หลงกลิ่นจันทน์ สนพ.อรุณ
ว่านรักเข้าประจำตำแหน่งใหม่ในต่างจังหวัดเป็นสารวัตรหญิงคนแรกแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง"จันทน์กะพ้อ" ทำให้เธอต้องเร่งสะสางคดี โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอปฐพีและหมวดตรีชัย
เรื่องราวดูวุ่นวายและปวดหัวใจเพราะทั้งหมอหนุ่มปากร้ายกับหมวดหนุ่มรูปหล่อได้ทำให้เธอต้องไขว่เขว ตัวฆาตกรเองก็ไม่ชัดเจนว่า ใช่คนใกล้ตัวเธอหรือไม่!!
เรื่องราวดูวุ่นวายและปวดหัวใจเพราะทั้งหมอหนุ่มปากร้ายกับหมวดหนุ่มรูปหล่อได้ทำให้เธอต้องไขว่เขว ตัวฆาตกรเองก็ไม่ชัดเจนว่า ใช่คนใกล้ตัวเธอหรือไม่!!
Tags: หลงกลิ่นจันทน์
ตอน: ตอนที่ 2 : คดีแรก ดอกจันทน์กะพ้อ
ขณะรอปกเสร็จนะคะ มาทายกันว่าปก"หลงกลิ่นจันทน์"จะออกมาโทนสีอะไรเอ่ย? ฮิๆ
////////////////////////////////////
วันต่อมาว่านรักจัดการกับบ้านพักเกือบทั้งวัน เพราะหลังจากเจ้าของบ้านคนเดิมเสียชีวิตก็คงไม่มีใครกล้าเข้ามาอีกเลย หญิงสาวปลูกไม้หอมเพิ่มอีกสองสามต้นที่หน้าบ้าน เธอเห็นต้นจันทน์กะพ้อหน้าบ้านที่ดอกบางส่วนเพิ่งโรย แต่กลิ่นหอมก็ตลบอบอวล ความแปลกใจกับสาเหตุการตายของสารวัตรคนเก่ายังคงท่วมท้น เธอแอบถามคนอื่น ๆในโรงพักว่าสารวัตรนิติเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร
เรื่องที่น่าขนลุกยิ่งกว่าการได้รู้สาเหตุการตายก็คือ เขาตายที่นี่ นายตำรวจคนอื่นดูเหมือนจะขู่ให้เธอกลัวมากกว่า หารู้ไม่ว่า ว่านรักไม่เคยกลัวอะไรเลย เมื่อวานตกเย็นพอหัวถึงหมอน เธอก็หลับสนิท หญิงสาวไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง แต่เรื่องเทวดาพอเชื่ออยู่บ้าง
ตอนเด็ก ๆ เธอเรียนชั้นประถมที่นี่ จนจบ ป.6 จึงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ช่วงนั้นเธอเล่นซนเหมือนเด็กผู้ชาย ที่จำได้แม่นคือวีรกรรมได้เลือด ช่วงที่มีกีฬาสีในโรงเรียนก่อนที่เธอจะย้ายบ้าน แม่บังคับให้เป็นนางงามถือป้าย ท่านมีความสุขมากที่ได้จับลูกสาวแต่งตัวสวย เพื่อนผู้ชายในห้องที่เคยวิ่งเล่นไล่เตะก้นกันต่างหัวเราะเยาะเมื่อรู้ว่าเธอจะได้แต่งหญิง และรอคอยที่จะดูกันเหมือนเป็นตัวประหลาด
จนถึงวันงานกีฬาสี เมื่อเธอถือป้ายโรงเรียนจริงๆ กลับไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอเลย มันน่าแปลก แต่มีอยู่คนเดียวที่ทั้งหัวเราะเยาะทั้งพูดจาได้น่าเตะ พอเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าเด็กบ้านั่นก็ยังตามมาก่อกวน ความอดทนของว่านรักหมดสิ้นลงเมื่อเจ้านั่นเล่นพิเรนทร์เปิดกระโปรงของเธอจนเห็นเจ้าลิงน้อยลายสตรอว์เบอร์รี่สีชมพู นี่ถือเป็นการหยามไอ้ว่านชัด ๆ เธอเลยคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือขว้างไปที่เป้าหมายทันที
ผลลัพธ์ก็คือ เจ้าเด็กบ้าเลือดอาบนอนสลบเหมือด นั่นแหละ ว่านรักถึงรู้ว่าการทำผิดมันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง ทั้งโดนพ่อดุ แม่ตี แถมกลัวเพื่อนตาย แต่ข่าวสุดท้ายก่อนย้ายบ้านที่ได้รู้คือ เขาไม่ตาย พ่อเป็นคนไปเยี่ยมและเคลียร์เรื่องจนจบ ป่านนี้ไม่รู้เด็กกวนประสาทคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานมีลูกไปแล้วมั้ง ยิ่งในสิ่งแวดล้อมที่เป็นชนบท การแต่งงานมักเกิดขึ้นเร็วตั้งแต่หนุ่มสาวอายุยังน้อย เสียดายที่เธอลืมไปแล้วว่า เพื่อนเก่าคนนั้นชื่ออะไร มันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง
บ้านพักของว่านรักอยู่ติดรั้วที่กั้นระหว่างบ้านพักของตำรวจกับด้านหลังของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นบ้านพักของแพทย์และพยาบาล เธอออกมาสูดอากาศนอกบ้าน เหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกายมาตามถนนริมรั้วของโรงพยาบาล รั้วซึ่งก่อด้วยอิฐบล็อกเตี้ย ๆ เท่าเอวนี่เอง จึงทำให้มองเห็นด้านหลังของโรงพยาบาลอีกด้านหนึ่งได้ง่าย คนที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ เมื่อเข้ามาใกล้ก็หยุดวิ่งเสียอย่างนั้น เขาเดินตรงมาหาพร้อมกับส่งยิ้มพิฆาตใจมาให้ ว่านรักยอมรับว่าหมอหนุ่มคนนี้มีรอยยิ้มสวยเหมือนผู้หญิงแถมริมฝีปากยังมีสีชมพูระเรื่ออย่างกับทาลิปสีมา ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสเหมือนหมอเพิ่งจบใหม่ แต่จากที่ได้ยินประวัติคร่าว ๆ กลับกลายเป็นว่า ปฐพีทำงานที่โรงพยาบาลนี้มาหลายปีแล้ว อายุงานแทบจะเท่า ๆ กับเธอด้วยซ้ำ ไม่ได้เพิ่งจบมาอย่างที่เข้าใจแต่แรก
“สวัสดีครับ สารวัตร ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” เขาทัก น้ำเสียงปนหอบนิดหน่อยหลังจากหยุดวิ่งกะทันหัน
“ค่ะ ปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว”
“สำรวจอำเภอนี้ทั่วหรือยังครับ” ว่านรักยิ้มบาง ๆ พลางคิดว่า มาแปลกแฮะ เมื่อวานยังกวนประสาทอยู่เลย
“ก็...ยังเลยคะ วันนี้กะว่าจะออกไปสำรวจอยู่เหมือนกัน”
“เหรอครับ”
“แล้วคุณหมออยู่ที่นี่นานแล้วเหรอคะ” คำถามนั้นทำให้ปฐพียิ้ม ว่านรักมองลักยิ้มที่แก้มของเขาแล้วเบือนหน้าไปมองถนนข้าง ๆ ไม่ค่อยอยากจะสนใจความน่ารักของผู้ชายคนนี้นัก ดูเหมือนจะทำให้ใจสั่น ๆ พิกล
“ผมเป็นคนที่นี่ครับ”
ว่านรักหันขวับกลับมามองคนพูดทันที คนพื้นที่ทำไมหน้าตาไม่เหมือนคนแถวนี้เลยสักนิด ผิวขาว จมูกโด่ง อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นคนพื้นเพที่นี่ได้อย่างไร
“แผลที่หัวผมก็เกิดที่นี่แหละครับ ยังมีแผลเป็นอยู่เลยนะ” เขาว่าพร้อมกับเสยผมตรงหน้าผากให้เห็นแผลเป็นเล็ก ๆ ว่านรักขมวดคิ้ว เหมือนกับเธอเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนอย่างไรไม่รู้ แต่เขาจะมาบอกเธอทำไมเนี่ย
“แผล?” ว่านรักถามเสียงแปลกใจ ปฐพีถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือข้ามรั้ว คว้ามือเธอมาจับแผลเป็นนั้น หญิงสาวอ้าปากเหวอตกใจที่เขาฉวยมือเธอไปได้ง่าย ๆ
“ก็เธอเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้ จำไม่ได้หรือไง” หมอหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามของเธอแล้วยักคิ้วพยายามรื้อฟื้นความจำให้ ว่านรักสงสัยเต็มที่ เธอจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เธอไปตีหัวเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ฉัน?” ว่านรักชี้ตัวเองถามเสียงสูง
“ใช่ สมัยเด็กเธอเป็นคนขว้างหินใส่ฉัน ตอนนั้นฉันเย็บตั้งหลายเข็ม”
ว่านรักหวนกลับไปคิดทบทวนเรื่องในวัยเด็กอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยเรียนประถม
“นาย!!...ไอ้ลามก”
หมอหนุ่มเกาหัวแกรกๆ กับฉายาสมัยเด็ก ว่านรักเริ่มนึกชื่อเขาออกแล้ว ไอ้ดิน ไอ้ลามก
“นี่ๆ...โตแล้ว เลิกเรียกแบบนั้นซะที ยายว่านพิษ”
“ก็นายแอบเปิดกระโปรงฉันนี่” คนพูดหน้าตาเอาเรื่อง แม้จะรู้ว่าตัวเองผิด
“มันเด็กนี่คุณ ลองไปถามผู้ชายคนอื่นก็ได้ว่า เคยเล่นแบบนี้ตอนเด็กหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเสียหน่อย”
“อ๋อเหรอ นิสัยไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ยังอุตส่าห์ได้เป็นหมออีกเหรอ หรือว่าเพราะฉันเอาหินทุบหัวนายเลยทำให้ขี้เลื่อยมันหลุดออก น่าจะขอบคุณฉันมากกว่านะ”
“ปากหรือนั่น มิน่าเขาถึงว่าตำรวจปากจัด ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”
ว่านรักพยายามสะบัดแขนออก แต่อีกฝ่ายทำหน้ายียวน นัยว่าไม่ยอมปล่อยดี ๆ แน่
“โตแล้วยังคิดจะแก้แค้นอยู่อีกเหรอ แค่หัวแตกทำเป็นแค้น ทำเรื่องที่มันสร้างสรรค์น่ะเป็นไหม”
“ก็ตอนนั้นเธอชิ่งย้ายบ้านหนีเสียก่อนนี่ ฉันอุตส่าห์รอแก้แค้นอยู่ที่นี่มาตลอดนะ จะบอกให้”
ว่านรักที่พยายามสะบัดแขนกลับนิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น บางอย่างทำให้เธอแปลกใจ ตาใสจ้องไปที่แววตาของคนกวนประสาททันที มันหมายความว่ายังไง รอแก้แค้น? เขารอเธอมาตลอดอย่างนั้นเหรอ
“ฟังดี ๆนะ ฉันบอกว่าจะแก้แค้น ไม่ได้บอกว่าจะจีบเธอเสียหน่อย ทำเป็นตกใจไปได้” ปฐพีปล่อยมือทันที หน้าตายียวนตอนแรกกลับกลายเป็นบึ้งตึง ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปยังบ้านพักของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อพ้นรัศมีสายตาของหญิงสาว เขาก็อมยิ้มอยู่อย่างนั้น เพราะคิดว่าคนฟังคงอ้าปากค้างกระทืบเท้าจนพื้นดินจะถล่มแล้วกระมัง ตอนเด็กเขาคิดแก้แค้นจริง แต่ตอนนี้โตแล้ว แก้แค้นแบบเด็ก ๆ คงไม่ไหว ทำแบบผู้ใหญ่เขาทำกันดีกว่ามั้ง เขายอมรับว่าตอนนี้เธอสวยและมีเสน่ห์มากพอควร แต่นิสัยประหลาด ๆ จะยังคงอยู่หรือเปล่า นิสัยหัวโจกแก๊งเด็กอันธพาลยังเป็นอยู่หรือเปล่านะ คิดได้อย่างนี้ หมอหนุ่มก็หัวเราะคนเดียว
ว่านรักเดินขึ้นไปที่ทำงานตัวเองด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ เพราะอยู่มาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีคดีที่ทำให้เธอตื่นเต้นได้เลย วัน ๆ มีแต่เรื่องจับโจรขโมยเล็กขโมยน้อย มีคดีแก๊งซิ่งบ้างตามประสาเมืองที่กำลังจะเจริญ น่าแปลกจริงเชียว แต่เธอก็ควรจะมีความสุขมากกว่าที่ไม่มีคนชั่วให้ปราบปราม สังคมจะได้ดีขึ้น แต่ว่านรักก็ยังคาใจกับประโยคแรกที่ผู้กำกับฯพนาพูด เหมือนกับว่า ส่วนกลางส่งเธอมาเพื่อทำงานอะไรบางอย่าง เพียงแต่ผู้กำกับฯไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง เสียงวิทยุสื่อสารดังเข้ามาเป็นระยะ แต่ไม่มีเรื่องให้เธอสนใจเลยสักนิด จนถึงตอนที่มีรายงานว่า พบศพชายวัยกลางคนนอนอยู่ในท้องร่องสวนของชาวบ้าน ว่านรักรีบเก็บของจะวิ่งลงจากโรงพัก พอดีจ่าสุภัทรวิ่งเข้ามาดักเธอไว้เสียก่อน
“สารวัตรจะไปไหนครับ”
“ก็เห็นวิทยุแจ้งมาว่าพบศพนี่ พอดีเลยจ่า พาไปหน่อยสิ”
“ผมก็กำลังจะมาหาท่านนี่แหละครับ ร้อยเวรออกไปก่อนแล้ว เราต้องไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องไปรับหมอด้วย”
“ก็ที่นี่มันต่างจังหวัด รถโรงพยาบาลก็เอาไว้ใช้เรื่องที่สำคัญกว่าไงครับ งบประมาณมันน้อย”
ว่านรักถอนหายใจยาว จ่าสุภัทรขับรถเข้าไปที่หน้าโรงพยาบาล หมอปฐพียืนรออยู่แล้ว เขาก้าวขึ้นรถก็เจอสารวัตรสาวนั่งทำหน้ายุ่งข้างคนขับ จึงส่งยิ้มให้ ว่านรักไม่ได้ยิ้มตอบ เธอเบ้ปากแทน หมอปฐพีจึงได้แต่อมยิ้มแก้เก้อ
“โรงพยาบาลนี้ไม่มีหมอคนอื่นหรือไงจ่า” จ่าสุภัทรเลิกคิ้วสูง แปลกใจกับคำถามของนาย
“ที่นี่ต่างจังหวัดนะครับ มีผมคนเดียวนี่แหละ ทำทุกอย่าง”
“แน่ใจเหรอว่าจะตรวจได้” คำสบประมาททำให้หมอปฐพียิ้มกว้าง นี่เขาใจเย็นสุด ๆ แล้วนะกับผู้หญิงคนนี้
“ผมทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ชำนาญเท่าหมอพรทิพย์ แต่ก็พอหยวน ๆ นะคุณตำรวจ”
จ่าสุภัทรกระแอมขึ้นมาเป็นระยะ รู้สึกเหมือนคอแห้งเอาเสียดื้อ ๆ ไม่คิดว่าสองคนนี้จะตั้งแง่พิฆาตกันด้วยคำพูดอย่างนั้น
จนถึงสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสวนมะม่วง ศพผู้ตายตกลงไปในท้องร่องที่เจ้าของสวนขุดไว้เพื่อจะทำเป็นร่องน้ำ แต่ยังไม่เสร็จดี จึงไม่มีน้ำ มีเพียงโคลนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ตายเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ สภาพศพเบื้องต้นที่พบคือ มือมีอาการเกร็ง ดวงตาเบิกโพลง พบเลือดเปรอะอยู่ที่เสื้อเต็มไปหมด บนหน้าอกมีร่องรอยของมีดปลายแหลมแทงลึก น่าแปลก...ฆาตกรกลับทิ้งมีดซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญไว้ข้างศพเสียอย่างนั้น แถมบนหน้าอกบาดแผลยังมีดอกไม้เล็กๆ ดอกหนึ่งวางอยู่ ว่านรักมองภาพศพตรงหน้าแววตาครุ่นคิด ริมฝีปากเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง
“คุณหมอว่ายังไงครับ” จ่าสุภัทรหันไปถามนิติเวชหนุ่มที่นั่งตรวจรอยแผลบนหน้าอกของศพด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เขาตายแล้ว”
คำตอบนั่นทำให้ว่านรักถอนหายใจ ไม่พูดประโยคนั้นเสียก็ได้...ใคร ๆ ก็รู้ นอนตาเหลือกแน่นิ่งไม่ติงไหวอย่างนั้นน่ะ
“ผม...ว่า...เราพูดกันที่อื่นดีกว่านะครับ ที่นี่คนเยอะไปหน่อย แล้วอีกอย่าง มันต้องมีการชันสูตรแบบละเอียดกันอีกรอบ”
“หมายความว่า อาวุธคงไม่ใช่แค่มีดนั่นใช่ไหมคะ” ว่านรักถามสีหน้าตื่นเต้น
หมอหนุ่มมองสาวประหลาดข้างๆ ผู้หญิงอะไร ไม่ได้มีความตื่นเต้นหวาดกลัวกับศพเลยสักนิด กลับมาทำหน้าตาตื่นเต้นเมื่อได้ยินเบาะแสอะไรจากเขาอีก
“ครับ แล้วคงไม่ใช่ดอกจันทน์กะพ้อนั่นแน่ ๆ ปากมีสีเขียวอมม่วง ไม่แน่ว่าจะถูกพิษหรือสารอะไรเข้าไปด้วยหรือเปล่า” หมอปฐพีเอ่ยติดตลกเมื่อเห็นสีหน้าของว่านรักเคร่งเครียด แต่คนฟังไม่ได้หัวเราะด้วย เธอกลับมองดอกจันทน์กะพ้อด้วยสายตาแปลกใจ...เหมือนฆาตกรโรคจิต!!
หมอปฐพีนั่งอยู่ในห้องชันสูตร เขามองศพตรงหน้านิ่ง ดอกจันทน์กะพ้อที่อยู่ในมือเหมือนปริศนาสำคัญ เขาเคยเห็นดอกไม้นี้อยู่บนศพเป็นครั้งที่สองแล้ว...นี่ไม่ใช่ศพแรก เพียงแต่ว่าศพนั้นไม่มีใครสังเกตเท่านั้นเองว่าผู้ตายไม่ได้มีท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ว่านรักเปิดประตูเข้ามา เธอรอคำตอบของหมอปฐพีตั้งแต่กลับมา แต่เขาก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย แถมยังทำหน้าเฉย กวนประสาทอยู่อย่างนั้น
“นี่ตกลงว่ายังไง”
หมอหนุ่มยิ้มพลางลุกขึ้นเดินไปที่ศพผู้ตาย แต่ก็ไม่วายเหลือบตามองตำรวจหญิงตรงหน้า
“พูดจาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน คำว่า คะ ขา ไม่เคยติดปากเหมือนผู้หญิงคนอื่นมั่งหรือไงคุณสารวัตรครับ” ปากหมอปฐพีเหน็บอีกฝ่าย แต่สายตายังจ้องอยู่ที่ศพ ว่านรักเบ้ปาก
“เลือกคนพูดเหมือนกันแหละ” เธอแสร้งว่า หมอปฐพีหัวเราะ
“งั้นก็ควรพูดหวาน ๆ กับผมมั่ง เพราะผมเป็นคนชันสูตรศพนี้ให้คุณนะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะคุณหมอ”
“เกี่ยวสิครับ ผมไม่ได้เป็นลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณนะครับ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพัก ยังไงก็ควรให้เกียรติกันบ้าง” เพราะหมอหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ทำให้ดูอารมณ์เขาไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
ว่านรักทำหน้าเหวอ เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่โต น่าเบื่อจริง ๆ เลยเชียว เธอเกาหัวที่เริ่มยุ่งทันที อาการนั้นทำให้ชายหนุ่มอมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็เหมือนเดิม ไม่เคยมีจริตกับเขาสักนิด
“ทราบหรือยังครับว่าเขาเป็นใคร” เขาตั้งคำถามบ้าง หลังจากกวนประสาทเธอจนพออกพอใจแล้ว
“ชื่อนายผาด เป็นชาวบ้านแถวนั้น แต่เขาเป็นขี้เมา ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ญาติมิตรก็ไม่มี ก่อนตายไปซื้อเหล้าขาวมาขวดหนึ่ง บอกว่าจะไปนั่งคุยกับเพื่อนที่ศาลาริมถนน”
“งั้นคนที่น่าสงสัยก็คือเพื่อนที่ว่า เพราะในตัวคนตายพบสารหนูอยู่ด้วย เขาตายเพราะสารหนู ด้านหลังมีรอยเขียวช้ำเป็นทางยาว” หมอปฐพีว่าพลางพลิกร่างไร้วิญญาณให้ตำรวจดู ร่องรอยมีลักษณะเขียวช้ำเป็นทางยาว “เหมือนถูกลากไปตามถนนแล้วค่อยใช้มีดปลายแหลมแทงที่หน้าอกของคนตาย เขาตั้งใจแทงที่หน้าอกข้างซ้ายตรงกับหัวใจพอดิบพอดี คนฆ่าตั้งใจมากที่จะทำอย่างนั้นแล้วค่อยวางดอกไม้นี่ตรงหน้าอก” หมอหนุ่มสาธิตให้ดูถึงขั้นตอนต่าง ๆ ทำให้ว่านรักขมวดคิ้วแปลกใจในเรื่องอารมณ์ของคนฆ่า
“เขาแค้นอะไรนักหนา...แล้วเกี่ยวอะไรกับดอกไม้นี่” หญิงสาวว่า แววตาครุ่นคิด
“ดอกจันทน์กะพ้อ” หมอหนุ่มอธิบายเพราะเห็นว่าเธอคงไม่รู้จัก “ดอกไม้ชนิดนี้ บางมหาวิทยาลัยใช้เป็นสัญลักษณ์ของคณะนิติศาสตร์ แต่ถ้าเป็นความหมายแบบลึกซึ้ง จะเกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวครับ”
“อื้อฮือ คุณหมอเรียนเรื่องดอกไม้ด้วยหรือคะ”
หมอปฐพีรู้ว่ามันเป็นคำประชดมากกว่าจะยกยอเขาจริง ๆ แต่คงเสียเวลาเปล่าที่จะโต้ตอบเธอ
“ผมไปค้นข้อมูลดู เพราะดอกไม้นี้หล่นไกลต้นสองครั้งแล้ว”
“สองครั้ง?”
หมอปฐพีเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวแล้วออกมาพร้อมกับแฟ้มใหญ่ยื่นให้หญิงสาวดู ว่านรักเปิดดูด้วยสายตาแปลกใจ
“ผลชันสูตรของสารวัตรนิติ สารวัตรสืบสวนคนก่อน ดอกจันทน์กะพ้ออยู่ในมือเขา ผลชันสูตรพบว่าหัวใจล้มเหลวกะทันหัน เพราะเขาเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ทุกคนเลยไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่าดอกจันทน์กะพ้อมันก็อยู่หน้าบ้านเขาพอดี อาจจะเด็ดมาดมก็ได้”
“แล้วทำไมคุณถึงได้สนใจล่ะ ในเมื่อมันไม่มีอะไรน่าสงสัย” จบคำถามของสารวัตรหญิง หมอหนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา
“เรียกดินเหมือนที่เคยเรียกก็ได้นะ”
ว่านรักเบ้ปาก เธอช่างถนัดแสดงสีหน้าแบบนั้นเสียจริง หมอปฐพีบ่นในใจ รู้อยู่หรอกว่าไม่ค่อยชอบหน้าเขา แต่ทำบ่อย ๆ ก็ทำให้เซ็งเหมือนกันนะ
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเสียหน่อย ก็แค่เพื่อนสมัยเด็ก อ้อ แทบไม่เรียกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ เราเจอกันแค่เทอมเดียวเองนะ”
หมอปฐพีหัวเราะ “โอเค ช่างมันเหอะ ผมคิดว่า ถ้าหากคนตายมีอาการโรคหัวใจกำเริบ เขาจะต้องกำดอกไม้ในมือแน่น และดอกไม้ต้องช้ำหรือไม่กลีบก็ต้องร่วงบ้างละ แต่ว่านี่สภาพดีเกินไปว่าไหม เหมือนถูกเก็บมาใส่ไว้ในมือตอนที่ตายแล้ว”
ว่านรักมองภาพถ่ายดอกไม้อีกครั้ง
“อ๊า ใช่ๆ คุณนี่เก่งใช่ย่อย” เธอเริ่มเห็นด้วย สีหน้าตื่นเต้น หมอปฐพีอมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรคิดอะไรก็แสดงออกมาตรง ๆ ดีจริงเลย
“เพราะผมไม่ค่อยใช้กำลัง ใช้สมองมาก ๆ ลองทำบ้างสิ คุณสารวัตร”
ว่านรักหุบปากลงฉับพลัน ปล่อยช่องว่างไม่ได้เลยเชียวนะ
“ไอ้หมอโรคจิต” ว่านรักบ่นพึมพำ ปฐพีจึงหันมามอง
“ว่าอะไรนะ”
“อ๋อ เปล่า ว่าคุณหมอนี่เก่งจัง แล้วยังไง คิดว่าสองคดีนี่น่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ...ตอนแรกผมส่งข้อสังเกตนี่ให้ผู้กำกับฯ ท่านบอกว่าจะลองส่งเรื่องต่อไปให้อีกที ทางโน้นเขาก็บอกว่าจะส่งนายตำรวจใหม่มาช่วยสืบเรื่อง แต่ไม่คิดว่าจะส่งคุณมา”
ว่านรักทำหน้าบึ้ง ส่งเธอมาแล้วมันผิดตรงไหน
“ก็ทำถูกแล้วนี่ ส่งฉันมา”
“งั้นเหรอ ผมว่าผู้กำกับฯพนาเองก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ”
“คิดอะไร”
“อืม เปล่า ไม่มีอะไร” ปฐพีตั้งใจกั๊กเอาไว้ ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่มีอะไร แค่อยากกวนประสาทว่านรักเท่านั้นเอง เวลาเห็นหน้าโมโหโกรธาของเธอแล้วรู้สึกดีพิกล เหมือนกับได้แก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ
“พูดอย่างนี้มันหาเรื่องนะคุณหมอ”
“ผมไปดีกว่า ไปใช้สมองต่อ” ว่าแล้วหมอปฐพีก็เดินออกจากห้อง ว่านรักกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโมโห นายนี่ตามรังควานเธอตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว จนโตยังมาหาเรื่องกันอีก สงสัยลูกเมียก็คงไม่มี ก็เพราะปากอย่างนี้
ว่านรักหันไปมองศพคนตายอีกครั้ง...คดีดอกจันทน์กะพ้อ เธอตั้งชื่อนี้ได้ไหมนะ...กลิ่นหอมอ่อน ๆที่เริ่มจางหายนั้นทำให้ใครหลายคนได้แต่เสียดาย ความตายของคนก็เหมือนกลิ่นหอมอันเย้ายวนสำหรับฆาตกรอย่างนั้นหรือเปล่า
หญิงสาวขมวดคิ้วมองคนตายอีกครั้ง ร่างสูงโปร่ง แต่เมื่อสลบคงจะมีน้ำหนักตัวมากโข ฆาตกรไม่สามารถแบกร่างนี้ได้ จึงลากร่างไร้วิญญาณไปตามพื้นหญ้าข้างทาง ฆาตกรอาจจะเป็นใครสักคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะแบกคนตายได้ แถมยังวางยาเสียก่อนที่จะแทงด้วยมีด หรือว่าอาจจะเป็นผู้หญิง? ที่ไม่สามารถฆ่าผู้ชายได้โดยตรงจนต้องวางยาผู้ตายเสียก่อน แต่มันจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีของสารวัตรนิติ ว่านรักถอนหายใจอีกครั้ง ท่าทางว่าเธอจะเจองานหินเข้าแล้วกระมัง
////////////////////////////////////
วันต่อมาว่านรักจัดการกับบ้านพักเกือบทั้งวัน เพราะหลังจากเจ้าของบ้านคนเดิมเสียชีวิตก็คงไม่มีใครกล้าเข้ามาอีกเลย หญิงสาวปลูกไม้หอมเพิ่มอีกสองสามต้นที่หน้าบ้าน เธอเห็นต้นจันทน์กะพ้อหน้าบ้านที่ดอกบางส่วนเพิ่งโรย แต่กลิ่นหอมก็ตลบอบอวล ความแปลกใจกับสาเหตุการตายของสารวัตรคนเก่ายังคงท่วมท้น เธอแอบถามคนอื่น ๆในโรงพักว่าสารวัตรนิติเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร
เรื่องที่น่าขนลุกยิ่งกว่าการได้รู้สาเหตุการตายก็คือ เขาตายที่นี่ นายตำรวจคนอื่นดูเหมือนจะขู่ให้เธอกลัวมากกว่า หารู้ไม่ว่า ว่านรักไม่เคยกลัวอะไรเลย เมื่อวานตกเย็นพอหัวถึงหมอน เธอก็หลับสนิท หญิงสาวไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง แต่เรื่องเทวดาพอเชื่ออยู่บ้าง
ตอนเด็ก ๆ เธอเรียนชั้นประถมที่นี่ จนจบ ป.6 จึงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ช่วงนั้นเธอเล่นซนเหมือนเด็กผู้ชาย ที่จำได้แม่นคือวีรกรรมได้เลือด ช่วงที่มีกีฬาสีในโรงเรียนก่อนที่เธอจะย้ายบ้าน แม่บังคับให้เป็นนางงามถือป้าย ท่านมีความสุขมากที่ได้จับลูกสาวแต่งตัวสวย เพื่อนผู้ชายในห้องที่เคยวิ่งเล่นไล่เตะก้นกันต่างหัวเราะเยาะเมื่อรู้ว่าเธอจะได้แต่งหญิง และรอคอยที่จะดูกันเหมือนเป็นตัวประหลาด
จนถึงวันงานกีฬาสี เมื่อเธอถือป้ายโรงเรียนจริงๆ กลับไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอเลย มันน่าแปลก แต่มีอยู่คนเดียวที่ทั้งหัวเราะเยาะทั้งพูดจาได้น่าเตะ พอเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าเด็กบ้านั่นก็ยังตามมาก่อกวน ความอดทนของว่านรักหมดสิ้นลงเมื่อเจ้านั่นเล่นพิเรนทร์เปิดกระโปรงของเธอจนเห็นเจ้าลิงน้อยลายสตรอว์เบอร์รี่สีชมพู นี่ถือเป็นการหยามไอ้ว่านชัด ๆ เธอเลยคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือขว้างไปที่เป้าหมายทันที
ผลลัพธ์ก็คือ เจ้าเด็กบ้าเลือดอาบนอนสลบเหมือด นั่นแหละ ว่านรักถึงรู้ว่าการทำผิดมันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง ทั้งโดนพ่อดุ แม่ตี แถมกลัวเพื่อนตาย แต่ข่าวสุดท้ายก่อนย้ายบ้านที่ได้รู้คือ เขาไม่ตาย พ่อเป็นคนไปเยี่ยมและเคลียร์เรื่องจนจบ ป่านนี้ไม่รู้เด็กกวนประสาทคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานมีลูกไปแล้วมั้ง ยิ่งในสิ่งแวดล้อมที่เป็นชนบท การแต่งงานมักเกิดขึ้นเร็วตั้งแต่หนุ่มสาวอายุยังน้อย เสียดายที่เธอลืมไปแล้วว่า เพื่อนเก่าคนนั้นชื่ออะไร มันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง
บ้านพักของว่านรักอยู่ติดรั้วที่กั้นระหว่างบ้านพักของตำรวจกับด้านหลังของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นบ้านพักของแพทย์และพยาบาล เธอออกมาสูดอากาศนอกบ้าน เหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังวิ่งออกกำลังกายมาตามถนนริมรั้วของโรงพยาบาล รั้วซึ่งก่อด้วยอิฐบล็อกเตี้ย ๆ เท่าเอวนี่เอง จึงทำให้มองเห็นด้านหลังของโรงพยาบาลอีกด้านหนึ่งได้ง่าย คนที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ เมื่อเข้ามาใกล้ก็หยุดวิ่งเสียอย่างนั้น เขาเดินตรงมาหาพร้อมกับส่งยิ้มพิฆาตใจมาให้ ว่านรักยอมรับว่าหมอหนุ่มคนนี้มีรอยยิ้มสวยเหมือนผู้หญิงแถมริมฝีปากยังมีสีชมพูระเรื่ออย่างกับทาลิปสีมา ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสเหมือนหมอเพิ่งจบใหม่ แต่จากที่ได้ยินประวัติคร่าว ๆ กลับกลายเป็นว่า ปฐพีทำงานที่โรงพยาบาลนี้มาหลายปีแล้ว อายุงานแทบจะเท่า ๆ กับเธอด้วยซ้ำ ไม่ได้เพิ่งจบมาอย่างที่เข้าใจแต่แรก
“สวัสดีครับ สารวัตร ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” เขาทัก น้ำเสียงปนหอบนิดหน่อยหลังจากหยุดวิ่งกะทันหัน
“ค่ะ ปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว”
“สำรวจอำเภอนี้ทั่วหรือยังครับ” ว่านรักยิ้มบาง ๆ พลางคิดว่า มาแปลกแฮะ เมื่อวานยังกวนประสาทอยู่เลย
“ก็...ยังเลยคะ วันนี้กะว่าจะออกไปสำรวจอยู่เหมือนกัน”
“เหรอครับ”
“แล้วคุณหมออยู่ที่นี่นานแล้วเหรอคะ” คำถามนั้นทำให้ปฐพียิ้ม ว่านรักมองลักยิ้มที่แก้มของเขาแล้วเบือนหน้าไปมองถนนข้าง ๆ ไม่ค่อยอยากจะสนใจความน่ารักของผู้ชายคนนี้นัก ดูเหมือนจะทำให้ใจสั่น ๆ พิกล
“ผมเป็นคนที่นี่ครับ”
ว่านรักหันขวับกลับมามองคนพูดทันที คนพื้นที่ทำไมหน้าตาไม่เหมือนคนแถวนี้เลยสักนิด ผิวขาว จมูกโด่ง อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นคนพื้นเพที่นี่ได้อย่างไร
“แผลที่หัวผมก็เกิดที่นี่แหละครับ ยังมีแผลเป็นอยู่เลยนะ” เขาว่าพร้อมกับเสยผมตรงหน้าผากให้เห็นแผลเป็นเล็ก ๆ ว่านรักขมวดคิ้ว เหมือนกับเธอเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนอย่างไรไม่รู้ แต่เขาจะมาบอกเธอทำไมเนี่ย
“แผล?” ว่านรักถามเสียงแปลกใจ ปฐพีถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือข้ามรั้ว คว้ามือเธอมาจับแผลเป็นนั้น หญิงสาวอ้าปากเหวอตกใจที่เขาฉวยมือเธอไปได้ง่าย ๆ
“ก็เธอเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้ จำไม่ได้หรือไง” หมอหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามของเธอแล้วยักคิ้วพยายามรื้อฟื้นความจำให้ ว่านรักสงสัยเต็มที่ เธอจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เธอไปตีหัวเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ฉัน?” ว่านรักชี้ตัวเองถามเสียงสูง
“ใช่ สมัยเด็กเธอเป็นคนขว้างหินใส่ฉัน ตอนนั้นฉันเย็บตั้งหลายเข็ม”
ว่านรักหวนกลับไปคิดทบทวนเรื่องในวัยเด็กอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยเรียนประถม
“นาย!!...ไอ้ลามก”
หมอหนุ่มเกาหัวแกรกๆ กับฉายาสมัยเด็ก ว่านรักเริ่มนึกชื่อเขาออกแล้ว ไอ้ดิน ไอ้ลามก
“นี่ๆ...โตแล้ว เลิกเรียกแบบนั้นซะที ยายว่านพิษ”
“ก็นายแอบเปิดกระโปรงฉันนี่” คนพูดหน้าตาเอาเรื่อง แม้จะรู้ว่าตัวเองผิด
“มันเด็กนี่คุณ ลองไปถามผู้ชายคนอื่นก็ได้ว่า เคยเล่นแบบนี้ตอนเด็กหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเสียหน่อย”
“อ๋อเหรอ นิสัยไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ยังอุตส่าห์ได้เป็นหมออีกเหรอ หรือว่าเพราะฉันเอาหินทุบหัวนายเลยทำให้ขี้เลื่อยมันหลุดออก น่าจะขอบคุณฉันมากกว่านะ”
“ปากหรือนั่น มิน่าเขาถึงว่าตำรวจปากจัด ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”
ว่านรักพยายามสะบัดแขนออก แต่อีกฝ่ายทำหน้ายียวน นัยว่าไม่ยอมปล่อยดี ๆ แน่
“โตแล้วยังคิดจะแก้แค้นอยู่อีกเหรอ แค่หัวแตกทำเป็นแค้น ทำเรื่องที่มันสร้างสรรค์น่ะเป็นไหม”
“ก็ตอนนั้นเธอชิ่งย้ายบ้านหนีเสียก่อนนี่ ฉันอุตส่าห์รอแก้แค้นอยู่ที่นี่มาตลอดนะ จะบอกให้”
ว่านรักที่พยายามสะบัดแขนกลับนิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น บางอย่างทำให้เธอแปลกใจ ตาใสจ้องไปที่แววตาของคนกวนประสาททันที มันหมายความว่ายังไง รอแก้แค้น? เขารอเธอมาตลอดอย่างนั้นเหรอ
“ฟังดี ๆนะ ฉันบอกว่าจะแก้แค้น ไม่ได้บอกว่าจะจีบเธอเสียหน่อย ทำเป็นตกใจไปได้” ปฐพีปล่อยมือทันที หน้าตายียวนตอนแรกกลับกลายเป็นบึ้งตึง ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปยังบ้านพักของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อพ้นรัศมีสายตาของหญิงสาว เขาก็อมยิ้มอยู่อย่างนั้น เพราะคิดว่าคนฟังคงอ้าปากค้างกระทืบเท้าจนพื้นดินจะถล่มแล้วกระมัง ตอนเด็กเขาคิดแก้แค้นจริง แต่ตอนนี้โตแล้ว แก้แค้นแบบเด็ก ๆ คงไม่ไหว ทำแบบผู้ใหญ่เขาทำกันดีกว่ามั้ง เขายอมรับว่าตอนนี้เธอสวยและมีเสน่ห์มากพอควร แต่นิสัยประหลาด ๆ จะยังคงอยู่หรือเปล่า นิสัยหัวโจกแก๊งเด็กอันธพาลยังเป็นอยู่หรือเปล่านะ คิดได้อย่างนี้ หมอหนุ่มก็หัวเราะคนเดียว
ว่านรักเดินขึ้นไปที่ทำงานตัวเองด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ เพราะอยู่มาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีคดีที่ทำให้เธอตื่นเต้นได้เลย วัน ๆ มีแต่เรื่องจับโจรขโมยเล็กขโมยน้อย มีคดีแก๊งซิ่งบ้างตามประสาเมืองที่กำลังจะเจริญ น่าแปลกจริงเชียว แต่เธอก็ควรจะมีความสุขมากกว่าที่ไม่มีคนชั่วให้ปราบปราม สังคมจะได้ดีขึ้น แต่ว่านรักก็ยังคาใจกับประโยคแรกที่ผู้กำกับฯพนาพูด เหมือนกับว่า ส่วนกลางส่งเธอมาเพื่อทำงานอะไรบางอย่าง เพียงแต่ผู้กำกับฯไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง เสียงวิทยุสื่อสารดังเข้ามาเป็นระยะ แต่ไม่มีเรื่องให้เธอสนใจเลยสักนิด จนถึงตอนที่มีรายงานว่า พบศพชายวัยกลางคนนอนอยู่ในท้องร่องสวนของชาวบ้าน ว่านรักรีบเก็บของจะวิ่งลงจากโรงพัก พอดีจ่าสุภัทรวิ่งเข้ามาดักเธอไว้เสียก่อน
“สารวัตรจะไปไหนครับ”
“ก็เห็นวิทยุแจ้งมาว่าพบศพนี่ พอดีเลยจ่า พาไปหน่อยสิ”
“ผมก็กำลังจะมาหาท่านนี่แหละครับ ร้อยเวรออกไปก่อนแล้ว เราต้องไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องไปรับหมอด้วย”
“ก็ที่นี่มันต่างจังหวัด รถโรงพยาบาลก็เอาไว้ใช้เรื่องที่สำคัญกว่าไงครับ งบประมาณมันน้อย”
ว่านรักถอนหายใจยาว จ่าสุภัทรขับรถเข้าไปที่หน้าโรงพยาบาล หมอปฐพียืนรออยู่แล้ว เขาก้าวขึ้นรถก็เจอสารวัตรสาวนั่งทำหน้ายุ่งข้างคนขับ จึงส่งยิ้มให้ ว่านรักไม่ได้ยิ้มตอบ เธอเบ้ปากแทน หมอปฐพีจึงได้แต่อมยิ้มแก้เก้อ
“โรงพยาบาลนี้ไม่มีหมอคนอื่นหรือไงจ่า” จ่าสุภัทรเลิกคิ้วสูง แปลกใจกับคำถามของนาย
“ที่นี่ต่างจังหวัดนะครับ มีผมคนเดียวนี่แหละ ทำทุกอย่าง”
“แน่ใจเหรอว่าจะตรวจได้” คำสบประมาททำให้หมอปฐพียิ้มกว้าง นี่เขาใจเย็นสุด ๆ แล้วนะกับผู้หญิงคนนี้
“ผมทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ชำนาญเท่าหมอพรทิพย์ แต่ก็พอหยวน ๆ นะคุณตำรวจ”
จ่าสุภัทรกระแอมขึ้นมาเป็นระยะ รู้สึกเหมือนคอแห้งเอาเสียดื้อ ๆ ไม่คิดว่าสองคนนี้จะตั้งแง่พิฆาตกันด้วยคำพูดอย่างนั้น
จนถึงสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสวนมะม่วง ศพผู้ตายตกลงไปในท้องร่องที่เจ้าของสวนขุดไว้เพื่อจะทำเป็นร่องน้ำ แต่ยังไม่เสร็จดี จึงไม่มีน้ำ มีเพียงโคลนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ตายเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ สภาพศพเบื้องต้นที่พบคือ มือมีอาการเกร็ง ดวงตาเบิกโพลง พบเลือดเปรอะอยู่ที่เสื้อเต็มไปหมด บนหน้าอกมีร่องรอยของมีดปลายแหลมแทงลึก น่าแปลก...ฆาตกรกลับทิ้งมีดซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญไว้ข้างศพเสียอย่างนั้น แถมบนหน้าอกบาดแผลยังมีดอกไม้เล็กๆ ดอกหนึ่งวางอยู่ ว่านรักมองภาพศพตรงหน้าแววตาครุ่นคิด ริมฝีปากเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง
“คุณหมอว่ายังไงครับ” จ่าสุภัทรหันไปถามนิติเวชหนุ่มที่นั่งตรวจรอยแผลบนหน้าอกของศพด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เขาตายแล้ว”
คำตอบนั่นทำให้ว่านรักถอนหายใจ ไม่พูดประโยคนั้นเสียก็ได้...ใคร ๆ ก็รู้ นอนตาเหลือกแน่นิ่งไม่ติงไหวอย่างนั้นน่ะ
“ผม...ว่า...เราพูดกันที่อื่นดีกว่านะครับ ที่นี่คนเยอะไปหน่อย แล้วอีกอย่าง มันต้องมีการชันสูตรแบบละเอียดกันอีกรอบ”
“หมายความว่า อาวุธคงไม่ใช่แค่มีดนั่นใช่ไหมคะ” ว่านรักถามสีหน้าตื่นเต้น
หมอหนุ่มมองสาวประหลาดข้างๆ ผู้หญิงอะไร ไม่ได้มีความตื่นเต้นหวาดกลัวกับศพเลยสักนิด กลับมาทำหน้าตาตื่นเต้นเมื่อได้ยินเบาะแสอะไรจากเขาอีก
“ครับ แล้วคงไม่ใช่ดอกจันทน์กะพ้อนั่นแน่ ๆ ปากมีสีเขียวอมม่วง ไม่แน่ว่าจะถูกพิษหรือสารอะไรเข้าไปด้วยหรือเปล่า” หมอปฐพีเอ่ยติดตลกเมื่อเห็นสีหน้าของว่านรักเคร่งเครียด แต่คนฟังไม่ได้หัวเราะด้วย เธอกลับมองดอกจันทน์กะพ้อด้วยสายตาแปลกใจ...เหมือนฆาตกรโรคจิต!!
หมอปฐพีนั่งอยู่ในห้องชันสูตร เขามองศพตรงหน้านิ่ง ดอกจันทน์กะพ้อที่อยู่ในมือเหมือนปริศนาสำคัญ เขาเคยเห็นดอกไม้นี้อยู่บนศพเป็นครั้งที่สองแล้ว...นี่ไม่ใช่ศพแรก เพียงแต่ว่าศพนั้นไม่มีใครสังเกตเท่านั้นเองว่าผู้ตายไม่ได้มีท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ว่านรักเปิดประตูเข้ามา เธอรอคำตอบของหมอปฐพีตั้งแต่กลับมา แต่เขาก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย แถมยังทำหน้าเฉย กวนประสาทอยู่อย่างนั้น
“นี่ตกลงว่ายังไง”
หมอหนุ่มยิ้มพลางลุกขึ้นเดินไปที่ศพผู้ตาย แต่ก็ไม่วายเหลือบตามองตำรวจหญิงตรงหน้า
“พูดจาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน คำว่า คะ ขา ไม่เคยติดปากเหมือนผู้หญิงคนอื่นมั่งหรือไงคุณสารวัตรครับ” ปากหมอปฐพีเหน็บอีกฝ่าย แต่สายตายังจ้องอยู่ที่ศพ ว่านรักเบ้ปาก
“เลือกคนพูดเหมือนกันแหละ” เธอแสร้งว่า หมอปฐพีหัวเราะ
“งั้นก็ควรพูดหวาน ๆ กับผมมั่ง เพราะผมเป็นคนชันสูตรศพนี้ให้คุณนะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะคุณหมอ”
“เกี่ยวสิครับ ผมไม่ได้เป็นลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณนะครับ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพัก ยังไงก็ควรให้เกียรติกันบ้าง” เพราะหมอหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ทำให้ดูอารมณ์เขาไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
ว่านรักทำหน้าเหวอ เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่โต น่าเบื่อจริง ๆ เลยเชียว เธอเกาหัวที่เริ่มยุ่งทันที อาการนั้นทำให้ชายหนุ่มอมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็เหมือนเดิม ไม่เคยมีจริตกับเขาสักนิด
“ทราบหรือยังครับว่าเขาเป็นใคร” เขาตั้งคำถามบ้าง หลังจากกวนประสาทเธอจนพออกพอใจแล้ว
“ชื่อนายผาด เป็นชาวบ้านแถวนั้น แต่เขาเป็นขี้เมา ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ญาติมิตรก็ไม่มี ก่อนตายไปซื้อเหล้าขาวมาขวดหนึ่ง บอกว่าจะไปนั่งคุยกับเพื่อนที่ศาลาริมถนน”
“งั้นคนที่น่าสงสัยก็คือเพื่อนที่ว่า เพราะในตัวคนตายพบสารหนูอยู่ด้วย เขาตายเพราะสารหนู ด้านหลังมีรอยเขียวช้ำเป็นทางยาว” หมอปฐพีว่าพลางพลิกร่างไร้วิญญาณให้ตำรวจดู ร่องรอยมีลักษณะเขียวช้ำเป็นทางยาว “เหมือนถูกลากไปตามถนนแล้วค่อยใช้มีดปลายแหลมแทงที่หน้าอกของคนตาย เขาตั้งใจแทงที่หน้าอกข้างซ้ายตรงกับหัวใจพอดิบพอดี คนฆ่าตั้งใจมากที่จะทำอย่างนั้นแล้วค่อยวางดอกไม้นี่ตรงหน้าอก” หมอหนุ่มสาธิตให้ดูถึงขั้นตอนต่าง ๆ ทำให้ว่านรักขมวดคิ้วแปลกใจในเรื่องอารมณ์ของคนฆ่า
“เขาแค้นอะไรนักหนา...แล้วเกี่ยวอะไรกับดอกไม้นี่” หญิงสาวว่า แววตาครุ่นคิด
“ดอกจันทน์กะพ้อ” หมอหนุ่มอธิบายเพราะเห็นว่าเธอคงไม่รู้จัก “ดอกไม้ชนิดนี้ บางมหาวิทยาลัยใช้เป็นสัญลักษณ์ของคณะนิติศาสตร์ แต่ถ้าเป็นความหมายแบบลึกซึ้ง จะเกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวครับ”
“อื้อฮือ คุณหมอเรียนเรื่องดอกไม้ด้วยหรือคะ”
หมอปฐพีรู้ว่ามันเป็นคำประชดมากกว่าจะยกยอเขาจริง ๆ แต่คงเสียเวลาเปล่าที่จะโต้ตอบเธอ
“ผมไปค้นข้อมูลดู เพราะดอกไม้นี้หล่นไกลต้นสองครั้งแล้ว”
“สองครั้ง?”
หมอปฐพีเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวแล้วออกมาพร้อมกับแฟ้มใหญ่ยื่นให้หญิงสาวดู ว่านรักเปิดดูด้วยสายตาแปลกใจ
“ผลชันสูตรของสารวัตรนิติ สารวัตรสืบสวนคนก่อน ดอกจันทน์กะพ้ออยู่ในมือเขา ผลชันสูตรพบว่าหัวใจล้มเหลวกะทันหัน เพราะเขาเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ทุกคนเลยไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่าดอกจันทน์กะพ้อมันก็อยู่หน้าบ้านเขาพอดี อาจจะเด็ดมาดมก็ได้”
“แล้วทำไมคุณถึงได้สนใจล่ะ ในเมื่อมันไม่มีอะไรน่าสงสัย” จบคำถามของสารวัตรหญิง หมอหนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา
“เรียกดินเหมือนที่เคยเรียกก็ได้นะ”
ว่านรักเบ้ปาก เธอช่างถนัดแสดงสีหน้าแบบนั้นเสียจริง หมอปฐพีบ่นในใจ รู้อยู่หรอกว่าไม่ค่อยชอบหน้าเขา แต่ทำบ่อย ๆ ก็ทำให้เซ็งเหมือนกันนะ
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเสียหน่อย ก็แค่เพื่อนสมัยเด็ก อ้อ แทบไม่เรียกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ เราเจอกันแค่เทอมเดียวเองนะ”
หมอปฐพีหัวเราะ “โอเค ช่างมันเหอะ ผมคิดว่า ถ้าหากคนตายมีอาการโรคหัวใจกำเริบ เขาจะต้องกำดอกไม้ในมือแน่น และดอกไม้ต้องช้ำหรือไม่กลีบก็ต้องร่วงบ้างละ แต่ว่านี่สภาพดีเกินไปว่าไหม เหมือนถูกเก็บมาใส่ไว้ในมือตอนที่ตายแล้ว”
ว่านรักมองภาพถ่ายดอกไม้อีกครั้ง
“อ๊า ใช่ๆ คุณนี่เก่งใช่ย่อย” เธอเริ่มเห็นด้วย สีหน้าตื่นเต้น หมอปฐพีอมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรคิดอะไรก็แสดงออกมาตรง ๆ ดีจริงเลย
“เพราะผมไม่ค่อยใช้กำลัง ใช้สมองมาก ๆ ลองทำบ้างสิ คุณสารวัตร”
ว่านรักหุบปากลงฉับพลัน ปล่อยช่องว่างไม่ได้เลยเชียวนะ
“ไอ้หมอโรคจิต” ว่านรักบ่นพึมพำ ปฐพีจึงหันมามอง
“ว่าอะไรนะ”
“อ๋อ เปล่า ว่าคุณหมอนี่เก่งจัง แล้วยังไง คิดว่าสองคดีนี่น่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ...ตอนแรกผมส่งข้อสังเกตนี่ให้ผู้กำกับฯ ท่านบอกว่าจะลองส่งเรื่องต่อไปให้อีกที ทางโน้นเขาก็บอกว่าจะส่งนายตำรวจใหม่มาช่วยสืบเรื่อง แต่ไม่คิดว่าจะส่งคุณมา”
ว่านรักทำหน้าบึ้ง ส่งเธอมาแล้วมันผิดตรงไหน
“ก็ทำถูกแล้วนี่ ส่งฉันมา”
“งั้นเหรอ ผมว่าผู้กำกับฯพนาเองก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ”
“คิดอะไร”
“อืม เปล่า ไม่มีอะไร” ปฐพีตั้งใจกั๊กเอาไว้ ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่มีอะไร แค่อยากกวนประสาทว่านรักเท่านั้นเอง เวลาเห็นหน้าโมโหโกรธาของเธอแล้วรู้สึกดีพิกล เหมือนกับได้แก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ
“พูดอย่างนี้มันหาเรื่องนะคุณหมอ”
“ผมไปดีกว่า ไปใช้สมองต่อ” ว่าแล้วหมอปฐพีก็เดินออกจากห้อง ว่านรักกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโมโห นายนี่ตามรังควานเธอตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว จนโตยังมาหาเรื่องกันอีก สงสัยลูกเมียก็คงไม่มี ก็เพราะปากอย่างนี้
ว่านรักหันไปมองศพคนตายอีกครั้ง...คดีดอกจันทน์กะพ้อ เธอตั้งชื่อนี้ได้ไหมนะ...กลิ่นหอมอ่อน ๆที่เริ่มจางหายนั้นทำให้ใครหลายคนได้แต่เสียดาย ความตายของคนก็เหมือนกลิ่นหอมอันเย้ายวนสำหรับฆาตกรอย่างนั้นหรือเปล่า
หญิงสาวขมวดคิ้วมองคนตายอีกครั้ง ร่างสูงโปร่ง แต่เมื่อสลบคงจะมีน้ำหนักตัวมากโข ฆาตกรไม่สามารถแบกร่างนี้ได้ จึงลากร่างไร้วิญญาณไปตามพื้นหญ้าข้างทาง ฆาตกรอาจจะเป็นใครสักคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะแบกคนตายได้ แถมยังวางยาเสียก่อนที่จะแทงด้วยมีด หรือว่าอาจจะเป็นผู้หญิง? ที่ไม่สามารถฆ่าผู้ชายได้โดยตรงจนต้องวางยาผู้ตายเสียก่อน แต่มันจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีของสารวัตรนิติ ว่านรักถอนหายใจอีกครั้ง ท่าทางว่าเธอจะเจองานหินเข้าแล้วกระมัง
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2554, 16:47:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2554, 16:49:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 1982
<< ตอนที่ ๑ : ว่านรัก | ตอนที่ ๓ ผีนางจันทน์...(อัพตอนสุดท้ายแล้วค่ะ หนังสือออกแล้ว^^) >> |
บุลินทร 28 พ.ค. 2554, 17:29:51 น.
สีเหลืองหรือเปล่านะ รอเฉลยๆ
สีเหลืองหรือเปล่านะ รอเฉลยๆ
ณิชนิตา 29 พ.ค. 2554, 09:19:59 น.
หมี่เต็มที่เลย หน้าม้าสุดหล่อ...ขอบคุณสำหรับคำถาม..เอ๊ย..ความเห็น..มะมีใครทายกะเขาเลยเหรอเนี่ย Y_Y
หมี่เต็มที่เลย หน้าม้าสุดหล่อ...ขอบคุณสำหรับคำถาม..เอ๊ย..ความเห็น..มะมีใครทายกะเขาเลยเหรอเนี่ย Y_Y
ปูสีน้ำเงิน 29 พ.ค. 2554, 12:06:46 น.
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เพราะฉะนั้นอัพด่วน
แบบว่าอยากรู้เรื่องตอนต่อไปแล้ว
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เพราะฉะนั้นอัพด่วน
แบบว่าอยากรู้เรื่องตอนต่อไปแล้ว
pokkob 18 มิ.ย. 2554, 12:18:23 น.
รอลุ้นค่ะ
รอลุ้นค่ะ
แมวเหมียวก้อย 21 มิ.ย. 2554, 21:49:29 น.
ลับฝีปากกันใหญ่เลย สารวัตรกับหมอดิน
ลับฝีปากกันใหญ่เลย สารวัตรกับหมอดิน