แผนรักซ่อนกลอลวนหัวใจ
เซอร์ไพรส์ของคุณพ่อที่รัก
คือการอพยพครอบครัวไปปักหลักที่ญี่ปุ่น!
ม่ายอ๊าว >O< เปาะแปะเกลียดญี่ป่น
แถมต้องไปจ๊ะเอ๋ลูกชายคุณป้าจ๋าที่เบื้องหลังคือคุณชายมาเฟียสุดโหด
ถึงจะหล่อลากดิน ก็ไม่สนหรอกย่ะ!
Tags: มาเฟีย/น่ารัก

ตอน: ตอนที่1

1…

“เกือบ7โมงแล้ว หนูรุ้งอ้วนของพ่อยังไม่ลงมาอีกเหรอ?“
เป็นเช้าวันศุกร์ที่อากาศช่างสดใสซะเหลือเกิน ท่านทูตคณิตเดินเข้ามาในห้องอาหารอย่างอารมณ์ดีมีความสุขแต่ดันไปเสริมทุกข์ให้คุณหญิงพรพรรณรายที่นั่งชงกาแฟอยู่เข้าให้โดยไม่รู้ตัว
ใช่ ถ้าเขารู้ รับรองได้ว่าจะไม่มีวันกล้าทำแบบนี้แน่ เพราะผลที่ตามมามันน่ากลัวนัก
ข้อตกลงที่มีมานานถูกละเลยแต่เช้าแบบนี้ใครจะทนไหว มือที่เอื้อมไปหยิบขวดใส่คอฟฟี่เมตซึ่งเป็นขวดแก้วรูปกาน้ำเปอร์เซียเลยชะงักกึกกลางทางแล้วเลี้ยวขวาฝ่าไฟแดงไปหยิบเอาขวดใส่เกลือป่นรูปคนแคระแก้มแดง อันเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นขวดใส่เครื่องปรุงชุดสโนไวท์กับคนแคระทั้ง7มากำไว้แทน
ต้องให้เจอทะเลในกาแฟเสียหน่อย เผื่อจะจำได้!
ยังไม่ทันจะทำอย่างที่คิด คุณหญิงก็เหลือบไปเห็นบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ขานั้นจ้องมองมาอย่างอ้อนวอนอยู่ในทีและเมื่อนั้นความเป็นแม่ก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว คุณหญิงส่งยิ้มหวานให้ทันควันแล้วเลื่อนคนแคระกลับไปหาสโนไวท์ท่ามกลางเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของเด็กหนุ่ม
ค่อยยังชั่ว คุณแม่คงนึกออกแล้วว่านั่นกาแฟของเขาต่างหาก ไม่ใช่ของคุณพ่อ
“ปอนด์ หนูรุ้งยังไม่ตื่นเหรอ ลูก?“
หมดกัน!
ปังปอนด์หรือประกาศิตแทบอยากเอาหัวโขกโต๊ะเดี๋ยวนั้น เมื่อเสียงทุ้มนุ่มสมอาชีพของบิดาดังขึ้น กาแฟของเขาก็กลายสภาพเป็นทะเลดำไปแล้วเรียบร้อย สงสารตัวเองที่อดดื่มกาแฟหอมกรุ่นแต่วินาทีต่อมา เขาสงสารบิดามากกว่าเมื่อมารดาทำไม่รู้ไม่ชี้เลื่อนทะเลดำไปให้ผู้เป็นสามีก่อนหันไปละเลียดซุปไก่ข้นของโปรดต่อ ประกาศิตรีบลุกขึ้น ไม่อาจทนดูฉากสยองขวัญที่กำลังจะบังเกิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ได้
“งั้นเดี๋ยวผมไปดูรุ..เอ้ย..เปาะ..” ประกาศิตตีหน้าไม่ถูกทั้งขำทั้งอยากร้องไห้ไปพร้อมๆกัน 2ชื่อของคนคนเดียวชักนำสายตาไม่พึงประสงค์2คู่กราดแว่บมายังเขาราวกับสปอร์ตไลท์
“โอเคครับ เอาเป็นว่าผมไปดูน้องก่อนละกัน“
ชายหนุ่มเผ่นแน่บขึ้นข้างบนทันทีที่เห็นท่านทูตยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

ประกาศิตเดินลูบแขนอย่างสยองใจมาตลอดทางที่จะนำเขาไปห้องยัยสองชื่อหรือน้องสาวผู้ตื่นสายเสมอ
เมื่อครู่เสียงอุทานที่ฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาไหนดังลั่นบ้าน ทะเลดำที่ได้ลงไปแหวกว่ายโดยบังเอิญมีหวังทำให้ลิ้นของผู้เป็นบิดาชาไปหลายวันแน่ๆแต่ก็คงทำให้จดจำกฏพิเศษของบ้านได้ขึ้นใจกว่าเดิม
กฎพิเศษเวอร์ชั่นว่าด้วยชื่อเล่นที่บัญญัติขึ้นมาเพื่อน้องสาวของเขาโดยเฉพาะ!
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อประตูห้องน้องสาวถูกเปิดผางออกมาทั้งที่เขาเองยังไม่ทันได้จับลูกบิดด้วยซ้ำ แล้วยิ่งตกใจซ้ำซ้อนเข้าไปอีกเมื่อหน้าซีดเซียวของชมพู่ เด็กสาวต้นห้องโผล่ออกมา
“เป็นอะไร ชมพู่ นี่เพิ่งตื่นหรือเปล่าเนี่ย โห…หน้าตาดูไม่ได้เลย“ประกาศิตถามอย่างสงสัยแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในห้อง “แล้วยัยป้อแป้ล่ะ ตื่นรึยัง?“
ไม่ว่าบิดามารดาจะตั้งชื่อเล่นน้องสาวไว้ดีเลิศประเสริฐสุดยังไง แต่ลับหลังท่านทั้งสอง เขาเรียกน้องสาวอย่างนี้เสมอแหละ…

“ตื่นค่ะ ตื่นมาจามใส่หน้าชมพู่แล้วก็นอนต่อเฉยเลย“
“ฮ้า! นี่ยัยนั่นยังนอนต่อได้อีกเหรอ กี่โมงเข้าไปแล้ว งั้นเราจะไปทำอะไรต่อก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูเอง”ประกาศิตโบกมือ ออกจะขำๆที่สาวใช้ต้นห้องโดนฤทธิ์ยัยตัวแสบแต่เช้า
หน้าเตียงกว้างมีหมอนรูปสัตว์สีหวานๆมากมายอย่างกับสุสานก็ไม่ปาน และยามนี้ร่างบางก็จมอยู่ในสุสานหมอนเหล่านั้น ชายหนุ่มก้มลงไปมองน้องสาวใกล้ๆ ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบผมยาวรุงรังออกเพื่อค้นหาหน้าใสๆที่คงซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใต้ความดำขลับนั่น
บรื๋อ อย่างกับจูออน ประกาศิตขนลุก เกิดค้นไปค้นมากลายเป็นหน้าผีดุจะทำไงดีวะเนี่ย
“เปาะแปะ ตื่น!“
“เพิ่ง6โมงครึ่งเองพี่ปอนด์…”เสียงงึมงำตอบกลับมาทำให้คนที่ยังหาหน้าไม่เจอใจมาเป็นกอง
“บ้าเหรอ 7โมงครึ่งแล้วน้อง“
“จริงดิ!? “ หน้าใสแป๋วแหววโผล่พรวดขึ้นมาจากหมอน “คนสวยแย่แล้ว!“
ร่างบางกระโจนพรวดจากเตียงผ่านหน้าประกาศิตไปจนเขาผงะหลบแทบไม่ทัน ชายหนุ่มถอยฉากไปยืนกอดอกที่หน้าประตูเพื่อดูละครตลกที่เขาเห็นมาจนชินแต่ยังไงก็ไม่ยักเบื่อสักกะที
เด็กสาวผมดำยาวสลวยในชุดนอนแบบกางเกงขาสั้นเสื้อมีปกสีสันสดใสแสบตาวิ่งวนไปวนมาสองรอบจึงเอื้อมมือมาคว้าผ้าเช็ดตัวลายสตรอเบอรี่ผืนใหญ่ แต่แล้วก็ร้องโหวกเหวกเมื่อพบว่ามือทั้งสองข้างไม่ว่าง นั่นก็เพราะข้างหนึ่งกำรีโมทเครื่องเล่นดีวีดี ส่วนอีกข้างเป็นรีโมททีวีเอาไว้แน่น
เด็กสาวเต้นหยองแหยงอย่างกับกุ้งโดนน้ำร้อนลวกจนชายหนุ่มต้องปิดปากกลั้นยิ้ม สงสัยตัดสินใจไม่ได้ตามเคยว่าจะทิ้งอะไรระหว่างรีโมทกับผ้าเช็ดตัว จนในที่สุดก็ค้นพบสัจธรรมว่า ‘ถ้าช้าก็สาย น่าอายวิ่งรอบสนาม’ จนได้ ด้วยการวิ่งมาวางรีโมทไว้บนเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวผลุบเข้าห้องน้ำไป
นั่นล่ะหายห่วงเลย เพราะลองคุณเธอตื่นได้ ไม่ถึงสิบนาทีก็จะเพริศแพร้วพิลาศล้ำลงมาสมฉายา สวยในเสี้ยววิ อย่างที่เป็นมาเสมอ ชายหนุ่มอมยิ้ม หันรีหันขวางไปทั่วห้องสีครีมชมพูก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ติดมือลงข้างล่างไปด้วย ลงไปนั่งจิบกาแฟสักถ้วยดีกว่า

“อ้าว“ประกาศิตมองกราดไปทั่วห้อง”คุณพ่อไปทำงานแล้วหรือครับ?”
คุณหญิงเลื่อนถ้วยกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จให้ลูกชายที่กำลังทรุดนั่งลงข้างกาย
“คงจะรีบไปสะสางงานที่ค้างอยู่น่ะจ้ะ… “
ไปล้างท้องน่ะสิไม่ว่า ประกาศิตหัวเราะกร่อยๆ แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเพิ่งจะสังเกตเห็นถ้วยกาแฟหอมกรุ่นตรงหน้า
“ของผม?”
“ถามประชดแม่หรือนั่น“คุณหญิงค้อนขวับ“รู้หรอกน่ะว่าเคืองแม่ที่เอากาแฟของปอนด์ไปทำทะเลดำเสริ์ฟพ่อเราเมื่อเช้า “
“โถ ใครจะกล้า!“ประกาศิตหัวเราะทั้งที่ใจกำลังร้องไห้ ของเราจริงๆด้วย“ผมน่ะทั้งรักและเคารพคุณแม่อย่างเหลือเกิน อันที่จริงเพราะว่าเกรงใจต่างหากเล่าครับถึงได้ถาม“
และที่จริงแท้แน่นอนกว่านั้นก็คือเกรงกลัวมหาศาลที่จะดื่มด้วยครับ
คุณหญิงอมยิ้ม กระบวนปากไม่ตรงกับใจแต่ออกอาการนอกหน้าของลูกชายมีหรือที่จะไม่รู้ทัน
“ดื่มเถอะจ้ะ แม่รับรองว่ารสชาติไม่เปลี่ยนไปหรอก แบบที่ปอนด์ชอบ กาแฟสองครีมหนึ่งน้ำตาลหนึ่งไม่เติมนม อ้อ ถ้ายังไม่จูงใจพอ แม่เพิ่มค่าขนมให้ด้วยก็ได้“
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ“ประกาศิตตีหน้าชอบกล ยังไงสุดท้ายเขาก็ยอมดื่มอยู่แล้ว แม่ไม่น่าเอาเงินค่าขนมมาล่อเลย เสียselfความเป็นลูก(ผู้)ชายที่แสนดีหมด

“จริงสิ ผมว่าจะถามคุณแม่มานานแล้วแต่ก็ลืมทุกที“ชายหนุ่มวางถ้วยที่ว่างเปล่าลง อิ่มเอมกับรสชาติจนแทบอยากขอเติมอีกถ้วย แต่ยังเกรงใจว่านี่กาแฟไม่ใช่เบียร์และตรงหน้าก็มารดาที่เคารพไม่ใช่นางมาร(คนสวย)ที่พบในบาร์เหล้า
”เรื่องยัยเปาะแปะน่ะฮะ ไม่ทราบว่าคิดยังไงกันครับถึงได้ให้น้องมีชื่อเล่นตั้งสองชื่อ ที่จริงผมไม่ได้อยากรื้อฟื้นอะไรหรอกนะฮะเพราะตอนนี้พวกเราทุกคนต่างก็คุ้นชินกันดีอยู่แล้วถึงแม้ว่าตอนเด็กๆผมงงแทบบ้าตายก็เหอะ”
คุณหญิงหน้าร้อนผ่าว อดรู้สึกทั้งขัดเขินปนละอายใจไม่ได้ทุกทีเมื่อคิดถึงเรื่องเก่า
มันเริ่มขึ้นในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มผิดกับวันนี้ชนิดหน้ามือหลังมือ คุณหญิงถูกพาส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดท้องคลอดลูกคนเล็กก่อนกำหนด และเมื่อสายฝนพร่างพรมลงมาบางเบา ทารกน้อยเพศหญิงก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
หล่อนตั้งชื่อลูกสาวทันทีว่า เปาะแปะ ตามที่ได้ยินเสียงสายฝนกระทบหน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่ถึง10วินาที คุณคณิตที่ตอนนั้นยังเป็นรองเอกอัครราชทูตก็กระหืดกระหอบเข้าในห้องพักฟื้นพร้อมกับละล่ำละลักเล่าให้ฟังว่าตอนที่ขับรถมานั้นเห็นสายรุ้งทอดยาวพาดผ่านท้องฟ้าเหนือโรงพยาบาลซึ่งน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี จะขอตั้งชื่อลูกว่า รุ้ง แถมพกด้วยชื่อจริงว่า ประกายรุ้ง
วันนั้นสายรุ้ง7สีเรียกสายฟ้าคำรามสะเทือนเลือนลั่นในห้องพักฟื้นชนิดที่ทั้งหมอทั้งพยาบาลกระเจิดกระเจิงออกมาแทบไม่ทัน
จำได้ว่าหล่อนออกโรงคัดค้านหัวชนฝาตามประสาหญิงเหล็กที่ไม่เคยหวั่นกลัวสิ่งใดแม้ตัวเองจะเพิ่งคลอดหมาดๆ สามีก็ไว้ลายอาชีพปากเป็นเอก พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะห่วงสุขภาพภรรยาที่ออกงิ้วโดยไม่ห่วงสังขารตัวเองเอาซะเลยก็เป็นได้
“คุณลองคิดดูสิ ลูกสาวคนนี้เป็นลูกสาวคนแรกของบ้านเราผมก็อยากจะตั้งชื่อให้ฟังดูงดงามน่ารัก ที่สำคัญแกเกิดตอนมีสายรุ้ง หาดูได้ง่ายๆที่ไหนล่ะคุณ กลางมลพิษอย่างงี้ นับว่าแกโหงวเฮ้งดีตั้งแต่เกิดเลยเชียว ฉะนั้นชื่อก็ต้องดีสอดคล้องกันด้วย“
“ดิฉันคิดดูหลายรอบแล้ว เปาะแปะนี่แหละน่ารักน่าเอ็นดูดี“เชอะ คิดจะชักแม่น้ำกี่สายกันล่ะ คิดเหรอว่าจะยอมง่ายๆ
“นั่นคุณคิดเฉพาะที่คุณชอบ ผมให้คุณคิดตามที่ผมพูดต่างหาก“
“ใครว่า ดิฉันคิดตามท่านแล้วนะคะ“ แต่แค่แว่บเดียวเองแหละ ”ยังไงๆเปาะแปะก็ดีกว่า “
“นี่ไม่ด่วนสรุปไปหน่อยเหรอไง“
“เอ๊!ท่านนี่“มาถึงตอนนี้คนถูกค้านก็ชักมีโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเลยเถียงกลับไปทันที“ดิฉันก็ยอมรับชื่อจริงที่ท่านตั้งให้แล้วไงคะ แล้วจะมากันท่าชื่อเล่นเอาไว้ทำไม “
“ก็ไม่ทำไมหรอก…“คุณคณิตทอดเสียงยาว“ถ้าเพียงแต่ตอนที่คุณตั้งชื่อเล่นตาปังปอนด์คุณจะไม่ออกปากให้ผมตั้งชื่อเล่นลูกคนต่อไป “
“ท่านเองก็ออกปากให้ดิชั้นตั้งชื่อจริงลูกคนต่อไปจากตาปอนด์เหมือนกันนั่นแหละ ซึ่งก็คือหนูเปาะแปะคนนี้ แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ สุดท้ายก็จะฮุบตั้งทั้งชื่อจริงชื่อเล่นหน้าตาเฉยตามเคย”
หล่อนกับสามีรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน สนิทสนมเล่นหัวด้วยกัน พูดคุยถูกคอทุกเรื่อง แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยสาเหตุที่แสนจะพิลึกกึกกือ
นั่นคือต่างก็ชอบแย่งกันตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของตน ชื่อลูกคนใช้และคนรู้จักที่เพิ่งเกิดเอามากๆ และต่างก็มั่นใจในชื่อที่ตัวเองตั้งว่าดีที่สุดแล้วชนิดไม่มีใครยอมใคร
เมื่อเติบโตขึ้น มีการงานมั่นคง รักและแต่งงานกันอย่างมีความสุข ก็ไม่มีใครนึกว่าวันนั้นจะกลับมาทุ่มเถียงกันด้วยเรื่องเด็กๆเช่นนี้อีก ถ้าไม่ได้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือออกโรงห้ามทัพด้วยการจัดเป็นสองแพคเกจคือจันทร์พุธศุกร์ และอังคารพฤหัสเสาร์อาทิตย์ จากนั้นก็ให้จับฉลากกันเอาเองแล้วแต่ว่าดวงใครดีกว่ากัน มีหวังได้เถียงกันคอแตกไปแล้ว
และก็น่าชื่นใจจริงจริ๊งที่หล่อนได้แพคเกจสี่วันมานอนกอดสบายใจเฉิบจนถึงทุกวันนี้
“นี่ก็จะปิดเทอมแล้ว ตกลงว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันล่ะลูก?”


คุณหญิงเล่นขี้โกงด้วยการเปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆเรื่องน่าอายแบบนี้มีพ่อแม่คนไหนอยากเล่าให้ลูกฟังบ้างล่ะ แถมลูกชายก็ดีใจหาย ลองพูดเรื่องเที่ยวเตร่เฮฮาขึ้นมาล่ะก็ ไอ้เรื่องที่คุยกันมาก่อนหน้านี้เป็นลืมหมดไม่มีเหลือ
“ ผมว่าปีนี้เราไปแถบยุโรปกันบ้างดีมั้ย หรือจะที่รัสเซียก็ดีนะผมว่า“
“ แล้วน้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือยัง?“
“เหมือนเดิมฮะ…จาไปฮ่องกง เปาะแปะจาไปฮ่องกง เปาะแปะจาไปหาพี่เจิ้ง ผมงี้เลี่ยนหูแทบบ้าตายแล้ว “
คุณหญิงอมยิ้ม บุตรชายลอยหน้าลอยตาเลียนแบบเจ้าตัวเสียจนอดขำไม่ได้ ทว่าความกังวลเล็กๆที่มีอยู่ในใจก็ทำให้รอยยิ้มนั้นฝาดเฝื่อนลง และประกาศิตก็สังเกตเห็นในทันที
“มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณแม่?”
คุณหญิงทอดถอนใจ ไม่ตอบคำถามในทันทีแต่กลับกระซิบถามกลับ
“เดี๋ยวนี้เปาะแปะเขาเป็นยังไงบ้างจ๊ะ? “
“เป็นยังไง? “ประกาศิตเลิกคิ้ว “ก็…กินเก่ง บ้าเจิ้งอี้จี้แล้วก็ชอบดูหนังหมอนั่นก่อนนอนทุกคืน“
“อันนั้นแม่รู้แล้ว แม่หมายถึงเรื่องอื่น“
คนถูกถามเริ่มสับสนกับชีวิต ก็แม่เขาออกจะติดหนึบกับลูกสาวคนโปรด ฉะนั้นคนที่น่าจะรู้เรื่องที่สุดก็ควรจะเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี่ไม่ใช่หรือ แต่เดี๋ยวก่อน ยังมีเรื่องที่แม่ไม่รู้อยู่นี่หว่า
“อืม จริงด้วยสิ รู้สึกว่าดีวีดีเกิดมาเป็นเจ้าพ่อแผ่นที่สองจะเจ๊งแล้วเมื่อวานนี้ครับ เมื่อคืนยัยนั่นเลยต้องดูวีซีดีแทน“
โธ่ ลูกหนอลูก ทำไมไม่ได้ดังใจแม่เล้ย คุณหญิงกุมขมับ เลี้ยงลูกมากับมือทั้งยังคอยดูแลใกล้ชิดแทบจะติดเป็นตังเมแบบนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกทั้งสองคนเป็นอย่างไร
ยิ่งเรื่องของลูกสาวคนเล็กแล้ว ไม่มีเสียล่ะที่จะพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักสวยรักงาม เรื่องแฟชั่นที่ชอบ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ชอบดูหนังจีนไม่กี่เรื่องซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่น หรือเรื่องที่คลั่งพระเอกเจิ้งอี้จี้หนักข้อขนาดประกาศว่าจะไม่ขอแต่งงานหากเจ้าบ่าวไม่ใช่เจ้าหนุ่มหน้าหยกตาคมผมสลวยนั่น
รวมทั้งเรื่องที่ไม่ชมชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นขนาดหนักผิดไปจากเพื่อนๆวัยเดียวกันแบบไร้สาเหตุมาตั้งแต่เด็กๆ
“เอ๊ะ หรือว่าคุณแม่หมายถึงเรื่องญี่ปุ่น”ประกาศิตเพิ่งจะถึงบางอ้อหลังจากวนเวียนอยู่แถวบางซื่อจนเซ่อไปเสียนาน
“นั่นแหละ แม่อยากจะรู้ว่าเค้าลดดีกรีความชังนั่นลงบ้างหรือยัง เรื่องนี้เปาะแปะไม่เคยบอกแม่เลย แต่แม่แน่ใจว่าเราคงจะรู้อยู่บ้างหรอก“
“ก็..ครับ” เด็กหนุ่มเกาแก้ม“ผมเองน่ะคิดว่าเขาคงไม่เป็นไรแล้ว แต่เมื่อเสาร์ต้นเดือนนี้เอง ผมพาเปาะแปะไปดูหนังรอบเที่ยงที่สยาม เขาก็ใส่เสื้อตัวโปรดที่ปักลายสตรอเบอรี่ลูกเบ้อเริ่มไว้ข้างหน้า คุณแม่ก็น่าจะทราบดีนะฮะว่ารายนั้นเขาชอบมากแค่ไหนเจ้าลูกสีแดงๆนั่น ขากลับผมก็พาขึ้นรถไฟฟ้า ที่นี้มีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้หน้าตาท่าทางก็ดีแต่สงสัยบ้าโฆษณาขนาดหนัก หรือไม่ก็คงไม่รู้จะจีบยัยตัวแสบยังไงดีดันผ่าเอาสมุดภาพภูเขาไฟฟูจีมาปิด แล้วก็…อะไรนะ เอาภูเขาไฟฟูจีบังสตรอเบอรี่ไว้ นึกต่อได้มั้ยล่ะครับว่าเกิดอะไรขึ้น “
“พอได้ลูก แต่ไม่อยากนึกเองหัวใจจะวาย เล่าต่อดีกว่า“คุณหญิงขอร้องเสียงเบาหวิว
“น้องสาวสุดแสบของผมลูกสาวสุดรักของคุณแม่ก็กระชากภูเขาไฟฟูจีมาเบิ๊ดกะโหลกไอ้หมอนั่นดังป้าบแล้วตะเพิดให้ไปเอาภาพเขาใหญ่มาปิดแทนน่ะสิครับ โอ๊ย ผมขำซะ!“
ประกาศิตปล่อยก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขำทั้งหน้าเจ้าหนุ่มผู้น่าสงสารที่ริอ่านมาจีบน้องเขาและทั้งน้องสาวที่แม้แต่ภาพภูเขาไฟของญี่ปุ่นก็ทนไม่ได้
ผู้เป็นมารดานั่งนิ่ง ปล่อยให้ลูกชายหัวเราะอยู่คนเดียวจนเห็นว่าน่าจะพอใจแล้วก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบสนิท
“แม่ว่าเรื่องที่แม่จะบอกต่อไปนี้อาจทำให้ลูกหัวเราะไม่เป็นไปสักพักเลยทีเดียวเชียวล่ะ …”


ถึงแม้ว่าวันนี้เป็นเพียงแค่วันฟังผลสอบ แต่การจราจรที่คับคั่งแสนน่าเบื่อประกอบกับอยากไปให้ถึงโรงเรียนเร็วๆเพื่อเมาท์แตกกับเพื่อนๆทำให้ประกายรุ้งนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุข มือที่ก่อนหน้านี้วางพาดอยู่บนตักอย่างเรียบร้อยก็เริ่มที่จะยกขึ้นพันหางเปียทั้งสองข้างเล่น แล้วก็เริ่มเลื้อยไปหน้ารถ หยิบโน่นดูนี่ทั้งที่เห็นอยู่เกือบทุกวัน
“วันนี้รถติ๊ดติดเนอะพี่ปอนด์“
เงียบ..ไม่มีเสียงตอบ
“เชื่อมะว่าผลสอบวันนี้เปาะแปะจะต้องได้ที่1 เตรียมรางวัลไว้รึยังอะ..ตัวเอง”
ก็ยังเงียบ..
“พี่ปอนด์?”
เด็กสาวเหลือบมองผู้เป็นพี่ชายอย่างผิดสังเกต เห็นอีกฝ่ายก็ดูตั้งอกตั้งใจขับรถเหมือนปกติ แต่ดูเหมือนจิตใจจะลอยไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่น่าเชื่อ ปกติช่างพูดช่างคุยออกจะตายไป ไหงวันนี้เงียบอย่างกับเป่าสากเชียว ประกายรุ้งโคลงหัว ยอมนั่งเงียบต่อไปอีกหน่อย
จนเมื่อรถติดไฟแดง คุณเธอก็ชะโงกเข้าไปใกล้แล้วตะโกนเรียกประกาศิตด้วยเสียงแปดหลอดที่ผู้เป็นเจ้าของภูมิอกภูมิใจ(อย่างผิดๆ)เป็นนักหนา
“ขนมปังปอนด์ทราบแล้วเปลี่ยน!”
ประกาศิตสะดุ้งโหยง ภวังค์พังทลายต่อด้วยอาการหูดับขั้นสาหัส
“โอ๊ย ยัยตัวแสบ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงมาตะโกนใส่หูพี่แบบนี้ นี่ดีนะที่ไฟแดง ไม่งั้นได้ลงข้างทางหรือชนกับรถคันหน้าวินาศสันตะโรกันบ้างล่ะ“
“อุ๊ยตาย รู้ด้วยแฮะว่าไฟแดง “เด็กสาวหัวเราะร่วน ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดอะไรเลย แต่ครั้นเห็นว่าพี่ชายไม่สบอารมณ์จริงๆจังๆก็รีบเปลี่ยนกระบวนท่าทันทีด้วยการกอดแขนอีกฝ่ายไว้แล้วแนบแก้มลงไปพร้อมกันนั้นก็ช้อนสายตามองอย่างวิงวอน
“แหม…ก็ตัวเองแหละ เกิดบ้า..เอ้ย เกิดเป็นอะไรขึ้นมา เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เปาะแปะเรียกตั้งหลายครั้งก็ทำเป็นไม่ได้ยิน นึกว่าถอดร่างไปหากินแล้วซะอีก“
“คนเว้ย ไม่ใช่กระสือ จะได้ถอดร่างไปไหนมาไหน“ประกาศิตถอนใจเฮือกอย่างระอา ยังปั้นสีหน้าเคร่งเครียดก็จริงแต่ความโมโหหายไปหมดแล้วตั้งแต่อีกฝ่ายเรียกขานสรรพนามที่ใช้กันเฉพาะสองคนพี่น้องเท่านั้นได้หวานหูนัก
“ว่าไง บอกได้รึยัง ว่าเป็นอะไร?“
“เป็นสิว...” ประกาศิตตอบยิ้มๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากน้องสาวได้เป็นอย่างดี
“เป็นสิวก็ต้องใช้สมูทอีซี่ แต่เอ๊ะ…ตัวเองเป็นผู้ชายนี่เนอะคงใช่ไม่ได้หรอก”
แล้วนิ้วชี้เล็กๆนุ่มๆก็จิ้มพรวดลงมาบนแก้มเขา“เออ เกือบลืมบอกไปแน่ะ เมื่อคืนเปาะแปะฝันถึงพี่เจิ้งทั้งคืนเลยด้วยน้า…“
คงเห็นว่าเขาอารมณ์ดีขึ้นแล้วมั้ง เพราะหลังจากนั้นเสียงใสๆก็เจื้อยแจ้วจำนรรจาเรื่องโน้นเรื่องนี้โดยมีเขาคอยถามบ้างเป็นบางครั้ง และหลายครั้งที่นึกอยากจอดรถอ้วกให้มันรู้แล้วรู้รอดเวลาอีกฝ่ายพร่ำรำพันถึงชายในดวงใจ
“เราน่ะไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ วันนี้มาฟังผลสอบก็เท่ากับว่าจบ ม.6แล้ว ไม่นานก็จะต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ยังจะมามัวนั่งเพ้อรำพันถึงแต่ดาราหน้าจออยู่ได้ พี่เห็นมีหนุ่มโทรศัพท์มาหาทุกวัน ไม่คว้ามากอดสักคนล่ะ “
“ฮ่องเต้เป็นเพื่อนสนิทค่ะ เป็นแฟนไม่ได้หรอก“
“อ้าว ไอ้เต้ที่พี่เห็นวิ่งเล่นกับเราตั้งแต่อนุบาลหรอกเหรอ แหม…พี่ก็นึกว่าน้องเราจะเสน่ห์แรง หน้าตาก็ออกจะน่ารัก“
ประกาศิตยกมือบีบที่ปลายจมูกเล็กๆเล่นอย่างมันเขี้ยว เด็กสาวประท้วงเสียงอู้อี้ก่อนจะปัดมือเขาออกแล้วส่งสายตาพิฆาตมาให้ เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้ลั่นรถ
“พูดถึงไอ้เต้แล้วนึกขึ้นมาได้ ยายเต้าหู้น้องสาวเป็นไงบ้างล่ะ สงสัยยังขี้บ่นเกินวัยเหมือนเคยเนอะ ชวนมากินข้าวที่บ้านบ้างสิ “ เพราะอีกหน่อยอาจจะไม่ได้เจอกันแล้วก็ได้
“ เมื่อเสาร์ต้นเดือนก็เพิ่งมาหัดทำข้าวแช่ที่บ้านเรานี่ พี่ปอนด์ก็อยู่”
(เอาบรรทัดขึ้น)
“อ้าวเหรอ…เออ จริงแฮะ“ ชายหนุ่มหัวเราะแก้เก้อ แอบถอนใจอย่างโล่งอกที่เลยแยกนี้ไปก็จะถึงที่หมาย ไม่งั้นได้หลุดปากมากกว่านี้แน่
“ฟังผลสอบเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า?“
ประกาศิตเพิ่งนึกได้เมื่อจอดรถที่หน้าโรงเรียนซึ่งยามนั้นมีนักเรียนเดินขวักไขว่ ทั้งที่เดินเข้าโรงเรียนอย่างร่าเริงแจ่มใส ทั้งที่ยืนจับกลุ่มอยู่ที่ประตูโรงเรียนและตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งเรียงรายอยู่ใกล้กันหลายตู้
“คือวันนี้พี่คงจะมารับไม่ได้ ว่าจะแวะหาเพื่อนที่คณะสักหน่อย แล้วอาจไปต่อกันยาว”
“ก็ไปซิ วันนี้ประกาศผลสอบทั้งที เปาะแปะว่าจะชวนเต้าหู้กับฮ่องเต้ไปเดินสยามพารากัสเสียหน่อย”
“ไปทำไม?”มือที่กำลังส่งกระเป๋าให้ชะงักนิดหนึ่ง
“ไปไหว้พระมั้ง“ประกายรุ้งหัวเราะคิก“อะ…ล้อเล่น ก็เต้าหู้นั่นแหละเขาบ่นอยากได้นาฬิกาข้อมือใหม่มาตั้งแต่ก่อนสอบ เรือนเก่าหน้าปัดมันแตก อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว จะหาโอกาสมาเดินเที่ยวในเมืองไทยด้วยกันแบบนี้อีกมันก็ยากอยู่“
ก็เพราะว่าอีกไม่นานเธอก็จะเดินเฉิดฉายอยู่ที่ดินแดนในฝันแล้วนะซี้ เปาะแปะยิ้มไม่อยากหุบ ไม่รู้เลยสักนิดว่าประโยคสุดท้ายที่เอ่ยอย่างไม่จริงจังนักทำเอาคนมีความลับรู้สึกร้อนตัวอย่างแรง ชายหนุ่มรีบสตาร์ทรถทันที
“งั้นพี่ไปก่อนนะจ๊ะ แหะๆ“
ประกายรุ้งมองรถบีเอ็มดับบลิวที่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกกระชากด้วยความงุนงง
“วันนี้พี่ชายเราต๊องๆยังไงไม่รู้แฮะ “

“ ยังครับ ยังไม่ได้บอก โธ่ คุณแม่ เมื่อเช้าผมขับรถอยู่นะครับ จู่ๆจะให้โพล่งออกไปหรือไงว่าคุณพ่อกำลังจะได้ไปประจำที่ญี่ปุ่น ดีใจมั้ยจ๊ะตัวเอง บอกตรงๆนะว่าผมกลัว เกิดแม่คุณสติแตกอาละวาดบีบคอผมจนรถเสียหลักชนกันแล้วตายขึ้นมาจะว่ายังไง คุณแม่อาจเสียลูกทีเดียวสองเลยนะ สงสารผมกับน้องเถอะ โดยเฉพาะผม แต่งเมียก็ยังไม่ได้แต่งเลย ครับครับ บวชด้วยครับ คุณแม่อย่านอกเรื่องสิ โอ๊ย ผมเปล่าเริ่มนะ เอางี้ดีกว่า เราก็โบ้ยให้คุณพ่อนั่นแหละเป็นคนบอก ยังไงยัยนั่นก็คงไม่กล้าออกฤทธ์ใส่คุณพ่อแน่นอน งานนี้เราสองคนรอดชัวร์ ครับๆ โอเคครับ งั้นแค่นี้นะครับ สวัสดีครับ“
ประกาศิตปิดมือถือดังปับด้วยความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ ไม่นึกเลยว่าการกุมความลับมันจะทั้งหนักอึ้งทั้งมืดมนขนาดนี้ โดยเฉพาะคนที่เขาต้องปิดบังคือยัยตัวร้ายผู้น่ารักของเขา ซึ่งตลอดมาต่างก็ไม่เคยมีความลับระหว่างกันและกันเลย
ปกติเพียงแค่เห็นดวงตาแป๋วแหววนั่น ไม่ว่ามีอะไรเขาก็อยากพูดอยากคุยให้ฟังไปหมด แต่ยังไงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมองมาจนตาหลุดจากเบ้ากลิ้งหลุนๆมากองแทบเท้า เขาก็ไม่อาจบอกได้…อย่างน้อยก็ในวันนี้
มารดาพูดถูกเป๋ง เรื่องที่ได้รับรู้ทำให้เขาหัวเราะไม่เป็นไปเลยแถมยังสมองเบลอว่างเปล่าอีกต่างหาก เบลอจนพลาดพลั้งถูกกระบวนท่าแปดหลอดทำลายประสาทจนหูดับแถมถูกสงสัยแทบเอาตัวไม่รอด ยังดีที่มุขเห่ยๆนั่นเบี่ยงเบนความสนใจเด็กสาวได้
สงสัยวันนี้อารมณ์ดีพอใช้ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะทำคุณเธออยู่หมัด ปกติล่ะก็แม่ซักไม่เลิกเลยเชียว!
เอาวะ จะมามัวกลุ้มอยู่ทำไม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถึงจะโกรธที่เราไม่บอกยังไง ความดีเราก็ไม่น้อย คงไม่ถึงกับตัดเป็นตัดตายไม่ยอมเผาผีหรอกน่า แล้วกว่าจะมีการแต่งตั้งมันก็ไม่ใช่ในวันสองวันนี้เสียหน่อย ถึงเวลาจริงๆ เรื่องอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาและมารดาหวาดหวั่นก็ได้
คิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มก็อารมณ์แจ่มใสขึ้น เดินผิวปากเข้าคณะอย่างสบายอกสบายใจ ไม่สนหนังตาขวาที่กำลังกระตุกอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนจะร้องเตือนนั้น

ดวงตากลมโตไล่อ่านตัวอักษรไปทีละบรรทัดอย่างรวดเร็ว อย่างแม่นยำและรอบคอบ ก่อนเน้นย้ำอยู่ที่เลขสามตัวบนบรรทัดสุดท้าย
เกรดเฉลี่ย 3.00 ไม่ได้ตาฝาดแฮะ เลขสาม…เลขสามแน่ๆ ไม่ใช่แค่สองกว่าดังเช่นทุกเทอมที่ผ่านมา
“เต้าหู้ ฮ่องเต้!“
ประกายรุ้งยื่นสมุดแจ้งผลการเรียนส่งต่อไปยังสองพี่น้องแฝดคนละฝาอายุห่างกันเพียงสามนาทีที่ยืนอยู่ข้างๆราวกับข้าทาสรอรับคำสั่ง ทั้งสองคว้ามาดูอย่างพินิจพิจารณา โดยเฉพาะเต้าหู้ ภายใต้ดวงตาคมกริบหลังกรอบแว่นนั้น ไม่มีวันที่จะมีสิ่งใดเล็ดลอดดวงตาคุณเธอไปได้
“สามแน่นอน เปาะแปะ“
“ชัวร์รึเปล่า?“
เมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสองพยักหน้ายืนยัน ประกายรุ้งก็ชูหมัดขวาขึ้นทันทีราวกับนักฟุตบอลพังประตูฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งแต่นาทีแรก
“พี่เจิ้งจ๋า เปาะแปะทำสำเร็จแล้ว! “
อา…จบเสียทีความทรมานอันยาวนานที่ต้องพลาดโอกาสไปเที่ยวฮ่องกงในฝันเพียงเพราะว่าเกรดไม่ถึงตาต้องใจบิดามารดาและพี่ชาย
“ถ้างั้นปิดเทอมนี้ เธอก็ไปฮ่องกงได้แล้วน่ะสิ“ เต้าหู้ถามยิ้มๆ ประกายรุ้งชี้นิ้วเลียนแบบเจ้าของเกมส์โชว์ชื่อดัง
“ถูกต้องนะคร้าบ!มิสเต้าหู้ แหมเสียดาย ถ้าที่นี่ไม่ใช่ห้องเรียนนะ เปาะแปะจะกรี๊ดให้โลกแตกเชียว“
“อุ๊ย ก็ดีนะ พี่เจิ้งของเธอจะได้โกอินเตอร์เล่นหนังเรื่อง เดอะ เดย์อัฟเตอร์ทูมอโร่2 ภาคโลกแตกเพราะเสียงนาง…“
เสียงแจ๋นๆที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำเอาความรื่นรมย์ทั้งปวงแตกโพละราวกับฟองสบู่ ไม่ต้องมีใครกระซิบบอกก็รู้ว่าคู่อริเข้ามาก่อกวนถึงถิ่นแล้ว ประกายรุ้งนับหนึ่งถึงห้าเพื่อทำให้อารมณ์เย็นลงก่อนจะค่อยๆหันหลังช้าๆด้วยมาดลูกสาวทูตผู้งดงามน่ารัก
“ไม่เป็นไร เปาะแปะว่าเก็บเอาไว้ให้ยามะบีเล่นดีกว่านะ ฉวีผ่อง“
ทุกคนในห้องแอบหัวเราะคิกคักหากผู้ถูกเรียกหน้าเข้มขึ้นด้วยโทสะที่ผุดพลุ่ง ความที่เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในห้อง ทำให้เธอไม่ยอมเป็นตัวตลกให้ยาวนานกว่านั้น
ร่างสูงทว่าไม่โปร่งติดจะอวบอั๋นดูสาวเกินวัยด้วยซ้ำก้าวพรวดเข้าไปประชิดเด็กสาวร่างบาง เพื่อนร่วมห้องที่เธอหมั่นไส้ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ มาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ทัศนคติที่ว่ายัยนี่ชอบเด่นเดิ้นเกินหน้าไม่ดูตาม้าตาเรือก็ยังติดอยู่ในสมองส่วนริษยาไม่เสื่อมคลาย
“บอกกี่ครั้งแล้วยะว่าชั้นชื่ออายูมิ! แค่สามคำเนี่ยไม่มีปัญญาสะกดหรือไง!“ส่งเสียงกระซิบลอดไรฟันแล้วก็จัดการกระชากลูกสาวทูตคู่อริเข้ามากอดหมับเหมือนว่ารักกันมาก
“ไม่ต้องสะกดหรอก ชื่อที่ตั้งเอาเองตามใจชอบแบบบิดรมารดาไม่ได้เป็นพยานแบบนี้ขนาดฟังเฉยๆเปาะแปะยังอยากไปให้หมอล้างหูให้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ!“
คนถูกกอดไม่หวั่นแม้จะรู้สึกว่ากระดูกใกล้จะกรอบเต็มที่ จัดการโจมตีส่วนล่างด้วยท่า ฝ่าเท้าขยี้ธรณี ยังผลให้ฉวีผ่องสะดุ้งเฮือก
แต่ใบหน้าที่เข้มทั้งสีผิว เข้มทั้งเครื่องสำอางค์และอารมณ์ ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่แม้จะดูเหยเกเต็มทน
“ก็ดีสิ แล้วเลยไปล้างสมองส่วนความทรงจำเสียด้วยนะ เผื่อจะจดจำอะไรดีขึ้น“
“ล้างทำไมจ๊ะ ยังใช้ได้ดีออกจะตาย อย่างน้อยก็ทำให้เกรดเทอมนี้ดีขึ้นกว่าของใครบางคนแหละ ได้ยินว่าสองก็ยังไม่ถึงเลยนี่ โฮะ โฮะ“
”หนอย ยัยคนถ่อย แอบดูเกรดชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ!”
“ถ่อยที่ไหน เขาเรียกการคาดเดาจากตัวบุคคล เป็นศาสตร์ชั้นสูง อย่างฉวีผ่อง อธิบายไปก็เท่านั้นแหละ ยัยถึก!”
แม้จะเห็นว่าทั้งคู่กำลังยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรสลับกับโอบอีกฝ่ายเข้ามากอดเสมือนเป็นการร่ำลาอาลัยที่จะต้องจากกันไปโดยที่อาจจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย แต่รังสีอำมหิตที่เปล่งประกายวาบๆออกจากร่างทั้งสองราวกับหิ่งห้อยประลองแสงกันท่ามกลางความมืดก็ทำให้ทุกคนในห้องรู้ดีว่าคงกำลังปะทะคารมกันอย่างถึงพริกถึงขิงเหมือนเคย


ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ ประกายรุ้งโดดเด่นที่รูปร่างหน้าตาน่ารัก เป็นที่จับตามองของผู้พบเห็นอีกทั้งยังใจกว้างและมีมารยาทที่งดงามโดยเฉพาะการแทนตัวเองด้วยชื่อทุกครั้งที่พูดคุยนับเป็นเสน่ห์อันสำคัญของเธอทีเดียว บวกกับความที่เป็นลูกสาวนักการทูตชื่อดังก็ยิ่งทำให้เธอเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก
และความเด่นของเธอนี่แหละที่ขัดลูกตาลูกสาวนายธนาคารใหญ่อย่างฉวีผ่องเข้าอย่างจัง ด้วยความที่เป็นจุดสนใจของทุกคนมาตั้งแต่เด็ก ครั้งถูกคนอื่นมาแบ่งปัน ก็ทำให้เด็กสาวผิวสีน้ำผึ้งผู้คลั่งไคล้ทุกอย่างที่เป็นญี่ปุ่นอย่างสุดหัวใจอดรนทนไม่ได้ ต้องหาเรื่องปะทะคารมกันเป็นประจำ
“เอาล่ะ คงต้องลากันเพียงแค่นี้นะ เอนท์ติดที่ไหนก็โทรมาบอกกันบ้างนะ ฉวีผ่องเพื่อนรัก”
“ได้ซิ แหม แต่ถ้าติดที่เดียวกันได้ก็แจ๋วเลยเนอะ“
ทั้งสองผละออกจากกันก่อนจะร่ำลากันอีกครั้งด้วยรอยยิ้มและแววตาอาลัย(ซะเมื่อไหร่)

“ลาขาด อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ยัยคนไม่รักความเป็นไทย“
เปาะแปะพึมพำขณะมองตามร่างอวบอั๋นที่เดินยักย้ายส่ายสะโพกจากไปราวกับนางแบบกำลังเริงร่าอยู่บนแคทวอร์คยังไงยังงั้น เต้าหู้เดินรี่เข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ ไม่ยักรู้ว่าการจากลาจะทำให้เกิดมิตรภาพต่างขั้วอันน่าประทับใจเช่นนี้ “
“เต้าหู้ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”
“ไม่ได้ล้อเล่น ก็เห็นยิ้มหวานหยดให้กันออกขนาดนั้น“
ประกายรุ้งห่อตัวเข้าหากันเพราะความหนาวยะเยือกอันเนื่องมาจากคำพูดของเพื่อนรัก แล้วก็กระพริบตาเมื่อความคิดอันแสนบรรเจิดผุดขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“จริงสิ วันนี้ขอเปลี่ยนโปรแกรมได้มั้ย สยามพารากอนไว้ไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน วันนี้เปาะแปะจะเอาเกรดที่แสนงดงามไปอวดคุณพ่อก่อน “
เต้าหู้กับฮ่องเต้มองหน้ากัน ก่อนที่เด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่มจะเอ่ยขึ้นเรียบๆตามนิสัย
“ไม่ได้คิดจะทักท้วงหรอกนะ แต่เปอร์เซ็นต์ที่ความเซอร์ไพรส์จะแสดงออกได้ดีที่สุดเราว่าน่าจะอยู่ที่ช่วงหลังอาหารเย็นมากกว่า แบบว่าจิบกาแฟหลังอาหารไปด้วย ครอบครัวพร้อมหน้า…”
“หยุดหยุด“ประกายรุ้งโบกไม้โบกมือว่อนไม่ควรเล้ยที่จะมาพูดต่อหน้าคนบ้าการคำนวณอย่างนายหริศพงศ์ “การอยู่กันพร้อมหน้าแล้วค่อยเซอร์ไพรส์เป็นความเสี่ยงต่างหากเพราะพี่ปอนด์จะอยู่ด้วย การต่อรองกับคุณพ่อจะไม่มีวันเป็นผลและความพยายามของเปาะแปะมีหวังสูญเปล่า “
“พี่ปอนด์ทั้งรักและตามใจเปาะแปะมากขนาดนั้น ไม่น่ามีปัญหานี่ “เต้าหู้อดแย้งไม่ได้
“แต่ยกเว้นเรื่องเจิ้งอี้จี้กับฮ่องกง…“ ฮ่องเต้เสริมขำๆ
“เหอะน่า เปาะแปะว่ามันต้องเจ๋งสุดๆ ถ้าเปาะแปะบุกจู่โจมผู้บัญชาการของบ้านได้ก่อน”
เด็กสาวยิ้มกริ่ม หมดยุคที่ต้องไปเที่ยวตามความเห็นของลูกชายคนโตแล้ว ถึงคราวน้องคนเล็กผู้น่ารักพาครอบครัวโกอินเตอร์บ้างล่ะ

แต่เมื่อมาถึงกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ทันจะหยิบเกรดออกมาโชว์ออฟดังที่ตั้งใจ บิดาก็ชิงจู่โจมเธอก่อนด้วยใบหน้าเบิกบานสุดขีด ผิดกันแต่ว่าเซอร์ไพรส์ของบิดาแทนที่จะทำให้เธอยิ้มแก้มปริกลับทำให้สะดุ้งหน้าเหวอในวินาทีแรกที่ได้ฟังและแทบผงะหงายหลังในวินาทีต่อมา
“ไม่จริ๊งงงงง”

“จริงจ้ะลูกพ่อ ไม่เกินเดือนตุลาหรืออาจเร็วกว่านั้นครอบครัวเราจะได้ไปอยู่ญี่ปุ่นกันเป็นการถาวรแล้วเพราะพ่อจะได้ไปประจำที่นั่น ดีใจมั้ย?”
ประกายรุ้งผงกศีรษะหงึกหงักแต่สติสะตังไม่อยู่ในโลกปัจจุบันแล้ว
อะฮือ..เธอเห็นพี่เจิ้งสลัดชุดสูทมาเฟียแสนเท่ห์ออก เผยให้เห็นชุดนินจาที่อยู่ข้างในก่อนที่จะโบกมือให้เธอแล้วกระโดดวืดหายไปท่ามกลางกลีบดอกไม้สีชมพูปลิวว่อน…



หวัสสา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2556, 11:39:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2556, 11:42:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1199





   ตอนที่2 >>
Zephyr 27 มิ.ย. 2556, 14:30:21 น.
อะไรจะเกลียดขนาดนั้น เปาะแปะ
ได้แฟรเป็นญี่ปุ่นชัวร์อ่ะ


หวัสสา 28 มิ.ย. 2556, 14:22:59 น.
555555555555555 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account