอดมาได้แถมพวกมันยังเจ็บตัว พอคืนนี้มาเจอเธออีกพวกมันจึงคิดจะเอาคืน เพื่อนดิฉันวิ่งหนีพวกมันจนหมดแรงมารู้สึกตัวอีกก็มาพบคุณ ว และเขาและเขาก็ช่วยเธอเอาไว้อีกครั้งหนึ่งต่อห้าแบบนี้จะให้เพื่อนดิฉันตัดใจเลิกคบกับเขาง่ายๆได้อย่างไรคะ”

“นั่นนะสิเนอะ เล่นปรากฏตัวทุกครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือ ยังกับซุปเปอร์แมน” ผู้ดำเนินรายการเสริมขึ้น
“เปล่าหรอกค่ะ ที่เขามาช่วยเธอทันเพราะบังเอิญเขาไปรับจ๊อบเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่ร้านข้างๆนั้นและเห็นเข้าเหตุการณ์เข้าพอดี"

"อะไรนะคะ"


" อันนี้เป็นเรื่องล้อเล่นนะคะที่จริงเขาก็คงแอบตามเพื่อนฉันมาน่ะค่ะ”
เสียงหัวเราะดังจากสองผู้ดำเนินรายการ “ที่จริงคิดว่าคุณ ว ในเรื่องนี้ฟังแล้วคิดว่าเขาเป็นพวกนักสืบเอกชนเสียอีกตามไปช่วยเพื่อนคุณได้ตลอดรู้ทุกความเคลื่อนไหว”

“นั่นน่ะสิคะฉันก็คิดเหมือนกัน ขณะที่แฟนตัวจริงไม่เคยมาทันเวลาเลยสักครั้ง ตอนที่เพื่อนฉันเดือดร้อน”

“เท่าที่ฟังดูก็พอจะสรุปได้ว่าทั้งเพื่อนคุณและแฟนของเพื่อนคุณก็ต่างคนต่างเผลอใจไปกับคนใหม่ที่เข้ามา เพื่อนคุณถอนตัวจากผู้ชายคนใหม่ไม่ได้หรือถอนได้ก็เอาใจกลับมาไม่ได้ ในขณะที่แฟนเก่าก็ไม่ได้สนใจเพื่อนคุณ มัวแต่ไปสนใจกิ๊ก รอบๆ ตัว แต่พอรู้ว่าเพื่อนของคุณมีใจเอนเอียงก็เกิดอาการหวงก้างเพราะเพิ่งจะมารู้ว่าเพชรจะหลุดจากมือใช่ไหมคะ” ผู้ดำเนินรายการสรุป
“ประมาณนั้นค่ะ แต่สุดท้ายเพื่อนของดิฉันก็ต้องยอมแพ้ต่อความรัก เธอเลือกที่จะตัดใจเลิกกับผู้ชายที่เธอหลงรักและช่วยเอาไว้ถึงสองครั้งสองคราเพียงเพื่อไปแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ น้ำเน่าไหมล่ะคะคล้ายพล็อตนิยายตื้นๆแต่มันเกิดขึ้นในชีวิตจริงค่ะ ซึ่งฉันเชื่อว่าแต่งงานกันไปก็คงไม่มีความสุขอยู่กันไปก็ไม่ยืดฉันเลยกลุ้มใจมากต้องโทรมาระบาย”
+++++++++++++++++++++++++++++++


“นี่มันไม่คล้ายแล้วนี่ มันเรื่องเรานี่หว่าที่เล่ามาทั้งหมด”แก้วกรรณิกาหยิบรีโมตเปิดเสียงให้ดังขึ้น น้ำเสียงคนเล่ายิ่งฟังก็ยิ่งคุ้น เหมือนจะไม่ใช่แค่คุ้นธรรมดาแล้ว เมื่อเธอนึกถึงอักษรย่อ ที่สายจากทางบ้านกำลังเล่าอยู่ทีละตัว

“นี่มันเรื่องของเรานี่ ไม่คล้าย แต่ใช่เลย” เจ้าของใบหน้าเก๋ตาโตขึ้นทันที
“ยัยยาหยีแน่ๆว่าแล้วทำไมเสียงคุ้นๆ ”

“ น้อง ก ที่ยัยนั่นกำลังเล่า ก ก็ แก้วกรรณิกา เฮ้ย! แล้ว นาย ว ที่ว่าก็ ว่านนที ตายล่ะงานเข้าเสียงแบบนี้ยัยยาหยีแน่ๆ ไม่ผิดล่ะ ยัยนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้รายการนี้เสียด้วยลืมไปเสียสนิทเลยเรา” แก้วกรรณิกาอยู่ไม่เป็นสุขลุกขึ้นมาเดินวนไปวนมารอบๆเตียง

“ แย่แล้ว ๆ ทำไงดีๆ นี่มันเอาเรื่องเราไปเล่าออกสื่อเชียวเหรอ ตายล่ะใครมาฟังเข้าแล้วเดาออกว่าเป็นเราจะทำยังไง ยิ่งเป็นลูกหลานคนดังทำอะไรต้องคอยระวังตัว ถ้าต้องกลายเป็นข่าวฉาวเรื่องคาวๆจะเกิดขึ้นในตระกูล ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”
แก้วกรรณิกายกมือขึ้นกุมศีรษะเดินวนไปมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมองไปที่มือถือเครื่องหรู “ต้องสกัดด่วน”
+++++++++++++++++++

ณภูสูง

เทือกเขาบนดอยหนาวอันหนาวจัดที่คนมักจะพูดว่าแค่เอื้อมมือไปก็คว้าดาวถึงแล้ว กลางคืนอากาศเย็นได้ยินเสียงแมลงเล็กๆทำให้รู่ว่าอยู่ท่ามกลางป่าไพร ลมหนาวพัดไปทั่วทั้งขุนเขาที่กว้างเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาในคืนเดือนมืดที่บนท้องฟ้าเห็นดาวดวงใหญ่สุกสว่ากว่าในเมืองกรุงถึงสิบเท่า
เมื่ออยู่บนที่เงียบสงบอากาศหนาวเย็นแม้ไม่อยากจะคิดแต่ก็อดคิดไม่ได้หนึ่งจูบร้อนแรงที่เขาเรียกร้องกับเธอมันช่างทำให้เขาติดอกติดใจแม้จะผ่านการจูบมาเป็นร้อยๆครั้ง เธอคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายฉวยโอกาสที่ช่วยเธอแลกจูบแต่แท้ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้น
ในคืนฝนพรำที่เขาได้ช่วยเซเลบสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้และเรียกร้องจูบเป็นคนตอบแทนจากเธอ ฉากนั้นยังอยู่ในความทรงจำของเขา จำริมฝีปากเต็มตึง กลิ่นหอมจากลิปสติกชั้นดีนั้นยังไม่เลือนจากความคิดลิปสติกกลิ่นกุหลาบยิ่งทำให้เขานึกถึงเธอนั่นมันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญเสียหน่อยมันเกิดจากความตั้งใจและการตามรอยต่างหาก

ย้อนไปเมื่อสี่เดือนก่อน ก่อนที่ว่านนทีจะมานั่งอยู่ตรงนี้

คืนหนึ่งดึกสงัดเขานั่งดื่มกินอยู่กับเพื่อนสนิทที่ผับใจกลางกรุงเทพ มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เขามานั่งที่นี่มันเกิดจากการตั้งใจจะให้บังเอิญมาพบเธอต่างหาก และคิดว่าสายตาของคนในผับหลายคู่ก็คงคิดเช่นเดียวกับเขาสาวชุดดำหน้าสวย หุ่นเซ็กซี่ หน้าตาเธอคล้ายเซเล็บอันดับต้นๆของเมืองไทยไม่ใช่สิแต่นั่นล่ะเธอเลย เธอเดินเข้ามาในผับชื่อดัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอแต่เห็นเธอดื่มวิสกี้เหมือนน้ำเปล่าเขาเดาว่าเธอคงจะถูกแฟนทิ้งซึ่งไอ้หมอนั่นจากประวัติที่เขาพอรู้มาบอกได้คำเดียวว่ามันระยำมากไม่ใช่เลวแบบธรรมดา

ตอนหัวค่ำเธอมีเพื่อนมาด้วยหน้าตาบ้องแบ๊วเหมือนสาวเกาหลีเขาเองเกิดปวดท้องจึงแวบออกไปห้องน้ำซึ่งคิดว่าไม่นานแต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาจึงหายไปเกือบชั่วโมงกลับมาอีกทีภาพที่เห็นผู้ชายคนหนึ๋งซึ่งเขาจำได้ว่านั่งโต๊ะไม่ห่างจากแก้วกรรณิกามากนักก็กำลังจะพาเธอที่ดูเมาไม่ได้สติออกไปจากร้านเขาไม่แน่ใจว่าเธอถูกมอมเหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่หรือมันใส่อะไรในแก้วของเธอแต่มันกำลังออกจากผับจะให้เขาทนดูได้อย่างไร ใช่ว่าเขาจะเป็นคนดีนัก ในเวลานั้น เขาก็คิดแบบที่พวกมันคิดสวยซะขนาดนั้นใครๆ ก็อยากงาบเขาก็อยากงาบเนื้อขาวๆเนียนๆนั้นเช่นกันแต่ทว่าวิธีมันต่างกัน

ในตอนนั้นว่านนทีบอกตัวเองว่าเขาเองก็นั่งมองมาตั้งนานสองนานจะปล่อยให้ใครตัดหน้าไปได้อย่างไรเหตุการณ์มันชวนให้เขาคิดว่าหากไม่ยื่นมือเข้าไปเธอคงถูกพวกมันพาไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างแน่นอนก็เล่นสวย เซ็กซี่ ไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนั้นเขาเลยตามไปติดๆ แล้วก็เป็นดังคาดผู้ชายคนนั้นกำลังพาเธอเข้าโรงแรมอเขาจึงตามเข้าไปช่วยและชกหน้ามันอ้างสิทธิ์ว่าเป็นสามีกำมะลอของเธอซะมันไม่เชื่อและไม่ยอม เขาจึงต้องใช้กำลังลูกล่อลูกชนที่มีอันเหนือกว่ามากจัดการกับนายคนนั้นจนหมอนั่นยอมจากไป จะไม่ให้พวกมันยอมได้อย่างไรถ้าชกกับคนธรรมดาปล่อยให้คู่ต้อสู้ยืนได้เกินสามหมัดเขาคงถูกปลดระวางอย่างแน่นอนเพราะงานของเขาต้องใช้ความแข็งแกร่ง ความแข็งแรง และความว่องไว ไม่เท่านั้นไหวพริบปฏิภาณต้องดี
พอเธอฟื้นขึ้นมาก็ตกใจที่พบหน้าเขาแถมยังกล่าวหาว่าเขาเป็นคนพาเธอมาทำมิดีมีร้าย แต่พอเขาเล่าเรื่องให้เธอฟังจนจบสายตาเธอก็เปลี่ยนไปจากที่เห็นว่าเขาเป็นไอ้ตัวร้ายกลายมาเป็นพระเอกทันที เธอถามเขาว่าจะให้ตอบแทนน้ำใจเขาด้วยวิธีใดพร้อมควักกระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมาคงคิดสินะว่าเขาคงอยากได้เงิน

“อย่าว่าฉันดูถูกน้ำใจคุณเลยนะคะ ฉันแค่อยากตอบแทนคุณที่ช่วยฉัน”

“เงินมีเยอะแล้ว ผมไม่ต้องการมัน” เขาตอบออกไปและเธอทำตาโตเหมือนตกใจ
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะให้ฉันตอบแทนยังไงล่ะคะ”
“อะไรที่เงินซื้อไม่ได้แต่คุณมีให้ผมได้” เขาเห็นแล้วว่าอยากจะได้อะไรในตัวเธอ
แต่เมื่อความต้องการของเขาหลุดออกจากปากเธอเองก็นิ่งอึ้งไปก่อนจะตบเขาและทำท่าจะวิ่งหนี เขาจึงดึงร่างบางนั้นมาจุมพิตหนึ่งครั้งเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเขาเอาไว้ “แค่นี้เอง ค่าจ้างผม หวานซะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นปลุกสติว่านนทีให้กลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน “ทำอะไรอยู่น่ะ ว่านนที ” ผู้หญิงหน้าตาสวยหมดจดห่อไหล่ลาดขับไล่ความหนาวเย็น ย่อตัวลงนั่งเคียงข้างและมองท้องฟ้ายามราตรี หมู่ดาวดวงเล็ก ดวงใหญ่ กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า


“นับดาวเล่นเพลินๆ ”
“โอ้โห…โรแมนติกเวอร์เนอะเพื่อน”
“ได้กี่ดวงแล้วล่ะ ทำไมไม่หาคนมาช่วยนับล่ะ เผื่อจะนับได้เร็วขึ้น”

“ผมก็อยากหาคนมาช่วยนับอยู่เหมือนกันแต่ว่ามีตัวเลือกเยอะเสียจนเลือกไม่ถูกว่าจะชวนใครมานั่งนับเป็นเพื่อน”

“ว่านนทีนี่จริงๆ ขนาดอกหักยังมีอารมณ์ขันได้อีก”

“ใครบอกว่าผมอกหัก ผู้ชายแบบนายว่านนทีไม่รู้จักหรอกคำว่าอกหัก” เมขลารู้มาจากปันบุรีเพื่อนสนิทอีกคนว่าว่านนทีอกหักมาจากสาวไฮโซกรุงเทพฯ
อย่ามาทำปากแข็งหน่อยเลย”
ว่านนทีเงียบไม่มีคำตอบ
อาการเหม่อมองท้องฟ้า หน้าตาบอกบุญไม่รับของเพื่อนสนิทคืออาการอกหักนั่นแหละเมขลาสรุป
“สรุปว่าอกหักมาจริงใช่ไหมพ่อเสือซ่อนเล็บ” เสียงหวานๆถามซ้ำขึ้น

“คนอย่างผมน่ะเหรอที่อกหัก ไม่มีวัน” เขามองไปที่ดวงดาวและก็นึกถึงรอยจูบที่ปล้นมาจากสาวหน้าสวยในคืนหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน แต่แล้วเธอก็สร้างบาดแผลให้เขาเจ็บลึกเมื่อเธอทำให้เขารักและสะบัดเขทิ้งมาบอกว่าจะไปแต่งงานกับหนุ่มไฮโซเจ้าของธุรกิจรีสอร์ททั้งที่ตอนแรกบอกว่าตัดใจจะเลิกกับหมอนั่นรอเพียงวันถอนหมั้นเท่านั้น

“ผู้หญิงอะไรเปลี่ยนใจง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“อะไรนะ” เมขลาทำสีหน้าสงสงสัย

“ปะ เปล่าไม่มีอะไรว่านนทีถอดเสื้อออกส่งให้เพื่อนสาว “อากาศมันหนาว ใส่ซะสิเดี๋ยวจะไม่สบาย”

เมขลาส่ายหน้า “ฉันอยู่ที่นี่มาจนชินแล้วหนาวกายไม่เท่าหนาวใจหรอกนะ” เธอมองหน้าผู้ชายข้างๆแล้วทำตาซึ้งใส่ตามนิสัยสาวขี้เล่น “จีบฉันไหมล่ะ ฉันยังว่างนะ จีบได้แฟนฉันตายแล้ว ไปสบายแล้ว...”เมขลาร้องเพลงทำให้ว่านนทีหัวเราะ

ว่านนทีหันมาสบตากับเมขลาด้วยและกระพริบตาปริบๆ “ถึงผมจะเหงาก็ไม่เลือกเพื่อนมาเป็นแฟนหรอกยัยต๊อง เราโตมาด้วยกัน อาบน้ำแก้ผ้าเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”
เมขลาส่งค้อนวงโต “บ้านใกล้น่ะใช่ แต่แก้ผ้าอาบน้ำฉันไม่เคยนะยะ”
ว่านนทีหัวเราะเบาๆ


“แต่พอตอนโตเมขลารู้ว่า ว่านนทีแอบดูเมขลาอาบน้ำด้วย”

ว่านนทีส่ายหน้า “ไม่จริง ผมไม่เคยทำแบบนั้นผมไม่ใช่พวกถ้ำมอง ไม่ชอบแอบดูใคร ถ้าอยากดูก็ขอดูเลย”

เมขลาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “แหม…ล้อเล่นหรอกน่ะจะได้อารมาณ์ดีาฉันเองก็เห็นนายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนนั้นยังแค่นิดเดียว”

“อะไรเล็กนิดเดียวบอกมาดีๆนะยัยเมขลา”เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง หน้าตาจริงจัง

เมขลายิ้มกว้าง หัวเราะแหะ แหะ “หน้าอกไง เห็นกันมาตั้งแต่หน้าอกนายยังเล็กๆ จนตอนนี้หน้าอกนายกว้างสามวาสี่ศอกแล้วมั้ง”
“ถ้ากว้างแบบนั้นจริงๆคงไม่ใช่คนแล้วมั้ง”

เมขลาหัวเราะ ดีใจที่เห็นรอยยิ้มของเพื่อนจากที่เห็นหน้าเศร้าๆ เหงาๆ มาหลายวัน

“เมขลานี่มันจริงๆเลยอารมณ์ดีตลอดเวลา แบบนี้สินะนายรามมันถึงหลงรักเธอหัวปักหัวปรำ นี่มันก็นานแล้วไม่ใช่เหรอทำไมเธอสองคนไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที”

“ยาก..ไม่มีทางหรอก เลิกพูดชื่อนายอสูรร้ายรายนั้นให้ฉันได้ยินสักทีจะได้ไหมถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ต้อนรับนายอีก”

“เลิกพูดเรื่องของฉันเถอะ ตกลงจะยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เหรอพรุ่งนี้ได้ข่าวว่าไฮโซสาวสวยคนนั้นเธอจะแต่งงานแล้วนะ นายจะหมดสิทธิ์ถึงตอนนั้นถ้ายังตัดใจไม่ได้ว่านจะกลายเป็นชายชู้นะ”

จากที่ดูเหมือนอารมณ์จะเริ่มสงบ พอถูกตอกย้ำว่าพรุ่งนี้แก้วกรรณิกาจะเข้าสู่พิธีวิวาห์ก็เหมือนน้ำมันที่ราดบนกองไฟกลางใจของว่านนที

“เมขลาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก คนใจดำแบบนั้นไม่ทำให้หัวใจผมสั่นคลอนได้หรอก ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก ผู้หญิงดีๆ มีอีกตั้งเยอะเรื่องอะไรจะไปสนใจผู้หญิงหน้าเงินนั้น”

“แต่ผู้หญิงที่ชื่อ แก้วกรรณิกา พิมมาลากุล มีคนเดียวในโลกนะ จากที่ได้ยินมาฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทิ้งนายไปแต่งงานเพราะเงินหรอกมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”

“เปล่าประโยชน์ ผมตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”

“แน่ใจเหรอว่าสักวันมันเป็นอย่างที่ฉันคิด หัวใจของนายจะไม่สั่นคลอน ถึงตอนนั้นเธอก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”

“อย่าพูดให้มันเสียบรรยากาศเลย ผมจะไม่เก็บผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้รกหัวใจหรอก”

“แน่ใจเหรอว่าลืมแล้ว แต่เมขลาเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นรักนายนะว่านนทีไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นอกใจแฟนเขามาคบกับนายอยู่พักหนึ่งหรอก ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นรวยมาก หล่อด้วย ไม่ได้ทำหน้าเหมือนยักษ์วัดแจ้งและปากเสียเหมือนนาย”

“ถ้าเขารักผมเขาจะแต่งงานกับคนอื่นเหรอถ้ามีปัญหาแบบนั้นจริงทำไมเขาไม่บอกผม จะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงไร้หัวใจพันธุ์นั้น ผู้หญิงมีถมไป”

“แน่ใจนะที่พูดไม่ได้กัดฟันอยู่น่ะ”


เขาหยุดกันฟัน“แน่ใจสิ” คนอย่างนายว่านนทีจะมี่ผู้หญิงสักกี่คนก็ได้เพราะมีตัวเลือกเยอะแยะไป”

“จ้า..พ่อทหารรูปหล่อ ถ้าลองลดทิฐิ บางทีทุกอย่างอาจจะแก้ไขทัน”
“ไม่ล่ะ ”
“ตามใจ” เมขลาถอนหายใจ “จะว่าไปนายนี่มันก็ฉลาดมาตั้งแต่สมัยเรียน จบจากเมืองนอกเมืองนา หน้าที่การงานก็ดี พ่อแม่ก็รวยจนใช้ชาตินี้ไม่หมด แต่ไอ้เรื่องความรักง่ายๆทำไมนายถึงทำให้มันยุ่งยากจัง ฉันไม่เสียเวลาเกลี้ยกล่อมนายแล้วล่ะฉันขอไปฟังรายการโปรดก่อนนะ วันนี้กว่าฉันจะหาคลื่นได้แทบแย่”

“รายการอะไร” ว่านนทีถามเพราะยังอยากมีเพื่อนคุยต่อเขาจะได้ลืมเรื่องของแก้วกรรณิกาและงานวิวาห์ของเธอในพรุ่งนี้เช้าไปได้ชั่วขณะ
“คลื่นที่สาวๆชอบฟัง โดยเฉพาะ คนมีความรัก กับคนอกหักจะชอบมากเป็นพิเศษ ฉันเป็นแฟนพันธ์แท้รายการนี้เสียดายที่โทรไม่เคยติด”
“คลื่นอะไร”

“ไม่บอก อยากรู้ต้องไปฟังเอง” ++++++++++++++++++++++++++++++

กรุงเทพฯ


ในคืนดึกสงัดฝนสาดซัดเข้าหน้าต่างแต่ยังไม่เท่าหัวใจของแก้วกรรณณิกาที่กำลังถูกคลื่นรักโถมซาดซัดจนแทบเซถลาเหมือนเรือกำลังจะอัปปาง

แก้วกรรณิกาหยิบมือถือยี่ห้อดังขึ้นมากดหายาหยีที่กำลังเล่าเรื่องรักออกอากาศอย่างเมามัน แต่โทรเท่าไหร่สายก็ไม่วาง


“เอ๊ะ ทำไมไม่ยอมรับสายเออ..ก็ยัยยาหยีมัวแต่เล่าเรื่องของเราออกอากาศอยู่นี่นะ” บางครั้งเวลาตกใจจากคนสติดี ก็พลาดได้

“ใช่สินะยัยนั่นคงกำลังใช้มือถืออยู่ ทำไมเราถึงได้เบลอแบบนี้นะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจะทำยังไงดีนะปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ อุตสาห์ทำทุกอย่างก็เพื่อวงศ์ตระกูลอันสูงส่ง จะยอมให้คนทั่วประเทศมารู้ได้อย่างไรว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
แก้วกรรณิกาไม่รอช้าที่จะยกหูโทรศัพท์โทรเข้าไปที่บ้านของยาหยี เสียงโทรศัพท์ในห้องนอนของยาหยีดังขณะที่กำลังปรึกษาปัญหาหัวใจของเพื่อนกับกูรูเรื่องความรัก

ใครนะโทรมาตอนนี้ฉันไม่ว่างยุ่งอยู่รู้หรือเปล่ยาหยีคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็เมินไม่สนใจมันและหันไปเล่าเรื่องรักออกอกาศต่อ แต่ทว่าปลายสายยังโทรกระหน่ำจนเธอเริ่มรำคาญและกวนสมาธิในการเล่าเรื่อง

“พี่คะ หนูขออนุญาตสักหนึ่งนาทีนะคะขอไปรับสายหน่อยจะได้บอกให้คนที่โทรมาวางไปซะถ้ามันขืนดังอยู่แบบนี้คืนนี้คงเล่าเรื่องไม่จบ” ที่จริงปกติทางรายการคงไม่อนุญาตแต่คืนนี้ผู้ดำเนินการใจดีเป็นพิเศษเพราะเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามารบกวนที่หน้าไมค์

จะเป็นใครก็ช่างยาหยีตั้งใจว่าจะบอกให้วางสายไปก่อนเสร็จธุระจะโทรกลับเองเสียอรรถรสในการเล่าหมด ยาหยีจิ้มไปที่ปุ่มสปีคเคอร์โฟนจนได้ยินเสียงของคนที่โทรเข้ามาดังเล็ดลอดออกมานอกโทรศัพท์

“รับสายแล้วเหรอยัยยาหยี ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดีและห่วงฉันมากแค่ไหน แต่ขอร้องอย่าเอาเรื่องฉันมาปรึกษาออกอากาศได้ไหม เพราะว่าคนดังอย่างฉันประชาชนเขาอาจจะเดาได้ไม่ยากจากอักษรย่อ น้อง ก ที่เธอใช้เป็นนามสมมุตอาจมาจาก แก้วกรรณิกา ทายาทไฮโซคนดัง ส่วนนาย ว ที่เธอพูดถึง คือคุณว่านนที ที่กลายเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งด้วยกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงฉันจะรักผู้ชายคนนั้นตอนนี้มันก็สายเกินไปเพราะพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่นเธอเข้าใจไหม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ว่านนทีเดินเข้ามาหาเมขลาในบ้านแต่เพื่อนสาวเข้าไปปิดแก๊ซที่ต้มบะหมี่ทิ้งไว้ในครัว เขาถึงกับอึ้งไปชั่วครู่กับเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากรายการวิทยุที่กำลังออกอากาศอยู่ ว่านนทีหยิบรีโมตปรับเสียงให้ดังขึ้นและยืนฟังต่อ

“อ้าว! ว่านทำอะไรอยู่น่ะ เปิดวิทยุเสียงดังเชียว หรือว่าจะมาฟังคลับเลิฟเป็นเพื่อนเมขลาเหรอ”

“รายการนี้เป็นรายการสดเหรอเมขลา”

“ใช่น่ะสิ” เมขลาตอบและว่านนทีก็เอาแต่จ้องที่วิทยุท่าทางตั้งใจฟังมาก “แก้วกรรณิกาคุณยังรักผมอยู่เหรอ”


กรุงเทพ ฯ


“ยัยแก้วเธอพูดจบหรือยัง”

แก้วกรรณิกาหายใจหอบๆจากประโยคยาวๆเมื่อครู่“ยังไม่จบ”

“จบเถอะ” ยาหยีเสียงอ่อย

“ทำไมล่ะ”

“อย่า........อย่าพูดอะไรอีกนะถือว่าฉันขอร้อง” น้ำเสียงรวกับจะร้องไห้


“ทำไมล่ะ ขืนไม่โทรมาห้าม เธอคงไม่คงวางสายไปและหันมารับสายฉัน เรื่องของฉันคงถูกเล่าจนจบออกอกาศคนเขาก็จะเดาออกได้ว่าไฮโซสาวคนนั้นคือฉัน”

“เอ่อคือว่ามัน....เอ่อ... คือว่ามัน....เอ่อคือว่า...” ยาหยีเบิกตาโตอ้าปากค้างและรีบกดปุ่มปิด สปีคเคอร์โฟน ด้วยอาการตกใจเพราะเสียงทั้งหมดได้เล็ดดรอดผ่านโทรศัพท์ผ่านเครื่องที่ยาหยีถืออยู่และตอนนี้มันกำลังออกอากาศไปทั่วประเทศแล้ว
“ฉันมีอะไรจะบอก อย่าโกรธนะ”น้ำเสียงของยาหยีสั่นเครือ

“อะไร อย่าบอกนะว่าจะโทรกลับไปในรายการเล่าต่อ ฉันไม่อนุญาต”

“เปล่าไม่เล่าแล้ว แต่เมื่อคู่ฉันรับสายไม่สะดวกเลยกด ปุ่มสปีคเคอร์โฟนที่เครื่องโทรศัพท์บ้านเรื่องที่เธอพูดมาน่ะคนได้ยินกันทั้งประเทศแล้ว

“หา.......อะไรนะ ตายแล้ว! ยาหยีนี่เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม ว่าแต่ตอนนี้เธอวางสายที่คุยออกอากาศไปแล้วใช่ไหม” แก้วกรรณิกาเฉลียวใจ

“ว้าย! ตายแล้วตอนนี้ก็ยัง ” ยาหยีรีบกดวางสายที่มือถือเพื่อไม่ให้เสียงออกผ่านรายการ

ผู้ดำเนินรายการคนดังหันไปมองหน้ากันแบบอึ้ง แล้วพูดออกอากาศว่า “สงสัยพรุ่งนี้คงจะมีข่าวใหญ่” ผู้ฟังทางบ้านบางคนถึงกับอึ้งตกลงที่สายที่โทรมาเล่าเรื่องปัญหาของเพื่อน ที่แท้เพื่อนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเรื่องคาวๆของสาวไฮโซคนดังที่กำลังจะแต่งงานนี่เอง บางคนก็จับกลุ่มเมาท์วิจารณ์กันไป เพราะไฮโซสาว เซเลบคนดัง แก้วกรรณิกา พิมมาลากุล นั้นกำลังจะมีงานหมั้นในเช้าวันพรุ่งนี้กับทายาทหนุ่ม ตระกูลดัง นายธนกฤต นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของรีสอร์ทชื่อดัง

“ยาหยีทำอะไรอยู่ครับที่รัก”ปันบุรีสามีของเธอก้าวเข้ามาในห้องด้วยชุนอนกดล็อคประตูทันที ติดภาระกิจยุ่งเหยิงมาหลายวันแต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเขา คืนนี้เขาจะนอนหลับให้สบายข้างกายภรรยาตัวหอมนุ่มนิ่มคนนี้ ภรรยาคนสวยยิ่งนับวันก็ยิ่งสวยโดยเฉพาะเวลานี้ที่เธออยู่ในชุดนอนซีทรูสุดหรูสีชมพู ทั้งหวานทั้งเซ็กซี่น่าหม่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัวผู้กองหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วเดินไปกอดแนบชิดภรรยาสาวไม่ได้ถามว่าเธอกำลังทำอะไรเขาแค่เอาโทรศัพท์ในมือถือวางลงไป

“ว้าย! ไม่ได้นะคะยาหยีกำลังติดธุระสำคัญ” แก้วกรรณิกาเงี่ยหูฟังทำไมจู่ๆยาหยีก็เงียบไปแต่ได้ยินเสียงผู้กองปันบุรีพูดอะไรพรึมพรำจับใจความไม่ได้

“ไม่เอาน่าแอบโทรไปขอเพลงรักให้ผมอีกแล้วใช่ไหม” เขาคิดว่าเธอโทรไปขอเพลง พยาบาลสาวบางครั้งต้องเข้าเวรดึก แม้ผู้กองปันบุรีจะขอร้องให้เธอมาเป็นแม่บ้านแต่ยาหยีได้งานใหม่ที่โรงพยาบาลดังเงินเดือนดีมากเธอจึงขอเขาทำงานอีกสักพักแต่ถ้ามีลูกเมื่อไหร่เธอยินดีจะออกมาทำหน้าที่แม่บ้าน

“เปล่าๆค่ะไม่ได้ขอเพลง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่ได้ขอเพลงก็วางมันลงซะสิ” ผู้กองหนุ่มจับโทรศัพท์ที่มือภรรยาสาววางลงและปิดสวิทซโคมไฟที่หัวเตียงยาหยีจะคัดค้านแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เมื่อริมฝีปากเรียวร้อนลุกไล้อยู่ที่ริมฝีปากอวบตึงไม่ยอมปล่อยให้เธอมีโอกาสพูดออกมาบ้าง เมื่อภรรยาคนสวยผลักหน้าอกต่อต้านเขาเบาๆเพราะต้องการโทรไปหาเพื่อนสาว ผู้กองหนุ่มจึงคิดว่ายาหยีกำลังงอนที่สองสามวันเขากลับบ้านดึกเพราะติดภาระกิจ กลับมาก็เห็นเธอก็หลับไปแล้วจึงไม่กล้าปลุก

“อย่างอนผมเลยนะยาหยีที่รัก”ผู้กองหนุ่มกระซิบข้างหูและซุกไซร้ไล่เรื่อยไป

“อย่าสิคะไม่ได้จริงๆค่ะตอนนี้ ยาหยีกำลังยุ่ง”
ไม่มีเรื่องไหนน่ายุ่งมากกว่าเรื่องนี้ของเราแล้วจ้ะยาหยี งอนผมมากล่ะสิที่สองสามวันนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาให้”ผู้กองปันบุรียังเข้าใจอยู่เช่นเดิม แรงรักแรงสวาทในตัวภรรยาสาวทำให้เขาร้อนลุ่มเป็นร้อยเท่ายามได้กอดก่ายซุกไซร้เธออยู่แบบนี้แม้เธอจะดิ้น จะหนี จะผลักไสเขาก็ตามคืนนี้ยังไงก็จะง้อให้เธอหายงอนจนได้

เสียงสัญญาณที่ขาดหายไปแสดงว่าปลายสายวางไปแล้วทำให้แก้วกรรณิกาชักจะงงว่าเพื่อนสาวคนสนิททำไมถึงวางไปเสียดื้อๆ

“อะ…ยาหยี นี่เธอ อ้าว...ทำไมวางสายไปซะแล้วยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ยาหยีนี่เธอมาทิ้งระเบิดให้ฉันแล้วก็ตัดสายไปดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ” แก้วกรรณิกาล้มตัวลงนอนที่เตียงอย่างช้าๆ สายตาแหงนมองเพดานยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

“เวรกรรมจริงๆ เกิดมาเป็นคนสวยมีกรรม”

จากนั้นก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างมองออกไปนอกหน้าต่างเพิ่งจะเห็นว่าฝนหยุดตกไปนานแล้วตอนนี้บนท้องฟ้าที่
มืดสนิทมีดวงดาวดวงหนึ่งส่องแสงทอประกายออกมาเหนือก้อนเมฆมืดครึ้มเหล่านั้น

“ดาวจ๋าช่วยบอกฉันที ทำตามหัวใจกับทำตามหน้าที่ฉันควรจะเลือกอย่างไหนดีตระกูลของเรามีกฏเหล็กเอาไว้ว่าเราจะจนไม่ได้ ห้ามล้มละลายอย่างเด็ดขาด ห้ามแต่งงานกับผู้ชายที่มีทรัพย์สินติดตัวมาน้อยกว่าสิบล้าน กฏบ้ากฏบอแบบนี้ถ้าแม่ไม่บังคับฉันขอขึ้นคานยังจะดีเสียกว่าคิดกันได้ยังไงพอตายไปไม่เห็นใครจะเอาไปได้สักบาทเดียวจากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างคนหมดหวัง
++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 2


ในขณะที่ว่านนทีกำลังกระวนกระวายใจอย่างเลือกไม่ถูกว่าจะปล่อยความรักของเขากับแก้วกรรณิกาให้เป็นอดีตหรือเขาควรจะทำอะไรบางอย่างใครบางคนก็มองผลงานของตนที่ทำเพื่อเขาเช่นกัน

ร่างสูงระหงผิวขาวหน้าออกหมวยค่อยๆเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้น เสื้อแขนยาวสีฟ้าหล่นลงไปกอง ตามด้วยกระโปรงสั้นสีดำจนเหลือแต่ชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เพื่อจะดูให้เห็นทุกมุมว่าไม่มีส่วนใดที่ไม่สวยต่อไปอีก ชุดชั้นในตัวจ้อยก็ถูกปลดปล่อยหล่นลงพื้นเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าที่หมุนไปมาชมความงามของตนเองอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ และยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ หน้า หุ่น ผิว ผม สวยลงตัวแล้ว สาวอวบในอดีตผ่านมาสองปีกลายเป็นสาวสวยเซ็กซีอย่างหาตัวจับยากนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ที่เธอเจอเขาและว่านนทีได้ช่วยเธอเอาไว้ใจของปลาดาวก็ไม่หันเหไปหาชายใดอีกเลย

“ปลาดาวอยากให้คุณกลับมาเห็นปลาดาวคนใหม่เสียที กลับมาเร็วๆนะคะ ว่านนทีปลาดาวคิดถึงคุณ”

แม้หลายส่วนจะเกิดจากศัลยกรรมเช่นตาสองชั้น และจมูกโด่งสวย แต่เมื่อเธอเสริมเติมแต่งในระดับพอดีที่ไม่มากเกินไปนักและหมั่นออกกำลังกายจนน้ำหนักหายไปเกือบสิบห้ากิโล สาวอวบน่ารักในอดีตก็มาเป็นสาวสวยเซ็กซีหุ่นขยี้ใจ ปลาดาว สาวงามแห่งเกาะคู่รัก
+++++++++++++++
วันวิวาห์


เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวเป๊ะ ขาดก็แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างที่เจ้าสาวควรจะเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังมองเจ้าสาวไฮโซลุคเปรี้ยวที่ถูกแปลงโฉมให้งดงามอ่อนหวานราวกับเป็นนางในวรรณคดีไทย
“สวยที่สุดค่ะน้องแก้ว เริ่ดค่ะ ”

“เริ่ดไปมันก็เท่านั้น”
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะคะน้องแก้วเป็นเจ้าสาวเราก็ต้องยิ้มเข้าไว้”
ชุดแต่งงานของแก้วกรรณิกาเป็นชุดไทยสีงาช้างแบบผ้ายกมีเชิง ซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดทองหัวทับทิมแท้คาดทับเอาไว้ส่วนท่อนบนเป็นสไบสีงาช้างยกดิ้นทอง ผมทรงเกล้าสูงถักสลับกันดูอ่อนช้อยและงดงามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อครอบด้วยรัดเก้าที่ทำด้วยดอกพุดสีขาวตัดกับเรือนผมดำยาวราวกับเส้นไหมประดับปลายมวยด้วยปิ่นทอง สังวาล เข็มขัดทอง ต่างหูเข้าชุด เครื่องประดับทั้งหมดเป็นทองแท้งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้เพราะเป็นของโบราณที่ส่งต่อสืบทอดกันมาภายในตระกูลเท่านั้นเจ้าสาวทุกคนในตระกูลนี้จะได้ใช้เครื่องประดับโบราณชุดมณีสยามนี้ในวันวิวาห์ เสียงขิม ซอ จระเข้ดังแว่วหวานมาจากชั้นล่างของบ้านทรงไทยสมัยอยุธทยาตอนปลายอันเป็นบ้านคหบดีเก่าแก่ที่มีต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาจากข้าหลวงคนสนิทรับใช้ในวังหลังให้กับเจ้านายมาหลายพระองค์ และบรรพบุรุษอีกหลายท่านก็เป็นบุคคลสำคัญรับราชการ บางท่านป็นท่านเจ้ากรม เจ้ากระทรวง เจ้าพระยา ล้วนแต่เป็นเจ้าขุนมูลนาย มีบ้างที่ไม่ได้รับราชการทำการค้าแต่ก็เจริญก้าวหน้าตั้งตัวได้จนร่ำรวย เรียกว่ามียศมีศักดิ์มีเงินมีทองกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

“เงียบเชียวเจ้าสาว” ไม่ว่าจะชวนคุยอะไรแก้วกรรณิกาก็เอาแต่เงียบ

ช่างแต่งหน้าเปรยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ “เอาอย่างนี้ลองมองดูกระจกเสียหน่อยว่าวันนี้คุณน้องสวยแค่ไหน”

แก้วกรรณิกาหันหน้ากลับไปมองเงาสะท้อนของกระจกเงาบานใหญ่และพบว่าผู้หญิงวงหน้างดงามหมดจดสวยสะพรั่งไปทุกสัดส่วนที่อยู่ในชุดไทยงดงามด้วยฝีมือช่างชั้นครูคือเธอจริงๆ

“เห็นหรือยัง คุณน้องแก้วกรรณิกาสวยจริงๆนะคะ พี่เป้ยขอชมจากใจ งามจริงๆงามเหมือนเจ้าหญิงโบราณ เหมือนนางในวรรณคดีเรื่องรจนา ปีนี้เทรนด์ชุดเจ้าสาวจะต้องเป็นชุดไทยผ้าไหมยกทอง ไม่น่าเชื่อว่าสาวเปรี้ยวเป๊ะอย่างคุณน้องจับมาแต่งชุดไทยจะสวยหวานได้มากขนาดนี้”

“พี่เป้ยเคยเห็นหน้านางรจนาด้วยเหรอคะ”

“ไม่เคยหรอกค่ะ พี่เป้ยก็จินตนาการเอาแต่คุณน้องสวยจริงๆนะคุณพี่ไม่ได้แกล้งชม”

“สวยไปก็เท่านั้นรจนายังมีสิทธิ์เลือกคู่เอง แต่แก้วกรรรณิกาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด”

“แต่รจนาก็เลือกได้เงาะป่าบ้าใบ้จนต้องถูกขับไล่ไปอยู่กระท่อมท้ายวังนะคะ”

“อย่าลืมสิคะว่าพอเจ้าเงาะถอดรูปก็หล่อเหมือนเทวดาไม่เท่านั้นเงาะป่ายังกลายเป็นถึงเจ้าชายอีกต่างหาก”

“นั่นมันนิทานปรัมปรา ชีวิตจริงสู้พ่อแม่หาเนื้อคู่ให้ไม่ได้หรอกค่ะดู สิจะมีใครโชคดีเหมือนน้องแก้วได้แต่งกับทายาทเศรษฐีร้อยล้าน ดีแล้วค่ะที่สลักลักนายกระจอกไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั่นไปซะได้”เป้ยกระเทยช่างแต่งหน้าเป็นคนสนิทของคุณหญิงมณีจึงรู้เรื่องนี้ดี

“แล้วทำไมคนที่อยากให้แต่งไม่มาแต่งกันซะเองล่ะคะ”

“โธ่!น้องแก้ว” ช่างแต่งหน้าชื่อดังเข้านอกออกในบ้านนี้ดีเพราะสนิทกับคุณหญิงมณีแม่ของแก้วกรรณิกาจึงพอจะรู้มาว่าเจ้าสาววันนี้ไม่อยากถูกคลุมชนแต่ผู้ใหญ่อยากให้แต่ง

“แก้วขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”

ว้าย! คุณน้อง ลางร้าย ถอดๆเดี๋ยวนี้นะคะ” ช่างสาวประเภทสองกรีดร้องเสียงดังสายตามองจ้องไปที่รองเท้าของของแก้วกรรณิกา


“ใส่สลับข้างกันนี่นา”แก้วกรรณิกาถอนใจก่อนจะรีบถอดรองเท้าใส่ใหม่ให้ถูกต้อง แต่ช่างแต่งหน้าคนดังยังมองเธอไม่เลิก

“จะอะไรกันนักกันหนาคะพี่เป้ย แค่ใส่รองเท้าผิดข้าง”
“คนไทยถือนะคะใส่รองเท้าสลับข้างในวันแต่งงานก็เหมือนกับว่าชีวิตคู่จะไม่ราบรื่น จะมีอุปสรรคมาขวาง” จากนั้นกระเทยสาวก็ปิดปาก

“เห็นไหมพี่เผลอพูดเรื่องอัปมงคลออกมาจนได้ปากนะปาก” กระเทยสาวตบปากตัวเองหลายครั้ง

“พอเถอะค่ะพี่เป้ยแก้วไม่ถือหรอกหนัก คนเราจะอยู่ด้วยกันมันต้องมีความรักถึงจะอยู่กันยืด ไม่เกี่ยวกับรองเท้าหรอก”

“ดีล่ะแก้วจะใส่รองเท้ามันสลับข้างแบบนี้ดูสิจะมีอะไรมาขวางงานแต่งงานได้จริงหรือเปล่า”

“ตายๆๆ ทำไปได้น้องแก้ว” ช่างแต่งหน้าก็ได้แต่ยกมือทาบอกเมื่อคุณหนูแก้วกรรณิกาคนสวยก้าวฉับๆออกไปจากห้อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++

“นี่มันอะไรกันนักหนา”

ยาหยีในชุดแซกซีฟ้ากระโปรงผ้ามุ้งซีทรูรองเท้าส้นสูงสีขาวรับกับชุดสวยได้แต่พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้เมื่อเธอพยายามขอร้องคุณหญิงแม่เข้าไปหาแก้วกรรณิกาแต่ถูกปฏิเสธ ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ยาหยีจะเป็นคุณนายของผู้กองปันบุรี ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอาหารทะเลส่งออกแต่คุณหญิงมณี ก็ยังเชิดหน้าคอตั้งใส่เธอเสมอเพราะมองยาหยีว่าเป็นเพียงเศรษฐีใหม่ไม่ได้รวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษเหมือนตระกูลเธอ เรื่องเจ้ายศเจ้าอย่างไม่มีใครเกินคุณหญิงมณี ซึ่งนิสัยต่างกันสุดขั้วกับแก้วกรรณิกาที่ติดดินไม่เคยมองเรื่องศักดินาหรือเลือกคบใครเพราะฐานะ แต่ก็รักและเคารพคุณหญิงแม่ของเธอไม่เคยขัดอกขัดใจในเรื่องสำคัญ

“ทำไมหน้ามุ่ยแบบนี้ล่ะยาหยี ไหนเห็นว่าจะเข้าไปหาคุณแก้วไม่ใช่เหรอ”

“จะไปได้ยังไงล่ะคะก็คุณหญิงแม่มีคำสั่งห้ามเพื่อนคนไหนหรือใครก็ตามไปพบยัยแก้วก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น”

“นี่เขาคิดดีแล้วเหรอจะให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ถ้าเป็นผมจะยกล้มเลิกงานแต่งไปซะ”

“สงสารก็แต่ยัยแก้วที่คงยังไม่รู้ข่าว”
“อำนาจเงินทำให้คนเจ้ายศเจ้าอย่างถึงกับยอมหลับตา”

“หมายความว่ายังไงคะ”ยาหยีมองสามีหนุ่มด้วยแววตาสงสัย ผู้กองปันบุรีจึงดึงภรรยาสาวหลบมุมบรรดาแขกที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน และแขกอีกหลายคนที่กำลังจับกลุ่มซุบซิบอะไรกันบางอย่าง
“คุณหญิงมณีกำลังจะล้มละลาย คงต้องการเงินค่าสินสอดมากอบกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่คุณหญิงแบกเอาไว้ไม่ยอมปล่อยวาง”
“จริงเหรอคะคุณหญิมณีงกำลังจะล้มละลาย!”ยาหยียอมรับว่าตกใจมากเพื่อนรักไม่เคยเอ่ยปากเรื่องนี้ให้เข้าหูเธอมาก่อน
“ยัยแก้วคงยอมแต่งงานเพราะเรื่องนี้ แต่ทำไมข่าวที่คุณหญิงกำลังล้มละลายฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่ายัยแก้วไม่กล้าที่จะเล่าให้ฉันฟัง เอะ..หรือว่ากลัวฉันจะเก็บความลับไม่อยู่”
ผมว่าเพื่อนของคุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ภายนอกคุณหญิงมณียังคงมีภาพลักษ์ดีเยี่ยม แต่ข่าววงในทำให้เรารู้ว่าสถานะการเงินคุณหญิงติดลบมานานหลายปี ที่ยังใช้เงินฟุ้งเฟ้ออยู่ได้คงเป็นเพราะเงินร้อนของเจ้าบ่าวในงานวันนี้”

“จริงเหรอคะ ฉันคิดว่าเพราะคุณธนกฤตกลัวเพื่อนคุณจะหวนกลับคืนมาอีกก็เลยให้ผู้ใหญ่แร่งรัดจัดงาน”
“พูดถึงนายว่านนทีแล้วมันก็น่าโมโหถ้าผมเป็นมันผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้เพิ่งจะรู้ว่าไอ้ว่านนทีมันใจไม่สู้ ”ผู้กองหนุ่มบ่นถึงเพื่อนอย่างหัวเสียเขาคิดว่าหมอนั่นคงจะปิดโทรศัพท์ตัดขาดโลกภายนอกเพราะไม่อยากได้รับข่าวสารจากใครไม่ว่าจะโทรหาสักเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

“บางทีเพื่อนคุณอาจจะไม่ได้รักเพื่อนฉันมากนักก็ได้ถึงยอมปล่อยให้เพื่อนฉันกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่นไป”
“ไม่จริงหรอกผู้ชายด้วยกันมองตาก้นก็รู้ ทิฐฐิต่างหากที่คือปัญหาของสองคนนี้”
“แต่ถึงอย่างไรแล้วถึงยัยแก้วไม่เลือกคุณธนกฤต ก็ต้องเลิกกับคุณว่านนทีเพื่อนคุณอยู่ดีเขาไม่มีวันใช้ชีวิตด้วยกันได้หรอก”
“ทำไมล่ะ”
“คุณหญิงมณีไม่รับพิจรณาลูกเขยที่มีสินทรัพย์น้อยกว่ายี่สิบล้าน ใครเขาก็รู้ว่าคุณหญิงมณีก็น้ำปลาดีๆนี่เอง”

“คนเราจะมองกันที่เปลือกนอกเท่านั้นเองเหรอ ถ้าจะพิจรณากันข้อนี้จริงๆ ไอ้ว่านคงเป็นตัวเลือกชั้นดีของคุณหญิง แค่ยี่สิบล้านขนหน้าแข้งไอ้ว่านมันคงไม่ลวงหรอก”
ยาหยีมีสีหน้าสงสัยเพราะเธอไม่เคยรู้เรื่องตื่นลึกหนาบางของผู้ชายที่ชื่อว่านนทีเพื่อนของสามีมาก่อน
“อะไรนะคะคุณพูดเล่นใช่ไหม”

ปันบุรีส่ายหน้า“เห็นแต่งตัวเซอร์แบบนั้นน่ะ ลูกชายคนเดียวคุณหญิงภรรยาเอคอัคราชทูตเชียวนะคุณ”

“อะไรนะ”ยาหยีตาโต แต่ต้องโตเป็นสองเท่าเมื่อฟังประโยคต่อไป “ลูกคุณหญิง”


“คุณหญิงพัชชาแม่ของไอ้ว่านยังเป็นเศรษฐีนีเจ้าของที่ดินอันดับต้นๆแทบภาคใต้ และได้สัปปทานรังนกแทบภาคใต้อีกหลายแห่ง ไม่เท่านั้นยังมีอสังหาริมทรัพย์อีกนับไม่ถ้วน คุณหญิงพัชชานี่ทองเนื้อแท้เศรษฐีนีตัวจริง”
“จริงเหรอ แล้วยัยแก้วรู้เรื่องนี้หรือยังคะ บางทีถ้าคุณหญิงมณีรู้เข้าอาจไม่บังคับยัยแก้วกรรณิกาให้ไปแต่งงานกับนายธนกฤต”
“ไอ้ว่านมันไม่ต้องการให้ผมบอกใครยคงอยากเอาชนะใจแก้วกรรณิกาด้วยตัวของมันเอง แต่พอรู้ว่าคุณหญิงมณีดูถูกคนขนาดนี้ผมก็อดจะพูดไม่ได้”
“โธ่ คุณหญิงมณีช่างมีตาหามีแววไม่”

“ทำยังไงได้ล่ะ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว”
“นั่นสิคะเรื่องมาขนาดนี้แล้วเราคงช่วยอะไรเขาไม่ได้คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมหากเป็นคู่กันจริงยังไงซะเขาสองคนก็ต้องเวียนมาบรรจบกันได้เอง”
“แต่คุณหญิงมณีนี่สิ ไม่น่าเลยตระกูลเศรษฐีเก่าแก่จะมาล่มสลายเอาก็ตอนรุ่นคุณหญิงนี่ล่ะ”
ยาหยีทำหน้าสงสัย
ผู้กองปันบุรียิ้มแบ่งรับแบ่งสู้เหมือนว่าเขาจะรู้อะไรมาแต่บอกเธอไม่หมด ยาหยียิ่งเพิ่มความอยากรู้มากเข้าไปอีก

“ไม่น่าหลุดเลยเรา”

ผู้กองบ่นเบาๆ “ความลับทางราชการแม้แต่ ผบ ที่บ้านก็รายงานไม่ได้”

“คุณรู้อะไรมาเหรอคะ มองตาฉันสิ”
“ไม่ได้ครับมันเป็นความลับของราชการ”
ยาหยีหยิกต้นแขนสามีหนุ่ม “หมายความว่ายังไงคะผู้กองแม้แต่ภรรยาก็ยังบอกไม่ได้เชียวเหรอ ในคุณเคยบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากันห้ามมีความลับ”

“ผมยังบอกอะไรคุณไม่ได้ในตอนนี้ ผมให้คุณเป็น ผบ ที่บ้าน แต่ความลับในส่วนของราชการยังไงก็แพ่งพายไม่ได้ แต่ผมพอจะบอกได้นิดหน่อยว่าถ้าขืนเพื่อนคุณแต่งงานกับนายธนกฤตไปชีวิตคงจะวุ่นวายอย่างแน่นอน แถมจะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ให้ตำรวจ”

“ผู้กองพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง บอกมานะเรื่องนี้สำคัญมากคุณก็รู้ว่ายัยแก้วเป็นเพื่อนรักอันดับหนึ่งของยาหยี”

“คุณอย่าบังคับผมสิยาหยี ความลับในราชการแม้แต่ภรรยาที่รักและเคารพผมก็บอกไม่ได้” ผู้กองยิ้มแต่ไม่ยอมเล่า

“ชีวิตของยัยแก้วทำไมมันถึงได้ดูวุ่นวายแบบนี้เขาจะรู้เรื่องคาวๆของว่าที่เจ้าบ่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้หรือยังนะ”

คนโจษจัณฑ์กันถึงข่าวหน้าหนึ่งเช้านี้ไปทั่วทั้งงานเรื่องเจ้าบ่าวในงานนี้มีเรื่องฉาวคาวสวาทส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งว่านายธนกฤตไปทำผู้หญิงท้องและไล่ไปทำแท้งจนเธอคนนั้นคิดสั้น

เพื่อนๆของคุณหญิงมณีกำลังจับกลุ่มนินทากันอย่างสนุกปากถึงข่าวลือวงในอยู่ในมุมหนึ่งของงาน

“จริงหรือคะคุณสมร เดี๊ยนว่าต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอนมีข่าวฉาวแบบนี้เป็นเดี๊ยนคงอายยกเลิกงานแต่งไปแล้ว แต่คุณหญิงมณีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คงอยากได้ลูกเขยคนนี้มาก ข่าวเขาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพนักงานต้อนรับที่รีสอร์ทของคุณธนกฤตเองนั่นแหล”

“แหม...ก็ฝ่ายชายรวยเสียขนาดนั้นเขาว่าสินสอดงานนี้ยี่สิบล้านเชียวนะคะ คุณหญิงมณีเธอคงอยากจะเอาเงินต่อเงิน”

“บาปจริงๆ ไล่ผู้หญิงไปทำแท้ง คนอะไรใจดำ แต่งกันไปก็คงไม่พ้นคนนินทาเนอะๆ เธอว่าไหม”

“นั่นน่ะสิคะ ฉันก็เห็นด้วย” เหล่าคุณหญิง คุณนายกำลังนินทากันสนุกปาก
“ผู้หญิงที่ยอมแต่งงานด้วยก็ไร้ยางอายพอกันนั่นแหละค่ะ หน้าด้าน หิวเงิน คงไม่สนใจหรอกว่าเขาไปทำใครท้อง น่าสงสารเด็กน้อยตาดำๆที่กำลังจะเกิดดีนะคะที่ยังไม่ตัดสินใจกระโดดลงมาไม่อย่างนั้นคงได้เป็นผีตายท้องกลม”

“นั่นน่ะสิคะ”

ขาเมาท์กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติ ถ้าเกิดยาหยีไม่เดินเข้ากระแทกเสียงใส่ราวกับระเบิดลูกโต

“ไม่ทราบว่าคนที่พวกคุณกำลังนินทาใช่เพื่อนฉัน หรืออักนัยหนึ่งคือเจ้าสาวในงานวันนี้หรือเปล่าคะ” ดวงตากลมโตของยาหยีจ้องมองคุณหญิงคุณนายทั้งหลายด้วยอาการไม่พอใจออกมาทางสายตา”ผู้กองปันบุรีดึงตัวยาหยีออกไป

“ไม่เอาน่าคุณใจเย็นๆ งานมงคลนะคุณอย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“จะให้เย็นยังไงไหวคะฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกคุณหญิงคุณนายพวกนี้ที่เรียกว่าตัวเองเป็นพวกผู้ดี จะมีปากเอาไว้คุยแต่เรื่องฉาว เรื่องคาวของคนอื่นไม่เว้นแม่กระทั่งงานแต่งงานของเขา ผู้ดีเขาต้องทำแบบนี้กันเหรอคะ” สายตาแสดงความไม่พอใจ จนคุณหญิงคุณนาย ไฮซ้อ ไฮโซกลุ่มใหญ่แตกวงกันราวกับผึ้งแตกฝูง
+++++++++++++++++++++++++++++++

“ว่านนที ตื่นหรือยัง ตื่นได้แล้ว ฉันทำข้าวต้มเสร็จแล้วนะ นี่ตื่นมากินข้าวต้มก่อนเถอะกำลังร้อนๆอยู่เลย ”
เงียบไม่มีเสียงตอบกลับ

“อย่าบอกนะว่าช้ำรักคิดฆ่าตัวตายในบ้านพักของฉัน ไม่นะ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้นายว่านคงไม่ทำแบบนี้” เมขลาทุบประตูไม้ดังปังๆๆอยู่หลายครั้งพร้อมเรียกชื่อว่านนทีสลับกันไป จนกระทั้งประตูถูกเปิดออก ก็พบว่าชายหนุ่มในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มีหยดน้ำเกาะพราวตามลำตัวและผมเปียกชื้นเหมือนว่าเพิ่งจะสระมาใหม่ๆเดินออกมาเปิดประตูแล้วส่งยิ้มละไมให้หญิงสาวแต่ทว่าเขาไม่ใช่นายว่านนทีเพื่อนของเธอ
“นายยักษ์...รามสูร”

“สวัสดีเมขลา ผมไม่ได้พบคุณเสียนานคิดถึงแทบจะขาดใจ”เขามองวงหน้าสวยเซ็กซีอย่างผู้หญิงทันคนเรื่อยไปจนหุ่นระหงน่าหวงแหนนั้น

“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ”

“ปากคุณไล่ แต่ใจคิดถึงนะผมรู้ ดีนะที่ว่านนทีมันบอกผมว่าคุณอยู่ที่ไหนไม่อย่างนั้นล่ะก็ผมคงเสียเวลาไปมากกว่านี้”

“ว่านนทีไอ้เพื่อนทรยศ อยู่ไหนเนี่ย”
รามสูรหรือชายหนุ่มผิวขาวหน้าคมที่เมขลาตั้งฉายาว่านายยักษ์เพราะเขามีร่างกายสูงใหญ่ยิ้มฟันขาวตาคู่คมมองหน้าหญิงสาวสีหน้าเปื้อนยิ้มตอนนี้ทั้งภูสูงเหลือแค่เราสองคน

“นายว่านมันมีธุระต้องรีบไปทำอย่างเร่งด่วนมันเลยตามผมให้มารับมันลงไปจากภูสูง เพราะขืนมันเดินลงไปจากภูพรุ่งนี้สายๆกว่าะลงไปถึง มันคงจะช้าไปไม่ทันการณ์ก็เลยเรียกให้ผมมารับเร่งด่วนและกลัวว่าคุณอยู่บนนี้คนเดียวจะเป็นอันตรายเลยให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“แล้วคุณมายังไง อย่าบอกนะว่าคุณปีนขึ้นภูมาเมื่อคืนนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นวันๆอีกอย่างเส้นทางก็ปิด” ช่วงนี้เป็นช่วงปิดป่าเพื่อให้สัตว์และต้นไม้ได้พักที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติขึ้นมาเยี่ยมชมเป็นบางช่วงเท่านั้น”

“ผมก็บินมาน่ะสิ ตอนนี้ผมจบหลักสูตรวิชานักบินเฮลิคอปเตอร์ตรีแล้ว และก็มีเครื่องบินส่วนตัวเสียด้วย”
“อย่ามาอวดร่ำอวดรวยแถวนี้มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นที่นี่ไม่ต้อนรับคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ”

เมขลารู้ว่าเขาพูดจริงในที่สุดเขาก็เป็นนักบินจนได้บนภูนี้ไม่สามารถจะนำรถขึ้นมาได้ มีสองวิธีคือเดินเท้าขึ้นมาหรือไม่ถ้าเป็นเรื่องด่วนมีคนเจ็บก็ต้องประสานงานให้นำเครื่องบินเล็กขึ้นมารับ เขาเคยบอกว่าจะพาเธอไปบินบนท้องฟ้าให้ได้ไม่น่าเชื่อเขาจบหลักสูตรนักบินจนได้แต่เธอจะไม่มีทางใจอ่อนกับเขาเป็นอันขาด

“หวังว่าคงจะเข้าใจว่านี่คือการไล่”

“ไม่เจอกันเสียนาน ปากคุณยังน่าจูบและจัดจ้านเหมือนเดิมกลัวจะลืมรสของมัน อย่าให้เสียเวลามานี่ดีกว่า”เขารั้งร่างเพรียวบางเข้ามาในห้องและล็อคประตูทันที
+++++++++++++++++++++++++++++++

กรุงเทพฯ


คุณหญิงมณีกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ให้คำปรึกษาเรื่องหาวิธีให้แก้วกรรณิกายอมแต่งงานกับธนกฤต

“ เสียดายจริงที่คุณแดงมางานแต่งงานลูกสาวดิฉันไม่ได้ แต่ขอขอบคุณนะคะกับแผนการที่ช่วยออกหัวให้ไม่อย่างนั้นคงไม่มีงานวันนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิงมณีเรื่องแค่นี้เล็กน้อย”ปลายสายตอบอย่างภูมิใจ
แก้วกรรณิกาที่กำลังเข้ามาหามารดาหยุดอยู่กับที่และหลบฉากเข้าไปข้างตู้ฟังเงียบๆ

“นี่ถ้าคุณแดงไม่แนะนำยาที่กินแล้วทำให้น้ำลายมันฟูมปากเหมือนฆ่าตัวตายจริงๆล่ะก็ ยัยแก้วคงไม่ยอมตัดสินใจหักดิบตัดใจจากไอ้เจ้าคนไร้หัวนอนปลายเท้านั่น”

“แหม ดิฉันเข้าใจหัวอกคุณหญิงดีใครๆก็อยากให้ลูกสาวได้สามีรวยๆกันทั้งนั้น คุณหญิงมณีก็เป็นพวกเดียวกับฉันเหม็นสาปคนจนค่ะ”

“ใช่ค่ะ ทีแรกนึกว่ายัยแก้วมันจะไม่ยอมเสียอีก ไม่น่าเชื่อพอเห็นฉันกินยาเข้าไปขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเท่านั้นล่ะ สั่งให้ทำอะไรยอมหมดให้เลิกก็ยอมเลิกฉันล่ะจำได้ว่าวันที่ยัยแก้วของฉันไปบอกเลิกไอ้กระจอกนั่นช่างสะใจฉันจริงๆ” เพราะวันนั้นคุณหญิงมณีนั่งดูฉากแก้วกรรณิกาบอกเลิกว่านนทีอยู่ในรถ

คุณแม่! “ทั้งหมดที่ทำนั่นคือแผนเหรอคะ ที่จริงคุณแม่ไม่ได้ป่วยและไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายจริงๆ ถ้าคุณแม่โกหกหนูได้ คำสัญญาที่หนูเคยให้ไว้ก็จะขอคืนละกัน”
น้ำตาไหลร่วงหล่นเมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงการแสดง คุณหญิงมณีอ้างว่าถ้าหากแก้วกรรณิกาเลิกกับธนกฤตหันไปคบกับว่านนทีจริงจังจะทำให้นางจะเสียผู้ใหญ่ และนางก็เครียดมากกลัวจะถูกผู้ใหญ่ฝ่ายธนกฤตต่อว่าและถอนหงอกหากแก้วกรรณิกาจะขอถอนหมั้น จนวันหนึ่งที่แก้วกรรณิกากลับบ้านหลังจากไปสอนดนตีมาและพบว่าคุณหญิงมณีกำลังกินยาฆ่าตัวตาย

ตอนนั้นคุณหญิงมณีขู่อะไรขออะไรแก้วกรรณิกาจึงต้องยอมรับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ร่างบางถอยห่างออกจากประตูไปพร้อมกับคราบน้ำตา

ว้าย! คุณหญิงมณีร้องลั่นเมื่อก้อนหินถูกปาเข้ามาจนกระจกแตก และพบว่ามีกระดาษผูกติดมาด้ว

“ฝีมือใครกัน ใครนะมาทำบ้าๆแบบนี้”

คนรับใช้หลายคนในบ้านได้ยินเสียงคุณหญิงต่างวิ่งกรเข้ามาดูและร้องเสียงวีดว้าย
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง” คนรับใช้สามคนมองก้อนหิน

“พวกแกทุกคนอย่าร้องสิ เดี๋ยวแขกก็แห่กันขึ้นมาดูหรอก หยิบกระดาษนั่นมาให้ฉันสินังพุ่ม”
คนรับใช้ที่ดูอ่อนวัยที่สุดเข้าไปหยิบกระดาษที่ถูกพันมากับก้อนหิน

“นี่ค่ะคุณหญิง” คุณหญิงเปิดกระดาษยับๆลายมือหวัดๆนั้นออกคุณหญิงอ่านจบก็กำเอาไว้แน่น
“มีใครเห็นคุณแก้วกรรณิกาบ้าง บอกมาสิ”
“ไม่เห็นค่ะ”

“พวกแกออกไปหาคุณหนูแก้วเดี๋ยวนี้พิธีจะเริ่มอยู่แล้ว”

“แต่คุณหญิงจะไม่แจ้งความหน่อยเหรอคะว่า มีคนปาหินพร้อมจดหมายขู่เข้ามาแบบนี้มันไม่ดีแน่”

“ฉันไม่แจ้ง พวกแกทุกคนฟังฉันอย่าได้พูดเรื่องนี้ออกไปจนกว่างานแต่งจะเสร็จสิ้น เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้รูดซิปปากให้แน่นเข้าใจกันทุกคนใช่
หาดคู่รัก


ชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบต้นๆตาแทบจะถลนออกมาจากนอกเบ้าเหมือนเห็นสาวนุ่งกางเกงยีนสั้นกับเสื้อสายเดี่ยวผ้าดีรัดรูปสีขาวเดินเข้ามา
“แม่เจ้าโว้ย สามสิบแปด ยี่สิบสี่ สามสิบแปด อะไรจะขนาดนั้น คุณปลาดาวไปโมดิฟลายด์ยกเครื่องมาใหม่หรือไงนี่”

สาวผิวขาวหน้าออกหมวยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ไผ่ คุณว่านนทีกลับมาหรือยังจ้ะ”
ยังเลยครับคุณปลาดาว แต่คุณปลาดาวบอกผมหน่อยสิครับว่าไปทำอะไรมาถึงได้สวยขึ้นขนาดนี้”

ยิ้มอย่างภูมิใจ “แหม นายไผ่นี่พูดถูกใจฉันจริงๆ”

“แล้วคุณปลาดาวมีธุระอะไรกับคุณว่านนทีหรือเปล่าครับ”
ที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระน่ะแต่นายไผ่คงเข้าใจดีนะว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณว่านนที ที่ฉันมาหานายไผ่วันนี้ฉันก็มาหาไผ่นี่แหละหวังว่าไผ่ช่วยฉันนะ”
เมื่อเจอสาวสวยมาพูดหว่านล้อมหวานหู นายไผ่ก็อดจะเคลิบเคลิ้มไม่ได้

“นี่ถ้านายว่านนทีของไผ่กลับมาที่หาดคู่รักเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวให้ฉันทราบนะจ้ะ อ้อนี่ขนมฉันซื้อมาจากกรุงเทพฯตั้งใจเอามาฝากไผ่”
“หน้าตาก็สวย ยังใจดีอีก ได้สิครับคุณปลาดาวนายของผมกลับมาเมื่อไหร่จะรีบส่งข่าวให้คุณปลาดาวรู้คนแรกเลย”
“ฉันคนแรกและคนเดียวนะคนอื่นไม่ต้อง” ปลาดาวหมั่นไส้พวกสาวน้อยสาวใหญ่บนเกาะนี่ที่จ้องจะจับว่านนทีกันตาเป็นมันเช่นเดียวกับเธอ

“ก็ได้ครับ คุณปลาดาวอุตสาห์สั่งไว้นี่ครับจะบอกให้ทราบคนแรกเลย”

ใบหน้าใสของปลาดาวส่งยิ้มแย้มแต่ภายในใจ “โง่ชะมัด เชอะมองฉันจนตาเยิ้ม อย่างแกอย่างมากก็ได้แต่มองเท่านั้นแหละ”
++++++++++++++++++++++++



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2556, 13:11:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2556, 14:10:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 6016





   ตอนที่ 3-4 >>
อัปสรา 10 มิ.ย. 2556, 13:44:36 น.
ฝากเม้นต์ด้วยนะคะ คิดอย่างไร ติ ชมได้ค่ะ


Zephyr 10 มิ.ย. 2556, 22:00:40 น.
เดินเรื่องเร็วมากค่ะ ฮ่าๆๆๆ
เวลาสลับฉากบรรทัดมันติดกัน เรางงอ่ะค่ะ


violette 10 มิ.ย. 2556, 23:34:18 น.
ดีใจมากค่ะชอบเรื่องนี้ ชอบยัยแก้วมาก


อัปสรา 11 มิ.ย. 2556, 08:18:00 น.
รับทราบค่ะ ตรงไหนอยากติ ติได้เลยนกจะได้นำไปแก้ไข อีกครั้งรอบสุดท้ายก่อนส่งเข้ากอง


ปอปลาตากลม 12 มิ.ย. 2556, 15:09:54 น.
อยากอ่านต่อแล้ว


อัปสรา 12 มิ.ย. 2556, 15:26:40 น.
อยากต่อให้อ่านค่ะเพราะเขียนจบแล้ว แต่ว่ามันลงได้วันละกระทู้มาต่อให้พร่งนี้นะคะ เพราะวันนี้ลงมนตรานิทรานคร ไปแล้ว (ดีใจที่มีคนอยากอ่านค่ะ)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account