หลงกลิ่นจันทน์ สนพ.อรุณ
ว่านรักเข้าประจำตำแหน่งใหม่ในต่างจังหวัดเป็นสารวัตรหญิงคนแรกแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง"จันทน์กะพ้อ" ทำให้เธอต้องเร่งสะสางคดี โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอปฐพีและหมวดตรีชัย

เรื่องราวดูวุ่นวายและปวดหัวใจเพราะทั้งหมอหนุ่มปากร้ายกับหมวดหนุ่มรูปหล่อได้ทำให้เธอต้องไขว่เขว ตัวฆาตกรเองก็ไม่ชัดเจนว่า ใช่คนใกล้ตัวเธอหรือไม่!!
Tags: หลงกลิ่นจันทน์

ตอน: ตอนที่ ๓ ผีนางจันทน์...(อัพตอนสุดท้ายแล้วค่ะ หนังสือออกแล้ว^^)

สำหรับตอนนี้จะอัพเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ เพราะหนังสือออกแล้วค่ะ ^^ ยังไงก็อุดหนุนตาบ้างนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
//////////////////



พนายืนมองสนามหญ้าหน้าโรงพัก แววตาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ใช่ว่าเขาไม่เชื่อหน่วยงานหลักของตัวเองที่ส่งว่านรักมา แต่เขาไม่ค่อยชอบนิสัยส่วนตัวของหญิงสาวคนนี้นัก เธอดื้อรั้นเกินไป ที่สำคัญตอนนี้เขาเองก็ได้เบาะแสสำคัญหลายอย่างที่พอจะโยงถึงใครบางคนได้บ้างแล้ว แต่ติดอยู่ที่ตัวเขาเอง เขาทำอะไรไม่ได้ตราบใดที่ยังแก้ปัญหานี้ไม่ตก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างมาจากเขาเอง มันก็ควรจะจบที่เขาเช่นกัน คิดถึงตรงนี้ นายตำรวจหนุ่มทำหน้าขรึมลงทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม เขาหาทางออกไม่เจอเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา พนาปรับสีหน้าตัวเองใหม่อีกครั้ง

“ขออนุญาตค่ะ”
พนาหันไปมองหญิงสาวพร้อมกับส่งยิ้มให้ “สารวัตรมีอะไรเหรอครับ”
เธอมองสีหน้าของเจ้านายก่อนจะเอ่ย “คดีนายผาด...ฉันขอทำนะคะ”
พนาทำหน้าแปลกใจที่เธอขอทำคดีนี้ เพราะเป็นแค่เรื่องฆ่ากันของชาวบ้าน ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เธอควรสนใจอะไรเป็นพิเศษ หรืออาจจะเป็นเพราะกำลังไฟแรง หรือว่าอาจจะเห็นอะไรผิดสังเกต

“ไม่มีคนร้องนี่” แม้จะเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่พนาก็ยังคงถาม เขาจงใจที่จะไม่ให้ว่านรักสืบ

“แต่มันเป็นคดีอาญา ท่านคงไม่ปิดอะไรฉันหรอกนะคะ”
พนาขมวดคิ้วกับคำถามนั้น แม้ในใจจะสั่นไหวบ้าง

“ปิด?” เขาทำทั้งหน้าและน้ำเสียงแปลกใจเต็มที่

“หมอปฐพีส่งเรื่องให้ท่านแล้วนี่คะ ทำไมถึงไม่บอกฉันเลย”
พนาถอนหายใจ “ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องบอกคุณ เพราะผมจะทำคดีนี้เอง”
คำตอบนั้นทำเอาว่านรักเงียบไปทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมผู้กำกับฯถึงได้จะสืบเรื่องนี้เอง

พนาไม่พูดอะไรอีก เขาก้มหน้าลงอ่านเอกสารเหมือนเป็นเรื่องที่ต้องทำด่วนมากกว่าการพูดคุยกับหญิงสาว เห็นท่าทางอย่างนั้น ว่านรักจึงขอตัวออกมา เธอได้แต่ถอนหายใจยาวเพื่อระบายความหนักใจที่มีอยู่ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงได้ยุ่งยากนักนะ ว่านรักบ่นในใจ จากนั้นจึงก้าวออกจากโรงพักไปหาที่พักผ่อนสมอง


รถเก๋งสีบรอนซ์แล่นมาตามถนนจนมาหยุดอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจประจำอำเภอ เพียงไม่ถึงนาทีประตูรถก็เปิดออก ชายหนุ่มก้าวออกมายืนด้านข้างรถ ผมที่ตัดสั้นสีดำขลับนั้นถูกบดบังด้วยหมวกแก๊ปสีดำ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมง เขาก้มลงไปควานหาเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำที่โยนไว้ในรถก่อนที่จะขับออกจากบ้านเกิดมาสวมทับ เพราะคิดว่าเพียงแค่ชุดที่สวมใส่ตอนนี้ดูไม่เหมาะสมสำหรับการรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาเท่าใดนัก ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมองป้ายสถานีตำรวจ ในที่สุดเขาก็ได้ย้ายมาที่นี่ หลังจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับที่นี่ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ย้ายมา ตรีชัยก้าวยาวๆขึ้นไปบนอาคารสีขาวนั้นด้วยความมั่นใจ

กลางวันว่านรักไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพักมากนัก จ่าสุภัทรที่เข้าไปทีหลังเห็นหญิงสาวนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวจึงรีบเข้ามาทักทาย
“สารวัตรมาทานคนเดียวเหรอครับ” ว่านรักแกล้งหันมองรอบข้างตัวเองอีกครั้ง ก่อนตอบ

“ค่ะ จากที่เห็นน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แล้วนี่จ่ามาคนเดียวเหรอคะ” เธอถามกลับ จ่าสุภัทรจึงหัวเราะ

“ครับผม ที่เห็นก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ งั้นขอนั่งด้วยนะครับท่าน”

“ตามสบายเลยค่ะ แต่ขอร้องว่าเลิกเรียกท่านเสียทีนะคะ ว่านไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” หญิงสาวหงุดหงิดที่ถูกเรียกอย่างนั้น จ่าสุภัทรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับสารวัตรหญิง

“ได้ยินข่าวว่าสารวัตรจะทำคดีนายผาดเองเหรอครับ”

“ค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้นายตำรวจเก่าแก่ทำหน้าเหยเกทันที

“ผมว่าอย่าดีกว่า”
ว่านรักแปลกใจที่จ่าสุภัทรคัดค้าน ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ควรทำด้วยซ้ำ

“ทำไมล่ะ จ่าได้ยินอะไรมางั้นเหรอ”

“ผมได้ยินเขาลือกันว่า มีผีผู้หญิงมาตามฆ่าผู้ชายที่เป็นพ่อหม้าย”
ว่านรักหัวเราะออกมาทันทีกับเหตุผลของจ่าสุภัทร ช่วยไม่ได้ เธอตลกกับเรื่องที่ได้ยินจริง ๆ นี่นา

“งั้นหรือ ฉันก็รอดตัวสิ เพราะเป็นผู้หญิง”

“ไม่ได้นะครับสารวัตร ถ้าไปขวางมัน เดี๋ยวได้โดนหักคอ สารวัตรนิติก็เป็นพ่อหม้าย นายผาดก็เป็นพ่อหม้ายเมียทิ้งนะครับ ใคร ๆ ก็ว่าเป็นผีนางจันทน์”

“ผีนางจันทน์?...คือใครเหรอคะ”

“เอ้า...นี่ข่าวดังจะตายไป ลงหน้าหนึ่งตั้งหลายวัน” คำบอกเล่านั้นทำให้สารวัตรสาวยิ่งขมวดคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้า ถ้าเรื่องผีสางนี่ เธอแทบจะไม่อ่านเอาเสียเลย

“เธอชื่อสิรินญา เป็นเด็กสาวในหมู่บ้านนี่แหละ แต่มีดีกรีเป็นนางงามประจำจังหวัดเลยนะ ถูกฆ่าตายแล้วเอาศพไปฝังไว้ใต้ต้นจันทน์กะพ้อ คดีนี้สารวัตรนิติเป็นคนดูแล ทำอยู่ไม่ถึงปีก็ตาย เขาลือกันว่าได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ ที่พบศพบ่อย ๆ พูดแล้วขนลุกเลยนะครับสารวัตร” จ่าสุภัทรทำท่าทางประกอบเสียจนน่ากลัว ว่านรักไม่เคยเชื่อเรื่องผีสักนิด เธอคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า

“แล้วที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหนคะ”

“หลังวัดครับ พื้นที่เป็นป่าละเมาะ ไม่ค่อยมีคนเข้าไปหรอก แต่พอดีมันมีถนนตัดผ่านไปที่สวนของชาวบ้าน สารวัตรคงเห็นเส้นทางที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดนะครับ ถ้าเข้ากรุงเทพฯ ก็ใช้เส้นทางนี้เหมือนกัน ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาได้กลิ่นเหม็นเน่า ก็เลยไปดู พอเขี่ยไปเขี่ยมาก็เห็นว่าเป็นศพ”

“แล้วสรุปคดีหรือยังคะ”

“ยังเลย สารวัตรมาตายเสียก่อน เห็นสืบ ๆ อยู่ คิดว่าน่าจะถูกฉุดไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งที่นั่น แหม...กลางคืนไม่มีใครกล้าผ่านแถวนั้นหรอกครับสารวัตร”
ว่านรักคิดอะไรบางอย่างได้ก็รีบรวบช้อน แล้วเรียกเก็บเงินทันที

“ไปก่อนนะจ่า มีเรื่องต้องทำหน่อย”
เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ว่านรักก็รีบวิ่งกลับไปที่โรงพักทันที เธอค้นหาเอกสารข้อมูลคดีของสิรินญาอยู่นานกว่าจะเจอ สิรินญา พานิชย์ เสียชีวิตจากการถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่หน้าอกจำนวนห้าแผล หญิงสาวดูรูปประกอบแล้วปิดปากกลั้นอาการบางอย่างไว้ เหยื่อไม่สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น ในสถานที่เกิดเหตุก็ไม่พบเสื้อผ้าใดๆ ด้วย ว่านรักอ่านทวนอีกรอบแทบจะทันที...ไม่มีเสื้อผ้าทิ้งไว้?...แต่ที่ศพมีรอยเขียวช้ำที่คอเป็นจ้ำๆ อาจจะถูกบีบคอก่อนฆ่า มีการต่อสู้กัน แต่ไม่ใช่ที่พบศพ เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ในรายงานผลชันสูตรไม่พบคราบอสุจิในช่องคลอดหรือแม้แต่บนตัวศพ ส่วนสาเหตุการตายนั้นมาจากการถูกของแหลมแทงตัดขั้วหัวใจ ว่านรักหันไปค้นประวัติคนตายอีกครั้ง สิรินญาเป็นลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำที่ตลาดในตัวอำเภอ แถมยังมีตำแหน่งนางงามประจำจังหวัดอีกด้วย

“ความสวยเป็นเหตุหรือไง เฮ้อ แต่ถ้าไม่เห็นเสื้อผ้าในที่พบศพ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้บริเวณที่พบ ไม่มีคราบอสุจิทั้งในศพและที่พบศพ แสดงว่าอาจจะถูกฆ่าจากที่อื่นหรือเปล่า” ว่านรักทำหน้าประหลาดใจ เรื่องผีที่ว่าจะมีจริงเหรอ หรือว่าจะมีคนแกล้งทำเป็นผี เธอไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

“งั้นคืนนี้ไปลองของกันดีกว่า ดูซิว่าจะมีผีจริงหรือเปล่า” ว่านรักพูดกับตัวเองพลางคิดแผนไปเรื่อย ๆ

คิดได้ดังนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าเป้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปที่วัดทันที เธอเป็นคนที่มีนิสัยอยากรู้อะไรก็ต้องหาคำตอบนั้นมาให้จงได้ เรื่องแค่นี้ ไม่ยากเกินไปหรอกที่ว่านรักจะทำ

ความมืดสนิทในยามค่ำคืนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นยิ่งเงียบสงัดวังเวงมากยิ่งขึ้น ว่านรักสำรวจไปรอบ ๆ หลังจากที่เมื่อกลางวันได้มาสำรวจไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่คนที่เดินตัวสั่นตามหลังเธอมาก็คือจ่าสุภัทร เธอเหลือบมองลูกผู้ชายตัวจริงด้วยความเบื่อหน่าย เสียงหมาหอนดังขึ้นพร้อมกันอย่างกับนัดหมายกันมาก่อนล่วงหน้า ทำให้คนข้างหลังสะดุ้งเฮือกทำน้ำเสียงสั่น ๆ บ่นให้หมาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นวรรคเป็นเวร

“จ่า อย่าทำเสียงดังสิ” ว่านรักหันมาดุเสียงเบา

“ก็...ก็...หมามันหอนนี่ครับสารวัตร”
ว่านรักถอนหายใจยาวกับความกลัวของจ่าสุภัทร

“มันทำตามหน้าที่ของมันแหละจ่า เหมือนเราที่กำลังทำอยู่นี่ไง”

เสียงกุกกักทำให้ว่านรักย่องเข้าไปดูด้านข้างของกำแพงวัด เห็นกลุ่มเด็กสองสามคนกำลังพยายามที่จะขโมยเงินบริจาคในตู้ ส่วนอีกด้านมีเด็กที่คอยดูต้นทางพร้อมกับทำเสียงร้องโหยหวนเหมือนกับเสียงหมาหอน เธอเข้าใจในทันทีว่าเรื่องเล่าผีๆนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

“นี่ไง ผีนางจันทน์ของจ่า ทำกลัวไปได้”
จ่าสุภัทรแทบอยากพ่นไฟได้ ไม่เคยโดนหลอกจนกลัวได้มากขนาดนี้มาก่อน เขาวิ่งอ้อมออกไปดักจับผีปลอมพวกนั้นทันที แต่ก็ไม่ทัน เด็กกลุ่มนั้นวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง คงจะได้ยินเสียงเดินของจ่าสุภัทรที่เหยียบไม้ผุเข้า เลยรู้ตัวเสียก่อน ว่านรักรีบวิ่งไปดักอีกทางหนึ่งหลังจากที่รู้พื้นที่พอสมควร เมื่อถึงตัวเจ้าหนูคนหนึ่งในแก๊ง เด็กหนุ่มมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะหัวเราะเสียงดัง เพราะดูจากท่าทางของสาวเจ้าแล้วไม่น่าห่วงเท่าไรว่าจะหนีไม่ได้

“พี่สาวมาช่วยเขาจับหรือไง” ว่าพลางดึงมีดออกมาจากเอว
ว่านรักยิ้มพร้อมกับหลบเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้เริ่มออกลีลา แต่ก็พลาดไปแค่แวบเดียวด้วยมือไวของเด็กหนุ่มแต่เมื่อเห็นคู่ต่อสู้เผลอ เธอก็เตะเข้าที่จุดศูนย์กลางความเจ็บปวดของผู้ชาย จนคนร้ายทรุดตัวลงกับพื้น เธอจึงรีบเข้าไปใส่กุญแจมือทันที ตำรวจสาวผลักคนร้ายไปที่รถ ซึ่งจ่าสุภัทรยืนรออยู่แล้วพร้อมหนึ่งในแก๊งที่นั่งตัวงอบนหลังกระบะ

“มันหนีไปได้คนหนึ่งครับสารวัตร”

“อืม” ว่านรักตอบได้แค่นั้น เพราะรู้สึกเจ็บหนึบๆที่แขน ก้มลงดูก็เห็นแขนเสื้อแจ๊คเก็ตขาดเป็นรอยยาวเธอเหลือบมองเจ้าตัวปัญหาก่อนจะตบหัวมันไปทีหนึ่ง หวังระบายความแค้นที่ถูกแทงโดยไม่ทันระวังตัว

“โอ๊ย! อะไรกันคุณตำรวจ นี่อย่าทำร้ายผู้ต้องหานา ไม่งั้นผมจะฟ้องกลับนะจะบอกให้”

ว่านรักหัวเราะ “หัวหมอดีนี่ มิน่าถึงได้แกล้งเป็นผีหลอกชาวบ้าน จะได้ขโมยของง่ายขึ้น ไหนได้อะไรมั่ง” ว่านรักดึงกระเป๋าของเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นมาค้น เจอเงินเหรียญจำนวนหนึ่งและพระพุทธรูปหนึ่งองค์

“คราวนี้เล่นขโมยพระเลยเหรอ ไม่กลัวบาปมั่งหรือไง รู้ไหมว่าขโมยของวัดน่ะ ตายไปจะกลายเป็นเปรตนะไอ้หนู”

“โธ่...สารวัตรครับ ถ้ามันรู้จักบาปบุญคงไม่ทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอกครับ” จ่าสุภัทรเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหวเอาจริง ๆ

“ตัวเท่านี้ ริอ่านเป็นโจร ไป! ไปโรงพัก” จ่าสุภัทรพูดพร้อมดันตัวผู้ต้องหาเข้าไปในรถ ก่อนจะขึ้นรถขับกลับมาที่โรงพัก

ร้อยเวรมองจ่าสุภัทรที่จับจูงผู้ต้องหาขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

“จ่าทำอะไรน่ะ”
ว่านรักที่เพิ่งเดินขึ้นมาถึงตอบคำถามนั้นแทน “พวกขโมยของวัดน่ะ”
แล้วหันไปบอกจ่าสุภัทรให้พาเด็กเหล่านั้นเข้าไปในห้องของเธอเพื่อสอบปากคำ เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องที่เธอจะรื้อคดีของสิรินญาขึ้นมา เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของเธอ จ่าสุภัทรจับเด็กหนุ่มทั้งสองคนนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าว่านรัก

“พวกนายทำอย่างนี้มานานหรือยัง” ท่าทีเฉยเมยนั้นทำให้ว่านรักตบโต๊ะเสียงดัง เจ้าสองคนนั้นสะดุ้งรวมไปถึงจ่าสุภัทรที่อยู่ด้านหลังด้วย เพราะไม่คิดว่าสารวัตรสาวสวยจะทำท่าทางโหดแบบนั้นได้

“หรืออยากให้ฉันซ้อมพวกนายจริง ๆ” ว่านรักกำหมัดชูขึ้นสูง วางท่าเหมือนกับจะทำแบบที่พูดจริง ๆ ขโมยตัวเล็กร้องเสียงหลงทันทีที่เห็น เพราะเคยได้ลิ้มรสหมัดหนัก ๆ นั่นมาแล้ว คงไม่ขอรับอีกเป็นแน่

“อ๊า...นานแล้ว นานแล้ว...เมื่อก่อนก็แค่เงินบริจาคสองสามร้อยพอได้ซื้อขนมกินกัน”

“แล้วไอ้ความคิดเรื่องผีนี่มาจากไหน”

“ก็เรื่องพี่จันทน์ไง ตอนที่พี่จันทน์ตาย คนเขากลัวกันทั้งเมือง เราก็เลยแอบทำเหมือนเป็นผี คนอื่นจะได้ไม่กล้าผ่านวัดตอนกลางคืน ทางก็สะดวก”
ว่านรักเข้าใจว่าคนที่นี่ลือกันไปเองว่า คนที่ตายชื่อจันทน์ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชื่อนั้น

“อ้อ...แล้วช่วงที่เธอตาย พวกนายทำแบบนี้อยู่ไหม”

“คืนเกิดเหตุเราก็อยู่แถวนั้น”
นั่นเป็นคำตอบที่ว่านรักรอคอย เธอทำสีหน้าตื่นเต้นจนปิดไม่มิดด้วยซ้ำ

“แล้ว...เห็นอะไรไหม”

“ไม่ พวกเราไม่เห็นอะไร แต่ได้ยินเสียงเหมือนคนขุดหลุมอะไรสักอย่าง ไม่กล้าไปแอบดูเพราะคิดว่าผีเลยวิ่งหนีกันไปก่อน”

ว่านรักถอนใจ ไม่ได้อะไรเลย

“เรื่องนี้เราบอกสารวัตรคนก่อนไปแล้ว ไอ้โย่งน่ะมันเห็นคนที่ขุดหลุมด้วย”

“ใครชื่อโย่ง”

“ก็คนที่พี่สาวจับไม่ได้ไง มันตีนแมว วิ่งเร็วชิบไอ้นี่” ว่าเหมือนกับด่าเพื่อนที่หนีเอาตัวรอดได้คนเดียว

“จ่าคะ พาน้อง ๆที่น่ารักพวกนี้เข้าไปพักผ่อนทีค่ะ” ว่านรักต้องการฟังเรื่องนี้มากกว่าเรื่องการขโมยของในวัดเสียอีก แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ไม่แปลกใจเลยที่สารวัตรคนก่อนไม่ได้ข้อมูลอะไรมากมาย เพราะคดีนี้ไม่มีพยาน ไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ ที่สำคัญ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
หลักฐานมันจะเลือนหายไปในอากาศได้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!! ต้องมีคนทำลายมัน ไม่อย่างนั้นไม่หายไปแบบไร้ร่องรอยแบบนี้หรอก คิดไปก็รู้สึกถึงอาการเจ็บที่แขนขึ้นมา ว่านรักก้มลงมองแผลและเลือดที่ไหลซึมออกมาไม่หยุดก่อนจะถอนใจ

จ่าสุภัทรพาเด็กหนุ่มทั้งสองคนเข้าไปนอนในห้องขัง แล้วเดินออกมาด้านหน้า เห็นหมวดตรีชัยที่เพิ่งย้ายมาเมื่อบ่ายวันนี้กำลังเดินออกมาจากหลังโรงพักพร้อมกับไม้ถูพื้น

“อ้าว...หมวดตี๋ ทำอะไรน่ะครับ” จ่าสุภัทรถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะท่าทางมาดแมนสูงหล่อแถมด้วยชุดนายตำรวจหนุ่ม แต่ถือไม้ถูพื้น มันดูแล้วขัดตาพิกลอยู่

“ผมเห็นเลือดเปรอะพื้นเลยจะมาเช็ดออกน่ะจ่า มีผู้ต้องหาคนไหนบาดเจ็บหรือเปล่าครับ”
จ่าสุภัทรขมวดคิ้วแปลกใจพลางนึกภาพย้อนไปว่ามีใครบาดเจ็บหรือเปล่า แต่ก็นึกไม่ออก

“ไม่มีนี่นา หรือว่าจะเป็นสารวัตร” จ่าสุภัทรรีบวิ่งขึ้นไปหาสารวัตรว่านรักชั้นบนทันที แต่ก็สวนกับหญิงสาวที่เพิ่งปิดประตูห้องทำงานเดินกุมแขนตัวเองออกมา เลือดที่หยดเปรอะพื้นเห็นได้ชัดเจนขึ้นจนจ่าสุภัทรตกใจ

“ผมว่าแล้ว สารวัตรบาดเจ็บนี่ครับ ไปโรงพยาบาลเถอะ”

“จ่ากลับบ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไรมาก ไปเองได้” ว่านรักยิ้มเหมือนกับไม่มีอะไรร้ายแรงสักนิด

หมวดตรีชัยวิ่งตามขึ้นมาทีหลัง มองแขนสารวัตรที่มีเลือดไหลออกมาเป็นระยะแล้วก็ถอนใจ ใบหน้าสวยนั้นเริ่มซีดลง เขาเคยเห็นผู้หญิงมามาก แต่ไม่เคยเห็นใครทำหน้ายิ้มแย้มได้ทั้ง ๆที่เลือดเปรอะแขนอย่างนั้น

“งั้นผมพาไปเองครับ” หมวดหนุ่มรีบบอกก่อนจะเข้ามาพยุงว่านรักไว้ หญิงสาวทำหน้าแปลกใจเพราะทำงานที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นนายตำรวจหนุ่มรูปหล่อคนนี้มาก่อน

“ดีเหมือนกัน เดี๋ยวผมเฝ้าเวรแทนให้ คนหนุ่มน่าจะคล่องกว่าคนแก่อย่างผม” จ่าสุภัทรพูดจบก็รีบไปเตรียมรถให้ แต่ว่านรักปฏิเสธ เห็นว่าระหว่างโรงพยาบาลกับสถานีตำรวจก็แค่กำแพงกั้น จะนั่งรถให้เปลืองน้ำมันทำไม

“ผมลืมแนะนำไปครับสารวัตร หมวดตรีชัยเพิ่งย้ายมาเหมือนกัน มาเมื่อเช้านี้เอง” จ่าสุภัทรแนะนำแบบเร็ว ๆ ตรีชัยทำความเคารพผู้บังคับบัญชาก่อนจะกลับมาช่วยพยุงเธออีกครั้ง

“เมื่อเช้าสารวัตรไม่อยู่ ผมเลยยังไม่ได้รายงานตัว”

“ค่ะ...เอ่อ...ไม่ต้องพยุงหรอกค่ะ ฉันไปได้ เจ็บนิดหน่อยเอง แค่นี้ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เธอพูดจบก็เดินนำหน้าผู้ชายสองคนออกไป จ่าสุภัทรเห็นความรั้นของสารวัตรหญิงแล้วก็หัวเราะ

“หญิงแกร่งจริงๆ หมวดรีบตามไปเลย” ถึงพูดไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ทันหมวดตี๋ที่วิ่งออกไปแล้ว จ่าสุภัทรได้แต่แปลกใจ สารวัตรเป็นคนสวย ไม่แปลกหรอกที่ลูกน้องหนุ่ม ๆ จะชื่นชอบและสนใจในตัวเธอ แต่หลังจากที่ได้ร่วมงานกันมาระยะหนึ่ง จ่าสุภัทรเริ่มคิดว่าว่านรักมีแค่หน้าตาเท่านั้นเองที่อ่อนหวาน แต่นิสัยความกล้าบ้าบิ่นมีมากกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ

หมวดตรีชัยพาสารวัตรสาวไปที่โรงพยาบาลด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่คนเจ็บไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย เธอเดินดุ่ม ๆ ไปแจ้งพยาบาล เข้ารับการรักษาเอง แต่คนที่ตื่นเต้นตกใจกลับเป็นพยาบาลที่เห็นเลือดโชกแขนของหญิงสาวมากกว่า รีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที ว่านรักอมยิ้มแม้จะหน้าซีดเพราะเสียเลือดไปเยอะ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักขนาดนั้น แค่ถาก ๆ ทำแผลเองยังไหวเลย แต่เพื่อความสบายใจของลูกน้องทุกคนเลยมาให้หมอจัดการเสีย จะได้จบ ๆ แต่เมื่อแผลถูกเปิดออก เธอก็เพิ่งเห็นว่ามันใหญ่เอาการเหมือนกัน พยาบาลสาวช่วยทำแผลให้จนเสร็จ เธอก็ยังไม่เห็นหมอผ่านมาสักคน

“ไม่มีหมอเหรอคะ” ว่านรักเป็นอย่างนี้เสมอ เธอชอบถามอะไรตรง ๆ

“งานแบบนี้ไม่เจ็บมาก ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่พยาบาลค่ะ คุณหมอรับเคสหนัก ๆไป”

“แล้วนี่คุณไปทำอะไรมาคะ”
ว่านรักเลิกคิ้วเพราะพยาบาลมองเธอด้วยสายตาระแวงเหลือเกิน อาจจะด้วยเธอไม่ได้สวมเครื่องแบบ แถมมากับตำรวจหนุ่มหล่ออีกต่างหาก

“เอ่อ...อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
เสียงโอดครวญดังมาเป็นระยะ ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง ต้นเสียงนั้นมาจากเตียงข้าง ๆ ซึ่งมีแค่ผ้าม่านกั้น มันดังจนคนฟังยังรู้สึกเสียวแทน

“ชาวบ้านโดนไม้เสียบเท้ามาค่ะ ไม่หนักมาก แต่ก็พอดู คุณหมอกำลังช่วยเอาไม้ออกให้” พยาบาลอธิบาย ว่านรักนึกภาพแล้วก็ขนลุกเกลียว มันคงสยดสยองน่าดู

“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวรอคุณหมอตรวจอีกนิดหนึ่งแล้วค่อยรับยาด้านนอกนะคะ” พยาบาลสาวบอกก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารที่ผู้ช่วยเพิ่งส่งเข้ามาให้
ว่านรักก้มลงมองต้นแขนที่พยาบาลยังไม่ได้เอาผ้าปิดแผล รอยแผลเป็นลักษณะเฉียงยาว ไม่ลึกมาก เห็นแล้วเธอก็คิดถึงเลือดที่ไหล มันเยอะเกินไปจริง ๆ สงสัยเลือดจะแข็งตัวช้าผิดปกติไปแล้ว

“อ้าว...คุณเป็นตำรวจหรอกหรือคะ โธ่ เราก็นึกว่าโดนตำรวจซ้อมมา นึกแล้วเชียวว่าทำไมตำรวจหนุ่มหล่อคนนั้นจะทำร้ายผู้หญิงได้”
ว่านรักหน้าชานิดหน่อยจากคำพูดของพยาบาล

“ที่นี่มีตำรวจแบบนั้นด้วยหรือคะ”

“ก็ไม่เชิง สาว ๆ แถวริมน้ำ พวกคาราโอเกะ เด็กตำรวจทั้งนั้น บางทีก็ตาเขียวหน้าช้ำมาเลย”
ว่านรักถอนหายใจ ก็ยังดี เธอดูดีมีราคาเท่าสาว ๆ คาราโอเกะ แต่เรื่องเด็กๆของตำรวจ เธอคงปล่อยให้มีอีกไม่ได้
ม่านด้านข้างถูกเปิดออกโดยคุณหมอหนุ่ม เขาเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าคนไข้ที่นั่งรออยู่นั้นเป็นว่านรัก

“อ้าว...สารวัตร เป็นอะไรมาหรือครับ” คำทักทายนั้นทำเอาสาว ๆ พยาบาลมองหญิงสาวกันเลิ่กลั่ก ว่านรักใช้มือข้างที่ไม่เจ็บเกาหัวที่ยุ่งเหยิงนั้นเบาๆ

“โดนมีดทิ่มนิดหน่อยคะ นี่ โรงพยาบาลนี้ไม่มีหมอคนอื่นเหรอคะ ทำไมต้องเป็นคุณหมอปฐพีทุกทีเลย”
หมอหนุ่มหัวเราะก่อนจะก้มลงมองแผลที่แขนหญิงสาว

“ไม่ลึกมากนะ มีดมีสนิมไหม เดี๋ยวติดเชื้อที่เคยบ้าจะหนักกว่าเดิม” หมอหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

ว่านรักคิ้วชนกันยุ่งเพราะคำพูดของคุณหมอ เริ่มกวนประสาทเธออีกแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาก็แวะไปหาเรื่องเธอที่บ้านพักทุกเช้าอยู่แล้ว บอกว่าออกกำลังกาย แต่ถนนออกเยอะแยะ ทำไมต้องเลือกเส้นทางที่ผ่านบ้านพักเธอด้วย แถมยังเอานมเปรี้ยวมาส่งให้ประจำ
‘ปกติซื้อให้หมาที่เลี้ยง แต่มันตายแล้ว ผมเองก็ไม่กิน จะทิ้งก็เสียดาย เลยเอามาฝากสารวัตร เผื่อช่วยบำรุงสมองให้ดีขึ้น’
นี่แหละปากของหมอปฐพี ปากดีเหลือเกิน เจตนาชัดเจน เพียงแต่ว่าเธอรับไม่ได้เท่านั้นเอง ดังนั้นก็เป็นคู่กัดกันต่อไปดีกว่า

“ไม่มีหรอกน่า มันคงเลือกดีแล้วละ ฉันคงเป็นคนแรกที่มันแทงถูกแหละ เสร็จหรือยังเนี่ย จะกลับแล้วทั้งง่วงทั้งเหนื่อยจะแย่”

“คร้าบ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” หมอหนุ่มลากเสียงยาวพร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างลงบนเอกสารตรวจ

“เดี๋ยวให้พยาบาลปิดแผลเสียก่อนค่อยไปรับยานะครับ อย่ารีบร้อน แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนมีดทิ่มเสียอย่างนั้น” เขาถามเธอพลางบอกให้พยาบาลมาทำแผลต่อให้เสร็จ

“แค่หลบไม่ทัน ไม่มีอะไรมากหรอก” เธอตอบปัด
ปฐพีเลิกเซ้าซี้ถามอีก เพราะเจ้าตัวคงไม่ยอมบอกหรอก แม้จะคาดคั้นถามแค่ไหน ปากแข็ง แถมดื้อรั้นเป็นที่หนึ่ง นี่แหละว่านรักที่เขารู้จัก

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมเลิกเวรพอดี รอกลับพร้อมกันไหมล่ะ” คำชวนของหมอหนุ่มทำให้ว่านรักแปลกใจจ้องหน้าหมอปฐพีอย่างไม่ไว้ใจ จะมาไม้ไหนเนี่ย

“ด้านหลังโรงพักมันมืดนะ หน้าตาแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนมากกว่ามีด ผมรู้อยู่หรอกว่าสารวัตรเก่ง แต่ตอนนี้เจ็บอยู่ กำลังย่อมลดลงไปด้วย อย่าเพิ่งทำอะไรห่ามๆ เลย” เขาขยายความขึ้นมาอีก ทำให้ว่านรักเข้าใจ
หญิงสาวคิดอะไรบางอย่างได้ ปฐพีบอกว่าเขาเรียนจบก็ได้มาทำงานที่นี่เลย แสดงว่าช่วงที่สิรินญามีชีวิตอยู่ เขาก็น่าจะเคยเห็นหรือรู้จักเธอมาก่อน

“งั้นเดี๋ยวฉันบอกลูกน้องก่อน ดีเหมือนกัน มีเรื่องอยากถามคุณหมอ”
ปฐพีขมวดคิ้ว ถ้าบอกว่ามีเรื่องอยากถาม เขาก็ชักไม่อยากกลับด้วยแล้วสิ ว่านรักออกไปนอกห้องฉุกเฉิน เห็นหมวดตรีชัยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ด้านนอก เขาเป็นหนุ่มร่างสมส่วน ดวงหน้าคมใส นัยน์ตาโต ไม่เหมือนชื่อเล่นสักนิด ตอนนี้สาว ๆ หลายคนต่างแอบมองเขาเป็นตาเดียวโดยไม่ได้นัดหมาย

“หมวดกลับก่อนก็ได้ค่ะ พอดีฉันจะกลับพร้อมหมอปฐพี”
หมวดหนุ่มลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง เขาสูงกว่าหญิงสาวมาก ก้มลงมองเธอด้วยแววตาแปลกใจ หมอปฐพีเป็นใคร ทำไมสารวัตรถึงได้กลับพร้อมกันได้

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ใบหน้าหวานนั้นเหมือนตราตรึงเข้าไปในความคิดของหมวดหนุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบเหมือนเสียงกลืนหายไปในลำคอ ตรีชัยรู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกันที่มีผู้บังคับบัญชาเป็นผู้หญิง แถมหน้าตาน่ารักเสียด้วย
ปฐพีออกมาเจอคนทั้งคู่จึงเดินเข้าไปหา

“หมอปฐพีเป็นหมอนิติเวชที่นี่ค่ะ นี่หมวดตรีชัย เพิ่งย้ายมา”
หมอหนุ่มรู้สึกตงิด ๆ ใจในวิธีการแนะนำระหว่างเขากับนายตำรวจหนุ่มที่ช่างต่างกันจริง ๆ เวลาหันไปพูดกับหมวดรูปหล่อคะขา แต่หันมาพูดกับเขาไม่มีแม้แต่หางเสียง ต่างกันไหมล่ะ ปฐพียิ้มรับแขกแบบจืด ๆ

“สวัสดีครับ พอดีผมเลิกเวร เห็นสารวัตรบ้านพักใกล้กัน เลยชวนกลับพร้อมกันครับ นี่ทำไงถึงได้เลือดมาล่ะครับ” หมอหนุ่มอธิบายเพราะเห็นน้ำเสียงของหญิงสาวแล้วน่าจะช่วย ๆ เปิดโอกาสให้คุณเธอเสียหน่อย แม้จะรู้สึกเสียเซลฟ์นิดหน่อยก็ตาม

“คือสารวัตรออกจับพวกขโมยเงินบริจาควัดน่ะครับ แต่พลาดไปหน่อย เลยได้แผลมา”

ว่านรักเหล่ตาไปมองหมอหนุ่มที่พยายามรู้เรื่องจนได้ ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้นะ ไม่มีใครเขาว่าตกข่าวหรอก เธอบ่นในใจ ก่อนจะหันไปมองหมวดตรีชัยอีกครั้ง

“กลับเถอะค่ะ ขอบคุณนะหมวดตี๋ ป่านนี้จ่าสุคงเป็นห่วงแย่”

“ครับผม ผมไปแล้วนะครับ” หมวดตี๋กลับไปแล้ว ว่านรักจึงเดินออกไปรับยาที่ห้องจ่ายยา โดยที่มีหมอหนุ่มเดินตามไปเงียบ ๆ

“คุณหมอเอารถอะไรมา” ว่านรักถามขึ้นเมื่อเดินออกมาถึงด้านหน้าตึกอุบัติเหตุ ปฐพีกวาดสายตาไปมองลานจอดรถด้านหน้า

“นั่นไง รถผม” เขาชี้ไปที่รถจักรยานสีฟ้าสดใสที่จอดอยู่ตรงมุมตึกของโรงพยาบาล

ว่านรักถอนหายใจยาว หมอจน ๆ แถมปากไม่ดี จะมีใครเอาไปเป็นแฟนมั่งไหม สมแล้วที่ครองความโสดมาจนถึงป่านนี้ ว่าเธอไม่ได้นะ แม้อายุจะป่านนี้เหมือนกัน แต่ก็มีแฟนหนุ่มหล่อน่ารักแล้วนะจะบอกให้

“โถ ทำงานตั้งหลายปี ได้แค่นี้เหรอคุณหมอ” ว่านรักเหน็บเอา หมอหนุ่มหัวเราะแทนที่จะโกรธ หญิงสาวพูดยังไง เขาก็ไม่เคยโกรธเธอได้สักที กลับยิ่งสนุกที่ยั่วโมโหเธอได้สำเร็จทุกทีไป

“เขาเรียกพอเพียง บ้านพักก็อยู่แค่นี้ จะเอาอะไรมากมาย น้ำมันก็ไม่ต้องเติม แถมเร็วอีกต่างหากนะสารวัตร มาเร็ว ไหนว่าทั้งเหนื่อยทั้งง่วง” เขาบอกพร้อมกับก้าวขึ้นคร่อมรถจักรยาน ตั้งท่าปั่นเต็มที่

ว่านรักขึ้นนั่งซ้อนท้าย มือข้างที่ไม่เจ็บจับเอวชายหนุ่มเบา ๆ ปฐพีอมยิ้ม คว้ามือของว่านรักเข้ามาโอบเอวตัวเองไว้

“จับแบบนั้นก็ตกกันพอดี เกาะแบบนี้สิ ตกไปผมไม่รับผิดชอบนะ แถมจักรยานไม่มี พ.ร.บ.ประกันภัยด้วยนะเนี่ย” เขาพูดทั้งรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าคนที่ซ้อนไม่ว่าอะไรและทำตามแต่โดยดี จึงเริ่มถีบจักรยานพาผู้โดยสารออกไปยังเส้นทางที่จะไปอย่างรวดเร็ว



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2554, 15:12:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2554, 15:13:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1811





<< ตอนที่ 2 : คดีแรก ดอกจันทน์กะพ้อ   
ดารานิล 4 มิ.ย. 2554, 10:21:04 น.
ดีใจด้วยนะคะ ขอบให้หนังสือขายดิบขายดี :)


ณิชนิตา 4 มิ.ย. 2554, 11:22:14 น.
ขอบคุณค่ะ ^^


pokkob 18 มิ.ย. 2554, 12:27:04 น.
ขอให้ขายดี ตีพิมพ์หลายๆๆรอบนะคะ..เป็นกำลังใจให้ค่ะ^-^


ปูสีน้ำเงิน 19 มิ.ย. 2554, 15:44:45 น.
หมอน่ารักอ่ะ


แมวเหมียวก้อย 22 มิ.ย. 2554, 00:27:05 น.
ถึงหมอจะปากจัด แต่ก็มีน้ำใจน้าา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account