อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 1.แท็กซี่ กระเป๋า กับพวกเขาและเธอ

1.

(วันที่ 1)


รถแท็กซี่สีส้มสดเคลื่อนตัวออกจากปั๊มแก๊สที่ตั้งอยู่บนถนนประดิพัทธ์ คนขับวัยยี่สิบแปดปี พยายามปรับความรู้สึกของตัวเองว่ากำลังขับรถเพื่อประกอบสัมมาอาชีพ ใช่ขับรถกินลมชมวิวคุยกับสาว ๆ เหมือนเช่นแต่ก่อน เมื่อปรับความรู้สึกแล้ว สายตาจากดวงตาที่มีแพขนตาหนาปกคลุมเหลือบมองอยู่ที่บริเวณข้างทาง ใจนั้นคิดว่าใครจะเป็นคนประเดิมงานแรกในชีวิตนี้

เมื่อจะถึงป้ายรถเมล์ เขาชะลอความเร็ว เพราะมีมือขาว ๆ ของสตรีร่างเล็กแต่งตัวทันสมัยโบกเรียก เขายิ้มออกมา แต่ขณะที่รถจะถึงจุดหมาย แท็กซี่สีฟ้าสดอีกคันกลับตัดหน้าจอดรับผู้โดยสารสาวสวยคนนั้นไปเสียก่อน

ใบหน้าที่ยิ้มเพราะได้ของเล่นถูกใจเริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง นึกอยากเอาคืนโดยการบีบแตรไล่ แต่ลุงอินตา ก็กำชับกำชามาว่าถ้ามีกรณีแบบนี้ อย่าได้ใจร้อนวู่วาม ยิ่งถ้ามีลูกค้าด้วยแล้ว ต้องเพิ่มสติสัมปชัญญะเป็นสองถึงสามเท่าตัว

เมื่อระบายลมหายใจออกแรง ๆ หลาย ๆ รอบ อารมณ์กรุ่นก็ค่อย ๆ จางหาย ขับมา
เรื่อย ๆ ลูกค้ารายแรกก็ใช้มือข้างซ้ายยกขึ้น ทีนี้เขามองกระจกดูข้างหลัง เมื่อเห็นไม่มีพวกชอบโฉบมากฉก เขาจึงชะลอรถแล้วจอดเทียบ

ประตูรถด้านซ้ายด้านหน้าถูกดึงด้วยมือหนาทันที

“ผมจะไปบิ๊กซีลาดพร้าว”

คนขับพยักหน้ารับ พยายามนึกว่า มันอยู่ตรงไหน ถ้าลาดพร้าวก็ต้องวิ่งตรงไปแล้วหาป้ายคำว่าลาดพร้าว ที่เหลือก็ค่อย ๆ ถามผู้โดยสารเอาว่าอยู่ตรงไหน

เมื่อลูกค้าหนุ่มในชุดกางเกงสแลคเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูอ่อนพับแขนถึงข้อศอกขึ้นมานั่งบนรถแล้ว เขาก็ออกรถอย่างแผ่วเบา พยายามให้ลูกค้ารู้สึกนุ่มนวลดุจผ้าไหมให้ได้

“รถติดจริง” ลูกค้าที่นั่งอยู่ด้านหลังเริ่มชวนคุย ซึ่งเรื่องนี้ลุงอินตา บอกหนักหนาว่า เขาชวนคุยก็ตอบโต้ด้วยเรื่องที่เขาชวนคุย ไม่ใช่ไปหาเรื่องชวนเขาโต้ตอบเสียเอง บางทีเขาอาจจะรำคาญ บางรายถึงกับหัวเสียแล้วลงระหว่างทาง หรือถ้าหนักหน่อยก็อาจตะคอกกลับ

“ครับ” เขาตอบได้เพียงแค่นั้น เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องคุยอะไร

“น้อง เออ ไม่กดมิเตอร์หรือครับ”

เมื่อได้ยินคนเพิ่งเป็นคนขับแท็กซี่มีท่าทีตกใจ ปุ่มไหนล่ะ เขาเหลือบตามองแล้วเอื้อมมือมากด ขณะที่รถกำลังวนเข้าถนนลาดพร้าว

“มือใหม่แน่ ๆ เลย”

“ครับ”

“วันนี้ได้กี่คนแล้ว”

“กี่คนคือ” เขาถามย้อนกลับไป คนรอฟังคำตอบด้านหลังรอบระบายลมหายใจ คล้ายกับว่า ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สมน้ำสมเนื้อ ก็เขาไม่มีเรื่องจะคุยนี่ ทำไมต้องถามด้วยว่า กี่คน แล้วถ้าได้ไม่กี่คน พี่แกจะรับผิดชอบค่าเช่าแท็กซี่ให้รึ

“หน้าตาดีนะ ไม่น่ามาขับแท็กซี่”

เจอคำถามนี้เข้าไป เขาต้องระบายลมหายใจออกมาบ้าง แล้วจะเอาอย่างไรกัน คนขับหน้าตาไม่ดีก็กลัวจี้กลัวปล้น คนขับหน้าตาดี ก็ว่าไม่น่ามาขับแท็กซี่

“แล้วคุณคิดว่าอย่างผมควรไปทำอะไร”

“ควร ไปทำงานออฟฟิศ หรือไม่ก็ไปเป็นดารา”

พอเห็นว่าผู้โดยสารตาถึง คนขับมือใหม่นึกยิ้ม ๆ อยู่ในใจ

“แล้วคนขับรถแท็กซี่หน้าตาดี ๆ ไม่ดีหรือ”

“ก็ดี แต่อันตรายน้อง”

“ทำไมหรือครับ”

“ก็ สมัยนี้ เกย์ กระเทย เก้ง กวางแยะ นั่ง ๆ ไป เคยมีแท็กซี่เล่าให้ฟังว่า ถูกแทะถูกเล็มกันอยู่บ่อย ๆ น้องก็คงเคยเจอบ้างอะนะแบบนี้ หรือว่า” คนถามเว้นวรรคไว้ให้เขาเข้าใจเอง เรื่องนี้ลุงอินตาอีกนั่นแหละ ที่บอกไว้ ถ้าถูกแทะถูกเล็มควรจะทำอย่างไร แต่ว่าไป ไอ้หมอนี่มันกำลัง พูดเพื่อเปิดทางให้ตัวเองอีกหรือเปล่า

ทีนี้เขาพยายามชำเลืองมองผ่านกระจกส่องทางด้านหลัง เมื่อไม่เห็น จึงเอี้ยวหน้าชายตามองไม่ให้ผิดสังเกต หน้าตาแกก็ไม่ได้ดูออกเป็นกระเทย การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูเป็นผู้ชายเต็มตัว หน้าตาดูดีเอามาก ๆ ดูดีจนน่าจะเป็นดาราได้เหมือนกันด้วยซ้ำ

“ผมได้ยินมาว่า สมัยนี้ กามมันเบ่งบาน คนเราพร้อมที่จะมีเซ็กส์กันได้ทุก ๆ ที่”
เอาแล้ว เจอเทศนาอีกแล้ว ลุงอินตาพูดคำไหนคำนั้นจริง ๆ ถ้าไม่เจอลูกค้าอีกแบบก็จะได้พบอีกแบบ เอาหูทวนลมไปเสีย หรือว่าจะตั้งใจฟัง คนหนึ่งคนก็น่าจะมีเรื่องหนึ่งเรื่อง แต่เมื่อตั้งใจฟังแล้ว ใช่ว่าเรื่องจะไม่มีประโยชน์อะไร

“สมัยนี้นะ เขาคุยกันเรื่องคุณธรรมนำเศรษฐกิจ คนเรานะประกอบอาชีพอะไรก็ให้มีคุณธรรม เป็นแม่ค้า ขายของก็อย่าโกงกิโล เป็นพ่อค้าก็อย่าเอาเปรียบผู้บริโภค อย่าเอาของถูกมาขายแล้วตั้งราคาให้แพง นักท่องเที่ยวจะขยาดกัน เป็นข้าราชการก็อย่ากินนอกกินใน เป็นคนขับแท็กซี่ก็อย่าได้คิดจี้ปล้น คิดเอาสมบัติคนอื่นเป็นของตัวเอง”

คนขับชักขัด ๆ หูกับประโยคนี้ แต่เมื่ออาชีพมันต้องพ่วงด้วยเรื่องแบบนี้ ก็ต้องทนเอา

“น้อง ๆ จะเลยแล้วครับ น้องเห็นไหม บิ๊กซี ซ้ายมือ เข้าเลนซ้ายเลยครับ” เมื่อได้ยินคำสั่ง เขารีบปฏิบัติตาม

“120 บาท ผมให้คุณ 150 เลยแล้วกัน เพราะตอนแรกคุณไม่ได้กดมิเตอร์”
คนจ่ายเงินพูดพลางเปิดประตูทำท่าจะลง

“คุณธรรมของคนนั่งด้วยใช่ไหมครับ”

“ลูกค้ารายแรกลงรถไปแล้ว เขาจึงถอนหายใจออกมา นึกถึงเงินแบงก์ร้อยกับแบงก์ห้าสิบบาทที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อที่หน้าอก กว่าจะได้เงิน ค่าแก๊ส ค่าเช่ารถ ไหนจะเวียนหัวกับการจลาจลที่ติดขัดและลูกค้าที่ปากมาก ๆ แบบนี้ นึกแล้วสงสารคนขับรถแท็กซี่ขึ้นมา และยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรต่อ เสียงแตรรถก็ดังไล่หลัง

------------------------------------------------

“นังอินนี่มันแค่สิบบาทนี่”

“อ้าวก็สิบบาทนะซิ แกเห็นเป็นแบงก์ร้อยหรือไง”

“เฮ้ย! ค่ามอไซค์จากก้นซอยมาปากซอยมันสิบห้าบาทนะเอ็ง”

“เออน่ะ ค้างไว้ก่อน จำได้หรอกว่าเอ็งเบอร์ 37 ถ้ามีแล้วจะจ่ายให้อีก แต่อย่าลืมทวงนะ ทวงแล้วได้คืนแน่นอน ไปแล้ว ต้องรีบไปทำงาน เดี๋ยวเจ้านายด่า”
อินทราอยู่ชุดกางเกงยีนส์เสื้อคอเชิ้ตลายตารางแขนยาวสะพายกระเป๋าใบใหญ่ จ่ายเงินไม่เต็มราคาแล้วหาได้สนใจกับคำสบถตามหลังไม่ ร่างเพรียวลมสาวเท้าเพื่อจะไปขึ้นสะพานลอยด้วยท่าทีสดชื่นสู้โลก แต่แท้จริงในใจนั้น เธอไม่อยากเป็นคนอย่างนั้น แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็รายได้มันชักหน้าไม่ถึงหลัง พ่อก็กินเหล้า แม่ก็เล่นหวย น้องก็เอาแต่เที่ยวเตร่ ชีวิตที่เกิดในสลัมจะหาพึ่งพาใครให้นาวาชีวิตไปที่จุดหมายได้

เมื่อยืนรอรถเมล์อยู่ริมถนน สายตาของอินทราสอดเข้าไปยังรถต่างชนิดที่จอดรอเคลื่อนขยับเป็นแพอยู่บนท้องถนน จะมีสักวันไหมที่เธอจะมีรถกับเขาบ้าง
ชีวิตต้องมีหวัง สักวันฝันต้องเป็นจริง

ร่างเล็กลอบระบายลมหายใจออกมา สายตาที่มองไปเบื้องหน้า แลไปยังต้นทาง ไม่มีแม้เงาของรถเมล์สักคัน หญิงสาวยกข้อมือดูนาฬิกาอีกรอบ เอาอย่างไรดีนะ สายแน่ ๆ โดนด่าแน่ ๆ

แล้วก็เป็นไปตามนั้น เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ถึงไหนแล้ว แม่คุณแม่ทูนหัว นัดสัมภาษณ์ เขากี่โมงกี่ยามจ๊ะ นี่เขาโทรมาเฉ่งฉันแล้วนะ จะแก้ตัวอะไรอีก ไม่ต้องไปแล้ว ให้คนอื่นไปแทนแล้ว แม่รีบเข้ามาสำนักงานเลย เออ ไม่ได้ยิน ทั้งตาปีตาชาติ เดี๋ยวแม่ก็แช่งให้มดลูกเคลื่อนซะเลยนี่”

อินทราหาได้เอาหูแนบโทรศัพท์ไม่ ใครล่ะอยากฟังเสียงด่า รู้ว่า คุณรติ ผู้ชายหัวใจหญิงผู้ช่วยบรรณาธิการฝ่ายบันเทิงหาได้ฟังเสียงโทรศัพท์หรอก การที่โทร.มาตามนักศึกษาฝึกงานอย่างเธอในครั้งนี้ก็เพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นไปตามประสาคนขี้หงุดหงิดเอาแต่ใจตัว

เมื่อเห็นว่ารถติดขนัด ทางเดียวที่จะพาตัวเองไปรับเสียงด่าต่อหน้าต่อตา ‘เจ๊’ ได้นั้นก็คือแท็กซี่

วันนี้แพงแค่ไหนเธอก็จะยอมนั่ง เพราะถ้าเธอไปถึงเที่ยง ดีไม่ดี แม่พูดจนนายใหญ่ไม่ยอมเซ็นให้ผ่านการฝึกงานแน่ ๆ

-----------------------

“นี่เป็นเสียงจากคลื่น ‘ร่วมด้วยช่วยกันเถิดนะ’ ขณะนี้มีผู้โดยสารท่านหนึ่งแจ้งว่าได้นั่งโดยสารรถแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทร 2548 คนขับชื่อนายอินตา ยะวัง ซึ่งเขาได้ลืมกระเป๋าเอกสารสีดำไว้บนรถฯ ลฯ ถ้าแท็กซี่หมายเลขนี้ได้ฟังรายการ หรือว่ามีผู้พบเห็นรถแท็กซี่คันนี้ โปรดแจ้งทางรถแท็กซี่ให้ทราบด้วยนะครับว่า เจ้าของต้องการกระเป๋าเอกสารคืนฯ ”

“คนขับ คนขับ ได้ฟังหรือเปล่า” ร่างที่จมอยู่บนเบาะหลัง ตะโกนแข่งกับเสียงผู้ดำเนินรายการที่ยังพูดถึงเรื่องกระเป๋าเงินนั่นไม่เลิก

คนขับซึ่งสวมแว่นตาสีดำ หันมาทำสีหน้าตกใจ ที่เขาเปิดวิทยุก็เพราะว่า เบื่อที่จะฟังลูกค้าพร่ำพรรณนาอย่างรายแรก และลุงอินตานั่นแหละที่ได้บอกไว้ว่า วิทยุช่วยได้

“มีอะไรหรือครับ”

“รถคุณทะเบียนอะไร”

“รถผม” เขาทำท่านึกถึงรถตัวเอง

“รถคันนี้ทะเบียนอะไรคะ ดูให้ดี และฟังที่เขาประกาศเมื่อกี้หรือเปล่า”

“ฟังครับ”

“นั่นแหละรถคุณ และที่สำคัญก็คือ คุณเป็นผู้ต้องหาแล้ว”

“อะไรหรือ”

“เขาบอกว่า ในกระเป๋ามีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง และก็รู้ไหมว่าใครคือเจ้าของกระเป๋าเงิน”

“ใครหรือ”

“นายประดิพัทธ์ ดิษยาลัย ดาราโทรทัศน์ นายไม่รู้จักหรือไง เขาบอกว่าขึ้นรถนายมาตั้งแต่หน้าสวนจตุจักรน่ะ”

คนขับทำหน้าครุ่นคิด ลูกค้ารายแรก เขาจอดรถเทียบริมฟุตบาททันที

“เมื่อกี้คุณว่าไงนะ”

หญิงสาวอธิบายอีกรอบ ขณะที่ช่วยค้นหากระเป๋าต้นเหตุนั่น

“เฮ้ย! ไม่มีนะ คุณเอาไปซ่อนไว้แล้วแน่ ๆ เลยใช่ไหม บอกมา”

“จะไปซ่อนที่ไหนล่ะ คุณคิดดูว่าเขาแจ้งมาว่าขึ้นตอนกี่โมงและตอนนี้มันกี่โมง ผมก็ทำท่าขับรถสบายใจเฉิบอยู่ดีนี่ คุณก็เห็น”

“เห็น แต่เขาแจ้งมาว่าอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเป็นพยานให้คุณได้ หากคุณลงจากรถพาฉันไปดูที่ท้ายรถเดี๋ยวนี้”

พูดจบ คนขับรถแท็กซี่ร่างสูงราวสักร้อยแปดสิบก็เปิดประตู ซึ่งแน่นอนว่า หญิงสาวในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตจะต้องรีบลงไปชนิดไม่ให้คลาดสายตา เมื่อเปิดแล้วพบเพียงความว่างเปล่า และเมื่อสบตากัน อินทราก็รู้ว่า เขาพูดความจริง

“ผมไม่รู้อะไรเลยนะ คุณต้องไปเป็นพยานให้ผม”

คนได้ฟังมีสีหน้าครุ่นคิด

“แล้วค่าเสียเวลาฉันล่ะ ใครจะรับผิดชอบ” เมื่อนึกถึงประโยชน์ที่จะได้เพิ่มเติม เธอก็ต้องรีบต่อรอง แต่นึกไปอีกที คนขับรถแท็กซี่ก็ขึ้นชื่อว่าหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน แล้วเธอจะไปเค้นเลือดจากปูได้อีกหรือ

ถ้าจะช่วยประโยชน์ของเธอได้อยู่แล้ว แต่ไหน ๆ ก็พูดไปแล้วเผื่อจะมีลาภลอย

“โอเค ถ้าคุณช่วยผม ผมก็จะช่วยคุณ คุณเสียเวลาหาเงินใช่ไหม วันนี้คุณไปกับผม ผมให้คุณห้าร้อย” ว่าพลางก็ล้วงกระเป๋าเสื้อออกมา

หญิงสาวชะแง้ตามพบแบงก์ร้อย เพียงแค่หนึ่งใบแบงก์ห้าสิบสองใบ กับแบงก์ยี่สิบอีกใบ

“วันนี้ได้มาแค่นี้เอง ค่าแก๊ส ค่าเช่ารถยังไม่พอเลย”

สีหน้าคนขับหนุ่มที่นับว่าหน้าตาดี เปลี่ยนเป็นน่าหนักใจจนหญิงสาวรู้นึกสงสาร

“เออ ไม่เอาก็ได้ แต่นายเลี้ยงข้าวกลางวันและถ้าถึงเย็นสักมื้อด้วยละกัน”
เมื่อได้ยิน เขาคลี่ยิ้มออกมาทันที แล้วร่างเล็ก ก็เปิดกระเป๋าล้วงโทรศัพท์ออกมา กดหมายเลขโทรออก

“เออ หมดเงิน ไม่มีเงินเติม นายมีโทรศัพท์ไหม ขอโทรหาเจ้านายฉันหน่อย”
เขาควักโทรศัพท์ซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวออกมาส่งให้

“โอ้โฮ ขับแท็กซี่แต่พกโทรศัพท์ราคา สามหมื่นฝ่า ไม่เลวแฮะ นายมีเงินแน่ ๆ เลย ”

“ก็ตอนนั้นพอมี แต่ตอนนี้” เขาชักสีหน้าว่ากำลังลำบาก
หญิงสาวทำท่าไม่สนใจ ก่อนจะดึงโทรศัพท์แล้วหลบไปโทร.ที่ข้างถนน สีหน้าของเธอนั้นทำเหมือนกับว่าเรื่องที่จะไปนั้นยิ่งใหญ่ ออกท่าออกทางดูทุกข์ร้อน พักเดียวก็คลี่ยิ้มออกมา

“เรียบร้อยไปได้แล้ว เจ้านายฉันบอกว่าเพื่อสังคมไปได้”

--------------------------------------------------
หลังจากที่ต่อสายไปยังทางรายการแล้ว คู่กรณีขอนัดพบคนขับแท็กซี่หมายเลขทะเบียน ทร. 2548 ที่บริษัทของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่บนถนน พหลโยธิน
เมื่อรถจอด ร่างเล็กที่คล่องแคล่วรีบเปิดประตูรถอย่างไม่มีทีท่าลังเล โชคชัยปรายตามองคนประเปรียวที่มีผมซอยสั้นระต้นคอแล้วยิ้ม ๆ ตลอดทาง เธอพูดซักถามเขาอย่างกับเขาเป็นผู้ต้องหาคดีอะไรสักอย่าง

ถึงแม้เขาจะรำคาญ แต่เมื่อนึกถึงว่า เธอนี่แหละจะเป็นพยานปากเอกให้ เขาจำต้องอดทน จริง ๆ เขานึกถึงลุงอินตาที่อยู่บ้านดูแลไม้ดอกไม้ประดับ บริเวณรอบ ๆ บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่บนถนนสายไหม หากเขาโทร.กลับไปขอคำปรึกษา แน่นอนลุงจะต้องรีบนั่งรถมาหา แต่ในเวลานี้เขานึกสนุกกับการเผชิญปัญหากับหญิงสาวผู้มีน้ำเสียงเหมือนนกต้อยตีวิดมากกว่า

นี่แหละรสชาติของชีวิตที่เขาต้องการ

เมื่อเขาเดินตามไปในชุดกางเกงสแลคสีน้ำเงินเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแบบฟอร์มของคนขับแท็กซี่ ยามที่ยืนป้วนเปี้ยนอยู่แถวประตูทางเข้าตึกจึงต้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

เขายักไหล่ทำท่าไม่ได้สนใจ

“แลกบัตรก่อนขึ้นไป” หญิงสาวหันมาหาพร้อมกับส่งมือขาว ๆ ออกมารับบัตรจากเขา เขาล้วงกระเป๋าดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วรีบควักใบขับขี่ส่งให้

ชั่วเสี้ยวนาทีนั้น อินทรามองเห็นยี่ห้อกระเป๋า กางเกงสีน้ำเงินและรองเท้าหนัง รวมถึงลักษณะท่าทางที่ผึ่งผายมั่นคงยามก้าวเดิน กับหน้าตา ผิวพรรณแล้ว หญิงสาวมั่นใจว่า นายโชคชัย โชควัฒนาวิสุทธิ์ ชื่อตามใบขับขี่คนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่ลูกชาวนาที่ว่างเว้นจากการทำนาแล้วมาขับแท็กซี่อย่างที่บอกเธอบนรถอย่างแน่นอน

แต่เขาเป็นใครกันนะ แล้วโกหกเธอในครั้งนี้เพื่ออะไร? ปริศนานี้หญิงสาวก็ชักนึกสนุกขึ้นมาแล้วซี่


เมื่อลิฟท์หยุดที่ชั้นที่ 19 ของตึกซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัท แมส มอร์นิ่ง นายประดิพัทธ์ ซึ่งมีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ซึ่งยืนรออยู่ด้วยความกระวนกระวายรีบปรี่เข้ามาหาเหมือนว่าคิดถึงเขาเป็นอย่างมาก

“คุณ คือ กระเป๋าผมล่ะ”

ไม่แค่ถามแต่สายตานั้นยังกวาดไปทั่วร่างกายของคนทั้งสอง

“คือ”

“คุณประดิพัทธ์คะ” อินทรา พยายามแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน เพราะฝ่ายดาราหนุ่มวัยสามสิบกว่านั้นดูร้อนรนเหลือเกิน

“แล้วแม่หนูคนนี้เป็นใคร” สายตาที่หันมามองคนที่มาด้วยนั้นมีคำถาม

“พยานครับ” โชคชัยบอกความจริง

“หมายความว่า”

“เราทั้งสองคนไม่พบกระเป๋าของคุณบนรถ”

“แต่ผมลืมไว้บนนั้นอย่างแน่นอนนะครับ” เหงื่อกรานของนายประดิพัทธ์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทันที

ยังไม่ทันที่ฝ่ายจำเลยจะตอบโต้กลับ พนักงานสาวที่นั่งอยู่ตรงส่วนต้อนรับ ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า

“คุณประดิพัทธ์คะ คุณพหลให้เชิญทั้งสองคนเข้าไปพบในห้องค่ะ”

ประดิพัทธ์รู้ว่า นายของตัวเองนั้นรู้ได้อย่างไรว่า มีแขกมาหาเขาสองคน เขามองไปยังบริเวณกล้องวงจรปิดแล้วยิ้มแหย ๆ งานนี้เขาตายแน่ ๆ ไม่น่าเลย ไม่น่าจริง ๆ แต่ใครจะเชื่อเขาล่ะ

เมื่อเขาโทรกลับมาแจ้งว่า แท็กซี่คันหนูลองยา เกิดคลาดสายตาไป แผนไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ สถานการณ์จริงจึงต้องเกิดขึ้น เรื่องนี้หากรู้ถึงหูนักข่าว เชื่อได้ว่า รายการ ‘สาละวนจริง’ ของเขาเองนั่นแหละจะต้องถูกประชาชนรุมตำหนิที่คิดเล่นอะไรแผลง ๆ แล้วความแผลงนี้ มันก็ออกมาจากหัวสมองเขาเสียด้วย

เมื่อพานายโชคชัย กับนางสาวอินทรา ไปนั่งต่อหน้าเจ้านายแล้ว ประดิพัทธ์ซึ่งมีสีหน้าเหมือนไก่รอการเชือด ก็ค่อย ๆ พูดเหมือนกับคนที่ไม่เคยผ่านการทดสอบใบผู้ประกาศ จากกรมประชาสัมพันธ์

“คือ ๆ ๆ คือว่า”

“เราไม่พบกระเป๋าเงินใบนั้นบนรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน ทร. 2548”

อินทรา ตัดสินใจโพล่งออกมาเสียเอง เพราะนายคนหน้าหล่อก็พูดน้อยเสียเหลือเกิน นายดาราวัยกว่าสามสิบปีที่เคยหน้าตาดีในตอนเธอยังเป็นเด็ก ๆ ก็ดูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว

“แล้วหนูเป็นใคร” สายตาของคนถามนามพหล ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งอินทราเองก็รู้กิติศัพท์ดีว่า ดุและเฮี้ยบกับลูกน้องขนาดไหน แต่หญิงสาวหาได้สนใจกับสายตาคู่นั้น ด้วยเธอเองก็มีสัมมาอาชีพที่ทางฝ่ายเขาต้องง้ออยู่บ้าง

“นักข่าว”

หญิงสาวตัดสินใจบอกความเป็นต่อของตนเองทันที นายพหลมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นความคลางแคลงใจก็ยังเกิดขึ้น

“เธอมาได้อย่างไร” นายประดิพัทธ์หันไปหาโชคชัย ซึ่งคำตอบของเขาได้ใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก

“แล้วคุณลืมกระเป๋าเงินไว้บนรถผมได้อย่างไร เงินนะครับ ไม่คิดระมัดระวังเลยหรือ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2554, 10:07:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2554, 10:29:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 3256





   2. ตกบันไดพลอยโจน >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 31 พ.ค. 2554, 10:11:44 น.
สองเรื่องยังไม่ทันจบเลย มะเฟื่อง มีเรื่องใหม่มาเรียกน้ำย่อยอีกแล้ว..(บ้าพลังมากมาย) 55555555

พอดีวันนี้ มีเรื่องดีใจ เเบบว่า กุหลาบซ่อนกลิ่นจบไป มะเฟื่องก็ครุ่นคิดว่า จะไปหาอะไรมาหากินดี พอดีได้รับโปรเจคงานชุด..ร่วมกับนักเขียนชื่อดังของ สนพ. ดอกหญ้า 2000 ถ้าเอ่ยชื่อไป หลาย ๆ คนคงร้องกรี๊ดดดด..

แต่ยังไม่ขอเอ่ยนะ..คริคริ..

เอาเป็นว่า วันนี้เฟื่องนั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับทหารเรือ เพื่อจะปั้นเสกนิยายเรื่องถัดไปขึ้นมา ระหว่างที่นั้น ผมก็เคร่งเครียด หัวคิ้วขมวด ปวดสมองตุ๊บ ๆ เพราะเรื่องยากของคนเขียนนิยายเรื่องแรก ก็คือชื่อ..อ่านไปอ่านมาวนไปวนมา ขีดตรงนั้นมาร์คตรงนี้ ..เพ่งตรงโน้น..แล้วเฟื่องก็เห็นคำว่า นาวิน กลิน นาวิกโยธิน อ่านวนไปวนมา ก็เลย ปิ๊งชื่อ "นาวิกโยธินที่รัก" หลังจากนั้นพล้อตน่ารัก ๆ ก้ไหลตามมาด้วย...

ภาวนาว่าจะเจอ นาวิกโยธินสุดหล่อมาให้ข้อมูลสักคน..เพี้ยงงงงงงงง ยังหาไม่ได้เลยอ่ะ..ใครรู้จักใครสักคนที่อยู่เสม็ดช่วยหน่อยนะ..


innam 31 พ.ค. 2554, 11:30:11 น.
ท่าจะน่ารัก


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 31 พ.ค. 2554, 11:50:42 น.
น่าอ่านอีกแล้ว


Zephyr 31 พ.ค. 2554, 13:57:47 น.
อืม แอบงง แต่ว่านายโชคชัยไรนี่ต้องไม่ใช่คนขับแทกซี่ธรรมดาๆแน่เลย แต่คาดว่าอีกไม่นานคงจะรู้เองใช่มั้ยคะ ไรท์เตอร์คงเปิดปมมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก้นั่งงงไปก่อน ^^


nutcha 31 พ.ค. 2554, 14:56:24 น.
ชอบนิยายของคุณเฟื่องค่ะ...ออกแนวน่ารักน่าหยิก อ่านแล้วนั่งอมยิ้ม


กาซะลองพลัดถิ่น 31 พ.ค. 2554, 17:21:59 น.
น่าอ่าน...น่าติดตาม และ จะตามติดอ่านตอนต่อไปคะ


ปูสีน้ำเงิน 31 พ.ค. 2554, 21:11:08 น.
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ


pattisa 1 มิ.ย. 2554, 20:21:25 น.
sounds interesting :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account