รักวุ่นวายของยัยตัวแสบ (Green Rose 1#)
"มารุ" ฉันกับเค้า คงเป็นแค่เส้นขนานที่บังเอิญมาเจอกันอีกครั้งแค่นั้นเอง

"ยูกิ" ผมเคยทำร้ายเทอด้วยวิธีที่เลวที่สุด จนเสียเธอไป แต่ต่อจากนี้ เธอคือคนเดียวที่ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา ต่อให้แลกด้วยความตาย ผมก็ยอม

"คิมหันต์" ความสุขของผมคือเธอ เธอคือคนที่ฉุดผมขึ้นมาจากอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมพร้อมที่จะปกป้องเธอทั้งตัวและหัวใจ

Tags: Green Rose

ตอน: 9: โอกาสของคนโง่

ร้านรักดีเบเกอรี่

ฉันนั่งแกร่วมองเพื่อนทำงานอยู่ในร้าน ตอนนี้ยัยเหมยซานกำลังบริการลูกค้าอยู่ที่ตู้ขนมเค้ก ยัยอึนเฮกำลังเก็บแก้วเก็บจานอยู่โต๊ะข้างๆฉัน ยัยแอนนิต้ากำลังเดินเอาผ้ามาเช็ดโต๊ะ ส่วนยัยปอยก็คงจะอยู่หลังร้าน

พวกมันมองหน้าฉันอย่าง งงๆสุดชีวิตเพราะตั้งแต่ฉันเดินเข้ามาในร้าน ฉันก็เล่นสั่งทุกอย่างที่ขวางหน้า แถมยังไม่พูดไม่จานั่งกินทุกอย่างที่สั่งเหมือนหิวมาเป็นสิบชาติ

ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ฉันแค่กำลังระบายความเครียดด้วยการกิน

“เป็นอะไรหรอมารุ”

ฉันเงยหน้าจากถ้วยไอศกรีมที่นั่งคนจนมันกลายเป็นน้ำไปแล้ว ยัยแอนมองฉัน และฉันสังเกตเห็นว่า เพื่อนฉันทุกคนกำลังมองที่ฉันเพื่อรอคำตอบเหมือนกัน

“ หัวจะระเบิดแล้วเนี่ย ร้านนี้มียาแก้ปวดหัวสักสิบเม็ดมั้ย ”

“ ไปรบกับใครมาล่ะสิ ” ยัยเหมยซานมองฉันด้วยท่าทีที่รู้ทัน

“ ถูก! ” ฉันตอบ

“คิ้วผูกเป็นโบว์มาขนาดนี้สงสัยจะไม่ใช่เล่นๆ”ยัยอึนเฮยืนถือผ้าร่อนไปร่อนมาอยู่ใกล้ๆหน้าฉันเนี่ยแหละ

“ แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง ”

ฉันชะงักกับคำถามของยัยเหมยซาย งานหรอ เรื่องงานของฉัน ฉันจะเอาไงดีล่ะลืมคิดไปเลย มัวแต่ปวดหัวกับไอ่บ้าคิมหันต์จนลืมคิดเรื่องงานของยูกิไปเลย

“เอ่อ…” ฉันเกาหัวแกร่กๆ ตอบคำถามไม่ถูก

“ ว่าไงเนี่ย ถามก็ไม่ยอมตอบ ”

ด้วยความบริสุทธิ์ใจฉันควรต้องบอกความจริง…บางส่วน กับพวกนี้ซะแล้วล่ะ

“คือว่า…”

“ฉันมารับเธอไปทำงาน”

อยากให้ทุกคนนึกภาพตาม ก่อนหน้านี้ที่ยัยพวกนั้นยืนตีวงกว้างสอบสวนฉันเรื่องงานอยู่ จู่ๆก็ดันมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งโผล่มา ยัยพวกเพื่อนฉันหันไปมองยังต้นเสียงและแหวกกลางวงเหมือนกำลังยืนต้อนรับแขกบ้านแขกเรือน

ฝั่งตรงข้ามคือเขา ส่วนอีกฝั่งคือฉันที่กำลังนั่งทำหน้าเซ็งสุดๆ -_-

ยูกิมองมาที่ฉัน บอกให้รู้ว่าคนที่เขาหมายถึงคือฉัน เราสองคนสบตากันก่อนที่เขาจะเดินเข้ามายืนฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ

“ว่าไง…”

เฮอะ! มีทางเลือกอื่นให้คนอย่างฉันด้วยหรอ

“เช็คบิลให้ฉันด้วย”

ฉันวางเงินลงที่โต๊ะ แล้วเดินนำยูกิออกไปนอกร้าน

“ขึ้นรถสิ”

ฉันเหลือบมองยูกิก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ส่วนยูกิกำลังเปิดประตูรถเช่นกัน

ระหว่างทางเราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ แต่ฉันแอบเห็นยูกิมองฉันตั้งหลายครั้ง หรือบางทีเขาอาจจะมองกระจกข้างมั้ง ฉันก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่

ไม่นานนัก ยูกิได้ชะลอความเร็วแล้วเลี้ยวรถเข้าไปในสถานที่หนึ่ง ‘สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านอุ่นรัก’ ยูกิพาฉันมาที่นี่ทำไมนะ

“ไหนบอกว่าพามาทำงาน” ฉันหันไปถามยูกิระหว่างที่เขากำลังชะลอความเร็วเพื่อจอดในลานจอดรถ

“ก็ที่นี่ไง” ยูกิตอบ

ฉันกับเขาก้าวลงจากรถ ยูกิพาฉันเดินเข้าไปในอาคารอย่างคุ้นเคย ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป และตึกนี้คงจะเป็นสถานที่ที่เด็กๆเอาไว้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ฉันสังเกตเห็นจากลานกว้างที่เดินผ่านมาเมื่อสักครู่ มันยังมีลูกโป่งและเศษลูกโป่งเหลืออยู่ สงสัยจะเล่นเหยียบลูกโป่งกัน ถัดมาเรื่อยๆจะเป็นห้องโถ่งใหญ่ภายในห้องมีกระดานดำและชั้นหนังสือตั้งอยู่ทั่วบริเวณห้อง ตอนนี้มีเด็กๆบางคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในนั้น บางคนก็กำลังนั่งระบายสีตัวการ์ตูนปั้นอย่างสนุกสนาน

ยูกิพาฉันเดินผ่านมาเรื่อยๆจนสุดตัวอาคาร ด้านหลังของอาคารหลังนี้คือสนามเด็กเล่นเล็กๆที่มีเด็กๆกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน

“ พี่ยูกิมาแล้ววววว ”

“ พี่ยูกิ ”

“ พี่ยูกิคร้าบบบ”

“ เฮียมาเล่นกับพวกเราแล้ว ”

“ เย้เย้เย้เย้ ”

เด็กทุกคนที่กำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน พอมองเห็นฉันกับยูกิเดินมาถึง เด็กๆพวกนั้นก็พากันวิ่งเข้ามารุมล้อมยูกิทั้งข้างหน้าข้างหลัง บางคนถึงกับวิ่งเข้ามากอดยูกิ ดูสีหน้าของเด็กแต่ละคนแล้ว คงจะดีใจมากๆเลยล่ะที่ยูกิมาที่นี่

แล้วฉันมายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย?

“พี่สาว พี่สาว”

หนุ่มน้อยน่าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาเขย่าที่แขนของฉัน

“ว่าไงคร้าบหนุ่มน้อย”

ฉันย่อตัวนั่งลงแล้วส่งยิ้มให้ อย่างเอ็นดู

“พี่แข่งงัดข้อกับผมมั้ย”

“หืม…งัดข้อหรอ”

ไม่ทันที่ฉันจะได้ตัดสินใจ พ่อหนุ่มน้อยก็จูงมือฉันไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ยูกิมองตามมาทางฉันก่อนจะแยกจากเด็กๆออกมา

“พี่ยูกิมาเร็วๆ มาเป็นกรรมการให้ผมที”

หนุ่มน้อยร้องเรียกยูกิที่กำลังเดินมาด้วยอาการตื่นเต้น ท่าทางน่ารักๆของหนุ่มน้อยคนนี้ทำให้ฉันเผลอยิ้มไม่หุบ นี่ฉันต้องแข่งงัดข้อกับเด็กตัวเล็กเท่ามดนี่จริงๆหรอเนี่ย

“ไหนว่ามาสิ กำลังจะแข่งอะไรกันถึงเรียกพี่มาเป็นกรรมการให้ ”

ยูกินั่งลงที่ข้างๆเด็กน้อยคนนั้น ซึ่งมันตรงกันข้ามกับฉันพอดีเป๊ะ! เขาเหลือบมองมาทางฉัน ทำให้ฉันหุบยิ้มแทบไม่ทันแน่ะ

“ งัดข้อครับ ” หนุ่มน้อยตอบ

“ งั้นหรอ เป็นเด็กแข่งกับผู้ใหญ่ไม่แฟร์เลย พี่ว่าให้ผู้ใหญ่แข่งกับผู้ใหญ่ดีกว่ามั้ย เดี๋ยวพี่แข่งแทน ”

“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะ ” ฉันแสดงความไม่เห็นด้วยออกนอกหน้า พลางหันไปสบตาหนุ่มน้อยด้วยสายตาอ้อนวอน

“ อ่า…โอเคครับป๋ม ”

เหมือนสิ่งที่ฉันทักท้วงออกไปจะไม่เป็นผล หนุ่มน้อย เออ ออ ห่อหมก ตามยูกิไปเรียบร้อย ผู้หญิงแข่งกับผู้ชาย มันต่างอะไรจากผู้ใหญ่แข่งกับเด็กล่ะเนี่ย ยูกินี่บ้าจริงๆ

“ขี้โกง นายเป็นผู้ชายฉันเป็นผู้หญิงยังไงนายก็ชนะอยู่ดี”

“หรือไม่กล้า”

ยูกิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาท้าทายฉันสุดๆ

ฉันขยับตัวเพื่อให้ท่านั่งของตัวเองลงตัวกว่าเก่า ก่อนจะวางแขนข้างขวาไว้ตรงกลางโต๊ะ ดีนะแขนที่เจ็บอยู่เป็นข้างซ้าย

เราสองคนจับมือกันตามกติกาของเกมที่เล่น คือต้องจับมือกันและเมื่อได้ยินสัญญาณถึงจะใช้แรงข่มแขนของฝ่ายตรงข้ามให้ราบกับพื้น ใครสามารถกดแขนฝ่ายตรงข้ามแตะพื้นได้ถือว่าชนะ

“เริ่มได้!”

เมื่อได้ยินสัญญาณจากกรรมการกิตติมศักดิ์ตัวน้อยๆ ฉันจึงเริ่มออกแรงกดแขนของยูกิ อย่างมุ่งมั่น ฉันต้องชนะเขาให้ได้ ตอนนี้เด็กๆเริ่มทยอยกันมายืนเชียร์อยู่คนละฝั่งโดยแบ่งผู้หญิงยืนเชียร์อยู่ฝั่งฉัน ผู้ชายยืนเชียร์อยู่ฝั่งยูกิ

ฉันใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดพยายามกดท่อนแขนที่แข็งแรงของยูกิให้ราบลงกับพื้นโต๊ะ แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งเหมือนจะหมดแรง พอฉันเหมือนจะหมดแรงยูกิก็ทำเหมือนว่าจะกดแขนฉันลงฉันจึงต้องออกแรงกดแขนเขาอีกครั้ง ฉันรู้ว่ายูกิออกแรงไม่มากหรือไม่ได้ออกแรงเลยก็ว่าได้ แขนของเขาไม่กระดิกไปไหนเลยน่ะสิ

เสียงเด็กๆร้องเชียร์กันอย่างสนุกสนาน เหงื่อเริ่มผุดที่หน้าฉันเป็นเม็ดๆ ฉันออกแรงจนหน้าดำหน้าแดงก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มยูกิได้สักที เมื่อมองไปที่ยูกิเขากำลังยิ้มอย่างได้ใจที่ต้องสู้กับผู้หญิงอย่างฉัน เชอะ! แมนชะมัดเลยเหอะ

แล้วจู่ๆยูกิก็ออกแรงกดแขนฉันลงจนเกือบแตะที่พื้น

เฮ้ยยย ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องออกแรงให้มากกว่าเดิม

ฉันรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดกดแขนของยูกิอีกครั้ง

อ๊ากกกกกกกกกกกกก

ปึก!

เย้ เย้ เย้ เย้ เย้ เย้

เสียงเด็กๆร้องดีใจเมื่อฉันกดแขนยูกิลงแตะพื้นได้สำเร็จ! รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนหน้าของฉัน แต่เหมือนยูกิจะไม่ได้รู้สึกอะไร เขายังนั่งยิ้มมองฉันหน้าตาเฉย

“ฉันชนะ”

“ฉันยอมเธอแค่คนเดียวแหละ”

เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกดให้ฉันหยุดอยู่ที่คำพูดของยูกิ แววตาของเขาดูจริงจังที่พูดออกมา ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนฉันปรับอารมณ์ไม่ทัน วันนี้ยูกิดูแปลกมาก ฉันเพิ่งสังเกตว่าวันนี้ยูกิไม่ไดทำหน้าโหดใส่ฉันหรือพูดไม่ดีกับฉันเลยตั้งแต่เจอกัน

หรือเขาจะรู้สึกผิดอย่างที่เขาพูดไว้เมื่อวานจริงๆ

หากทว่าฉันก็ไม่ควรจะเชื่อใจเขาหรือไว้ใจเขาอีก ผู้ชายอันตรายอย่างยูกิฉันควรจะเอาตัวและ…หัวใจอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด ถึงจะถูกต้องไม่ใช่หรอ

“ฉันคิดว่าเราควรจะคุยกันดีๆบ้าง งานที่ฉันกับเธอต้องทำคือมาสอนการบ้านเด็กที่นี่ทุกเสาร์อาทิตย์ ส่วนวันปกติถ้าว่างฉันจะพาเธอมาเล่นกับเด็กๆ ถ้าขืนมัวแต่มาทะเลาะกันมีหวังเด็กๆที่นี่คงได้แบ่งพักแบ่งพวกตามไปด้วย”

“ อ่อ…”ฉันพยักหน้าหงึกๆตอบรับอย่างว่าง่าย

“ ดูเหมือนเธอจะมีพักพวกซะเยอะเลยนะ ”

ยูกิหันไปมองยังเด็กๆที่เดินกลับไปเล่นเครื่องเล่นตามเดิม ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับยูกิที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้นี้

ที่ยูกิพูดก็ถูก เรื่องที่ติดอยู่ในใจฉัน ฉันไม่ควรจะเอามาเกี่ยวกับงานเมื่ออยู่ในหน้าที่ฉันกับเค้าไม่ควรมาทะเลาะกันต่อหน้าเด็กๆเพราะจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันแค่คนเดียวไม่ใช่หรอ บ่อยไปที่ยูกิเป็นคนหาเรื่องกวนประสาทฉันก่อน

“นายมาที่นี่บ่อยมั้ย”

ยูกิละสายตาจากเด็กๆหันมามองหน้าฉัน

“ บ่อยมาก ฉันกับริกะมาช่วยสอนการบ้านเด็กที่นี่เกือบปีแล้วล่ะ แต่ช่วงนี้ริกะยุ่งกับงานมากเลยไม่ค่อยมีเวลามาด้วยฉันเลยต้องมาคนเดียวบ่อยๆ ”

“มันก็ไม่ใช่งานหนักอะไร ทำไมคุณริกะถึงลงทุนจ้างฉันขนาดนั้น ”

“ คงเพราะ… สงสารฉันมั้ง ”

“คนอย่างนายมีอะไรให้น่าสงสารด้วยหรอ”

ยูกิหันมามองฉันแวบนึงเขาหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของฉัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจือนๆให้ฉัน

“ มีสิ!คนโง่ที่เพิ่งจะเริ่มฉลาด ก็อยากมีโอกาสทำอะไรดีๆทดแทนสิ่งที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่ถ้าไม่มีโอกาสเขาก็คือคนที่น่าสงสารคนนึง”

“ …………..”

“ แต่ฉันคงไม่เหมาะกับการเป็นคนดีมั้ง พอมีโอกาสก็เหมือนไม่มีโอกาสอีก”

“ ฮู่ววววว อะไรของนายก็ไม่รู้ พูดไม่เห็นจะรู้เรื่อง ”

ทั้งๆที่ฉันพยามยามหลอกตัวเองว่าไม่เข้าใจกับสิ่งที่ยูกิพูด แต่สมองของฉันกับสั่งการและประมวนผลคำพูดออกมาให้ชัดเจนทุกถ้อยคำ ยูกิกำลังจะทำให้กำแพงความรู้สึกของฉันพังลง ด้วยคำว่า ‘โอกาส’

ยูกิกำลังจะหลอกให้ฉันตายใจ และทำร้ายฉันเหมือนครั้งที่แล้วรึป่าว

ฉันไม่กล้าเชื่อเขาหรอก!

หลังจากที่นั่งเล่นนั่งคุยกับเด็กๆอีกนานสองนานจนฟ้าเริ่มมืด ยูกิก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้าน ทั้งๆที่ฉันเกือบจะเปิดศึกกับเขาอีกรอบเรื่องมาส่งที่บ้าน ยูกิก็ยังดื้อด้านจะมาส่งให้ได้ ฉันเลยต้องยอมปล่อยให้เขาทำตามใจ

ฉันเข้าบ้านแล้วปิดล็อกประตูเรียบร้อยถึงได้ยินเสียงรถที่ค่อยๆแล่นออกไป ยูกิเขากลับมาครั้งนี้เพราะอะไรกันแน่นะ

ฉันชักจะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแล้วสิ



อีฟู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2556, 14:27:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2556, 14:27:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 830





<< 8:เพื่อนใหม่   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account