สายรุ้งพร่างพรายที่ปลายฝัน
เรื่องย่อ สายรุ้งพร่างพรายที่ปลายฝัน (บัวสุพรรณ)
มัทรีเป็นลูกสาวของ ส.ส.วันชัย ซึ่งถูกส่งไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา หล่อนใช้ชีวิตอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือยสมกับเป็นลูกของคนมีเงินโดยไม่สนใจเรียน หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของพ่อตนเองเป็นนักค้ายาเสพติด จนวันหนึ่งระหว่างบินมาเยี่ยมมัทรีที่อเมริกาก็ถูกจับได้โทษฐานขนยาเสพติดมาด้วย และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือมัทรี ยกเว้นเริงฤทธิ์ ซึ่งเอื้อเฟื้อให้หล่อนย้ายเข้าไปอยู่ด้วยในอพาร์ทเมนท์ส่วนตัว แต่ข่าวก็รู้ถึงแม่ของเขาซึ่งเป็นสตรีหม้ายที่อยู่ในสังคมระดับสูง ทำให้แม่ของเขา และศรุตซึ่งเป็นอาของเขาต้องบินมาจัดการไล่มัทรีออกจากชีวิตของเริงฤทธิ์
ด้วยความสงสารและต้องการแก้ปัญหาศรุตจึงเสนอเงื่อนไขให้หญิงสาวด้วยการจ่ายค่าเรียนให้แต่มัทรีต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับเริงฤทธิ์เด็ดขาด
มัทรีย้ายไปเรียนต่ออีกเมืองหนึ่งเพื่อตัดปัญหาเรื่องเริงฤทธิ์ตามคำแนะนำของศรุต หล่อนเรียนจนจบและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตที่อเมริกา แต่กลับกลายเป็นว่า หล่อนกลับตัดสินใจใหม่ด้วยการบินกลับมาเมืองไทยด้วยเหตุผลเพียงเพราะ หล่อนอยากอยู่ใกล้กับศรุต ซึ่งบังเอิญว่าบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ได้ประกาศรับสมัครพอดี
ทันทีที่ศรุตพบหน้ามัทรีก็เข้าใจว่า หญิงสาวกลับมาแบล็คเมล์เขาอีกรอบเพราะเห็นว่าเขาจ่ายเงินให้หล่อนได้ง่าย ๆ ในรอบแรก มัทรีเจ็บใจที่ถูกเขาเข้าใจผิดและพูดจาเสียดสีเย้ยหยัน จึงบอกว่าหล่อนต้องการจะใช้นามสกุลของเริงฤทธิ์ให้ได้ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าเริงฤทธิ์เป็นเกย์ แต่ต้องการตอบโต้เขา และขอค่าแลกเปลี่ยนด้วยการเรียกร้องเงิน บ้าน และรถ ซึ่งศรุตก็ตกลง แต่ก็คิดไว้แล้วว่าจะตัดสินใจแก้ปัญหานี้อย่างไร
มัทรีย้ายไปอยู่คอนโดที่ศรุตจัดไว้ตามคำเรียกร้อง แต่เมื่อเริงฤทธิ์กลับมาจากอเมริกา มัทรีก็ออกไปกับเขาเพราะปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ซึ่งทำให้ศรุตโกรธ และตัดสินใจที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับหญิงสาวในที่สุด

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1

บทที่1
“เรื่องมันชักเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วนะ คุณรุต คุณต้องเตือนสติหลานบ้าง ขืนปล่อยเลยตามเลยไปจะยิ่งเกาะกันไม่หลุด บอกเสียก่อนนะว่าพี่ยอมไม่ได้แน่ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็”
สตรีวัยกลางคน หากผิวหน้ายังตึงเรียบดูอ่อนกว่าวัยมากด้วยผลแห่งศัลยกรรมสมัยใหม่ ประกอบกับได้รับการตกแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดี เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้นั่งอยู่ตรงข้ามหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เป็นบุรุษวัยสามสิบปลาย ๆ ลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ซ่อนความเบื่อหน่ายอยู่ในสีหน้าเรียบเฉย พลางเอนหลังพิงพนัก หลังจากวางปากกาลงบนเอกสารตรงหน้าอย่างยอมแพ้ เพราะรู้ว่าคงทำงานต่อไปไม่ได้ จนกว่าสตรีผู้นี้จะออกจากห้องไป
“เริงโตแล้วแล้วนะครับ พี่ดา เขาย่อมรู้ว่าอะไรดี หรือไม่ดีด้วยตัวเขาเอง ไม่ใช่ให้ใครไปคอยควบคุมชีวิตของเขาทุกฝีก้าวเหมือนเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณรุตไม่ห่วงหลานเลยใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้น.....”
ชายหนุ่มลากเสียง มีความอิดหนาระอาใจเจืออยู่ในน้ำเสียงนั้นอย่างปิดไม่มิด แต่อีกฝ่ายหาได้สำเหนียกในความรู้สึกของเขาไม่ ตรงกันข้าม กลับสียงแข็งยิ่งขึ้น ขณะย้อนกลับมาว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วจะให้พี่เข้าใจเป็นอย่างอื่นได้อย่างไง คุณรุตก็รู้อยู่แก่ใจว่าตาเริงเขาไม่เคยเชื่อฟังใคร แม้แต่พี่เองที่เป็นแม่เขาแท้ ๆ ยังไม่ยอมฟังเสียง มีแต่คุณรุตเท่านั้นที่เขายอมฟัง ถ้าเรื่องนี้คุณรุตไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ตาเริงจะต้องเสียผู้เสียคน หมดอนาคตเป็นแน่แท้เชียว”
ศรุตลอบถอนหายใจอีกครั้ง นึกอยากจะตอบกลับไปตรง ๆว่า ก็คนเป็นแม่เคยทำตัวให้คนเป็นลูกอยากนั่งฟังหรือเปล่าเล่า อย่าว่าแต่เริงฤทธิ์เลย เขาเอง ก็ยังอยากลุกหนีเสียทุกครั้งที่สตรีผู้นี้มาหา ไม่ว่าจะธุระอะไรก็ตามที ติดขัดตรงที่ว่า มารยาททำให้มิอาจทำได้อย่างใจต้องการเท่านั้น
“มันไม่ถึงกับร้ายแรงอย่างนั้นหรอกครับ พี่ดา”
“อย่างนี้ยังพูดว่าไม่ร้ายแรงอีกหรือ รู้ไหม ว่าตอนนี้พี่ได้ข่าวมาว่า แม่ผู้หญิงคนนั้น หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ตาเริงแล้ว อย่างนี้จะให้พี่เข้าใจว่าอย่างไง”
“เรื่องอย่างนี้ที่โน่นเขาไม่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนี่ครับ อย่าว่าแต่ที่โน่นเลย ที่เมืองไทยเรานี่ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป ที่ผู้หญิงผู้ชายเขาอยู่ด้วยกันก่อนโดยไม่ได้แต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว สมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว อะไร ๆ มันก็เปลี่ยนแปลงไป แล้วผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร เริงฤทธิ์เป็นผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ผู้หญิง เรื่องนี้ถ้าจะนับเป็นความเสียหาย ก็ต้องเป็นฝ่ายหญิง ไม่ใช่ฝ่ายชาย”
“โอ๊ย...” เสียงร้องขึ้นแหลมปรี๊ดราวกับคนพูดถูกเข็มแทงเอาจะ ๆ จนคนที่เพิ่งพูดจบไปเกือบสะดุ้ง “แม่คนนั้นน่ะ เขาเสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว“
เขานึกอยากจะเถียงว่ารู้ได้อย่างไร แต่ไม่อยากขัดคอ จึงนิ่งฟังอีกฝ่ายพูดต่อไป
“พี่ได้ข่าวมาว่า ตอนนี้หันไปยึดอาชีพเต้นฟลอโชว์อยู่ในไนท์คลับ แล้วจะมาเหลืออะไรให้ต้องเสียหายกันอีก แต่พี่ไม่ได้หมายความถึงไอ้เรื่องเสียหายพรรค์นั้นเพียงอย่างเดียว” คุณชุดาภาเน้นเสียง “สิ่งที่พี่กลัวอยู่ตอนนี้ก็คือ กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะเกาะตาเริงไม่ยอมปล่อย ทีนี้ล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่ แล้วบอกก่อนนะ คุณรุต เป็นตายอย่างไง พี่ก็ไม่ยอมรับแม่คนนั้นเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูลเราแน่”
“ทำไมล่ะครับ”
“ทำไม?” เสียงแหลมสูงขึ้นมาทันควันอีกครั้ง นัยน์ตาที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตทั้งบริเวณเปลือกตา และขนตา เบิกกว้างแทบว่าจะลอยออกมานอกหน้าเสียให้ได้
“คุณรุตไม่น่าถาม นี่ใจคอจะยอมให้พี่รับลูกคนคุกคนตารางมาเป็นสะใภ้อย่างนั้นหรือ ทั้งตระกูลของฝ่ายคุณรุต ทั้งฝ่ายพี่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย แล้วจะให้มาด่างพร้อยตรงที่พี่... ลูกพี่..อย่างนั้นหรือ พี่ยอมไม่ได้หรอก ยอมไม่ได้เด็ดขาด”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอย่างจนต่อข้อขัดแย้ง แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างกับคำกล่าวของอีกฝ่ายในเรื่องชาติเรื่องตระกูล แต่ไม่อาจกล่าวแย้งออกมาได้ถนัดนักในเรื่องนี้ จริงอยู่ ตระกูลทางฝ่ายเขาเอง ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกันกับสามีผู้วายชนม์ไปแล้วของคุณชุดาภา แม้จะไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากขุนน้ำขุนนาง แต่ก็สร้างเนื้อสร้างตัวกันมาอย่างสุจริต กระทั่งมีฐานะเป็นปึกแผ่น และมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงสังคม
ส่วนตระกูลดั้งเดิมของคุณชุดาภานั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะนั่นสืบเชื้อสืบสายไล่เลียงมาจากขุนน้ำขุนนางที่สูงศักดิ์อยู่เอาการในสมัยรัชกาลที่ผ่าน ๆ มา จนแม้ในปัจจุบัน นามสกุลเดิมของคุณชุดาภาก็ยังเป็นที่นับหน้าถือตาเป็นอย่างยิ่งในแวดวงสังคมชั้นสูง และตัวพี่สะใภ้เขาเองนั้น ก็ยังคงใช้นามสกุลเก่าของตนควบคู่ไปกับนามสกุลของสามีอยู่เสมอ ทำให้นามสกุลของเธอยาวเหยียดทีเดียวในยามปรากฏอยู่ตามที่ต่าง ๆ ฉะนั้น เขาก็ออกจะเห็นใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเหตุการณ์เป็นไปอย่างที่เจ้าตัวกริ่งเกรงอยู่ เรื่องราวก็คงจะเป็นที่ร่ำลือกันกระฉ่อนอยู่ในสังคมไฮโซของเจ้าตัว และก็มีหวังว่า คุณชุดาภา คงต้องมีอาการเหมือนอยากจะเอาปี๊บมาคลุมหัวเป็นแน่
แต่ก็นั่นแหละ บางที อาจจะเป็นเรื่องกระต่ายตื่นตูมเกินไปก็ได้ เริงฤทธิ์อาจไม่ได้คิดจริงจังกับเด็กสาวคนนั้น เพียงแต่อารมณ์เหงา หรืออารมณ์สนุกพาให้หวือหวาไปชั่วขณะเท่านั้น
“เริงฤทธิ์อาจไม่ได้คิดจริงจังก็ได้นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างที่ใจคิด “ อีกหน่อย อาจเจอคนใหม่ ก็คงเลิกคบกับคนนี้ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ผมว่า เด็กวัยนี้ก็คงยังไม่คิดจะจริงจังอะไรกับใครง่าย ๆ หรอก ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะเหงา ไม่มีใคร หรืออาจจะติดใจเด็กคนนี้จริง ๆ แต่อีกหน่อยก็คงเบื่อ ตามประสาวัยรุ่นล่ะครับพี่ดา “
“ตาเริงก็ไม่เด็กเท่าไรแล้วนะ คุณรุต” อีกฝ่ายแย้ง “แต่ความที่แกไม่เคยได้รับผิดชอบอะไร ก็เลยยังดูเด็กอยู่ร่ำไป ถ้าตาเริงเอางานเอาการสักครึ่งหนึ่งของคุณรุต พี่ก็คงไม่ต้องคอยเป็นห่วงถึงอย่างนี้หรอก”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องทำงานนี่ครับ แล้วผมก็ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปเร่งรัดอะไรเขามากมายนัก เอาไว้ให้เรียนจบเสียก่อน ถึงเวลานั้น เริงฤทธิ์ก็คงเรียนรู้ที่จะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเขาเอง ผมว่าอย่าไป..” ชายหนุ่มยั้งคำพูดว่า จู้จี้ ไว้ได้ทันท่วงที หากก็สะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “.....กวดขันเขามากดีกว่า ดีไม่ดีเขาอาจพยศเอา เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
คุณชุดาภานิ่งอึ้งไป แต่เพียงครู่เดียว ก็กลับไปเอ่ยย้ำเหมือนเดิมเพราะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากกว่า อันเป็นนิสัยที่คนใกล้ชิดรอบด้านเคยชินกับนิสัยนี้ของเจ้าตัวเป็นอย่างดี
“ไม่ได้หรอก คุณรุต เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คุณรุตเข้าใจ ถ้าตาเริงเกิดเสียท่า ถูกแม่คนนั้นมัดจนดิ้นไม่หลุดขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ พี่เห็นท่าจะต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวแน่ ๆ “
แววตาของอีกฝ่ายปรากฏรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ เมื่อได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของพี่สะใภ้ เขาเดาผิดไปเสียที่ไหน
“พี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีลูกสะใภ้เป็นคนคุกคนตาราง เป็นพ่อค้าขายยาเสพติด ชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว แล้วไม่เฉพาะแต่เมืองไทย เมืองนอกเมืองนาก็ประโคมข่าวติด ๆ กันเป็นนานสองนาน ไม่ไหวหรอก พี่ทนไม่ได้แน่ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลพี่คงป่นปี้กันคราวนี้เอง”
“ความจริง เริงเขาก็ไม่ได้ใช้นามสกุลพี่นี่ครับ “ ชายหนุ่มพลั้งปากออกไปอย่างเผลอตัว และพอเอ่ยออกไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง เมื่อเห็นสะใภ้ผู้เจ้ายศเจ้าอย่างของตนตวัดสายตาอันคมกริบจ้องหน้าเขาอย่างตำหนิ
“ถึงแกจะใช้นามสกุลอภิวรรณของคุณรุต แต่คนในสังคมก็รู้ว่า เริงฤทธิ์มีแม่เป็นใคร มาจากไหน สืบเชื้อสายมาจากที่ตรงไหน และอย่างน้อยที่สุด คุณตาของแกก็ยังมีคนนับหน้าถือตาอยู่ในสังคม คุณพ่อพี่คงไม่มีวันให้อภัยพี่เด็ดขาด หากไปไหนมาไหนแล้วมีแต่คนไถ่ถามถึงหลานสะใภ้ที่เป็นลูกสาวของนายวันชัย ที่ต้องติดคุกเพราะโทษฐานค้ายาเสพติด แล้วนายวันชัยคนนี้ชื่อเสียงแกก็ใช่ย่อยอยู่หรือ ตอนที่เป็นส.ส. ยังไม่มีใครกล้าเปิดโปง ก็ใช่ว่าจะมีชี่อไปในทางที่ดีเสียที่ไหนกัน ยิ่งพอมีเรื่องถูกจับ มิหนำซ้ำยังถูกเอาไปติดคุกที่อเมริกาโน่นอีก ฉาวโฉ่ไปทั่วอย่างนี้ ใครเขาจะอยากไปคบค้าสมาคมด้วย ดีไม่ดีจะถูกมองอย่างเข้าใจผิดไปด้วย “
ศรุตถึงกับเงียบกริบเถียงอะไรไม่ออกเลยสักคำในคราวนี้ บรรยากาศในห้องทำงานที่แม้จะเย็นฉ่ำจากไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็จริง แต่เขากลับเริ่มรู้สึกร้อน และอึดอัดคล้ายไม่มีอากาศจะหายใจอย่างไรก็อย่างนั้น
ครู่หนึ่งต่อมา คุณชุดาภาก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า
“พี่ขอร้องล่ะ คุณรุต นึกว่าเห็นแก่หน้าค่าตาของวงศ์ตระกูลบ้าง นี่ถ้าคุณสารัตน์ยังอยู่ เรื่องคงไม่ต้องเดือดร้อนมาถึงคุณรุตหรอก พ่อเขาคงจัดการกันได้ แต่นี่...พี่ก็เห็นแต่คุณรุตเท่านั้น ที่พอจะพูดให้ตาเริงเขาเชื่อฟังได้ ตาเริงเขาเชื่ออารุตของเขายิ่งกว่าใครทั้งหมด” น้ำเสียงของคนพูดอ่อนลงในตอนท้าย
และคำพูดประโยคท้ายนั้นก็ทำให้สีหน้าเคร่ง ๆของอีกฝ่ายค่อยคลายลงเล็กน้อย เมื่อนึกไปถึงผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งการสนทนาในครั้งนี้
จริงอย่างที่คุณชุดาภาพูด เริงฤทธิ์ยึดเขาเป็นที่พึ่งตั้งแต่ขาดพ่อเมื่อสิบกว่าปีก่อน เแม้วัยจะไม่ห่างกันถึงขนาดจะเป็นพ่อลูกกันได้ แต่เขาก็ดูแลหลานชายแทนพี่ชายอย่างใกล้ชิดสนิทสนมมานานจนรู้สึกผูกพันไม่ต่างจากความรู้สึกของพ่อกับลูกมากนัก
“นึกว่าเห็นใจพี่เถอะ คุณรุต พี่เองก็มีลูกอยู่กับเขาแค่คนเดียว ก็อยากเห็นแกมีชีวิตที่ดีมีเกียรติสมกับชาติตระกูล ไม่อยากเห็นแกต้องตกต่ำลงไปเพราะผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันด้วย ลำพังเป็นลูกนายวันชัยพี่ก็ทำใจไม่ได้อยู่แล้ว นี่..มิหนำซ้ำ พี่ยังได้ข่าวมาว่า ไปเต้นโชว์เนื้อหนังอยู่ในไนท์คลับกลางค่ำกลางคืนเข้าอีก อย่างนี้จะเหลืออะไรดีอีกเล่า คุณรุตก็เคยเรียนอยู่ที่โน่นมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร พี่คิดว่าคุณรุตเองก็คงไม่คิดจะเอาผู้หญิงแบบนั้นมาร่วมวงศ์ตระกูลด้วยแน่นอน ความจริงถ้าตาเริงคิดจะมีแฟน พี่ก็ไม่คิดจะห้ามปรามเสียที่ไหนกัน เพียงแต่ขออย่าให้เป็นแม่คนนี้เท่านั้น ดูเถอะ ถ้าเป็นแบบหนูเอินของคุณรุตพี่จะไม่ว่าอะไรเลยสักคำ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ ไม่พูดว่าอะไร เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยพาดพิงไปถึงหญิงสาวที่เขาคบหาสมาคมอยู่ในเวลานี้
“เอาเถอะครับ” ในที่สุด เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนนต่อเหตุผลที่คุณชุดาภายกขึ้นมาพูดอย่างยืดยาว “แล้วผมจะโทรไปคุยกับนายเริงฤทธิ์เขาดูก็แล้วกัน บางทีข่าวที่พี่ดาได้รับมาอาจคลาดเคลื่อนก็เป็นได้”




บัวสุพรรณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2556, 13:56:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2556, 13:56:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 956





   บทที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account