วังวนรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๗ งานเลี้ยง

แสงเรืองรองของดวงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านม่านผืนหนาทึบสีบานเย็นเข้ามาในห้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนบนเตียงที่กำลังหลับสบายอยู่ไม่น้อย เมื่อเจ้าของเริ่มรู้สึกตัวตื่น ไม่รู้ทำไม ลลินภัทรพร่ำบอกตัวเองเสมอในทุกๆ วันว่าเธอเกลียดเวลาเช้าเป็นที่สุด

มันช่างทรมานเหลือเกินที่ต้องผละจากเตียงอันแสนนุ่มสบายนี้ แต่ให้อาลัยอาวรณ์มันมากสักแค่ไหน อย่างไรร่างระหงก็ยอมลุก เธอจำเป็นจะต้องออกไปทำงานให้ทันเวลา ไม่ยอมสายเป็นอันขาด แม้ลึกๆ จะขี้เกียจเท่าใดก็ตาม

ห้องนอนตกแต่งทันสมัยด้วยโทนสีขาวและชมพูเข้มที่ผสานกันอย่างลงตัว มีเสียงกดเปิดเครื่องปรับอากาศดังขึ้นประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น พร้อมกับผู้เป็นเจ้าของเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ แม้เมื่อคืนจะดื่มหนัก หากเช้ามากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า โปร่งโล่งบอกไม่ถูก

ลลินภัทรจ้องมองตัวเองในกระจก พยามคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน เธอตกลงคบกับ พฤหัส ศิลาธนิก ไปแล้ว มาบัดนี้ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด เขาคนนั้นเป็นภัยร้ายแรงตั้งแต่แรกพบ แล้วอยู่ดีไม่ว่าดีเกิดอุตริคิดประชดชีวิตไปตกลงเป็นคู่ควงชั่วคราวของเขานะหรือ

“โง่หรือบ้ากันแน่” บ่นเสียงอุบอิบอยู่คนเดียว ถอดชุดแซกที่สวมอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนออก ครั้นแล้วสายตาก็ไปปะเข้ากับรอยแดงเป็นจ้ำเด่นชัดบริเวณเนินอกฝั่งซ้าย และอีกรอยที่เล็กกว่าแต่สูงขึ้นมากอีกใกล้กระดูกไหปลาร้า แน่ใจว่าไม่มีแมลงใดเข้ามายุ่งย่ามกัดหรือต่อยในบริเวณนั้นแน่นอน นอกเสียจาก... แมลงปีศาจที่ชื่อพฤหัส

หญิงสาวมาทำงานตามปกติ ซึ่งวันนี้สบายหน่อยที่งานไม่เยอะมาก แอบเข้าอินเตอร์เน็ตจนถึงใกล้เที่ยง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง เห็นว่าชื่อใครโทรเข้ามาจึงกดรับสาย

“เธออยู่ไหน” ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากเขา

“ฉันทำงานอยู่ คุณมีอะไรหรือ”

“จะเที่ยง ชวนเธอไปหาอะไรรองท้องสักหน่อย ไม่อยากกินคนเดียว”

“คุณอยู่ไหนแล้วละ ฉันไปไกลๆ ไม่ได้หรอก ขี้เกียจ”

“ไม่ไกลหรอก หน้าโรงแรมเธอนั่นแหละ”

“เฮ้ย!”

“ก็... ที่ทำงานฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเธอเท่าไรหรอก ออกมาหาฉันหน่อยสิรออยู่ที่ล็อบบี้น่ะ”

“ล็อบบี้?” เสียงหวานถามกลับ ราวกับไม่แน่ใจในคำตอบที่ได้ยิน

“ใช่ รีบมานะ อย่าให้ฉันโมโหหิวจนต้องไปลากตัวเธอถึงในออฟฟิต”

“โอ๊ย ขู่อีกแล้ว ก็ได้ๆ” ลลินภัทรกดวางโทรศัพท์ ฉวยกระเป๋าลุกขึ้น ลงไปหาชายหนุ่มอย่างเร่งด่วน ตามไม่ทันกับความคิดปานพายุของเขาจริงๆ ปุบปับนึกจะมาก็มา ไม่คิดบอกกล่าวกันล่วงหน้า เล่นแบบนี้หัวใจจะวาย

“กินซะนะ หิวไม่ใช่หรือ” ลลินภัทรยิ้มให้เขา ขณะที่พฤหัสนั่งมองอาหารจากด่วนตรงหน้าอย่างไม่สู้จะพอใจกับมันนัก

“ทำไมต้องกินที่นี่ด้วย ร้านอื่นมีเยอะแยะเธอยังจะพาฉันมาแออัด ร้อนก็ร้อน ” เจ้าตัวบ่น มองรอบข้างที่รายล้อมไปด้วยผู้คนในชุดยูนิเฟอร์ม ซึ่งจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากห้องอาหารที่ไว้สำหรับเลี้ยงพนักงานของโรงแรมนั่นเอง

“นี่มันที่ประจำของฉันหนิ เคยกินอยู่ทุกวัน รสชาติใช้ได้เลยละ แถมยังอร่อยอีกตังหาก”

“เหอะ หลานเจ้าของโรงแรม มากินข้าวกลางวันในสต๊าฟแคนทีนนี่นะ”

“อ้าว กินนี่ที่แล้วมันไม่ดีตรงไหนค่ะ” เธอหยุดพูดนิดหนึ่ง พบคนรู้จักผ่านมาจึงโบกมือยิ้มทักทายพวกเขา ก่อนหันกลับมายังชายหนุ่มอีกครั้ง “ของฟรีนะคะ แถมไม่ต้องไปไกลอีกตังหาก ใครไปเสียเงินกินที่อื่นก็โง่แล้ว”

“ถ้างกนักละก็ ฉันเลี้ยงก็ได้ ฟรีของเธอน่ะดูจะเบียดเสียดกันเกินไป”

“อะไรกัน นี่น่ะหรือเยอะ ถามจริงคุณหนู คุณเคยเดินตลาดไหม พวกตลาดนัด เปิดท้ายอะไรพวกนี้”

“ฉันไม่ใช่คุณหนู อย่าเรียกแบบนั้นอีก จะโดนดี” ถูกหมิ่นประมาทด้วยสรรพนามที่ไม่ปรารถนาให้ใครเรียกเช่นนั้น จึงอดประกาสิทธิ์คุกคามไปอย่างอดไม่ได้

“ทำเป็นขู่ ถ้าไม่เคยไป เย็นนี้ฉันพาไปไหมละ”

“ใครบอกว่าตอนเย็นจะไปตลาด เธอต้องเตรียมตัวไปธุระกับฉันตังหาก”

“ธุระอะไรของคุณ แล้วทำไมฉันต้องไปด้วย”

“งานการกุศล ครัวครอบเธอก็ถูกเชิญด้วยหนิ ไม่รู้หรือ ...ที่จริงเราใกล้กันขนาดนี้ น่าจะต้องเจอกันบ้าง แต่ที่ไหนได้ก่อนหน้านี้ฉันกลับไม่เคยพบเธอเลย ทั้งงานแต่งคุณอาก็ด้วย”

“ฉันมันพวกแปลกแยก เป็นส่วนเกิน ไม่สู้ได้รับรู้กิจกรรมอะไรของพวกเขาหรอก แถมท่าทางไม่น่าเอ็นดูเหมือนลูกของอาคุณ คุณย่าเลยไม่เต็มใจเลือกฉันออกหน้าออกตานักสักเท่าไร งานแบบนี้พวกเขาก็ไม่คิดมาชวนฉันแน่ เพราะขืนไปด้วยกันมีแต่จะก่อเรื่องเปล่าๆ ” น้ำเสียงเครือเศร้า จนเขาจับความรู้สึกนั้นได้

“แต่ฉันชวนเธอ ไปนะ” พฤหัสกล่าว ทว่าคนฟังกลับส่ายหัว

“อย่าเอาฉันไปเป็นภาระเลยค่ะ ผู้หญิงคนอื่นเถอะ คุณมีสต็อกอยู่หลายคนไม่ใช่หรือ”

“ไม่ต้องทำเป็นรู้ดี ฉันจะลากเธอไปด้วยเสียอย่าง เลิกงานจะให้คนมารับ ห้ามหนีกลับเด็ดขาด”

“โอ๊ย นาซีกลับชาติมาเกิดหรือยังไงนะ ช่วงนี้ฉันกำลังเก็บเงิน เลยขายชุดที่มีอยู่ไปหมดแล้ว ฉันไม่มีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานได้หรอก” ในที่สุดก็เหตุขัดข้องออกมา

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงน่า เชื่อใจฉัน แล้วทุกอย่างจะดีเอง”


ทานมื้อกลางวันเรียบร้อย พฤหัสก็แยกจากเธอกลับเอสทีกรุ๊ป ซึ่งมันไม่ได้ไกลจากโรงแรมชารวีมากเช่นที่เขาบอกจริงๆ เครือเอสทีธุรกิจเจ้าของคนเดียวที่ประกอบกิจการหลากหลายประเภทตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ

ลลินภัทรเคยได้ยินกิติศัพท์ของราชาแห่งการพาณิชย์นี้มานาน แต่ไม่นึกคิดเลยว่า จะมีประธานกรรมการที่อายุน้อยและเผด็จการเสียเหลือเกิน



บ่ายสามโมงเศษ มีรถของเขามารอรับเธออยู่แล้ว ซึ่งหญิงสาวก็มิได้บ่ายเบี่ยง เมื่อเขาออกปากจะให้คนจัดการเรื่องชุดเสื้อผ้าให้ ยอมนั่งมากับคนรถและผู้หญิงท่าทะมัดทะแมงอายุราวอายุราวสามสิบต้นๆ คนหนึ่ง

และลลินภัทรก็ไม่อาจจะละสายตาจากด้านนอกได้เลย เมื่อตัวรถแล่นเข้าสู่รั้วคฤหาสน์หลังมหึมา ซึ่งทางเข้าขนานซ้ายขวาด้วยสวนยุโรปกว้าง ที่มีดอกไม้มีสีสันจัดจ้านกำลังชูช่อบานท้าทายแสงแดดยามบ่ายอย่างหยิ่งทะนง และอ่างน้ำพุที่พุ่งจากฐานเข้าหารูปสลักเทพีสีทอง เป็นที่ตื่นตาของผู้เยี่ยมเยียนนัก

“นี่มันบ้านหรือราชวังคาเซอร์ตาเมืองไทยกันแน่”

“คุณเอื้อยนึกถึงอิตาลี แต่พี่ว่าคล้ายแวร์ซายส์มากว่านะคะ” สไตล์สิสต์สาวออกความเห็น ครั้นเธอเองก็มาคฤหาสน์หลังนี้ครั้งแรก คิดไม่เลยว่าศิลานิกจะหรูหรามั่งคั่งถึงเพียงนี้

“นั่นสิคะพี่แอน ไม่รู้เจ้าของเวอร์ไปถึงไหน จะสร้างเสียอย่างกับพิพิทธภัทรนานาชาติ” ลลินภัทรขานชื่อเล่นที่อีกฝ่ายแนะนำไว้ก่อนหน้า รวมกริยาตรงไปตรงมาไม่ถือศักดิ์ ทำให้อินตราหรือแอนสนิทสนมกับเธอเร็วขึ้น

“ก็เขาร่ำรวยหนิคะ คุณเอื้อยโชคดีนะที่มีคนรู้ใจเพียบพร้อมแบบนี้ น่าอิจฉาจัง”

“โธ่... ฐานะเอื้อยตอนนี้ มันไม่ยั่งยืนนักหรอกค่ะ คบกันก็ต้องมีเลิก ไม่แน่โชคดีอาจจะเป็นเคราะห์ร้ายสุดๆ เลยก็ได้”

“ถึงอย่างนั้นผู้หญิงสาวหลายคนก็อยู่ใกล้พฤหัสค่ะ ยืนยัน” อนัญญาปล่อยเสียงหัวเราะ เมื่อหันไปพบกับลลินภัทรตีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ด้วยเจ้าตัวไม่คิดเช่นนั้น เพราะสำหรับเธอ เขาคือวายร้ายที่หากไปทำอะไรขัดใจเข้าเป็นอันต้องมีเรื่องเดือดร้อนแล่นถึงตัวทุกครั้งไป อย่างกับตัวมาเฟีย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เกรงใคร ไม่เคยกลัวกฎหมายบ้านเมือง นั่นแหละเขา พฤหัส ศิลาธนิก



“ทางนี้ค่ะ” แม่บ้านร่างท้วมผู้นำทางขึ้นมาบนชั้นสี่ผายมือยังห้องหนึ่ง ที่หล่อนเปิดประตูออกและภายในมีอีกสองคนรออยู่แล้ว

“ทำไมต้องทำอะไรเวอร์ขนาดนี้ด้วย ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น...”

“เป็นอะไรคะ เจ้าหญิงหรือเปล่า”

“เจ้าหญิงอะไรกันละคะ มีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนฉันเป็นเด็กปัญญาอ่อนทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้อย่างนั้นละ”

“คือเรื่องนี้ ผู้ช่วยคุณกรวิชญ์เป็นคนจัดการน่ะค่ะ” แม่บ้านท่าทางทะมัดทะแมงในชุดฟอร์มสีดำ หน้าเจื่อนลง
“จะใครก็ช่างเถอะ ...แล้วนี่คุณพฤกษ์ไปไหนคะป้า”

“ท่านยังติดธุระอยู่ค่ะ คิดว่าไม่นานคงกลับมา คุณ... เอ่อ…”

“เอื้อยค่ะ แล้วนี่พี่แอน”

“ค่ะ คุณเอื้อยกับคุณแอน รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเด็กๆ จะเอาของว่างมาให้รองท้องกัน”

“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ป้าละคะชื่ออะไร”

“ดิฉัน ศินาถค่ะ เรียกสั้นๆว่า นาถก็ได้” แม่บ้านกลางคนตอบไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรแลอ่อนน้อมอยู่ในที

“ค่ะ ป้านาถ” ลลินภัทรยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ซึ่งก็สร้างความรู้สึกดีๆ ต่ออีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะคุณ ต้องการอะไรเพิ่ม ก็กดออดเรียกใช้ได้ค่ะ” หล่อนบอก ต่อจะถอยห่างออกมา อดแปลกใจลึกๆไม่ได้

ว่าคู่รักใหม่ของเจ้านาย เธอคนนี้ สวย ท่าทางเก่งกาจ หากแตกต่างออกไปจากรายอื่นอยู่บ้างตรงการปฏิบัติที่ไร้พิธีรีตอง ไร้จริตจะก้าน และเป็นกันเองกับหล่อนมากเสียด้วย ชักชอบเจ้านายสาวคนใหม่คนนี้เสียแล้วสิ เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน...




พักใหญ่ๆ หลังจากเลือกชุด แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ ลลินภัทรก็ถูกโดดเดี่ยวให้เตร็ดเตร่อยู่บริเวณห้องทำงานชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องทรงหกเหลี่ยมโออ่า บุผนังด้วยวอลเปเปอร์สีเหลืองอ่อนแต่งแต้มลวดลายดอกไม้ขาว ทั้งโต๊ะทำงาน โซฟา พรม รวมถึงของตกแต่งส่วนใหญ่ตามแบบยุโรปแท้ ให้กลิ่นไออนุรักษ์นิยมตะวันตกในห้องนี้เป็นอย่างยิ่ง

ป้านาถบอกให้เธอรอพฤหัสอยู่ที่นี่ หญิงสาวเดินสำรวจรอบห้องสักพักหนึ่งแล้ว แม้แต่แอบเข้าไปสำรวจห้องหนังสือติดกัน กระทั่งเวลาล่วงมาถึงหกโมงเศษแล้วยังก็ไม่เห็นวี่แววเขา

เอ... หรือจะใช้โอกาสนี้ หาคลิปมรณะที่เขาใช้ต่อรองกดดันเธอคราวก่อน ในเมื่อที่นี่คือห้องทำงานของพฤหัส เขาก็น่าจะซ่อนมันไว้ในนี้สิน่า

สายตากวาดไปรอบๆ หาจุดต้องสงสัยซึ่งคาดว่าอาจจะมีสิ่งที่เธอต้องการอยู่ในนั้น แล้วก็เห็นเซฟขนาดกลางใกล้ติดตู้โชว์ริมผนัง

ร่างระหงในชุดราตรีเปลือยไหล่ดำยาว ปักเลื่อมหรูหราย่อตัวลง ใช้ความพยายามคำนวณรหัสเปิดสี่ตัวสุ่มๆ ทว่าไม่บังเอิญและโชคดีขนาดนั้น กดอยู่นาน กระทั่งลงทุนทรุดกายนั่งลงบนพื้น ก็ยังไม่สามารถจะเป็นมันออกได้

“เหนื่อยเปล่าน่า มันไม่ได้อยู่ในนั้นหรอก” เสียงทรงอำนาจของผู้มาใหม่ ทำลายความสงบเงียบภายใต้ห้อง จนคนที่กำลังอยู่ในภวังค์ส่วนตัวสะดุ้งโหยง

“คุณพฤกษ์...”

“ก็ฉันน่ะสิ นึกว่าขโมยที่ไหนหรือ”

“ไม่ได้ขโมยนะ” หญิงสาวลุกยืนขึ้น แก้ตัวกับเขาเสียงอ่อน แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มในหน้า ก้าวยาวๆ ตรงไปหา ขณะที่สายตามิได้ละห่างจากเธอเลย

“ไม่ได้ว่าเธอขโมยสักพักหน่อย ตื่นตูมไปได้” เหมือนใช้เวลานิดเดียวร่างใหญ่ก็เข้ามาใกล้ในรัศมีที่แนบชิดกันเสียเหลือ เมื่อมือหนาไล้ไปตามเรียวไหล่เนียนนวล

“เอ่อ... คือ ฉันไม่มีอะไรทำน่ะ ก็เลยนั่งกดนั้นกดนี่เล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง คุณละค่ะกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นรู้เลย” แกล้งเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ขณะมองเขาที่สง่างามในทักสิโด้สีดำ ซึ่งคาดว่าเข้าตัวกลับมาเปลี่ยนที่นี่
“สักสิบห้า ยี่สิบนาทีได้แล้วมั้ง หาอะไรในนั้นหรือ”

“เปล่า แค่กดเล่นไง”

“หึๆ รหัสของมันคือ สาม สี่ เจ็ด สอง”

“ห... หะ!” ลลินภัทรเบิกตากว้าง ตกใจที่จู่ๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวไปอีกฝั่งหนึ่งของเธอเพื่อกดรหัสของเซฟนั้นเสียง ก่อนจะนำกล่องทรงสี่เหลี่ยมหุ้มด้วยผ้ากำมะออกมาและเปิดมันออก

ปรากฏว่าไม่ใช่ไหมเจ้าคลิปมรณะที่ตามหาแน่แล้ว เพราะมันคือชุดเครื่องเพชร ทั้งต่างหู และสร้อย ที่เป็นเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่มาสามเม็ดเรียงตัวกันอยู่ในลักษณะสามเหลี่ยมกลับหัว เรือนสร้อยประกอบด้วยเพชรสีขาวเม็ดเล็กรายร้อยระยับนัยน์ตาเสียเหลือเกิน

“ของแม่น่ะ เอาออกมาตอนเปิดมรดก ขี้เกียจก็เลยมาเก็บไว้ที่นี่” บอกพลางดึงเจ้าสร้อยเส้นงามออกมาจากกล่อง “ฉันว่ามันเหมาะกับเธอนะ หันหลังสิจะใส่ให้”

“เม็ดใหญ่จัง คงเป็นสร้อยหายากแน่ๆ เลย” หญิงสาวทำตามแต่โดยดี ด้วยไม่อยากขัดใจเขา กลัวชายหนุ่มคิดรื้อฟื้นจุดประสงค์ปลดเซฟที่แท้จริงของเธอ มิเช่นนั้นคงยุ่งกว่านี้แน่

“คงจะอย่างนั้น พ่อฉันประมูลมาให้แม่คอบรอบแต่งงานหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นฉันก็ไปด้วย เท่าที่จำได้อายุของมันเหยียบร้อยปีเลยนะ”

“เพชรอาถรรพ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ หน้าตามันสวยแบบแปลกประหลาดเสียด้วย”

“นั่นสิ ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ได้มาไม่เคยหยิบออกมาใส่ให้ผู้หญิงในไหนเลย วันนี้คิดว่าจะใช้เธอเป็นหนูทดลองสักหน่อย”

“หาเรื่องมาให้ทุกทีสิน่าคุณน่ะ เฮ้ย...แต่เอาเถอะ ไหนๆ ชีวิตฉันก็ซวยมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขึ้นมาอีกรอบ ฉันก็ด้านพอที่จะรับมันแล้วละ”





รถลีมูซีนคันใหญ่ นำทั้งคู่มาถึงงานในอีกชั่วโมงต่อมา ความวิตกกังวลเกี่ยวเจ้าสร้อยอาถรรพ์เส้นนี้ยังคงมีอยูู่ประเด็นใหม่ผุดขึ้นมาในใจลลินภัทรอีก ด้วยมูลค่าสูงมากของมันทำให้อดหวั่นวิตกถึงเหตุผลวิสัยที่ตามไม่ได้

“ถ้าเกิดอุบัติเหตุ เกิดฉันทำมันหายขึ้นมา คุณจะว่าอะไรไหม”

“ไม่ว่า...”

“ว้าว ใจกว้างจังเนอะ คุณพฤกษ์ของฉัน”

“ไม่ว่า แต่จะให้ชดใช้ตังหาก” เสียงห้าวกล่าวก่อนฉวยมือหญิงสาวดึงให้เกาะไว้กับแขนเขา ขณะทั้งอยู่กำลังเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยงขณะใหญ่ของงาน “เก็บเงินจากเธอ หรือไม่ก็รวมไว้กับยอดของโรงแรมคุณหญิงอรดีเสียเลย”

“คุณน่ะ ถ้าทำเป็นอย่างนั้นมีหวังคุณย่าได้ฝังฉันทั้งเป็นแน่ๆ ถอดออกเถอะ ท่าจะเห็นหายนะวิ่งเข้ามารำไรแล้ว”

“ห้ามถอดนะ สร้อยเส้นนี้เคยเป็นของแม่ฉัน ห้ามเธอทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับมันเป็นอันขาด ถ้ากลัวหลุดหายละก็ กระโดกกระเดกอย่างเธอ ลองทำตัวให้มันนิ่งขึ้นหน่อย สงบกริยามารยาท อยู่ใกล้ๆกันไว้ แค่นี้ก็คงปลอดภัยแล้ว”

“อะไรย่ะ หน๊อย หลอกด่ากันหนิ ดูถูกว่าฉันกระโดกกระเดกหรือ อุตส่าห์ทำดีด้วยแต่ไม่ยอมดี เดี๋ยวเถอะ อยากมีเรื่องนักหรือไง” ลลินภัทรขมวดคิ้วใส่เขา ทว่าก่อนที่เธอจะได้โต้ตอบไปมากกว่านั้น เสียงหนึ่งก็ดังแทรกจังหวัดขึ้นเสียก่อน

“คุณพฤกษ์มานานหรือยังค่ะเนี่ย ตายแล้ว ดิฉันมัวแต่ยุ่งไม่เห็นคุณ ไม่ทันได้มาต้อนรับเลย” เจ้าของร่างอวบอ้วนในชุดไหล่กว้างสีตอง เดินเฉิดฉายเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับรอยยิ้มยินดีที่แย้มขึ้นปรากฏให้เห็นร่องรอยแห่งวัยที่ยับยั้งด้วยวิวัฒนการใดๆ ไม่อยู่แล้วเด่นชัดขึ้น

“มิกล้ารบกวนท่านผู้หญิงมาต้อนรับอะไรหรอกครับ ผมตังหากจะต้องเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ กำลังมองหาท่านอยู่พอดี ว่าแต่ครึกคักดีนะครับงานคืนนี้” กล่าวในฐานะผู้อ่อนอาวุธโสกว่าต่อเจ้าภาพ สตรีสูงศักดิ์คนนี่แหละ หัวเรี่ยวหัวแรงงานกุศลในครั้นนี้

“ค่ะ คนไทยมีน้ำใจเสมอ ไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนชาติเดียวกัน ดิฉันละอิ่นใจแทนผู้ประสบภัยจริงๆ” ท่านผู้หญิงตรีทิพย์ว่า ในขณะที่สายตาเบี่ยงมายังสตรีข้างกายชายหนุ่ม และอดที่จะพินิจสร้อยเพชรสีน้ำเงินที่เธอสวมอยู่ไม่ได้ “เอ๊ แม่หนูคนนี้?”

“ลลินภัทรครับ ลลินภัทร วรนันท์ ลูกสาวคุณก้องเกียรติ์”

“สวัสดีค่ะ คุณ...”

“ป้าตรีทิพย์ไงจ๊ะ ฉันเคยเห็นหนูตอนเด็กๆนะ แม่ทำงานอยู่ที่มูลนิธิอยู่พักหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน”

“จริงเหรอค่ะคุณป้า ดีจัง เอ... แต่ทำไมหนูจำไม่ได้ค่ะเนี่ย” ลลินภัทรกระตือรือร้นขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็พบสตรีในวงสังคมชั้นสูงซึ่งรู้จักมักคุ้นกับแม่ของเธอ ซึ่งเป็นสะใภ้ท่านพลที่ไม่ได้มีชาติตระกูลมั่งคั่งยิ่งใหญ่เหมือนใครบางคน

“แล้วเป็นสิบปีแล้วละจ๊ะ ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่เลย ไม่นึกว่าโตแล้วจะสวยขนาดนี้ สวยขึ้นมาก...” เจ้าหล่อนพรายตาไปยังชายหนุ่ม “ครอบครัววรนันท์กับคุณมณีมัชญ์อยู่โต๊ะวีไอพีทางโน้นน่ะค่ะ เห็นทีงานนี้ท่าจะคักคึกจริงๆ ทั้งศิลาธนิกและวรนันท์มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยที่เดียว”

“หรือครับ งั้นผมกับลลินภัทรคงต้องขอตัวไปทักทายพวกเขาสักหน่อยแล้ว ไม่ได้นัดแนะก่อนมางานนี้เลยเสียด้วย”

“ค่ะ ตามสบายเลยค่ะ ผู้ใจบุญรายที่สุดของเรา ยังไงถ้าขาดเหลืออะไร บอกดิฉันได้เลยนะคะ ยินดีบริการเต็มที่เลยค่ะ”

“ครับท่านผู้หญิง” พฤหัสพยักศีรษะลงเป็นเชิงให้เกียรติ์ผู้อาวุธโส แล้วหันไปหาหญิงสาวข้างกาย และพากันเดินไปยังโต๊ะรับประมาณอาหารวีไวพีสีขาวขนาดยาวซึ่งติดกับเวทีด้านหน้า โดยทั้งสองฝั่งของโต๊ะนั้นมีบรรดาแขกกิติมาศักดิ์ ผู้บริจาครายใหญ่ทั้งหลายนั่งยังบริเวณดังกล่าวและเหลืออีกเพียงไม่กี่เก้าอี้เท่านั้นที่ยังคงว่างอยู่


“ยายเอื้อย!” ผู้เป็นย่าขานชื่อลลินภัทรด้วยน้ำเสียงแปร่งไปจากเดิมมา ด้วยอดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นหญิงสาวในงานนี้ ทายาทที่เจ้าหล่อนไม่คิดจะพาออกหน้าออกตา เพราะกริยาที่ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย ยิ่งตอนนี้ไม่ค่อยปกติ กลัวจะมาเกะกะอาละวาทน้องสาวให้เสียหน้า

แต่ดูคืนนี้สิ ลลินภัทร สง่างามโดดเด่นเหมือนนางหงส์เคียงข้างมากับพฤหัส ศิราธนิก ไหนยังจะเพชรน้ำทะเลบาดตาเส้นนั้นอีก ดูพวกคุณนายอาซ้อพวกนั้นมองมาที่หลานสาวตาเป็นมันเข้า ก็อดที่จะอิ่มใจไปกับการปรากฏตัวที่เหนือวามคาดหมายนี้ไม่ได้

“จะมาด้วย ทำไมไม่บอกย่าละ แหม...จะได้มาด้วยกันทั้งหมดนี่เลย”

“ตอนแรกเอื้อยก็ไม่รู้อะไรกับเขาหรอกค่ะ ไม่มีใครบอก...” ลลินภัทรชายตายังปฎิมาที่นั่งใกล้ร่างบางในสีฟ้าของลันลานิดหน่อย แต่แล้วก็ทำไม่ใส่ใจ รายงานรายละเอียดแก่ผู้เป็นย่าต่อ “แต่ช่วงเที่ยงนี้เองค่ะ คุณพฤกษ์กลับชวนมา เกือบจะตกเก้าอี้เพราะความกะทันหันแน่ะ”

“เกือบตกเก้าอี้เลยหรือ” ชายหนุ่มค่อนขำกับวาจาโลดโผนของเธอ “ผมติดงานน่ะครับคุณย่า ต้องรอเคลียร์เซ็นสัญญาให้เสร็จก่อน ถ้าให้มาพร้อมกันเกรงจะทำให้ทุกคนรอนานเสียเปล่า”

“คุณ... แล้วฉันละ ไม่คิดว่าฉันจะรอนานหรือไง เกือบชั่วโมงเลยนะนั่น” ร่างหอมกรุ่นขยับใกล้เข้ามา แล้วกระซิบที่หูเขา

“เธอน่ะ ใจร้อนเกินไป ฝึกให้เย็นลงโดยการรอคนอื่นเสียบ้างดีแล้ว”

“จำไว้เลย ไอ้คุณดาวอังคาร ว่าฉันใจร้อนแล้วตัวเองละเย็นมากนักหรือไง ไม่ว่าอะไรก็จะเอาให้ได้อย่างใจทุกอย่าง ขัดใจมีอันเป็นเรื่องใหญ่ทุกที หลายหนแล้วนะ”

“โหโมฉัน...”

“เออ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วด้วย ว่าฉันกระโดกกระเดก ใจร้อนอีก ยังเคืองไม่หาย”

“ขอโทษ อย่าพึ่งโกรธน่า อาหารมาแล้วทานสิ” เขาบอกเธอ เมื่อบริกรหนุ่มนำอาหารมาเสริมให้ทั้งสองซึ่งมาใหม่ ทว่าลลินภัทรไม่ได้สนใจอาหาร กลับใยดีประโยคที่ได้ยินเสียมากกว่า

“หะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ขอโทษฉันหรือ คนอย่างคุณนี่นะ ให้ตายเถอะ...พรุ่งนี้วันที่เท่าไรนะ ฉันคงต้องซื้อลอตเตอร์รี่กับเขาสักหน่อยแล้ว เพื่อจะถูกรางวัลใหญ่ๆ บ้าง ไม่น่าเชื่อเลย”

“ทำไม คิดว่าคนอย่างฉันขอโทษใครไม่เป็นอย่างนั้นสิ”

“แน่นอน”

“ถ้าอย่างนั้นต้องอยู่ใกล้ฉันให้นานกว่านี้ จะต้องรู้จักกันและกันมากขึ้น ฉันน่ะไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เธอคิดเสียหน่อย” นึกเอ็นดูเอื้อมมือไปจับปลายคางลลินภัทรแล้วเอนหน้าเข้าใกล้ หนุ่มสาวสบตากันนิ่งคล้ายต้องมนต์สะกอด ทว่าการกระทำเช่นนั้นร้อนไปถึงสายตาผู้ปกครองที่เพ่งตรงมาพอดี

“ยายเอื้อย ทานสิลูก คุยกันบนโต๊ะอาหารมากๆ เสียมารยาท ผู้ใหญ่อยู่เยอะแยะ” ก้องเกียรติ์เอ่ยเตือนบุตรสาว ทำให้ลลินภัทรรีบผละตัวออกห่างจากเขา นึกได้ว่ามีบุคคลอื่นร่วมโต๊ะอยู่ด้วย จึงได้แต่สงบกริยาลงจัดการกับอาหารฝรั่งเศสตรงหน้าอย่างเงียบเฉียบ





ตรีชวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2554, 21:19:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2554, 21:19:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1716





<< ๖ แขกสำคัญ   
saralun 2 มิ.ย. 2554, 22:06:09 น.
นางเอกเริ่มใจอ่อนแล้วสิ..อิอิ!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account