oOo รุ้งฤดูร้อน oOo
...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิดทุกๆ สิ่ง สร้างความแค้น ชิงชัง และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความรัก...ก็ควรเป็นบทยุติของทุกเรื่องราว...

...อาจจะเจ็บปวด อาจบอบช้ำ แต่สุดท้ายความรักจะโอบกอดทุกดวงใจให้สนิทแนบแน่น...
Tags: รุ้งฤดูร้อน,ปลากัด,รักร้ายๆ

ตอน: oOo บทนำ oOo

บทนำ


...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิด ความรักก็ควรเป็นจุดจบ...


แดดยามเย็นของต้นเดือนมีนาช่างแรงกล้าราวกับเวลาเที่ยงวัน แม้ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกจวนเจียนจะลาขอบฟ้าเต็มที แต่แสงสุรีย์ที่สาดมากระทบสรรพสิ่งบนโลกก็ยังระอุชนิดทำให้ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวปรากฏเม็ดเหงื่อเต็มใบหน้าและไหลย้อยลงตามแนวเคราจางๆ ข้างแก้ม

ท่านั่งยกศอกพาดกับโต๊ะไม้ตัวยาวประมาณเก้าอี้ทั้งสองข้างและข้อเท้าพาดกับขาอีกข้างดูจะไม่ใช่มาดของสุภาพบุรุษในฝันสักเท่าไหร่ ออกจะดูมาดกวนเสียด้วยซ้ำ แต่กระนั้นสายตาของนิสิตสาวหลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ยังอดเหลือบมองไม่ได้

...อาจด้วยเขาสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทบวกกับไม่สวมชุดนักศึกษา...ไม่ก็ความโดดเด่นที่ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นจุดสนใจได้ทุกที่ที่ย่างกรายไป

ดวงตาหลังกรอบแว่นกำลังเพ่งตรงไปยังใครสักคนที่อยู่เบื้องหน้า ใกล้พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่คาดเดาว่าถ้ามันออกดอกคงเป็นดอกแก้วสีขาวสะอาดตา ตรงนั้นมีนิสิตสาวร่างบางนั่งยองๆ ไล้มือไปตามแผ่นหลัง ‘หมาขี้เรื้อน’ ด้วยท่วงท่าอ่อนโยน มินำพาต่อความร้อนรอบกาย ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อขยับพูดนุ่มนวลราวกับสื่อภาษากันเข้าใจ

“ฉันสงสารเธอเหลือเกิน แต่ฉันพาเธอไปอยู่ด้วยไม่ได้ ทำใจดีๆ ไว้นะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป วันนี้ละ ฉันจะขอพี่ปรานต์ให้ช่วยพาเธอไปหาหมอ เชื่อฉันนะพี่ปรานต์ต้องช่วยเธอแน่เพราะพี่ปรานต์ใจดีที่หนึ่งเลยล่ะ” หญิงสาวกลืนก้อนตีบตันลงคอ มือยังลูบแผ่นหลังสุนัขจรจัดอย่างไม่นึกรังเกียจหรือขยะแขยง

...หึ ยังมีอยู่อีกหรือผู้หญิงที่ทำตัวเป็นนางเอกละครยุคเก่าแบบนี้...

คนไม่ตั้งใจมองแต่ก็จ้องอยู่เป็นเวลานานนับแต่หญิงสาวผู้นั้นเดินมาทรุดนั่งคิดหยันในใจ ทว่าราวกับมันสื่อสารไปกับละอองฝุ่นในอากาศถึงประสาทรับรู้ของเธอ ใบหน้ารูปไข่เรียวสวยจึงหันมามองราวกับได้ยิน

ชั่วพริบตาที่ชายหนุ่มเสหลบไม่ทัน เขาจึงเลือกมองตรงเช่นเดิม และนั่นเป็นผลให้ชายหนุ่มเห็นหยดน้ำเอ่อคลอในดวงตาคู่สวย หากฝ่ายถูกมองกลับสีหน้าตื่น ดวงตาฉายแววหวาดระแวง รีบลุกพรวดขึ้นยืนแล้วกระชับกระเป๋าเข้าหาตัวประหนึ่งเห็นโจรกำลังจะเข้ากระชากทรัพย์ หันซ้ายหันหวาหวาดๆ แล้วเหลือบมองสุนัขตัวนั้นอีกครั้งเธอก็จ้ำอ้าวหนีไปอย่างรวดเร็ว

คงเป็นปฏิกิริยาตอบรับอัตโนมัติ เมื่ออยู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืนและขยับขาก้าวตามออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

นิสิตสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งหันหลังสลับกับมองไปข้างหน้า ข่าวมิจฉาชีพและภัยร้ายเกี่ยวกับผู้หญิงตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทำให้เธอไม่เคยนึกไว้ใจคนแปลกหน้าคนไหน

แม้จะรู้สึกเหนื่อยหอบแต่เมื่อหัวใจยังไม่สำนึกถึงความปลอดภัยหญิงสาวจึงยังเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าต่อ ยิ่งเมื่อหันหลังกลับมาอีกครั้งพบว่าผู้ชายคนนั้นวิ่งตามเธอจึงออกวิ่ง และเลี้ยวเข้าไปทางมุมตึกด้านซ้ายซึ่งเป็นตึกคณะที่เธอเรียนอยู่

จังหวะที่หันกลับไปมองทางข้างหน้าเธอก็ชนเข้ากับใครสักคนอย่างจัง ศีรษะกระแทกแผ่นอกหนาจนสะบัดหงาย

...เฮือก!...

“พรรษ!”

“พี่ปรานต์!”

ความดีใจแล่นมาโอบกอดเธอพร้อมๆ กับลำแขนแข็งแรงที่โอบร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้น ใบหน้าสวยหวานยิ้มละมุนขึ้นด้วยความโล่งอก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มดวงหน้ายามเงยมองคนตัวสูงกว่า

“ทำไมถึงวิ่งเหมือนหนีอะไรแบบนี้ล่ะ ดีนะที่ชนพี่ ถ้าชนอย่างอื่นล่ะเจ็บตัวแน่ๆ เลย” น้ำเสียงนุ่มน่าฟังแม้จะเจือแววดุระคนห่วงใย

“พรรษขอโทษค่ะ เมื่อกี้มีคนเดินตามพรรษมาท่าทางไม่น่าไว้วางใจ”

“ใคร?” เสียงชายหนุ่มเข้มขึ้นโดยพลัน แนวคิ้วหนาขยับตัวเข้าหากันแน่น

“ไม่ทราบค่ะ อาจเป็นพวกโรคจิต คงไม่มีอะไรแล้วมั้งคะ” เพราะความเป็นคนมองโลกแง่ดีแง่เดียวเสมอทำให้ ‘เพลงพรรษ’ ไม่เคยเจ็บแค้นใคร ไม่อาฆาตพยาบาท และไม่ตำหนิหรือใส่ร้ายใคร “ว่าแต่พี่ปรานต์มาที่นี่ทำไมคะ”

“ไม่มีอะไรแน่นะ” เขายังไม่วายเป็นห่วง หญิงสาวยิ้มหวาน มองหน้าเขาด้วยสายตาปลาบปลื้มก่อนพยักหน้าเบาๆ ยืนยัน “พี่จะมาที่นี่ทำไม ถ้าไม่ใช่มารับพรรษกลับบ้าน”

นั่นคือความจริงที่ต่างฝ่ายต่างรับรู้ เหตุผลเดียวที่ปรานต์จะมามหาวิทยาลัยแห่งนี้เพียงเพราะมารับนิสิตสาวปริญญาโทคนนี้กลับบ้านเท่านั้น

“อ้าว...แล้ววันนี้พี่ปรานต์ไม่ไปเปิดซองประมูลงานใหญ่ของบริษัทหรือคะ” สิ้นคำถามของคนตรงหน้ามือหนาก็ลดลงข้างลำตัว สีหน้าชายหนุ่มเรียบเฉย หากไม่ได้เย็นชาจนน่าเกรงขาม ออกจะเจือรอยผิดหวังเสียมากกว่า

“พี่ไปมาเรียบร้อยแล้วจ้ะ”

“เป็นไงคะ” แม้จะพอเดาสีหน้าเขาออก แต่เธอก็ยังหวังให้ผู้ชายตรงหน้าได้รับแต่ข่าวดี ใบหน้าคมหันมาฝืนยิ้มให้เธออย่างรู้ใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร และเขาไม่ต้องการให้หญิงสาวพลอยไม่สบายใจไปด้วย

“ถึงงานนี้ไม่ได้ เราก็ยังมีงานหน้าอีกนี่จ๊ะ อีกสามเดือนพี่จะต้องประมูลได้งานชิ้นใหญ่ไม่แพ้ชิ้นนี้แน่ พรรษเชื่อมือพี่ใช่ไหม” ถึงไม่ถามเขาก็รู้ว่าเพลงพรรษเชื่อมือและเชื่อใจเขาเสมอ หากสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการเพียงคำพูดแสดงออกถึงกำลังใจเท่านั้นเอง

และเพลงพรรษก็ให้เขาได้ทุกครั้ง เธอเอื้อมจับแขนเขาบีบเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มแสนสวย อ่อนโยนอย่างที่ปรานต์มองได้ไม่เคยเบื่อ แม้จะมองมาตั้งแต่พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่วัยเยาว์

“เชื่อสิคะ พรรษรู้ว่าพี่ปรานต์เก่งและเป็นคนดี อีกสามเดือนข้างหน้าพี่ปรานต์ต้องได้งานชิ้นใหญ่แน่ๆ พรรษจะรอฉลองนะคะ” รอยยิ้มสวยกว้างขึ้นอีกนิด ทำเอาคนมองพลอยยิ้มตาม “แต่ไม่ว่าวันนี้ผลจะออกมาเป็นยังไง พรรษก็มีของขวัญมาให้พี่ปรานต์ค่ะ”

“จริงหรือจ๊ะ” เขาแสร้งทำตาโตคล้ายว่าแปลกใจ ทั้งที่พอจะเดาออก ในเมื่อเธอมักจะมีของเล็กๆ น้อยๆ ตามกำลังซื้อหรือประดิษฐ์ด้วยมือมาให้เขาทุกครั้งที่มีการประมูลงาน หรือวาระอะไรก็แล้วแต่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ปรานต์มั่นใจตั้งแต่ขับรถมารับเธอแล้วว่าจะได้ของขวัญ เขาถึงรอรับตอนเย็นที่บ้านไม่ไหว

“รอแป๊บนะคะ” ว่าแล้วก็ก้มลงควานหาของบางอย่างในกระเป๋า รื้อๆ ค้นๆ ก็ไม่พบกล่องของขวัญชิ้นเล็กแต่ราคาไม่น้อยเหมือนคราวที่แล้วๆ มา สีหน้าร่าเริงสลดลง กางกระเป๋าออกชะโงกหน้าก้มดูจนศีรษะเล็กๆ แทบหายเข้าไปข้างใน ก็ยังไม่เจออยู่ดี “สงสัยพรรษทำตกตอนวิ่งแน่ๆ เลยค่ะพี่ปรานต์” น้ำเสียงอ่อนอ่อยยามเอ่ยบอก

อีกฝ่ายยิ้ม ยกมือลูบผมดำสลวยแผ่วเบา สายตาทอดมองมากกว่าความเอ็นดู

“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่พี่รู้ว่าพรรษมีน้ำใจต่อพี่ เท่านี้พี่ก็ดีใจมากแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ พี่พาพรรษไปเลี้ยงข้าวก่อนกลับบ้านดีไหมจ๊ะ”

“พี่ปรานต์จะสะดวกหรือคะ” ถึงจะนึกดีใจสักแค่ไหน เพลงพรรษก็รู้ว่าการไปไหนมาไหนกับชายหนุ่มตรงหน้าตามลำพัง ไม่ใช่เรื่องโปรดของปภาวี มารดาของเขานัก

“วันนี้คุณแม่ไปงานเลี้ยงการกุศลจ้ะ กว่าจะกลับก็คงดึก” เขาบอกด้วยรอยยิ้มละมุนตา อีกฝ่ายจึงยิ้มออกบ้าง

ทั้งสองคนก้าวเดินไปจากตรงนั้น เพียงแค่สองก้าวคนเดินนำก็หยุด หมุนตัวกลับมาหาคนที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม โดยไม่พูดอะไร มือใหญ่เอื้อมจับมือเล็กไว้หลวมๆ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าร้อนจนซับสีเรื่อ กระนั้นก็ไม่ได้ดึงมือหนี เพราะสัมผัสจากเขาสุภาพ อ่อนโยนถึงหัวใจดวงน้อย


หลังมุมตึกที่สองหนุ่มสาวเดินจากมา...ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทยืนมองกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีเข้มในมือนิ่ง ก่อนเลื่อนมืออีกข้างขึ้นเปิดฝากล่องช้าๆ ปรากฏนาฬิกาแบรนด์เนมชื่อเสียงระดับกลาง ราคาไม่แพงหูดับ แต่ไม่ถูกจนหาซื้อได้ง่ายๆ

‘ของขวัญ’ ที่ผู้หญิงคนนั้นทำตกไว้ เป็นของสำคัญที่เธอจะนำไปให้คนรักที่ชื่อ ‘ปรานต์’ ใจจริงชายหนุ่มต้องการนำมาคืนเธอ แต่เพราะหญิงสาวเอาแต่วิ่งหนี เขาจึงจำต้องวิ่งตาม กระทั่งร่างบางเลี้ยวตรงมุมตึกนี้และเขาได้ยินเสียงผู้ชายอีกคน กำลังจะเข้าไปคืนของให้ แต่เพราะคำว่า ‘พวกโรคจิต’ ตามข้อสันนิษฐานมั่วๆ ชายหนุ่มจึงไม่ยอมปรากฏกาย หากก็ไม่ได้ถอยหนี คิดเพียงว่าเผื่อมีจังหวะจะได้คืนของสำคัญไป

แต่จนแล้วเขาก็ไม่ได้คืนของขวัญชิ้นนี้ให้เธอ
และสุดท้ายผู้หญิงคนนั้น...ก็ลืมเรื่องหมาขี้เรื้อนตัวนั้นไปเสียสนิท
เท่านี้ล่ะผู้หญิง! แค่เจอคนรัก ลุ่มหลงก็ลืมทุกสิ่งจนหมดสิ้น!



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

นิยายทุกเรื่องที่นำมาลง ล้วนแต่มีลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์แล้วทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นห้ามมีการนำไปดัดแปลง เลียนแบบ ทำซ้ำ หรือกรณีใดๆ ก็แล้วแต่
มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด!




ปลากัด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2554, 09:24:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2554, 09:24:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2006





   oOo บทที่ 1 oOo >>
ปั้นฝัน 4 เม.ย. 2554, 11:48:16 น.
เฮ้อ..สงสารหมาขี้เรื้อนตัวนั้จัง อิ อิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account