แผนรักซ่อนกลอลวนหัวใจ
เซอร์ไพรส์ของคุณพ่อที่รัก
คือการอพยพครอบครัวไปปักหลักที่ญี่ปุ่น!
ม่ายอ๊าว >O< เปาะแปะเกลียดญี่ป่น
แถมต้องไปจ๊ะเอ๋ลูกชายคุณป้าจ๋าที่เบื้องหลังคือคุณชายมาเฟียสุดโหด
ถึงจะหล่อลากดิน ก็ไม่สนหรอกย่ะ!
Tags: มาเฟีย/น่ารัก

ตอน: ตอนที่2

2…

คุณหญิงพรพรรณรายวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาที่หน้าบ้าน
“สงสัยท่านจะกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวออกไปรับท่านก่อนนะจ๊ะ ผกา เธอนั่งรอสักประเดี๋ยว “
คู่สนทนาที่เพิ่งกลับมาจากแดนไกลยิ้มรับก่อนจะหยิบคุกกี้ช็อคโกแลตชิพจากจานฟ้าใบสวยขึ้นมาแทะเล็มไปทีละนิดอย่างสบายอารมณ์
เฮ้อ…หายคิดถึงไปเยอะ คุกกี้ช็อคโกแลตชิพเนี่ย ไม่ว่าจะไปทานที่ไหนก็ไม่อร่อยเข้มข้นทั้งยังหอมกลิ่นช็อคโกแลตกระจายไปทั้งปากได้เท่าที่เพื่อนรักทำเลย กำลังจะหยิบชาขึ้นมาจิบแกล้มอยู่แล้วเชียวถ้าเผอิญไม่ได้ยินเสียงใสๆดังขึ้นมาเสียก่อน
“คุณป้าจ๋าจริงๆด้วย!“
(เอาบรรทัดขึ้น)
คุณผกามาศอ้าแขนขึ้นรับร่างบางในชุดนักเรียนที่โถมเข้ามาทั้งกอดทั้งฟัดเธอราวกับกำลังกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรดยังไงยังงั้น
“แหม หลานรักของป้า ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเอง โตเป็นสาวแล้วนะเนี่ย หือม..แถมยังสวยเสียด้วยสิ”
“คุณป้าก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยน้า เปาะแปะคิดถึงมากๆ ถามคุณแม่ทุกวันเลยค่ะว่าเมื่อไหร่คุณป้าจะกลับจากออสเตรเลียเสียที แล้วเอาจิงโจ้มาฝากเปาะแปะหรือเปล่าเอ่ย?“
ประกายรุ้งเกลือกกลิ้งใบหน้าไปบนตักนุ่มๆ ความมืดมนในชีวิตหายวับไปทันทีราวกับเสกได้เมื่อกลับมาเจออีกฝ่ายนั่งอยู่ในห้องรับแขก
คุณผกามาศไม่ใช่ป้าแท้ๆของเด็กสาว แต่เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่สมัยเด็กของท่านทูตกับคุณหญิงพรพรรณรายที่สนิทสนมกันขนาดไปมาหาสู่บ้านแต่ละฝ่ายกันเป็นประจำเทียบเท่าญาติสนิท
ตอนที่ประกายรุ้งเกิด คุณผกามาศซึ่งมีแต่ลูกชายในขณะนั้นเกิดรักและเอ็นดูเด็กหญิงจับจิตจับใจถึงขนาดขอเป็นแม่ทูนหัวเลยทีเดียว ประกายรุ้งเองก็ทั้งรักและเคารพแม่ทูนหัวคนนี้มากเช่นกัน
ท่านทูตคณิตเกิดอาการเซ็งในอารมณ์ขึ้นมาทันทีเมื่อเดินเข้ามาพบการพร่ำรำพันความรักความคิดถึงของป้าหลาน แล้วยิ่งเซ็งหนักเมื่อหันไปเห็นภรรยายืนยิ้มตาซึ้งด้วยความปลาบปลื้มใจกับภาพที่เห็นเหลือจะกล่าว
คุณหญิงนะคุณหญิง ไม่ได้รู้อะไรเลย
“ผกามาศกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ คุณหญิง“
นั่น ยังทำตาซึ้งไม่เลิก กระบวนรักเพื่อนล่ะไม่มีใครเกินจริงๆ ไม่รู้ปลื้มอะไรนักหนาสิกับยัยผกามาศตัวแสบแสนจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่คนนี้เนี่ยท่านทูตต้องถามเสียงหนักอีกครั้งคุณหญิงถึงจะหันมายิ้มหวานหยดย้อยให้
“มาเมื่อตอนบ่ายสองกว่าๆนี่เองค่ะ ผกาเขาเล่าเรื่องน่าสนุกทั้งนั้น ดิฉันฟังเพลินเลยเชียว ของฝากตาปอนด์กับเปาะแปะก็มากมาย อยู่บนโต๊ะโน่นยังไงล่ะคะ ท่าน”
คงจะตรงมาที่นี่ทันทีที่ลงจากเครื่อง…ท่านทูตคิดในใจเพราะเห็นกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อเลื่อนใบโตวางอยู่ใกล้ๆกับภูเขาของฝาก เวลาเดียวกันนั้น คุณผกามาศซึ่งทักทายกับหลานสาวเป็นที่พออกพอใจแล้วก็ได้มีโอกาสเงยหน้าขึ้นทักทายท่านทูตเสียที
“ดีใจนะคะที่เห็นคุณยังแข็งแรงเหมือนเดิม คณิต อ้อ…แล้วก็ยินดีจากใจจริงค่ะที่จะได้ไปประจำที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าฉันจะคิดว่ามันไม่เข้าท่าเอาเสียเลยก็เถอะ“
ประกายรุ้งฟีบฟี้เป็นลูกโป่งถูกเจาะทันที โธ่ อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะเนี่ย
คุณหญิงส่งยิ้มจืดๆให้ลูกสาวแล้วรีบชี้โพรงให้กระรอกเข้าไปหลบเลียแผลใจทันที
“เปาะแปะขึ้นไปอาบน้ำเสียสิลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานของว่างกัน“ความหมายกินนัยลึกๆของคุณหญิงก็คือ นอนดูหนังไปเลยสักเรื่องหนึ่งก็ดีลูก ลงมาได้เมื่อไหร่จะส่งต้นห้องขึ้นไปเรียก
“ค่ะ คุณแม่…“เด็กสาวรับคำโดยดี
ปกติถ้าแม่ทูนหัวมา ประกายรุ้งจะเกาะติดเหนียวแน่นหนึบอยู่กับอีกฝ่ายชนิดที่ปลาดูดกระจกยังต้องเรียกพี่ แต่วันนี้…ตอนนี้..ขอทีอย่าเอ่ยอะไร ยังไม่ทันเตรียมใจ..จะฟัง…อะฮื้อ เปาะแปะไม่พร้อมค่ะ พี่น้อง
เมื่อเห็นหลานรักลอยขึ้นข้างบนไปแล้ว อีกทั้งคุณหญิงก็ไม่อยู่เพราะเดินเข้าไปในครัวเพื่อตรวจดูรายการอาหารค่ำ คุณผกามาศก็เปิดศึกฉะท่านทูตตั้งแต่ระฆังยังไม่ดัง
“คณิต คุณนี่ท่าจะบ้าที่เลือกไปประจำที่ญี่ปุ่น คุณก็รู้ว่าเปาะแปะเกลียดที่นั่นจะตาย”
ท่านทูตถอนใจยาว นิสัยเขาไม่ค่อยชอบโต้เถียงแบบใช้อารมณ์กับใคร แต่กับผู้ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็กนี่ หลายครั้งจริงๆที่มันอดไม่ได้และนี่กำลังจะเป็นหนึ่งในหลายๆครั้งนั่น
“ก็คุณแหละตัวดี ผกามาศ พอหย่ากับสามีญี่ปุ่นคนนั้น คุณก็พาลฮึดฮัดไม่เลิก แถมเอามาระบายให้หลานที่ยังเล็กแต่รู้ความมากขึ้นทุกวันฟัง ยัยรุ้งแกติดคุณจะตายมีหรือจะไม่รักไม่เกลียดอะไรตามคุณไปด้วย คิดดูสิว่ามันน่าเสียดายแค่ไหนที่แกโตเป็นสาวขึ้นทุกวันพร้อมกับเกลียดสิ่งที่แกยังไม่เคยได้ไปสัมผัสมันอย่างจริงจังด้วยตัวแกเองเลยน่ะ“
“พูดซะฉันเสียหายเชียว ฉันแค่ไม่อยากให้แกต้องเจอต้องเจ็บอย่างฉันเท่านั้นเอง ชิงตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพราะรักหลานมันผิดด้วยหรือไง คณิต “
“ความรักน่ะไม่เคยผิดหรอก ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณน่ะรักหลานมาก โดยเฉพาะกับยัยรุ้งที่เป็นผู้หญิงและนั่นก็คงทำให้คุณทั้งรักทั้งห่วงเลยทีเดียว แต่คุณก็รู้นี่ว่าอะไรต่อมิอะไรในโลกใบนี้มันก็ล้วนมีทั้งด้านบวกและลบด้วยกันทั้งนั้น และหน้าที่ของคนรุ่นเราก็คือช่วยให้ลูกหลานเห็นทั้งสองด้านนั้นด้วยความเป็นกลางของเรา แต่กับยัยรุ้ง คุณให้แกเห็นญี่ปุ่นแต่เพียงด้านลบอันเกิดจากความอคติส่วนตัวของคุณเอง ผมว่ามันไม่ยุติธรรมกับแกเลยแม้มันจะเกิดจากความรักก็เถอะ “
คุณผกามาศสะอึกอึ้งก่อนจะสะบัดหน้าพรืดอย่างคนที่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเองง่ายๆ
“ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคุณหรอก คนธรรมดาอย่างฉันไหนเลยจะหาญมาปะทะวาจากับท่านทูตฝีปากคมได้ แต่ก็ยังสบายใจว่าหลานรักว่านอนสอนง่าย ยอมเชื่อป้าแล้วก็เกลียดญี่ปุ่นสมใจฉันเป๊ะ “
“ก็ไม่แน่หรอก สภาพแวดล้อมที่นั่นเหมาะกับวัยหนุ่มสาว เวลาเปลี่ยนฤดูกาลแต่ละทีก็สวยงาม หนุ่มๆก็หน้าใสเด้งแถมยังมีดาราหน้าละม้ายคล้ายเจิ้งอี้จี้หลายคนเหมือนกัน อยู่ไปสักปีสองปี ไม่นึกชอบอะไรเข้าสักอย่างก็ให้มันรู้ไปซิ“ท่านทูตยิ้มกริ่มแบบถือไพ่เหนือกว่าทำเอาคู่สนทนาตีหน้านางยักษ์เข้าใส่
เกลียดนักเชียวพวกคุณพ่ออินเทรนด์รู้ใจวัยกิ๊บเก๋แบบนี้ แต่คุณผกามาศก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเก็บกักความไม่พอใจเอาไว้ไประบายที่ประจำ

แต่ที่ระบายประจำหมายเลข1 คุณผจงจิตผู้เป็นมารดา ขานี้ไม่เคยเข้าข้างเธอเลยแถมมีโต้กลับตอกย้ำให้เจ็บไปถึงกระดองใจด้วยความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่างหาก
“พ่อคณิตเขาก็พูดถูกนี่ แม่ก็เคยเตือนแล้วว่าอย่าสอนให้หลานเกลียดอะไรโดยที่ไม่บอกเหตุผล สงสารนักล่ะเวลาที่แม่พรรณเขามาปรับทุกข์เรื่องที่หนูเปาะแปะเกิดไม่ชอบอะไรแปลกๆขึ้นมาโดยที่ไม่ได้รู้เล้ยว่าหล่อนน่ะเองที่เป็นคนไปฝังหัวหลานว่าญี่ปุ่นแย่อย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ “
“คุณแม่นะ เข้าข้างแต่อีตาคณิตยันเตไม่เคยเปลี่ยนเลย หนูน่ะลูกคุณแม่แท้ๆนะคะ แล้วเรื่องที่หนูเพียรพยายามเอาบทสรุปความเลวร้ายที่เคยเผชิญไปสอนหลานเพื่ออะไรคุณแม่ก็ทราบดีที่สุด จะพูดจาให้กำลังใจกันสักนิดล่ะไม่มี “
“จ้ะ จ้ะหล่อนน่ะทำดีแล้ว ถูกต้องที่สุดไม่เคยผิดกับใครเขาหรอก แล้วยังไงล่ะคราวนี้ พ่อคณิตเขาเกิดได้ไปประจำที่ญี่ปุ่นขึ้นมาแล้ว ข้างยายเปาะแปะแกก็เชื่อฝังหัวเอาจริงๆจังๆ แล้วแบบนี้หลานมันจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ยังไง“
พูดเสร็จ คุณผจงจิตผู้ยังกระฉับกระเฉงแม้วัยจะล่วงเลยไปถึงเลข7แล้ว ก็ค่อยๆหยิบพวงมาลัยหอมกรุ่นที่ร้อยเตรียมไว้ตั้งแต่เย็นขึ้นจากพาน ตั้งใจจะนำไปถวายพระพุทธรูปในห้องพระ โดยมีเด็กสาวรุ่นที่คอยรับใช้ใกล้ชิดเดินตามไม่ห่าง
“อ้าว แล้วนั่นจะโทรหาใครอีกล่ะ ไม่ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายกายสบายใจเสียก่อน เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”
“จะโทรหาตาวินค่ะ..”กวินภพ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ระบายหมายเลข2 นี่แหละที่สามารถดับความหงุดหงิดตอนนี้ให้กับเธอได้ ค่าที่อีกฝ่ายมักจะเข้าข้างเธออยู่ตลอดเวลา คำเล็กคำน้อยไม่เคยยกมาถกเถียงให้ระคายหู หน้าตาก็แสนอ่อนโยน ไม่เหมือนกับ… โอ๊ย ไม่อยากคิด
คุณผกามาศตั้งหน้าตั้งตากดเลขหมายดับอารมณ์ จริงๆอยากใช้มือถือเพราะสามารถเอาเข้าห้องน้ำแล้วพูดอะไรในใจได้ดุเด็ดเผ็ดมันกว่า แต่แบตก็ดันมาหมดเสียอีก เลยยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดในอารมณ์ให้พุ่งปรี๊ดใกล้ทะลุพิกัดเดือดเต็มที
“ โทรไปกวนลูกทำไมล่ะ ก็เพิ่งจะไปหามานี่ “ คุณผจงจิตอดเตือนไม่ได้
“เพิ่งนึกออกค่ะว่าลืมบอกแกไปเรื่องงานวันเกิดคุณแม่“โทษค่ะคุณแม่ จริงๆเรื่องหลักคือการวีนแตกเท่านั้น” เอ๊ะ ทำไมไม่มีคนรับนะ“
“บอกตาวินก็ต้องบอกตาริกิด้วยนะแม่กลัวเค้าจะลืม ยังไงๆปีนี้แม่ก็อยากเห็นหลานชายมากันพร้อมหน้าทั้งคู่“
“คุณแม่!“คุณผกามาศวางโทรศัพท์ โมโหที่ลูกไม่มารับสายแล้วยังต้องมาแสลงหูกับชื่อที่ไม่พึงประสงค์อีก หากเพราะความเกรงใจมารดาทำให้ไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมามากมายนอกจากจะกระฟัดกระเฟียดไปตามเรื่องตามราว“หนูบอกตั้งกี่ครั้งแล้วคะว่าหนูมีลูกชายแค่คนเดียวคือ กวินภพ โอ๊ย ไม่โทรละ ไปอาบน้ำแล้วนอนดีกว่า “
“ไม่ทานข้าวเหรอ แม่ให้ในครัวเขาทำของชอบไว้ให้ด้วย“
“ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยแล้วก็เพลียจัง“
มองตามร่างบุตรสาวที่ก้าวฉับๆขึ้นข้างบน แล้วคุณผจงจิตก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ทั้งระอาทั้งอ่อนใจ
ถ้าตอนนั้นละความเอาแต่ใจอวดดื้อถือดีแล้วฟังแม่ฟังเพื่อนบ้างก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก สงสัยจะลืมไปแล้วด้วยสิว่าตัวเองตอนยังสาวรุ่นเคยชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นขนาดแอบไปเรียนภาษาแล้วก็หนีไปเที่ยวตั้งสามเดือนสี่เดือน แล้วจู่ๆก็แต่งงานเสียที่นั่น ลูกยังไม่ทันโตเป็นหนุ่มก็มาบอกว่าหย่าแล้วหน้าตาเฉย แถมทิ้งหลานเธอไว้กับสามีเก่าหนึ่งคนด้วยเหตผลที่ไม่เข้าท่าเอามากๆ
“เหมือนพ่อยังกับแกะกันมาแบบนั้นหนูไม่เอาหรอกค่ะ เห็นแล้วแสลงตาแสลงใจ ต้องตาวินค่ะ ทั้งน่ารัก หัวอ่อน พูดอะไรก็ฟังอย่างนี้แหละลูกหนู“
“แต่ริกิเค้าก็หลานแม่คนหนึ่งนะ จะมาแยกยายแยกหลานกันอย่างนี้ไม่ได้ แม่ไม่ยอมเป็นอันขาด “
“หนูไม่ได้ห้ามนี่คะ เขาอยากมาเมืองไทยมาหายายก็เรื่องของเขา แต่อย่ามาให้เจอหนูก็แล้วกัน หนูไม่อยากเห็น“
แต่ทางนั้นเขาก็แน่ ไม่รู้แกล้งหรือว่าจงใจ หลานชายจากแดนซากุระมาเมืองไทยครั้งแรกในงานวันเกิดยายของเขาพอดี เป็นงานที่คุณผกามาศซึ่งเป็นโต้โผจัดขึ้นทุกปีไม่อาจหลบเลี่ยงไปไหนได้เลย
เด็กหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดหน้าตาหล่อเหลาก้าวเข้ามาโค้งคำนับคุณผกามาศอย่างเคารพสูงสุดกลายเป็นจุดสนใจของเธอและทุกคนในงานวันนั้นก่อนจะได้รับการแนะนำอย่างเสียไม่ได้จากคุณผกามาศว่าเป็นลูกชายคนโต
เด็กหนุ่มคนนั้นพูดคุยกับทุกคนด้วยภาษาญี่ปุ่นจนเธอเองนึกท้อว่าคงเข้ากับหลานคนนี้ไม่ได้เนื่องจากฟังไม่ออกสักคำ หากเมื่อเขาขอตัวกลับและมีเพียงเธอกับคุณพรพรรณรายเดินไปส่งหน้าบ้าน เขาก็หันมาสวมกอดเธอแผ่วเบาแล้วกล่าวลาด้วยภาษาไทยชัดแจ๋ว ตบท้ายด้วยการไหว้งามๆถูกต้องตามแบบฉบับวิถีไทยจนเธอและคุณพรพรรณรายงง อึ้ง ทึ่งและชื่นชม
ปีต่อมาเขาก็มาเป็นยาขมให้คุณผกามาศและเป็นยาลมให้ยายแก่อย่างเธออีก ทว่าหลังจากนั้นไม่รู้ไปถูกคุณผกามาศวีนเอาท่าไหน ของขวัญมาถึงตรงเวลาแต่คนให้มาอีกวัน หากคุณผจงจิตก็ไม่เดือดร้อนเพราะถือคติว่ามาช้ายังดีกว่าไม่มา
แต่ตอนนี้เธอเองก็ปาเข้าไปเจ็ดสิบแล้ว ไม่ต้องการของขวัญล้ำค่าใดๆอีก นอกเสียจากได้เห็นลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง

ที่ญี่ปุน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม…
บนรถเก๋งสีควันบุหรี่ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่ย่านการค้าที่ใหญ่ที่สุดย่านหนึ่งของโตเกียว หลานชายที่คุณผจงจิตกลัวนักกลัวหนาว่าจะลืมวันเกิดตัวเองก็กำลังโทรทางไกลมาที่บ้านพอดีเพื่อจะบอกวันเวลาที่จะไปรวมทั้งถามสารทุกข์สุขดิบเช่นเคย
แต่โทรเท่าไหร่ก็เจอแต่สายไม่ว่าง เพราะในเวลาเดียวกัน คุณผกามาศที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือศัพท์ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าดันทุรัง ก็กำลังใช้โทรศัพท์ตามจิกลูกคนเล็กอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เรียกว่าน้ำเนิ้มไม่อาบกันละตอนนี้
“ ใกล้จะถึงอี้จิ่นเหลาแล้วครับ นายน้อย“คนขับหันมาบอกเบาๆ
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองมือถือในมืออย่างกำลังตัดสินใจว่าจะเอาไงต่อส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะยอมยกธงขาวด้วยการสอดมันกลับเข้าไปในสูท โดยที่ไม่รู้สักนิดว่าศัตรูที่มองไม่เห็นคือมารดาที่เคารพ
เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ ชายคนเดิมเปิดกระจกอัตโนมัติอย่างรู้งานทำให้เสียงจอแจพรูเข้ามาในรถจนราวกับความเงียบเมื่อสักครู่เป็นเรื่องโกหก
ดวงตาคมกริบมองผ่านม่านควันสีเทาออกไปภายนอก ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดในแววตาคู่นั้น
ชินจูกุในยามค่ำคืนคึกคักจอแจไปด้วยสรรพสิ่งที่ให้ความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวที่พิสมัยการท่องราตรี ทั้งร้านอาหารนานาชนิด ร้านเกมส์ ร้านปาจิงโกะรวมทั้งไนท์คลับและบาร์ต่างๆ
เมื่อหลุดจากไฟแดง รถก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกกว้างแล้วจอดอย่างนิ่มนวลตรงหน้าประตูไม้สลักรูปมังกรคู่หงส์ตัวมหึมา

อี้จิ่นเหลาเป็นภัตตาคารอาหารจีนระดับชาววังซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนี้ มีลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงต่างๆ รวมไปถึงพวกผู้ลากมากดีที่พร้อมจะจ่ายอย่างไม่อั้นเพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารจีนดั้งเดิมรสชาติเยี่ยม
และคืนนี้ที่พระจันทร์เต็มดวงทอแสงกระจ่างตา อี้จิ่นเหลาก็ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษทีเดียวด้วยเป็นการฉลองวันเกิดของอาจารย์ยูคิมูระ โชเฮย์ นักจัดดอกไม้ชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น
คนที่ยืนอยู่หน้าม่านไม้ไผ่ที่ใช้คั่นห้องจัดเลี้ยงกับทางเดินในสวน เปลี่ยนท่าทีจากกระสับกระส่ายเหลียวขวามองซ้ายกลายเป็นกระดี๊กระด๊าในทันทีที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามา
“ลูกพี่ริกิมาแล้วเหรอ ทำไมมาช้าจัง นายท่านเรียกผมเข้าไปถามตั้งหลายครั้งแล้ว ไอ้ผมก็ไม่รู้จะทำไง จะโทรหาก็ไม่กล้ากลัวจะนอนกอดสาวอยู่..”
“ฉันจะกลับเพราะขี้เกียจฟังนายสาธยายนั่นแหละ “ คางะ ริกิ ลูกชายคนโตของหัวหน้าแก็งค์คางะผู้นำแห่งกลุ่มโชริวไคบอกยิ้มๆ
ชินจิเป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าแก็งค์วาคาบะที่ยุบไปนานแล้วเนื่องจากผู้นำตระกูลยอมรับผิดแทนลูกชายที่เคยชั่วมากขนาดลักลอบนำยาและของผิดกฎหมายเข้ามาขายในเขต จุดประสงค์ก็เพื่อหาเงินไปใช้หนี้พนันที่มาเก๊า สุดท้ายก็ถูกหักหลังจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนและถูกจับไปในที่สุด และตอนนั้นเองที่ริกิได้รับคำสั่งจากบิดาพาพรรคพวกเข้าไปถล่มคาสิโนช่วยชินจิออกมาได้
นับจากนั้นเป็นต้นมาชินจิก็กลับตัวกลับใจและคอยมาติดสอยห้อยตามเขาตลอดจนกลายมาเป็นคนสนิทอีกคนหนึ่งที่บางครั้งริกิอยากเอ็นดูหลังมันด้วยเท้าข้างถนัดเต็มทนค่าที่ชอบเรียกเขาว่าลูกพี่ไม่ยอมเปลี่ยนสักทีแถมด้วยข้อหาพล่ามแบบอินฟินิตี้ที่ทำเอาเสียเรื่องหลายต่อหลายครั้ง
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ ระดับลูกชายหัวหน้าแก็งค์หลักน่าจะได้นั่งโต๊ะที่ใกล้กับพ่อฉันและคุณลุงผู้คุมกฏทั้งสามนี่”
“ไม่ได้ ไม่ได้ ลูกพี่ก็รู้ ว่าถ้ามีอะไรเด็ดๆ ผมต้องรอคาบ…เอ้ย รอรายงานลูกพี่ก่อน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
อาการยักคิ้วหลิ่วตาแบบนี้ แม้ริกิจะไม่รู้สึกแต่ลูกน้องสามคนที่ตามมาด้วยต่างคันคะเยอที่หมัดเพราะหมั่นไส้เต็มทน ซึ่งตัวต้นเหตุมันก็รู้ทัน รีบดึงคุณชายของแก็งค์ไปแอบที่ริมประตูแล้วบรรจงแหวกม่านไม้ไผ่ออกช้าๆ ริกิมองเข้าไปแล้วเลิกคิ้ว
ในบรรดาผู้คนที่กำลังดื่มเหล้าพูดคุยกันเสียงขรมซึ่งก็รวมทั้งบิดาและหัวหน้าแก็งค์ทั้งสาม สาวน้อยผมยาวสลวยสวมชุดกิโมโนสีชมพูอ่อนดูเด่นขึ้นมาราวกับว่าเธอเป็นภาพสามมิติในขณะที่รอบข้างคือภาพวาดธรรมดา
“ถ้ารู้เขารู้เราของนายหมายถึงเมงุมิจังที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อฉันล่ะก็ ไม่ต้องรบหรอกเพราะฉันรู้จัก“
“ช่าย เธอคือคุณหนูเมงุมิแห่งตระกูลโตโจ แต่ถ้าลูกพี่รู้แค่นี้ ก็เท่ากับว่ารบร้อยครั้งลูกพี่ก็แพ้มากกว่าครึ่งแล้ว“
“อือฮึ…“ ริกิกอดอก มองคนตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบ “งั้นช่วยรีบๆบอกสิ่งที่นายรู้มาเสียที ฉันจะได้เข้าไปรบ“
“โอเค เฉลยยย“ ชินจิชูนิ้วชี้ ยังไงก็อดเล่นท่าไม่ได้เสียที“เธอคือว่าที่คู่หมั้นของลูกพี่ครับผม“
คราวนี้คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว เอียงคอมองข้ามไหล่ลูกน้องไปยัง ว่าที่คู่หมั้น อีกครั้ง จำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันมานี่ยังเห็นอีกฝ่ายใส่ชุดนักเรียนไฮสคูลอยู่เลย ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้ถูปลายคาง พ่อเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

“เมื่อกี้ตอนอยู่ในงาน แกน่าจะชวนหนูเมงุมิคุยบ้างนะ ทำความรู้จักกันเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ ตอนพาเขาไปเที่ยวมันจะได้ไม่เคอะเขิน“
ประมุขแห่งตระกูลคางะเปรยขึ้น เมื่อรถแล่นออกจากหน้าภัตตาคารมุ่งสู่ถนนสายหลักซึ่งยามนี้ไม่ค่อยมีรถหนาตามากนัก
“หรือว่าแกคิดถึงผู้หญิงอื่นอยู่ พามาแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างเป็นไง“
คนข้างกายที่นั่งเล่นเกมส์ในมือถือเงียบๆมาตั้งแต่รถออก เหลือบมองมานิดหนึ่ง
“พ่อพูดแปลกๆ ผมมีว่าที่คู่หมั้นแล้วนะ“
“ก็ดีที่รู้ตัว”คางะยิ้มอย่างพออกพอใจ”ยังไงก็ขอบใจแกมากที่ไม่หักหน้าพ่อด้วยการปฏิเสธลูกสาวของโตโจ พ่อกับเขาร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคนานับประการจนก่อตั้งโชริวไคขึ้นมาได้ และพ่อก็อยากจะให้เราปรองดองกันต่อไปในอนาคต “
“ผมน่ะยังไงก็ได้ เรื่องผู้หญิงผมเชื่อสายตาพ่ออยู่แล้ว” ริกิปิดมือถือ ประชดเสียงเรียบ “ผมก็เหมือนพ่อนั่นแหละ ขอให้สวยเป็นพอ รับรองฟาดเรียบไม่มีเหลือ“
“หนอย แก…เปิดช่องให้ล่ะเป็นไม่ได้เลยนะ“ผู้เป็นบิดาพูดเหมือนจะโกรธที่ถูกว่าเจ้าชู้ไม่เลือก หากดวงตาที่ทอดมองลูกชายกลับมีแววรักใคร่เต็มเปี่ยม
“แต่ยังไงก็เถอะ ผมว่าเมงุมิจังยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้นะ“
“รู้น่าว่าแกไม่นิยมพรากผู้เยาว์“คางะดักคอ“พ่อกับโตโจก็ไม่ได้คิดจะให้แกกับหนูเมงุมิแต่งกันตอนนี้ แค่อยากให้หมั้นกันไว้ก่อนเท่านั้นเอง พอผู้หญิงเขาจบม.ปลาย จะแต่งเลยหรืออยากให้ฝ่ายนั้นเรียนต่อจนพอใจแล้วค่อยแต่งนั่นก็แล้วแต่แก “
“ผมดีใจที่พ่อรู้ว่าผมไม่ชอบเด็ก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือผมไม่ต้องการบังคับฝืนใจใคร คุณลุงโตโจไม่คิดบ้างหรือไงครับว่าลูกสาวอาจจะมีคนรักอยู่ก่อนแล้วก็ได้“
ชายหนุ่มยกเรื่องฮอทฮิตของเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปมาพูด หวังสะกิดใจบิดาให้คิดตาม อีกนัยหนึ่งก็เพราะนึกสงสารเด็กสาวที่มองเขาด้วยดวงตาแป๋วแหววใสแกมซื่อนั่น
ชายผู้กุมอำนาจสูงสุดในคันโตหรี่ตามองชายหนุ่มหน้าตาหล่อคมที่กำลังเริ่มกลับไปให้ความสนใจกับมือถืออันโปรดอีกครั้ง
ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายที่ฉลาดเป็นกรดอยู่เสมอจะไม่เห็นในสิ่งที่เขาเห็น เอ หรือว่ามันแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ปั่นหัวพ่อมันเล่นไปอย่างนั้นเอง
เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่คอยเหลือบมองไปยังม่านไม้ไผ่อย่างคาดหวังทุกๆสิบนาทีเมื่อพบว่าว่าที่คู่หมั้นยังมาไม่ถึง อีกทั้งยังนั่งอมยิ้มแก้มระเรื่อทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึงอีกฝ่าย
อย่างงี้น่ะนะ ฝืนใจมา
ทว่าอันนี้ริกิไม่ได้มาเห็น เพราะฉะนั้นคางะไม่แปลกใจที่ลูกชายจะคิดอย่างนั้น
แต่หลังจากที่ลูกเขาเดินลิ่วๆเข้ามาที่โต๊ะ เด็กสาวที่เมื่อนาทีที่แล้วยังนั่งหัวเราะคิกคักกับมุขคนแก่อยู่เลยก็กลับพลันนิ่งเงียบเหมือนใบ้กินกะทันหัน หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับซาละเปาลูกเล็กในจานไม่ยอมมองใคร แต่พอเห็นว่าลูกเขาหันไปคุยทางอื่น เธอก็จ้องเอาจ้องเอา ตาเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรเลยทีเดียว
อย่างงี้น่ะนะ มีคนรักอยู่ก่อนแล้ว
เขามองออกกันทั้งโต๊ะ แต่ลูกเขากลับโก๊ะอยู่คนเดียว มันน่าเหนื่อยใจมั้ยนี่
“พ่อถามจริงๆ แกกำลังมีสาวที่คิดจะจริงจังอยู่หรือเปล่า“
ริกิเลิกคิ้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถึงเขาจะรักและตามใจบิดาขนาดไหนก็ไม่มีวันยอมหมั้นกับคนอื่นหรอก ก็จริงอยู่ที่ชีวิตเขาตลอดมาไม่ว่าจะทำอะไรเวลาไหน หากต้องการแล้วล่ะก็ มีสาวสวยมากมายที่พร้อมจะมาอยู่เคียงข้างให้ความสุขความสำราญ ทว่าจนถึงวินาทีนี่ก็ยังไม่มีใครทำให้เขารู้สึกถึงคำว่า ’จริงจัง’ หรือ ‘อยู่ในใจ’ เลยสักคน แต่ยังไงก็อดแย็ปๆแกล้งไม่ได้
“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะครับ”
“เรื่องของแกสิ จะเอาผู้หญิงมาเลี้ยงเป็นเมียเก็บสักกี่คนก็ได้พ่อไม่ว่า แต่เมียที่ถูกต้องตามกฏหมายของแกซึ่งเป็นลูกชายคนโตของคางะผู้นี้จะต้องเป็นผู้หญิงที่เลือกสรรมาอย่างดีแล้วเท่านั้น “คางะสำทับเสียงหนัก จนคนฟังต้องหันไปถอนใจยิ้มๆกับทิวทัศน์ข้างทาง
ขณะนั้น รถคันหรูก็ได้เลี้ยวเข้าสู่อาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ของตระกูลคางะซึ่งครึ้มไปด้วยไม้ยืนต้นอายุหลายสิบปีตลอดสองข้างทาง

ที่หน้าคฤหาสน์สไตล์ยุโรปหลังใหญ่ ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยืนเรียงแถวเพื่อต้อนรับการกลับมาของผู้นำตระกูลและนายน้อยของพวกเขาเป็นแถวยาว
“ขึ้นไปดื่มกับพ่อก่อนนอนหน่อยมั้ยล่ะ?“
“ไม่ล่ะครับ ง่วง..“ ชายหนุ่มปฏิเสธเหมือนเคย เพราะไม่ชอบดื่มของมึนเมาก่อนนอนเป็นนิสัยอยู่แล้ว อันที่จริงพ่อเขาก็รู้ดี หากก็ยังชวนอยู่เป็นประจำ ทำตัวเป็นคุณพ่อขี้เหงาทั้งที่มีเมียสวยระดับนางงามให้นอนกอดทุกคืน
โทจิโร่มองตามร่างสูงที่ก้าวยาวๆตัดสนามตรงไปยังทางเดินที่ทอดยาวเข้าไปในสวนสึบากิอันเป็นที่ตั้งของเรือนสึบากิ เรือนญี่ปุนหลังใหญ่ ซึ่งอีกฝ่ายแยกไปอาศัยอยู่ที่นั่นคนเดียวตั้งแต่อายุ 15 ปี
จากเด็กชายหน้าดุที่ถูกแม่ทิ้งไปเมื่ออายุได้เพียง 9 ขวบ ตอนนี้ลูกเขาโตเป็นหนุ่มหล่อวัย27ที่สาวๆฝันหาและเก่งกาจจนเป็นที่ครั่นคร้ามในวงการมืดอย่างที่หวังวาดเอาไว้แล้ว ถึงอีกฝ่ายจะเคยบอกว่าไม่อยากเดินทางสายเดียวกับเขาและยืนยันด้วยการร่วมทุนกับเพื่อนๆที่จบมหาวิทยาลัยพร้อมกันจัดตั้งบริษัทเกี่ยวกับการออกแบบบ้านและตกแต่งภายในขึ้นมา ทว่าการยอมควบคุมแก็งค์หลังฉากและโดดเข้ามาช่วยอย่างเต็มกำลังทุกครั้งที่มีเรื่อง ก็ยังทำให้แอบหวังอยู่ลึกๆว่าวันหนึ่งลูกชายอาจจะเปลี่ยนใจมาสืบทอดความเป็นใหญ่ต่อจากเขา
เห็นลูกคนโตก็อดนึกถึงกวินภพลูกคนเล็กไม่ได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้พบกันเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ เจ้าลูกชายที่เจ้าชู้เหมือนเขาและเอาแต่ใจเหมือนอดีตภรรยาชาวไทยเปี๊ยบนั่น
ในเวลาเดียวกัน คู่เหมือนที่คางะกำลังนึกถึงก็กำลังพูดคุยกันตามประสาแม่ลูก แต่เป็นการพูดคุยแบบคุณผกามาศพูดเอาพูดเอาอยู่คนเดียว ซึ่งก็เดิมๆซ้ำซากอยู่อย่างนั้นตั้งแต่สาธยายความไม่พอใจทั้งมวลแล้วตบท้ายด้วยการพูดถึงหลานสาวสุดที่รักแล้วก็วางสายไปนอนอย่างสบายอกสบายใจและยิ่งเป็นปลื้มลูกชายคนโปรดค่าที่ช่างน่ารักและเข้าอกเข้าใจเธอนัก
ไม่รู้เลยว่านิสัยที่แท้จริงของกวินภพนั้น เอาแต่ใจแถมยังขี้หงุดหงิดเสียยิ่งกว่าเธอหลายเท่านัก…
“เฮ้อ เซ็งโว้ย“
กวินภพเฉาในอารมณ์จนหมดความสนใจสาวผมทองที่นอนระทวยแนบข้างไปเลย แล้วโหมดเชื้อไม่ทิ้งแถวก็ทำงานอย่างอัตโนมัติ ชายหนุ่มคว้ามือถือมากดเลขหมายที่จำได้ขึ้นใจจนไม่ต้องค้นหา ไม่คิดเกรงใจสักนิดว่าปลายสายทำอะไร อยู่ที่ไหน เวลาเหลื่อมกันเท่าไหร่และหลับหรือยัง
“ฮัลโหลนี่ผมเองนะ ทำไมรับช้าจังล่ะพี่ กำลังจะนอนเหรอ เฮ้ย! อย่าเพิ่ง อยู่ฟังผมพูดก่อนดิ คุณแม่น่ะเอาอีกแล้วล่ะ คราวนี้เป็นเรื่องลุงคณิต คืองี้…”

แม้จะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ทว่าในสวนของบ้านตระกูลคางะก็ยังคงมีหมอกลงและอากาศก็ยังเย็นยะเยือกอยู่ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงวอร์มสีเข้มวิ่งเหยาะๆกลับเข้ามาในบ้าน ลูกน้องคนสนิทรีบเอาน้ำแร่ขวดใหญ่มาเสริ์ฟให้อย่างรู้ใจ
“จะรับอาหารเช้าเลยมั้ยครับ นายน้อย?“
ริกิใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดคออยู่ซับเหงื่อเบาๆพลางส่ายหน้า “ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วกัน อ้อ ระหว่างนั้นถ้ามีใครโทรมา คอยรับโทรศัพท์ให้ด้วยนะ”
เก็งไว้ก่อนเผื่อน้องชายเขามีภาคต่อ แต่เท่าที่ฟังจากเมื่อคืนเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงคงจะไม่แล้วล่ะมั้ง
ชายหนุ่มออกจากห้องน้ำอีกทีในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแสล็คสีดำเข้ารูปอวดร่างกายสูงสง่าให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น เขาพาดเสื้อนอกไว้บนพนักเก้าอี้แล้วหันกลับมายังตู้เสื้อผ้าติดผนังเพื่อมองหาเนคไทที่เข้าชุดกัน แทนที่จะเจอบานประตูที่ทำด้วยกระจกฝังบนเนื้อไม้สีเข้ม ก็กลับเป็นร่างของ เรกะ แม่เลี้ยงสาวสวย ที่แม้จะอยู่ในชุดกิโมโนเต็มยศก็มิอาจปิดบังส่วนโค้งเว้าแห่งความเป็นสาวสะพรั่งลงได้
“คุณเรกะ?“
ริกิยืนอึ้งด้วยไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะกล้าเข้ามาหาถึงในห้องนอน เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาสวมเนคไทแล้วจัดการผูกให้ด้วยความชำนาญ
“เมื่อวานดิฉันออกไปซื้อของกับคุณนายโตโจ เห็นเนคไทเส้นนี้แล้วนึกถึงคุณ ก็เลยซื้อมาฝาก“
หญิงสาวถอยออกมามองห่างๆ ริมฝีปากอิ่มซึ่งถูกฉาบไว้ด้วยสีสันยวนตาเผยอยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อพบว่าชายหนุ่มดูจะชมชอบของกำนัลจากเธออยู่ไม่น้อยเช่นกัน
สีน้ำเงินเข้มแห่งท้องทะเลลึกราวกับเป็นสีที่มีไว้เพื่อผู้ชายคนนี้ ลึกล้ำรื่นรมย์ น่าค้นหา ทว่าอ่านยาก…
“ขอบคุณ…“
เนคไทอันใหม่เข้ากับเสื้อเชิ้ตได้อย่างพอดี ชายหนุ่มขยับเสื้อนอกให้เข้าที่ ความจริงเขาไม่ชอบให้ใครซื้อหาข้าวของส่วนตัวให้ แต่ถ้าปฏิเสธออกไป พ่อรู้อาจจะพาลคิดไปว่าเขารังเกียจเมียพ่อและต่อว่าเอาได้ สาเหตนี้แหละทำให้ตลอดมาเขาแทบไม่ต้องซื้อของใช้เองเลย แม่(เลี้ยง)จัดการให้หมด อีกอย่างเขาก็เห็นใจในความพยายามของผู้หญิงตัวเล็กๆที่วันๆต้องจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ในบ้านไม่หยุดมือจนเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้
“แต่เนคไทแค่อันเดียว ไม่ต้องเอาลงมาให้เองก็ได้นี่ครับ ลูกน้องพ่อออกเต็มบ้าน“
“อันที่จริงเช้านี้นายท่านต้องการให้คุณขึ้นไปทานอาหารเข้างบนเพื่อหลังจากนั้นจะได้แจ้งเรื่องบางอย่างกับคุณ ดิฉันตั้งใจจะเอาของมาให้อยู่แล้วจึงอาสามาบอกแทน“
ริกินิ่งฟังอย่างสนใจ เท่าที่ออกไปวิ่งมาเมื่อกี้ บ้านเขายังอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีการรวมตัวอะไรที่ผิดสังเกตอีกทั้งไม่มีการติดต่อโดยตรงจากบิดาแสดงว่าไม่ใช่เรื่องร้าย
แต่เอาเถอะ จะเป็นเรื่องอะไรก็ช่าง ขอให้น่าสนุกเป็นพอ…

ที่ร้านฟาสต์ฟู้ดในห้างดังใจกลางกรุงเทพฯ
ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจและเสียงเพลงจากบู้ทส่งเสริมการขายต่างๆ รวมทั้งการเดินเข้าออกจากร้านอย่างไม่ขาดตอนของเหล่าผู้คนที่มาจับจ่ายเดินดูของ ประกายรุ้งนั่งยิ้มตาหยีท่ามกลางข้าวของมากมายบนโต๊ะอันเกิดจากการช็อปบ้าระห่ำครั้งแรกในชีวิต
ในโลกนี้ บางทีทุกอย่างอาจจะไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด เมื่อวานพบเจอกับเหตุการณ์ที่คิดว่าซวยสุดๆ แต่อีกวันก็อาจจะได้สิ่งดีๆตอบแทนชนิดที่ทำให้อยากหัวเราะลั่นโลกก็เป็นได้
เมื่อเช้านี้ บิดายื่นบัตรเครดิตให้ ทำให้โลกกลับคืนสู่ความสว่างสดใสอีกครั้งและข้าวต้มกุ้งของโปรดก็กลับมาอร่อยถูกปากจนต้องขอเติมอีกรอบ
‘เอานี่ไปซื้อของที่อยากได้นะลูก ถือซะว่าเป็นการปลอบขวัญเรื่องเมื่อวานก็แล้วกัน แต่หลังจากนี้ หนูรุ้งของพ่อต้องกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมนะ ‘
‘แล้วก็ต้องยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ได้ด้วยนะจ๊ะ‘มารดาเข้ามาโอ๋ต่ออย่างไม่ให้ขาดตอน
เนิ่นนานมาแล้วที่เธอต่อต้านการใช้เงินผ่อนคลายความเครียดทางอารมณ์ตามแบบเพื่อนๆลูกผู้ดีมีเงินทั้งหลาย ทว่าตอนนี้ จะลองดูสักครั้งก็คงไม่เสียหาย วันนี้เอามันส์ไว้ก่อน พรุ่งนี้จะเป็นยังไงค่อยว่ากัน ว่าแล้วก็หันไปเชิดหน้าใส่พี่ชายที่กำลังมองมาอย่างอิจฉาเสียหน่อย
สมน้ำหน้า คนใจร้าย!
รู้เรื่องก่อนแล้วบังอาจหมกเม็ดไม่ยอมบอกสักคำ คอยดูนะ จะไม่ซื้ออะไรมาฝากเลย
ไม่ซื้อเด็ดขาด!
ไม่ซื้อแน่ๆ!!
ดวงตากลมโตก็เหล่มองถุงกระดาษสีสวยติดโลโก้อาร์มานี่ ชิ น้ำหอมยี่ห้อโปรดใครก็ไม่รุ…เด็กสาวใช้นิ้วชี้ดันออกไปห่างๆเหมือนจะขยะแขยง แต่พอนึกถึงหน้าพี่ชายที่มองตามเธอตอนขึ้นรถแท็กซี่ออกมาจากบ้านตาละห้อยก็ดึงมันมาวางบนตักอย่างทะนุถนอม
ข้างๆกันนั้น เต้าหู้กำลังตรวจเช็คข้าวของทั้งของตัวเองและเพื่อนให้ชัวร์ว่าไม่มีอะไรตกหล่น เมื่อพบว่าครบถ้วนดีก็หันไปหาพี่ชายฝาแฝดที่นั่งหน้าเมื่อย
“เต้ จะกินอะไรก็รีบๆไปสั่งสิ เผื่อเรากับเปาะแปะด้วยนะ“
“เธอจะรีบไปไหน เอาอย่างเปาะแปะบ้างสิ นั่งนิ่งแถมยิ้มปากบานตาเหลือตี๊ดนึงไม่ยอมขยับเลย“ ฮ่องเต้เอ่ยหน้าตายพลางบีบนวดแขนตัวเองที่ตอนนี้ปวดระบมไปหมด
“ยังกับคอมพิวเตอร์ที่แฮงค์แล้วไม่มีผิด “
‘คอมพิวเตอร์‘หุบยิ้มแล้วหันขวับมามองคนพูดด้วยสายตาจู่โจมของเสือดาวสาวรุ่นที่พร้อมจะโดดกัดหัวทันทีถ้ามีการเสกเธอให้กลายร่างจากคนที่กำลังแฮปปี้ ไปเป็นอะไรบ้าๆอีก
“เราว่าเต้รีบไปเถอะ ไม่งั้นอาจจะถูกทำให้แฮ็งค์เสียเอง“เต้าหู้เตือนยิ้มๆแต่ดูเหี้ยมชอบกลในสายตาคนมอง
ผู้เป็นพี่ชายเลยรีบลุกไปสั่งเมนูโปรดให้ทันทีเป็นการเอาใจน้องสาวและเพื่อนรัก ที่คงจะเขมือบเขาแทนแน่ๆถ้าหากจะยังนั่งเจี๋ยมเจี้ยมทำตลกหน้าตายต่อ

“พี่เต้นี่กวนอารมณ์จริงๆ เมื่อวานก็แย่งเราเล่นเกมส์ออนไลน์หน้าตาเฉย ฟ้องอาม่า อาม่าก็เข้าข้าง เซ็งเป็นบ้าเลย”
“แต่วันนี้เขาก็ช่วยถือของให้จนตัวเอียงเลยนี่นา ถือว่าเจ๊ากันไปเหอะนะ“ประกายรุ้งมองแถวสั่งอาหารที่ยาวเหยียดอย่างระทดท้อ“ แต่คงอีกนานเลยนะเนี่ย ทำไงดี เปาะแปะหิวแล้วอ่ะ“
“วันเสาร์คนก็เยอะอย่างนี้แหละน่า ทนเอาหน่อยก็แล้วกัน แต่ในกระเป๋าเรามีคิทแคทแน่ะ รองท้องไปก่อนสิ “
“ไม่เอาอ่ะ กินช็อคโกแลตเดี๋ยวสิวขึ้น“ประกายรุ้งอิดออดแต่มือคว้าอย่างรวดเร็ว“มีอันเดียวเองเหรอ?“
เต้าหู้ควานหาในกระเป๋าแล้วส่ายหน้า คนขอเบิ้ลทั้งที่ยังกินไม่หมดทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ไม่เดือดร้อน เพราะอาหารจานหลักเดินมาโน่นแล้ว ฮื้อ หอมจัง
แต่ฮ่องเต้ไม่ยักมาเดี่ยวเหมือนตอนไป มีสาวมาช่วยถือของให้ด้วย เป็นผู้หญิงร่างสูงโปร่ง สูงกว่าฮ่องเต้อีก ชุดที่อีกฝ่ายสวมก็ไม่ใช่เครื่องแบบพนักงานเคเอฟซีหากแต่เป็นกระโปรงสั้นสายเดี่ยวเปรี้ยวจี๊ดที่เข้ากันกับผมหยิกเป็นลอนยาวเกือบถึงเอวของอีกฝ่ายรวมทั้งท่าเดินบิดไปบิดมาราวกับนางแบบนั่นเปี๊ยบเชียว
เปาะแปะกระพริบตา แต่ก็ยังแทะเล็มคิทแคทในมือต่อ
“เฮ้ย เราว่าเขารู้จักเปาะแปะนะ“เต้าหู้หันมากระซิบ
“เหรอ แต่เปาะแปะไม่รู้จักผู้หญิงเปรี้ยวเข็ดฟันขนาดนั้นหรอก“ หง่ำหง่ำ คิทแคทอาหย่อย
“ไม่รู้ได้ไง เขายิ้มให้เปาะแปะชัดๆ ดูดิ ปากแทบจะถึงหูอยู่แล้ว“
จริงแฮะ ถ้าไม่รู้จัก เขาคงไม่ยิ้มให้เราขนาดนี้หรอกมั้ง ประกายรุ้งขมวดคิ้ว ที่จริงหน้าคมเข้มเกินหญิงนั่นก็ชวนให้คุ้นอยู่เหมือนกันนะ
“งั้นขอใช้หมอง นั่งสมาธิ“ ติ๊กต่อก ต๊กต่อก ปิ๊ง!“เปาะแปะรู้จักคนๆหนึ่งที่คล้ายๆเค้า แต่พี่คนนั้นเขาเป็นผู้ชาย หล่อด้วย ชื่อพี่วิท!“
“วุ้ย ชื่อเสร่อแบบนั้นอย่าเอ่ยขึ้นมาได้มั้ยจ๊ะคุณน้อง ฟังแล้วมันจี๊ด เรียกพี่ว่าวีวี่ดีกว่านะ“
เด็กสาวทั้งสองเงยหน้าขวับแล้วจ้องเจ้าของเสียงสาวแตกที่วางถาดไก่ลงบนโต๊ะแล้วยืดตัวขึ้นกอดอกกระพริบตาปิ๊งๆมาให้อย่างตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เว้นแม้แต่ฮ้องเต้ที่หลงรอยยิ้มพิมพ์ใจแต่ไร้เสียงนั้นจนเผลอยอมรับความหวังดียอมให้อีกฝ่ายช่วยถือของมาส่ง ไม่รู้สักนิดว่าเดินคุยมากับกระเทียมพันธุ์แท้ซึ่งตัดต่อพันธุกรรมมาเรียบร้อยหาความเป็นแมนไม่เจอแล้วนอกจากเสียง
ในขณะที่เพื่อนรักทั้งสองยังยืนอึ้งไม่เลิก ประกายรุ้งวางขนมแล้วลุกพรวดขึ้นประจัญหน้าสาว(?)สวยในชุดรัดรูปสีสดใสอย่างอาจหาญ จ้องเอาจ้องเอากะเก็บทุกพิกเซล
หน้าสวย(ที่เคยหล่อ) อกอวบ(ที่เคยแกร่ง) เด็กสาวมองกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นหลายรอบโดยเฉพาะลูกกระเดือกที่คอเกือบจะระหงนั้น ครั้นแน่ใจแล้วว่าใช่ คน(เคย)รู้จักแน่ เด็กสาวก็อุทานเสียงสูง
“ โอ้ แม่เจ้า!”



หวัสสา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มิ.ย. 2556, 11:24:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มิ.ย. 2556, 11:24:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1080





<< ตอนที่1   ตอนที่3 >>
Zephyr 30 มิ.ย. 2556, 21:37:27 น.
ใครโผล่มาอีกละนี่
555 ไปญี่ปุ่นแล้วต้องมันแน่ๆเลย
อดใจรอจะไม่ไหวแล้วค่ะ ลงเร็วๆนะคะ นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account