รหัสรักลุ้นวิวาห์ ( NC เบาๆ)
‘กฏและข้อบังคับของว่าที่ภรรยา’
1. ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ฝ่าฝืนปรับสองจูบ
2. ห้ามออกความคิดเห็นจนกว่าจะเปิดโอกาส ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
3. ห้ามเถียง ห้ามต่อปากต่อคำ ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
4. ห้ามใส่ชุดที่นำมาจากบ้าน เพราะมีชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้า ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
5. ห้ามแสดงอาการไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น ฝ่าฝืนปรับสี่จูบ
6. ห้ามโกหก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
7. ว่ายน้ำด้วยกันทุกวันอาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น ฝ่าฝืนปรับสามจูบ
8. เวลารับประทานอาหารต้องลงมารอก่อนทุกครั้ง ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
9. ประการสุดท้าย หากยังเพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตาม โทษฝ่าฝืนร้ายแรง นอนด้วยกันตลอดสามคืน….อคิน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ

แนะนำตัวละคร


อคิน วิสิทธิ์ริยะ อายุ 25 ปี
อคินหรือคิน ดาราหนุ่มซุปเปอร์สตาร์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อย สาวแก่ยันแม่ม่าย ต่างพากันหลงใหลคลั่งไคล้ไปตามๆกัน ชายหนุ่มรูปงามที่เบื่อกับการเลือกเฟ้นหญิงสาวแบบถวายพานของมารดา จึงคิดหาวิธีส่งรหัสลับเพื่อค้นหา เจ้าสาวในอนาคต
ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้

กานต์แก้ว ไพรภาณี อายุ 20 ปี
กานต์แก้วหรือแก้ว สาวสวยสดใสวัยยี่สิบปีพอดิบพอดี เธอคือผู้หญิงที่ได้รับตำแหน่ง เจ้าสาวของดาราหนุ่ม ทั้งที่เจ้าตัวไม่ยินดีอยากจะเป็นเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะถูกน้องสาวหลอกว่ามารดากำลังป่วยหนัก ต้องใช้เงินในการรักษาจำนวนมาก

ชลภัทร ถาวริต อายุ 27 ปี
ชลภัทรหรือชล ลูกน้องคนสนิทของอคินที่รู้ใจเจ้านายหนุ่มในทุกๆเรื่อง แต่ความจริงภายใต้ชุดสูทหรูประจำคฤหาสน์หลังงามนั้น ชลภัทรยังมีเบื้องหลังเบื้องลึกอะไรบางอย่าง ที่ใครๆหรือแม้แต่อคินก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน


กลิ่นเกล้า ไพรภาณี อายุ 18 ปี
กลิ่นเกล้าหรือเกล้า สาวน้อยจอมแก่นที่มีนิสัยแตกต่างจากพี่สาวอย่างสิ้นเชิง เพราะความหลงใหลเป็นปลื้มกับดาราหนุ่มอย่างอคิน กลิ่นเกล้าจึงไม่ลังเลที่จะใช้ชื่อพี่สาวเพื่อลุ้นรางวัลการเป็นเจ้าสาวของซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจ

ก้องกล้า ไพรภาณี อายุ 8 ปี
ก้องกล้าหรือก้อง น้องชายคนสุดท้องของตระกูลไพรภาณี รักพี่สาวคนโตมาก แต่กับพี่คนรองจะจิกกัดกันบ่อยครั้ง มีความคิดความอ่านที่โตเกินเด็ก สนุกสนานร่าเริง และแอบป่วนในบางเวลา



บทนำ

ณ คฤหาสน์สุดหรูที่ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวของดาราดังระดับแนวหน้าของเอเชีย ความใหญ่โตที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบห้าร้อยไร่รายล้อมด้วยหาดทรายสีขาว แดดยามเช้าส่องกระทบกับทะเลสีครามจนเกิดแสงระยิบระยับแพรวพราว ราวกับอัญมณีนับล้านที่เจิดจรัสอยู่บนผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกตา

ชายหนุ่มคิ้วดกหนา รูปหน้าเรียวงามจมูกโด่งสัน ยังอยู่ในชุดคลุมสีขาวเรียบ เขาจิบกาแฟรสกลมกล่อมในยามเช้าของทุกๆวัน แววตาที่ทอดไปเบื้องหน้าฉายความรำคาญใจในเรื่องอะไรบางอย่าง

ทุกวันอาทิตย์แทนที่จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของ อคิน ดาราสุดฮอตที่สาวๆแทบจะทั่วทุกมุมโลกต่างคลั่งไคล้ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เพราะถึงทุกวันหยุดเมื่อใด ริษฐา มารดาจะต้องนำอิสตรีมาส่งให้พิจารณา แทบจะเรียกได้ว่าถวายพานเลยทีเดียว
“คุณคินครับ คุณผู้หญิงเดินทางมาถึงแล้วครับ” ชลภัทรผู้ดูแลความเป็นส่วนตัวของชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
อคินพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเดินพ้นจากประตูริมระเบียงเข้าไปในห้องนอนสุดหรูด้วยอารมณ์เซ็งๆ

หญิงกลางคนที่แต่งตัวสมวัยแลดูสวยสง่าถูกต้อนรับตามมารยาทอย่างเป็นนิจทุกครั้งที่มาเยือนจนรู้สึกชินกับภาพตรงหน้าไปเสียแล้ว ผิดกับหญิงสาวร่างสูงโปร่ง หุ่นอรชร ที่กวาดสายตาซ้ายขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ‘นี่มันอภิมหาราชวังชัดๆ’
ชลภัทรค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะผายมือให้คนทั้งสอง ไปนั่งรอยังห้องรับแขกขนาดกว้างขวางที่ถูกประดับประดาด้วยของสะสมมีค่าราคาแพง พร้อมด้วยเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์หลากหลายที่ถูกสั่งตรงมาจากเมืองนอก

‘คนบ้าอะไรมันจะรวยเว่อร์ขนาดนี้’ นีรนุชหญิงสาวที่ถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนางประจำสัปดาห์ ยังคงสอดส่ายสายตาไปมา แต่รูปหน้าของหล่อนกลับนิ่งเฉย คล้ายกับว่าไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับสิ่งของรอบกายราคาแพง ผิดกับภายในใจที่ระรี้ระริกตื่นตูมจนแทบจะออกนอกหน้า

ไม่นานนัก อคิน หนุ่มหล่อในชุดสูทสีดำเรียบก็มาถึงตามเวลาที่กำหนดไว้ เขาหย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม ดวงตากลมคู่สบหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเขาก็ต้องเบือนหน้าหนี
‘อะไรกัน นี่ฉันไม่สวยตรงไหน’ นีรนุชปั้นหน้างอง้ำเมื่อถูกอีกฝ่ายทำหน้าไร้ซึ่งความสนใจ หล่อนไม่ได้เผลอกระแทกอารมณ์จนออกนอกหน้า

ริษฐาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าเจรจาแล้วทักทายลูกชายตามประสา
“เป็นยังไงบ้างลูกคิน ช่วงนี้งานเยอะพักผ่อนบ้างนะลูก”
“พักผ่อน”อคินเลิกคิ้ว “ก็นี่ไงครับวันพักผ่อนของผม”
คล้ายบุตรชายพูดเสียดสีจนนางรู้สึกจุกพูดอะไรไม่ออก “แต่แม่”
“ผมว่าคุณแม่พาผู้หญิงคนนี้กลับไปดีกว่านะครับ” อคินแทรก
ทำเอาคนที่ถูกเอ่ยถึงชักสีหน้าไม่พอใจอีกครั้ง ‘อะไรกัน นี่น่ะเหรอผู้ชายที่สาวๆต่างยินดีมอบใจพลีกาย ช่างไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย’

“แม่ว่าลองคุยลองคบกับน้องเขาหน่อยก็ได้นี่ น้องนุชเขาเป็นถึงลูกสาวท่านรัฐมนตรีเชียวนะ”
อคินถอนหายใจยาว เอนกายพิงกับโซฟาก่อนจะกวาดขาขึ้นไขว่ห้าง
“ถ้าคุณแม่อยากให้ผมแต่งงาน ผมก็จะหาโดยแบบวิธีของผม ไม่ใช่วิธียัดเหยียดคลุมถุงแบบนี้”
“แล้ววิธีที่ว่านี้มันเป็นยังไง”
“ผมจะคัดเลือกเจ้าสาวของผมที่จะเป็นผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” อคินเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ด้วยวิธีการส่งรหัสลับ”
“คินพูดอะไรเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว” ริษฐาค้าน

“ผมไม่ได้พูดเลอะเทอะ แต่ผมจะทำจริงๆ”
“แล้วถ้าเกิดไปได้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าล่ะ ไม่ได้ๆแม่ไม่เห็นด้วย”
“ถ้าคุณแม่ไม่เห็นด้วย ผมก็….จะไปผ่าตัดแปลงเพศให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย”
“ไปกันใหญ่แล้วคิน”
“คุณแม่ก็รู้ว่าผมเอาจริง” อคินหันมาสบตามารดา
ริษฐารู้ดีว่าลูกชายเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถึงแม้อยากจะให้ลูกได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที แต่ในเวลานี้นางคงต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อน โบราณว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง






เสียงบ่นอุบตามมาพร้อมด้วยมือกุมขมับอย่างปลงไม่ตก ดีใจจนช็อกงั้นเหรอ? ไม่สิ…เธอกำลังอึดอัดอยู่ต่างหาก
“เกล้านะเกล้า ไม่น่าทำกับพี่แบบนี้เลย”
“เกล้าขอโทษนะพี่แก้ว แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ” เด็กสาวทำหน้าตาเว้าวอนเรียกความสงสาร
“แล้วพี่ควรจะทำยังไงดี” น้ำเสียงปนเศร้าคล้ายขอความเห็นใจ

“พี่ก็จำยอมไปสิ ผู้หญิงทั้งโลกคงอิจฉาตาร้อนพี่เป็นไฟ”
“แล้วทำไมเกล้าต้องแกล้งพี่แบบนี้ด้วย”
“เกล้าไม่ได้แกล้งนะพี่แก้ว มันอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

ดูน้องสาวตัวแสบพูดเข้าสิ? เธอต่างหากที่ตกอยู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เกล้าก็แค่เห็นว่าคุณสมบัติพี่มีครบทุกอย่าง ก็เลยส่งชื่อพี่ไปสมัครก็แค่นั้น” เด็กสาวว่า ส่งกระดาษใบหนึ่งไปยังมือของพี่สาว
หญิงสาวผมยาวสลวยรวบด้วยโบสีชมพูอ่อน เปิดอ่านในเนื้อความ ก่อนจะพับกระดาษใบนั้นแล้วส่งกลับไปยังเจ้าของก่อนหน้า
“ไม่เอาหรอก พี่ไม่ยอมรับกับเรื่องอะไรบ้าๆแบบนี้แน่” หญิงสาวส่ายหัวไปมา
“เงินตั้งล้านนึงเชียวนะพี่แก้ว แต่…ถ้าพี่อยากสละสิทธิ์มันก็มีอยู่วิธีนึงนะ”
“วิธีอะไร” อีกฝ่ายถามเสียงสูง พร้อมกับหันมาสบตาน้องสาวอย่างมีความหวัง
“พี่ก็ต้องหาใครทำลายซิงอ่ะ”
“ซิงอะไร” หญิงสาวถามกลับ งุนงงกับคำตอบ
“โธ่..พี่แก้ว ใส ซื่อ แบ้วจริงๆเลย” ว่าแล้วก็โน้มศีรษะ ก่อนจะกระซิบถ้อยคำหนึ่งข้างใบหูพี่สาว “พี่ก็แค่หาคนมาทำอะไรพี่ก็แค่นั้น”
“ทำอะไรพี่ ใครเหรอ?”
“โอ้ย….พี่ไปกันใหญ่แล้ว ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าพี่แก้ปัญหาเองละกัน ถ้าเป็นเกล้านะจะเตรียมหอบข้าวของไปอยู่กับเขาทันทีเลยล่ะ” เด็กสาวบ่น ทำท่าจะเลี่ยงหนี แต่ถูกอีกฝ่ายท้วงไว้เสียก่อน
“อ้าวเกล้าดะ เดี๋ยว…” ไม่ทันจบคำ คนน้องก็แล่นลิ่วจากไป ทิ้งให้หญิงสาวที่นั่งมึนตึง ต้องหาวิธีแก้เพียงลำพัง





เวลานี้มันรู้สึกเหมือนกับมีใครเอาน้ำมันมาราดแล้วจุดไฟเผาร่างกายให้ร้อนรุ่มทุลนทุลายเหมือนตายทั้งเป็น หญิงสาววาดหน้ามุ่ยเดินดิ่งๆไปยังร้านไอศกรีมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตลาดนัด
ด้วยความร้อนรุ่มสุมอก การกินอะไรเย็นๆจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ‘ไม่มีทาง ใครจะไปยอมเล่นอะไรบ้าๆแบบนั้น แค่เงินล้านนึงก็น่าสนอยู่หรอก แต่เราจะต้องไปแต่งงานกับคนอื่นเนี่ยนะ’ เธอคิด

“รับอะไรดีคะ” เสียงใสแจ้วจากพนักงานขายทักมา หญิงสาวยิ้มรับใบหน้าเจื่อน ก่อนจะไล่นิ้วไปเรื่อยจนเจอไอศกรีมรสวานิลลาสุดโปรดของเจ้าตัว
“ขอบคุณค่ะ” พนักงานสาวยกมือไหว้ขอบคุณ กานต์แก้วรับไหว้ตอบพร้อมกับจ่ายเงิน ก่อนจะเดินดุ่ยๆออกไปข้างนอกด้วยอารมณ์ในจิตใจที่คลายความตึงเครียดขึ้นมาบ้าง
ด้วยความที่มัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับของหวานเชิญชวนให้ลิ้มลอง เธอจึงตวัดลิ้นเลียไอศกรีมรสชาติที่คุ้นเคยเพื่อลิ้มรสสักเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้ดูทางข้างหน้า

ราวกั้นลำธารที่ทำจากไม้เก่าๆทอดจากหน้าร้านไปยังอีกฝั่งของริมถนน มีทางคับแคบ แต่ก็พอจะเดินสวนกันไปมาได้ และด้วยความไม่ระมัดระวังนั้นเธอจึงเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
ตุ้บบบ
“ขะ ขอโทษด้วยค่ะ” กานต์แก้วบอกน้ำเสียงระล่ำระลัก ตอนนี้ไอศกรีมสุดโปรดเปรอะเปื้อนเต็มชุดสูทสีดำเข้มของชายแปลกหน้า ‘ทำยังไงดีเสียดายจัง เอาลิ้นเลียเสื้อของเขางั้นเหรอ บ้าไปแล้ว’
เสี้ยวความคิดหนึ่งเหมือนหญิงสาวจะนึกออก รีบคว้าหมับที่โบก่อนจะรูดมันลงมาจนผมยาวดำขลับบานสยายออก แล้วรีบเช็ดเสื้อสูทของคนตรงหน้าอย่างลุกลน

อากัปกิริยาของหญิงสาวถูกจับจ้องทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่หัวจรดเท้า ภายใต้กรอบแว่นหนาสีดำเข้ม ชายหนุ่มค่อยๆถอดแว่นออก พร้อมกับแลคนร่างเล็กตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเรียบ
“พอเถอะ ก่อนที่มันจะเลอะไปมากกว่านี้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นคนผิดที่ทำให้เสื้อของคุณเลอะ”
“ฉันบอกให้หยุดไง” เขาเริ่มเน้นคำ ก่อนจะฉวยคว้าข้อมือของผู้หญิงตรงหน้าแล้วละออก
กานต์แก้วแหงนสบตาชายหนุ่มอย่างจัง หญิงสาวแลนิ่งงันไปชั่วครู่ รู้จักงั้นเหรอ? ไม่หรอก..ตะลึงในความหล่อเหลาของชายแปลกหน้ามากกว่า

“งั้น งั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ” กานต์แก้วบอก แล้วรีบผละจากไป
“เดี๋ยว!” เสียงนุ่มทุ้มราวกับคำสั่งประกาศิต หญิงสาวหยุดชะงักการก้าวเท้าลงทันที ก่อนจะเบี่ยงร่างกายเพื่อหันไปหาต้นเสียงที่มาอีกหน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“…...” ชายหนุ่มจดจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้า แววตานิ่งเรียบของเธอ ไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างเลยสักนิด
“นี่เธอไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ?”
“ก็….” กานต์แก้วลากเสียงยาว “ก็ไม่นี่คะ” ว่าแล้วก็หุนหันเดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะละสายตาจากหญิงสาวที่ข้ามพ้นไปยังอีกฟากฝั่งของถนน

“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผู้ดูแลหนุ่มนัยน์ตาคม เอ่ยถามทันทีที่คนนั่งเบาะข้างปิดประตูรถ
“ช่างเถอะ” เขาบอกด้วยใบหน้านิ่งเรียบ แต่ความคิดกลับเต้นเร่าราวกับแมลงบินเข้ากองไฟ
‘ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย….ไม่สิ ? ต่อให้เรือนหมื่น เรือนแสน บรรดาอิสตรีแทบครึ่งค่อนโลก ต่างพร้อมที่จะพลีกายมอบหัวใจให้แก่เขา แต่นี่อะไร…ผู้หญิงคนนั้น กลับไม่มีอาการตื่นเต้นดีใจเผยออกมาสักนิด’
“แล้วนี่อีกไกลมั้ยกว่าจะถึงบ้านหลังนั้น”
“คงอยู่แถวๆนี้แหละครับ ลองวนรถหาอีกสักรอบถ้าไม่เจอค่อยถามทางกับคนแถวนี้ดู”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะใช้สัญญาณมือเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายแตะคันเร่งส่ง







รถสปอร์ตหรูสองประตูขับเข้ามาจอดกึกอยู่หน้ารั้วบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง สองหนุ่มก้าวลงจากรถพร้อมๆกัน ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ
ภายในบริเวณบ้านหลังนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง ทั้งสองฟากฝั่งเต็มไปด้วยต้นกล้วยน้อยใหญ่ที่ผุดแทรกตั้งตระหง่านอย่างไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบเท่าไรนัก
“ใช่ที่นี่จริงๆเหรอชล”
“ครับ ผมคิดว่าไม่น่าจะผิด เพราะถามคนจากปากซอยหมู่บ้านเขาก็แนะนำมาทางนี้”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเดินไปหยุดตรงประตูรั้วมองหาอะไรบางอย่าง
“เอ่อ คุณคินหาอะไรหรือครับ”
“หาออด” จบคำ อีกคนที่ตั้งคำถามก็ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่
“นายขำอะไร” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูง เลิกคิ้วถามคนตรงหน้า
“แถวนี้มันบ้านนอกนะครับ คงไม่มีอะไรอย่างที่คุณคินว่าหรอก”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”

“งั้นลองวิธีผม” เขาว่า พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆชายหนุ่ม แล้วตะโกนออกมาดังๆ “มีใครอยู่หม้ายยย”
“วิธีนี้มันจะได้ผลรึไง” ชายหนุ่มหันไปถาม ชักหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เพียงชั่วอึดใจก็มีเสียงร้องทักใสแจ้วลั่นมาแต่ไกลจากภายในบ้าน
“มาแล้วค่า…มาแล้ว”
กลิ่นเกล้า รีบวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ พอดวงตากลมโตเข้าใกล้ระยะคนแปลกหน้าทั้งสองแล้ว จู่ๆอาการตะลึงงันลมแทบจับก็เผยแวว จนอีกฝ่ายที่ยืนมาดเข้มอยู่นอกรั้วลอบสังเกตได้
“อะ….อะ อคิน!!!”

กรี๊ดดดดด
สุดเสียงลั่นบ้านเพียงแค่นั้น เด็กสาวก็เป็นอันล้มพับหมดสติไป
“คุณ!” ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะบอกปัดให้ลูกน้องนัยน์ตาคม ช่วยดูแลคนที่นอนแน่นิ่งตรงหน้าอย่างจ้าละหวั่น




โปรดติดตามตอนต่อไป



เอื้อสิริ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2556, 21:37:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2556, 21:37:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1190





   จำยอมรับข้อเสนอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account