oOo รุ้งฤดูร้อน oOo
...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิดทุกๆ สิ่ง สร้างความแค้น ชิงชัง และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความรัก...ก็ควรเป็นบทยุติของทุกเรื่องราว...

...อาจจะเจ็บปวด อาจบอบช้ำ แต่สุดท้ายความรักจะโอบกอดทุกดวงใจให้สนิทแนบแน่น...
Tags: รุ้งฤดูร้อน,ปลากัด,รักร้ายๆ

ตอน: oOo บทที่ 1 oOo

บทที่1



บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ล่าสุดแล่นเข้าเทียบจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่เมื่อเวลาสองทุ่มเศษ สารถีกิตติมศักดิ์ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างใหญ่แล้วหันมองหน้าคนนั่งข้าง ยิ้มอ่อนโยนให้เธอ และฝ่ายนั้นก็ยิ้มอายๆ ตอบกลับมา สบตาแค่แวบเดียวก็เสหลบเลื่อนมือปลดเข็มขัดนิรภัยตัวเองบ้าง

สองหนุ่มสาวก้าวลงจากรถด้วยหัวใจชุ่มชื่น ฟูฟ่องคับอก เพราะช่วงเวลาที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังนั้นหายากยิ่งกว่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เสียอีก ถ้านับกันตามจริง วันนี้คงเป็นครั้งแรกกระมัง ที่พวกเขาได้พบความเป็นส่วนตัวนานที่สุด และคืนนี้อาจเป็นการนอนหลับเพื่อพบกับฝันดี

ทว่า...

“เฮอะ มีความสุขกันจริงนะ” ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะต่างคนต่างแยกไปยังที่พักของตัวเองซึ่งอยู่คนละ ‘ระดับ’ เสียงหนึ่งดังเยาะขึ้นไม่เบานัก และไม่ว่าใครในบ้านโอ่อ่าหลังนี้ได้ยิน เป็นต้องก้มหน้าหลบตากันให้วุ่น เพราะนี่คือเสียงแห่งประกาศิตของเจ้าของผู้มีอำนาจเหนือผู้ใดในบ้าน

“คุณแม่” ปรานต์ครางชื่อท่าน พร้อมเงยมองด้วยสายตาแปลกใจ เขาไม่นึกว่าคุณปภาวีจะกลับจากงานเลี้ยงเร็วขนาดนี้

“อ้อ ยังจำได้ว่าฉันเป็นแม่ งั้นแกจำได้มั่งไหมว่าฉันเคยสั่ง เคยห้ามอะไรไว้บ้าง หรือว่าหลงผู้หญิงจนหน้ามืดตามัว ประมูลงานไม่ได้แต่กลับแล่นไปหาผู้หญิง พากันออกไปสนุกรื่นเริง ไม่นึกกลัวว่าบริษัทจะพังหรือจะอยู่ ถามจริงเถอะ สมองแกมันยังมีรอยหยักครบหรือเปล่า หา!”

เสียงตวาดลั่นบ้านทำเอา ‘ผู้หญิง’ ที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของปรานต์สะดุ้ง ก้มหน้ามองมือที่บีบเข้าหากันแน่น

“ผมแค่ไปรับพรรษ ไปทานข้าวแค่นั้นเองนะครับคุณแม่” ชายหนุ่มยังคงพูดน้ำเสียงสุภาพ เหลือบตามองคนที่เอ่ยถึงอย่างนึกห่วง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้

“หึ ดีจริง เป็นแค่หลานคนใช้แต่ให้เจ้านายรับไปกินข้าวนอกบ้าน เจริญละ” เสียงหญิงสูงวัยประชด เยาะหยัน และก่อนลูกชายจะอ้าปากรับแทนรอบสอง คุณปภาวีก็หันตาดุวาวมาทางเขา ปรานต์จึงทำได้เพียงเงียบ “ลูกชายฉันมันใฝ่ต่ำ ฉันห้ามยาก แต่กับเธอ เพลงพรรษ...ฉันเคยเตือนแล้วไม่ใช่หรือว่าให้เจียมตัว ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าใกล้ตาปรานต์ เลิกใฝ่สูง เพราะฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด การที่ฉันยอมให้ตาปรานต์ส่งเธอเรียนมาจนถึงปริญญาโทเพราะเขาตั้งเงื่อนไขโง่ๆ กับฉัน เธอน่าจะรู้นี่ ว่าถ้าลำพังตัวเธอเอง อย่าว่าแต่ปริญญาตรีเลย แค่ม.ปลายก็ยังไม่มีปัญญา และฉันก็ไม่มีวันให้เธอปีนมาถึงทุกวันนี้แน่ เพราะงั้นจำใส่สมองที่ได้รับการพัฒนาของเธอไว้เถอะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่มีวันยกเธอขึ้นมาเหนือจาก ครัวคนใช้แน่ ไม่มีวัน!”

“คุณแม่!”

“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน...เงียบ! แล้วตามฉันมา แกต้องมีคำอธิบายเรื่องงานวันนี้!” ร่างของหญิงสูงวัยเดินลับหายเข้าบ้าน แต่คำสั่งประกาศิตที่เขาไม่เคยขัดได้ยังวนเวียนอยู่รอบกายคนทั้งสอง

ปรานต์หลับตาข่มอารมณ์มากมายที่หลั่งไหลเข้าสู่หัวใจ เขาหมุนตัวมาหาคนยืนก้มหน้า มือทั้งสองบีบแน่น ชายหนุ่มก้าวไปใกล้เธอ แต่เพลงพรรษถอยหนี

“อย่าค่ะ อย่าเข้าใกล้พรรษมากกว่านี้” เสียงหญิงสาวเครือ หากน้ำตายังไม่รินไหลเพราะเธอเก็บกลั้นมันไว้สุดความสามารถ

ปรานต์จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสงสารสุดหัวใจ เขากับเธอโตมาพร้อมๆ กัน แม้มารดาจะห้ามไม่ให้เข้าใกล้เพลงพรรษ แต่บ่อยครั้งเมื่อวัยเยาว์ ยามคุณปภาวีไม่อยู่ ชายหนุ่มเป็นต้องแอบไปเล่นกับเธอเสมอ เมื่อโตขึ้นการเจอกันค่อนข้างยากลำบาก เพราะมารดาเขาคุมแจ แต่กระนั้นหัวใจก็ยังแอบหนีไปหาเธอเรื่อยมา เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว เป็นทายาทมรดกทั้งหมดของครอบครัว และบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คุณปภาวีจึงต้องการให้เขาครบสูตร แม้กระทั่งเรื่องคู่ครอง

แต่การเป็นความหวังเดียวของตระกูล ‘พสุธาเทพ’ ทำให้ปรานต์มีข้อต่อรองกับมารดาเรื่องเพลงพรรษ อย่างน้อยเขาก็ยื่นข้อเสนอ ในการทำตัวเป็นผู้สืบทอดธุรกิจที่ดีด้วยการ ขอให้มารดายอมให้เขาส่งเพลงพรรษเรียนถึงปริญญาโท หากปรานต์รู้ นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มารดาเขาจะยอม มากกว่านี้ถึงขั้น ‘คว้า’ เพลงพรรษมาเป็นคู่ครอง ท่านคงยอมตัดแม่ตัดลูกกับเขาเสียดีกว่า

ขายาวก้าวอีกสองก้าว เอื้อมจับมือเธอมากุมไว้ แม้ฝ่ายนั้นจะฝืนเขาก็ดึงดัน

“อย่าใส่ใจคำพูดคุณแม่ พี่รักพรรษ...เชื่อใจพี่ได้ไหม” แค่คำพูดนุ่มนวลของเขา สามารถดึงใบหน้าและสายตาเธอให้เงยมองได้ไม่ยาก

ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง เพลงพรรษรู้ ทุกคำพูดของปรานต์จริงใจ หาใช่คำหลอกลวง แต่เพราะจริงใจ เธอถึงต้อง ‘เจียมตัว’ อย่างที่เจ้าชีวิตทุกคนในบ้านนี้ประกาศกร้าว เธอจะตอบรับความจริงใจเขาได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นแค่คน ‘ชั้นต่ำ’

“พรรษเชื่อใจพี่...เอ่อ คุณปรานต์ แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ สักวันเราสองคนต้องยอมรับความจริง” ยามใดอยู่ในอาณาเขตปกครองของคุณปภาวี ห้ามใครเรียกปรานต์ด้วยสรรพนามอื่นนอกจากนำหน้าด้วยคำว่า ‘คุณ’ เท่านั้น

เสียงระบายลมหายใจยาว ไม่ใช่เพราะระอาหญิงสาว แต่เพราะเขาล้ากับการต้องวางตัวสูงส่ง ดุจเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่มีใครเอื้อมถึง หรือแม้แต่เทียบเท่า

“พี่ไม่อยากยอมรับ ไม่...”

“เข้าบ้านเถอะค่ะคุณหนู เดี๋ยวคุณท่านออกมารอบสอง คุณหนูเองจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย วันนี้ดูท่าทางคุณแม่จะโมโหมากนะคะ” นางเอื้องหญิงชราคนเก่าแก่ของบ้าน ซึ่งมายืนดักรอหลานสาวตั้งแต่คุณปภาวีกลับมา เดินเข้ามายืนใกล้เพลงพรรษเอื้อมมือรั้งร่างบางให้ถอยห่างร่างใหญ่เบามือ ไม่กระชากแต่พอทำให้ทั้งสองคนรู้ว่า ยามนี้ไม่สมควรใกล้กัน

อีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องหลับตาข่มใจ ระบายความตึงเครียดออกมา อย่างไร้คำพูดต้านทาน เขาลืมตามองหญิงสาวตรงหน้านิ่งนาน ก่อนตัดใจหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป เพลงพรรษมองแผ่นหลังกว้างที่เคลื่อนไหวห่างออกไป ริมฝีปากสั่นจนต้องกัดไว้แน่น

“คุณท่านพูดถูกทุกคำล่ะ พรรษเอ้ย” นางเอื้องลูบแขนหลานสาวเบาๆ นางไม่ต้องการให้เพลงพรรษเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นมาหรือเป็นอยู่ อนาคตไม่ต้องมีหมอดูทำนาย นางก็รู้ว่าระหว่างปรานต์กับหลานสาวตน ห่างไกลเกินบรรจบ

นางเอื้องเลี้ยงปรานต์กับเพลงพรรษมาตั้งแต่พวกเขาเพิ่งลืมตาดูโลก ทำไมนางจะไม่รู้จักคนทั้งสอง หากเหนือสิ่งอื่นใด นางอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่คุณปภาวีแต่งงานกับสามีใหม่ๆ ไยนางจะไม่รู้จักนิสัยของคุณปภาวีดีเช่นกัน

สิ่งใดคุณปภาวีบอกว่าไม่ ก็คือไม่!

“พรรษทราบจ้ะยาย พรรษจะเจียมตัวให้มากกว่านี้” น้ำใส่รินลงอาบแก้มเนียน

นางเอื้องสงสารหลานสาวสุดหัวใจ ไพล่นึกถึงหญิงสาวอีกคน เมื่อครั้งในอดีตหญิงสาวผู้นั้นเคยเป็นคนงานในบ้านเช่นนาง แต่น่าเสียดายที่เธออายุสั้น แค่สามสิบกว่าๆ ก็ลาโลกไปเสียแล้ว

เพลงพรรษในวันนี้โขกบุคลิกหญิงผู้นั้นมาแทบไม่ผิดเพี้ยน แม้จะมิได้เป็นสายเลือดกันแต่อย่างใด อาจเพราะผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงหลานนางมาแต่วัยเยาว์เช่นกัน


ท่านั่งดุจนางพญาของมารดาบนเก้าอี้ตัวใหญ่ราคาแพงอันเป็นเก้าอี้ประจำตัวประมุขของบ้าน ไม่ได้ทำให้ปรานต์นึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เขาเตรียมใจไว้แล้วนับแต่ซองประมูลเปิดออกและบริษัท ‘พสุธาเทพ คอนสตรัคชั่น จำกัด’ พลาดไปอย่างน่าเสียดาย งานชิ้นนี้เป็นความหวังครั้งใหญ่ของคุณปภาวี ความจริงผู้เป็นมารดาก็หวังทุกงานนั่นล่ะ สำหรับคนรักความเป็นที่หนึ่งอย่างท่านให้เปอร์เซ็นต์ผิดพลาดแก่เขาเป็นศูนย์

ดังนั้นไม่แปลกเลย ที่ท่านจะกล่าววาจาทำร้ายจิตใจเขาและเพลงพรรษได้รุนแรงถึงเพียงนั้น หัวใจผู้เป็นมารดาไม่พร้อมยอมรับความผิดหวังจากอะไร หรือใครทั้งนั้น

“ทำไมคุณแม่ถึงกลับเร็วล่ะครับวันนี้” เป็นคำถามเรียบเรื่อย มากกว่าจะสนใจจริงจังหรือต้องการเปลี่ยนประเด็น

“หึ! แกจะให้ฉันยืนยิ้มหน้าระรื่นกับใครได้ ในเมื่องานช้างของบริษัทชวดไปอย่างไม่น่าให้อภัยขนาดนี้” น้ำเสียงไม่ได้ลดระดับความกรุ่นโกรธเลยแม้แต่น้อย ปรานต์พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มารดาเข้าใจว่าเขาโกรธตอบ สายตาชายหนุ่มเหลือบมอง บุรุษร่างกำยำที่ยืนท่าสำรวมใบหน้าเรียบนิ่ง ห่างจากเก้าอี้คนเป็นแม่ไม่มากนัก

‘ทินกร’ มือขวาของ ปภาวี พสุธาเทพ ผู้ชายเลยวัยกลางคนคนนี้ เป็นยิ่งกว่าเลขา ยิ่งกว่ามือปืน หากเสมือนทาสผู้จงรักภักดี ทำได้ทุกตำแหน่ง ทุกหน้าที่ตามแต่มารดาเขาจะบัญชา ไม่เว้นกระทั่งตามประกบเขาชนิดรู้แทบทุกรายละเอียด และเรื่องงานวันนี้ คงไม่ใช่ใครอื่นที่เป็นคนรายงาน

ริมฝีปากปรานต์กระตุกยิ้มหน่ายๆ นี่หรือชีวิตน่าอิจฉาจากสายตาสังคม!

“ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วครับ”

“ทำดีที่สุดแล้ว!” ระดับเสียงสูงพุ่งขึ้นแทบทะลุเพดาน ขาที่ไขว่ห้างสะบัดแรงลงเหยียบพื้น ก่อนลุกยืนแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีจัดสั่นด้วยแรงอารมณ์ “ถ้าแกทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ทำไมถึงยังพลาด ฉันจะไม่โกรธขนาดนี้ถ้าแกพลาดให้บริษัทอื่น ไม่ใช่บริษัทที่แย่งงานพสุธาเทพมาแล้วถึงสองครั้ง!”

พสุธาเทพ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับแนวหน้าของเมืองไทย ก่อตั้งมาแล้วถึง 32 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 33 เป็นบริษัทที่บิดาของปรานต์ก่อตั้งขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง จากงานก่อสร้างเล็กๆ รวมถึงงานโยธาทั่วไป ค่อยขยับขยายแผ่วงกว้างไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เรียกว่าล้มหลายครั้ง พังหลายหน แต่ในที่สุดก็ยืนหยัดมายาวนาน พัฒนาจนสามารถรับงานก่อสร้างที่มีความซับซ้อน ชนิดต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาช่วย และได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐ ก่อสร้างงานใหญ่ๆ มาหลายงาน

โดยเฉพาะงานนี้บริษัทที่ประมูลได้ไป อาจหมายถึงการได้สานต่อโครงการก่อสร้างในส่วนที่เป็นกลุ่มสัมปทานอีกหลายงาน มูลค่าแต่ละงานไม่ต่ำจากหลักร้อยล้าน เผลอๆ เฉียดพันล้านเสียด้วยซ้ำ

แต่แล้วจู่ๆ บริษัทที่หากมองผิวเผิน คล้ายว่าอยู่นอกเหนือกระแส อย่าง ‘นราวิวัฒน์ พาวเวอร์ จำกัด’ เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่มีรายชื่อติดโผหนึ่งในสิบของเมืองไทยเช่นกัน หากไม่เคยเฉียดใกล้มาถึงเบอร์หนึ่งอย่าง พสุธาเทพฯ เลยสักครั้ง จึงไม่เคยอยู่ในสายตาคุณปภาวี ยกเว้นสองครั้งที่ผ่านมาบวกกับครั้งนี้!

ลองกล้ามา ‘แย่งงาน’ ของพสุธาเทพฯ นั่นแสดงให้เห็นว่า นราวิวัฒน์ฯ ประกาศตัวก้าวขึ้นสู่การเป็นเบอร์หนึ่ง!

“แต่การเปิดซองประมูลเป็นไปอย่างยุติธรรมนะครับคุณแม่ ผม...”

“หยุด! ฉันไม่อยากฟัง ไม่ต้องการคำแก้ตัว ไม่ต้องอ้างอะไรทั้งนั้น ฉันเคยสอน เคยบอกแกกี่ครั้งแล้ว สำหรับความผิดพลาด เหตุผลไม่มีน้ำหนัก! รู้ไว้นะ ถ้างานครั้งต่อไปพลาดอีกล่ะก็...พสุธาเทพจะกลายเป็นบริษัทมหาชน สิ่งที่พ่อแกสร้างมา จะต้องถูกแบ่งเป็นส่วนๆ และทุกอย่างมันเพราะน้ำมือแก เพราะแกมันโง่ ไร้ฝีมือ!”

ดวงตาวาวโรจน์ของคนเป็นแม่ไยเล่าถึงไร้แววเอื้อเอ็นดู ห่วงหาอาทรผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุตรชาย ตลอดเวลาแห่งความทรงจำปรานต์สำเหนียกไม่ได้เลยว่า ครั้งใดบ้างที่มารดาโอบกอดเขาถ่ายทอดความอบอุ่น ครั้งใดบ้างสองมือนั้นยื่นมาซับน้ำตาแผ่วเบา ครั้งใดบ้างที่สายตาจะฉายแววแห่งความรักท่วมท้นหัวใจ หรือเพียงเศษเสี้ยวความสงสาร เวทนาก็ยังดี

ไม่เลย...ไม่มีวินาทีไหน ที่มารดาเขาจะบรรจงวาดความทรงจำแสนสวยงามลงบนหัวใจแห้งแล้ง ดุจก้อนหินห่างไกลแม่น้ำมาช้านาน

ท่านมีเพียงความชาเฉย คาดหวัง ออกคำสั่ง และต้องได้ดั่งใจเท่านั้น ชีวิตท่าน ทุกอย่างคือที่หนึ่ง กฎเหล็กคือห้ามผิดพลาด!

“ผมขอโทษครับ” น้ำเสียงชายหนุ่มแหบโหย การยอมรับผิดน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่กระนั้น...
“ยิ่งคำนี้ ฉันยิ่งไม่อยากได้ยิน!” ร่างแห่งผู้ทรงอำนาจสะบัดหันหลังเดินขึ้นบันไดปูด้วยพรมทอดยาวขึ้นไปยังชั้นบนด้วยท่วงท่าดุจนางพญาเช่นเดิม เหลือทิ้งไว้แต่ซากหุ่นยนต์ผู้จงรักภักดีและบุตรชายนอกหัวใจ!

ปรานต์เดินไปทรุดนั่งตรงโซฟาตัวยาว ไหล่หนาที่ตั้งตรงสง่าเสมอยามเมื่อสวมสูทออกไปเผชิญกับใครก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่เพลงพรรษตกลู่ลงราวสิ้นไร้เรี่ยวแรง มิได้สนใจว่าทาสผู้ภักดีของมารดาจะมองอยู่หรือไม่ หุ่นยนต์ไร้หัวใจตัวนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาเขา

เพียงคนเดียว...เพลงพรรษเพียงคนเดียวที่ดูแลเอาใจใส่เขา ให้ความอบอุ่น นุ่มนวล อ่อนโยน เห็นเขามีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ภาคภูมิใจในตัวเขาอย่างที่มารดาไม่เคยแยแส ชื่นชมด้วยรอยยิ้มจริงใจ ปราศจากคำพูดต่อว่าหรือดูแคลน

เปรียบประหนึ่งสายฝนที่หล่นลงบนใจเขาเป็นเสียงเพลงขับกล่อมให้ผ่อนคลาย...เพลงพรรษ

...แต่มารดาก็ยังสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้เธอ ท่านต้องการให้หัวใจเขาไม่หลงเหลือแม้โอเอซิสเล็กๆ เลยใช่ไหม


ร่างบางในชุดนิสิตนั่งก้มหน้ามองมือที่วางบนตักนานพอสมควร เสียงจากบ้านใหญ่ดังมากพอให้แว่วมาถึงประสาทรับฟังของเธอ น้ำใสร่วงรินอาบแก้มอีกครา หลังจากป้ายออกไปแล้วเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน ไม่ใช่หยดน้ำตาจากความเจ็บเพราะคำพูดของคุณปภาวี เธอเจอคำพวกนั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ เพราะนางเอื้องพร่ำสอนเสมอให้รู้จักบุญคุณคน อย่างไรเสียคุณปภาวีก็ให้ที่อยู่ที่กิน ให้การศึกษา แม้จะเป็นการศึกษาที่ปรานต์ร้องขอให้ก็ตามแต่

หากคือหยดน้ำตาแห่งความเห็นใจคนที่ใจภักดิ์ ถึงไม่เห็นกับตาเธอก็นึกภาพออกว่าเวลานี้ปรานต์กำลังรู้สึกเช่นไร ยามได้ใกล้กัน ชายหนุ่มส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นมาทางสายตา อุ้งมือใหญ่ และหัวใจที่ตรงกัน

ทุกข์ยิ่งกว่าคือเธอไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย ตรงกันข้ามยามเธอประสบปัญหา พบพานเรื่องทุกข์ใจ เขาจะยื่นมือมาคลี่คลายให้เสมอ แม้ว่าสุดท้ายจะโดนคุณปภาวีอาละวาดแทบทุกครั้งก็ตาม

สะอื้นแรงอีกครั้ง หญิงสาวจึงตัดใจลุกยืน เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปยังห้องน้ำ หัวใจไพล่นึกไปถึงนาฬิกาที่ซื้อไว้เพื่อมอบให้ปรานต์ เธอไม่น่าสะเพร่าทำหล่นหายเลย แม้จะซื้อมาด้วยเงินแทบทั้งหมดที่เพียรเก็บเล็กผสมน้อยมาเนิ่นนาน ก็ยังไม่เสียดายเท่ากับ ความตั้งใจให้เขาไว้เป็นที่ระลึกระหว่างกัน

“ป่านนี้คงมีใครเก็บได้แล้วแน่ๆ เลย” ริมฝีปากบางสวยรำพันกับตัวเองเบาๆ มือเรียวค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก ได้เพียงสองเม็ดก็ชะงักค้าง ภาพสะท้อนในกระจกตรงหน้าส่องให้เห็นสร้อยคอทองคำขาวไม่มีราคาค่างวดมากมายอะไรนัก แต่ส่วนที่ห้อยติดกับสร้อยต่างหากที่ราคาสูงชนิดชีวิตนี้เธอคงไม่มีปัญญาซื้อ หรือต่อให้มีเงินก็คงซื้อมาเทียบไม่ได้

เพราะมันคือแหวนเพชรราคาแพง ผู้ที่ให้มาคือ ‘ป้ามีน’ อดีตสาวใช้ที่เธอรักและเคารพไม่ต่างจากนางเอื้องหรือแม่ผู้ให้กำเนิด

คุณค่าทางจิตใจ...ที่ไม่มีวันซื้อได้ด้วยเงิน

‘ป้ามอบให้หนูไว้เพราะป้ารักหนูเหมือนลูกแท้ๆ ไม่อยากให้มันถูกแผ่นดินกลบไปกับป้าจ้ะ’

‘ไม่เอาค่ะป้ามีน อย่าพูดแบบนี้สิคะ พรรษใจไม่ดีเลย’

มือเรียวผ่ายผอมอันเกิดจากการกินไม่ได้นอนไม่หลับบวกความไม่แข็งแรงของร่างกายยกขึ้นลูบผมสลวยแผ่วเบา เนิบช้า สายตาอ่อนโยนไหวระริก รอยยิ้มจริงใจทว่าแลคล้ายจะสิ้นแรงเผยให้เพลงพรรษมองเห็นแต่กลับไม่สบายใจเพิ่มสักนิด

‘ถ้าสวรรค์ยังเมตตาป้าบ้าง ป้าก็หวังว่าสักวันหนูจะเป็นตัวแทนให้ป้าได้’

‘ตัวแทน? ตัวแทนอะไรคะ พรรษไม่เข้าใจ’

รอยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าซูบตอบ แต่ริมฝีปากซีดค่อยสั่นทีละน้อย ดวงตาหม่นหมองหลั่งรินน้ำตาอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเฝ้ามอง เพียงแค่หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมป้ามีนถึงโศกเศร้ากับชีวิตขนาดนี้ นางไม่เอ่ยปากเล่า ใช้ชีวิตใต้ร่มเงาของพสุธาเทพอย่างเจียมตัว เงียบซึม ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่ใคร่สนทนาปราศรัยกับใคร นอกจากเธอและนางเอื้อง

หลังจากวันนั้นเพียงคืนเดียว ‘มีนรักษ์’ ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุภายในบ้าน นางตกจากบันไดบ้านขั้นสูง หลังจากขึ้นไปทำความสะอาดห้องชั้นบนหมดทุกห้อง สันนิษฐานกันว่านางคงเหนื่อยล้า และทำงานหนักจนเป็นลมตกลงมา

ข่าวทุกอย่างถูกปิดเงียบเพราะคุณปภาวีไม่ชอบให้มีข่าวเสียหายเกิดขึ้นกับวงศ์ตระกูล แม้แต่ศพของมีนรักษ์ก็ให้นางเอื้องและคนงานพาไปจัดการที่วัดในเวลาอันรวดเร็ว ได้สวดแค่คืนเดียวก็ฌาปานกิจ

มือเรียวไล้ลงบนเรือนแหวนสะท้อนแสงไฟวาววับตรงหัวเพชร กระบอกตาร้อนรื้นขึ้นอีกครั้ง

“ป้ามีนขา ช่วยพี่ปรานต์ด้วยเถอะค่ะ พรรษสงสารพี่ปรานต์เหลือเกิน”


เพราะเป็นคนนุ่มนวล เพลงพรรษจึงมักทำอะไรช้ากว่าคนอื่นเสมอ เธอจะค่อยๆ ทำ ละเอียดรอบคอบ ไม่รีบร้อน ดังนั้นเวลาในการอาบน้ำจึงใช้ไปราวชั่วโมง กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็เกือบดึกเลยทีเดียว

แปรงผมเสร็จตั้งใจจะเข้านอน หากเรื่องเมื่อหัวค่ำ ทำให้จิตใจหญิงสาวว้าวุ่น เสียงผ่อนลมหายใจแผ่วเบาบ่งชัดถึงความหนักใจ ร่างบางในชุดนอนเสื้อเชิ้ตสีอ่อนแขนสั้นขนาดใหญ่กว่าลำตัวมากกับกางเกงขายาวสีเดียวกันจึงเดินออกมารับลมตรงสวนด้านหน้าบ้านพักหลังเล็ก

สายลมโบกไหวทำให้รู้สึกสดชื่น เพราะอากาศช่วงกลางวันร้อนอ้าว แม้พัดลมเปิดจ่อแล้วยังมีเม็ดเหงื่อผุดแทบจะทุกค่ำคืนที่เข้านอน กระนั้นเพลงพรรษก็ทนได้ เธอไม่เคยนึกถึงเครื่องปรับอากาศ แม้ปรานต์จะเคยเสนอกึ่งคะยั้นคะยอ

พอคิดถึงชายหนุ่มสีหน้าหญิงสาวก็สลดวูบ...จริงอยู่ ใจปรานต์ปักอยู่กับเธอ แต่คำว่า ‘ไม่คู่ควร’ เปรียบเสมือนกรอบที่ตีล้อมรอบตัวเขา ไม่ให้เธอเข้าถึง คุณปภาวีเคยบอก...หากรักเขาจริงอย่าดึงเขาลงต่ำ และเธอไม่มีวันหนุนเขาให้ขึ้นสูงได้เช่นกัน หลายครั้งเพลงพรรษพร่ำสั่งให้ตัวเองหักใจ แต่เพราะเขาคอยเฝ้าวนเวียน ยึดยื้อ ร้องขอ บวกกับหัวใจดวงน้อยมิอาจต้านทาน ทุกอย่างจึงยังค้างคาเรื่อยมา

สายลมพัดโชยอีกครั้ง กลิ่นดอกไม้รอบเรือนหลังเล็กส่งกลิ่นหอมยั่วใจ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก มือเลื่อนขึ้นลูบแหวนที่ห้อยตรงคออีกครั้ง ยามกลางวันเธอต้องซ่อนแหวนวงนี้ไว้ภายใต้เสื้อเพราะคุณปภาวีไม่ชอบให้นำของๆ คนตาย หรือสิ่งอัปมงคลมาไว้ในบ้าน แม้จะไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ก็ตาม

ทรมาน...การที่ต้องยืนมองของมีค่าแต่ไม่อาจเอื้อมมือคว้าได้ ปรานต์ยกให้มันเป็นสุดยอดของความทรมาน และมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด กี่คืนแล้วที่เขาคอยเฝ้ามองเพลงพรรษจากตรงนี้ กี่ปีแล้วที่ทุกข์ทรมานใจ ไม่อาจคาดหวังได้เลยว่าวันหนึ่งเขาจะขอเธอแต่งงาน ขอให้เธอขึ้นมาอยู่ด้วยกันบนบ้านหลังใหญ่แต่อ้างว้างหลังนี้

“พี่ปรานต์...” เสียงหวานครางชื่อชายหนุ่มแผ่วอ่อน ยามเมื่อรู้สึกว่าใครสักคนจ้องมอง และแหงนหน้าขึ้นไปประสานสายตาที่จ้องนิ่งลงมา

ริมฝีปากชายหนุ่มขยับยิ้ม แต่สีหน้าแววตากลับไม่สดใส เพลงพรรษยิ้มสวยส่งให้เขา ถึงภายในใจจะเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่เธอจะมอบให้ผู้ชายคนนี้คือรอยยิ้มและกำลังใจ ยิ่งคิดรอยยิ้มเธอยิ่งสว่างไสวน่ามองขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดปรานต์ก็ยิ้มออกทั้งสีหน้าแววตา

สบตากันพักใหญ่ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ เพียงเท่านั้น หัวใจทั้งสองดวงกลับอิ่มเอมยิ่งกว่าพูดกันนับร้อยนับพันคำ

…บางทีแค่นี้คงพอ หากมารดาไม่ยินยอมให้เขารักกับเพลงพรรษ แค่ให้อยู่บริเวณบ้านเดียวกัน ได้เห็นหน้า สบตากันบ้างคงพอ...

...เช่นกัน หากเธอไม่คู่ควรกับเขา ก็ขอเพียงอย่าให้มีอันต้องห่างเหิน ได้เห็นรอยยิ้ม ส่งกำลังใจ ห่วงหาอาทร แค่นี้ก็เกินพอ...



โปรดติดตามตอนต่อไป
น้อมรับทุกคำติ-ชมค่ะ ^^



ปลากัด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2554, 09:33:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2554, 09:33:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1899





<< oOo บทนำ oOo   oOo บทที่ 2 oOo >>
ปั้นฝัน 4 เม.ย. 2554, 11:53:23 น.
อยู่แค่เพียงเอื้อมมือ.. แต่มันคือแสนไกล เครียดจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account