บัลลังก์ม่านมนตรา
เจ้าวรวรรณวินทิรา ท่านชายภัสรกณ์ หอมจันทร์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เหมันต์ราตรี

บทที่ ๔ เหมันต์ราตรี
ดวงดาราพร่างพรายเจิดจรัสแจ่มแจ้งกระจ่างใสสุกสกาวบนท้องฟ้า ยามนี้เป็นเพลาราตรีกาล เมฆาน้อยลอยเลื่อนเฟื่องฟุ้งปลิวตามกระแสลม
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเพราะฉะนั้นวันนี้จึงเป็นเพลาเหมาะที่สุด”เสียงหวานกระซิบบางเบา
“เจ้าคะ อิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”เสียงหนึ่งตอบเบาๆ
“ได้เวลาหายนะของพวกมันแล้ว”
เรือนไม้สักโอ่อ่ากว้างชวางตัวเรือนทำจากสักชั้นดีฉาบด้วยน้ำมันสนอย่างดีจึ่งแลเห็นเป็นสีของตัวไม้ตัดอย่างประณีต ใต้ถุนเรือนยกขึ้นเป็นบ่อน้ำ เงาตะคุ่มๆทอดผ่านธารน้ำเพียงเสมองพลันเกิดความรู้สึกหวาดผวาราวกับผีสางนางไม้แอบแฝงอยู่
“เจ้าประคู้น ขอคุณพระคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิด”มือหยาบกร้านกระพุ่มไหว้ทูลเหนือหัว
เจ้านางเพียงแต่ยิ้มหวานขำขันกับท่าทีของครับใช้เก่าแก่ บ่าวทาสีที่นางเห็นแต่แรกเกิด เมื่อเห็นดังนั้นนางอุ่นจึงเอามือที่กระพุ่มเหนือหัวลง
“แม่อุ่นเอ๋ย ผีสางมิน่ากลัวดอกแต่มนุษย์นะสิน่าหวาดผวากว่านัก เร็วประเดี๋ยวเจ้าพี่จะรอนาน”ร่างเพรียวหันมาแย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าขึ้นกระไดไป
บนเรือนพลับพลา
ภายในห้องเครื่องเรือนใหญ่ประดับด้วยเครื่องแก้วโบราณเลิศล้ำเกินพรรณนาสรรหามาจากสารพัดทั่วทิศา ศิลปะในสมัยราชวงศ์ถังอันลือชื่อผสานกับวัฒนธรรมแดนตะวันออกได้อย่างงดงาม เรือนนี้มีความงามเพริศพริ้งประดุจดังว่ามีสาวงามเจ็ดนางก็มิปาน ความงามและกลิ่นอายสมัยราชวงศ์โบราณคละคลุ้งไปบริเวณอาณาเขตตัวเรือน
‘ศิลปะสมัยเอโดะงั้นหรือ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก’นัยน์ตาคู่คมกวาดสายตาอย่างสำรวม
“อ้าว มากันแล้วหรือ แม่วรรณ พี่ดีใจนักที่ได้เจ้ามาร่วมเรียงเคียงหมอนที่นี่”เสียงเข้มกล่าวพลางชำเลืองมองร่างบางที่นั่งกระมิดกระเมี้ยน
“เจ้าพี่คือน้องยังไม่พร้อมเพคะ”ดวงหน้าหวานก้มต่ำลงพลางเสมอพื้นไม้ที่วางเรียงรายอย่างบรรจง
“ไม่พร้อมงั้นรึ ..”ความปรีดีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโทสะทันที มือหนาฉวยกระชากร่างบางก่อนจะช้อนเอว
เนื้อแนบเนื้อ เรือนร่างงามสัมผัสเสียดสีกับไหล่หนาแข็งแกร่งสร้างความเจ็บปวดอย่างมหันต์ให้เจ้านาง
“เจ้าพี่เพคะ น้องเดินเองได้เพคะ”เสียงหวานยังคงดังระรื่นหูมาเป็นระยะ
“เจ้าแน่ใจนะ..”เสียงนั้นถามเบาๆก่อนจะวางร่างบางลงบนพื้นไม้
“ตามข้ามา”ชายหนุ่มสาวเท้าไปข้างหน้าก่อนจะเลี้ยวที่หัวมุมห้องหับโดยมีเจ้านางตามไปติดๆ
ห้องเกสินทร์

ภายในห้องเรือนทองคำตกแต่งอย่างหรูหราฟู่ฟ่า ตุ๊กตากระเบื้องวางเรียงรายระนาบเดียวขนาบกับขอบกระจก ข้างๆกล่องดนตรีไม้สักมีพวงกุญแจเงินวาววางบนโต๊ะไม้ลายฉลุสง่างามหากคะเนดูแลราวๆสามหมื่นตำลึงหรืออาจะใช้ทองคำพันชั่งกระมังกว่าจะได้มา สำหรับเจ้าวรรณเธอไม่มีกระจิตกระใจจะมาใส่ใจสิ่งของที่วางเรียงรายเบื้องหน้า เพราะเมื่อเธอก้าวเข้ามาท่านชายภัสก็ผลักดันเธอร่วมภิรมย์สมปรารถนา บรรเลงนิทรารมณ์แสนสวาท เร่าร้อนและเย้ายวนดุจภมรบินร่อนดอมดมมวลบุปผา ช่างอ่อนหวานและเบาบางราวกับร่างกายจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
“อื้ม...”เสียงหวานครางลอดผ่านลำคอระหงส์
“แม่วรรณข้ารัก...เจ้า...”ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาก่อนจะประทับตราร้อนลงบนเนื้อนวลสวย
ร่างบางบิดกายเล็กน้อยก่อนจะถามบางอย่างที่ซุกซ่อนภายใต้จิตสำนึก
“เจ้าพี่...สัญญาได้ไหม..”เสียงหวานนุ่มนวลกล่าวพลางทอดสายตาแสนหวานทว่าฉายแววหม่นราวกับดาราร่วงหล่นจากฟ้าก็มิปาน
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา..เจ้าพี่ต้องอยู่ข้างน้อง..รักน้องตลอดกาลนะเพคะ”นัยน์เนตรดำขลับกลมโตสวยยังคงจ้องมองเพื่อหาคำตอบจากห้วงหทัยภายในจิตใต้สำนึกของเขา
“อืม...” เสียงนุ่มทุ้มตอกกลับราวกับจะให้จบเรื่องไป ในหัวสมองครุ่นคิดอย่างหนักพลางคะเนหมายว่าเรื่องสงครามทางชายแดนที่สยามกับพม่ากำลังรบทัพจับศึกยืดเยื้อยาวนานถึงทุกเมื่อเชื่อวันนี้
“หากเจ้าหมายว่าพี่จะออกไปการสงครามแล้วตายละก็เจ้าคิดผิดนัก”ชายหนุ่มพูดพลางแย้มรอยยิ้มขำขัน
“น้องรู้ว่าเจ้าพี่เก่งนัก แต่คำพังเพยโบราณท่านสอนไว้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า นะเพคะ ”เจ้าน้อยพูดเสียหวานพลางสรวลเบาๆ
แก้มสากขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยพลางจับจ้องมองดวงหน้าหวานที่แย้มรอยยิ้มน้อยๆดุจนางงามปานล่มเมืองแห่งแดนมังกร
“งาม เจ้าช่างงามนัก”มือแกร่งบรรจงโลมไล้ร่างบางก่อนท่วงทำนองแสนหวานจะบรรเลงขึ้นอีกครั้ง เพลงนี้ข้ามอบนามแด่เจ้า ราตรีนิทรารมณ์
ดอกราตรีร่วงหล่นเต็มลานพื้นพสุธาละม้ายคล้ายดาวดาษเกลื่อนกลาดนภามาศ กลิ่นอวลหอมพิสุทธิ์โปรยระรินดั่งทิพยเกสรร่วลงจากสรวงเทวาลัยบนวิมานเทวา
กระผมตื่นขึ้นมาในสภาพเช้าตรู่แลมองเห็นร่างบางของเธอนอนอิงแอบแนบชิดกับเรือนกายของผมอย่างถนัดตา กระผมจึ่งเลื่อนมือคลุมผ้าแพรไหมที่ได้มาแต่เจ้าเมืองจีน องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ลือเลื่อง ณ แดนไกล แต่กระผมจำชื่อไม่ได้แล้วเสียกระมัง
นี่ แน่ กระผมขอเล่าเสียหน่อย เมื่อครั้งกระผมยังแต่อ้อนแต่ออกนั้น ท่านแม่ได้เลี้ยงดูกระผมอย่างดีท่านส่งเสียให้เรียน ให้กิน ให้นอน ก่อนจะส่งผมเข้ารับราชการในพระนครหลวงซึ่งตอนนี้กระผมมีบรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวงเสียแล้ว คนในพระนครมักเรียกผมว่า ท่านชายภัส ผมมีนามว่า ภัสกรณ์ หมายว่า บุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของมารดาแลบิดา หรือ ชายผู้หล่อเหลา ชายผู้มากโชคและชายผู้มีศรีภริยาดี
จะว่าไป พูดก็พูดเถอะ อันหลังนะกระผมต่อเติมเองขอรับ แม่วรรณเป็นศรีภริยายังได้เลย นางเป็นเบญจกัลยาณีของแท้แต่โบราณกาล ทั้งวจีก็อ่อนหวานนุ่มนวลชวนฟัง รูปโฉมโนมพรรณก็สวยสะคราญราวสาวแรกรุ่น
อีกทั้งกริยามารยาทสมควรยกให้เป็นหญิงงามประจำเมือง ในสมัยผมยังไม่รู้ประสีประสาดีนัก กระผมได้มีพี่ชายหนึ่งคนเขามีนามว่า พาหุรัด เขาเป็นชายหนุ่มควรนับว่าโฉมยงแต่ชะตาพี่ชายผมช่างสั้นนัก
ทำไมนะหรอ ก็เขาดันไปหมายปองดอกฟ้านะสิ ใครเขาก็ล่ำรือกันว่า พระธิดาของเจ้าสกุลเธวัญรัตน์งดงามนักหนางามมิแพ้ธิดาในวรรณคดีบ้านใดเมืองใด หากแต่เจ้าเมืองกลับยิ่งยโส โอหัง กำเริบเสิบสานนัก มิยอมมีไมตรีกลับชาติใด กลับหลงใหลฝักใฝ่แต่เพียงของมนต์ดำ ไสยศาสตร์ต้องห้าม แต่กระนั้นก็ดี เพราะว่านครมนต์ธารารามชึ้นชื่อลือชาในด้านงานเย็บปักถักร้อย ยิ่งนักโดยเฉพาะผ้าแพรไหมและผ้าตาดเงินตาดทอง อีกทั้งผ้ายกทองของเจ้านายต่างๆนานา
กระผมนะอยากจะเห็นว่า เจ้าหญิง จงกลนีปุระ หรือ ดาหลาธาราวตีเทวี จะงามเพียงใด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจนัก
ที่ไปช่วยพี่ชายกระผมมิได้วันที่เขาโดนตัดคอประหารชีวี กระผมรู้ข่าวแต่เพียงว่า เจ้าฟ้าเธวัญรัตน์ได้นำกริชของพี่ชายผมมาให้เป็นของต่างหน้าพร้อมด้วยหญิงงามนางหนึ่งได้อวยพรเป็นลายลักษณ์อักษรไว้

‘เพลิงโทษาเปลวพิโรธข้า....มิหมดสิ้น.
.จะจองเวรจองกรรมจดแลจำ..บุคคลนั้น..ประทับตราดั่งหทัยฝังแน่นมิอาจลืม
...ดวงวิญญาณพี่ชายเจ้า..มิได้เกิด.
.ยังเวียนวนทุกข์ทนในนครอันศักดิ์สิทธิ์
ตราบเท่าฟ้ามิมลายดวงจันทรามิเลือนหาย.
..บัลลังก์กุหลาบจะตั้งอยู่...
จงมองวินาทีนั้นข้าจงกลนีปุระจะทรมานพี่ชายเจ้าให้ดับดิ้นสิ้นชีวาลัย...............’

และในวันนั้น กระผมได้พบเจ้าหญิงอีกองค์นางช่างสง่างาม พวงแก้มเนียนระเรื่อ ดวงหน้าหวานประดับด้วยเครื่องเงินแพรวพราว บนศีรษะสวมมกุฎแห่งรัชทายาทปกปิดใบหน้าสวยด้วยผ้าไหมแพรชั้นดีแต่กระนั้นสายตาเจ้ากรรมของกระผมก็ยังแลเห็นเพียงเสี้ยววินาที กระผมก็จดจำนางได้นางเอ่ยนามตัวเองว่า
“ข้ามีนามว่า ดาหลาธาราวตรีเทวี” ผู้นำสานต์แด่สมเด็จองค์เหนือหัวมาให้
“เจ้า.....”
รอยยิ้มหวานแย้มเล็กน้อยๆ พลางเอียงคอมองกระผมด้วยอากัปกิริยาน่ารักอ่อนหวาน
“ข้าชื่อ ดาหลาเจ้าคะ”
“ข้า ภัสกรณ์ ขอรับ”
“อ้าวมาอยู่นี่เอง หลานตาเราตามหาเจ้าเสียแทบแย่”

อย่าหวังว่าจะนำพาดวงวิญญาณมันไป
ตราบใดที่เจ้ายังมิคืนความบริสุทธิ์ของข้า
จงยืนยันด้วยบัลลังก์กุหลาบที่เจ้าพรากไป
วิญญาณนั้นจะถึงซึ่งสุขคติ



เพียงภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2556, 15:13:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2556, 15:13:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 840





<< ระบำสารภี   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account