อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2. ตกบันไดพลอยโจน

2.

“ก็ตอนนั้นผมคุยกับคุณเพลิน คุณก็รู้”

“แต่กระเป๋าเจ้ากรรมนั่น ผมไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แล้วคุณถือขึ้นมาจริง ๆ หรือเปล่า ผมก็ไม่ได้สังเกต” เขาพูดอย่างที่เขาเป็นจริง ๆ ทำไมเขาไม่สังเกตนะ ทำไมเขามองแค่เสื้อผ้ากับหน้าผมเท่านั้น มันต้องมีอะไรเคลือบแคลง

“เงินเท่าไหร่อยู่ในนั้น” อินทราถามขึ้นมาอย่างข้องใจ

“ล้านหนึ่ง เงินสดหนึ่งล้านบาท” นายพหลตอบเสียงเครียดพลางตวัดสายตาเหยียด ๆไปหาคนต้นเรื่อง ประดิพัทธ์หน้าจ๋อยสนิท

ก็เพราะว่า นายพหลบอกแล้วงานนี้มันเสี่ยง เกิดเจอพวกแท็กซี่ไม่มีคุณธรรมมันก็จะต้องตามเงินกลับมาให้วุ่นวาย แต่เขาก็ยังให้เหตุผลว่า เรามีกล้องตาม เรามีหลักฐาน และอีกอย่างเราคงไม่ปล่อยให้มันคลาดสายตาไปได้

“เอาอย่างงี้ละกัน รถคันที่นายขับอยู่ราคาเท่าไหร่นะ เพิ่งถอยออกมาไม่ใช่หรือ”

“แต่มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายในเวลานี้ของผมนะครับ”

“เอากุญแจมา แล้วไปเคลียร์กันเอาเอง ได้เงินมาคืนเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

พูดจบนายพหล คนระดับผู้บริหาร ต้องมีงานล้นมืออยู่แล้ว แบมือไปตรงหน้า

อินทราหันมามองหน้าได้รูปของโชคชัย หญิงสาวไม่คิดว่ามันจะจบง่าย ๆ เช่นนี้ ก็เขาทั้งคู่ คนในวงการรู้ดีว่า คนที่ชุบเลี้ยงปั้นและป้อนงานให้ตลอดมานั้น ก็คือนายพหล แล้วจู่ ๆ นายทำไมถึงได้ใจร้ายกับลูกน้องคนนี้ได้

“ช่วงนี้นายพักงานครีเอทีฟรายการไปก่อนนะ”

คนฟังยิ่งหน้าเสียขึ้นไปใหญ่

“แต่ผม มีภาระเยอะนะครับ ไหนจะต้องผ่อนบ้านอีกทุก ๆ เดือน ไหนจะเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวผมที่แม่เขาเอาไปเลี้ยงที่เมืองนอกอีก ไหนจะ”

“มันเรื่องของนาย”

โชคชัยและอินทรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกที่มานั่งดูละครหรืออะไรกันแน่

“มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย” ประดิพัทธ์ยังโอดครวญ

“แล้วใครใช้ให้นายเอาเงินสดตั้งล้านออกไปทำทุเรศแบบนั้น บอกตามตรงนะว่า นายมั่นใจหรือว่า มีเงินอยู่ในกระเป๋าใบนั้นจริง ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่านายไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นเพื่อเอาเงินฉันไปใช้หนี้พนันฟุตบอล”

คนต้นเหตุ โคลงศีรษะ

“หาวิธีเอาเงินในกระเป๋าใบนั้นมาคืนละกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นเลขที่เราได้ถ่ายเอกสารไว้หรอก อ้อ คุณทั้งสองคน โดยเฉพาะเธอ เป็นนักข่าวของค่ายไหน”

อินทรานั่งนิ่ง ไม่จำเป็นที่เธอต้องตอบคำถามนั้น

“ฉันถามเธอได้ยินไหม”

“ปาปารัชซี่ ขายข่าวให้ที่ไหนก็ได้ค่ะ” ใบหน้าคนตอบยังยิ้มอย่างมิได้สะทกสะท้าน

“ถ้าไม่มีต้นสังกัด ฉันก็ไม่รู้จะกลัวไปทำไม”

“บันเทิงเริงรมย์” อินทราจำต้องบอกออกไป

“ถ้าฉันต้องการปิดข่าวนี้ เธอคิดเท่าไหร่”

โชคชัยจ้องหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาในชั่วไม่ถึงหนึ่งวันนี้ ละครฉากนี้ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาพัวพัน แล้วเขาก็ได้เห็นปัญญาของเจ้าหล่อน

“คุณให้ฉันเท่าไหร่”

นายพหล จ้องหน้าขบฟันจนกรามนูนเป็นสัน แล้วก็ตวัดสายตาไปหาคนต้นเหตุที่จะทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง หรือได้ชื่อในแง่ขบขัน

นายประดิพัทธ์เมินสายตาหลบในทันทีเช่นกัน
เมื่อถอนหายใจแล้ว นายพหลก็ดึงสมุดเช็คออกมา โยนลงบนโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด

“ใบนี้เฉพาะฉันเท่านั้นนะคะ”

โชคชัยหันไปมอง มีคำถามบนใบหน้า แต่หญิงสาวก็หาได้สนใจกับตัวปรัศนีย์บนใบหน้านั่นไม่

คนฟังจ้องหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง

“สำหรับผมไม่ต้องก็ได้ครับ คุณต้องการให้จบแบบไหน”

“เกิดมีใครมาคุ้ย มันต้องมีพวกจมูกมดมาคุ้ยแน่ ๆ ก็พวกเขาต้องมีคำถาม ที่ว่า จู่ ๆ นายประดิพัทธ์ ผู้มีรถเบ็นซ์ขับ คนที่ทำงานในบริษัทใหญ่โตอย่างแมส มอร์นิ่ง หอบเงินล้านขึ้นแท็กซี่ไปทำไม คุณก็บอกว่า คืนให้แล้วจำนวนเงินก็ไม่รู้ไม่เห็นเพราะว่าอยู่ในกระเป๋าใบเล็ก มีแต่เอกสารเท่านั้น เป็นพวกบทละครบ้าบอเรื่องใหม่ของเขา”

“แล้วให้ทำข่าวทำนองที่ว่ามีแท็กซี่ดีมีคุณธรรมตามด้วยหรือเปล่า” อินทราแทรกขึ้นมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาควรจะได้คืนไปบ้าง

“ฉันก็อยากให้ข่าวออกมาเป็นแบบนั้น แต่ฉันไม่มั่นใจเรื่องเงินหนึ่งล้านบาทนี่ซิ มันต้องเล็ดลอดออกไปแน่ ๆ เธอจะบอกกับสื่ออย่างไร”

“ก็คุณประดิพัทธ์ไม่ได้แจ้งทางรายการนี่คะว่าเงินเท่าไหร่ แค่บอกว่า ลืมกระเป๋าเอกสารซึ่งมีเอกสารสำคัญและเงินสดจำนวนหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราพูดตรงกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนข่าวซุบซิบต้องการให้เล็กหรือให้ใหญ่ ฉันก็พอช่วยประสานพี่ในวงการให้ได้”

เมื่อได้ฟังคำตอบคำโอ่ของคนพูด สีหน้าของนายพหลดีขึ้น

“มาทำงานกับฉันไหม”

“ตำแหน่งอะไร”

“ฝ่ายประชาสัมพันธ์”

อินทราหัวเราะ

“หนูยังเรียนไม่จบค่ะ ขอเวลาสักปีแล้วกันค่ะ”

“โอเค หนึ่งหมื่นสำหรับการช่วยแก้ปัญหาในครั้งนี้” ว่าพลางเขาก็ก้มหน้าเซ็นเช็ค อินทราพยายามปรับสีหน้าไม่ให้ดีใจกับลาภลอยในครั้งนี้ หญิงสาวครุ่นคิดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดีนะ ทาสีห้องนอนใหม่ หรือจะซ่อมห้องน้ำ หรือจะเปลี่ยนโทรทัศน์ หรือจะซื้อโทรศัพท์แบบมีกล้องรุ่นใหม่ ๆ

เมื่อนายพหล ดึงเช็คส่งให้ อินทรา ยื่นไปรับแล้วดึงมันใส่กระเป๋าถืออย่างพยายามระงับมือไม่ให้สั่นให้ใคร ๆ เห็นเด็ดขาด

โชคชัยเหลือบตาดู แล้วก็ยิ้มที่มุมปากกับความฉลาดของเด็กคนนี้

เมื่อทั้งสองคนถูกสั่งมาว่า ให้ออกมารอข้างนอก โชคชัย จึงนั่งด้วยท่าทีสบาย ๆ มองแม่พนักงานต้อนรับที่นั่งอยู่ในเคาน์เตอร์ซึ่งมีสายตาชมดชม้อยให้กับเขา ส่วนอินทรานั้นเธอเปิดสมุดบันทึกแล้วเขียนข้อความบางอย่าง คล้ายกับว่าต้องใช้ความคิดเพื่อให้งานตัวเองนั้นเป็นไปตามที่นายเงินต้องการ

“ถ้าจะต้องมีรูปคุณถ่ายคู่กับคุณประดิพัทธ์สักรูปแล้วล่ะ เอาไปยืนยันกับเจ๊”

“ผมไม่อยากดังนะครับ”

“แต่เมื่อทำดีแล้วก็ควรมีภาพเก็บไว้ไม่ใช่หรือ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ ผมว่า ผมกำลังลวงโลกด้วยซ้ำ”

“ก็เจ้าของเงินเขาต้องการอย่างนั้นคุณก็ได้ยิน” อินทราทำทีท่าสบาย ๆ เมื่ออธิบาย ยิ่งเป็นอย่างนี้ โชคชัยก็ยิ่งนึกขวาง ๆ อยู่ในใจกับท่าทีที่เนียนเก็บความรู้สึกและต้อนคู่กรณีให้จนมุมอย่างยิ่งของสาวคนนี้

มันเป็นอย่างไรนะวงการนี้ ข่าวกับความจริง แล้วความจริงที่เป็นข่าวในปัจจุบันนี้ มันเท็จหรือจริงอย่างไร อยากจะนึกถามก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้ สู้ไม่รู้อะไรในวงการเสียก็ดี เพราะที่ผ่านมาถึงเขาไม่รู้อะไรที่เมืองไทยนัก เขาก็มีความสุขเสมอมา

--------------------------------------------------
ในสายตาของโชคชัย ประดิพัทธ์เดินออกมาจากห้องเจ้านายด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง คงถูกตำหนิอีกไม่ใช่น้อย ๆ เช่นกัน

“ผมจะทำอย่างไรดี นายผมบอกว่า ต้องเอาเงินมาคืนเท่านั้น รถของผมราคาล้านกว่าบาทจึงจะสามารถเอาออกไปขับได้ แล้วถ้าไม่มีรถ ผมจะออกไปทำงานได้อย่างไร ผมต้องออกกองถ่ายนะ เฮ้อ! เครียด” คนพูดนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ข้าง ๆ อินทรา

หญิงสาวทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนด้วย

โชคชัยคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่านายประดิพัทธ์ลืมกระเป๋าไว้บนรถเขาจริง ๆ ไม่น่าเป็นการอำอย่างที่เขานึกไว้ในทีแรก เขาพยายามมองหากล้องโทรทัศน์ รายการแปลก ๆ หักหลังหักมุมอะไรทำนองนี้ ที่เขาเคยดู เขาไม่อยากเป็นตัวละครจำเป็นให้กับรายการไหน และเขาจะมีภาพออกอากาศไปไม่ได้เช่นกัน?

“โอเคพร้อมแล้วฉันขอถ่ายรูปคุณทั้งสองคนหน่อยนะ” อินทราพยายามทำงานของตัวเอง หญิงสาวดึงกล้องดิจิตอลตัวจิ๋วออกมาจากกระเป๋าแล้วเตรียมตั้งท่าขอความร่วมมือ

โชคชัยลุกขึ้นยืน พร้อมกับรวบกล้องตัวเล็กไว้ในมือ

“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ให้ความร่วมมือกับเรื่องนี้”

“แต่” อินทราพยายามจะอธิบาย

“ป่านนี้ นักข่าวรู้กันทั้งเมืองแล้ว คุณประดิพัทธ์โทรไปที่รายการวิทยุเรื่องกระเป๋า แน่นอนว่าเขาอยากรู้กันต่อว่า ได้คืนหรือไม่”

“มีแท็กซี่ต้นเหตุโทรกลับไปในรายการ แล้วบอกว่าจะพากันมาที่นี่ก็น่าจะพอแล้ว” โชคชัยรีบบอก

“ผมโทรกลับไปบอกทางรายการแล้วว่าเราได้กระเป๋าเงินคืนแล้ว แต่ทางแท็กซี่ไม่อยากเปิดเผยตัวหรืออะไรทั้งนั้น”

อินทราไม่ได้สนใจกับเรื่องที่ประดิพัทธ์พูด แต่เธอนั้น

“อ๊ะ อ๊ะ คุณโชคชัย อ้อ ฉันนึกออกแล้ว ตอนที่เขาเรียกเขาบอกว่าคนขับชื่อ อินตา แต่ในใบขับขี่คือโชคชัย คุณอีกคน มีอะไรซ่อนเร้นรีบบอกมา”

“จะหาเงินค่าอะไรอีก” โชคชัยย้อนถาม

“ไม่ได้หาค่าอะไรก็แค่สงสัย”

“รถลุงผม ผมเป็นคนขับแทนชั่วคราว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหมายเลขกับรูป”

“แต่นั่นเป็นรูปคุณ แต่ชื่อไม่ตรง หมายความว่าอย่างไร”

โชคชัยจำนนกับความฉลาดของหญิงสาว เพื่อไม่ให้ลูกค้าสงสัยเขาจึงถ่ายรูปแล้วพริ้นท์ไปแปะทับรูปเดิมของลุงอินตา

“เฮ้ย! หยุดกันซักที” ประดิพัทธ์โวยวายขึ้นมา

“คนกลุ้มนะโว้ย คุณโชคชัย หรือคุณอินตาอะไรนี่ คุณคิดไม่ออกเลยหรือไงว่าใครขึ้นรถต่อจากผม มีใครขึ้นรถต่อจากผมบ้าง คิดหน่อยซิ”

“มี เป็นผู้หญิง ขึ้นที่หน้าห้างแถวบางกะปิ”

“แล้วไปลงที่ไหน”

“แถวซอยมหาดไทย”

โชคชัยนึกลำดับเหตุการณ์ ถ้าเป็นเรื่องจริง ๆ ถ้าเขาช่วยให้ทุกข์ของพ่อดาราที่เขาไม่ค่อยคุ้นหน้าคนนี้เบาลงได้บ้าง เขาก็อยากจะช่วย

“เธอขึ้นมาพร้อมกับถุงสัมภาระมากมาย เธอสวยมาก ๆ ผมยาวมัดรวบสูง ใบหน้าขาว” นึกแล้วเขาก็ขำ เขาจำเธอได้ติดตาเชียวล่ะ ผู้หญิงแบบที่ถือว่ามีเสน่ห์ จริง ๆ เขาอยากชวนเธอคุยเสียมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เขาไม่กล้า เพราะเธอเองเมื่อบอกจุดหมายแล้ว ก็ทำท่าเนือย ๆ เหมือนจะหลับ เหมือนคนที่มีเรื่องคิดมากอยู่ในใจ จนกระทั่งรถถึงที่หมาย บริเวณย่านที่เต็มไปด้วยตึกแมนชั่น อพาร์ทเม้นท์ คอนโดกลางซอย

เธอลงไปพร้อมกับหัวใจของเขา

“ถ้าเธอถือติดมือไป ป่านฉะนี้” ประดิพัทธ์ใช้มือลูบหน้าตัวเอง

อินทรายังข้องใจเรื่องยังไม่ได้รูปถ่ายไว้เป็นหลักฐาน นายของเธอก็คงไม่เชื่อหรอกว่าเธอออกมาตามข่าวนี้ ข่าวต้องมีภาพถึงจะสมบูรณ์ หญิงสาวเริ่มครุ่นคิด แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า ทุกข์ของนายประดิพัทธ์ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน

“เอากล้องฉันคืนมา” หญิงสาวทำท่าจะแย้ง พอดีกับที่โชคชัยเบี่ยงหลบแล้วกล้องเจ้ากรรมตัวนั้นก็หลุดมือร่วงลงกับพื้นเสียงกระทบกับของแข็งดังไปถึงหัวใจของคนเป็นเจ้าของ

“ตายแล้ว! กล้องราคาหมื่นตัวแรกในชีวิตของฉัน” อินทราหัวเสียทันที

“ดีสม” ประดิพัทธ์ว่าให้ ในขณะที่คนทำสำนึกผิด หญิงสาวใช้กำปั้นทุบหน้าอก คนต้นเรื่องไปหลายที

“นายทำอย่างนี้ได้อย่างไร นายแกล้งฉันใช่ไหม รู้ไหมว่ามันมีค่าสำหรับฉันแค่ไหน กล้องตัวนี้”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ” โชคชัยยืนนิ่ง หญิงสาวก้มลงไปเก็บซากกล้องที่เห็นมอนิเตอร์แตกร้าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า

โชคชัยเห็นหลังมือป้ายน้ำตาออกจากแก้ม ก็รู้สึกว่าใจของตนอ่อนยวบลงมา

วันนี้มันเป็นวันอะไรของเขาหนอ ทำไมถึงได้มีแต่เรื่องวุ่น ๆ แบบนี้


ขณะที่เห็นคนทั้งสองดูตึงเครียด ประดิพัทธ์นั่งนิ่ง ๆ ใช้ความคิด เจ้านายตั้งข้อสงสัยไว้สามอย่าง

หนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้เอากระเป๋าไปซ่อนไว้ แล้วจ้างให้หญิงสาวมาเป็นพยาน

สอง คือตัวเขาเองเล่นไม่ซื่อ ซึ่งข้อนี้เขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่

และสาม มีผู้โดยสารคนถัดมาขึ้นมาแล้วหยิบมันลงไป เขาพลาดไปได้อย่างไร รถกล้องวิ่งไล่ตาม เพียงคลาดสายตานิดเดียว เขาก็รีบโทรเข้าไปในรายการว่า ลืมกระเป๋าไว้บนรถ

ขณะที่กำลังคิดวิเคราะห์ เด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องกล้องก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมา

“พี่พัท พี่ เร็ว”น้ำเสียงนั้นร้อนรนกึ่งดีใจ

“อะไร”

เสียงตื่นเต้นของคนทั้งคู่ ทำให้ อีกคู่รีบหันกลับไปมอง

“พี่เอ๋ แกรีเวิร์สภาพดูแล้วว่าแถว ๆ หน้าห้าง The Mall มีผู้หญิงขึ้นต่อจากพี่ ผมยาว ๆ ครับ”

ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็เท่ากับมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเขาบริสุทธิ์ เขาไม่อยากให้เจ้านายคิดว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ มันเป็นอะไรที่เสื่อมเสียทุกสิ่งทุกอย่างในวงการไปเลยทีเดียว เพราะที่นี่คือที่ที่ทำให้เขามีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้ เรื่องยักยอกเงินทอง ถึงเขาจะติดการพนันฟุตบอล เสียเงินเสียทองมากมาย แต่มันก็เป็นเงินเก็บที่เขาเก็บหอมรอบริบตั้งแต่เข้าวงการ จวบจนถึงสิบปีก็เท่านั้น และปัจจุบันนี้ บทเรียนอันเจ็บปวดนั้นเขาก็ได้เรียนรู้ไปแล้วว่าผีการพนันเข้าสิงใครแล้วชีวิตมันจะเป็นเช่นใด

ข่าวภรรยาที่เป็นนางแบบของเขา ขอหย่าและหอบลูกกลับไปใช้ชีวิตในอเมริกานั้น ก็ทำให้เขาซวนเซในวงการไปแล้วหนึ่งครั้ง หากมีข่าวอีกครั้งในทำนองตั้งใจแหกตาประชาชน โดยการทำทีว่าลืมกระเป๋าไว้บนรถเพื่อเป็นข่าว ชีวิตในวงการที่ทำเงินให้เขา ในอนาคตจะเป็นอย่างไร


คนทั้งสามอยู่หน้ามอนิเตอร์รีเวิร์สดูภาพเฉพาะตอนที่มีหญิงสาวขึ้นมาบนรถด้วยของพะรุงพะรังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เอ๊ะ คุณประดิพัทธ์ แล้วกล้องตามคุณไปทำไม”

คำถามของอินทราเล่นเอาประดิพัทธ์หน้าถอดสีขึ้นมา

“ คะคะ คือ ประดิพัทธ์พยายามนึกหาคำแก้ตัว โชคชัยจ้องหน้าเขาเพื่อเอาคำตอบเหมือนกัน

“เอ้า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วผมพูดความจริงเสียก็ได้”

“ผมเป็นครีเอทีฟรายการ ‘สาละวนจริง’ พวกคุณคงเคยได้ดูกันบ้าง รูปแบบรายการของเรา ก็จะมีช่วงที่แกล้งคนทางบ้านบ้าง แล้วพอดีมีคดีเรื่องของ แท็กซี่ ลวงโลก คือ ไม่ได้เก็บเงินได้แต่บอกว่าเก็บเงินได้ แล้วโทรไปที่ ‘ร่วมด้วยช่วยกันเถิดนะ’ ”

“ฉันรู้แล้ว แล้วไง” อินทราไม่อยากฟังคำแก้ตัวมากไปกว่านี้

“กระเป๋าใบนั้น กับกล้องที่ตามไป ทางรายการของเรา ตั้งใจว่าจะลองใจแท็กซี่ในกรุงเทพฯ สักคันหนึ่ง ว่าจะมีคุณธรรมแค่ไหน คือเรา คือผมนี่แหละจะขึ้นไป แล้วทำเป็นลืมกระเป๋าไว้ ทีนี้ ก็จะมีรถกล้องอีกคันคอยวิ่งตามไปด้วย เบื้องต้น ถ้ารถแท็กซี่รู้ว่ามีกระเป๋า ที่ผมลืมไว้ จะต้องโทรแจ้งรายการใดรายหนึ่งหรือไม่ก็ไปแจ้งความ เพราะในกระเป๋ามีนามบัตรผมอยู่ด้วย คืออยากดูว่าเขาจะเอาเงินมาคืนไหมก็เท่านั้น”

“แล้วถ้าผมไม่คืน คุณจะมีวิธีอย่างไรต่อ”

“ผมก็จะ ในเบื้องต้น รถเราคงตามคุณไม่ให้คลาดสายตาไปได้ แต่เราไม่คิดว่าเราจะพลาด จนกระทั่งมีผู้หญิงขึ้นมา แล้วเราก็คลาดจากกันไป ในตอนนั้นผมรีบโทรไปยัง ‘รายการร่วมด้วยช่วยกันเถิดนะ’ แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน จนกระทั่งเป็นเสียงคุณอินทราที่โทรกลับไปทางรายการว่า ตอนนี้อยู่กับแท็กซี่แล้ว และคิดว่าจะไปหาเจ้าของกระเป๋าเองโดยไม่ผ่านทางรายการ เราก็ลุ้นว่า พวกคุณจะมีกระเป๋าใบนั้นกลับไปให้เรา”

ประดิพัทธ์อธิบายยืดยาว

ถึงแม้ว่าโชคชัยจะไม่พอใจกับวิธีการหากินของเขานัก แต่เมื่อเรื่องถึงขั้นนี้แล้ว เขาเอาความสนุกเป็นที่ตั้งเลยแล้วกัน

ชายหนุ่ม พยายามครุ่นคิดถึงสภาพตึกทั้งหมดบริเวณที่หญิงสาวลงจากรถ เขารู้ที่หมายแล้วว่าจะไปตามเธอตรงไหน แต่เธออยู่ตึกหลังไหน และป่านนี้เงินในกระเป๋านั้น ถ้าไม่ใช่ของเธอแล้วทำไมเธอถึงได้หยิบไป หรือเธอจงใจที่หยิบมันไป เพราะรู้ว่าต้องเป็นของลูกค้าคนอื่นแน่นอน กระเป๋าใบนั้นไม่ใช่ของคนขับรถแท็กซี่แน่นอน

ใจของเขาเต้นแรงเมื่อคิดถึงใบหน้าสวยงามกับความร้ายกาจในใจผู้หญิงคนนั้น แต่อีกใจก็ยังเข้าข้างว่าเธอคงร้อนเงิน ก็เงินอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้คนมีความสุขเป็นรูปธรรมที่สุด

เขาถอนหายใจออกมา

“ฉันภาวนาว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจหยิบไป” อินทราโพล่งออกมา

“เราจะไปตามหาเธอกัน คุณสองคนช่วยผมด้วยนะ” ใบหน้าของประดิพัทธ์มีความหวังขึ้นมา โชคชัยนิ่งเงียบ ใจจริงเขาพร้อมช่วย แต่เขาเป็นคนขับแท็กซี่ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายรายวันนี่สิ กะนี้ ห้าร้อยกว่าบาท เขาจะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย เขาต้องอ้างอย่างนั้น

“ผมต้องทำงานนะครับ ผมยังไม่ได้ค่ารถเลยวันนี้”

“ใช่ ฉันก็ต้องทำงานเหมือนกัน คุณก็เห็นแล้วนี่ ว่านายคุณมอบงานอะไรให้ฉัน” อินทราโวยวายเอาบ้าง

ประดิพัทธ์ถอยหายใจออกมา น้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตา

“ถ้าคุณไม่พาผมไป แล้วผมจะไปถูกไหมละครับคุณโชคชัย ส่วนเธออินทรา ได้เงินจากเจ้านายผมแล้วนี่ เชิญครับ เชิญกลับ”

เมื่อผิดคาด อินทราหน้าเสียในทันที ไม่มีทางหรอก วันนี้เธอพร้อมที่จะออกไปสนุกกับพ่อสองหนุ่มด้วย เพราะงานก็ไม่ต้องไปทำอีกแล้ว แถมมีเช็คอยู่ในมืออีกใบ มีเงินกินใช้ไปเป็นเดือน เรื่องอะไรที่เธอจะถอยหนี ไปกับพวกเขา อย่างแรกไปรีดเอาเงินค่าซ่อมกล้องหรือเอากล้องตัวใหม่จากนายโชคชัยนี่ อย่างที่สองก็ข้าวเย็นสักมื้อก็ยังดี

------------------------------------------
“นี่เธอเงียบเสียงบ้างได้ไหม” จริง ๆ เขาอยากจะใช้คำว่า ‘หุบปาก’ เสียด้วยซ้ำ ก็ตั้งแต่เดินออกมาจากตึกจนกระทั่งไปนั่งร้านข้าวแกงริมถนน จนกระทั่งขึ้นรถมาถึงหมู่ตึกละลานตาตรงหน้าในซอยมหาดไทยนี้ แม่เด็กผมสั้นซอยระต้นคอท่าทางเหมือนทอมบอยคนนี้ยังพูดไม่ได้หยุดเลย หล่อนถามว่า เขาจะจ่ายค่ารถค่าแก๊สให้กับนายโชคชัยนี่เหรอ แล้วจะให้เท่าไหร่ หล่อนถามนายโชคชัยว่า ต้องจ่ายเงินค่าเช่าวันล่ะเท่าไหร่ ค่าแก๊สนี่ประมาณเท่าไหร่ และจะต้องเหลือมีเงินกลับบ้านไปให้ลูกเมียเท่าไหร่ ซึ่งนายโชคชัยแม้จะดูเป็นคนมีน้ำใจ แต่ก็ช่วยจาระไนและคิดรวบยอดเสร็จสรรพเลยว่า เขาจะต้องจ่ายเงินให้ตัวเองเท่าไหร่ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องที่เขานึกโมโห แต่แม่อินทรานี่ พูดทำนองที่ว่าเขาจะมีเงินจ่ายรึ เพราะเจ้าหล่อน เล่นเท้าความว่า เมื่อก่อนเขาโด่งดังขนาดไหน แล้วตอนนี้น่าจะมีรายได้ประมาณเดือนละเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หล่อนเป็นนักข่าวนี่ถึงได้รู้จริงรู้จัง แต่หล่อนก็รู้จริง ๆ ด้วยล่ะ อย่างน้อย หล่อนก็เดาใจนายจ้างของเขาถูก เรื่องที่เกรงว่าเขาจะแอบยักยอกเงินในกระเป๋าไปจ่ายหนี้พนันบอล เขาไม่มีหนี้พนันบอลอีกแล้ว เพียงแต่ไม่มีเงินติดบัญชีใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนแต่ก่อนแล้วก็เท่านั้นเอง

“เงียบก็ได้ แต่อย่าขอร้องให้ฉันพูดล่ะ และอีกอย่างฉันจะไปจากคุณทั้งสองคนก็ต่อเมื่อ คุณโชคชัยจัดการเรื่องกล้องของฉัน”

“ก็บอกแล้วว่าเงินยังไม่มี แต่สัญญาว่าผมจะใช้คืนคุณแน่นอน เบอร์โทรจดใส่กระดาษในเก๊ะแล้วใช่ไหม” แม้ว่าจะมีเงินควักให้เจ้าหล่อนในตอนนี้ แต่ในเวลานี้ หากทำอย่างนั้นก็คงดูไม่น่าเชื่อถือนัก เมื่อเป็นอย่างนั้น กรณีชดใช้จึงต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

เขาลอบมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาในกรอบผมซอยสั้นอีกรอบ

ว่าไป แม้เจ้าหล่อนจะกระโดกกระเดกโผงผางไปนิด แต่มันก็มีความน่ารักน่าตีอยู่ด้วย

โชคชัยหันมายิ้มขื่น ๆ ให้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยกัน แต่หญิงสาวค้อนกลับคืน ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ใช้สายตาเพ่งมองไปนอกรถในยามบ่ายซึ่งแดดร้อนระอุทีเดียว

“คุณโชคชัย คุณพอจะรู้ไหมว่า เธอขึ้นไปที่ตึกไหน”

“ผม ไม่ได้สนใจครับ ส่งเธอตรงนี้แล้ว เธอจ่ายเงินผมมาเจ็ดสิบบาทแล้วผมก็ออกรถจนกระทั่งวนไปรับไอ้นี่ขึ้นมา”

เมื่อได้ยิน ‘ไอ้นี่’ ซึ่งเขาใช้ปากยื่นชี้มา ขมึงตาใส่ทันที โชคชัยนึกขำ ไอ้นี่คงอยากจะเม้าท์แตกตามนิสัย แต่เมื่อลั่นวาจาไปแล้ว เขาเองก็จำเป็นจะต้องแกล้งให้มันอกแตกตายเล่นเช่นกัน.

“ถ้าตึกหลายสิบหลังรวมห้องได้เป็นพันห้องแบบนี้ เราจะไปหาเธอได้ที่ไหนล่ะ รถผม เงินเจ้านาย โอ๊ย! นึกแล้วละเหี่ยใจ” ไม่แค่บอก แต่ร่างที่สมส่วนยังปล่อยให้ทดท้ออยู่กับเบาะด้านหลัง โชคชัยเพ่งสายตาไปยังตึกทั้งหลาย นึกแล้วก็น่าท้อจริง ๆ นอกจากหาตัวเธอให้พบแล้ว เรื่องกังวลตาม มาคือเงินนั้นมันจะยังอยู่ หรือเธอจะยังคงอยู่แถวนี้หรือไม่



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2554, 15:13:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2554, 20:33:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 2543





<< 1.แท็กซี่ กระเป๋า กับพวกเขาและเธอ   3.อยู่ไหนหนอ.. >>
XaWarZd 3 มิ.ย. 2554, 15:33:35 น.
จะได้คืนมะเนี่ย ลุ้นไปด้วยคน


saralun 3 มิ.ย. 2554, 16:23:37 น.
ลุ้น ๆ ๆ จะเป็นยังไงต่อไปน้า


nutcha 3 มิ.ย. 2554, 19:26:39 น.
เอ...ท่าทางนายโชคชัยนี่จะไม่ธรรมดาแฮะ


ปูสีน้ำเงิน 3 มิ.ย. 2554, 22:16:52 น.
ไม่น่าเจอนะ


Zephyr 3 มิ.ย. 2554, 22:59:48 น.
ลุ้นจัง เงินหลายนะเนี่ย เสียดายอ่ะ ถึงจะลองไม่น่าเอาไปตั้งล้านนะ หลักหมื่นยังเยอะเลยอ่ะ ขอให้ได้คืนเถอะนะ


pattisa 4 มิ.ย. 2554, 03:20:49 น.
ตื่นเต้นๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account