รัตนมณีแห่งหัวใจ

Tags: แฟนตาซีโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1
ตลาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของรัตนนคร ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของกันอย่าง
สนุกสนานปะปนกับเสียงร้องตะโกนโหวกแหวกของพ่อค้าแม่ขายตามร้านค้าต่างๆที่พากันเชิญชวนให้ผู้คนมา
แวะชมซื้อหาสินค้าในร้านของตนซึ่งมีมากมายให้เลือก ตั้งแต่เครื่องประดับสตรี อัญมณีสีสันต่างๆ ผ้าไหม
แพรพรรณหลายแบบให้เลือก รวมถึงของกินของใช้อื่นๆอีกหลากหลายชนิด อีกทั้งยังมีพ่อค้าต่างเมืองมาติดต่อ
ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันมากมาย จึงทำให้ตลาดนี้ดูครึกครื้นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ผู้คนล้วนแล้วแต่มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเปี่ยมสุข บ้านเรือนก็ตบแต่งประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน
กับโคมระย้าสีสวยเหมือนกำลังจะมีงานรื่นเริงเกิดขึ้น

ท่ามกลางผู้คนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของอยู่นั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เกินบุรุษทั่วไปดูสง่างาม
สวมเสื้อคลุมสีดำปิดบังใบหน้าเว้นไว้เพียงดวงตาคมเข้มสีนิลภายใต้คิ้วดำหนาได้รูปสวย กำลังเดินชมตลาด
ไปเรื่อยๆไม่สนใจแวะชมเลือกซื้อสินค้าแต่ประการใด ทุกจังหวะย่างก้าวของชายหนุ่มผู้นี้ดูมั่นคงมีสง่าน่าเกรง
ขามแก่ผู้พบเห็น รอบๆตัวชายหนุ่มยังมีชายหนุ่มอีกสามคนรูปร่างสูงใหญ่พอๆกันทว่าไม่สูงสง่าเท่า แต่งกาย
ด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งชุดเหมือนกันหมดแต่ไม่ได้สวมเสื้อคลุม ทั้งสามคนเดินตามหลังชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดำ
ไปเรื่อยๆเพื่อทำหน้าที่คุ้มกัน
“นายท่านเมืองนี้ดูคึกคักดีนะ” หนึ่งในสามผู้ติดตามเอ่ยขึ้น

“นั่นสิท่านชยธร ดูเหมือนกำลังจะมีงานสำคัญด้วย” อีกคนจึงขอออกความเห็นบ้าง
“เมืองนี้ดูร่ำรวยมั่งคั่งสมชื่อจริงๆ” เมื่อสองผู้ติดตามต่างพากันออกความเห็นชายคนที่สามก็ขอส่งเสียง
กับเขาบ้าง ทว่าผู้ที่เดินนำหน้ากลับไม่เอ่ยอะไรออกมาเพียรเดินไปเรื่อยๆ จุดหมายคือ ร้านขายน้ำข้างหน้า
ตัวร้านเป็นเพิงไม้เล็กๆ โต๊ะเก้าอี้กับของใช้ในร้านดูสะอาดสะอ้าน พอไปถึงก็นั่งลงพร้อมกันแล้วปลดผ้าคลุม
หน้าออก จึงรู้ว่าทุกคนไว้หนวดเคราเหมือนกันหมดทว่าดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มทั้งสี่ผิวออกขาวแต่ไม่
ถึงขั้นขาวจัด และผู้ที่ดูสูงสง่ากว่าเพื่อนนั้นดูสะดุดตากว่าใครโดยเฉพาะดวงตาคมเข้มสีนิลนั้นดูมีอำนาจ
รับกับคิ้วหนาเข้มดำได้รูปสวยจนผู้ที่เห็นอดสงสัยไม่ได้ว่าหากใบหน้าชายหนุ่มผู้นี้ปราศจากหนวดเคราจะดูดี
แค่ไหน

“นั่งพัก ดื่มน้ำดับกระหายก่อนค่อยไปต่อ “ เสียงทรงอำนาจก้องกังวาลของชายหนุ่มที่ดูงามสง่าคมเข้ม
กว่าเพื่อนเอ่ยขึ้นในที่สุด
ชายชราเจ้าของร้านพอได้ยินก็รีบเข้ามาหา ยิ้มรับด้วยไมตรีแล้วเอ่ยถามขึ้น
“จะดื่มอะไรครับนายท่าน”
“ลุงที่นี่มีน้ำอะไรบ้าง พวกเราจะได้สั่งถูก” เสียงหนึ่งในผู้ติดตามชายหนุ่มที่ดูมีอำนาจงามสง่าถามแทน
ชายชราเจ้าของร้านยิ้มรับกับคำถามที่ถูกใจก่อนนำเสนอสินค้าของตนให้ลูกค้าเลือก

“เมื่อก่อนเราขายเฉพาะเหล้ากับน้ำชา แต่วันนี้เรามีน้ำผลไม้หลายชนิดไว้บริการลูกค้าตามคำแนะนำ
ขององค์หญิงอัมภัสชาครับนายท่าน” และคำว่าองค์หญิงอัมภัสชานั้นมีผลทำให้นัยน์ตาคมเข้มสีนิลของ
ใครคนหนึ่งวาววับขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ใครกันองค์หญิงอัมภัสชา” ชายหนุ่มคนเดิมถามอีก

ชายชรายิ้ม “พวกท่านคงเป็นคนต่างเมือง ถึงไม่รู้จัก รัตนนครของเรานอกจากองค์ตีรณธรที่เพิ่งจะ
เสด็จขึ้นครองราชย์มาได้ไม่นานยังมีองค์หญิงอัมภัสชาพระขณิษฐาที่คอยดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรอีก ลือกันว่า
องค์หญิงชอบส่งนางกำนัลมาสอดส่องดูแลทุกข์สุขของประชาชนแล้วไปกราบทูลถวายรายงานให้พระอัยยิกา
ผู้เป็นย่าทรงทราบเพื่อประทานความช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายที่...” เสียงชายชราเหมือนผิดหวังในที่สุด
“น่าเสียดายอะไรลุง” ชายหนุ่มคนเดิมถามอีก

“เปล่าไม่มีอะไรไหรอก” ชายชราเหมือนไม่อยากบอก พวกเขาทั้งหมดจึงไม่คิดจะซักต่อ เงียบกันไป
พักหนึ่งชายหนุ่มอีกคนก็เอ่ยขึ้น
“บ้านเมืองลุงตบแต่งได้สวยมาก”

“ปกติไม่ได้ตบแต่งอะไรหรอกท่าน แต่อีกไม่ถึงเดือน เหนือหัวองค์ใหม่จะทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษก
สมรสกับองค์หญิงวัสสิกาแห่งสินธุนคร จึงมีพระบรมราชโองการให้ประดับประดาบ้านเมืองให้สวยงามเพื่อ
ต้อนรับพระราชอาคันตุกะที่จะมาร่วมงานฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรส”
“ขอบใจนะลุงที่ช่วยบอกให้พวกเราทราบ พวกเราจะได้ไม่ทำอะไรผิด เอาล่ะลุงมีน้ำอะไรดับกระหาย
ก็ยกมาได้เลย” ชายหนุ่มอีกคนบอกหลังได้ข้อมูลมากพอแล้ว แต่แล้วจู่ๆคนที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น

“ข้าอยากให้พวกเจ้าลองชิมน้ำผลไม้ของเมืองนี้ดู” สิ้นเสียงทรงอำนาจทุกคนก็ยิ้มแฮะๆก่อนหันไปสั่ง
เครื่องดื่มกับเจ้าของร้าน
“ลุงมีน้ำผลไม้อะไรก็ยกมา พวกเราจะชิมให้หมด น้ำอื่นไม่เอา”

ชายชรายิ้มหน้าบานทันทีที่ลูกค้าเรียกหาเครื่องดื่มที่ตนแนะนำแล้วรีบไปจัดเตรียมให้
“ไม่คิดว่านายท่านจะโปรดน้ำผลไม้” หนึ่งในผู้ติดตามเปรยออกมาหลังน้ำผลไม้ทั้งหมดถูกนำมาวางไว้
บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“มาต่างถิ่นแล้วพลาดของขึ้นชื่อของเขาก็น่าเสียดาย จริงไหม” เสียงทรงอำนาจกล่าวอย่างไม่จริงจังนัก
ก่อนยกถ้วยน้ำองุ่นขึ้นดื่มจนหมดพลางส่งสายตาคมกล้ามองไปรอบๆ

“นายท่านรัตนจะผูกมิตรกับสินธุที่มีกษัตริย์โลภเที่ยวยึดครองนครน้อยใหญ่ที่ไม่มีทางออกทะเลไปทั่ว
โดยอาศัยช่องทางออกทะเลมาต่อรอง คราวนี้ส่งองค์หญิงวัสสิกามาอภิเษกกับเหนือหัวองค์ใหม่ของรัตนนคร
คงหวังจะยึดรัตนชาติของนครนี้เป็นแน่แท้” หนึ่งในผู้ติดตามออกความเห็นในที่สุด

“ชยธร ท่านคิดว่ารัตนรู้ไม่เท่าทันเล่ห์สินธุเรอะ เหตุผลการแต่งงานมันต้องมีเงื่อนงำมากกว่านี้
กษัตริย์องค์ใหม่ของรัตนก็ใช่ว่าจะโง่ ต้องมีอะไรสนุกๆให้ดูแน่ เอาล่ะหมดเวลาพักแล้ว แยกย้ายกันไปชมเมือง
กันดีกว่า แล้วเจอกันที่ที่พักนอกเมือง” สั่งจบคนสั่งก็พาร่างสูงใหญ่ดูสง่าก้าวออกจากร้านไปตามลำพังสร้าง
ความมึนงงให้กับผู้ติดตามทั้งสามและมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนวางเงินไว้บนโต๊ะเป็นค่าเครื่องดื่มแล้วต่างคน
ต่างเดินไปคนละทาง
ชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช

ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตากับพ่อค้าแม่ค้าที่พากันร้องตะโกนส่งเสียงเรียกผู้คนเข้ามาแวะซื้อของ
กันอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวสามนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสาวชาวบ้านธรรมดาเดินปะปนกับผู้คนที่เดินไปมาเหมือน
ต้องการมาจับจ่ายซื้อของในตลาดทว่ากลับมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณงดงามสะดุดตาผิดแปลกจากสาวชาว
บ้านทั่วไป โดยเฉพาะหญิงสาวร่างบางอรชรงดงาม ผิวขาวใสอมชมพูเนียนละเอียดทว่ากลับปิดบังใบหน้า
ไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าสีขาวบางใสจึงเห็นเพียงดวงตากลมโตสุกใสงดงามภายใต้คิ้วเรียวสวยสีน้ำตาลเข้มรับ
กับผมยาวสลวยเกือบถึงสะโพกรวบไว้ด้วยผ้าสีขาวลายสวย มือเรียวเล็กขาวนวลเนียนอมชมพูนั้นบอกให้รู้ว่า
หญิงสาวผู้นี้คงไม่เคยหยิบจับของหนักให้ผิวหยาบกร้านแต่ประการใด ลักษณะนี้ผิดจากหญิงสาวอีกสองคน
ซึ่งเปิดเผยใบหน้างดงามสะดุดตากว่าสาวชาวบ้านทั่วไปให้เห็นด้วยมั่นใจในความงามที่มีอยู่เต็มเปี่ยมเดิน
ขนาบข้างหญิงสาวผู้ปิดบังใบหน้าไปด้วยกัน

ปกติหญิงสาวชาวรัตนนครที่ได้รับการศึกษาดีหน่อย ฐานะดี มักจะปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้า
สีขาวเนื้อบางเบาหรืออีกนัยหนึ่งก็เพื่อปกปิดใบหน้าอัปลักษ์ของตน ส่วนหญิงสาวที่ไม่ค่อยสนใจการศึกษา
แต่หน้าตาดี เก่งการบ้านการเรือน ฐานะปานกลางจะเปิดเผยใบหน้าทว่าหญิงสาวที่ปิดหน้าผู้นี้กลับอยู่นอกเหนือ
กฎดังกล่าว
“องค์...เอ๊ย...คุณหนูพวกข้าขอไปดูเครื่องประดับกับหีบไม้ไว้ใส่เสื้อกับผ้าเครื่องประดับจะได้ไหมเจ้าคะ”
หนึ่งในสองสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างเกรงใจ
“ไปเถอะแล้วรีบกลับมานะ เราจะคอยอยู่แถวๆนี้” หญิงสาวผู้ปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งบอกด้วย
น้ำเสียงอันไพเราะ

สองสาวยิ้มหน้าบานเมื่อผู้เป็นนายอนุญาต “ขอบคุณเจ้าค่ะ” แล้วพากันไปเลือกซื้อหาของตามที่
ตั้งใจไว้ทิ้งให้นายสาวอยู่ตามลำพัง
หลังผู้ติดตามผละไปแล้วร่างบางงดงามอรชรก็เดินสำรวจร้านรวงกับผู้คนไปเรื่อยๆกระทั่งมาหยุด
อยู่ที่แผงขายภาพแห่งหนึ่งและให้ความสนใจชายชราเจ้าของแผงซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าๆสีเทา กำลังใช้
ภู่กันในมือตวัดลายเส้นลงบนผืนผ้าอย่างอ่อนช้อยงดงามโดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครแวะมาชมมาซื้อหรือไม่
ดวงตากลมโตสุกใสงดงามทอดมองภู่กันในมือชายชรานิ่ง ภู่กันราคาแพงเหมาะที่จะไปอยู่ในมือของ
จิตกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าจะมาอยู่ในมือของชายชราแต่งกายซ่อมซ่อ หญิงสาวยืนนิ่งจ้องมองชายชรา
อยู่นานก่อนทักขึ้นว่า

“ท่านเสนาบดี ตกต่ำถึงขั้นต้องมาวาดภาพขายเชียวเรอะ”
ชายชราหันมามองตามเสียงทักแล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งแล้วทักขึ้นเหมือน
คุ้นเคยกันดี
“นึกว่าใครที่แท้ก็... เออ จริงสิแม่หนูออกมานี่ไม่กลัวถูกท่านพี่ดุเอาเรอะ”
“ไม่หรอก เราชินแล้ว พี่หญิงดุไปอย่างนั้นเอง อยู่ในวังก็มีแต่ทำให้เธอเกะกะรำคาญเปล่าๆ“ พูดจบก็
ถอนใจเบาๆ

ชายชรามองหน้าหญิงสาวตรงหน้าแล้วหวนนึกถึงครั้งตนยังรับราชการอยู่ในราชสำนัก มีตำแหน่งใหญ่
โตเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เพราะความหวังดีไปคัดค้านเจ้าชีวิตองค์ใหม่ไม่ให้อภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งสินธุนคร
ที่ลือกันว่าทรงพระศิริโฉมงดงามนักเพราะอาจนำภัยมาสู่บ้านเมืองได้จึงทำให้ทรงกริ้วจัดถึงกับสั่งปลดออกจาก
ตำแหน่งทันที ยังดีไม่ถึงขั้นประหาร องค์หญิงอาวิสาผู้เป็นพระขนิษฐาคนโปรดทรงเห็นด้วย ยกเว้นเจ้าหญิง
องค์น้องผู้อาภัพผู้นี้ นับแต่สิ้นบุญพระราชบิดาก็เหมือนขาดที่พึ่งแต่เพราะเป็นราชนัดดาคนโปรดของพระอัยยิกา
จึงทำให้องค์หญิงอาวิสาผู้มีมารดาเป็นถึงพระมเหสีทรงเกรงบ้าง ส่วนองค์หญิงอัมภัสชามีมารดาเป็นแค่พระสนม
เท่านั้น แต่เป็นพระสนมคนโปรดของเหนือหัวองค์ก่อน

พอประสูติมาพระมารดาก็สิ้นพระชนม์ พระราชบิดาจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง
ให้เป็นราชกุมารีตำแหน่งเสมอเทียบเท่าพระราชธิดาที่เกิดจากพระมเหสีและทรงมอบให้พระราชมารดา
ของพระองค์เลี้ยงดูแทน จึงทำให้พระมเหสีทรงยำแกรงบ้าง แม้กระนั้นภายในวังยังเรียกราชธิดาที่เกิด
จากพระมเหสีว่าพระราชกุมารีตามที่พระนางทรงให้เหล่าข้าราชบริพารผู้รับใช้ใกล้ชิดเรียกเพื่อประชด
พระสวามี หากองค์เหนือหัวกลับไม่ใส่พระทัยนักจึงกลายเป็นว่าเมื่อเอ่ยถึงพระราชกุมารีจะหมายถึงพระราช
ธิดาที่เกิดกับพระมเหสี ส่วนราชกุมารีคือพระราชธิดาที่ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเพราะพระมารดาเป็นแค่
พระสนมเท่านั้น

พระราชกุมารีอาวิสานั้นมากด้วยความถือพระองค์ หยิ่งทะนงว่างามสง่ากว่าใครๆ อีกทั้งพระเชษฐาทรง
ให้ท้ายเพราะเป็นพระขนิษฐาร่วมอุทรส่วนองค์หญิงอัมภัสชาก็โปรดเหมือนกันแต่ไม่เท่าพระขนิษฐาร่วม
อุทรเดียวกัน ด้วยวัยที่ผ่านโลกมามากพอมองออกว่า สาเหตุที่องค์หญิงอาวิสาชิงชังพระขนิษฐานั้นคงเพราะ
ยิ่งนับวันความงามที่มีอยู่ในตัวองค์หญิงอัมภัสชาจะฉายเด่นออกมาทุกที อันว่าสตรีย่อมทนไม่ได้หากมีใคร
สวยเด่นเกินกว่าตน
“แม่หนูสนใจภาพของลุงไหม” อดีตเสนาบดีพูดกับหญิงสาวเหมือนชาวบ้านทั่วๆไป คงไม่เป็นการดีแน่
ถ้าทำให้ผู้อื่นผิดสังเกต

“น่าสนใจดี ถ้าท่านลุงให้ข้า ข้าก็ยินดีรับไว้ แต่ข้ามีเรื่องอยากถามท่านลุงเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรล่ะแม่หนู”
“ข้าสงสัย ทำไมถึงมีคนต่างเมืองมารัตนมากมายนัก”
“ก็ไม่เห็นแปลก รัตนกำลังจะมีงานสำคัญ ข่าวการอภิเษกสมรสระหว่างองค์เหนือหัวกับองค์หญิงวัสสิกา
จากสินธุย่อมทำให้ใครๆอยากมาเห็น สองเมืองใหญ่ผู้มั่งคั่งกำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันต่อไปคงยากจะหาใคร
มาเทียบได้”

“ท่านลุงคิดอย่างนั้นใช่ไหม”
“มันควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เรอะแม่หนู” อดีตเสนาบดีตอบพลางวาดภาพไปพลาง สักพักคู่สนทนา
ต่างวัยก็ลุกขึ้นเหมือนนึกอะไรได้
“ข้าขอตัวก่อน ถ้ามีโอกาสข้าจะมาหาท่านลุงใหม่” ว่าแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้ชายชรามองตาม
ร่างบางอรชรที่ค่อยๆเดินห่างหายไปท่ามกลางผู้คนแล้วถอนใจเบาๆก่อนหันไปสนใจตวัดภู่กันวาดภาพต่อ
ชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช

หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆตามท้องถนนที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาเพื่อตามหาพวกที่มาด้วยกัน เดินไป
สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าหลายตัววิ่งผ่านมาตามทางอย่างรวดเร็ว คนบนหลังม้าเป็นชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่
สวมชุดทหารต่างเมืองร้องตะโกนสั่งผู้คนราวกับเป็นเจ้าชีวิตก็ไม่ปาน
“หลีกทาง! องค์รัชทายาทแห่งสินธุนครผู้นำเสด็จองค์หญิงวัสสิกามายังรัตนนครกำลังจะเสด็จผ่าน
พวกเจ้าจงหลีกทางให้ขบวนเสด็จเดี๋ยวนี้ ! ”

หญิงสาวได้ยินแล้วรู้สึกไม่พอใจ นึกไม่ถึงเมืองที่ได้ชื่อว่าทรงแสนยานุภาพทางทะเลจะมีกิริยาอัน
ป่าเถื่อนเช่นนี้ คิดจะขู่ชาวรัตนหรือไร ผิดวิสัยแขกเมืองที่ดี หยามเกียรติกันเกินไปแล้ว ถ้าเจ้าพี่ทรงทราบจะ
ทรงทำเช่นใด เหตุใดชาวรัตนยังยืนนิ่งให้คนต่างเมืองมาวางอำนาจอยู่ได้
‘โอ้...อนิจจาชาวรัตน ไยเจ้าถึงได้อ่อนแอ ขี้ขลาดถึงเพียงนี้’ หญิงสาวรู้สึกสลดใจยิ่งนักกับอาการ
นิ่งเฉยของชาวรัตนนครซึ่งหาได้คิดปกป้องเกียรติของตนเองยามถูกผู้อื่นหยามไม่
ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชายชราช่างวาดภาพเดินออกมาขวางกลางถนน

“รัชทายาทแล้วยังไง ที่นี่รัตนนครไม่ใช่สินธุนครใครจะหลีกทางให้พวกทหารไร้การอบรมก็หลีกไป
แต่ข้าในฐานะชาวรัตนไม่หลีก โว๊ย!” เสียงแข็งกร้าวท้าทายทหารต่างนครอย่างไม่กลัวเกรงของชายชรานั้น
สร้างความมึนงงให้กับผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเป็นอันมาก นึกยกย่องในความใจเด็ดของชายชราผู้นี้ รวมถึงชาย
หนุ่มร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำโพกผ้าปิดหน้าเหลือเพียงลูกตายืนกอดอกดูอย่างสนใจ อยากรู้ว่าอะไร
จะเกิดขึ้นต่อไป
ชายฉกรรจ์ในชุดทหารบนหลังม้ารีบกระโดดลงจากหลังม้า เดินเข้ามาหาชายชราอย่างเอาเรื่อง
“ตาแก่ หลีกไปเสียดีๆ กษัตริย์ของเจ้ายังต้องให้ความเคารพยำเกรงองค์เหนือหัวของเรา เจ้าเป็นใคร
ไอ้แก่ ถึงได้บังอาจมากำแหงขวางทางพวกข้า ช่างไม่เจียมตัวบ้างเลย ข้าจะบอกให้รู้ไว้นะไอ้พวกรัตนหน้าโง่
ที่องค์หญิงของพวกข้ายอมลดตัวมาอภิเษกกับเจ้านครเล็กๆของพวกเจ้าก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว ยังกล้ามา
อวดเก่งอีก ช่างไม่เจียมบ้างเลย ถ้าฉลาดก็จงหลีกไปซะไอ้แก่”

“หน็อยไอ้พวกขี้ข้าช่างบังอาจนัก คิดกำเริบมาวางกล้ามใหญ่โตที่นี่ ข้าเป็นชาวรัตนไม่ใช่ขี้ข้าของ
สินธุ ไม่มีวันทำตามคำสั่งพวกเจ้า แต่ถ้าสินธุอยากให้ข้าทำตาม ก็จงไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าให้มาขอร้อง
กันดีๆ แล้วข้าจะหลีกทางให้” ชายชราช่างใจกล้านักไม่กลัวเกรงสักนิด
อันธพาลต่างนครในชุดทหารได้ยินแล้วโกรธจัดดังนั้นหนึ่งในนั้นจึงเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อชาย
ชราแล้วยกลอยจากพื้นโยนออกไปข้างทางพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะดังๆอย่างชอบใจก่อนตะโกนสั่งพรรค
พวกดังๆ
“เฮ้ย! พวกเราช่วยกันสั่งสอนไอ้แก่ไร้มารยาทของนครนี้หน่อย” สิ้นเสียงสั่ง อันธพาลในชุดทหารสี่คนก็
เดินเข้าไปหาชายชราหมายจะรุมทำร้ายต่อ ผู้คนที่รายล้อมอยู่โดยรอบเห็นแล้วเริ่มทนไม่ไหวแต่ก็ไม่มีใครกล้าทำ
อะไรเพราะกลัวถูกทำร้ายไปด้วย
ทันใดนั้นเอง! เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวผู้หนึ่งก็แทรกขึ้นและรีบวิ่งเข้าไปหาชายชราซึ่งนอนหมอบ
กับพื้น

“หยุดนะ!! เจ้าพวกทหารเลว ทำเกินไปแล้ว”
พวกทหารเลวต่างนครพอเห็นหญิงสาวที่มาขวางถึงกับตะลึง นึกไม่ถึงจะมีสาวชาวบ้านที่สวยงาม
น่ารักดุจนางฟ้านางสวรรค์แม้จะปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งก็ตาม จึงยิ้มแล้วหันไปซุบซิบกันจากนั้นทหาร
นายหนึ่งก็รีบขึ้นม้าแล้วควบออกไปอย่างรวดเร็ว ที่เหลือยืนมองหญิงสาวใจกล้าอย่างสนใจ ทุกคนในที่นั้น
ต่างยืนดูด้วยใจระทึกขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมสีดำกำมือแน่นอย่างโกรธจัด ผิดกับหญิงสาวซึ่ง
ยังไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังจะมาถึงตัวเพราะมัวแต่คิดช่วยชายชรา ดวงตากลมโตคู่งามทอดมองร่างบอบช้ำของ
ชายชราด้วยความเป็นห่วง

“ท่านลุงไหวไหม” ชายชรยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วง ลุงหนังหนาแค่นี้ไม่ถึงกับทำให้เจ็บหรอก แม่หนู
อย่าลดตัวลงมายุ่งกับคนเลวพวกนี้เลย รีบไปเสียไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อน” ชายชราเตือนขณะเดียวกันก็รู้สึก
สลดใจยิ่งนักกับความขี้ขลาดของชาวรัตนที่ยอมให้ชาวเมืองอื่นมาย่ำยีได้ตามใจชอบโดยไม่คิดจะปกป้อง
ศักดิ์ศรีของรัตนนครเลย
“ไม่ เราไม่กลัว ถ้าจะไปต้องไปด้วยกัน ให้มันรู้ไปคนนครอื่นจะมาแสดงอำนาจข่มแหงชาวรัตนได้”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวพลางประคองชายชราให้ลุกขึ้นแล้วคิดจะเดินจากไปแต่กลับถูกทหารเลวต่าง
นครมาขวางไว้ ยื่นมือหยาบหนาหมายจะฉุดหญิงสาวให้ไปด้วยกันแต่ยังไม่ทันที่มือหยาบจะถูกตัวหญิงสาว
ก็ถูกเชือกเส้นหนึ่งพันขาแล้วตวัดดึงให้ล้มลงอย่างรวดเร็วจากฝีมือของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมสีดำ
ก่อนจะมาปรากฏกายให้พวกมันเห็น นัยน์ตาทรงอำนาจจ้องมองทหารอันธพาลอย่างน่ากลัวตามมาด้วยเสียง
กร้าวดุดันทรงอำนาจฟังดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก

“ไปบอกเจ้านายของพวกเจ้า เลิกทำตัวเป็นนักเลงโตเที่ยวข่มขู่ระรานคนไม่มีทางสู้ได้แล้ว
เป็นนครใหญ่เสียเปล่าแต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างจากอันธพาลข้างถนน ช่างน่าสมเพชนัก”
ทุกคนที่ได้ยินต่างมีสีหน้าตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงว่าจะมีใครหาญกล้ามาคิดท้าทายข่มขู่ชาวสินธุผู้ยิ่ง
ใหญ่โดยไม่ยำเกรงแต่ประการใด ชายชรากับหญิงสาวเองก็ตกตะลึงกับเสียงทรงอำนาจที่มีพลังน่ากลัวได้อย่าง
ไม่น่าเชื่อ นึกไม่ถึงจะมีคนที่มีเสียงเต็มไปด้วยพลังอำนาจก้องกังวาลยิ่งใหญ่ฟังดูน่าเกรงขามพอๆกับ
รูปร่างสูงใหญ่ดูสง่าเกินบุรุษทั่วไป ข้างฝ่ายทหารอันธพาลจากสินธุนั้นเริ่มกลัวแล้วมีข้อสงสัยในใจ
‘ชายผู้นี้เป็นใครกันถึงบังอาจคิดมาสั่งชาวสินธุผู้ยิ่งใหญ่ หรือว่าเป็น...’ คิดพลางจ้องมองหน้าเจ้าของ
เสียงทรงอำนาจแล้วหันไปกระซิบบอกต่อกันก่อนพากันรีบขึ้นม้าควบหนีไป การกระทำของทหารสินธุนั้นสร้าง
ความแปลกใจให้กับผู้คนที่มุงดูอยู่อย่างลุ้นระทึก ขณะที่หญิงสาวประคองชายชราเดินเข้าไปหาชายหนุ่มรูปร่าง
สูงใหญ่ดูสง่าที่มาช่วยไว้

“ไม่ว่าท่านเป็นใคร เราอัมภัสชา ขอจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ไม่มีวันลืม ขอบคุณที่ช่วยเรียกศักดิ์ศรีและ
เกียรติของชาวรัตนคืนมา เราขอเป็นตัวแทนชาวรัตนแสดงความขอบคุณจากใจจริง” หญิงสาวยกมือเรียวสวย
ขึ้นประนมไว้กลางอกแล้วก้มศีรษะลงไหว้อย่างอ่อนช้อยงดงามและมีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่รู้ว่านั่นคือการแสดง
ความขอบคุณอย่างสูงสุดที่ผู้สูงศักดิ์มีให้กับคนสำคัญเท่านั้น
ชายหนุ่มมองกิริยานั้นด้วยนัยน์ตาที่อ่านไม่ออกแล้วเอ่ยออกมาเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ขอบพระทัยองค์หญิง หวังว่าเราคงได้พบกันอีก” ดวงตาคมเข้มสีนิลภายใต้คิ้วหนาเข้มได้รูปสวยจ้อง
มองใบหน้างามภายใต้ผ้าผืนบางสีขาวด้วยแววที่อ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนพาร่างสูงใหญ่ดูสง่าเดินจากไป
ขณะที่ผู้ถูกจ้องยืนนิ่งเหมือนถูกสาปไปชั่วขณะ

หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับแววตาแบบนี้มากแต่นึกไม่ออก ‘ผู้ชายคนนี้ทำไมรู้จักเรา รู้ได้อย่างไร เคยพบที่ไหน
เมื่อไหร่ ’ คำถามต่างๆผุดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัวกระทั่งได้ยินเสียงถามจากชายชราถึงรู้สึกตัว
“แม่หนู รู้จักพ่อหนุ่มนั่นเรอะ”
“เปล่า ว่าแต่ท่านลุงเถอะ อาการไม่เบาเลย เลือดรักชาติยังไม่เปลี่ยนเลยนะท่าน.. ” หญิงสาวเอ่ย
ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงทักแทรกขึ้นมาอย่างตกใจมาขัดจังหวะเสียก่อน
“อง..เอ๊ย..คุณหนูทำไมดูมอมแมมอย่างนี้” เป็นหญิงสาวที่มาด้วยกันนั่นเอง
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ามาก็ดีแล้วเรากลับกันเถอะ” จู่ๆหญิงสาวก็ชวนกลับกะทันหันด้วยน้ำเสียง
ร้อนรนลืมแม้กระทั่งเอ่ยลาชายชราและสร้างความมึนงงให้กับสองสาวที่มาด้วยกันแต่ก็จำใจทำตามคำสั่ง

อดีตเสนาบดีเฒ่าเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใด เรื่องที่เกิดขึ้นได้สร้างความหนักใจให้แก่ขัตติยนารีผู้นี้เสียแล้ว
แต่ลำพังพระองค์เดียวจะไปทำอะไรได้ ผู้คนที่อยู่ในวังนั้นต่างไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องราวความเป็นไปของบ้าน
เมืองภายนอก มีแต่เจ้าหญิงองค์น้อยนี้ที่รับรู้เพราะออกมาเยี่ยมเยียนราษฎรบ่อยๆแต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก
และมักช่วยเหลือราษฎรโดยผ่านพระอัยยิกาผู้เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าขุนนางและเหนือหัวองค์ใหม่
แต่ทรงไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับราชกิจและการบริหารบ้านเมือง จะทรงมุ่งเน้นด้านพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ
ราษฎรเท่านั้นเพราะนั่นเป็นสิ่งที่สตรีทำได้ดีกว่าบุรุษ

***** ขอนำเรื่องที่ชอบมากที่สุดมาลงให้อ่านกันค่ะ แต่อาจไม่ใช่แนวตลาดในเวลานี้ เอาเป็นว่าใครชอบ
แวะเข้ามาอ่าน ให้อ่านฟรี ไม่คิดตังค์๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2554, 11:18:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2559, 17:35:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 3144





   ตอนที่ 19 >>
jink 4 มิ.ย. 2554, 12:01:18 น.
ไม่เป็นไรค่ะ เก่าของคนอื่น แต่ยังไม่เก่าสำหรับเรา เพราะยังไม่เคยอ่าน อิอิ


Pat 4 มิ.ย. 2554, 13:54:04 น.
ยังไม่เคยอ่านค่ะเรื่องนี้ วันนี้ยังนึกถึงคุณไรเตอร์อยู่เลย ^^


หนอนฮับ 4 มิ.ย. 2554, 15:47:04 น.
เย้...มารอค่าาาาา
ช้าไม่เป็นไร แต่ขอให้สม่ำเสมอ อิอิ
แอบอดดัน...


รอรัก 4 มิ.ย. 2554, 17:48:25 น.
น่าอ่านมากเลยค้า มาลงให้อีกน้า


ACEI 4 มิ.ย. 2554, 20:05:57 น.
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ


นกอุมาพร 5 มิ.ย. 2554, 02:19:05 น.
ถึงว่าทำไมชื่อเรื่องมันคุ้น ๆ อยู่นะ


anOO 5 มิ.ย. 2554, 14:48:55 น.
มารออ่านตอนต่อไปค่ะ


teaw 3 ก.ค. 2554, 00:35:30 น.
ชอบค่ะ เพราะอ่านยังไม่จบ


ลูกขนไก่ 6 ก.ค. 2554, 08:15:50 น.
เริ่มตอนแรกได้สนุกคะ ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้คะ
ติดตามต่อไปคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account