รหัสรักลุ้นวิวาห์ ( NC เบาๆ)
‘กฏและข้อบังคับของว่าที่ภรรยา’
1. ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ฝ่าฝืนปรับสองจูบ
2. ห้ามออกความคิดเห็นจนกว่าจะเปิดโอกาส ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
3. ห้ามเถียง ห้ามต่อปากต่อคำ ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
4. ห้ามใส่ชุดที่นำมาจากบ้าน เพราะมีชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้า ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
5. ห้ามแสดงอาการไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น ฝ่าฝืนปรับสี่จูบ
6. ห้ามโกหก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
7. ว่ายน้ำด้วยกันทุกวันอาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น ฝ่าฝืนปรับสามจูบ
8. เวลารับประทานอาหารต้องลงมารอก่อนทุกครั้ง ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
9. ประการสุดท้าย หากยังเพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตาม โทษฝ่าฝืนร้ายแรง นอนด้วยกันตลอดสามคืน….อคิน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: จำยอมรับข้อเสนอ

“พี่เกล้า…” เสียงป้อมๆกรอกใส่หูคนที่นอนสลบเหมือดอยู่บนโซฟากลางบ้าน
กลิ่นเกล้าค่อยๆคลี่ตาขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก พร้อมกับมองกวาดไปทั่วทุกทิศทุกทาง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย”
“ฝันอะไรเหรอพี่เกล้า” ก้องกล้าถาม

“ก็ฝันว่า..” เธอหมายถึง อคิน ดาราสุดฮอตที่สาวๆต่างคลั่งไคล้
“ฝันว่ามีผู้ชายสองคนมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วก็”

“ฝันที่ไหน ก็ผู้ชายสองคนนั้นยืนอยู่หน้าบ้าน” ก้องกล้าว่า พร้อมกับชี้นิ้วบอก กลิ่นเกล้าค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากโซฟา ทอดสายตาไปเบื้องหน้า เธอก็ถึงกับร้องแหวออกมา แล้วรีบเอามือป้องปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงแจ้วราวนกหวีดดังลั่นไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้ผล….
อคินหนุ่มรูปงามพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ชลภัทรเดินนำเข้าไปในบ้าน พร้อมกับสาวเท้าตามเข้าไปติดๆ ทุกย่างก้าวของบุรุษเพศราวกับเทพบุตรลงมาจากสรวงสวรรค์

เวลานี้ราวกับว่านาฬิกาแขวนบนผนังมันหมุนช้าเหลือเกิน เด็กสาวที่นั่งเอามือป้องปากสายตาจดจ้องคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างไม่ละวาง กลิ่นเกล้าบิดแขนไปมาด้วยความเขินอาย เป็นใครจะไม่เขินบ้างล่ะ? จู่ๆก็มีดาราสุดหล่อมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน ให้หัวใจมันเต้นแรงถี่ๆจนแทบจะปริแยกแตกเป็นเสี่ยงๆ

กรี้ดดดดด
“ไม่ไหวแล้วเว้ยยยย” กลิ่นเกล้าลากเสียงแหลมสูงปรี้ด เล่นเอาน้องชายหุ่นจ้ำม่ำที่นั่งบนขอบโซฟาพลอยตกใจกับคอหอยร้อยหลอดลมของเธอไปด้วย

“อคินๆๆๆจริงๆด้วย” เด็กสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาหนุ่มในฝัน ออกอาการลิงโลดเขย่าแขนคนตรงหน้าไปมาอย่างลืมตัว
อคินยังส่งสายตานิ่งเรียบ ไม่มีทีท่าจะยิ้มรับกับไมตรีของเด็กสาว ใบหน้าคมคิ้วดกเข้มของเขาจดจ้องกลิ่นเกล้าคล้ายกับให้ปล่อยแขนของเขาสักที

และแล้วความนิ่งก็สามารถสยบอาการตื่นเต้นดีใจของเด็กสาวลงได้ กลิ่นเกล้าละมือออกอย่างเกร็งๆ จะเชื้อเชิญให้แขกตรงหน้าไปนั่งโซฟา ก็ตะกุกตะกักทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งงันเป็นนานสองนาน

“จะเป็นไรมั้ยถ้าเราจะขอไปนั่งตรงนั้นก่อน” ชลภัทรแทรกขึ้น ขัดบรรยากาศความเงียบ กลิ่นเกล้าเก้อๆกังๆก่อนจะพยักหน้าตอบ แล้วนำหนุ่มทั้งสองไปยังโซฟากลางบ้าน

“คุณใช่มั้ยที่ชื่อกานต์แก้ว ไพภานี” อคินยิงคำถามใส่เด็กสาวร่างเล็กทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง และนั่นก็เป็นคำถามดุจเพชฌฆาต ให้กลิ่นเกล้าอ้ำอึ้งเป็นใบ้กินอยู่นานสองนาน

“เอ่อคือ…” เหมือนเสียงของคุณเธอจะขาดห้วง
“อ๋อเนี่ยพี่เกล้า แต่พี่แก้วอยู่ข้างนอกยังไม่กลับมาเลยครับ” แต่ก็ได้เด็กชายก้อง น้องร่างท้วมเติมคำให้ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างสำทับ
คนนั่งข้างๆหันกลับมาแลตาเป็นฟืนเป็นไฟ คล้ายกำลังถูกพรากของรักจากอก ไม่มีวันจะได้กลับคืนมาซะอย่างนั้น
“ไอ้อ้วน ฮึ่ม…” กลิ่นเกล้าขบฟันกรอด แต่ก้องกล้าก็หาไหวติงกลับอาการของพี่สาวแต่อย่างใด
“นั่นไงพี่แก้วมาแล้ว” ก้องกล้าบอก พร้อมกับไล่นิ้วไปยังหน้าบ้าน

ชายหนุ่มมาดเท่ทั้งสองแหงนหน้าขึ้นให้อยู่ในระดับของสายตา แลเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชวนคุ้นหน้าเหมือนเคยพบเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ใช่..” อคินพึมพำ นึกถึงเหตุการณ์วุ่นๆก่อนหน้านี้ที่ร้านไอศกรีม ใบหน้านิ่งขยับยิ้มในมุมปาก
‘ผู้หญิงที่ทำเป็นไม่สนใจอย่างเธอ มันจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว’

ชายหนุ่มผุดลุกยืนเต็มความสูง แล้วปรี่ไปยังนอกบ้านทันที ตามด้วยสามคนที่เหลือลุกเดินตามไปติดๆ
“เธองั้นเหรอกานต์แก้ว” เขาถาม ราวกับฝึกพูดประโยคนี้มาจนชิน

หญิงสาวที่เดินก้มหน้ามาดุ่ยๆถึงกับผงะ เมื่อใกล้เฉียดกายภายใต้ชุดสูทสุดหรู หน้าถอดสีทันทีเมื่อพบชายหนุ่มตรงหน้า
“คะ…คุณ” กานต์แก้วพยามชี้นิ้วไปยังคนตรงหน้า แต่ดูเหมือนมันหนักอึ้งราวกับแบกหินไว้บนบ่า
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือฉันผิดไปแล้วอย่าเอาเรื่องเลยนะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยชายหนุ่มเป็นการใหญ่ เพราะเข้าใจผิดว่าเขาตามมาเอาเรื่อง โทษฐานที่ทำให้เสื้อสูทเลอะ

อีกฝ่ายจดจ้องหญิงสาวร่างบางอย่างงงๆ นึกขันในความคิดกับท่าทางของเธอ แต่ก็ไม่ได้เผลอจนถึงกับแสดงอาการออกมา
“เธอมาขอโทษฉันทำไม” เขาเลิกคิ้วถาม ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“ก็เรื่องที่ฉัน…” กานต์แก้วค้างประโยค แล้วไล่นิ้วลงมาชายสูทของอคิน

อคินแค่นยิ้มก่อนบอกเจตนาที่แท้จริง “ฉันไม่ได้มาหาเธอเพราะเรื่องนี้สักหน่อย” เขาว่า พร้อมกับส่งสัญญาณมือให้ชลภัทร
ลูกน้องนัยน์ตาคมสาวเท้าเข้าไปอีกสองสามก้าว แล้วยื่นกระดาษสีขาวเล็กๆแผ่นหนึ่งให้กับอคิน
ชายหนุ่มรับมาจากมือ ก่อนจะส่งต่อให้กานต์แก้วอีกครั้ง

หญิงสาวมองกระดาษพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าอย่างงงๆ “คุณเอากระดาษมาให้ฉันทำไม”
“ก็มันเป็นของๆเธอ รับไปสิ”
กานต์แก้วคว้ากระดาษใบนั้นมาอย่างว่าง่าย สายตาเริ่มอ่านรายละเอียด ดวงตาคู่หวานเบิกโพลงขึ้นมาทันใด
“หนึ่งล้าน!!” เธออุทาน อคินแค่นยิ้มมุมปากที่คนตรงหน้าทำท่าทางตื่นเต้น แต่ผิดคาด…
“ฉันไม่รับ เอากระดาษของคุณคืนไป” เธอว่า พร้อมกับส่งเช็คจำนวนหนึ่งล้านบาทให้ชายหนุ่มอย่างไม่เสียดาย
“นี่เธอกล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้” อคินจ้องเขม็ง ทำเสียงดุ
“ฉันขอยืนยันคำเดิมเอาของคุณคืนไป”

“ถ้างั้น…เท่ากับเธอสละสิทธิ์?” เขาถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“ค่ะ” กานต์แก้วตอบ เผชิญสายตากร้าวอย่างอาจหาญ
สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก กลิ่นเกล้าเห็นว่าทุกอย่างที่วางไว้เริ่มคลาดเคลื่อน เธอจึงรีบสาวเท้ามาหาพี่สาว ก่อนจะโน้มคอกานต์แก้ว แล้วขอตัวไปคุยธุระกับคุณเธอสักประเดี๋ยว

“ลากพี่มาทำไมเนี่ยเกล้า” กานต์แก้วบอก พร้อมกับปลดการตรึงจากแขนเรียวของน้องสาว
“พี่ปฏิเสธไม่ได้นะ”
“ทำไม ทำไมพี่จะปฏิเสธไม่ได้” หญิงสาวตอกกลับ อีกฝ่ายนิ่งใช้ความคิด ก่อนจะโพล่งขึ้น
“แม่ไง ถ้าพี่ปฏิเสธแม่ต้องแย่แน่ๆ” กลิ่นเกล้างัดของสูง เล่นถึงบุพการีมาเป็นข้อต่อรอง ได้ผล..อีกฝ่ายทำตาโตสีหน้าชักไม่สู้ดี
กลิ่นเกล้าได้ที เริ่มตีสีหน้าเศร้า ก่อนจะเล่าความเท็จว่าแม่กำลังป่วยหนัก ต้องใช้เงินในการรักษาเป็นจำนวนมาก
“แล้วเกล้ารู้ได้ยังไงว่าแม่ไม่สบายหนัก”

“อ่ะ…เอ่อ” คำถามจี้จุดจนเจ้าตัวแทบสะอึก ก่อนจะไหลลื่นสาธยาย เป็นฉากๆอย่างแนบเนียน
“ก็เมื่อหลายวันก่อน” กลิ่นเกล้าชะงักประโยค พร้อมกับบีบหยดน้ำให้เริ่มคลอเคล้าดวงตา “เกล้าเข้าไปในห้องนอนแม่ บังเอิญไปเจอถุงยา แล้วก็..ฮือๆๆ” คราวนี้น้ำตาแทบไหลเป็นสายน้ำ

“เป็นอะไร!!แม่เป็นอะไร” กานต์แก้วเขย่าตัวน้องสาวอย่างแรง
“แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ฮือๆ” กลิ่นเกล้าแสร้งพูดทั้งที่ในใจอย่างเขกกะโหลกตัวเองงามๆสักทีสองที ที่กล้าแช่งมารดา ‘เพื่อการแสดงนะแม่จ๋า อย่าว่าหนูนะ” ถ้อยคำวิงวอนในห้วงนึกคิด

คำตอบที่ได้ยินจากปากของน้องสาว เล่นเอากานต์แก้วถึงกับเข่าแทบทรุด หมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะยืน หญิงสาวค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนขอนไม้ใต้ต้นมะขามบริเวณข้างบ้าน ด้วยสีหน้าเจือปนความเศร้า

“พี่แก้วไม่ต้องเครียดไปหรอก ถ้าอายุเกล้าถึงคงไม่ง้อพี่หรอก” กลิ่นเกล้าเผลอหลุดปาก เด็กสาวรีบกลืนคำพูดนั้นลงในลำคอ ก่อนจะหันมาส่งแววตาเศร้า แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เมื่อกี้ เกล้าบอกว่าอะไรนะ”
“ปะ..เปล่าหรอก เกล้าแค่บอกว่า จะดึง….จะดึงฝักมะขาม” เด็กสาวตอบลื่นเป็นปลาไหล
จิตใจผุดแทรกขึ้นมาเป็นสองความคิด อีกฝ่ายบอกให้ตอบตกลงถ้ารักแม่ แต่อีกฝ่ายกลับบอกถ้าไม่อยากตกนรกทั้งเป็นให้ปฏิเสธ หญิงสาวชั่งใจอยู่ชั่วครู่ สลัดความคิดตัวช่วยทั้งสองฟากฝั่ง ก่อนจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบที่ผุดขึ้นในดวงตาคู่หวานนั้น…







“ก็ได้ ฉันตกลง” กานต์แก้วบอก พร้อมกับแบมือ
อคินเลิกคิ้วก้มมองตามฝ่ามือเรียว ก่อนจะถึงบางอ้อ เขาส่งเช็คใบเดิมให้หญิงสาวอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสองสาวนั้นจะแอบคุยหรือตกลงอะไรกัน แต่ที่แน่ๆความรู้สึกในตอนนี้ของชายหนุ่มดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
“ดี…งั้นอีกสามวัน คนของฉันจะมารับเธอที่นี่” เขาว่า พร้อมกับพยักหน้าให้ชลภัทร ก่อนที่คนทั้งสองจะเดินจากไป ทิ้งให้คนที่ยืนหน้าเศร้าสองจิตสองใจ แทบอยากจะเป็นบ้าขึ้นมาทันที

“ดูเหมือนคุณกานต์แก้วเขาจะไม่ค่อยรู้จักคุณคินสักเท่าไรเลยนะครับ” ชลภัทรถามขณะที่รถสปอร์ตหรูแล่นลิ่วพ้นจากบ้านหลังนั้นมาแล้ว
“เดี๋ยวเธอก็ต้องรู้จัก”ชายหนุ่มแค่นยิ้ม ดวงตาประกายระยิบเผยแววซ่อนเร้น ทอดผ่านไปยังเบื้องหน้าอย่างมีจุดหมาย
นานมาแล้วที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ทำให้เขาต้องรู้สึกอยากเอาชนะกับหัวใจดวงน้อยๆอย่างกานต์แก้วมาก่อน เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้องใช้ใจสัมผัสถึงกับคำว่ารักจากหญิงใด

แมลงหนุ่มทรงเสน่ห์อย่างเขา…ไม่จำเป็นต้องทะยานหากลีบเกสรเพื่อดอมดม เพียงแค่อยากเชยชมดอกไม้นั้นก็พัดพา มาดั่งตั้งใจ….



เอื้อสิริ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2556, 18:47:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2556, 18:47:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1174





<< บทนำ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account