หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่เก้า : คับแค้น

“คุณหนึ่ง เสร็จแล้วหรือคะ ทำไมไวจัง”

มุกมาลาที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของร้านอาหาร เอ่ยถามปลายสายด้วยความแปลกใจ หลังจากที่เธอส่งข้อความไปบอกว่าขอรออยู่ห่างๆ เพื่อเปิดทางให้เจ้านายเต็มที่ นับถึงตอนนี้ก็ไม่กี่นาที... แค่เกือบชั่วโมงเท่านั้น แล้วทำไมการคุยงานบวกกินข้าวถึงได้แสนสั้น จบเร็วกว่าที่เธอคาดไว้มาก

“คุณเหนือมีธุระต่อกับเจ้านายน่ะ”

“เจ้านาย?” เลขาฯสาวทวนคำ พลางรวบช้อนทั้งที่ข้าวผัดปูในจานยังไม่หมด “เจ้านายของคุณเหนือน่ะหรือคะ”

“ใช่ เขามารออยู่ ผมคุยงานเสร็จแล้วก็เลยให้คุณเหนือไป คุณอยู่ไหนล่ะ ทานอะไรหรือยัง มานั่งด้วยกันสิ”

“ค่ะๆ” เธอรีบรับคำ ก่อนส่งสัญญาณให้พนักงานว่าเธอจะย้ายโต๊ะ และขณะที่ลุกขึ้น สายตาใต้แว่นก็เหลือบไปเห็น ‘คุณเหนือ’ กับผู้ชายอีกคนกำลังมุ่งตรงไปยังทางออก

เจ้านาย? ผู้ชาย?...หล่อเสียด้วย มิน่าน้ำเสียงคุณหนึ่งถึงได้จ๋อยนัก ต้องรีบไปดูอาการสักหน่อย เธอคิด ก่อนสาวขาสั้นๆ ของตัวเองกลับไปยังโต๊ะริมน้ำ แค่มองเห็นจากเบื้องหลังก็รู้แล้วว่าเจ้านายใจลอยคิดเรื่องอะไร ถ้อยคำที่เอ่ยถามขณะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามจึงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนึ่ง เป็นยังไงบ้างคะ”

มาวินหันมาช้าๆ ก่อนปรับสีหน้าจริงจัง “เรียบร้อยดี ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมเคยคุยไว้กับคุณ โฆษณาจะเกี่ยวกับค่ายศิลปะที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า”

“โถ่ คุณหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องงานสิคะ เรื่องคุณเหนือต่างหาก เป็นยังไงบ้าง”

“ก็ไม่มีอะไร” ทั้งที่ปากบอกอย่างนั้น แต่แววตากลับไม่ใช่ ยามมาวินนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ คิ้วได้รูปของเขาก็ขมวดเข้าหากัน
‘ผมชินชนะ ชัยเตชิน เป็นผู้บริหารอีกคนของปั้นคิด ยินดีที่ได้รู้จักครับ’

หนุ่มแปลกหน้าในชุดสูทสีเทาแนะนำตัวด้วยตัวเอง ก่อนยื่นมือผ่านหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ริมฝั่งนั้นมาเพื่อทักทาย เขาลุกขึ้นจับมือกลับตามมารยาท พลอยทำให้เธอต้องลุกตามด้วย

‘ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมมาวิน’

‘อ๋อ คุณมาวิน...ประธานกรรมการของครุอุดม หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ นี่เอง’ คนเอ่ยเว้นจังหวะไปเมื่อเห็นสายตาประหลาดใจของเขา ก่อนจะเอ่ยต่อ ‘เผชิญว่า ‘น้องสาวตัวดี’ ของผม ชอบอ่านอะไรพวกนี้ไว้เก็บข้อมูล... ผมเลยได้ยินเรื่องของคุณมาบ้าง ดีใจนะครับที่คุณให้เกียรติมาร่วมงานกับบริษัทโฆษณาของเรา’

เป็นบทสนทนาที่สร้างมาเพื่อสานความสัมพันธ์ แต่ทำไมมาวินกลับรู้สึกว่าภายใต้น้ำเสียงเป็นมิตรเหล่านั้น มีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ โดยเฉพาะคำว่า ‘น้องสาวตัวดี’… ราวกับผู้ชายคนนี้จงใจเอ่ยกระทบใครบางคน

แต่จะมีใครอีกเล่าตรงนั้น นอกจากเขาและเหนือฟ้า... คิดพลางก้มมองดูหญิงสาวข้างกาย รับรู้ได้ว่าเธอเกร็งตัวอย่างอึดอัด
‘คุณชินชนะมีธุระอะไรแถวนี้หรือคะ ถึงแวะมา’ เธอถามโดยไม่มองหน้า เสียงแข็งผิดจากที่เคยได้ยิน

‘นี่คุณเหนือฟ้า คุณลืมไปแล้วหรือว่าเรามีนัดกัน เมื่อกี้ผมโทรมาคุณก็ไม่รับสาย ผมก็เลยต้องเข้ามาเอง คุณคุยงานไปถึงไหนแล้ว ขอผมฟังด้วยได้ไหม’

‘ไม่... เอิ่ม คงไม่สะดวกหรอกค่ะ เชิญคุณชินชนะไปที่อื่น...ก่อนเถอะนะค่ะ’

‘ไม่เป็นไร ผมรอได้ ขอผมนั่งด้วยคนนะครับคุณมาวิน’ หนุ่มคนนั้นเอ่ยด้วยท่าทางผ่อนคลาย ผิดกับท่าทางของหญิงสาวที่เคร่งเครียดขึ้นทุกขณะ

‘พอดีว่าเราคุยงานกันเสร็จแล้วนะครับ คุณเหนือกำลังจะกลับ’ มาวินเอ่ยเพื่อหวังช่วยให้เหนือฟ้ามีทางรอด แต่กลับเข้าทางผู้ชายอีกคนเสียอย่างนั้น

‘งั้นก็ดีเลยครับ ถ้าคุณคุยงานเสร็จแล้ว ผมขอตัวคุณเหนือฟ้านะครับ’

‘แต่ว่าฉัน...’

‘เรามีเรื่องต้องคุยกัน เรื่องคุณอิสระน่ะ จำไม่ได้แล้วเหรอ’

แค่นั้น เหนือฟ้าที่ตั้งท่าจะปฏิเสธก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากกล่าวลาชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้า แล้วก้าวตามผู้ชายที่เป็นเจ้านายไป
มาวินมองตามด้วยความสงสัย ท่าทีแปลกๆ ของสองคนนั้นคืออะไร จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“มุกจะไปถามน้องชายให้นะคะ ว่าระหว่างคุณเหนือกับเจ้านายคนนี้มีอะไรกันหรือเปล่า คุณหนึ่งไม่ต้องกังวลนะคะ”
เสียงของคนตรงหน้าทำให้มาวินหลุดจากภวังค์ เขามองหน้าเธอซ้ำ ก่อนส่ายหน้า “ผมไม่ได้กังวล....”

“หน้าคุณฟ้องหมดแล้วล่ะค่ะ... คุณหนึ่งคะ เชื่อมือมุกนะคะ มุกจะสืบเรื่องนี้ให้ได้” มุกมาลาประกาศอย่างมุ่งมั่น ดวงตาใต้กรอบแว่นเต็มไปด้วยความจริงจัง จนชายหนุ่มที่คิดหนักอยู่เมื่อครู่หลุดขำ

“นี่ผมมีเลขาฯ หรือว่ามีแม่สื่อส่วนตัวกันแน่”

“นี่แหละค่ะหน้าที่เลขาฯ ในพจนานุกรมของมุก” เธอว่า ทำให้เขาต้องยิ้มอีก

“ขอบคุณนะคุณมุก แต่ไม่ต้องไปสืบเรื่องอะไรของคุณเหนือหรอก เรื่องส่วนตัวของเธอ เรามากินข้าวกันดีกว่า คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม สั่งได้เลยนะ” ประโยคหลังเขาเปลี่ยนเรื่อง แต่มุกมาลาก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด

ถึงเจ้านายไม่อยากรู้แต่เธอก็ยังอยากอยู่... เรื่องนี้มันต้องสืบ!!!

------------------------------------------------------------------------------

“ตกลงว่าคุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”

เสียงห้วนเหมือนมะนาวไม่มีน้ำจากหญิงสาวที่ตอนแรกเดินอยู่ด้านหลัง แต่ตอนนี้สาวเท้าเร็วๆ จนตามมาทัน ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหันกลับไปมอง ใบหน้านวลผ่องของ ‘น้องสาวตัวดี’ บูดบึ้งเพราะขึ้งโกรธ

“ไม่มี” เขาตอบสั้น ไม่บอกอารมณ์ใดๆ ในสีหน้า แต่คนตรงหน้านี่สิ ที่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่า

“อ้าว ไหนคุณบอกว่ามีเรื่องของคุณอิสระจะคุยกับฉัน คุณโกหกเหรอ”

“ไม่รู้หรือไง ว่าที่พูดไปเพราะอะไร เห็นรุ้งนั่งกินข้าวกับผู้ชายอื่น ถึงจะเป็นลูกค้าก็เถอะ พี่ทนไม่ได้หรอก”

“เหรอคะ... ถ้ามีแค่เรื่องนี้ ฉันขอตัวนะ” เธอว่าเสียงเย็นชา แล้วรีบสะบัดหน้าจ้ำเท้ามายังรถซึ่งจอดอยู่ตรงลานด้านหน้า แปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมเขาไม่ตามมา แต่ก็ดีแล้ว เพราะเธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก หญิงสาวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับด้วยความโล่งใจ แต่แล้วประตูด้านข้างก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามานั่งอย่างรวดเร็ว

“คุณชินชนะ!!”

“รู้แล้วคร้าบว่าชื่อชินชนะ แต่พี่ก็อยากให้รุ้งเรียกว่าพี่หนึ่งมากกว่านะ ไหนลองเรียกสิ... พี่หนึ่งของรุ้ง”

“คุณชินชนะ ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ใจร้ายจัง กลับทางเดียวกันแท้ๆ ให้พี่ไปด้วยคนสิ พี่สัญญานะว่าจะนั่งนิ่งๆ ไม่ดื้อไม่ซนเด็ดขาด นะครับ”
อย่ามาทำเสียงอ้อนแบบนี้นะ.... เหนือฟ้าตะโกนร้องในใจ พยายามสะกดอารมณ์เต็มที่

“รถของคุณก็มี กลับรถคุณสิ จะจอดทิ้งไว้ที่นี่หรือไง”

“สงสัยต้องเป็นอย่างนั้น รุ้งไม่รู้เหรอว่าพี่สายตาไม่ค่อยดีตอนกลางคืน มองถนนไม่ค่อยชัด ไปรถรุ้งนี่แหละ ปลอดภัย”
ปลอดภัยสำหรับเขา แต่อันตรายสำหรับเธอน่ะสิ... หญิงสาวคิด ก่อนเหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนีทีไล่ แต่ชายหนุ่มเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาจึงปิดทางรอดของเธอด้วยการยื่นหน้ามาใกล้ ว่องไว เสียจนเหนือฟ้าผงะถอยแทบไม่ทัน

“คุณ...”

“ขับรถ อย่าลืมคาดเซฟตี้เบลท์นะ”

น้ำเสียงแผ่วเบาที่กระซิบข้างๆ หู ก่อเกิดความรู้สึกแสนประหลาด... สั่นสะท้าน หวั่นไหว แต่ก็ยังเทียบไม่ได้เลย กับการที่ใบหน้าหล่อเหลายังคงอ้อยอิ่งอยู่ใกล้ๆ หลังจากเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดให้แล้ว เหนือฟ้าได้แต่กลั้นลมหายใจ เมื่อระยะห่างที่เหลือเพียงน้อยนิด ทำให้เธอสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ จากปลายจมูกโด่งที่สัมผัสรดผิวกาย

สายลมพลิ้วจูบเธอมิใช่อื่นใด โปรดจำไว้นั่นคือลมจูบจากพี่

โดยไม่รู้ตัว หญิงสาวก็เกือบจะเผลอไผลไปกับไอร้อนวาบหวามที่รุกเร้า หากยามที่เธอหลับตา ภาพในอดีตจะไม่หวนคืนมาเสียก่อน
ชายหนุ่มร่างสูงที่ท่อนบนเปลือยเปล่า บนเตียงเดียวกับหญิงสาวที่ใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ!!!

ทันทีที่คิดเช่นนั้น เหนือฟ้าก็ลืมตาขึ้น พร้อมเรียกคืนสติที่กระเจิดกระเจิงกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เธอไม่พูดอะไร แต่เข้าเกียร์แล้วเหยียบเร่งคันจนมิดด้าม ชายหนุ่มที่นั่งข้างถึงกับหงายหลัง แต่เมื่อรถแล่นไปได้สักพัก เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะก้องดัง

“หัวเราะอะไร” เหนือฟ้าถามเสียงห้วนอย่างไม่ไว้ใจ สายตายังไม่ละไปจากถนนเบื้องหน้า

“ดีใจที่รุ้งไม่ยอมใครง่ายๆ เอาตัวรอดได้แบบนี้พี่ก็เบาใจ”

แสดงว่าความชิดใกล้เมื่อครู่ถูกสร้างมาเพื่อลองใจเธอ หญิงสาวคิดด้วยความโกรธ ก่อนจะหาถ้อยคำแสบสันโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“แล้วคุณไม่คิดบ้างหรือไงคะว่าที่ฉันไม่ยอมให้ เป็นเพราะว่ามันไม่ใช่ แต่ถ้าเจอคนที่ถูกใจเมื่อไร... ฉันอาจจะง่ายกว่านี้เยอะ”

“รุ้ง!! ทำไมพูดแบบนี้”

“แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะคะ” เธอแกล้งทำเสียงยั่วเพื่อให้เขาหงุดหงิด แต่เปล่าเลย ชายหนุ่มกลับยิ้ม

“อยากให้พี่หึงก็ไม่เห็นต้องประชดกันอย่างนี้เลยนี่นา มันอันตรายนะรู้ไหม อย่าไปท้าทายผู้ชายคนไหนแบบนี้อีก...อ๊ะๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตั้งใจขับรถไปดีกว่า สายตามองตรงไปข้างหน้า มีสมาธิหน่อย”

เขาเอ่ยเหมือนมันเป็นเรื่องตลก ทำให้เหนือฟ้าทนไม่ไหว เธอหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เปิดไฟในรถ แล้วหันไปประจันหน้ากับเขา

“คุณชินชนะ คุณต้องการอะไรกันแน่ มากวนโมโหกันอย่างนี้ทำไม”

“พี่ไปกวนโมโหรุ้งตั้งแต่เมื่อไร นี่พี่นั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“แค่อยู่เฉยๆ ก็น่าโมโหแล้ว ทุกอย่างที่เป็นตัวคุณ มันน่าโมโหทั้งนั้น ถ้าคุณไม่อยากถูกไล่ลงไป ก็กรุณาอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีก”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่แสดงความเคืองขุ่น แต่สีหน้าและแววตาของเธอ ก็บอกให้รู้ว่าเธอ ‘เกลียด’ เขาแค่ไหน ชายหนุ่มที่ทำล้อเล่นอยู่เมื่อครู่จึงชะงักไป ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่เคยทำอะไรให้รุ้งนักหนาเหรอ รุ้งถึงเกลียดพี่นัก”

วาจาตัดพ้อที่อีกฝ่ายมีเกือบทำให้เหนือฟ้าใจอ่อน ถ้าเผลอเพียงนิดเดียวเธอคงหลุดปากบอกไปว่าเธอไม่เคย ‘เกลียด’ เขาเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นแหละ เพราะบาดแผลเก่าที่เขาทำไว้นั้นยังคงอยู่ สะกิดคราใดก็ยังเจ็บปวดเสมอ เธอจึงไม่อาจเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของใจออกไปได้

“คุณน่าจะรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรลงไป”

“ทำอะไร...ทุกอย่างที่พี่ทำ ก็ทำเพราะรุ้งนั่นแหละ”

“ฉันเคยบอกคุณไปแล้วนะคุณชินชนะ ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นของคุณ ฉันไม่มีทางหลงกลคุณเด็ดขาด คนอย่างคุณ ต่อหน้าก็ทำเป็นดี พูดจาหวานๆ เอาอกเอาใจ แต่ลับหลัง... หึ มีแต่คนโง่ๆ เท่านั้นแหละที่จะยอมโดนหลอกซ้ำสอง”

“นี่รุ้งหมายถึงอะไร... หรือว่าเรื่องคุณอิสระ”

“เรื่องคุณอิสระ?” หญิงสาวทวนคำ แปลกใจว่านักธุรกิจชื่อดังคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับพฤติกรรมในอดีตของชายหนุ่มข้างกายด้วย แต่คนฟังกลับคิดว่าเธอตอบรับ เขาจึงเอ่ย

“ที่พี่บอกไอ้บอสว่าจะไปคุยงานเอง เพราะพี่ไม่อยากให้รุ้งเป็นคนได้งานนี้ พี่...”

“เดี๋ยวนะ นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณจงใจแย่งงานฉันจริงๆ เหรอ... ให้ตายสิ ฉันอุตส่าห์พยายามมองคุณในแง่ดี ทั้งๆ ที่มันก็แทบไม่เหลืออะไรให้มอง บางทีคุณอาจจะอยากลงมือทำงานนี้เองเพื่อบริษัท อยากได้หน้า เพื่อให้ลูกน้องเคารพรัก แต่สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิด สนุกมากหรือเปล่าที่แกล้งฉันได้ คุณนี่มัน...”

“รุ้ง ฟังพี่บ้างสิ พี่มีเหตุผล”

“แต่ผู้หญิงไม่มีเหตุผลหรอก มีแค่อารมณ์เท่านั้นแหละ แล้วผู้หญิงอย่างฉันก็ไม่อยากฟังอะไรจากปากคุณทั้งนั้น ถ้าคุณอยากจะพูด ก็เชิญลงไปเลย”

“รุ้ง...”

“แม้แต่คำเดียว ฉันก็ไม่อยากได้ยิน” เธอว่าเสียงกร้าว ก่อนหันกลับมาที่ถนน สองมือกำแน่นที่พวงมาลัยเพื่อระบายความโกรธ ชินชนะมองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

ต่อให้เขาพยายามแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์จริงๆ

เหนือฟ้านั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ จนแน่ใจว่าเขาจะไม่พูดอะไรที่ทำให้เธอเจ็บแค้นมากไปกว่านี้ จึงเข้าเกียร์เดินหน้าตั้งสมาธิอยู่แค่การขับรถเท่านั้น ตลอดทางมีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัด จนกระทั่งรถแล่นมาจอดหน้ารั้วเหล็กสีน้ำเงิน

“ลงไปได้แล้วค่ะ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่าเรากลับมาด้วยกัน” เธอบอกด้วยเสียงเย็นชา ชินชนะยอมทำตาม แต่ก่อนจาก เขาไม่ลืมเอ่ย

“ถ้ารุ้งพร้อมที่จะฟัง พี่ก็อยากจะบอก”

หญิงสาวไม่แสดงท่าทีใดๆ ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเขาปิดประตูลง รถของเธอก็ทะยานออกไปยังรั้วที่อยู่ติดกัน รวดเร็วปานพายุ... เพราะอารมณ์ที่ร้อนระอุของเธอใกล้ถึงจุดเดือดเต็มทน

ตอนนี้ต่อให้เธอฟังเหตุผล เธอก็คงรับมันไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือได้เข้าบ้าน อาบน้ำ นอนสูดน้ำมันหอมระเหยให้ผ่อนคลาย สำหรับค่ำคืนที่หนักหนาอย่างนี้ควรเป็นกลิ่นอะไร มะกรูดฝรั่งดีไหมเพื่อให้รู้สึกสดชื่นเบิกบาน หรือจะเป็นมะลิ จะได้มองโลกในแง่ดีและเพิ่มความสดใส... หากใจสบายเมื่อไร คำอธิบายก็คงเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ในสมองได้ง่ายขึ้น

เหนือฟ้าวางแผนกำจัดความโกรธในใจตัวเอง แต่เมื่อแสงไฟหน้ารถสาดกระทบร่างของใครคนหนึ่งที่ก้มๆ เงยๆ อยู่บนถนนซึ่งมุ่งตรงเข้าบ้าน เธอก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน... มองออกไปเห็นว่าเป็นใคร และในมือถืออะไร ความหงุดหงิดที่ยังคุกรุ่นในอารมณ์ ก็ทำให้เธอเปิดประตูรถและก้าวลงไปทันที

“นี่ป้าแจ่มกำลังทำอะไรน่ะ!?!”

หญิงวัยกลางคนในชุดนอนตัวยาวมีสีหน้าตกใจ แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระต่อการปรากฏตัวและคำถามของคนที่เธอแสนเกลียด

“ทำอะไร? ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“ไม่ได้ทำอะไรได้ยังไง ก็เห็นตำตา หลักฐานคามือ ดินในถังที่ป้าแจ่มถืออยู่ ป้าแจ่มเอามาโรยหน้าบ้านเหนือ”

“หน้าบ้านหล่อนที่ไหนกันยะ นี่มันถนนร่วม ใครจะทำอะไรก็ได้ ฉันอยากโรยดินตรงนี้ ให้หญ้ามันขึ้น มันจะได้ร่มรื่น ใครจะทำไม”

“แต่ที่ขึ้นมันไม่ใช่หญ้า มีแต่วัชพืชกับตะไคร่”

“ก็ช่วยไม่ได้ ทำไม เดินไม่ได้หรือไง เดินไม่ได้ก็มุดข้างรั้วเหมือนแม่เธอสิ ไปเลย ชิ้วๆ”

ประโยคหลังเอ่ยพร้อมโบกมือไล่ เหนือฟ้าพยายามนับหนึ่งถึงสิบแล้ว แต่ทุกอย่างในวันนี้มันเกินโควต้าที่เธอจะอดทนไหว ธรรมะใดๆ ไม่อาจช่วยได้ ใจเธอร้อนรุ่มดั่งเพลิงผลาญ ทางเดียวคือต้องจัดการ...เป็นไงเป็นกัน!!!

“ได้ยินมานานแต่ก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง นี่สินะคะ ที่เขาเรียกว่าผู้ดีเดินตรอก ‘ขี้ครอก’ เดินถนน”

“นี่แก!!...” ชี้หน้ามาแค่นั้นแล้วก็ชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว “ตาหนึ่ง ตาหนึ่งมาพอดีเลย มาช่วยป้าด้วย ยายรุ้งมันด่าป้าอีกแล้ว”

แจ่มกมลร้องครวญขณะเดินไปหาหลานชาย ท่าทางประหนึ่งนกน้อยถูกทำร้าย ขณะที่ฝ่ายนายพรานใจโหดหันกลับไปมองชายหนุ่มที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อครู่ ไม่รู้ว่าเขาเดินข้ามรั้วมาตั้งแต่เมื่อไร สงสัยจะได้ยินเสียงเอะอะเลยแวะมาดู

“รู้สึกจะไม่ได้มีแค่ขี้เดียวซะแล้ว ต้องเพิ่มขี้ฟ้องไปด้วย ถึงจะครบสูตรคุณนายแจ่มกมล”

“รุ้ง!!!” ชายหนุ่มที่เพิ่งมาปรามเธอเสียงต่ำ ขณะที่แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“ดูมันสิตาหนึ่ง ชักจะเอาใหญ่แล้ว ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย กล้าด่าป้าต่อหน้าหนึ่งด้วย”

“ด่าที่ไหน พูดความจริงทุกอย่าง ทำไมคะ ฟังไม่ได้หรือไง ฟังไม่ได้ก็กลับขึ้นบ้านไปเอาสำลีอุดหูเลยสิ ไปเลย”

“รุ้ง!!! พอได้แล้ว”

“พออะไร ฉันก็พูดแบบเดียวกับที่คุณป้าแจ่มพูดกับฉันเมื่อกี้ ทำไมคุณไม่ว่าป้าคุณบ้าง”

“รุ้ง... พี่บอกให้พอไง”

“คุณชินชนะ คุณดูสิ่งที่ป้าคุณทำบ้างนะ ก่อนจะว่าฉันน่ะ ป้าคุณเอาดินมาโรยตรงทางเข้าบ้านฉัน ราดน้ำให้ถนนมันลื่น ตอนนี้มีตะไคร่เกาะเต็มไปหมด ถ้าฉันกลับบ้านดึกๆ มองไม่เห็น ลื่นล้มขึ้นมา จะเป็นยังไง อย่างนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆ ฉันไม่ยอมหรอก”

หญิงสาวว่าเสียงสั่นเพราะความโกรธที่อัดแน่น ชายหนุ่มก้มมองพื้นที่ได้แสงไฟหน้ารถส่องสว่าง เขานิ่วหน้า ก่อนเหลือบมาทางคุณป้า

“ก็ป้าอยากให้ถนนมันมีหญ้าปกคลุม มันจะได้เย็นๆ พื้นอิฐมันอมแดด ร้อนจะตาย”

“แล้วทำไมคุณป้าแจ่มไม่ไปทำตรงหน้าบ้านตัวเองล่ะ มาทำหน้าบ้านเหนือทำไม”

“รุ้ง... เข้าบ้านไปก่อน”

“คุณชินชนะ!!!” เหนือฟ้าอุทานชื่อเขาด้วยความผิดหวัง ขนาดนี้แล้ว ยังจะเข้าข้างป้าของเขาอยู่อีก หึ...เธอมันโง่จริงๆ จะคาดหวังไปทำไม ในเมื่อเธอมันเป็นแค่ลูกเมียน้อย ไม่มีวันเป็นคนถูกอยู่แล้วเมื่อเทียบกับป้าแท้ๆ ของเขา หญิงสาวเบือนหน้าหนี พลันได้เห็นสายตาเยาะเย้ยของแจ่มกมลที่ส่งมา รอยยิ้มเหยียดด้วยความสะใจ ทำให้เธอกำมือแน่นอย่างคับแค้น แม้ปลายเล็บจะจิกลงบนอุ้งเนื้อก็ยังไม่รู้สึก
และก่อนที่หยาดน้ำใสเม็ดใหญ่จะรินไหล เธอก็รีบสาวเท้าๆ กลับไปที่รถ

พอกันทีสำหรับความเลวร้าย เธอต้องไปจากที่นี่ให้ได้... เธอจะไปจากเขาให้ได้











-------------------------------------------------------------
เครียดเกินไปไหมเนี่ย แต่ตอนแต่งเค้าสนุกนะ ได้ระบายออกดี 5555

คุณ Auuuu : แน่นอนค่ะ จะได้หึงไง ^^

คุณ แตงกวา : 5555 ช่วยเอาใจช่วยด้วยค่ะ ปล. รอติดตามลับลมคมรักอยู่นะค้าาา หมอวสุหายไปนาน เค้าคิดถึง

คุณ ดังปัณณ์ : งานช้างด้วยสิคะคราวนี้

คุณ sai : เหนือฟ้าไม่ยอมง่ายๆ แน่นอนค่ะ

คุณ nunoi : ตอนนี้อยู่ในเกมรับ เดี๋ยวต้องรุกบ้างแล้วค่ะ

คุณ sukhumvit66 : คงไม่รู้แถมยังโกรธหนักขึ้นอีก 5555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอให้มีความสนุกสนานกับการอ่านค่ะ

ปล. เครียดไปบอกได้เน้อ หรือว่าเรื่องชักอืดๆ เอื่อยๆ ยังไง แจ้งมาได้เลยน้าาาา ขอบพระคุณค้า



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2556, 00:00:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2556, 00:00:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1627





<< บทที่แปด : ฟ้าถล่ม   บทที่ สิบ : เอาคืน >>
Auuuu 4 ก.ค. 2556, 00:18:15 น.
ป้าร้ายมาก โรยดินด้วยอ่ะ
ป้าอยากให้ไป แต่หลานอยากให้อยู่ เอิ๊กๆๆ


Sukhumvit66 4 ก.ค. 2556, 01:45:54 น.
อยากรู้แล้วอ่ะ ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่หนึ่งกะน้องรุ้งโกรธจนไม่มองหน้ากัน


ปิศาจสัญจร 4 ก.ค. 2556, 06:29:56 น.
ไปเลยค่า หมั่นไส้คนเหมิอนกัน


OhLaLa 4 ก.ค. 2556, 06:48:14 น.
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เชียร์ให้รุ้งไม่ต้องทนอยู่ค่ะ ป้าแจ่มทำเกินไปแล้ว


ดังปัณณ์ 4 ก.ค. 2556, 10:00:39 น.
ไหมล่ะ ไม่ให้เค้าไป...แต่เค้าจะไปแล้วจะงายยยยยยยยยยยยยยย คุณชินขาาาาาา


nunoi 4 ก.ค. 2556, 10:22:37 น.
ทำกันขนาดนี้ ยอมอยู่บ้านเช่าก่อนดีกว่า


พันธุ์แตงกวา 4 ก.ค. 2556, 10:28:09 น.
ป้าแจ่มสุโค่ยอ่ะ ดึกดื่นแล้วยังลงทุนถือถังดินมาแกล้งเค้าอีก กำลังสนุกเลย ชอบๆ ปล. มันกดไลค์ไม่ได้แฮะ เดียวเทียวเข้ามากดใหม่นะ ^^


Amarilys 4 ก.ค. 2556, 11:04:34 น.
เหมือนๆ ป้าแจ่มจะร้าย (แบบบ้านๆ) แต่น่าจะไม่ใช่คนที่ร้ายสุดๆ คนที่ร้ายสุดคือคนที่อยู่นิ่งๆ ให้คนอื่นออกหน้ามากกว่า จดหมายของรุ้งก็เหมือนกัน (เดาไปเรื่อย) ว่าแต่เมื่อไหร่รุ้งจะได้แต้มต่อซะที สู้ๆรุ้งเอ้ยย


เดิมเดิม 4 ก.ค. 2556, 12:26:04 น.
รุ้งเข้าใจผิดเรื่องผู้หญิงของพี่หนึ่งละซิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account