รัตนมณีแห่งหัวใจ

Tags: แฟนตาซีโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 19

ตอนที่ 19
องค์อคินเสด็จมาถึงห้องพระบรรทม สิ่งแรกที่ทรงทำคือประทับลงบนพระเก้าอี้ตัวใหญ่นุ่มนิ่มแล้วไม่ใส่
พระทัยกับพระอาการบาดเจ็บอีกต่อไปสิ่งเดียวที่ทรงอยากทำมากที่สุดคือการฟื้นฟูพละกำลังให้กลับคืนมา
เร็วที่สุด ทรงเหนื่อยล้าจนแทบจะประทับยืนไม่อยู่แต่ด้วยคำว่า “กษัตริย์” จึงต้องอดทนให้ถึงที่สุด
ยามอยู่ต่อหน้าผู้คนแม้จะเจ็บปวด เมื่อยล้าทุกข์ทรมานอย่างไรก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ ทรงทราบดีว่าคนทั่ว
หิรัณย์ยึดพระองค์เป็นกำลังใจหากแสดงความอ่อนแอให้คนในปกครองเห็นอาจเป็นการทำลายขวัญและ
กำลังใจของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ ถ้อยดำรัสแห่งพระราชบิดาที่ทรงตรัสกับพระองค์บ่อยๆเมื่อครั้งดำรง
พระยศเป็นพระราชกุมารองค์น้อยยังก้องอยู่ในพระกรรณตลอดเวลา

‘จำไว้นะลูก ตำแหน่งกษัตริย์ที่เราเป็นอยู่นี้ ไม่ได้หมายความว่าเราอยู่เหนือผู้คนทั่วแผ่นดิน แต่หมายถึง
การรับใช้ผู้คนทั่วแผ่นดิน ปกป้องรักษา ดูแลให้ผู้คนในแผ่นดิน อยู่ดีมีสุข พร้อมที่จะแบกรับทุกข์มากกว่า
คนอื่น ยิ่งลูกเป็นผู้ชาย ยิ่งต้องอดทนเข้มแข็งและแสดงความกล้ามากกว่าคนอื่น เมื่อใดก็ตามที่ลูกแสดง
ความอ่อนแอให้เห็น เมื่อนั้นหมายถึงความเชื่อมั่น ความศรัทธา ความเชื่อถือ ในตัวไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
ที่มีต่อลูกจะจางหายไป แล้วบ้านเมืองก็จะอ่อนแอลงจนพบกับจุดจบได้ในที่สุด’

ทรงหลับพระเนตรลงช้าๆ ค่อยๆผ่อนพระอัสสาสะ กับพระปัสสาสะไม่ช้าก็บรรทมโดยไม่รู้สึก
องค์บนพระเก้าอี้ มารู้สึกอีกทีเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเบาๆไปทั่วพระพักตร์และพระศอจากผ้านุ่มนิ่มส่งกลิ่นหอม
อ่อนๆ ทรงทราบได้ทันทีว่าเป็นผู้ใดโดยไม่ต้องลืมพระเนตร

ว่าที่ราชินีทรงค่อยๆใช้ผ้าซับพระพักตร์ผืนเล็กนุ่มนิ่มชุบน้ำหอมอ่อนๆเช็ดเบาๆไปทั่วพระพักตร์คมเข้ม
ที่เริ่มจะมีพระมัสสุกับพระฑาฐิกะโผล่ให้เห็นบ้าง ทำไมถึงได้ขึ้นเร็วนักเพิ่งโกนไปแค่สองวันเอง เห็นทีต้อง
ช่วยโกนให้อีกที จะเปลี่ยนชุดทหารที่แย่ที่สุดนี้ออกไปได้อย่างไรกันหรือจะทำความสะอาดแผลก่อน
ให้คนมาพาไปห้องสรงเพื่อชำระพระวรกายดีนะ ทรงคิดไม่ตกกับปัญหาแค่นี้ เรื่องอื่นทรงแก้ไขได้หมด
แต่ธุระส่วนพระองค์แห่งองค์อคินกลับทำให้จนแต้มได้

ขณะที่สองพระหัตถ์งดงามกำลังเช็ดท่อนพระกรแข็งแรงอยู่นั้นองค์อคินทรงลืมพระเนตรพร้อมรอยแย้ม
พระโอษฐ์ทรงอยากรู้ว่านางพยาบาลส่วนพระองค์จะทำอย่างไรหากพระองค์ยังบรรทมสนิทอยู่ สักพักการทำ
ความสะอาดท่อนพระกรก็เสร็จสิ้น ว่าที่องค์ราชินีทอดพระเนตรแล้วทรงพึมพำเบาๆ

“ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย แต่เสื้อนี่สิจะทำอย่างไรดี ถอดให้ดีมั้ย อย่าดีกว่าให้มหาดเล็กช่วยดีกว่า”
ทรงขยับพระวรกายเข้าไปใกล้พระกรรณแห่งองค์อคินแล้วกระซิบเบาๆว่า

“หม่อมฉันจะไปหาคนมาช่วยทำความสะอาดพระวรกายให้ หลับให้สบายนะเพคะ”
แต่ยังไม่ทันที่พระบาทบอบบางจะขยับออกห่างจากพระวรกายสูงใหญ่พระกรงดงามนุ่มนิ่มก็ถูกยึดไว้
และถูกเจ้าของพระหัตถ์ใหญ่ดึงให้ล้มลงไปประทับบนพระเพลาแข็งแรงแทน จากนั้นเสียงสรวลเบาๆ
จากเจ้าของพระเพลาก็ดังขึ้น

“องค์หญิงไม่ต้องตามใครมาช่วยถอดเสื้อหรอก หม่อมฉันทำเองได้” ว่าที่ราชินีทรงเงื้อพระหัตถ์ขึ้น
เตรียมจะทุบไปที่พระอุระกว้างใหญ่ด้วยความฉิวที่ถูกหลอก แต่พอ..ทอดพระเนตรบาดแผลตามพระวรกาย
ก็ทรงระงับไว้ ดวงพักตร์งดงามง้ำด้วยความไม่สบพระอารมณ์นัก

“ทรงเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย หม่อมฉันอุตส่าห์หวังดีกลับถูกแกล้ง ทรงแย่ที่สุด” สุรเสียงหวานต่อว่าไม่จริงจังนัก

“หม่อมฉันแย่ตรงไหน หม่อมฉันเกรงว่าองค์หญิงจะเมื่อยเลยหวังดีเชิญให้นั่ง ยังมาว่าอีก” พระสุรเสียง
ใสซื่อน่าดู ดวงพักตร์งดงามส่ายช้าๆอย่างเอือมระอากับคนเจ้าเล่ห์ มันน่า..นัก หากไม่กังวลกับพระอาการ
บาดเจ็บคงได้เอาคืนแน่..แต่..บาดแผลปล่อยไว้นานไม่ได้สุรเสียงอ่อนโยนจึงเอ่ยขึ้นว่า

“เลิกเล่นเถอะเพคะ ให้หม่อมฉันดูแผลก่อน ปล่อยไว้นานไม่ดีนะเพคะ” องค์อคินแช่มชื่นในพระหทัยนัก
เมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยของว่าที่ราชินีที่มีต่อพระองค์ พระหัตถ์แข็งแรงกอดวรกายบอบบางหอมละมุน
ไว้เแนบพระอุระ

“สิ่งที่หม่อมฉันกลัวที่สุดคือกลัวจะรักษาชีวิตกลับมาให้องค์หญิงดูแลไม่ได้ และไม่อาจทำตามสัญญา
ที่ได้ให้ไว้กับองค์หญิง เรียกคืนเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีชาวรัตนกลับคืนมาไม่ได้เพราะมีองค์หญิงเป็น
กำลังใจให้ หม่อมฉันถึงชนะได้” ว่าที่ราชินีทรงตื้นตันพระทัยนัก ดวงพักตร์งดงามสดใสค่อยๆซบลงบน
พระอุระแกร่ง

“สำหรับหม่อมฉัน ขอเพียงทรงมีชีวิตรอดกลับมาสู่หัวใจชาวหิรัณย์ทุกดวง หม่อมฉันก็ดีใจแล้วเพคะ
ทรงไม่ต้องคำนึงถึงคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับหม่อมฉัน เหนืออื่นใดคือบ้านเมืองของพระองค์หาใช่
คำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับหม่อมฉัน”

องค์อคินสดับแล้วทรงภูมิใจในว่าที่ราชินี ทรงเลือกราชินีคู่พระทัยไม่ผิด ราชินีผู้เห็นแก่ประโยชน์
บ้านเมืองเหนือประโยชน์ส่วนตนถึงสมเป็นราชินีคู่พระทัย สองพระกรอันแข็งแรงเผลอรัดคนในอ้อม
พระกรแน่นขึ้นจนคนถูกรัดต้องประท้วงเบาๆ

“ทรงกอดเบาๆเพคะ เดี๋ยวกระดูกหม่อมฉันแหลกหมด ทรงต้องรับเลี้ยงเจ้าหญิงพิการไปตลอดชีพ
แล้วจะแย่” องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ ส่ายพระเศียรให้กับความช่างจำนรรจาของคนในอ้อมพระกร

“หึ หึ หึ หม่อมฉันกลัวองค์หญิงจริงๆ เอาเป็นว่าองค์หญิงดูแผลให้หม่อมฉันก่อนพิการก็แล้วกัน
เดี๋ยวแผลไม่หายชั่วชีวิตแล้วจะแย่ ระหว่างทำแผลจะเอาคืนหม่อมฉันก็ได้นะ”

“แน่นะเพคะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะไม่ออมแรง” ว่าที่ราชินีได้ทีขู่ทันที

องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆพลางถอดฉลองพระองค์ออก พระวรกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่ทั้งยาวทั้งลึก
ว่าที่ราชินีทอดพระเนตรแล้วอดสยดสยองไม่ได้ หากเป็นคนทั่วไปคงเจ็บจนร้องครวญครางแต่องค์อคินกลับ
ทรงไม่รู้เท่าไรนัก ดวงเนตรงดงามทอดมองไปทั่วจนมาสะดุดเอารอยแผลเป็นที่พระอุระใกล้กับแผลที่
พระพาหา...เคยเห็นที่ไหนมากก่อน....เหตุใดจึงนึกไม่ออก...

“องค์หญิง ตกใจกับแผลของหม่อมฉันมากนักหรือ แผลแค่นี้สำหรับนักรบหิรัณย์เรื่องเล็ก ไม่เจ็บหรอก”
องค์อคินตรัสให้ว่าที่ราชินีคลายวิตก

“แผลเป็นที่อก ไปถูกอะไรมาหรือเพคะ” สุรเสียงหวานๆถามขึ้น องค์อคินสดับแล้วทรงระลึกได้
....เหตุเพราะบาดแผลนี้มิใช่หรือ ....รัตนมณีทรงคุณค่าแห่งรัตนนครจึงได้มาสู่หัวใจแห่งหิรัณย์.....

“องค์หญิง จำได้หรือไม่ เมื่อสามปีก่อน ทรงช่วยชีวิตชายคนหนึ่งหน้าตาเหมือนโจรไว้” ว่าที่ราชินี
ทรงนิ่งสักพักก่อนทอดพระเนตรพระพักตร์องค์อคิน ที่แท้ชายคนนั้นคือองค์อคินนี่เอง มิน่าเล่าจึงรู้จักเรา
และรู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่แรกพบ นึกไม่ถึงจริงๆ

“ที่แท้พระองค์เอง หม่อมฉันนึกไม่ถึงจริงๆ ความจริงกว่าหม่อมฉันจะตัดสินใจช่วยก็นานอยู่
ชายแปลกหน้าหน้าตาเหมือนโจรทำให้หม่อมฉันลังเล กลัวจะช่วยคนร้ายเข้า หม่อมฉันกลับตำหนัก
คิดกลับไปมาหลายตลบก็ยังตัดสินใจไม่ได้ จึงไปถามท่านย่าว่าหากเราพบคนแปลกหน้าที่หน้าเหมือนโจร
กำลังจะตายแล้วไม่ช่วยเราจะผิดหรือไม่ ท่านย่าบอกว่า คนเราทุกคนเกิดมาไม่มีใครอยากเป็นคนเลว
ถ้าเลือกได้ การที่เราได้พบอาจเป็นเพราะเรากับคนคนนั้นมีวาสนาต่อกันหรือมีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ต่อกัน
เราไม่ควรตัดสินดีชั่วของคนที่หน้าตาเพราะดีชั่วของคนไม่ได้วัดที่หน้าตาแต่อยู่ที่การกระทำ ฉะนั้นการทำ
ความดีไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าเราต้องช่วยเหลือแต่คนที่เราเห็นว่าดีเท่านั้นเพราะคนเราทุกคนไม่มีใครดีหมด
และชั่วหมด ทุกคนมีดีชั่วปะปนกันไป พอท่านย่าพูดแบบนี้ หม่อมฉันเลยตัดสินใจช่วยคนเจ้าเล่ห์
อย่างพระองค์” ทรงประชดเสียเลย

“ถึงเจ้าเล่ห์องค์หญิงก็รัก จริงมั้ย” ทรงหยอกเล่นกลับอย่างมีความสุข สักพักจึงตรัสต่อ

“เห็นทีหม่อมฉันกับองค์หญิงคงมีวาสนาต่อกันอย่างที่สมเด็จย่าขององค์หญิงบอก ไม่อย่างนั้นหม่อมฉัน
คงไม่หนีพวกกบฎจนต้องหลบเข้าไปในเขตพระราชฐานฝ่ายในแล้วได้พบเทพธิดาแสนงามน่ารักที่ขโมยหัวใจ
หม่อมฉันไป องค์หญิงทำให้หัวใจหม่อมฉันหายไปตั้งสามปีรู้หรือไม่” พระสุรเสียงหวานซึ้งนักหวังจะให้ผู้ที่
กำลังทำแผลอยู่รับรู้เพื่อที่จะไม่เอาคืนตามที่ขู่ไว้

“ถ้าอย่างนั้น พระองค์ไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้ คนที่หัวใจไม่อยู่กับตัวจะมีชีวิตได้อย่างไรกัน” ว่าที่ราชินีทรงไม่ซึ้ง

“องค์หญิงไม่ซึ้งเลยหรือ หม่อมฉันคิดว่าเป็นคำพูดที่หวานสุดซึ้งแล้วเชียวนา แย่จัง...”
ทรงผิดหวังน่าดู ว่าที่ราชินีลอบแย้มพระโอษฐ์ ดีสม.. ที่สุดการทำแผลก็เสร็จ

“เสร็จแล้วเพคะ ที่เหลือทรงช่วยตัวเอง รีบชำระพระวรกายเสีย ทรงทั้งเหม็นทั้งดูแย่ที่ที่สุด
หม่อมฉันขอตัวไปเอายามาให้ก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าแผลอักเสบจะรักษายากเพคะ” พอจะขยับ พระหัตถ์
งดงามก็ถูกพระหัตถ์ใหญ่ยึดไว้ พระเนตรคมเข้มพราวระยับ

“องค์หญิงยังไม่ได้รับขวัญจ้าวสุริยะที่นำชัยมาสู่หิรัณย์เลย จะไปแล้วเหรอ” พระสุรเสียงออดอ้อนจน
น่าถวายกำปั้นนัก ดวงพักตร์งดงามทอดมองนักรบกล้าอย่างเหลืออด ทรงบาดเจ็บยังคิดเอาเปรียบอีก

“จ้าวสุริยะแค่เจ็บเล็กๆน้อยๆ ไกลหัวใจเยอะ ไม่จำเป็นต้องรับขวัญ ทรงชำระพระวรกายแย่ๆก่อน
ค่อยคิดเรื่องอื่นจะดีกว่า” พระสุรเสียงออดอ้อนของพระองค์ใช้ไม่ได้ผล

“หม่อมฉันอดทนสู้รบเพื่อขับไล่ศัตรูไปจากแผ่นดินและอดทนนำพาชีวิตรอดกลับมาหาองค์หญิง
ตามสัญญา ยังว่าเจ็บเล็กๆน้อยๆอีก องค์หญิงใจร้ายนัก รู้อย่างนี้หม่อมฉันตายในสนามรบดีกว่า”
พระสุรเสียงน้อยพระทัยสุดๆ องค์หญิงใจร้ายเห็นแล้วทรงส่ายพระพักตร์อย่างระอา รู้ดีว่าหากไม่
รับขวัญจ้าวสุริยะเห็นทีไม่ได้ออกจากห้องแน่เพราะทรงเอาแต่พระทัยอย่างร้ายกาจ

“หม่อมฉันยอมแพ้พระองค์แล้ว ยอมก็ได้เพคะเพื่อเห็นแก่บาดแผลของพระองค์” สุรเสียงหวานบอก
พระพักตร์คมเข้มยิ้มกริ่มพลางขยับเข้าใกล้ดวงพักตร์งดงามทว่ากลับถูกพระหัตถ์เรียวงามผลักออก

“ทรงเหม็นออก หญิงใดจะกล้ารับขวัญเพคะ” ดวงพักตร์งดงามทำท่ารังเกียจพร้อมขยับออกห่าง
ขณะที่พระพักตร์คมเข้มก้มลงสูดดมพระวรกายก่อนแย้มพระโอษฐ์เจื่อนๆ

“เหม็นจริงๆด้วย มิน่าเล่าองค์หญิงถึงรังเกียจ เห็นทีต้องรีบไปกำจัดความเหม็นก่อนก่อนที่องค์หญิงจะ
ไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วจะไม่มีใครกล้ารับขวัญหม่อมฉัน” ตรัสอย่างยอมรับสภาพ

“ดีแล้วเพคะที่รู้ตัว เห็นทีหม่อมฉันไม่ต้องย้ำให้ไปชำระพระวรกายอีกแล้วนะเพคะ”

“ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ เกล้ากระหม่อมขอตัวไปชำระกายให้หายเหม็น ก่อนองค์หญิงจะทนไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
โดยที่องค์หญิงไม่ทันระวัง ดวงพักตร์งดงามก็ถูกสูดดมความหอมอย่างรวดเร็วก่อนพระวรกายสูงใหญ่จะ
จากไปยังห้องสรงพร้อมเสียงพระสรวลอย่างผู้มีชัยตามมา ผู้ถูกเล่นทีเผลอจึงถวายค้อนให้อย่างเหลืออด
ทรงเจ้าเล่ห์ที่สุด
==========
องค์รัชทายาทจิรัชย์เสด็จถึงสินธุพร้อมวรชิตกับแม่ทัพคู่พระทัยกษัตริย์สินนพด้วยความเจ็บแค้นในพระทัย
การรบที่เห็นชัยชนะอยู่รำไรกลับพ่ายไม่เป็นท่า น่าเจ็บใจนัก กษัตริย์สินนพทรงนิ่งทว่าทรงรู้สึกไม่ต่าง
อันที่จริงทรงไม่แน่พระทัยเกี่ยวกับการรบครั้งนี้นัก ทรงอยากทดสอบกำลังของหิรัณย์ด้วยประการหนึ่ง
คราวต่อไปต้องวางแผนให้รอบคอบกว่านี้ ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพง ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปคงทำให้
อำนาจของสินธุสั่นครอน อาจมีนครอื่นคิดแข็งข้อและคิดผูกมิตรกับหิรัณย์โดยเฉพาะรัตนนคร ต้องรีบลงมือ
ยึดรัตนนครก่อน หากปล่อยให้รัตนนครผูกมิตรกับหิรัณย์สำเร็จจะมีนครอื่นทำตามเมื่อนั้นสินธุจะลำบาก

“เจ็บใจนัก!! นึกไม่ถึงจะมีคนดีมีฝีมือมาช่วยพวกมัน ลำพังทหารหิรัณย์ที่มาสมทบ ไม่เท่าไรหรอก”
องค์รัชทายาทตรัสอย่างแค้นจัด

“หมายความว่านอกจากทหารหิรัณย์แล้วยังมีคนจากที่อื่นมาช่วยรบ” กษัตริย์สินนพตรัสถามทันที

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกพวกข้าพระองค์คิดว่า เป็นนักรบพิเศษชาวหิรัณญ์แต่ดูจากการใช้อาวุธและฝีมือ
การต่อสู้ไม่น่าจะใช่ สอบถามจากทหารสาครก็บอกว่าไม่น่าใช่ต่อให้แต่งตัวเหมือนชาวหิรัณย์ก็ตาม”
แม่ทัพคู่พระทัยรีบกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ

“จะเป็นพวกใดก็แล้วแต่ เจ้ารีบให้คนไปสืบมา แล้วเลิกพูดถึงเรื่องพ่ายสงครามอีก จำไว้สำหรับสินธุไม่มี
อะไรเสียหายทั้งนั้น ถ้าข้าได้ยินใครพูดว่าสินธุแพ้สงคราม ข้าจะตัดหัวคนผู้นั้น การเสียทหารเพียงเล็กน้อย
สำหรับสินธุมันเรื่องเล็ก หิรัณย์เสียหายหนักกว่า ที่สำคัญตอนนี้เรามีงานมงคลในอีกสองวัน ขบวนเจ้าสาว
กำลังจะมาถึง จิรัชย์เจ้าสาวคนงามของลูกกำลังจะมาถึง ลูกอย่าเพิ่งไปใส่ใจเรื่องผลการรบ รอให้ผ่านพ้นพิธี
มงคลของลูกไปก่อนแล้วเราค่อยเริ่มแผนต่อไป ระวังอย่าให้เจ้าสาวของลูกรู้ตัวก่อน ส่วนเจ้า..วรชิต ช่วยให้ใคร
ไปส่งข่าวองค์หญิง บอกให้ทำตามแผนได้แล้ว อีกราวสิบวันรัตนนครต้องโกลาหลและเราจะส่งทหารเข้าไป
ควบคุมสถานการณ์ กำชับทุกคนให้ปิดปากเรื่องการรบ เรื่องด่วนคือเตรียมต้อนรับสะใภ้หลวง จำไว้!!!”
ทุกคนนิ่งเงียบทันทีกับพระดำรัสสั่งเฉียบขาดนั้นยกเว้นองค์รัชทายาทที่ยังทรงข้องพระทัย

“เสด็จพ่อ ทำไมต้องทรงจัดงานต้อนรับองค์หญิงอาวิสาใหญ่โตด้วยหรือว่าเสด็จพ่อจะทรงแต่งตั้งให้เป็น
สะใภ้หลวงจริงๆ”

“แล้วมันไม่ดีตรงไหน เวลานี้คงไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งสะใภ้หลวงเท่าองค์หญิงอาวิสาอีก คิดดูให้ดี
ทั้งการวางตัว มารยาท ปัญญา หาเป็นรองใครไม่ หากเราเอามาเป็นพวกได้ทั้งรัตนกับหิรัณย์จะไปไหนพ้น
ตีรณธรเองก็คงนึกไม่ถึงว่าน้องสาวจะทรยศ ส่วนว่าที่ราชินีแห่งหิรัณย์ก็เป็นถึงน้องสาวมีหรือจะไม่เกรงใจพี่สาว
ลูกมีหน้าที่ต้องเอาใจ ทำให้องค์หญิงอาวิสารักลูกให้ได้ สตรีหากพึงใจในบุรุษใดย่อมยอมสละทุกอย่างเพื่อ
บุรุษนั้น หวังว่าลูกจะเข้าใจนะ”

“เสด็จพ่อลูกว่าค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า เรายังไม่รู้ว่าองค์หญิงอาวิสาคิดอย่างไร จะยอมสวามิภักดิ์
สินธุหรือไม่” องค์รัชทายาทรีบค้านทันที ทรงทราบดีว่าหากให้องค์หญิงอาวิสามาเป็นราชินีในอนาคตทรง
ลำบากแน่

“แต่ข้าพระองค์แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ คนของข้าพระองค์ที่แฝงตัวในราชสำนักฝ่ายในรายงานให้ทราบว่าองค์หญิง
อาวิสาเป็นคนทะเยอทะยาน หยิ่ง ทะนง ทุกอย่างสำหรับเจ้าหญิงองค์นี้ต้องดีกว่าผู้อื่นเสมอ ฉะนั้นข้าพระองค์
คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพคู่พระทัยกราบบังคมทูลเสนอความคิดเห็น ยังความไม่พอใจให้องค์
รัชทายาทหากไม่อาจฝืนพระราชดำรัสแห่งพระราชบิดาได้ กษัตริย์สินนพทอดพระเนตรพระพักตร์องค์รัชทายาท
อย่างเข้าพระทัยดี แต่ในฐานะที่ทรงดำรงตำแหน่งกษัตริย์จึงจำเป็นต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับไพร่ฟ้า
ประชาชนมากกว่าความต้องการส่วนพระองค์

“พ่อหวังว่าลูกคงไม่มีอะไรจะค้านแล้วนะ จำไว้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันรับเจ้าสาวของลูก
จงทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด อย่าให้พลาด ทุกคนไปพักกันได้แล้ว”

ตรัสจบก็เสด็จไปยังห้องทรงพระอักษรต่อ ทิ้งให้องค์รัชทายาทประทับตามลำพัง ทรงต้องคิดให้ตก
ระหว่างความต้องการส่วนพระองค์กับหน้าที่ในภายภาคหน้า หากทรงคิดไม่ตกก็น่าเสียดายแทนชาวสินธุ
ที่จะมีกษัตริย์ที่เห็นแก่ความสุขส่วนพระองค์มากกว่าอย่างอื่น ทรงไม่คิดจะผูกติดกับหญิงใดแต่ทราบดีว่า
เมื่อไรก็ตามที่ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ ทรงไม่มีสิทธิ์ทำตามพระทัยปรารถนาได้อีกต่อไป เป็นสิ่งที่พระราช
บิดาเคยประสบมาก่อน ใจหนึ่งผูกสมัครรักใคร่หญิงหนึ่งหากต้องยกย่องอีกหญิงหนึ่งเพราะหน้าที่ ที่น่า
เจ็บปวดกว่าคือหญิงที่ทรงรักใคร่หาได้มีไมตรีตอบ...จากรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นแค้นแทน..
==========
ณ พระตำหนักกลางน้ำ ว่าที่ราชินีเสด็จกลับเข้ามาในห้องพระบรรทมองค์อคินอีกครั้งพร้อมถาด
พระโอสถ ทรงวางถาดลงบนโต๊ะข้างพระแท่นบรรทมก่อนเสด็จไปประทับลงบนพระแท่นบรรทมข้าง
พระวรกายสูงใหญ่ องค์อคินบรรทมอย่างเป็นสุข เสียงพระอัสสาสะกับปัสสาสะที่ทอดยาวสม่ำเสมอ
บอกให้รู้ว่าทรงเหน็ดเหนื่อยเพียงไร จะปลุกดีหรือไม่ ปล่อยให้พักดีกว่า ทรงเหนื่อยมามากแล้ว
ยารอก่อนได้แต่เรื่องของรัตนควรรีบทูลให้ทรงทราบ พบกันครึ่งทางก็แล้วกันปล่อยให้บรรทมไปอีกสักพัก
ค่อยปลุกดีกว่า เราเองก็ง่วงเหมือนกัน ไปพักก่อนดีกว่า พอขยับพระวรกายก็ถูกพระหัตถ์ใหญ่แข็งแรง
ดึงให้ล้มลงไปซบพระอุระแกร่งตามมาด้วยพระสุรเสียงงัวเงียดังขึ้นให้ได้ยินว่า

“หลับเป็นเพื่อนหม่อมฉันหน่อยองค์หญิง องค์หญิงมีเรื่องอะไรค่อยว่ากันอีกที”

“ทรงปล่อยหม่อมฉันก่อน เดี๋ยวกระเทือนถึงแผลของพระองค์ ปล่อยเถอะเพคะ” ทูลด้วยความเป็นห่วง
องค์อคินทรงลืมพระเนตรขึ้น พลิกพระวรกายตะแคงข้างแทน หากยังใม่คลายอ้อมพระกร

“องค์หญิงไม่ต้องกังวลถึงแผลของหม่อมฉัน นอนเป็นเพื่อนหม่อมฉันดีกว่า องค์หญิงเองก็เหนื่อยและ
เพลียเหมือนกัน หลับนะองค์หญิงคนดี ตื่นขึ้นมาองค์หญิงจะให้หม่อมฉันทำอะไรหม่อมฉันยอมหมด”

ตรัสจบก็ทรงหลับพระเนตรลงอีกครั้งพร้อมเสียงพระอัสสาสะกับปัสสาสะสม่ำเสมอ คนในอ้อม
พระกรพยายามแกะท่อนพระกรที่กอดรัดอยู่ให้ออกแต่ไม่เป็นผล ที่สุดก็ทรงยอมหลับพระเนตรลงฟังเสียง
พระหทัยองค์อคินเต้นจนบรรทมไปด้วยความเพลียในอ้อมพระกรอันอบอุ่นจนกระทั่งเกือบสว่างจึงทรงลืม
พระเนตรขึ้นทอดมองไปรอบห้องพระบรรทมแล้วค่อยๆขยับพระวรกายออกเมื่อเห็นว่าอ้อมพระกรแข็งแรง
เริ่มคลายแต่พอจะลุกพระสุรเสียงแห่งองค์อคินก็ดังขึ้น

“องค์หญิงจะหนีไปไหน”

“ทรงตื่นนานแล้วทำไมไม่ปลุก หม่อมฉันมีเรื่องด่วนที่รอให้พระองค์ไปจัดการ” ดวงเนตรงดงาม
เขียวจัด องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ ก่อนขยับพระวรกายสูงใหญ่ขึ้นนั่งพร้อมเจ้าของดวงเนตรเขียวจัด

“องค์หญิงหิวหรือ ถึงได้จ้องหน้าหม่อมฉันอย่างน่าเอร็ดอร่อย” ทรงทำพระพักตร์ล้อเลียนตาม

“ใช่หม่อมฉันหิวมาก อยากแล่เนื้อใครสักคนไปย่างกิน โดยเฉพาะเนื้อคนเจ้าเล่ห์ ยิ่งน่าอร่อย”

\ “ถ้าอย่างนั้นคงไม่ใช่เนื้อหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันเป็นคนดี แสนซื่อ ไม่อย่างนั้นองค์หญิงไม่พยาบาล
ใกล้ชิดแบบนี้หรอก” พระสุรเสียงกับแววพระเนตรช่างซื่อนักหนา

“ใช่เพคะ พระองค์ดี แสนซื่อ เอาล่ะ ในเมื่อทรงเป็นคนดีและแสนซื่อ หม่อมฉันก็มีอะไรซื่อๆจะบอกเหมือนกัน”
ดวงเนตรกลมโตงดงามฉายแววใสซื่อเช่นกัน

“ถ้าเป็นเรื่องทหารกองรบพิเศษ หม่อมฉันรู้แล้ว คงส่งมาจากองค์ตีรณธร วันนี้หม่อมฉันจะมีจดหมายตอบ
กลับเจ้าพี่ขององค์หญิง และบางทีอาจต้องช่วยรัตนนครเป็นการตอบแทนบ้าง สินธุคงไม่อยู่เฉยแน่ ที่น่าเป็น
ห่วงคือ หากสินธุเรียกกำลังสนับสนุนจากนครอื่น ต่อให้หิรัณย์กับรัตนร่วมมือกันคงทำอะไรไม่ได้
อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องหาทางทำให้นครที่สวามิภักดิ์สินธุเลิกทำตามสินธุเสีย”

นึกไม่ถึงองค์อคินทรงทราบเรื่องมาตลอด หรือว่า..จะเกิดเหตุที่รัตนนครจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร
เจ้าพี่ทรงไม่ยินยอมตกเป็นเมืองขึ้นของสินธุแน่ จะมีทางใดช่วยได้ เป้าหมายของสินธุ คือยึดรัตนกับ
หิรัณย์ ทำอย่างไรถึงจะโดดเดี่ยวสินธุได้

“ปัญหาอยู่ที่ ทำอย่างไรไม่ให้นครอื่นส่งทหารเข้าช่วยสินธุหากมีการร้องขอ ถ้ารู้ว่าพวกที่สวามิภักดิ์
สินธุทั้งหลายมีความจริงใจแค่ไหนก็จะดี” ว่าที่ราชินีทรงเปรยๆ

“ขอบใจองค์หญิงที่ทำให้หม่อมฉันคิดออก หม่อมฉันว่าเรื่องนี้เจ้าพี่ขององค์หญิงรู้ดีแน่ ทรงเป็นกษัตริย์
นักการทูตมีหรือจะไม่รู้ว่านครใดสวามิภักดิ์ด้วยใจจริงหรือจำยอม เห็นทีหม่อมฉันต้องให้วรธรไปรัตนนคร
อีกครั้ง พอทราบจะได้ส่งชยาธรไปเจรจา เหตุผลหนึ่ง คงมาจากเรื่องค้าขายแน่ เห็นทีต้องรีบเปิดน่านน้ำให้
เรือสินค้าจากนครอื่นผ่านโดยไม่มีเงื่อนไข เฮ่อ! คิดว่าจะได้เริ่มพระราชพิธีอภิเษกเร็วๆกลับต้องเลื่อนออก
ไปอีก องค์หญิงเลยไม่ได้เป็นราชินีแห่งหิรัณย์เสียที”

ตรัสเหมือนเห็นใจในว่าที่ราชินีหากแววพระเนตรเพรวพราวนี่สิทำให้ทรงได้รับกำปั้นถวายแรงๆที่
พระอุระแทน

“ดี...ยิ่งทอดไปนานเท่าไรยิ่งดี หม่อมฉันไม่เดือดร้อน ส่วนใครจะเดือดร้อนก็ไม่เป็นไร”

“ใจร้ายจริงๆ ไม่คิดเห็นใจบ้างเลย” ทรงโอดครวญอย่างน่าสงสาร คนไม่เดือดร้อนยิ้มก่อนขยับ
ดวงพักตร์งดงามเข้าไปใกล้ก่อนแนบพระโอษฐ์อิ่มบางสวยบนพระโอษฐ์หยักงามแล้วรีบขยับออกห่าง

“หวังว่าจะไม่ว่าหม่อมฉันใจร้ายอีกนะเพคะ หม่อมฉันขอตัวก่อน อย่าลืมทานยานะเพคะ
หม่อมฉันจะกลับมาพร้อมอาหารเช้า” สุรเสียงหวานๆทูลแล้วรีบขยับพระวรกายลงจากพระแท่นบรรทม
อย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนดวงพักตร์แดงเรื่อ องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ พระหทัยแช่มชื่นนัก ทรงคาดไม่ถึง
ว่าที่ราชินีของพระองค์จะรับขวัญพระองค์ได้หวานนัก หากทรงไม่มีราชกิจต้องทำอีกมากมายจะกักตัวไว้
ให้รับขวัญต่อแต่เรื่องของการศึกยังไม่จบ ต้องชิงลงมือก่อนสินธุ ต้องรีบสั่งวรธรให้รีบนำความไปบอกให้
องค์ตีรณธรทราบถึงแผนต่อไป ชักช้าไม่ได้ สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ

***การศึกยังไม่สิ้น การรักยังมีก้าวต่อไปชื่นชม๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2554, 17:54:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2554, 17:54:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 3620





<< ตอนที่ 1   
omelate 6 ส.ค. 2554, 18:26:06 น.
หวานวันละนิด จิตแจ่มใสค่ะ..


anOO 6 ส.ค. 2554, 18:36:52 น.
อลค์อคินทรงเจ้าเล่ห์จริงๆ ด้วย
น่ารักจัง


xeve 6 ส.ค. 2554, 20:07:21 น.
พักรบ พบรัก2


Setia 6 ส.ค. 2554, 20:13:26 น.
ทั้งศึกรบ ศึกรัก อย่างไหนก็ชำนาญไปหมด


หนอนฮับ 6 ส.ค. 2554, 21:13:51 น.
มาแว้วววววว...ต้องเอาคืนสินธุให้หนักกกก


รอรัก 7 ส.ค. 2554, 10:02:20 น.
ตอนนี้เป็นห่วงหญิงอาวิสาน่ะ ว่าในที่สุดจะเป็นคนดีหรือเปล่าน้า เฮ้อ


ppk 7 ส.ค. 2554, 12:48:10 น.
รอลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่าืสินธุจะำได้รับบทเรียนอีก


myray 7 ส.ค. 2554, 14:21:36 น.
หวานกันได้อีก
สบายดีไม๊คะ ไม่ได้เม้าท์กันตั้งนานแล้วเนอะ


Pat 7 ส.ค. 2554, 22:40:09 น.
รับขวัญแบบนี้องค์อคินก็สู้ไม่มีถอยสิคะ ว่าที่ราชินี(คู่พระทัย)


nunoi 8 ส.ค. 2554, 12:50:05 น.
อ่านไป ยิ้มไป


goldensun 8 ส.ค. 2554, 22:23:39 น.
อาวิสาจะคิดยังไงนะ น่าลุ้น
ถ้าแสดงให้เห็นว่าสินธุแพ้ ก็น่าจะดึงเมืองอื่นเป็นพวกได้นะ


milbol 30 ต.ค. 2554, 21:09:14 น.
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ


รอรัก 9 ส.ค. 2555, 08:53:54 น.
ตอนต่อไปจะมาหรือเปล่าน้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account