เกมรักนักสืบ
เมื่อผู้ต้องสงสัยเป็นถึงเจ้าของโรงแรมสุดหรูมาดเข้ม นักสืบสาวจึงต้องหาทางเข้าใกล้เพื่อล้วงความลับแบบเนียนๆ แต่ยิ่งสืบลึกลงไป...เธอกลับไม่อยากให้เขาเป็นฆาตกรเสียนี่
Tags: นักสืบ สาริน ลินิน

ตอน: ตอนที่ 1

แสงแฟลชจากกล้องราคาแพงวูบวาบมาเป็นระยะตามจังหวะที่ “เชอร์รี่” นางแบบสาวหน้าตาคมคายโพสท่า ดวงตาสีเข้มของเธอจิกเข้ากับกล้องด้วยความชำนิชำนาญ ไม่ได้สร้างปัญหาให้ทีมงานต้องหนักใจ งานไหนที่มีเธอเป็นแบบ ทุกคนจึงเบาใจไปได้เลยว่างานนั้นจะผ่านไปได้ด้วยดี ไร้ปัญหาให้ต้องคอยตามแก้
เชอร์รี่ เป็นนางแบบสาวสวยซึ่งเข้าวงการมาได้แค่หนึ่งปี เมื่อครั้งเธอเรียนอยู่ชั้นปี 4 คณะนิติศาสตร์ หากเพราะหน้าตาสะสวยจึงเตะตา “เจ๊กุ๊กไก่” เจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดัง และเป็นผู้ชักนำเธอให้เข้าสู่วงการ จากนั้นจึงมีทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแบบให้กับนิตยสารชั้นนำของประเทศหลายเล่ม
แม้ชื่อเสียงจะไม่ถึงขนาดดังเปรี้ยงปร้าง แต่ก็มีงานเข้ามาไม่ขาด ในยามปกติที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้องหรือบนแคทวอล์ก ใบหน้างามแทบไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้ม ทำให้ไม่ค่อยมีคนจดจำเธอได้มากนัก
“เยี่ยมมากเลยครับน้องเชอร์รี่ พี่ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ” พิภพ ช่างภาพมือหนึ่งของนิตยสาร “ไฮไลต์” ที่มียอดขายติดอันดับอยู่ในขณะนี้เอ่ยชม คนถูกชมส่งยิ้มให้พลางปาดเหงื่อ เพราะมีแสงไฟส่องหน้าตลอดเวลาจนรู้สึกร้อน เขาจึงยื่นทิชชูให้เช็ด
“เซตนี้เสร็จแล้วใช่ไหมคะพี่ สุดท้ายแล้วมั้ง”
“ฮื่อ เรียบร้อยสมบูรณ์แบบ เฮ้อ…พี่ละอยากให้ปกทุกเล่มเป็นเชอร์รี่จริงๆ สั่งให้โพสแบบไหน ยังไงไม่มีเกี่ยงแถมออกมาสวยอีกต่างหาก” พิภพเอ่ยชมจากใจจริง
นางแบบสาวคนนี้มีใบหน้าสวยแปลก ทั้งที่เป็นคนไทยแท้ ดวงตาโต พับลึกตรงชั้นเหมือนสาวแขก จมูกโด่งได้รูปโดยไม่ต้องพึ่งพาศัลยกรรมเหมือนดารานางแบบส่วนมากในสมัยนี้ ริมฝีปากมีสีชมพูระเรื่อ เป็นกระจับ ยามคลี่ยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มข้างซ้ายและเขี้ยวเล็กๆ น่ามอง เมื่อหล่อหลอมรวมกันแล้วใบหน้าของเธอจึงมองได้หลายเชื้อชาติแล้วแต่ฝีมือการแต่งแต้ม ไม่ว่าจะจับเธอสวมด้วยชุดอะไรก็ดูเหมาะสม
นางแบบสวย ไม่เรื่องมาก ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวเชอร์รี่รวยตาย” หญิงสาวหัวเราะขึ้น ถอดผ้าพันคอขนมิงค์ฟูฟ่องออกจากคอ ทั้งที่ร้อนจนลิ้นห้อยแต่เธอต้องทำหน้าเหมือนอากาศหนาวเสียเต็มประดา ใครว่าเป็นเรื่องง่าย
“ให้รวยทีเถอะค่า คุณเชอร์รี่จะได้เอาเงินไปซื้อรถใหม่เสียที แหม…จะงกไปถึงไหนคะเนี่ย คุณน้องขา เดี๋ยวเงินก็หล่นทับหัวตาย” แป้งอบ ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่กระเซ้า เพราะร่วมงานกันมาหลายครั้งทำให้มีความสนิทสนมกันมาในระดับหนึ่งจึงกล้าหยอกเย้า
“รถคันเก่ายังดีอยู่นี่คะ เก็บเงินไว้เติมน้ำมันดีกว่า” นางแบบสาวไม่ยี่หระต่อคำหยอกเย้านั้น พูดคุยอีกเพียงไม่กี่ประโยคเธอก็ขอตัวออกไปยังห้องแต่งตัว เพื่อล้างเครื่องสำอางหนาเตอะที่ฉาบอยู่บนใบหน้า หากไม่ใช่เวลางานแล้วเธอไม่ทาอะไรนอกจากแป้งเด็ก
มือเรียวปลดต่างหูและผลัดเปลี่ยนชุดหนานั้นออกไปสวมเสื้อยืดกางเกงยีนที่ใส่มาแต่แรก ก่อนทรุดตัวลงหน้ากระจก บรรจงเช็ดคราบเครื่องสำอางให้ออกไปจากใบหน้า ใบหน้าสวยใส ยามไม่มีของพวกนี้พอกอยู่ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาหน่อย
หญิงสาวพลิกข้อมือเพื่อดูเวลา เห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วจึงคว้ากระเป๋ามาสะพายไหล่ ใช้หนังยางรวบผมมัดลวกๆ ก่อนสาวเท้ายาวๆ ออกไป
“กลับแล้วเหรอเชอร์รี่”
“จ้า…ดึกแล้ว เดี๋ยวแม่คอย เจอกันงานหน้านะ” หญิงสาวโบกมือให้เพียงแวบเดียวแล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากห้องนั้น
“น่ารักนะคะเด็กคนนี้” ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่มองตามหลังนางแบบสาวไปแล้วเอ่ยขึ้น
“ครับ ว่าง่าย โดยเฉพาะเวลาถ่ายงานนอกสถานที่ ร้อนตับแลบแค่ไหนไม่มีบ่น” พิภพเก็บข้าวของง่วนอยู่ แต่เมื่อได้ยินคนชมเชอร์รี่ขึ้นก็รีบเสริม
“แต่พรุ่งนี้ละค่ะ งานหนักเรา น้องปูเป้ หลานสาวคุณหญิงอมรวรา ข่าววงในบอกว่าเจ้าหล่อนเรื่องมากสุดๆ อาหารต้องสั่งมาจากร้านอาหารอิตาเลี่ยนเท่านั้น ชาติอื่นไม่กิน มีเวลาให้แค่ถึงเที่ยง เกินนั้นต้องนัดเป็นวันใหม่ อู้ย…นางฟ้านางสวรรค์มาเกิด อยู่บนสวรรค์น่ะดีแล้ว ลงมาเป็นนางแบบทำไมก็ไม่รู้” แป้งอบค้อนให้ลมฟ้าอากาศราวกับว่าเจ้าตัวคนที่ถูกกล่าวถึงยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“ลืมไปแล้วหรือไง ว่าหนังสือเราชื่อ ไฮไลต์ เนื้อหาส่วนใหญ่ก็อยู่ที่พวกไฮๆ ทั้งหลาย มันก็ต้องตามถ่ายพวกนี้อยู่แล้ว ทนๆ เอาหน่อย” พิภพปลอบ ทั้งที่ตัวเองก็เกิดอาการเหนื่อยหน่ายขึ้นมาเหมือนกัน
ทำงานกับพวกคุณเธอทั้งหลายเหล่านี้ นอกจากจะเรื่องมากกันสุดๆ แล้ว งานก็ยังไม่คืบหน้า คอยดูเถอะ พรุ่งนี้ถ่ายกันไม่กี่เซต ยังไงก็ต้องนัดมาถ่ายเพิ่ม

เมื่อได้เข้ามานั่งในรถเก่าโกโรโกโสของตัวเอง เธอค่อยรู้สึกว่าอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ยามนี้เธอคือ บัวบูชา รัตนเดชา ไม่ใช่นางแบบสาวสวยผู้ดูดีทุกท่วงท่าอย่างเชอร์รี่ ชื่อในวงการที่เธอตั้งมันขึ้นมาเอง เพราะไม่อยากอยู่ในหัวโขนนี้ตลอดเวลา
เธอขับรถมาได้แค่ครึ่งทาง เจ้ารถยนต์คู่ใจอันเป็นสมบัติตกทอดมาจากบิดาก็กระตุกวูบสองสามที ไม่นานก็ดับสนิท หญิงสาวพ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมาด้วยความเซ็งก่อนบ่นขึ้น
“นังแก่ จะไปให้ไกลอีกหน่อยไม่ได้เหรอเนี่ย เห็นทีฉันคงต้องโล๊ะแกทิ้งอย่างที่คนอื่นๆ บอกซะแล้ว จริงๆ เลยนะ ถ้าไม่เห็นว่าอยู่กันมาตั้งแต่เกิด ฉันจะเอาแกไปปลูกสะระแหน่ซะให้เข็ด”
ปากบ่นไปอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่กล้าใจร้ายกับมัน เพราะรถคันนี้เห็นมันมาตังแต่เธอลืมตาดูโลก เป็นรถคันแรกของพ่อที่เก็บหอมรอมริบซื้อมันมาและท่านยกให้เธอในเวลาต่อมา “นังแก่” จึงเปรียบเสมือนคนในครอบครัวที่ทิ้งกันไม่ลง
บัวบูชาก้าวขาลงจากรถเพื่อเข็นเจ้ารถปุโรทั่งเข้าข้างทาง มีผู้ชายสองคนที่เดินผ่านมาเห็นเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เธอได้เห็นว่าในสังคมมนุษย์โดยเฉพาะในเมืองกรุงแบบนี้ยังเหลือความมีน้ำใจอยู่บ้าง
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอเอ่ยเมื่อพานังแก่เข้ามาจอดนิ่งสนิทข้างทางแล้ว
“รถเป็นอะไรครับน้อง” หนึ่งในสองเอ่ยถามขึ้นอย่างมีน้ำใจ เธอยิ้มแหยๆ พลางส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกันคะพี่ แต่มันเกเรแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว” เธอเปิดกระโปรงรถขึ้นเพื่อสำรวจภายใน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากการดูอะไรก่อน จะว่าไปมันก็มีอาการนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ไม่มีเวลาพามันเข้าอู่เช็กจริงจังเสียที นอกจากคอยซ่อมเล็กๆ น้อยๆ
“พี่ช่วยดูให้เอง” ชายผู้มีน้ำใจบอกขึ้น เขาก้มหน้าลงไปดูครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอพลางส่ายหน้าแล้วแนะนำ “พี่ว่าน้องให้คนมาลากไปเถอะ รถมันเก่าจนเครื่องยนต์รวนหมดแล้ว ซ่อมคงต้องยกเครื่องใหม่กันไปเลย หารถใหม่ดีกว่ามั้ง”
“สงสัยคงต้องอย่างงั้นละคะ อาทิตย์นี้มันเล่นหนูซะอ่วมไปหลายตังค์แล้ว” เธอถอนหายใจ เอ่ยขอบคุณชายทั้งสองอีกครั้งก่อนโทรเรียกช่างมาช่วยดูให้ เพราะมันจอดแน่นิ่งสนิทแนบราวกับโดนยาสลบทำให้เธอหมดปัญญา ขณะกำลังละล้าละลังเธอก็เห็นวิยดา สาวสวยหน้าแฉล่มในชุดนักศึกษารัดรูป ท่าทางช่วงนี้คงจะขัดสนมากเพราะกระโปรงห่างจากส่วนเอวแค่ฝ่ามือ เดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง อายุคงมากกว่ากันหลายปี ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตลายทาง เสื้อสูทสีดำพาดอยู่บนท่อนแขนข้างขวา แขนอีกข้างมีวิยดาเกาะแจ ออเซาะฉอเลาะแบบไม่คำนึงถึงชุดเครื่องแบบที่ตัวเองสวมอยู่
“วิ้ว” บัวบูชาผิวปากหวือก่อนขยับขาตามร่างเพรียวลมนั้นไปอย่างกระชั้นชิด มือคว้ามือถือมากระชับมั่นอย่างเตรียมพร้อมในการสวมวิญญาณนักสืบสาวคนเก่งประจำสำนักงานนักสืบบุศยา เพราะสตรีสาวคนนี้คือเป้าหมายหนึ่งในงานของสำนักงาน เพียงแต่เธอไม่ได้รับผิดชอบงานนี้โดยตรง เพราะเรื่องนี้มีภูมิชญาเป็นคนรับผิดชอบ พ่อแม่ของนักศึกษาคนนี้แอบสงสัยในพฤติกรรมของลูกสาว จึงว่าจ้างสำนักงานของเธอให้ตามติดพฤติกรรม
นักสืบสาวตาโต เมื่อสองหนุ่มสาวกำลังจะขึ้นรถออกไปด้วยกัน แต่เหมือนฝ่ายชายจะหยุดชะงักไป เพราะมีสายเข้า หญิงสาวตั้งใจจะมองให้ชัดๆ เมื่อเขาเดินหามุมสงบเพื่อจะรับสายแต่ทว่าถูกใครหลายคนที่เดินออกมาจากร้านอาหารบังเอาไว้ กว่าจะแทรกตัวออกมาได้ก็ไม่เห็นทั้งคู่เสียแล้ว
“เฮ้ย…อะไรวะ ไปไหนแล้ว” บัวบูชาสบถอย่างหัวเสีย ถอยหลังจะหมุนตัวกลับก็ชนเข้ากับร่างหนาของใครคนหนึ่งจนโทรศัพท์ในมือเขาล่วงลงสู่พื้น
“อะไรกัน” ชายคู่กรณีบ่นพึม โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เขาใช้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ บัวบูชาขยับปากจะขอโทษหากแล้วอะไรบางอย่างในตัวเขาก็ทำให้เธอตาโต
รูปร่างแบบนี้ สูงเท่านี้
เสื้อเชิ้ตลายทาง เสื้อสูทถอดออกมาไว้ที่แขนขวา?
ใช่แล้ว! นายคนนี้เป็นวัวแก่ตัวนั้น ตัวที่อยากกินหญ้าอ่อนอย่างวิยดา
“ผู้ชายอะไรหน้าตาก็ดี คิดเป็นวัวอยากกินหญ้าอ่อน” หญิงสาวพึมพำทำให้หางคิ้วคู่กรณีขมวด
“คุณว่าอะไรนะ”
“อ้อ…เปล่าๆ คะ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวจงใจค้อมศีรษะลงต่ำ ชายหนุ่มโบกมือตัดปัญหาด้วยประโยคสั้นๆ เพราะมีธุระด่วนให้ต้องทำ
“ช่างเถอะ” เขาบอกเสร็จก็เดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล บัวบูชามองตามรถสปอร์ตสีดำคันงาม ตาจับไปที่เลขทะเบียน กค 4544 แล้วยกโทรศัพท์มาถ่ายรูป หลังจากนั้นจึงเดินกลับไปที่รถ กว่าจะจัดการเรื่องรถและเรียกแท็กซี่มาถึงบ้านได้ เวลาก็ล่วงมาถึงเกือบตีหนึ่ง
เสียงเปิดประตูหน้าบ้านทำให้ชมจันทร์ผุดลุกขึ้นจากโซฟา เพราะเลยเวลากลับบ้านของลูกสาวไปมากทำให้นางไม่อาจข่มตาให้หลับลงไปได้
เสียงไขกุญแจดังขึ้นครู่เดียว ประตูไม้แกะสลักหยาบๆ ก็เปิดออก พร้อมด้วยร่างสูงสมส่วนของบัวบูชา ใบหน้าพราวไปด้วยเหงื่อเต็มขมับทั้งสองข้าง รอยยิ้มแหยๆ ของบัวบูชาตามมาด้วยเสียงทัก
“ยังไม่นอนเหรอคะแม่”
“แกยังไม่กลับ ใครจะไปหลับลง แล้วนี่มายังไงแม่ไม่ได้ยินเสียงรถ” ชมจันทร์รีบเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำส้มคั้นเย็นๆ ออกมาส่งให้
บัวบูชารับมาดื่มรวดเดียวหมดด้วยความกระหายพลางกระแทกสะโพกลงกับโซฟาแรงๆ ศีรษะได้รูปสวยวางทาบไปบนพนักโซฟา ไม่มีคราบของนางแบบสาวสวยให้เห็น
“เข้าอู่คะแม่”
“ว่าแล้วเชียว แม่ว่าซื้อใหม่ได้แล้วมั้งบัว เงินเราก็พอมี อะไรที่ทำให้ตัวเองไม่ต้องลำบากก็ทำเถอะ อย่าห่วงพ่อแม่เลยน่า” ชมจันทร์ถอนหายใจ ใบหน้าอ่อนใสนั้นแม้จะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่เธอรู้ดีว่าลูกสาวเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ที่ต้องเริ่มต้นทำงานหาเงินเองตั้งแต่สมัยเรียน
ชยศ สามีของเธอเป็นอดีตนายตำรวจมือสะอาด แต่เพราะหลังๆ มีทั้งโรคเบาหวาน ความดันรุมเร้า ทำงานหนักไม่ได้เหมือนก่อนจึงเกิดความเครียดจนทำให้เส้นเลือดในสมองแตกต้องกลายเป็นอัมพาต กลายเป็นภาระให้บัวบูชาเข้าเสียอีก
“กำลังคิดๆ อยู่ค่ะแม่ แต่รออีกสักพักก็แล้วกันนะ บัวอยากเก็บเงินซื้อบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ ดูสิ บ้านเราหลังเล็กนิดเดียว อากาศก็ไม่ปลอดโปร่ง บัวอยากให้พ่อกับแม่มีบ้านหลังใหญ่ พื้นที่กว้างๆ ต่อไปอาการดีขึ้นพ่อก็จะได้หัดเดินในสนามหญ้า ดอกไม้หอมๆ คงทำให้พ่ออาการดีวันดีคืน”
หญิงสาวบอกขึ้นด้วยประกายตาของความฝัน ตลอดหนึ่งปีที่ทำงานในวงการนางแบบ เธอก็เก็บหอมรอมริบจนมีเงินเก็บก้อนหนึ่งและตั้งใจว่าจะซื้อบ้านให้พ่อกับแม่ ส่วนนังแก่ คงอีกนานกว่าเธอจะได้ปลดประจำการมันเสียที อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะซื้อบ้านได้
“บัว เหนื่อยนักก็พักเถอะลูก”
“ไม่เหนื่อยหรอกแม่ งานง่ายๆ แค่นี้เอง แค่เดินไปเดินมา ฉีกยิ้มให้กล้องนั้นกล้องนี้ก็เสร็จแล้ว อีกอย่างหนึ่งงานพวกนี้ไปไวมาไว เขาจะเลิกจ้างบัวเมื่อไรเราก็ไม่รู้ มีเวลากอบโกยก็ต้องเอาไว้ก่อน”
“แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีก แม่สงสารบัว”
“เข้าสายได้น่าแม่ ไม่ต้องห่วง สำนักงานเป็นของเพื่อนๆ กัน หยวนๆ ได้ ว่าแต่มีอะไรกินมั่ง บัวหิ้วท้องมากินที่บ้าน กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเหมือนฝีมือคุณนายชมจันทร์” บัวบูชาทำหน้าประจบ เท่านั้นผู้เป็นแม่ก็รีบเข้าไปในครัว เสียงกุกกักดังไม่นานก็มาพร้อมแกงเขียวหวานไก่ร้อนๆ ราดมาในจานข้าวสวย ของโปรดของเธอ
“ทานเยอะๆ นะ นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องหิ้วท้องมากินที่บ้าน” ชมจันทร์มองลูกสาวที่ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวไม่พูดไม่จาด้วยความเอ็นดู และไม่นานข้าวก็หมดจาน ดื่มน้ำเปล่าตามไปอีกแก้วทำให้ชมจันทร์มองเพลิน
“จริงๆ นะแม่ กินข้าวที่ไหนก็ไม่เหมือนกินที่บ้าน ใครๆ ก็อยากมากินฝีมือแม่ทั้งนั้น ทั้งยายน้ำ ยายพรีม บ่นคิดถึงแกงเขียวหวานไก่ของแม่ออกบ่อย” เธอหมายถึงน้ำบุศย์ ผู้เป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบบุศยาที่เธอทำงานอยู่ และพริมาภา เพื่อนสนิทอีกคนที่ร่วมหัวจมท้ายทำงานด้วยกันมา
“อย่างนั้นพรุ่งนี้แม่จะทำไปเผื่อให้” เมื่อถูกชมคนทำก็ยิ้มปลื้ม
“ดีค่ะแม่ ยายสองคนนั่นคงซัดเรียบแน่ ขอปลาทอดของโปรดบัวด้วยนะคะ” เธอร้องขอ เมื่ออิ่มดีแล้วจึงรวบจานเข้าไปเก็บในครัวแล้วชวนแม่ขึ้นไปนอน เพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสองเข้าไปแล้ว
หลังอาบน้ำเสร็จ บัวบูชาก็หลับสนิทไม่ต่างจากกินยานอนหลับเข้าไปทั้งกำ ยังไม่ทันรู้สึกว่าหลับได้เต็มที่ เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
ร่างบางบิดซ้ายขวาชั่วครู่ เปลือกตาจึงค่อยๆ เปิดขึ้นทีละข้าง นอนทำใจอยู่บนเตียงหลายนาทีจึงลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นๆ ช่วยชะล้างความง่วงงุนออกไปได้มากทีเดียว ไม่ถึง 10 นาที บัวบูชาก็แต่งตัวเสร็จด้วยชุดเสื้อยืดสกรีนลายนกฮูกสองตัวยืนซ้อนกัน กางเกงยีนสีซีดเมื่อสวมอยู่บนขาเรียวยาวดูสมส่วนทะมัดทะแมง ใบหน้าสวยปล่อยเปลือยตามธรรมชาติ ตบแป้งกับบลัชออนเพียงแค่เล็กน้อย ตามด้วยลิปกลอส
บัวบูชามองตัวเองในกระจกซ้ำอีกทีจึงคว้ากระเป๋าสานประดับด้วยไข่มุกปักเป็นรูปดาวรอบตัวกระเป๋า ลงบันไดมาไม่กี่ก้าว จมูกก็ได้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ จึงตามกลิ่นไปถึงครัว
“หอมจังค่ะแม่” เธอร้องทักมารดาเสียงใส ชมจันทร์กำลังตักแกงใส่ในกล่องพลาสติกแข็งใบใหญ่ รวมทั้งปลาทอดที่บัวบูชาขอเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
“แม่แถมผัดผักสี่สหายไปให้ด้วย แม่จำได้ว่าหนูพรีมชอบกินผัก”
“โอ้โห…ยายพรีมคงปลื้มใหญ่ อย่างนั้นบัวเข้าไปลาพ่อก่อนนะคะ”
“จะกินข้าวเช้าก่อนไหมลูก แม่ว่ากาแฟกับขนมปังที่สำนักงานมันไม่อยู่ท้อง” ชมจันทร์บอกทั้งที่เตรียมเอาไว้รอท่าแล้วเสร็จสรรพ
“ไม่ทันแล้วคะแม่ ไปเลทได้แต่สายนักก็ไม่ดี วันนี้สังหรณ์ใจว่าพี่ชายยายน้ำจะเข้าสำนักงาน รายนั้นขี้บ่นออกค่ะ ยายพรีมโดนประจำ”
เมื่อพูดถึงผู้เป็นเพื่อนรักเธอก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พริมาภากับกฤติน พี่ชายของน้ำบุศย์ เป็นไม้เบื่อไม้เมากันราวกับเป็นศัตรูกันมาหลายสิบชาติ เห็นหน้ากันเป็นไม่ได้ แต่เธอก็แอบเมาท์กับเพื่อนร่วมงานอีกคน ว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น ไม่แน่ ไปๆ มาๆ สองคนนี้อาจจะเป็นคู่รักกันก็เป็นได้
บัวบูชาออกจากห้องครัวเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นล่าง จัดเป็นห้องนอนของพ่อกับแม่หลังจากที่พ่อป่วยเป็นอัมพาติ เพื่อความสะดวก บนเตียงนอนแบบปรับระดับด้วยระบบอัตโนมัติ อดีตนายตำรวจมือสะอาดนอนนิ่งอยู่บนเตียง มีเพียงสายตาเท่านั้นที่กลอกไปมาเมื่อบุตรสาวเข้ามาใกล้
“บัวไปทำงานนะคะพ่อ” หญิงสาวรวบมือพ่อมากุมแล้วจูบไปบนหลังมือ ฝ่ายนั้นทำปากขมุบขมิบไม่เป็นคำ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่สื่อสารให้เธอเข้าใจ

บัวบูชาหอบหิ้วอาหารพะลุงพะลังเข้ามาในสำนักงานนักสืบบุศยา เป็นอาคารชั้นเดียวสีขาว ด้านหน้าคือประตูอัลลอยด์และสนามหญ้าเขียวขจี มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นเป็นแนวร่มรื่น เธอเดินอ้อมตัดไปด้านหลังเทอเรซ เพื่อเอาอาหารไปเก็บในห้องที่จัดให้พนักงานพักเบรก
เมื่อจัดของเข้าตู้เย็นเสร็จแล้วจึงเปิดประตูแบบบานพับเข้าไปอีกห้องอันเป็นโซนทำงาน โต๊ะทำงานของเธออยู่มุมสุดติดกับหน้าต่าง เธอจับจองแต่แรก เพราะเมื่อทำงานเบื่อๆ ก็หันไปมองทิวทัศน์เบื้องนอก ปีกขวาจึงเป็นห้องทำงานของน้ำบุศย์กับกฤติน
“ว่าไงจ๊ะ มาสายนะเรา” ภูมิชญา หนุ่มครึ่งหนึ่งและหญิงอีกครึ่งหนึ่งเอี้ยวตัวมาหา หญิงสาวยกนิ้วชี้มาจุ๊ปาก เป็นเชิงสั่งให้เงียบ โดยมีของเข้าล่อ
“เงียบๆ ไว้ มีอาหารเจ้าอร่อยมาฝาก”
“เลิศเลอที่สุด แบบนี้ค่อยน่าเงียบหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อของญาญ่ายังไม่มา” ภูมิชญาปิดปากหัวเราะเมื่อเห็นบัวบูชาทำท่าโล่งอกโล่งใจ
“โล่งไป แล้วคนอื่นๆ ไปไหนหมด เงียบเชียว”
“ไปทำงานนอกสถานที่กันหมด มีแค่เราแล้วก็พรีมอีกคน โน่นไง” ชายร่างใหญ่บุ้ยปากไปด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงประตูแบบกระจกเลื่อนออก
“มาแล้วเหรอบัว ตะกี้เข้าไปในห้องด้านหลัง เห็นอาหารในตู้เย็น หอมเชียว ว่าแล้วเมื่อเช้าตาซ้ายกระตุก ที่แท้มีลาภปากนี่เอง” พริมาภาเดินเข้ามานั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ในมือถือชานมหอมกรุ่นเข้ามาด้วย
“ลาภปากอยู่หรอกค่ะน้องพรีม แต่ถ้าคุณตินกลับมาเห็นเข้า โดน…” ภูมิชญาทำท่าปาดคอ เพราะที่นี่ไม่มีห้องครัว ห้องด้านหลังจัดเป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับให้พนักงานมานั่งดื่มกาแฟหรือของว่างยามหิว แต่ไม่ถึงขนาดมานั่งทานอาหารกันในนั้น เพราะเกรงกลิ่นอาหารจะรบกวนลูกค้า
“ไม่โดนหรอกค่ะ เมื่อคืนบัวฝันดี รับรองเก็บกลิ่นได้ทัน แต่เสียดายที่ยายน้ำไม่ได้กินด้วย”
“ช่วงนี้ยุ่งๆ กับเรื่องผัวชาวบ้านหาย งานถนัดคุณน้ำ” ภูมิชญาหัวเราะคิกคัก พลอยเรียกเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆ ไปด้วย แต่ไม่นานใบหน้าของพริมาภาก็ดูจ๋อยๆ จนบัวบูชาต้องถาม
“เป็นไรยะ”
“ก็พี่ติน ไม่ยอมให้ฉันออกไปสืบอะไรเลยนอกจากทำงานเอกสาร” พริมาภาตัดพ้อ บัวบูชามองอย่างเห็นใจ เป็นเธอก็คงคันไม้คันมืออยากโชว์ฝีมือเต็มแก่ แต่เพราะความซุ่มซ่ามของพริมาภาเองทำให้กฤตินไม่ไว้วางใจมอบงานใหญ่ให้ทำ
“ใจเย็นน่า เดี๋ยวพองานล้นมือ พี่ตินก็ยอมเองแหละ ดีออกทำงานในสำนักงาน ไม่ต้องตากแดดตากลมให้เมื่อย” บัวบูชาปลอบใจ แต่พริมาภาเบ้หน้า
หัวข้อสนทนาหยุดชะงักเมื่อประตูกระจกถูกเลื่อนออก เป็นชายหญิงวัยเลยกลางคน ใบหน้าของทั้งคู่ดูอมทุกข์และอิดโรย
ภูมิชญารีบออกไปต้อนรับ
“สวัสดีครับ สำนักงานนักสืบบุศยายินดีต้อนรับ” หนุ่มใหญ่หนึ่งเดียวในที่นั้นเชื้อเชิญผู้มาใหม่ทั้งสองให้เข้าไปนั่งยังห้องรับแขก
พริมาภารีบเอาเครื่องดื่มเย็นๆ มาเสิร์ฟ บัวบูชาก็เดินเข้าไปนั่งตาม
“เราสองคนมีเรื่องอยากขอให้ช่วย”
“ยินดีครับ”
“ฉันอยากให้พวกคุณช่วยตามหาลูกสาวฉันค่ะ เขาหายตัวไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว เราสองคนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” สีหน้าของคนพูดดูโศกเศร้าอาดูร ผู้เป็นสามีจึงดึงมือภรรยาเข้ามาปลอบ จากนั้นจึงหยิบรูปถ่ายออกมาจากซองเอกสารหลายใบยื่นให้
“เอ้ อรนภา! ” ภูมิชญาอุทาน เพราะผู้หญิงในรูป เป็นดาราดังที่มีผลงานออกมาอยู่เนืองๆ และล่าสุดเห็นว่าพึ่งปิดกล้องละคร “บ่วงมนตรา” ไปหมาดๆ
“ใช่ค่ะ เขาหายตัวไปหลังละครปิดกล้อง”
“หายไป? แล้วคุณสองคนไม่ได้แจ้งความเอาไว้หรอกหรือคะ ทำไมไม่มีข่าวออกมาเลย ทั้งที่เธอเป็นดารานำของเรื่องนี้” บัวบูชากังขา ตอนนี้พริมาภาเดินเข้ามาสมทบด้วยอีกคน
พ่อของอรนภาถอนหายใจก่อนบอกขึ้น
“ตอนแรกเราสองคนไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปกติยายเอ้ก็ไม่กลับบ้านบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยเกินสามวัน หรือถ้ามากกว่านั้นเขาก็โทรมาบอก แต่นี่เล่นหายไปเลย ติดต่อก็ไม่ได้ เราสองคนเพิ่งไปแจ้งความเมื่อวันก่อน แต่ต้องขอให้ตำรวจเขาทำแบบลับๆ ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย” ผู้พูดมีสีหน้าลำบากใจ ทั้งห่วงกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย ทั้งกลัวว่าลูกจะเสียชื่อเสียง
ตอนนี้ข่าวในแง่ลบของอรนภายิ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ครอบครัวลืมตาอ้าปากมาได้ก็เพราะชื่อเสียงของอรนภา ไม่อย่างนั้นชีวิตก็จมปลักอยู่กับความจน หากอรนภาหายไปเพราะไปเที่ยวกับผู้ชายคนใดคนหนึ่งละก็ มีหวังงานได้หดหายกันไปหมด
“ตำรวจว่ายังไงบ้างคะ” บัวบูชาเคาะปลายปากกาลงกับหลังมือตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด หัวคิ้วขยับย่นเข้าหากันริมฝีปากห่อเข้าหากันเล็กน้อย เป็นกิริยาที่ทุกคนในสำนักงานคุ้นเคยกันดียามเจ้าตัวใช้ความคิดหนัก
งานนี้ถือเป็นงานใหญ่และท้าทายความสามารถมากทีเดียว
“เขาก็กำลังตามๆ กันอยู่ แต่เราไม่สบายใจ เลยต้องจ้างนักสืบช่วยอีกแรงหนึ่ง” แม่ของดาราสาวบอกขึ้น มือไม้ของนางดูยุกยิกเหมือนว่าไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนดี
“วันสุดท้ายที่คุณเอ้หายตัวไป เป็นวันปิดกล้องละครหรือคะ” หญิงสาวตรงเข้าประเด็น
“ใช่ ละครเรื่องสุดท้ายของเขา บ่วงมนตรา เขาบอกว่าจะกลับดึกหน่อย เพราะทางกองเขาจัดงานเลี้ยงฉลองในตอนเย็น เขาไม่กลับบ้านจนถึงเช้า แต่นึกว่าเขาจะค้างที่บ้านเพื่อนหรือไม่ก็คอนโดส่วนตัวของเขาอย่างที่เคยทำเวลามีถ่ายละครดึกๆ แต่มันผ่านมาหลายวันแล้ว โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เลย” ชายสูงวัยพิงตัวเข้ากับโซฟาแล้วหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า
“แล้วคนที่กองไม่มีใครระแคะระคายเลยหรือครับ” ภูมิชญาที่เงียบฟังมาโดยตลอดถามขึ้นบ้าง มือยังคงจดประเด็นสำคัญๆ เอาไว้ในสมุดเล่มเล็ก มีเพียงพริมาภาเท่านั้นที่นั่งนิ่งฟังอย่างสงบ มือประสานบนตัก
“ก็มีคุณคเชนทร์ ผู้กำกับเรื่องนี้ เขาโทรเข้ามาที่บ้านเพื่อแจ้งว่ามีคนติดต่อให้ไปออกรายการพร้อมกับสงคราม” ผู้เป็นมารดาของดาราสาวเป็นฝ่ายตอบขึ้น เพราะนางเป็นคนรับโทรศัพท์เขาด้วยตัวเองเมื่อสามวันก่อน และปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าอรนภาไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศและไม่มีกำหนดกลับ
ดูเหมือนคเชนทร์จะหงุดหงิดมากทีเดียว เพราะเผลอกระแทกโทรศัพท์เข้าใส่ แต่นางก็ไม่คิดเก็บมาเป็นอารมณ์ เพราะเข้าใจว่าฝ่ายนั้นหงุดหงิดเรื่องใด
ละครพึ่งปิดกล้องไป ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาของการโปรโมตให้เต็มที่ แต่เมื่อพระเอกนางเอกไม่พร้อม งานต่างๆ ที่จำเป็นต้องไปร่วมกันก็มีอันต้องพับเก็บ
“ก่อนหน้านี้คุณเอ้เคยเล่าให้ฟังบ้างไหมคะ ว่ามีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบ้างหรือเปล่า ทางเราต้องการข้อมูลโดยละเอียดค่ะ”
“ไม่มีนะคะ แต่ปกติเอ้ก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้เราสองคนฟังอยู่แล้ว แต่พักหลังบ่นๆ ว่าไม่ค่อยกินเส้นกับพระรองในเรื่องนี้ เล่นผิดเล่นถูกแต่เป็นหลานของสปอนเซอร์รายใหญ่ก็เลยได้เล่นชิมราง”
“ใครคะ”
“เอ… ไม่แน่ใจนะ รู้แต่ว่าเป็นพระรอง” คนเล่าทำหน้าครุ่นคิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ไว้เป็นหน้าที่ของทางเรา เอ่อ…แล้วคุณเอ้มีคนรักหรือเปล่าคะ ที่เคยมีข่าวก็กับผู้กำกับแล้วก็พระเอกที่ร่วมงานกัน” บัวบูชาจดข้อมูลไปด้วยในขณะที่ถาม อรนภามีข่าวกับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์อยู่พักหนึ่งเธอจึงจำได้
พริมาภาเดินเลี่ยงออกไปหาน้ำมาเสิร์ฟเพิ่ม เพราะดูท่าเพื่อนเธอจะซักอีกยาว
“อย่างที่บอกละค่ะว่ายายเอ้ไม่ค่อยบอกเรื่องส่วนตัวให้พ่อแม่รู้ซักเท่าไร แต่ที่เคยพามาบ้านก็คุณคเชนทร์ นานแล้วตั้งแต่ก่อนเปิดกล้องใหม่ๆ”
หญิงสาวซักถามรายละเอียดอีกหลายอย่างเกี่ยวกับตัวผู้สูญหาย แล้วจดเอาไว้ในสมุดเช่นเดียวกับภูมิชญาจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น
“โอเคค่ะ ทางเราจะรีบดำเนินการให้โดยด่วน คืบหน้ายังไงจะแจ้งให้ทราบ ส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่าย เดี๋ยวคุยกับพริมาภานะคะ” บัวบูชาส่งยิ้มให้ รับรูปของอรนภามาดูแล้วเดินเลี่ยงไป ปล่อยหน้าที่ต่อไปให้เป็นของพริมาภา ส่วนตัวเองนั้นเดินกลับไปนั่งบนโต๊ะทำงานตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2556, 20:52:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2556, 20:52:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1049





   ตอนที่ 2 40% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account