ล้อมรัก
ความรู้สึกผิดบาปที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่ของเธอตาย ทำให้เขาไม่กล้าเปิดใจถึงแม้ในหัวใจจะมีเธอเต็มอยู่ทุกห้อง
Tags: รักต่างวัย,โรแมนติค,ล้อมรัก

ตอน: ตอนที่ 23,24

ตอนที่ 23


สามเดือนผ่านไป

บรรยากาศในสวนอาหารของรีสอร์ตแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศ คืนนี้กำลังครึกครื้นไปด้วยเสียงเพลง การพูดคุยสลับกับเสียงหัวเราะที่ดังแทรกเป็นระยะ การตกแต่งที่เน้นใช้โทนแสงไฟอ่อน ๆ จากโคมไฟหลากรูปทรงและหลากสีที่แขวนเด่นอยู่บนเพดานและมุมต่าง ๆ มีส่วนช่วยในการเพิ่มเสน่ห์และสีสันให้กับร้านไม่ใช่น้อย

และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่พีรพลเดินทางมาสมทบกับเพื่อนสนิท เพื่อมาร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนอีกคนที่กำลังจะจัดงานแต่งในอีกสองวันข้างหน้านี้

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อเก็บเกี่ยวทัศนียภาพและอาจนำบางอย่างไปพัฒนาหรือปรับปรุงร้านอาหารของตน หากวินาทีถัดมาภาพของหญิงสาวคนหนึ่งก็ผ่านเข้ามาสะดุดสายตาเข้าอย่างจังจนต้องหันไปพิจารณาอย่างตั้งใจ

เรือนร่างสูงโปร่งที่แม้เห็นเพียงแผ่นหลังหากกระนั้นก็ให้ความรู้สึกคุ้นตาอย่างน่าประหลาด หากเมื่อพยายามเขม้นมอง ร่างบางก็หายปะปนไปกับกลุ่มคนเสียแล้ว

“มองหาอะไรวะ พีท”

ภากร เพื่อนที่รู้จักและคบหากันตั้งแต่สมัยเรียนและยังคงติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอจนทุกวันนี้ สะกิดถามหลังจากเห็นเพื่อนรักมีทีท่าคล้ายมองหาอะไรสักอย่าง

“ไม่มีอะไร”

ตอบปฏิเสธแต่สายตาก็ยังไม่วายแลหาด้วยหวังว่าอาจพบอีกสักครั้ง หากวินาทีถัดมาก็จำต้องหักใจแล้วกลับมาให้ความสนใจกับอาหารและเครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงทุ่มเถียงจากโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนักก็ดึงความสนใจให้ทั้งเขาและเพื่อนต้องหันไปมอง สิ่งที่เห็นคือด้านหลังของหญิงสาวสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคนที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามมองหา เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์แล้วพอเดาได้ว่าน่าจะเกิดการปะทะคารมกันระหว่างลูกค้ากับพนักงานในร้าน

พีรพลผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นว่าฝ่ายลูกค้าซึ่งเป็นชายร่างท้วมยกมือขึ้นตบใบหน้าก่อนจะตามด้วยการผลักหญิงสาวคนนั้นด้วยแรงที่ไม่เบานักจนร่างบอบบางล้มไปกองบนพื้น วินาทีนั้นร่างสูงก็ก้าวปราดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันสิครับ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย”

“แล้วลื้อมายุ่งอะไรด้วยวะ”

ลูกค้าร่างท้วมตะคอกถามอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีปราดเข้ามาหา และทำท่าจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

กะแค่จับก้นสาวเสิร์ฟนิดหน่อย แม่นั่นก็ทำร้องโวยวายเรียกเพื่อนมาช่วย แล้วนังคนมาใหม่ก็มาทำท่าจะเอาเรื่องเขา ตบสักทีสองทีก็ถือว่าปรานีมากแล้ว

มือตบจอมกร่างคิดอย่างสะใจ ก่อนถลึงตาใส่ชายหนุ่มผู้มาใหม่เมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย

“ผมคงจะไม่ยุ่ง ถ้าคุณจะทำตัวให้สมกับเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้”


“อ้าว! ไอ้นี่ พูดแบบนี้แปลว่าอยากมีเรื่องใช่ไหม ได้...ถ้าอยากมีนัก อั๊วก็จะจัดให้”

จบคำพูด กำปั้นก็ถูกเหวี่ยงมาจนเกือบปะทะใบหน้า หากพีรพลก็ยื่นมือไปสกัดไว้ได้ทัน จากนั้นก็สวนกลับไปด้วยกำปั้นอย่างไม่มีการออมแรง และผลของมันก็คือร่างท้วมใหญ่ถึงกับเซถลาก่อนจะล้มโครมลงไปกองที่พื้นด้วยอาการที่เรียกกันว่าสลบเหมือด

เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์ พีรพลก็กลับมาให้ความสนใจพนักงานสาวที่กำลังถูกเพื่อนพนักงานช่วยกันพยุงตัว ชายหนุ่มมองปราดไปทั่วก่อนเพื่อพิจารณาหาร่องรอยบาดเจ็บ แล้วก็พบว่าที่หัวเข่าข้างซ้ายของหญิงสาวแตกจนมีเลือดไหล หากเมื่อกำลังมองไปที่ใบหน้าซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าตัวเองก็เพิ่งเงยขึ้นมาจากการก้มดูบาดแผลตรงหัวเข่า ดวงตาสองคู่ที่สบประสานกันในวินาทีแรก มีอันต้องเบิกกว้างในวินาทีถัดมาเพื่อประจักษ์ถึงใบหน้าของแต่ละฝ่าย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะพูดออกมาโดยพร้อมเพรียง

“คุณ!”

“คนรู้จักของนายเหรอวะ พีท”

คำถามของเพื่อนที่ดังขึ้นมาพร้อมกับการพาตัวแทรกเข้ามาหา ดึงความสนใจของทั้งสองที่กำลังประจันหน้ากัน

“อืม”

พีรพลตอบรับสั้น ๆ ในลำคอเพียงเท่านั้น โดยทำเป็นไม่เห็นถึงทีท่าสนอกสนใจของเพื่อน เมื่อหันกลับไปมองหญิงสาวตามเดิม

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

วินาทีที่เจอกับชายหนุ่มตรงหน้า นิศากานต์ก็เชื่อแล้วว่าโลกมันกลมจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าหลังการหลบหนีออกมาพร้อมกับล้อมรักเมื่อสามเดือนก่อน เธอจะได้มาเจอกับผู้ชายคนนี้

หญิงสาวไม่ยอมตอบ หากเลือกใช้วิธีเดินหนีแทนทั้ง ๆ ที่กำลังเริ่มแสบที่บาดแผลตรงหัวเข่า หากไม่นานร่างสูงก็ก้าวปราดมาดักหน้าพร้อมกับถามเสียงเข้มดุไม่ต่างจากแววตาที่จับจ้อง

“หนูล้อมอยู่กับคุณ ใช่ไหม”

ดูท่า ผู้ชายคนนี้จะหายใจเข้าออกเป็นแค่ชื่อหนูล้อมเท่านั้นล่ะมั้ง

นิศากานต์แค่นยิ้ม บอกไม่ถูกว่าทำไมจะต้องรู้สึกแปลก ๆ ที่เหมือนจะน้อยใจด้วย และความรู้สึกนั้นนั่นเองที่ผลักดันให้เธอคิดจะเดินผ่านเขาไป หากไม่ถูกอีกฝ่ายดึงแขนเอาไว้

“ปล่อย!”

“ไม่! จนกว่าคุณจะบอกผมว่าหนูล้อมอยู่ไหน”

“ฉันไม่บอก”

“งั้นก็อย่าหวังเลยว่าคุณจะได้ไปไหน”

คำบอกนั้นแฝงความเอาจริงจนคนฟังนึกขยาด หากไม่วายทำปากเก่ง

“คุณไม่มีสิทธิมาจับตัวฉันแบบนี้นะ”

“คุณก็ไม่มีสิทธิพาหนูล้อมหนีมาแบบนี้เหมือนกัน”

“นี่คุณคิดว่าฉันเป็นคนพาหนูล้อมหนีมาอย่างนั้นเหรอ”

“หรือคุณจะเถียงว่าไม่ใช่”

คนอยากเถียงขยับปากเตรียมจะปฏิเสธ หากเปลี่ยนใจเมื่อสบเข้ากับดวงตาเข้มดุของอีกฝ่าย

ช่างสิ! เขาจะคิดยังไงก็ช่าง ยังไงเธอก็ไม่เคยดีในสายตาของเขาอยู่แล้วนี่

นิศากานต์บอกกับตัวเองอย่างหงุดหงิดปะปนความน้อยใจเล็ก ๆ ที่เธอให้เหตุผลของความน้อยใจว่าเป็นเพราะเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนพาล้อมรักหนีมา

ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว หนูล้อมเป็นคนชวนเธอหนีมาต่างหาก

“ผึ้ง เป็นอะไรมากหรือเปล่า เมื่อกี้แต้วเข้าไปบอกหนูล้อมว่า...”

คำพูดต่อจากนั้นของล้อมรักมีอันขาดหาย เพราะเพิ่งสังเกตเห็นว่าเพื่อนรักไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง หากเมื่อใครคนนั้นหันหน้ากลับมามอง ความตกใจและคาดไม่ถึงทำให้หลุดปากเรียกขาน

“พี่พีท!”


ความรู้สึกในยามนี้ของพีรพลเมื่อต้องมาประจันหน้ากับสองสาวที่กำลังมองมายังเขาด้วยท่าทีที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วนั้น มีทั้งความรู้สึกโล่งอกและดีใจ หากขณะเดียวกัน เขาก็นึกอยากจับตัวหนึ่งในสองสาวมาเขย่าตัวแรง ๆ สักหลายทีค่าที่ดูเหมือนยังไม่สำนึกตัว

ในขณะที่ล้อมรัก มองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนกึ่งขอโทษอยู่ในทีที่รู้ว่าเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการหลบหนีของเธอ เพราะต้องคอยออกตามหาเธอและนิศากานต์ตามคำสั่งแกมขอร้องของคุณวาทิน

แต่...นิศากานต์ หญิงสาวที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับเขาด้วยแววตาวาววับเหมือนจะเอาเรื่องนั้น ดูไม่สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดใด ๆ แม้แต่น้อย ทำราวกับว่าการที่เธอและล้อมรักหนีมาจนทำให้ใครต่อใครร้อนอกร้อนใจ อยู่ไม่เป็นสุขนั้น ไม่ได้เป็นความผิดใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มละสายตาจากคนไม่สำนึกเพราะไม่อยากหงุดหงิดใจมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มพิจารณาไปรอบ ๆ ห้องของสองสาวซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดไม่กว้างนัก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่ทางรีสอร์ตมีให้กับพนักงานของตนเอง โดยจัดให้เช่าในราคาที่ไม่แพงมากนัก

จากการสนทนากันก่อนหน้านี้ ทำให้พีรพลรู้ว่าหลังจากหนีออกมาจากบ้านพรพิทักษ์ สองสาวซึ่งต่างก็มีเงินส่วนตัวอยู่จำนวนหนึ่งพากันเดินทางขึ้นมาทางภาคเหนือของประเทศตามคำชักชวนของเพื่อนสาวของนิศากานต์ที่หญิงสาวโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ ฝ่ายนั้นเสนอให้เดินทางขึ้นมาทำงานกับญาติของตนซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของรีสอร์ตแห่งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของทั้งสองสาวเพราะพนักงานที่ดูแลด้านการเงินของรีสอร์ตกำลังจะลาออกเพราะต้องไปเป็นแม่บ้านเต็มตัวให้กับสามี เพื่อนของนิศากานต์จึงอาศัยความเป็นหลานสาวคนโปรดขอร้องให้อาของตนซึ่งเป็นหุ้นส่วนช่วยฝากฝังสองสาวเข้าไปทำงาน ดังนั้นล้อมรักจึงได้ทำหน้าที่ดูแลด้านการเงิน ในขณะที่นิศากานต์ได้รับหน้าที่ในตำแหน่งฝ่ายต้อนรับ

“คุณลุง...กับพี่อาร์ต สบายดีหรือเปล่าคะ”

เมื่อสบโอกาส ล้อมรักก็เอ่ยถามถึงสิ่งที่เธอปรารถนาจะรู้เป็นอันดับแรก พร้อมกันนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจห้ามน้ำตาที่ซึมออกมาจากความโหยหาและคิดถึง กี่ครั้งแล้วที่เธอเคยตั้งคำถามนั้นกับดวงดาวยามค่ำคืนถึงคนที่เธอจากมาไกล

พีรพลมองหน้าคนที่เอ่ยถามแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อเห็นหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอในดวงตาคู่นั้น ก่อนให้คำตอบที่ส่งผลให้คนฟังน้ำตาตก

“หนูล้อมคิดว่าการที่จู่ ๆ หนีออกมาแบบนี้ ทุกคนจะยังคงมีความสุขความสบายใจหรือเปล่าล่ะ”

“หนูล้อม...ขอโทษ”

“พี่ว่าคนที่หนูล้อมควรพูดคำนี้ไม่ใช่พี่นะ...” พีรพลเงียบไปนิดก่อนจะหันกลับมาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“กลับบ้านเถอะหนูล้อม ทั้งคุณลุงและพี่อาร์ตเป็นห่วงหนูล้อมมาก โดยเฉพาะพี่อาร์ต นอกจากจ้างนักสืบออกตามหาหนูล้อมแล้ว เขายังเที่ยวออกตามหาหนูล้อมด้วยตัวเอง ทำให้คุณลุงเป็นห่วงมากเพราะพี่อาร์ตแทบไม่ยอมกินยอมนอนเลย”

โธ่! พี่อาร์ต

ล้อมรักได้แต่ครางอยู่ในอกเพราะความสะเทือนใจ

เธอเองก็ไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนี้ แต่...เธอไม่มีทางเลือกจริง ๆ

พีรพลลอบถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทีเศร้าสร้อยของล้อมรัก ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายไปยังหญิงสาวอีกคน ซึ่งเป็นจังหวะที่นิศากานต์กำลังจะเอายามาทาบาดแผลตรงหัวเข่าพอดี เห็นดังนั้นพีรพลก็นิ่วหน้าก่อนออกปาก

“นั่นคุณจะทำอะไร”

คำถามนั้นพลอยดึงความสนใจของล้อมรัก หญิงสาวมองตามสายตาของชายหนุ่มก็พบว่าเขากำลังนิ่วหน้ามองเพื่อนรักของเธออยู่

นิศากานต์นิ่วหน้าตอบกลับเช่นกัน ก่อนให้คำตอบด้วยน้ำเสียงสะบัดนิด ๆ

“ก็เห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังจะต้องถาม”

ครั้งนี้พีรพลไม่โต้ตอบหากเดินปราดเข้าไปหาแล้วดึงขวดยาในมือของหญิงสาวออกไปวางบนโต๊ะเล็กข้าง ๆ

“จะทำอะไร”

“ผมจะพาคุณไปหาหมอ”

“ไม่ต้อง แค่ทายาก็เรียบร้อยแล้ว”

“แต่แผลคุณบวม ยังไงไปให้หมอเขาทำความสะอาดบาดแผลจะดีกว่า”

“ไม่จำเป็น”

“แต่หนูล้อมว่าผึ้งไปหาหมอก็ดีนะ”

“แต่...”

“ไปเถอะนะผึ้ง ถือว่าหนูล้อมขอร้อง”

เพราะความตกใจที่ได้เจอกับพีรพล ทำให้ล้อมรักลืมเรื่องที่เพื่อนรักบาดเจ็บไปเสียสนิทจนกระทั่งได้ยินพีรพลออกปาก ทำให้อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้

เมื่อถูกล้อมรักขอร้องเช่นนั้น นิศากานต์ก็พูดไม่ออก หลังจากนิ่งไปนิดหญิงสาวก็จำยอม

“ก็ได้”

นั่นจึงเรียกรอยยิ้มจากล้อมรักได้ในทันใด

“ถ้าอย่างนั้น หนูล้อมขอกลับไปทำงานต่อนะคะ นี่ก็ขอเวลาเขามาบอกว่าจะมาคุยธุระเดี๋ยวเดียว เอาเป็นว่าหลังจากพี่พีทพาผึ้งไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว เราค่อยมาคุยกันอีกที”

บอกชายหนุ่มจบ ล้อมรักก็หันไปบอกเพื่อนรัก

“ส่วนวันนี้ ผึ้งก็หยุดพักเถอะ เจ็บแบบนี้คงทำงานไม่สะดวกหรอก เอาไว้หนูล้อมจะบอกพี่นิดให้อีกที”

ตอนท้าย หญิงสาวหมายถึงนิตยา ซึ่งอยู่ฝ่ายบุคคลและมีหน้าที่ดูแลพนักงานทุกคน หลังจากหันไปส่งยิ้มให้พีรพล ล้อมรักก็เดินออกไปจากห้องเพื่อกลับไปทำงานของตน

เมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าดูจะจับจ้องเธอมากเกินไปในความรู้สึก นิศากานต์ก็อดไม่ได้ต้องตั้งคำถาม

“มองอะไร”

ไม่มีคำตอบนอกจากการกระทำที่ส่งผลให้นิศากานต์ตัวแข็งด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือออกมาแตะเบา ๆ ตรงข้างแก้ม

“เจ็บมากไหม”

คำถามนั้นทำให้นิศากานต์เข้าใจได้ในทันทีว่าเขาหมายถึงตอนที่เธอถูกตบนั่นเอง

“มะ...ไม่มาก”

เพราะความประหม่าที่เกิดขึ้นมากะทันหันส่งผลให้เสียงที่ตอบออกไปตะกุกตะกักอย่างห้ามไม่อยู่ ความร้อนที่เหมือนกำลังกระจายไปตามเนื้อตัวและใบหน้านั้น ทำให้นิศากานต์ก้าวถอยหลังราวกับต้องการเว้นระยะห่างและต้องการให้หลุดจากมือที่กำลังแตะต้องใบหน้าของเธอ

“ไปกันได้แล้วมั้ง”

เมื่อรู้สึกแปลก ๆ ต่อการต้องอยู่กันตามลำพัง นิศากานต์ก็ออกปากบอกก่อนจะก้าวนำออกไปจากห้อง โดยมีร่างสูงก้าวตามไปไม่ห่าง

ภาพของเพื่อนรักที่กำลังเดินนำสาวสวยตรงเข้ามาหา ทำให้ภากรนึกแปลกใจไม่น้อย กระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงตรงที่เขายืนรออยู่ข้างรถ เพราะก่อนหน้านี้ถูกพีรพลบอกให้มารอที่นี่ในขณะที่เพื่อนรักบอกว่าขอตัวไปคุยธุระกับเพื่อน

“นี่เพื่อนของผม ชื่อภากร”

พีรพลตัดสินใจแนะนำเมื่อเห็นสายตาสงสัยใคร่รู้ของเพื่อนรัก

“กร นี่...คุณผึ้ง”

แม้ผิดหวังต่อการแนะนำแสนสั้นที่ไม่ได้ทำให้รู้อะไรเพิ่มเติม แต่ภากรก็ยังคงเปิดรอยยิ้มออกไปเพื่อผูกมิตรยามกล่าว

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

นิศากานต์จำต้องยิ้มตอบกับมิตรภาพที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ แต่หญิงสาวก็ไม่ทันได้มีโอกาสพูดหรือทำอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อจู่ ๆ คนข้างตัวก็เปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วดันเธอให้เข้าไปนั่งข้างใน

“ฉันจะพาเขาไปหาหมอ เดี๋ยวนายไปนั่งข้างหลังก็แล้วกัน”

พีรพลบอกเพื่อน ก่อนเดินดุ่ม ๆ ไปขึ้นประจำที่ด้านคนขับ ทำให้ภากรต้องรีบเปิดประตูตอนหลังแล้วพาตัวเองขึ้นไปนั่ง ไม่กี่วินาทีรถยนต์คันหรูก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้น


สามเดือนแล้วที่หัวใจเขาโบยบินหนีไป

นั่นคือเสียงคร่ำครวญในใจของวิศรุตในค่ำคืนนี้ ซึ่งแทบไม่ต่างจากหลายคืนที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่ความคิดถึงและโหยหาทำให้เขาต้องเข้าไปในห้องนอนของเธอ เพียงเพื่อหวังว่าอาจพบล้อมรักรอเขาอยู่ในนั้น แม้รู้ดีว่ามันคงไม่มีทางเป็นจริง แต่...เขาก็ยังอยากหวัง

เขาผิดเองที่กดดันล้อมรักจนเธอตัดสินใจหนีไปแบบนั้น

ชายหนุ่มโทษตัวเองที่มีส่วนทำให้ล้อมรักหนีไป

ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธความรักของเธอ แล้วยังเสนอทางเลือกที่เหมือนเธอเป็นตุ๊กตามากกว่าจะเป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ ทั้งหมดนั้นก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่จะทำให้เธอจากเขาไป

พี่ขอโทษนะหนูล้อม

คำขอโทษนั้นยังคงดังก้องอยู่เพียงในใจ ไม่ต่างจากคำร้องขอที่เขาพร่ำวอนทุกค่ำคืน...ขอให้เธอกลับมา



ตอนที่ 24


เป็นเวลาเกือบสามทุ่มเมื่อพีรพลพานิศากานต์มาส่งที่ห้องซึ่งมีล้อมรักรออยู่นานแล้ว เพราะหมดเวลาการทำงานของเธอที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนถึงสองทุ่ม หญิงสาวก้มมองบาดแผลของเพื่อนที่ตอนนี้มีผ้าก๊อซปิดทับแผลเรียบร้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนที่พาเพื่อนของเธอมาส่ง

“ขอบคุณมากนะคะพี่พีทที่พาผึ้งไปหาหมอ แล้วยังพามาส่งอีก”

“ไม่เป็นไร...”

ชายหนุ่มเงียบไปขณะมองตามนิศากานต์ที่เข้าไปภายในห้องพัก ก่อนเอ่ยขึ้นต่อ

“พรุ่งนี้หนูล้อมเข้างานกี่โมง”

“บ่ายโมงค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าพี่จะมาหาใหม่ วันนี้หนูล้อมพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”

ล้อมรักฝืนยิ้มทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยสบายใจนักเพราะแน่ใจว่าการคุยของพีรพลคงไม่พ้นการขอให้เธอกลับไป

ราวกับล่วงรู้ถึงความนึกคิดของล้อมรักเมื่อชายหนุ่มยิ้มตอบราวกับจะปลอบใจ ก่อนหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ล้อมรัก

“แล้วอย่าลืมทานยาล่ะ”

ครั้นเห็นเพียงอาการพยักหน้าของคนที่เขากำชับให้ทานยา พีรพลก็เตรียมหันหลังกลับ

“ขอบคุณนะ”

คำบอกที่ตามหลังมานั้นส่งผลให้ชายหนุ่มชะงัก ก่อนหันกลับไปมอง แต่ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของคนเจ็บที่กำลังเดินเขยกไปนั่งบนเก้าอี้ หากนั่นก็มากเกินพอสำหรับคนที่เฝ้ามองจนทำให้เกิดรอยยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปาก ก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังแล้วเดินจากไป


เช้าวันรุ่งขึ้น พีรพลก็ทำตามที่เขาพูดด้วยการไปเคาะประตูห้องนอนของสองสาวในเวลาแปดโมงเศษ คนที่มาเปิดประตูให้ก็คือนิศากานต์

“หนูล้อมล่ะ”

เจอหน้าเธอก็ถามหาแต่หนูล้อม

หญิงสาวแอบค่อนอยู่ในใจ ก่อนให้คำตอบพร้อมกับเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามา

“ไปซื้อของ”

พีรพลไม่พูดอะไร ขณะกวาดสายตาเก็บรายละเอียดภายในห้อง ซึ่งนอกจากเตียงนอนสองตัว ตู้เสื้อผ้า และเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ก็ไม่มีเครื่องใช้หรือของตกแต่งอื่นอีก สิ่งที่เห็นทำให้อดไม่ได้ต้องลอบถอนหายใจ

นับว่ายังดีที่ยังมีพัดลม

ชายหนุ่มหันไปมองนิศากานต์ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสั้นซึ่งนั่นทำให้เห็นถึงบาดแผลตรงหัวเข่าซึ่งมีผ้าก๊อชสีขาวปิดทับเอาไว้

“เมื่อวานคุณได้ทานยาที่หมอจ่ายไว้ให้หรือเปล่า”

“ทาน”

“แล้วเช้านี้เปลี่ยนผ้าพันแผลหรือยัง”

“เปลี่ยนแล้ว”

ครั้นเห็นพีรพลจับจ้องหน้าเธอนิ่ง ๆ นิศากานต์ก็เริ่มสงสัยจนอดไม่ได้ต้องถาม

“คุณมองอะไร”

“ผมกำลังสงสัย เมื่อวานที่คุณถูกผู้ชายคนนั้นตบมีผลกระทบกับการพูดของคุณหรือเปล่า ถึงตอบได้แต่คำสั้น ๆ”

คนตอบได้แต่คำสั้น ๆ เม้มปากเข้าหากันอย่างไม่พอใจ แล้วทำท่าจะเดินหนี หากต้องชะงักกับคำพูดที่ได้ยิน

“ไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวเราจะต้องกลับไปบ้านพรพิทักษ์”

“ใครจะกลับ”

“คุณกับหนูล้อม”

“ไม่ค่ะ หนูล้อมไม่กลับ”

คำบอกนั้นมาจากคนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วทันได้ยินคำสนทนาก่อนหน้านี้ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ซีดเผือด สีหน้าแววตาที่เหมือนคนจวนเจียนจะร้องไห้นั้นทำให้พีรพลต้องลอบถอนหายใจ ก่อนเดินเข้าไปหาแล้วฉวยถุงพลาสติกบรรจุอาหารที่อยู่ในมือของหญิงสาวมาถือเอาไว้เอง

“ไม่ได้หรอกหนูล้อม เมื่อวานพี่โทร. ไปบอกคุณลุงแล้ว ท่านดีใจมาก ยังบอกให้พี่รีบพาหนูล้อมกลับไปเร็ว ๆ”

ล้อมรักได้แต่นึกเสียใจที่เธอมัวชะล่าเกินไปเพราะคิดว่าจะลองขอร้องเขาในวันนี้ ทั้งที่ควรกำชับพีรพลเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าอย่าบอกเรื่องที่เจอเธอให้ใครรู้

“แต่...หนูล้อม...ไม่อยากกลับ”

“หนูล้อม...”

“หนูล้อมขอร้องนะคะพี่พีท ช่วยหนูล้อมสักครั้ง หนูล้อม...กลับไปที่นั่นไมได้จริง ๆ”

“ทำไมล่ะหนูล้อม ที่นั่นเป็นครอบครัวของหนูล้อมนะ ทำไมถึงกลับไปไม่ได้”

ไม่มีคำตอบจากร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งเพื่อซ่อนหยดน้ำตา หากนั่นก็สร้างความหนักใจให้กับพีรพลไม่น้อย ชายหนุ่มอึดอัดจนลอบถอนหายใจ หากก็ไร้ซึ่งคำพูด

“ในเมื่อหนูล้อมไม่อยากกลับ แล้วคุณถือสิทธิอะไรมาบังคับ”

เมื่อเห็นเพื่อนรักกำลังจะเสียน้ำตานิศากานต์ก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องแทรกขึ้นมา หญิงสาวเดินเข้าไปโอบบ่าล้อมรักแล้วบอก

“ไม่เป็นไรนะหนูล้อม ไม่ต้องกลัว ผึ้งจะช่วยหนูล้อมเอง”

ล้อมรักมองเพื่อนรักแล้วน้ำตาก็พานจะไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ตั้งแต่ออกจากบ้านพรพิทักษ์ นิศากานต์ก็ยืนกรานอยู่เคียงข้างเธอ ทั้ง ๆ ที่จะบินกลับไปหาน้าสาวที่อังกฤษก็ยังได้ แต่หญิงสาวกลับเลือกการโทรศัพท์ไปบอกน้าของตนว่าจะขออยู่กับล้อมรัก จนกว่าเชื่อมั่นว่าเพื่อนรักสามารถใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังได้

จริงอยู่ว่าน้าสาวของนิศากานต์ยินดีรับเธอไปอยู่ด้วย แต่เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องเป็นภาระของใครอีกแล้ว

“ผมไม่ได้บังคับ แค่อยากขอร้อง ตอนนี้คุณลุงท่านเป็นห่วงหนูล้อมมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล ที่ผ่านมาท่านก็เข้าโรงพยาบาลหลายครั้งเพราะความเครียดและวิตก จนคุณหมอย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้ท่านมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอีก”

คำบอกของพีรพลดึงล้อมรักให้หลุดจากภวังค์ความคิด หญิงสาวหน้าเผือดด้วยความตกใจต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเอ่ยออกไปได้

“เพราะหนูล้อม...หนูล้อมทำให้คุณลุงไม่สบาย”

เห็นเพื่อนรักน้ำตาร่วง นิศากานต์ก็อดไม่ได้ต้องหันไปตวัดสายตาขุ่นเขียวให้กับพีรพล ก่อนหันกลับมาปลอบใจคนเป็นเพื่อน

“ไม่เอาน่าหนูล้อม อย่าคิดมาก คุณลุง...ท่านสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับหนูล้อมหรอก”

“ไม่หรอกผึ้ง เป็นเพราะหนูล้อม หนูล้อมไม่ดี ทำให้คุณลุงเครียดจน...”

ถ้อยคำตอนท้ายสะอึกหายไปในลำคอเพราะเจ้าตัวสะเทือนใจจนไม่สามารถเปล่งเสียงได้

“ถ้าอย่างนั้น หนูล้อมก็คงคิดได้แล้วใช่ไหมว่าควรจะกลับไปพร้อมกับพี่”

เห็นท่าทางของล้อมรัก พีรพลก็ไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสไว้ ส่วนหนึ่งเพราะเห็นแก่สุขภาพของคุณวาทิน ผู้ที่ตนเคารพรัก ก่อนเดินทางมาที่นี่ สุขภาพของชายสูงวัยไม่ค่อยดีนักจนต้องส่งตัวเข้าพักในโรงพยาบาลเพราะต้องการให้อยู่ใกล้กับแพทย์ และอีกส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าหากล้อมรักยอมกลับไป นั่นน่าจะเป็นผลดีสำหรับทุกคน

ล้อมรักไม่สามารถให้คำตอบได้ในทันทีเพราะความคิดที่สับสน ยอมรับว่าเธอไม่พร้อมที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับพี่อาร์ต แต่ความรู้สึกที่คิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้คุณวาทินล้มป่วย ทำให้หญิงสาวก็ไม่อาจวางเฉย

พีรพลเห็นท่าทีของล้อมรักแล้วก็พอเดาได้ ชายหนุ่มนิ่งไปครู่อย่างใช้ความคิด ก่อนยื่นข้อเสนอ

“ถ้าหนูล้อมยังตัดสินใจไม่ได้ งั้น...พี่มีข้อเสนอ”


ภาพของชายสูงวัยที่กำลังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ทำให้คนที่เพิ่งเปิดประตูห้องพักเข้ามาน้ำตาคลอด้วยความเสียใจและสำนึกผิด

เพราะเธอแท้ ๆ คุณลุงถึงต้องเข้าโรงพยาบาล

ล้อมรักนึกโทษตัวเองยามเดินเข้าไปใกล้คนป่วยที่ตอนนี้หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา

“คุณลุงขา หนูล้อมขอโทษ”

หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษ พลางนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้

คงเพราะพีรพลเองก็ไม่อยากบังคับใจเธอ แต่ความเป็นห่วงในตัวคุณวาทินก็ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจวางเฉย ดังนั้นเขาจึงออกปากเสนอให้เธอเดินทางมาเยี่ยมชายสูงวัยพร้อมกันกับเขา พร้อมให้สัญญาว่าจะไม่ให้เธอเจอกับวิศรุต ด้วยความเป็นห่วงที่เธอมีให้กับผู้มีอุปการคุณ จึงทำให้เธอตอบตกลงโดยไม่ลังเล

การได้มาเห็นสภาพไร้การตอบสนองของคนบนเตียง ล้อมรักก็ยิ่งเสียใจ จนวูบหนึ่งหญิงสาวอดไม่ได้ต้องหวนนึกถึงพี่ชายร่วมโลก

พี่อาร์ตจะโกรธเธอไหมที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณลุงต้องเข้าโรงพยาบาล

“คุณลุงอยู่ในความดูแลของหมอแบบนี้ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”

นิศากานต์รีบพูดปลอบเมื่อเห็นท่าทีเสียใจของเพื่อน

ล้อมรักหันไปยิ้มให้เพื่อนรักแทนคำขอบคุณ ก่อนหันไปทางชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ

“ขอบคุณพี่พีทมากนะคะที่พาหนูล้อมมา”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่เต็มใจ”

พีรพลบอก หลังจากนิ่งไปนิดชายหนุ่มก็เอ่ยขอตัว

“เดี๋ยวพี่ขอออกไปโทรศัพท์หาเพื่อนหน่อยนะ”

พูดจบ ร่างสูงก็เดินตรงไปยังประตูห้อง ก่อนเปิดออกแล้วเดินออกไป ปล่อยให้คนป่วยอยู่ในการเฝ้าดูของสองสาว

เพียงไม่กี่นาที พีรพลก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนทำให้สองสาวพากันประหลาดใจกับคำบอก

“คุณ...ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย”

เพราะกำลังแปลกใจบวกกับงุนงงที่จู่ ๆ ก็ถูกระบุตัว นิศากานต์จึงไม่ทันขัดขืนเมื่อถูกพีรพลปราดเข้ามาดึงมือแล้วรั้งให้ก้าวตามเขาออกไปจากห้อง กระทั่งมายืนด้านนอกห้องแล้วนั่นล่ะ หญิงสาวจึงหันไปแหวใส่อย่างไม่พอใจ

“มีอะไร ทำไมต้องลากฉันออก...”

คำพูดต่อจากนั้นขาดหาย เมื่อเพิ่งประจักษ์ว่า ณ ที่ตรงนั้นไม่ได้มีเพียงเธอและชายหนุ่มเท่านั้น วินาทีนั้นความโกรธทำให้นิศากานต์ลืมตัวจนขยับเข้าประชิดร่างสูงตรงหน้าแล้วระดมกำปั้นเข้าใส่แผงอกของอีกฝ่าย

“คุณมันหลอกลวง ไหนบอกว่าจะไม่บอกไง”

พีรพลไม่พูดอะไร นอกจากคว้าข้อมือทั้งสองข้างของคนที่ประทุษร้ายเขาแล้วบีบแน่นอย่างต้องการปราม ก่อนหันไปบอกชายหนุ่มอีกคน

“พี่อาร์ตเข้าไปเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการเอง”

วิศรุตพยักหน้าก่อนทำตามที่อีกฝ่ายบอกด้วยการเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปภายในห้อง

“ปล่อย! ไม่ต้องมาจับฉัน”

คล้อยหลังวิศรุต นิศากานต์ก็ขึ้นเสียงพลางพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกยึดเอาไว้ หากผลที่ได้คือแรงบีบที่แน่นขึ้นจนเจ้าตัวต้องนิ่วหน้า

“ฉันเจ็บ!”

หญิงสาวขึ้นเสียงอีกครั้งด้วยความโมโหและเจ็บข้อมือ ซึ่งครั้งนี้ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายปล่อยมือจากเธอทันที

“จะไปไหน”

พีรพลถามพลางก้าวเข้าไปสกัดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะผลักประตูเข้าไป

“ฉันจะเข้าไปหาหนูล้อม”

“อย่าเลย ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังเถอะ”

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง หนูล้อมไว้ใจคุณถึงได้ยอมมาเยี่ยมคุณลุง เพราะคุณสัญญาว่าจะไม่บอกพี่อาร์ต แล้วทำไม...”

ความผิดหวังทำให้นิศากานต์ไม่สามารถพูดต่อจนจบ หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาที่สะท้อนถึงความรู้สึกชัดเจน จนพีรพลต้องเบือนหน้าหนี

“มันจำเป็น ผมไม่อยากเห็นคุณลุงและพี่อาร์ตต้องเสียใจ”

“แต่หนูล้อมเสียใจได้อย่างนั้นสิ”

ถ้อยคำเสียดสีของหญิงสาว ส่งผลให้พีรพลต้องขบฟันแน่น ใช่ว่าเขาต้องการทำแบบนี้ แต่เขาไม่ต้องการให้คุณวาทินต้องมาล้มป่วยเพราะความทุกข์ใจจากความรู้สึกผิดที่คิดว่าท่านเป็นต้นเหตุทำให้ล้อมรักต้องหนีออกไปจากบ้าน แล้วยังจะวิศรุตอีก หลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่เพื่อนรุ่นพี่คนนี้จะหยุดพักจากการเฝ้าเพียรออกตามหาล้อมรัก

“คุณไม่เข้าใจ ทั้งคุณลุงและพี่อาร์ต ต่างก็เป็นเหมือนครอบครัวของผม”

“สำหรับฉัน หนูล้อมก็ไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน”

นิศากานต์บอกพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกกับการถูกหลอกครั้งนี้ หญิงสาวยกมือหมายจะผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง แต่ร่างสูงยังคงยืนปักหลักดั่งเสาหินไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อน

“ถอยไป ฉันจะเข้าไปช่วยเพื่อนของฉัน”

“มีพี่อาร์ตอยู่ หนูล้อมไม่มีวันเป็นอันตรายหรอก”

“ฉันไม่เชื่อคำพูดของคนหลอกลวง”

ถ้อยคำนั้นกระแทกใจคนฟังจนสะอึก หากกระนั้นก็ยังปักหลักยืนนิ่งและประสานสายตาไม่ยอมหลบ จนคนถูกจ้องกลับยิ่งขัดเคืองใจมากขึ้น หลังจากพยายามอีกครั้งเพื่อจะฝ่าด่านมนุษย์หินตรงหน้าแต่ยังไม่เป็นผลสำเร็จ นิศากานต์ก็โมโห ก่อนสะบัดหน้าแล้วเดินลิ่ว ๆ หนีไป โดยไม่รู้เลยว่าร่างสูงที่ยืนปักหลักในตอนแรกนั้นกำลังเดินตามเธอไปไม่ห่าง

พีรพลยังคงเดินตามนิศากานต์ไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเดินผ่านประตูกระจกด้านหน้าโรงพยาบาลออกไป ชายหนุ่มจึงไม่รั้งรอที่จะเดินกึ่งวิ่งไปดักหน้า

“คุณจะไปไหน”

“เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง คุณจะไปไหนก็ไป!”

นาทีนั้น ความโกรธ ความผิดหวัง ต่อการหลอกลวง ทำให้นิศากานต์คิดแต่จะไปให้พ้นจากหน้าผู้ชายคนนี้ ยิ่งเห็นยิ่งได้ยินเสียง หญิงสาวก็ยิ่งโกรธ ทั้ง ๆ ที่หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเธอจะต้องโกรธต้องผิดหวังมากขนาดนี้

รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกโกรธเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าเขา

คนถูกไล่ขบฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์ ความโมโหและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องมาใส่ใจผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผลอย่างนิศากานต์ ทำให้พีรพลเค้นเสียงบอก

“ได้ ผมจะไม่ยุ่งกับคุณ อยากจะไปไหนก็เชิญ!”

ร่างสูงที่กำลังเดินผ่านหน้าของเธอเพื่อเข้าไปด้านในตึกนั้น ก่อให้เกิดอาการเสียดร้าวในอกอย่างบอกไม่ถูกกระทั่งเรียกหยดน้ำขึ้นมาคลอในดวงตา หากทิฐิทำให้นิศากานต์ฝืนเชิดหน้าขึ้นยามหันหลังแล้วขยับจะก้าวไปเบื้องหน้าซึ่งจังหวะนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งกำลังแล่นตรงเข้ามา

ท่ามกลางความมืดมิดที่เข้ามาปกคลุม นิศากานต์ไม่รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเสียงกรีดร้องของผู้คนแถวบริเวณนั้น หรือแม้กระทั่งร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ฝ่าฝูงชนเข้ามาแล้วร้องเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจ

“ผึ้ง!”


เพียงแค่เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังนั่งเฝ้าข้างเตียงพ่อของตน วิศรุตก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขาผ่านช่วงเวลาที่ไม่มีล้อมรักมาได้ยังไง ในวินาทีนี้ชายหนุ่มจึงได้ประจักษ์...เขาได้หัวใจคืนกลับมาแล้ว

“หนูล้อม”

เสียงเรียกที่แสนคุ้นเคยส่งผลให้ร่างเล็กบางแข็งค้างด้วยความตกใจในวินาทีแรก หากเมื่อค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมอง ล้อมรักก็ไม่อยากเชื่อสายตา

“พี่อาร์ต”

ราวกับกลัวว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเพียงความฝัน หรือไม่ก็เกรงล้อมรักจะหนีจากไปอีกครั้ง วิศรุตจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยยามก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วดึงร่างเล็ก ๆ เข้ามาสวมกอดแนบแน่น

แม้อ้อมกอดนั้นจะแน่นหนาจนทำให้อึดอัด แต่กระนั้นล้อมรักก็ไม่คิดอุทธรณ์ ตรงกันข้ามหญิงสาวกลับหลับตาดุจจะซึมซับไออุ่นที่กำลังได้รับในขณะนี้

เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน

“พี่ควรจะลงโทษเด็กดื้อที่หนีออกไปจากบ้านยังไงดีนะ”

คำบอกที่ดังชิดริมหู ส่งผลให้คนฟังน้ำตาซึม ก่อนรู้สึกถึงความว่างโหวงอย่างประหลาดในวินาทีที่ถูกผลักออกห่าง

“ต่อไปพี่ขอสั่ง ห้ามหนูล้อมหนีพี่ไปแบบนี้อีก”

คำสั่งที่ควรเข้มดุ หากกลับกลายเป็นพร่าสั่นจนหัวใจคนฟังสะท้านไหว กระทั่งไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก

“อย่าร้องไห้ พี่เคยบอกแล้วไงว่าไม่อยากเห็นน้ำตาของหนูล้อม”

มือใหญ่ที่กำลังซับหยดน้ำตาให้เธอนั้นสั่นสะท้านจนล้อมรักสามารถรับรู้ได้ คำพูดที่ตามมาหลังจากนั้นทำให้หญิงสาวยิ่งไม่อาจห้ามน้ำตา

“พี่คิดถึงหนูล้อม”

“พี่อาร์ต...”

สัมผัสอ่อนโยนและทะนุถนอมสุดแสนนั้นเป็นสิ่งที่ล้อมรักปรารถนาหากขณะเดียวกันเธอก็ไม่คาดฝันว่าจะได้รับอีกครั้ง หลังจากเผชิญกับความห่างเหินเย็นชาของอีกฝ่ายมาเนิ่นนาน ท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงเพราะไม่คาดฝันของล้อมรัก วิศรุตก็ทำให้คนฟังตื่นตะลึงอีกครั้ง...ด้วยความตกใจ

“แต่งงานกับพี่นะหนูล้อม”


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ เนื่องจากช่วงนี้สมองค่อนข้างแล่นดีค่ะ ก็เลยมีนิยายทยอยมาอัพให้คนอ่านได้ต่อเนื่อง ไม่หายไปเป็นเดือนเหมือนช่วงก่อน

จากคอมเม้นท์ตอนก่อน รู้สึกว่าพี่อาร์ตของเราจะทำให้เพื่อนนักอ่านหมั่นไส้กับความท่ามากเรื่องมาก (555 ชักสงสารพี่อาร์ตแล้วสิ) มาคราวนี้คนแต่งชักอยากรู้ว่าพี่อาร์ตจะทำให้คนอ่านรู้สึกยังไงบ้าง

ขอบคุณสำหรับทุก LIKE ทุกคอมเม้นท์ที่มอบเป็นกำลังใจให้กับคนแต่งค่ะ

Jiab : ตอนนี้หนูล้อมกลับมาแล้วค่ะ

แพม : เลิกสมน้ำหน้ารึยังน้อ...คนท่ามากเหมือนจะสำนึกตัวแล้ว (มั้ง)

konhin : มาคราวนี้ เหมือนพี่อาร์ตจะยอมรับหัวใจตัวเองแล้วมั้งคะ (ใช่รึเปล่าน้อ)

wii : หายหมั่นไส้พี่อาร์ตหรือยังเอ่ย แต่หนูล้อมคงหมดโอกาสไปเป็นครูสอนเด็กบนดอยแล้วค่ะ เพราะต้องกลับมาแล้ว

ปอยอะนะ : แหะ..แหะ แบบว่าพระเอกโง่ ๆ เนี่ย สะใจคนแต่งค่ะ

nunoi : สงสารพี่อาร์ตซักคนเถอะค่ะ เพราะรู้สึกจะมีคนสมน้ำหน้าเยอะแล้ว

supayalak : เจอคนสมน้ำหน้าพี่อาร์ตอีกคนแล้ว 555



พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2556, 15:22:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2556, 15:26:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1760





<< ตอนที่ 19,20   
chadum 30 ก.ค. 2556, 16:41:24 น.
ตอนนี้ลุ้นคู่พี่พีท กับ หนูผึ้ง ชอบๆๆๆๆค่ะ


nunoi 30 ก.ค. 2556, 16:56:20 น.
กว่าจะยอมรับได้นะพี่อาร์ต ลุ้นคุ่ หนูผึ้งกะพี่พีท เหมือนกันค่ะ น่ารักดี


supayalak 30 ก.ค. 2556, 17:35:48 น.
เฮ้ออออ หนูล้อมกับพี่อาร์ตกำลังจะเคลียร แต่หนูผึ้งกะพี่พีน่าจะเคลียรยาววววว


wii 30 ก.ค. 2556, 19:56:49 น.
เชอะยังหมั่นไส้นายอาร์ตไม่หาย กว่าจะรู้ใจตัวเองก็ดั๊นนนทำให้หนูล้อมกับหนูผึ้งตกตระกำลำบากอยู่ตั้งหลายเดือน ส่วนหนูผึ้งก็หนีไปอยูอังกฤษซะก็หมดเรื่องถ้าหนายพีทรักจริงก็ให้เขาตามไปง้อเองก็เเล้วกัน เพราะดันมาทำร้ายนํ้าใจกันให้เจ็บปวดอยู่ด๊ายยยย


konhin 31 ก.ค. 2556, 02:16:52 น.
หนูล้อมอย่าพึ่งเชื่อ ให้เค้าพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าเพราะรักไม่ใช่เพราะเสียดายยยยยยหรือเพราะอย่างอื่น


pkka 31 ก.ค. 2556, 22:27:07 น.
เป็นห่วงผึ้งอ่ะ!


แพม 2 ส.ค. 2556, 13:01:39 น.
ยังหมั่นไส้อีตาพีทอยู่ ให้ผึ้งหนีไปอยู่อังกฤษซะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account