แผนรักซ่อนกลอลวนหัวใจ
เซอร์ไพรส์ของคุณพ่อที่รัก
คือการอพยพครอบครัวไปปักหลักที่ญี่ปุ่น!
ม่ายอ๊าว >O< เปาะแปะเกลียดญี่ป่น
แถมต้องไปจ๊ะเอ๋ลูกชายคุณป้าจ๋าที่เบื้องหลังคือคุณชายมาเฟียสุดโหด
ถึงจะหล่อลากดิน ก็ไม่สนหรอกย่ะ!
Tags: มาเฟีย/น่ารัก

ตอน: ตอนที่3

3…

ประกาศิตปล่อยก๊ากออกมาอย่างสุดกลั้น น้องสาวที่รักช่างเล่าได้ถึงใจพระเดชพระคุณ ทั้งสีหน้าท่าทางและคำพูดคำจา ชวนให้รู้สึกราวกับไปนั่งดูอยู่ที่เกิดเหตุด้วยตัวเองยังไงยังงั้น
ดีนะที่ตอนนี้ทั้งบิดามารดาออกไปงานเลี้ยงของสมาคมการกุศลอะไรสักอย่างตั้งแต่หัวค่ำ เหลือเขานอนดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่คนเดียว ไม่งั้นท่านทั้งสองอาจจะได้ร้องหายาแก้ปวดหัว ค่าที่เห็นลูกสาวคนเล็กกระโดดโลดเต้นทำท่าโน้นท่านี้ไม่ได้หยุดหย่อนตั้งแต่กลับมาถึง
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะ ตัวบอกเค้ามาตามตรง ตัวโดนเขมือบไปแล้วใช่ม้าย?“
ร่างใหญ่ซึ่งเมื่อกี้ยังนอนอยู่บนโซฟาดีๆอยู่เลย สั่นเทิ้มเป็นเจ้าเข้าแทบตกโซฟาเนื่องจากขำหนักขึ้นไปอีกกับการถูกปรักปรำหนักจากร่างบางที่ยืนจังก้าหน้ามุ่ยชี้หน้าคาดคั้นเขาอยู่ราวตำรวจร้ายก็ไม่ปาน
“ฮึๆ ไม่ชอบเหรอ ว่าที่พี่สะใภ้ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตรองมิสอัลคาซาร์ จ๊าบออกนา“
ปรักปรำกันดีนัก อำเล่นเสียเลย
“ฮึ้ย บ้า พี่ปอนด์บ้า“ประกายรุ้งเต้นเหยงๆ จิตกระหวัดไปถึงเพื่อนพี่ชายที่(เคย) ชื่อ วิท …
นึกถึงผมหยิกสั้นรับกับหน้าหล่อเหลาค่อยๆยาวเฟื้อย หน้าอกราบเรียบพองออกมาช้าๆจนเต็มตึงแล้วชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตผูกไทด์ก็ระเบิดออกเหลือแต่กระโปรงสายเดี่ยวแล้วร่างสูงนั้นก็หันมากระพริบตาส่งจูบให้เธอ
บรื๋ออออ…
“จ๊าบไปคนเดียวเหอะ เปาะแปะไม่เอาด้วยหรอก“
“โถ โถ น้องสาวพี่ เปิดใจให้กว้างหน่อยสิ ไอ้วิทมันสวยออก นิสัยโอเคทำงานก็เก่งแล้วถ้ามันไม่เปิดปากใครจะไปรู้ว่ามันเคยแมนมาก่อน จริงป่ะ?“ชายหนุ่มยังอำไม่เลิก แม้จะพูดไปแอบลูบขนแขนไปก็ตาม
“พูดงี้แสดงว่าไปเดินเที่ยวป่าเดียวกันกับพี่วีวี่มาแล้วน่ะสิ“
ประกายรุ้งตะโกนลั่น จนคนฟังต้องกระโจนไปปิดปากไว้ ถ้าต้องทนฟังอะไรชวนก๊ากแบบนี้อีกสักสิบวิ คงจะมีการตายอันพิลึกพิลั่น อย่างเช่นลูกชายนักการทูตชื่อดังเกิดหัวใจวายกระทันหันเนื่องจากหัวเราะมากเกิน เกิดขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้แน่

แต่ร่างบางก็หาได้ยอมจำนนง่ายๆ ดิ้นขลุกขลักไปมาจนผู้เป็นพี่ถอนใจเฮือก เมื่อกี้เหนื่อยกายเพราะขำแต่ตอนนี้เหนื่อยใจที่อีกฝ่ายดันคิดอะไรพิลึกเป็นจริงเป็นจังได้เพียงนั้น
“ไม่หยุดดิ้น พี่จี๋นะ“
คนบ้าจี้ถึงขั้นสาหัสหนาวเยือก หยุดการเคลื่อนไหวทั้งปวงทันที
“เอาล่ะ ยัยฆ้องแตก คราวนี้ก็ลุกขึ้นนั่งดีๆ แล้วฟังพี่…”
คนถูกประนามว่าเสียงดังลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเหมือนถูกฉุด อาการเอียงคอแล้วค่อยๆฉีกยิ้มหวานประจบทำเอาประกาศิตแทบปล่อยก๊ากอีกรอบ หากเรื่องที่คิดจะพูดต่อไปก็สะกดอาการนั้นเอาไว้ได้
“ที่จริง พี่เจอมันก่อนที่มันจะไปที่ห้าง คือมันแวะมาหาพี่ที่บ้านเมื่อตอนสาย…ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆได้มั้ง บอกว่าแวะมาแสดงความยินดีเรื่องจบโทล่วงหน้า”
“หา แล้วไม่แตกตื่นกันแย่เหรอพี่“ประกายรุ้งอดแทรกไม่ได้
“ก็…นะ!“ประกาศิตถูขมับ ไม่อยากจะบอกว่าไม่ใช่การแตกตื่นอย่างที่ผู้เป็นน้องสาวคิดสักนิด ทั้งพ่อแม่และทุกๆคนนอกจากเชื่อสนิทว่าเพื่อนที่มาหาเป็นเพื่อนสาว ไม่ใช่เพิ่งสาวเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทั้งยังอุตส่าห์ต้อนรับขับสู้อย่างดีเพราะทั้งปลื้มและแปลกใจที่เขายอมให้เพื่อนหญิงมาหาถึงที่บ้านทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพื่อนเขาคนนี้มันสาวแตกมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้วเพียงแต่ไม่แสดงออกให้ใครรู้นอกจากเพื่อนที่สนิทกันสองสามคนเท่านั้นเอง วิทเป็นคนจิตใจดี รักเพื่อนรักครอบครัวและไม่เคยคิดร้ายกับใคร จึงไม่มีใครว่าเมื่อมันไปผ่าตัดเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี
โชคดีที่มันไปทำออกมาสวยจนพ่อแม่และทุกคนในบ้านเขาจำไม่ได้ ไม่งั้นอาจมีการช็อคเกิดขึ้นให้วุ่นวายไปหมดแน่ และคนที่จะเป็นเช่นนั้นคนแรกไม่ใช่ใคร ป้าจิ้มลิ้ม แม่ครัวฝีมือเด็ดที่ชื่นชมเพื่อนเขาคนนี้เหลือเกินนั่นแหละ ค่าที่อีกฝ่ายมาเที่ยวบ้านทีไรต้องลงไปช่วยทำอะไรก๊อกแก๊กในครัวทุกที ถึงตอนนั้นมันจะยังไม่สาวแตก แต่ความละเอียดอ่อนเรื่องการบ้านการเรือนก็เข้าตากรรมการจนเป็นขวัญใจอันดับหนึ่งในครัวเลยทีเดียว
“เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่า ว่าแต่รู้หรือเปล่าว่ามันเปิดโมเดลลิ่งอยู่น่ะ“
สาวน้อยส่ายหน้าจนผมกระจาย“พี่เขาคุยด้วยแป๊บเดียวก็ไป เขาบอกที่เหลือให้มาคุยกับพี่ปอนด์เอง“
ทิ้งระเบิดปริศนาไว้อย่างนี้นี่เล่า น้องเขาที่ชอบเพ้อโน่นคิดนี่เอาเองไปเรื่อยถึงเป็นเอามากขนาดนี้
“ไอ้วิทมันเพิ่งพานางแบบไปถ่ายปกหนังสือที่ฮ่องกงแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ พอดีป้ามันที่อยู่ที่อุดรป่วยกระทันหันมันเลยขอเขาบินกลับมาก่อน ตอนนี้ดีขึ้นแล้วมันก็เลยจะกลับไปทำงานต่อแล้วก็เลยแวะมากราบคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเรา ถามถึงเปาะแปะใหญ่เลยว่าไปไหน“
“สงสัยชะตาจะต้องกันจริงๆเนอะ เที่ยวห้างเดียวกันไม่พอดันนึกอยากทานไก่ทอดร้านเดียวกันอีก“
ประกาศิตยีผมเด็กสาวเล่น อยากเห็นสีหน้าแสดงความดีใจของอีกฝ่ายเสียจนไม่อยากอารัมภบทอะไรให้มากความอีก
“ที่มันมาที่นี่วันนี้ นอกจากมากราบคุณพ่อคุณแม่แล้ว มันตั้งใจมาชวนพี่กับเปาะแปะไปเที่ยวที่ฮ่องกงด้วย“
พูดเสร็จก็อุดหูป้องกันเสียงแปดหลอดแสดงความดีใจที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าผิดคาด
นอกจากเด็กสาวจะไม่กรี๊ดกร๊าดดังที่หวังแล้ว ยังนั่งนิ่งมองเขาด้วยดวงตากลมโตที่ติดจะเหวอหน่อยๆอีกด้วย ชายหนุ่มลดมือลงแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“เฮ้ย โอเคหรือเปล่า? “
“เมื่อกี้ว่า’ไรนะ ใครจะเอาพี่ปอนด์เข้ากรงนะ“ เออ ดี ไม่ตอบคำถามแล้วยังแช่งพี่อีก
“ไม่มีใครเข้ากรงหรอก แต่พี่จะพาเราไปเที่ยวฮ่องกง เฮ้อ…กลุ้ม คุยกับคนเอ๋อ“
ประกาศิตถอนใจเฮือกพร้อมกับเกาหัวแกรก ไม่ทันสังเกตว่าคนที่นั่งเซื่องๆอยู่เมื่อกี้เริ่มแสยะยิ้มชั่วร้ายกลายสภาพไปเป็นนางมารน้อยเวอร์ชั่น100เปอร์เซ็นต์ มารู้สึกตัวว่าพลาดไปแล้วอย่างใหญ่หลวงก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายโผเข้ามากอดแน่นและทำให้เขาเห็นดาวระยิบระยับด้วยอานุภาพเสียงเธอ

แม้จะได้รับข่าวดีชนิดพลิกฟ้าสะเทือนดินได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแพ็คกระเป๋าแล้วหิ้วไปรอขึ้นเครื่องได้เลยเสียเมื่อไหร่ ยังมีด่านอรหันต์ให้ตีฝ่าอยู่อีก ตั้งแต่ขออนุญาตผู้ใหญ่อันได้แก่บิดามารดาและคุณป้าแม่ทูนหัว สองคนแรกไฟเขียวให้ทันทีเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะเป็นคนพาไปเอง และนั่นทำเอาเด็กสาวคาใจสุดๆ ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ผสมปนเปเลยตัดสินใจรวบรัดถามเสียเลย
“ถามจริงๆเถอะค่ะ คุณพ่อคุณแม่ บ้านเราไปเที่ยวต่างประเทศกันทุกปี ตัวเปาะแปะเองก็ไปซัมเมอร์เพื่อเรียนภาษาหลายครั้ง แต่ทำไมฮ่องกงใกล้ๆแค่นี้มันถึงได้ไปยากไปเย็นกันเหลือเกิน ถ้าพี่ปอนด์ไม่อาสาพาไป เปาะแปะก็คงอด“
บิดามารดามองหน้ากัน ก่อนที่บิดาจะเป็นฝ่ายพยักเพยิดหน้าไปทางชายหนุ่มที่นั่งหน้ามุ่ยแคะหูอยู่ใกล้ๆ“เรื่องเที่ยวน่ะพ่อกับแม่ตามใจลูกอยู่แล้ว ฮ่องกงก็เคยเป็นช็อยส์หนึ่งแต่พี่ชายลูกเขาไม่ยอม“
ถูกโบ้ยกระทันหัน ใจแข็งยังไงก็อดสะดุ้งวาบไม่ได้ ยิ่งเป็นวัวสันหลังหวะอยู่ก่อนแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ประกาศิตยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แม้สายตาพิฆาตจะคาดคั้นชวนเหงื่อแตกอยู่ไม่น้อย
อะโธ่ คุณพ่ออยู่ด้วย ไม่กล้าหวีดหรอก เชื่อเฮอะ
“โธ่ น้องพี่ จะเที่ยวต่างประเทศทั้งทีก็ต้องไปไกลๆหน่อยสิถึงจะเรียกว่าเที่ยว แล้วก็เพราะฮ่องกงมันใกล้ๆแค่นี้นั่นแหละ จะไปเมื่อไหร่ก็ย่อมได้อยู่แล้ว“
นี่แหละเหตผลที่ฟังไม่เข้าหูเอาเสียเลยจากพี่ชายตัวดีซึ่งเบื้องหลังทำตัวเป็นทั้งก้างชิ้นโตและบ่างช่างยุทูอินวันในคนๆเดียว ปากเป็นเอกสมกับที่มุ่งมั่นจะเจริญรอยตามสายอาชีพผู้เป็นบิดา กล่อมจนคนออกตังค์พาเที่ยวหลงคารมเชื่อสนิททุกคราวตลอดมา
“นี่ก็ได้ไปแล้วไง อย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บเล้ย“
แน่ะ มีหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้อีก คิดว่ากล่อมคุณพ่อคุณแม่อยู่หมัดมาหลายครั้งแล้วจะมากล่อมเธอให้หายฉุนได้น่ะฝันไปเถอะ จะพูดสวยหรูขนาดไหนก็ตาม ยังไงก็รู้ทันหรอกว่าจริงๆแล้วจะแกล้งเธอเพราะหมั่นไส้เรื่องพี่เจิ้งสุดหล่อนั่นแหละ เด็กสาวเม้มปากแล้วสะบัดหน้าพรืด
เชอะ ผู้ชายขี้อิจฉา โดนหวีดสยองไปเมื่อวานก็สมควรแล้ว
ด่านแรกฉลุย แต่ด่านที่สองเล่นเอาหูชาไปเป็นแถบๆ
“ไปฮ่องกง ไปทำไม ไปกับใครแล้วจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ เสาร์ที่จะถึงนี้วันเกิดคุณยายแล้วนะลูก จะกลับมาทันเหรอ ไม่เอาล่ะ ไม่ต้องไปหรอก กะอีแค่เกาะเล็กๆ ข้าวของก็ไม่เห็นน่าช็อปตรงไหน เดี๋ยวป้าพาไปปารีส ไปเดินถนนแฟชั่น ช็อปสินค้าเฮอร์เมส กุชชี่กันให้เปรมสองคนป้าหลาน“
ประกายรุ้งดึงหูโทรศัพท์กลับมาอีกครั้งหลังจากที่เมื่อกี้ขวัญบินจนดึงออกห่างแทบไม่ทัน
“ไปแค่สองสามวันเท่านั้นค่ะคุณป้าจ๋าไม่ต้องห่วง งานวันเกิดคุณยายเปาะแปะไม่พลาดแน่“
ยกเรื่องโน้นเรื่องนี้มาชวนคุยแถมท้ายด้วยการออกปากรับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะอีกนิด เด็กสาวก็วางโทรศัพท์ หันมาชูสองนิ้วให้ทุกคนในห้องอย่างน่ารัก

ทุกครั้งที่มาฮ่องกง ริกิชอบดูตอนที่แสงตะวันลับขอบฟ้าไป ฮ่องกงจะสว่างพราวด้วยแสงไฟน่าชมเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงไฟจากตึกระฟ้าสูงๆตามไหล่เขา มันทำให้ดูเหมือนว่ามีเพชรพลอยส่องประกายวูบวาบไปทั้งภูเขา
ทว่าการมาในครั้งนี้ เขาไม่มีแก่ใจจะชมวิวเหมือนดังเคยสักเท่าไหร่
พ่อทำแสบจริงๆ !
ชายหนุ่มถอดเสื้อโค้ทตัวยาวส่งให้ลูกน้องนำไปแขวน ส่วนตัวเองทรุดนั่งลงบนเตียงขนาดบิ๊กไซด์ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
จุดประสงค์ที่ทำให้มาฮ่องกงในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนบิดาเข้าร่วมงานแต่งงานลูกชายหัวหน้ามาเฟียคนหนึ่งที่นี่ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นสาเหตุของการถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างที่เป็นอยู่ ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างที่คิดไว้แต่แรก หากก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหน่ายจนเกินไป ตรงกันข้าม เขาชอบมากเสียด้วยซ้ำ
งานนี้นอกจากจะได้พบปะกับหุ้นส่วนที่มีอิทธิพลทางนี้เป็นการยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่ไม่เสื่อมคลายแล้วยังอาจจะได้เจอเพื่อนเก่าซึ่งส่วนมากก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาประเภทลูกหัวหน้ามาเอง เพราะฉะนั้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าการพูดคุยหารือย่อมจะถูกคอเหมือนกินเหล้าขวดเดียวกัน ผิดกับที่ญี่ปุ่นลิบลับ ที่มีแต่คุณลุงคุณอาหัวเก่า ไอ้นั่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ได้ แต่พอเรื่องเกิดขึ้นมา ลูกๆหลานๆเป็นฝ่ายออกโรงลุยเองทุกที
“นายน้อย คุณหนูเมงุมิแห่งตระกูลโตโจมาครับ“
ชื่อนี้ทำชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหลังคอ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งยามที่เขากำลังรู้สึกลำบากใจ
ก็นี่แหละ ถึงจะแค่มางานแต่งงานและพูดคุยธุรกิจนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเหมือนมาเดินเที่ยวเดินช็อบปิ้งนะ พ่อเขาน่าจะรู้ดี แต่ทำไมต้องให้เขากระเตงเด็กมาเป็นภาระด้วยขนาดนี้
ไม่สิ ไม่ใช่แค่พ่อคนเดียว ตาแก่โตโจนี่แหละสำคัญ คิดอะไรอยู่ถึงส่งลูกสาวมากับเขา แล้วเกิดยิงกันโป้งป้างขึ้นมาเหมือนครั้งที่แล้วที่หัวหน้าแก็งค์ลี่ถงยิงถล่มแก็งค์ฝ่ายตรงข้ามตายเป็นเบือกลางงานแซยิดพ่อตัวเอง ตัวเล็กๆหงิมๆอย่างนั้นจะวิ่งหลบกระสุนทันหรือ
“บอกว่าตอนนี้ฉันเพลียมาก อยากจะพักผ่อน“เพลียกายน่ะไม่เท่าไหร่แต่เพลียหัวใจนี่มากโขอยู่ ชายหนุ่มปลดเนคไทลง คิดจะอาบน้ำแล้วนอนอย่างที่พูด แต่พอนึกถึงหน้าใสๆที่ราวกับกุหลาบขาดน้ำเพราะทั้งซีดและห่อเหี่ยวมาตั้งแต่อยู่บนเครื่องบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเองก็หาได้เต็มใจมาไม่ ทำให้เขาหันกลับไปหาลูกน้องคนสนิทใหม่
“ไปบอกเธอว่าให้รีบนอนซะ พรุ่งนี้จะ…”จะอะไรดี…ชายหนุ่มยืนกอดอกครุ่นคิด พาไปเที่ยวดีมั้ย ไม่ไหว เขาไม่เคยคิดพาเด็กเที่ยวหรือไปเที่ยวกับเด็กเสียที จินตนาการตัวเองตอนนั้นยังไม่ออกเสียด้วยซ้ำ หรือว่าจะพาไปช็อปปิ้ง ไม่เลวนะ ฮ่องกงก็เป็นหนึ่งในที่ที่ผู้หญิงใฝ่ฝันจะมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว ทั้งที่ของบางอย่างก็ไม่ได้ถูกตรงไหนเลยถ้าเทียบกับที่ซื้อในประเทศ อีกอย่าง เขาถนัดเทคแคร์สาวๆในลักษณะนั้นมากกว่า..
“ลูกพี่ริกิ!“
ความคิดทั้งหมดเป็นอันสะดุดลงเมิ่อชินจิจ้ำพรวดๆเข้าห้องมาด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจสุดขีด และไม่ได้มาคนเดียว มือขวาก็ฉุดร่างเล็กๆที่ยังอยู่ในชุดเดินทางสีฟ้าสดใสหัวซุกหัวซุนเข้ามาด้วยกัน
“ทำไมเป็นคนใจร้ายใจดำแบบนี้ล่ะครับ ปล่อยคุณหนูเมงุมิยืนขาแข็งอยู่หน้าห้องไม่เชิญเข้ามาสักคำ เธออยากดื่มชายามค่ำกับลูกพี่นะครับ ถือว่าหล่อเลือกได้เข้าหน่อย จะทำกับคุณหนูผู้แสนบริสุทธิ์ราวกับกุหลาบตูมพราวไปด้วยหยดน้ำค้างในยามเช้าอันสดใสยังไงก็ได้เหรอครับ!”
‘กุหลาบตูมในยามเช้าอันสดใส‘ แทบจะแย้มกลีบบานเพราะความเขินอายเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นร่างสูงเจ้าของความหล่อสาหัสสากรรย์ซึ่งยามนั้นถอดเสื้อค้างอยู่ เผยให้เห็นแผ่นอกเปลือยกว้างที่ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้ตั้งใจโชว์จะจะตา
แว่บเดียว เธอก็ก้มหน้างุด หุบกลับไปเป็นดอกตูมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ขอ..ขอโทษค่ะ ดูเหมือนริกิซังจะสบายดี งั้นชั้นกลับห้องก่อนดีกว่า“ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับ แต่ชินจิกลับจับไหล่บอบบางนั้นหมุนกลับมาอีกทีจนเมงุมิหน้าเหรอหราผมปลิว ผู้ชายทั้งห้องรู้สึกเหมือนดูโชว์เต้นรำเลยอมยิ้มกันถ้วนหน้า
ทว่าริกิแตกต่างออกไปนิดหน่อยตรงที่ตาเขาไม่ยิ้มสักนิด
“จริงด้วย ผมนี่แย่อย่างที่ชินจิพูดนั่นแหละ ถ้าหากเมงุมิจังไม่รังเกียจก็ขอเชิญนั่งจิบชาชมวิวแบบสบายๆสักครู่“
เด็กสาวคนเดียวในห้องเผยอริมฝีปากเพื่อปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่ชินจิอีกนั่นแหละ ที่ออกรับแทนหน้าตายิ้มแย้มเหมือนถูกเชิญเสียเอง จนเด็กสาวกลืนคำพูดลงคอแล้วนั่งยิ้มกร่อยๆไม่กล้าสบตาเจ้าของห้อง
อากัปกิริยาของทั้งคู่ ไม่รอดพ้นสายตาคมไปได้ ริกิหันไปมองคนสนิท ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รีบเข้ามาเชื้อเชิญคู่หมั้นวัยกระเตาะของเจ้านายไปนั่งที่ส่วนพักผ่อนซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ติดกับกระจก ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอ่าววิคตอเรียในยามราตรีได้อย่างชัดเจน และความงดงามนั้นก็ทำให้เด็กสาวคลายอาการเกร็งลงอย่างเห็นได้ชัด
ชินจิมองตามไปอย่างพอใจ แต่พอหันกลับมาที่ร่างสูง ก็เสมือนกับมีพายุหิมะตกลงมาทับถมร่างเขาจนจมมิด เพราะแววตาชายหนุ่มในยามนี้ทั้งคมกริบทั้งเย็นยะเยือกน่ากลัวสุดๆ ชินจิยิ้มสู้ สมองรีบหาหนทางเอาตัวรอดอย่างเร่งด่วน
“ผะ…ผมจะลงไปสั่งขนมทานกับน้ำชามาให้ เค้กที่นี่ขึ้นชื่อทีเดียว คุณหนูเมงุมิคงชอบ“
ไม่ทันขาดคำ ลูกน้องคนหนึ่งของริกิก็เดินเข็นรถเข็นที่มีทั้งชุดชากาแฟและเค้กพร้อมเดินผ่านไป ชินจิตาไม่ฝาดที่เห็นผู้ชายชุดดำทุกคนในห้องยิ้มเยาะใส่เขาและเหมือนจะร่ำลาอยู่ในที

“ไหนบอกว่าจะไปแช่ออนเซ็นรำลึกความหลังกับคู่ขาคนล่าสุดที่ฮาโกเน่ไง แล้วทำไมมาโผล่ที่ฮ่องกงนี่ได้ “
“แหมลูกพี่ คำถามนี้ตอบยากนา แบบว่า..มันเป็นอะไรที่ข้องเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกเป็นอย่างมากเลยนะ มันเปรียบเสมือนสายน้ำนั่นแหละครับ ไหลเชี่ยวบ้าง เอื่อยบ้าง“
บอกไปคำเดียวว่าเกิดเปลี่ยนใจกระทันหันก็สิ้นเรื่องแล้ว เล่นสำบัดสำนวนอยู่ได้ หลายคนในห้องคิดตรงกันอย่างเอือมระอาเต็มที
ไม่มีใครรู้ว่าคนพูดเฉไฉเองก็อยากจะทำอย่างนั้นใจจะขาดเหมือนกัน เพียงแต่นึกถึงเหตผลแล้วมันทำไม่ได้
ชินจินึกย้อนกลับไปในเช้าที่เขาได้รับการอนุญาตแกมขู่เข็ญจากริกิให้ไปเที่ยวหาความสำราญกับสาวๆคู่ขาในช่วงที่เขาไปฮ่องกง
“เผื่อกลับมาจะหายขาดจากโรค ‘ปากพาเจ็บ’ เสียทีไง“
แม้จะรู้ดีว่าลูกพี่สุดหล่อแค่หยิกแกมหยอกเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ก็ทำเอาเขาหุบปากเงียบไปอึดใจทีเดียวก่อนจะอ้อนวอนขอไปด้วยยกใหญ่
แต่คนอย่าง คางะ ริกิ คำไหนคำนั้นเป็นสรณะ เขาเลยต้องเดินคอตกกลับห้อง
ทว่าหลังจากที่ริกิออกไปบริษัทได้ไม่นาน รถของเจ้าบ้านตระกูลโตโจก็แล่นเข้ามาในอาณาบริเวณบ้านก่อนจะกลับไปในอีกสองชั่วโมงต่อมา จากนั้นก็มีคำสั่งผู้นำตระกูลให้เขาขึ้นไปพบ
เขาได้รับรู้คร่าวๆว่าหัวหน้าตระกูลโตโจออกปากฝากลูกสาวไปกับริกิด้วย เพื่อให้เห็นและเรียนรู้โลกอีกด้านหนึ่ง และเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อแต่งเข้าบ้านคางะในฐานะภรรยาทายาทโชริวไครุ่นต่อไป
เขาเชื่อว่านายท่านโตโจหมายความตามนั้นจริงๆ แต่นายท่านของเขาดูจะลิงโลดนักและคิดอ่านไปไกลกว่ามาก
“แกจงตามริกิไปฮ่องกงด้วย ไม่สิ แกไปล่วงหน้าเขาแล้วจัดการเรื่องที่พักด้วยดีกว่า พอเจอริกิแล้ว แกจะอ้างยังไงกับลูกชายชั้นก็ตามแต่ใจ ขอเพียงอย่าบอกตรงๆว่าชั้นส่งแกไปเพราะอะไรก็พอ แล้วใช้ความกะล่อนของแกให้เป็นประโยชน์ หาเรื่องให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังบ่อยๆ ในช่วงสองสามวันต่อไปนี้ ชั้นเชื่อว่าความน่ารักของหนูเมงุมิจะทำให้ริกิเปลี่ยนใจมาชอบเด็กได้ไม่ยากนัก“
ชินจิตอนนั้นแค่รู้ว่ามีโต้โผใหญ่หนุนหลัง ก็คึกคักสุดขีดราวกับพระเจ้าจอร์จลงมาตั้งกะทะทอดกล้วยกลางแดดเปรี้ยงๆ ฉะนั้นจะมีคำสั่งอะไรต่อเขาก็พร้อมจะทำอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้เขาเริ่มเสียใจขึ้นมานิดๆแล้ว ค่าที่ทำอะไรไม่ยอมคิดหน้าคิดหลังให้มันดีเสียก่อน รวมทั้งผลที่จะเกิดกับตัวเองตอนที่กำลังจะถูกต้อนให้จนมุมดังเช่นตอนนี้
“ช่างเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว“ริกิตัดบทหลังจากจับตามองอีกฝ่ายอยู่นานจนพอจะสังเกตเห็นความลำบากใจรวมทั้งคาดเดาไปยังตัวต้นเหตได้ไม่ยาก ผู้ที่จะทำให้ชินจิพูดไม่ออกนอกจากเขาแล้วยังมีอีกคน
พ่อคงจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีกตามเคย เด็กสาววัยกระเตาะคนเดียวยังพอรับมือไหว แต่นี่มีตัวก่อเรื่องตามมาอีกคน แทบไม่อยากคิดไปถึงพรุ่งนี้เลยว่ามันจะวุ่นวายสักแค่ไหน
“แหะๆ ลูกพี่ชอบห้องนี้มั้ยล่ะครับ ผมมาดูลาดเลาแล้วจองให้ด้วยตัวเองเชียวนะครับ แต่วิวที่ห้องคุณหนูเมงุมิสวยกว่านี้อีก ว่างๆไปนั่งดื่มน้ำชาที่ห้องนั้นก็ได้ คุณหนูคงจะดีใจเพราะเธออยากคุยกับลูกพี่ม้ากมาก“
ชินจิยกเรื่องอื่นมาพูดหวังผลสองอย่าง หนึ่งคือทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้วหันไปสนใจเรื่องอื่นแทน และสองคือได้ดำเนินการตามแผนที่ได้รับมอบหมายต่ออีกด้วย เรียกว่ายิงนัดเดียวได้นกมาตั้งสองตัว
หารู้ไม่ว่าทำให้ผู้เป็นนายมองกลับมาด้วยแววตาสงสัยอีกครั้ง
“เมงุมิจังบอกนายว่ายังงั้น?” คำยืนยันอย่างชัดถ้อยชัดคำจากคนตรงหน้าทำชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมาข้างหนึ่ง
เด็กผู้หญิงที่นั่งก้มหน้าก้มตาแก้มแดงเป็นตำลึงสุกตลอดทาง ชวนคุยเท่าไหร่ก็ไม่ตอบเนี่ยนะ จู่ๆจะมาอยากคุยกับเขา
ที่จริงริกิก็สะกิดใจอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกันตั้งแต่ตอนที่คนสนิทบอกว่าเด็กสาวมาขอพบ
“หืม งั้นเหรอ“ริกิกระตุกยิ้ม สอดมือลงกระเป๋ากางเกง“ห้องของเมงุมิจังสวยขนาดนั้นเชียว?“
เอาละ ลองปิดประตูตีแมวแก้เซ็งสักหน่อยท่าจะดี
“มีอะไรต่างจากที่นี่บ้างล่ะ?“
“บรรยากาศดีกว่าเยอะเลยครับ ทางโรงแรมการันตีเลยนะครับว่าเป็นห้องสวีทที่คู่แต่งงานชอบมาพักกันมากที่สุด“
“ นายเป็นคนจองเหรอ ความคิดไม่เลวนี่ ใช้ได้ ยอดเยี่ยม“
“ขอบคุณครับลูกพี่“ ชินจิเพลินไปกับคำเยินยอเสียจนไม่ทันเห็นสายตาเจ้านาย
“เมงุมิจังชอบห้องนั้น?“
“โอ๊ย ชอบมากๆเลยละครับ มือชั้นนี้จองแล้ว ไม่พอใจไม่มี้“
“งั้นเหรอ…ห้องนั้นวิวงดงามอลังการสุดๆ เมงุมิจังชอบมากแล้วก็อยากให้ฉันไปดื่มน้ำชาที่ห้องอีกด้วย นอกจากอยากคุยกับชั้นมากแล้วก็คงอยากให้ชมวิวที่นั่นด้วยล่ะสิ ถูกมั้ย? “
“โอ้ ลูกพี่นี่แจ๋วจริง เข้าใจอะไรง๊ายง่าย“ ชินจิชูนิ้วโป้ง ยิ้มระรื่นที่แผนดูจะดำเนินไปได้อย่างง่ายดายเกินคาด
“แปลกดี อยากให้ไปพูดคุยชมวิวที่ห้องตัวเองเสียเหลือเกินแล้วทำไมต้องมาขอดื่มชาที่นี่ด้วยล่ะ“
“โฮ้ย อย่าให้พูดเลย กว่าจะยอมมา ยกเรื่องโน้นเรื่องนี้จนคอแหบคอ…”
ชินจิยกมือปิดปาก เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปอย่างแรง เหลือบไปทางร่างสูงที่ยืนกอดอกไม่ห่าง รอยยิ้มอันแสดงถึงชัยชนะข่มเขาจนตัวเหมือนจะค่อยๆหดเล็กลงจนเทียบเท่ากับเมล็ดข้าว
“พูดต่อให้จบซิ”
ชินจิแสดงอาการอิดออด หวังถ่วงเวลา แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าจะถ่วงเวลารออะไรในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว สุดท้ายก็ค่อยๆยกมือขึ้นอย่างจำนน แต่ยังไม่วายส่งยิ้มเอาใจนายและถลึงตาอาฆาตใส่ลูกน้องคนสนิทสองคนซึ่งยืนยิ้มอยู่ข้างหลังร่างสูง
“เริ่มจากที่ผมมาถึงที่นี่แล้วจองที่พักล่วงหน้าให้ลูกพี่ก็แล้วกันนะครับ“ชินจิค่อยๆลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก

การรู้ทั้งเวลาเช็คอินรวมทั้งหมายเลขห้องพัก จึงไม่ยากที่จะแอบแว่บไปหาโตโจ เมงุมิที่ห้องพัก โชคดีที่อีกฝ่ายจำได้ว่าเขาเป็นคนของริกิ ไม่งั้นคงเรียกยามมาลากคอไปแล้ว จากนั้นก็เริ่มภารกิจแรกโดยไวด้วยการแปรสภาพเป็นบ่างแล้วตั้งหน้าตั้งตายุ ยุอย่างเอาเป็นเอาตาย
“น้ำชาที่นี่อร่อยมากนะครับ ถ้าไงไปชวนลูกพี่เอ้อ…คุณชายมาดื่มน้ำชาที่ห้องนี้ดีมั้ย ห้องนี้ผมเลือกเอง เอ้ย…ผมรู้มาว่าวิวสวยที่สุดในชั้นนี้เลยนะ“
“เอ่อ…ไม่เหมาะละมังคะ เพิ่งมาถึงแล้วนี่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว ริกิซังอาจจะอยากพักผ่อนเงียบๆ“
แม้เด็กสาวจะพูดเสียงแผ่วเบาแฝงความอ่อนโยนอยู่ในที หากท่าทางปฏิเสธแข็งขันก็ทำเอาใจวูบไปเหมือนกัน เด็กสาวผู้นี้ท่าจะอ่อนนอกแข็งในเกินกว่าที่คิด
จริงสิ ได้ยินมาว่าเธอเองก็ไม่ได้เต็มใจมาเสียทีเดียว แต่ลักษณะก้มลงซ่อนใบหน้าแดงเรื่อยามเอ่ยชื่อคู่หมั้น ก็ทำให้ยังมีกำลังใจโน้มน้าวต่อไปได้ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ยกเหตผลโน้นก็แล้วนี้ก็แล้ว เปลี่ยนเป็นไปหาอีกฝ่ายก็แล้ว คุณหนูแห่งตระกูลโตโจก็ส่ายหน้าท่าเดียว
“ไม่ดีกว่าค่ะ เกรงใจริกิซัง“
เขาเกือบจะถอดใจเสียแล้วเพราะเริ่มเกลียดตัวเองที่เหมือนจะพยายามให้เด็กสาวทำลายความเป็นกุลสตรีของตนด้วยการเชิญชวนฝ่ายชายก่อนเสียอย่างนั้น แต่เพราะเวลาที่ไล่จี้หลังเขาเข้ามาทุกที อีกทั้งความรู้สึกที่เริ่มอยากให้สองคนนี้ลงเอยกันจริงๆดู ก็ปลุกความคิดบรรเจิดให้ส่องประกายวาบขึ้นมาราวกับดอกไม้ไฟในเทศกาลฤดูร้อน
“ได้โปรดเถอะครับ คุณหนูเมงุมิ ได้โปรดเห็นใจลูกพี่ เอ้อ…นายน้อยริกิด้วยเถอะครับ นายน้อยน่าสงสารมากนะครับ“
ได้ผล คุณหนูแห่งโตโจกรุ๊ปหน้าเผือดสี
“ทำไมหรือคะ ริกิซังเป็นอะไร“เวรล่ะซิ เป็นอะไรดีล่ะ เขายังนึกไม่ออกเลย ปากพาซวยอีกจนได้
“หรือว่าริกิซังไม่สบาย?” โอ ขอบคุณมากที่ชี้ทางสว่างให้
“ชะ..ใช่ครับ นายน้อยไม่สบายอยู่ ไม่สิ ไม่สบายมากๆเลยต่างหาก เพราะฉะนั้นไปกันเถอะครับ “
“จะไปรบกวนริกิซังทำไมล่ะคะ ไม่สบายมากๆก็ยิ่งจะต้องพักผ่อน ไม่ควรมีใครไปรบกวน ยิ่งชวนดื่มน้ำชากาแฟนี่เลิกพูดไปได้เลย ไม่ดีต่อคนป่วยหรอกค่ะ“ ย้าก ขัดใจโว้ย ใครส่งยัยฟลอเรนซ์ ไนติงเกลนี่มาฟะ แบบนี้ก็เหลือหนทางสุดท้ายจริงๆแล้วสินะ ลูกพี่ ยกโทษให้ด้วย
“เอาล่ะ มาถึงขนาดนี้ผมก็ไม่อยากจะปิดบังคุณหนูอีกต่อไป ที่ว่าลูกพี่ เอ้อ นายน้อยริกิไม่สบายน่ะ จริงๆไม่ได้ไม่สบายทางกายหรอกครับ แต่เป็นทางใจต่างหาก“
“ระ…โรคทางใจ !?”
“มันจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่นายน้อยต้องจากบ้านมายังสถานที่อื่น เริ่มแรกนายน้อยจะเริ่มหายใจขัดๆ ต่อมาก็จะร้อนรุ่มไปทั่วร่างราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก และหลังจากนั้นถ้าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคอยชวนคุยล่ะก็ นายน้อยจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ จะต้องตีอกชกตัว อาจถึงขั้นเอาหัวโขกกำแพงเลยก็เป็นได้เพื่อยับยั้งสัญชาติญาณดิบ และท้ายที่สุดก็จะหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมาเพราะสมเพชเวทนาชะตากรรมอันแสนรันทดของตน เราเรียกโรคนี้ว่าโรค โฮมซิกไงล่ะครับ“
“โธ่ น่าสงสารริกิซังเหลือเกินค่ะ“

“ตอนเล่า ผมเมามันไปหน่อย ออกท่าออกทางเพลิน ลืมตาอีกทีคุณเธอก็หายไปจากสายตาผมเสียแล้ว ผมเลยวิ่งตามมาเจอที่นี่แล้วก็เลยรีบสวมรอยพาเธอเข้ามาหาลูกพี่นี่แหละ“ ชินจิเกาศีรษะระบายความอึดอัดมากกว่าอย่างอื่น เพราะตอนนี้คนฟังทั้งสามยืนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ และเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้
“เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจเมคโอเวอร์ขนาดนั้นหรอกนะครับ แบบว่าเหตุการณ์มันบังคับ“ชินจิส่งสายตาอ้อนวอนไปยังชายหนุ่มที่ยืนมองเขาเขม็งด้วยดวงตาราชสีห์เห็นเหยื่อ“โปรดยกโทษให้ด้วยครับลูกพี่“
ริกิรั้งร่างที่กำลังจะทรุดลงไปนั่งคุกเข่าคำนับเอาไว้ แล้วผลักออกห่าง “ไม่ต้อง ชั้นเข้าใจ“
แต่ทีหลังอย่า ชินจิรู้ประโยคต่อมาดี เขาคำนับลงด้วยทีท่าเคารพสูงสุดก่อนจะถอยออกมายืนข้างๆเพื่อนสองคน
“ตกลงว่าห้องนั้นวิวสวยจริงๆ?“
“ครับลูกพี่“ชินจิตอบอย่างสำรวม ไม่กล้าออกอาการทะเล้นเล่นลิ้นอีก
“คู่ฮันนีมูนชอบมาก?“
“ครับลูกพี่“
“และคุณหนูเมงุมิก็ชอบมาก?“
“ครับลูกพี่“
ริกิเปลี่ยนท่าเป็นยืนเอามือไพล่หลังไปตามสบาย“โอเค ห้องสวยวิวดีและเป็นที่นิยม แถมคุณหนูโตโจเธอยังชอบมากอีก ในฐานะที่เป็นตัวแทนคางะกรุ๊ปจัดการเรื่องนี้ ถือว่าทำงานได้ดี แต่ติดลบไปครึ่งหนึ่งเพราะใช้ฝีปากชั้นเยี่ยมในทางที่ผิด “ ดวงตาคมกริบกราดมาแว่บหนึ่ง ชินจิยืนตัวลีบก้มหน้านิ่ง
“ฮิโระ ซึซึอิ เป็นนายสองคน จะลงโทษชินจิยังไง“
“ตัดลิ้นซะเลยครับ“สองคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน และคนถามก็หัวเราะเบาๆเหมือนจะถูกใจ ชินจิเลยยิ่งตัวลีบมากขึ้นไปอีก ไม่โกรธนายแต่ฉุนเพื่อนเหลือกำลังรับที่ไม่ยอมช่วยกันบ้างเลย
ผลจากการใส่ร้ายนายว่าเป็นโรคโฮมซิก(?) เขาเลยถูกกรรมตามสนองกลายเป็นโฮมอโลนไม่มีใครรัก ไร้คนเห็นอกเห็นใจ ทันตาเห็น
“โปรดลงโทษผมตามแต่จะเห็นสมควรเถอะครับ จะตัดลิ้น ตัดนิ้วตัดแขนขาหรือจะทำอะไรยังไงก็ได้ทั้งนั้น “
“ตัดมาทำไม ไม่เห็นจะเข้าท่า สู้ฆ่าแล้วหล่อคอนกรีตไว้ก็ไม่ได้ ยังเก็บไว้ดูเล่นหรือไม่กิเป็นบทเรียนให้คนอื่นได้บ้าง“
ริกิผินหน้ากลับไปมองคู่หมั้นแว่บหนึ่งไม่สนใจลูกน้องตัวดีที่แหกปากร้องจ๊ากหน้าซีดเป็นกระดาษ เด็กสาวไม่ได้นั่งคุยกับลูกน้องเขาอีกแล้ว หากยืนเก้ๆกังๆมองมายังที่ที่เขายืนอยู่ สงสัยกลัวเขาเอาหัวโขกกำแพงละมั้งนั่น ห่วงคนอื่นได้ขนาดนี้เป็นนางพยาบาลน่าจะเวิร์ค
ริกิส่งยิ้มกลับไปให้ อีกฝ่ายก้มหน้าฉับแล้วถอยกลับไปนั่งตัวแข็ง ชายหนุ่มถอนใจยิ้มๆ รู้สึกเอ็นดูปนสงสารขึ้นมา ยิ่งมาได้ฟังจากที่ชินจิเล่าเขาก็บอกกับตัวเองได้เลยว่ายังไงๆก็ไม่อาจพาเด็กสาวไปประชุมกับพรรคพวกได้
อะไรหลายๆอย่างในตัวเด็กนี่ทำให้เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ว่าจะถูกโตโจเฒ่าสั่งมาว่าอย่างไร แต่ถ้าเขาพูดอธิบายดี ๆอีกฝ่ายก็น่าจะฟัง ยิ่งเป็นเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ยิ่งไม่น่ามีปัญหา
ชายหนุ่มหันไปมองชินจิที่ยืนยิ้มฝืดมาให้ท่าทางอยากแก้ตัวเต็มที่ นั่นทำให้ริกิฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บางทีการมาของชินจิอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ถ้าเขาจะแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนตัวจุ้นให้เป็นตัวช่วยเสีย
“ชินจิ ชั้นมีงานให้ทำเพื่อชดใช้ความผิด พร้อมจะทำมั้ย?”
“ครับครับ ผมพร้อมแล้วครับ ขอเพียงลูกพี่สั่งมา งานเล็กงานใหญ่รับรองว่าไม่ผิดหวัง “
ริกิกระตุกยิ้ม ใช่ ถ้าเป็นงานนี้ เขาเชื่อว่าเขาจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
“ มันเป็นงานง่ายๆ ใครก็ทำได้ทั้งนั้น…”

เมื่ออรุณรุ่งย่างกรายมาถึง โฉมหน้าของฮ่องกงก็เปลี่ยนไปในอีกรูปแบบหนึ่ง จากกลางคืนที่แพรวพราวด้วยแสงไฟ มาสู่เวลากลางวันที่ชีวิตอันเร่งด่วนเริ่มขึ้น แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาในห้องชุดสุดหรู อาบร่างริกิในชุดเสื้อเชิ้ตผูกไทด์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่บนโซฟาเดี่ยว นานๆทีจึงจะยกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นมาจิบ
เขารู้ว่ายามเช้าของผู้คนส่วนมากในฮ่องกงก็คือน้ำชาอันหอมกรุ่น วัฒนธรรมข้อนี้ก็ไม่เลว เพียงแต่มันจะต้องทานควบคู่ไปกับขนมจีบซาละเปา ซึ่งหนักท้องเกินไป และไม่เป็นที่นิยมสำหรับเขาที่ชอบต้อนรับยามเช้าด้วยกาแฟบลูเมาเท่นรสดีมากกว่า
ด้านหลังยากูซ่าหนุ่มแห่งดินแดนซากุระมีซึซึอิและฮิโระขนาบอยู่เช่นเคย ทั้งสองอยู่ในชุดสูทสีดำสวมแว่นกันแดด เช่นเดียวกับอีกสี่คนที่ยืนเรียงแถวรอรับคำสั่งอย่างเป็นระเบียบตามจุดต่างๆของห้อง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฮิโระเป็นคนไปเปิด เขาไปหยุดมองที่ตาแมวนิดหนึ่งแล้วจึงเปิดประตูออกอย่างแรงจนคนข้างนอกถลาตามเข้ามาเนื่องจากมือยังจับลูกบิดค้างอยู่
“ ไอ้บ้าฮิโระ ทำอะไรของแกวะ “
“แล้วแกล่ะ ชินจิ แกมาทำอะไร?”ฮิโระถามหน้าขรึม แต่คนถูกถามไม่สนใจจะตอบ กลับเดินลิ่วๆผ่านเพื่อนร่วมแก็งค์ที่ยืนเรียงแถว ไปคุกเข่าต่อหน้านายน้อย ริกิลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วเลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่ง
“ว่าไง”
“ได้โปรดทบทวนคำสั่งเสียใหม่เถอะครับ ลูกพี่“
“อย่าบอกนะว่างานที่ให้ไปน่ะยากเกินความสามารถ“ ริกิถามยิ้มๆแต่ชินจิไม่ยอมยิ้มด้วย
“ไม่ยากหรอกครับ แค่คอยตามติด เอ้ย.. ติดตามคุณหนูเมงุมิ ชวนคุย ชวนเที่ยว พาช็อปปิ้งในระหว่างที่ลูกพี่ยังไม่ว่าง“ที่จริงดีใจโคตรๆเลยล่ะเพราะจะได้เป่าหูให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่ลูกพี่เขาชอบ ตามแผนเป๊ะ
“เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร?“ริกิถาม หรุบตามองนาฬิกาข้อมือแว่บหนึ่ง
“เพียงแต่ผมเบื่อ เพราะอยากไปตะลุมบอนหรือฝ่าดงกระสุนกับลูกพี่มากกว่า“
ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน แล้วก็…เดี๋ยวชั้นมีนัด เห็นจะต้องไปก่อน กลับมาค่อยคุย“
ร่างสูงตัดบท ลุกขึ้นพร้อมกับพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะกระจกสีเข้ม ซึซึอิรีบส่งเสื้อนอกให้อีกฝ่ายรับไปสวมอย่างรวดเร็ว
“ลูกพี้-----!”ชินจิเดินรี่ตามติดร่างสูงและลูกน้องทั้งหกที่กำลังตรงไปยังประตูห้องราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว“ถ้างั้นเป็นพรุ่งนี้ จะตอนเช้า ตอนบ่ายตอนเย็นหรือว่าตกค่ำก็ได้ สักแป๊บหนึ่งก็พอ ให้ผมได้ติดตามลูกพี่เข้าร่วมงานใหญ่ในต่างแดนสักครั้งนะคร้าบ ระหว่างนั้นก็ให้เจ้าพวกนี้สักคนไปดูแลคุณหนูแทนก็ได้ “
หนึ่งใน‘เจ้าพวกนี้’ หันขวับมามองอย่างรำคาญ ผมเกรียนกัดเป็นสีทองและตุ้มหูทรงเจ็บบนใบหูที่ดูก็รู้ว่าผ่านการเย็บมาก่อนทำให้ชินจิไม่อาจขยับต่อไปครู่หนึ่ง
“อะ…อะไร โกโร่ แกจะชกชั้นงั้นเหรอวะ“
“รู้ป่ะ ทำไมนายน้อยไม่ค่อยจะให้พี่ติดตามไปไหนทั้งที่พี่ก็เป็นหนึ่งในคนสนิทและฝีมือก็จัดว่าพอตัว “หนุ่มหัวทองผู้จัดว่าเป็นตัวแสบตัวเอ้คนหนึ่งในกลุ่มย้อนถามกลับ
ชินจิยืนนิ่ง ใช้หัวคิดอย่างรวดเร็ว ก็นั่นนะสิ เขาเป็นหนึ่งในคนสนิท เทียบเท่ากับเจ้าฮิโระกับซึซึอิทุกอย่าง อาจมีภาษีมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเคยเป็นลูกชายหัวหน้าแก็งค์หนึ่งในโชริวไคมาก่อน ฝีมือการต่อสู้ก็จัดว่าพอตัวอย่างที่เจ้าเด็กนี่ว่า
ก็แล้วทำไมล่ะครับ ลูกพี่
“ตอบไม่ได้ละสิ งั้นบอกให้ก็ได้“โกโร่ยักไหล่ แล้วเข้ามากระซิบบอกใกล้ๆ“ ก็เพราะ‘ปาก’พี่ไง แล้วไอ้เรื่องตะลุมบอนกระสุนปลิวว่อนอย่างที่พี่หวังจะให้มันเกิดขึ้นน่ะ ฝันไปเถอะพี่ งานนี้เขามีแต่มาเฟียระดับสุภาพบุรุษ แต่นายน้อยกลัวว่ามันจะมีจริงๆถ้าเกิดเอาพี่ที่ชอบแกว่งปากหาเสี้ยนเสียเหลือเกินไป เพราะฉะนั้นจะวันไหนๆพี่ก็ต้องปิ๋วไปตามระเบียบอยู่แล้ว อยู่เฝ้า…เอ้ย… คอยดูแลเทคแคร์ว่าที่ลูกพี่หญิงไปก่อนเถอะน่า ขานั้นเขาสวยน่ารักไม่หยอกน่าเฝ้า เอ่อ…ดูแลออกจะตาย ผมไปละ“
โกโร่ตบบ่าแข็งแรงสองป้าบเหมือนจะปลอบใจแล้วรีบวิ่งตามกลุ่มคนที่นำหน้าไปก่อน ทิ้งชินจิยืนคอตกอยู่กับที่เถียงไม่ออกสักคำ
ตอนที่ยากูซ่าหนุ่มหัวทองตามมาสบทบกับเจ้านายและพรรคพวก ลิฟต์ยังมาไม่ถึง และทุกคนก็ยืนรออย่างสงบไม่มีใครแสดงความหงุดหงิด แม้หมายเลขลิฟต์ที่กำลังขึ้นมายังอยู่ห่างไกลจากหมายเลขของชั้นที่กำลังยืนอยู่นี้มากพอดู
“ทำไงวะ พี่ชินจิถึงไม่ตามมา“หลายคนกระซิบถาม โกโร่ยักคิ้วแผล็บ ขยับจะเล่าด้วยความคะนอง แต่ถูกริกิสำทับเสียงหนักอย่างรู้เท่าทันเข้าให้ซะก่อน
“จะพูดอะไรออกไปควรคำนึงถึงลำดับอาวุโสด้วย “
“ทราบครับ นายน้อย ไม่มีอะไรจริงๆครับ“ โกโร่ค้อมหัวลง เสียงที่รายงานฟังเข็มแข็งแต่ปลายเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัดพลอยทำให้พวกอยากรู้เงียบกันไปหมด ริกิกวาดตามองทั้งหมดแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางลิฟต์โดยไม่พูดอะไรอีก
โกโร่และทั้งหมดที่ติดตามเขามาฮ่องกงในครั้งนี้ไม่รวมซึซึอิกับฮิโระที่คอยรับใช้เขามาตั้งแต่เด็กและชินจิที่เป็นเหมือนเพื่อน ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มส่วนตัวที่ขึ้นอยู่กับเขาโดยตรง ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาจากแก็งค์เล็กๆหลายแก็งค์ในสังกัด โดยมากจะเป็นคนมีฝีมือที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการแสดงผลงานมากนัก
เขาล่วงรู้อุปนิสัยทุกคนโดยละเอียดเนื่องจากอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้องมากกว่าลูกน้องเจ้านาย ทุกคนมีความจงรักภักดี ยึดถือธรรมเนียมนักเลงสมัยเก่าที่สืบทอดกันมาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการไม่โกหกและเคารพผู้อาวุโสกว่า
แต่กับชินจิ ดูเหมือนทุกคนจะทำเป็นลืมข้อหลังแล้วตั้งหน้าตั้งตาแกล้งอีกฝ่ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทุกครั้งที่มีโอกาสด้วยความสนุกสนาน
ก็โชคดีไปที่คนถูกแกล้งเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วอย่างเหลือเชื่อ เลยไม่มีเรื่องปวดหัวทำนองล้างแค้นในหมู่พวกเดียวกันเพราะถูกข่มเหงจนเกินทนให้เขาตามแก้นอกจากออกปากห้ามบ้างตามสมควรหากเห็นว่าเริ่มจะเล่นนอกกรอบเกินไป
“ลิฟต์มาแล้วครับ !”
ซึซึอิบอก และนั่นเปรียบเสมือนสัญญาณสำหรับทุกคน จากที่เมื่อสักครู่ ต่างยืนจับกลุ่มกระจัดกระจายกันอยู่ห่างๆ ก็เดินเข้ามาโอบล้อมนายน้อยของพวกเขาไว้ราวแม่นกสยายปีกป้องกัน
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับไฮคลาส และไม่เคยมีข่าวก่อเหตุไม่ว่าจะทางใดทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในวงการมืดซึ่งมีอันตรายอยู่รอบด้าน ถิ่นตัวเองก็ยังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าจะปลอดภัยเต็มร้อย ฉะนั้นการเข้ามาเหยียบถิ่นอื่นย่อมต้องระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ความผิดพลาดอันเกิดจากความประมาทเพียงนิดเดียว อาจทำให้ชีวิตของเจ้านายตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่งก็เป็นได้
ติ๊ง…
ทุกคนสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ ความเงียบงันอันแสนตึงเครียดแผ่ออกมาปกคลุมเหล่าชายชุดดำเอาไว้
ลิฟต์เปิดออกช้าๆ สมรรถนะอันยอดเยี่ยมทำให้ไม่เกิดเสียงอันใด
ทุกคนกระชับวัตถุปลิดชีพไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะกระชากมันออกมาซัลโวได้ทันที ถ้าหากดวงตาที่คมดุจเหยี่ยวหาเหยื่อภายใต้กรอบแว่นสีหม่นพบเจอสิ่งผิดปกติภายในนั้น
ลิฟต์เปิดออกมาแล้วอย่างเต็มที่ คนที่ยืนจ้องเขม็งรออยู่แล้วกวาดตามองเพื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็พบว่า ภายในนั้นมีเด็กสาวผมยาวสลวยยืนอยู่เพียงลำพัง
ทันใดนั้น ใครบางคนในกลุ่มยากูซ่าแดนอาทิตย์อุทัยก็ถอนใจเฮือกตามด้วยเสียงหัวเราะกึกกักจากบางคน แม้อีกหลายคนที่เหลือจะยังยืนนิ่ง มือยังคงค้างอยู่ที่เดิม ทว่าความตึงเครียดระแวดระวังกระจัดกระจายหายไปหมดราวกับกลุ่มควันหนาทึบที่ถูกลมพายุพัดตีแตกกระเจิง
เหตุผลทั้งหมดไม่ใช่เพราะว่าเด็กสาวคนนั้นยืนอยู่เพียงคนเดียว จึงเหมือนจะไม่มีอะไร
ไม่ใช่เพราะเธอสวมกระโปรงแซ็คสีชมพูแล้วทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสีเดียวกันทำให้เรือนร่างบอบบางแลดูหวานน่าทะนุถนอมซะเหลือเกิน นั่นเพราะสำหรับพวกเขา กุหลาบยิ่งสวยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีหนามแหลมคมเท่านั้น
และก็ไม่ใช่เพราะหน้าตาของเธอ …
ไม่อย่างแน่นอน เพราะพวกเขาไม่อาจเห็นใบหน้าของเธอและยิ่งไม่สามารถนึกจินตนาการไปถึงได้
อย่างน้อยก็ในเวลานี้ที่เธอกำลังยืนหลับหูหลับตาหาวปากกว้างงงง---มั่กๆอยู่

ย้อนกลับไปเมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่15
“ ฮ้าวววว….หยัมๆๆ “
ง่วงเป็นบ้า…
ประกายรุ้งหาวหวอดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ขึ้นมาจากชั้นแรกสุด บางทีอาจนับได้จากจำนวนชั้นเพราะดูเหมือนเธอจะอยากหาวทุกๆสามชั้นเลยทีเดียว โชคดีที่ในลิฟต์มีเธออยู่เพียงลำพังและจุดหมายปลายทางก็อยู่ชั้น26ซึ่งเป็นชั้นบนสุด
มันเป็นผลพวงจากเมื่อวานนี้นั่นแหละ
เธอลงมาเหยียบเกาลูนตอน4ทุ่มตามเวลาท้องถิ่นของที่นี่ซึ่งเร็วกว่าทางกรุงเทพสองชั่วโมง เช็คอิน เข้าห้องพักแล้วจัดการกับสัมภาระอีก กว่าจะเสร็จปาไปห้าทุ่มกว่า ลงมาหาอะไรทานก่อนนอนแล้วเดินเล่นแถวท่าเรือสตาร์เฟอร์รี่อีกหน่อย
กว่าจะกลับขึ้นมานอนกางแขนกางขาก็ดึกมากแล้ว
ฟ้ายังไม่ทันสางก็ถูกพี่ชายปลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตต่างแดนด้วยขนมจีบซาละเปาและชาหอมกรุ่น อร่อยสุดๆ ก็จริงแต่ผลเสียก็คือทำให้อาการขี้เซาทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อของกินหมด
พี่ปอนด์ที่แสนดีก็รู้ทัน สั่งให้เธอที่กำลังจะชะแว้บกลับไปนอนให้รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วพาขึ้นเรือสตาร์เฟอร์รี่ข้ามมาฝั่งฮ่องกงโดยไม่ปล่อยเวลาให้ได้ยื่นคำขออุทธรณ์สักคำ จากนั้นก็ต่อด้วยแท็กซี่ที่คนขับแสนสุภาพ ยิ้มอย่างเดียวไม่ว่าจะชวนคุยอะไร จะว่าภาษาจีนกลางของเธอกับพี่ชายแย่มากก็ไม่น่าใช่ สุดท้ายเลยต้องหันมาคุยกันเองสองคน
“บ่ายๆมันมีงานใหญ่ต้องเตรียมตัวกันแต่เช้า มันอุตส่าห์ชวนมาเที่ยวก็น่าจะไปช่วยมันทำงานสักหน่อยเป็นการตอบแทน“ พี่ชายเฉลยเมื่อถูกถามว่าทำไมจะต้องมาหาพี่วีวี่แต่ไก่โห่ขนาดนี้
“แล้วทำไมพี่ปอนด์ไม่จองโรงแรมที่เดียวกับพี่วีวี่เสียตั้งแต่แรกล่ะ จะได้ไม่ต้องข้ามไปข้ามมาแบบนี้ “
“ก็พี่ชอบข้ามไปข้ามมา สนุกดี สวยด้วย“ ดูเอาเถอะ คนเรา
“แล้วพี่วีวี่เขาจะให้เปาะแปะช่วยอะไรล่ะ ยกไฟยกเอฟเฟ็คเหรอ ไม่ไหวอ่ะมั้ง เสริ์ฟข้าวเสริ์ฟน้ำยังพอไหว“
“เจอก็ถามมันเองซี่ “
เอวังด้วยประการฉะนี้…มั้ง เพราะจบจากนั้นเธอก็หลับ รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกลาก(อีกแล้ว)ไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อถามเบอร์ห้อง
“เดี๋ยวพี่ขอไปโทรศัพท์แป๊บนึง เปาะแปะขึ้นไปก่อนละกัน ห้อง268นะอย่าลืม“
แล้วสาวน้อยบอบบางอ่อนโลกอย่างเธอก็ถูกพี่ชายผลักเข้าลิฟต์หลังจากถูกจับแบมือเขียนหมายเลขห้องลงไปกันลืม นอกจากนี้ยังมีการกดหมายเลขชั้นแล้วกดปิดให้เสร็จสรรพอย่างกับจะรีบไล่ไปให้พ้นๆงั้นแหละ
แต่ใครสนกันล่ะ ดีซะอีกจะได้อ้าปากหาวเรียกดาวเรียกเดือนมาดูเล่นโดยไม่ต้องมีใครว่า


ประกายรุ้งหาวหวอดเรื่อยมาจนถึงชั้น23 รู้สึกเห็นเดือนดาวระยับยิบเต็มลิฟต์ไปหมด เฮ่อ งานนี้น่าจะมีการหาวปิดท้ายก่อนลิฟต์เปิด ที่ชั้นจุดหมายปลายทาง
แต่ครั้งสุดท้ายนี่รู้สึกนานไปหน่อย กว่าจะหุบปากได้ประตูก็เลื่อนไปชิดขอบของมันทั้งสองด้าน เห็นวิวข้างหน้ากระจ่างตา
“ฮุ!? ”
ประกายรุ้งตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อลืมตามาพบผู้ชายกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า กำลังจ้องมองเธออยู่
ความง่วงงุนซึมเซาทั้งหลายทั้งปวงวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกจากร่างราวกับสัมภเวสีเจอพระ ชั่วเวลาสายฟ้าแลบหลังจากรู้สึกตัวเต็มที่ ความอับอายก็ออกมาซอกซอนวิ่งเล่นไปในทุกขุมขน ความขัดเขินตามมาฉวัดเฉวียนทั่วใบหน้าจนร้อนผ่าวไปหมด
กดปิดไปเล้ย ไปตั้งหลักข้างล่างใหม่อีกที สมองสั่งมาว่าอย่างนั้น แต่ร่างกายมันไม่ขยับ หรือถึงขยับก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อมีใครไม่รู้กดปุ่มลงเอาไว้ทำให้ประตูลิฟต์ยังเปิดให้เธอโชว์ออฟต่อไป
ถ้ามีผู้หญิงคนไหนมาบอกว่าเจอแบบนี้แล้วสามารถเชิดคอเป็นนางหงส์เดินสะบัดก้นผ่านไปได้อย่างชิลด์ชิลด์โดยไม่รู้สึกอะไร โหรฟันธงไปได้เลยว่ายัยนั่นไม่ใช่ผู้หญิงแท้อย่างแน่นอน
ช่วงวิกฤติที่ราวกับกินเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ ทั้งที่ไม่อยากสักกะนิด แต่ตาเจ้ากรรมก็ดันประมวลผลฝ่ายตรงข้ามเข้าสมองโดยอัตโนมัติ
ตรู๊ด ผู้ชายใส่สูทดำ สวมแว่นดำจำนวนหกคน ไม่สวมแว่นดำหนึ่งคน ตรู๊ดดด บันทึกข้อมูลเรียบร้อย!
แต่แล้วจู่ๆ คนเดียวที่มองเธอด้วยแววตาคมกริบติดจะพิศวงเล็กน้อยโดยไม่ผ่านเลนส์แว่นสีเข้มดังเช่นคนอื่นก็ส่งยิ้มบาง แต่หวานโคตรแถมเสริมหน้าขรึมให้หล่อกระชากวิญญาณเพศตรงข้ามยิ่งขึ้นมาให้
ฟิ้วววว
รอยยิ้มนั้นกลายสภาพเป็นไวรัสพุ่งเข้ามาจู่โจมเสียจนเด็กสาวERROR ในฉับพลัน
บ๊ายบาย กู๊ดลัค หนีห่าว อาโลฮ่า ลาก่อนค่ะทุกท่าน แต่ที่ออกจากปากจริงๆคือ…
“หลีกเฟ่ย!“
เป็นคำไทยที่หาฟังยากสักหน่อยสำหรับชาวต่างชาติ ทว่าทุกคนก็เหมือนจะเข้าใจได้จากสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงอันดุดันของเด็กสาว ต่างพร้อมใจกันเบี่ยงตัวเป็นช่องให้กระต่ายน้อยสีชมพูวิ่งปรู๊ดจากไป
เจ้าของรอยยิ้มอันตรายเลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่ง ซุกซ่อนความขบขันทั้งมวลเอาไว้ภายใต้ดวงตาพราวระยับ



หวัสสา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2556, 11:58:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2556, 11:58:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 974





<< ตอนที่2   
Zephyr 4 ก.ค. 2556, 19:22:45 น.
นาง กุลสตรี!!!!!
สุดๆฮึ่ย หมดกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account