ตำแยกิ่งเพชร (รีไรท์)
“ถามจริง ...คุณมีอำนาจตัดสินใจให้ฉันอยู่หรือไม่อยู่บ้านหลังนี้ได้ด้วยหรือ” ใบหยกมองเขาอย่างขอคำตอบ
“เธอ!” ดวงหน้าขาวจัดซับสีแดงเข้ม ดวงตาคมเกิดประกายวาววับ
“โอ๊ย เรียกเธอๆ อยู่นั่นแหละ ใบหยกค่ะ ใบหยก แหม คงคิดว่าฉันไม่รู้ละซี คุณให้ฝ่ายบุคคลไปคุ้ยขยะหาใบสมัครฉันมาดูโคตรเหง้าศักราชไม่ใช่เหรอ ...พออย่างนี้ทำเป็นลืม ชิ” ใบหยกมั่นใจว่าคำพูดตนจะทำให้เขาออกอาการฟาดงวงฟาดงา อาจถึงขั้นพุ่งเข้ามาบีบคอ หรือไม่ก็จับหล่อนทุ่มลงบนพื้นถนนให้เนื้อตัวถลอกปลอกเปิก
ทว่าคิดคาด!!
เพชรเอกเป่าลมพรูออกจากริมฝีปากบางเฉียบ มองดวงหน้าสวยที่มีคราบเหงื่ออย่างนึกขัน
“รู้อะไรไหม? ฉันว่าชื่อ ‘ใบหยก’ มันสูงเกินค่าตัวเธอไปมั้ง” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ ยั่วใจหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งให้ดิ้นเป็นเจ้าเข้า
“อีตาบ้า! แล้วคุณล่ะ ‘เพชรเอก รัตนทองธาร’ อย่างนั้นหรือ...ตาย อันที่จริงชื่อกระบองเพชร น่าจะเหมาะกว่า หนามพิษแหลมๆ ยุบยั่บ เต็มตัวขนาดนั้น!” ใบหยกค้อนขวับใส่ชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตร หากจิตใจเย็นชาเหมือนถูกจับแช่แข็ง!!
“เฮ้ย! นี่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง พูดให้ดีๆ หน่อย” เขาทำตาวาว วางมาดข่มขวัญ แต่วินาทีนี้มันไม่ได้ผล “ประทานโทษค่ะ น้องสะใภ้กะโหลกกะลาก็อย่างนี้ พี่สามีอย่างคุณคงรับไม่ได้”หญิงสาวแต่งตั้งตัวเองเป็นสะใภ้เล็กตระกูลรัตนทองธารเสร็จสรรพ
“เฮอะ…คนอย่างเธอถึงจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ชุบตัวให้ดีแค่ไหน ดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘ใบหยก’ คงเป็นได้แค่ ‘ใบตำแย’!” ถึงเจ้านายจะยกเธอเป็นเมีย...แต่อย่าคิดว่า ฉันจะยอมรับเธอในฐานะน้องสะใภ้ ให้ตายสิ...สิบแปดมงกุฎอย่างเธอ แม้แต่เด็กอมมือยังดูออก!”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า อยากเข้าไปทุบตีเขาให้หายแค้น หากสติยังพอมี จึงนับหนึ่งล่วงพ้นจนถึงสิบ แต่คงนานไปหน่อย เขาเลยฉวยโอกาสหยันกลับมาให้หล่อนหน้าชา
“อย่าคิดว่าบีบน้ำตาแล้วฉันจะใจอ่อน ไม่ได้ผลหรอก”
“โรคจิต!!”
“หา เธอว่าใคร”
“ว่าคุณไง เป็นอะไรมากหรือเปล่า พ่อไม่รัก หรือว่ามีปมด้อยตอนเด็ก ถึงได้ปากเปราะ ชอบดูถูกคนอื่นนัก ถามจริง เหงามากมั้ย เหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องเก๊กหน้าเหม็นเบื่อโลก แอนตี้สังคมตลอดปี ตลอดชาติ!”
เพชรเอกหลุดสบถคำหยาบออกมา สาวเท้าชิดร่างทรงเสน่ห์
“ฉันมองเธอผิดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจ น่าขยะแขยง อย่างนี้”
“ห้วย! มองผิดก็มองใหม่ซี คะ รับรองต่อแต่นี้ไป คุณมีเวลามองฉันตาละห้อยยาวนานชั่วชีวิตเลยละ”

Tags: เขมปัณณ์

ตอน: บทที่ ๒.๑

บทที่ ๒


ปัจจุบัน


ใบหยกเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังด้วยความร้อนใจ ใกล้เที่ยงแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ทั้งที่บอกว่าจะได้สัมภาษณ์งานกับรองผู้จัดการฝ่ายฯ พร้อมทราบผลภายในเช้านี้


หญิงสาวมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง ‘เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์’ กับบริษัทซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการก่อสร้าง ได้ทำข้อสอบวัดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ๕ ส. กับระบบบริหารคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ต่อด้วยการพิมพ์เอกสาร สร้างตารางในโปรแกรมสำเร็จรูป และป้อนสูตรเพื่อหาผลลัพธ์ ถึงไม่คล่องแคล่วนัก หากอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์ ใบหยกจึงได้สัมภาษณ์รอบสอง ทว่าตำแหน่งดังกล่าวเกิดเสียงซุบซิบลอยเข้าหูล่อนว่า เด็กฝากคว้างานไปแล้ว!


หญิงสาวนั่งตรงข้ามหัวหน้าฝ่ายบุคคล ชายวัยสามสิบกว่าๆ กิริยากระตุ้งกระติ้ง แต่แอ๊บแมนสุดฤทธิ์ เขาคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด วางสายปุ๊บ จึงค่อยๆ หมุนเก้าอี้หันมาด้วยมาดงามสง่า ปั้นน้ำเสียงสุภาพบอกหล่อนว่า “...รออีกสักแป๊บนะฮะคุณน้อง...เอ็กซิเดนซ์จริงๆ รองผู้จัดการปลีกตัวมาไม่ได้เลย พอดีเจ้านายมาฮ่ะ” ใบหยกเห็นแววตาเขาดูหลุกหลิก


“แต่หยกต้องเข้างานช่วงบ่าย...” หล่อนเป็นพนักงานต้อนรับที่ครัวแห่งหนึ่งได้ปีเศษแล้ว รายได้ไม่มากมาย โอกาสก้าวหน้าแทบไม่มี เจ้าของร้านยังเขม่นไม่ชอบหน้า เพราะลูกชายคนเดียวให้ความสนใบหยกมากกว่าปกติ เหตุนี้หล่อนเลยตั้งใจหางานใหม่ สมัครอยู่หลายที่กระทั่งถูกเรียกสัมภาษณ์


“เชื่อพี่นะ ขืนกลับไปก่อน เสียดายแย่เลย อีกจี๊ดเดียวก็รู้ผลแล้ว”


ใบหยกชั่งใจอย่างหนัก ช่วงบ่ายลูกค้าสั่งจองโต๊ะไว้หลายที่ ขาดหล่อนไปคนอื่นต้องเปลี่ยนหน้าที่มาทำแทน ซึ่งส่งผลถึงรายได้ และเจ้าของร้านคงมองว่าขาดความรับผิดชอบ เพราะกำชับไว้ว่าห้ามใครขาดงานวันนี้


และด้วยไม่รู้ล่วงหน้าว่าต้องมาสัมภาษณ์งานด่วน ใบหยกเลยไม่ได้เตรียมตัว หล่อนจึงสวมชุดพนักงานต้อนรับ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวทรงสุภาพติดเชยสักหน่อย ด้านล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มขนาดพอดีตัว เพื่อให้ดูสดใสสะดุดตา เลยรวบผมยาวก้าวมวยสูง ปล่อยลูกผมระต้นคอระหง หล่อนแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ หวังสร้างเสน่ห์ให้สมตำแหน่งที่สมัคร


“เออ...คุณน้อง อันนี้ยกตัวอย่างนะ ถ้าได้ทำงานที่นี่ เกิดวันหนึ่งบริษัทเห็นสมควรว่าคุณน้องเหมาะสมกับตำแหน่งอื่น ...จะสามารถปรับเปลี่ยนงานได้มั้ย!”


ใบหยกไม่ตอบคำถามทันที ประมวลความคิดอย่างถ้วนถี่ พูดอีหรอบนี้ฟันธงได้ว่า ตำแหน่งงานที่เล็งไว้ คงหลุดลอยไปแล้ว “เอ่อ ทวนคำถามใหม่ได้ไหมคะ หยกไม่ค่อยเข้าใจ” หล่อนต้องการให้เขาขยายความ แม้ในใจมีตอบเสร็จสรรพแล้ว


“...บริษัทเราตำแหน่งเยอะแยะไปหมด งานทุกอย่างสำคัญเท่าเทียมกัน พี่เห็นว่าคุณน้องมีความสามารถหลายแยะ เลยถามเผื่อๆไว้ ” เขาชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาให้ตนดูดีเข้าไว้


“ถ้าพี่เห็นว่างานไหนเหมาะกับหยก ก็ยินดีทำ เว้นเสียแต่ว่า งานซ่อมบำรุง งานแบกหาม ยกของขึ้นรถ!”


ใบหยกหัวเราะเสียงแหลม แต่มุกนี้มันแป้ก ชายตุ้งติ้งเลยหน้าตึง


“อุ๊ย ใครจะให้คนสวยอย่างน้องไปทำงานหนักๆ ได้ลงคอ ฮิๆ” เขาตอบกลั้วเสียงหัวเราะ และถามต่อว่า


“เออ ถ้าต้องทำงานกับเจ้านายที่ค่อนข้างจะดุสักนิด เจ้าอารมณ์หน่อยๆ เหวี่ยงบ้างบางวัน คุณน้องคิดว่าจะรับมือไหวมั้ย!”


“หา...ว่าไงนะคะ”


หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลเห็นสีหน้าตกใจของหญิงสาว จึงรีบปรับคำถามเสียใหม่


“คือว่า ถ้าต้องทำงานที่มีสภาวะกดดันสูง เกิดความเครียดบ่อยๆ คุณน้องจะ ปรี๊ดแตก หรือว่าร้องห่มร้องไห้ จนทำงานไม่ได้หรือเปล่า”


ใบหยกขมวดคิ้วมุ่น หาคำพูดที่ไม่จงใจปั้นให้ดูดีเกินจริง


“ถ้าความเครียดเป็นผลเกิดจากหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือผลของงาน หยกพร้อมแก้ปัญหาเสมอ


แต่ถ้ามันเป็นปัญหาจากคน ที่สร้างขึ้นมา อันนี้คงต้องขอแรงจากหลายๆ ฝ่ายช่วยแก้ไข หยกทำร้านอาหาร เป็นงานบริการ ต้องแทคแคร์ลูกค้าตลอด เจออะไรก็ยิ้มสู้ คิดว่าคงปรับใช้กับงานที่นี่ได้”


“โอ้ เป็นคำตอบที่ดีมาก” เขาทำเป็นตบมือเปาะแปะ ก่อนจะเสมองใบสมัครหล่อน หยุดสายตาที่ช่องแสดงสถานะคู่สมรส “เอ๋ ยังโสด จริงๆ หรือฮ้า ฟงแฟนละ มีบ้างไหม”


หญิงสาวยิ้มเย็น ไม่ชอบใจคำถามที่เหมือนไม่ให้เกียรติกัน


“แหมพี่ จะให้รีบมีลูกมีสามีมากวนใจทำไม ขอใช้ชีวิตโสดให้สบายใจดีกว่า” เอ่ยจบก็หัวเราะคิก ด้วยอารมณ์เหน็บแหนบอีกฝ่าย


“อูย ไม่ใช่อะไรหรอก พี่กลัวว่าถ้าได้งานแล้ว จะทำล่วงเวลาไม่ได้ บางคนบอกว่าโสดงั้นงี้ แต่เห็นโรงงานเป็นคลับเลิฟมากิ๊กกันหน้าตาเฉย
อีกพวกก็ทำงานไม่ทันพ้นเดือน ก็ร่อนสารพัดการ์ดแต่งงาน การ์ดงานบวชวุ่นวายไปหมด หนักสุดผ่านทดงานปุ๊บท้องโย้ปั๊บ ไม่รู้ไปแอบมีสามีตอนไหน เจอแบบนี้แล้ว บอกตรง พี่เพลียจับจิต!”


ใบหยกยิ้มเย็น เอ่ยเสียงเรียบว่า “สำหรับหยกพี่ไว้ใจได้ ยังไม่คิดมีสามีตอนนี้ เรื่องมองตาแล้วท้องป่องเนี่ย ไม่มีทางเป็นไปได้!”


“เก๋กูดดด คนสวยต้องบริหารเสน่ห์ไปนานๆ ถึงจะถูก” หัวหน้าแผนกยักคิ้วหลิ่วตาให้หล่อน


จากนั้นหญิงสาวจึงขอตัวออกมานั่งรอผลด้านนอก สักพักชายหนุ่มสองคนขยับเข้ามาใกล้ๆ พลางส่งสายตาหวานวับเป็นทัพหน้า แล้วซักถามถามหล่อนหวังผูกมิตร ได้รู้ว่าทั้งคู่มาสัมภาษณ์งานเช่นกัน คุยต่ออีกหน่อย หนึ่งในสองคนก็ออกปากชวนทานอาหารเที่ยงด้วย แต่ใบหยกปฏิเสธ กระนั้นพวกเขายังไม่เลิกตื้อ อาศัยหยอดมุกจีบแบบหมาหยอกไก่ ถูกกวนใจมากเข้า หล่อนเลยตัดบทด้วยการลุกหนีเดินหลบไปอีกฝั่ง




................................



ใบหยกก้าวออกมาจนถึงแนวตู้คอนเทรนเนอร์ซึ่งเป็นห้องสมุดของบริษัท ด้านข้างมีศาลาเรือนไทยหลายหลัง ถัดไปเป็นตู้กดเครื่องดื่ม ความกระหายและคอแห้งจัดจึงเปิดกระเป๋าหาเหรียญหยอดตู้ หากไม่ทันสังเกตหล่อนเลยไม่รู้ว่าตู้เสีย!


หลังจากหยอดเหรียญสิบลงไป ไฟสีแดงที่เคยปรากฏริบหรี่ก็มอดดับไปต่อหน้าต่อตา


“อ้าว ได้ไง อย่ามางี่เง่า อมตังค์นะเว้ย” ว่าแล้วก็เขย่าตู้กดเครื่องดื่มอย่างไม่กลัวไฟดูด


หญิงสาวล้วงช่องคืนเหรียญ พบเศษกระดาษและห่วงดึงฝากระป๋องหลายอัน พอผลักตรงช่องรับสินค้า เห็นกระป๋องกาแฟที่ดื่มแล้วนอนอยู่


ความโกรธ คับแค้นใจ ทั้งกระหายน้ำผสมเข้าด้วยกัน เลยหยิบกระป๋องออกมาตั้งบนพื้น ขยับกางเกงเข้าที่ และตั้งท่าเล็งอย่างนักฟุตบอลคนโปรด หล่อนวาดเท้าซ้ายระบายความขุ่นใจสู่กระป๋องกาแฟที่ยังเหลือน้ำอยู่ด้านในบางส่วน


กระป๋องกาแฟลอยหวือออกไปไกล จังหวะเดียวกันร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถกอล์ฟพอดิบพอดี!


“โป๊ะเซะ งานงอกแล้วไหมฉัน” ใบหยกทำหน้าแขยง ลูบแขนตัวเองไปมา มองเห็นเสื้อสีขาวของชายหนุ่มอาบด้วยคราบกาแฟ และคงมีกลิ่นทะแม่งๆ เป็นส่วนผสม


สองขาไวกว่าความคิด หล่อนหันหลังกลับตั้งใจจ้ำอ้าวกับไปที่ออฟฟิซด้านหน้า


“หยุด! เธอนั่นแหละ จะเดินหนีไปไหน” เสียงเข้มตวาดลั่น


ใบหยกก้มหน้าต่ำสำนึกผิด ผู้ชายคนนี้ท่าทางดุเอาเรื่อง แต่โทษฐานเตะกระป๋องเล่นในโรงงาน คงไม่ร้ายแรงกระมัง


ใบหยกมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหา เขาสวมหมวกนิรภัย ดวงหน้าขาวจัดสวมแว่นกันแดดกรอบเท่


“เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักถังขยะหรือไง...” เขาเอ่ยอย่างหัวเสีย มือข้างหนึ่งพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ซึ่งเปรอะคราบกาแฟดวงใหญ่ เผยให้เห็นผิวขาวจัด และไรขนอ่อนๆ บนแผงหน้าอกกว้าง


หญิงสาวเสหันไปมองทางอื่น จู่ๆ จิตใจก็กระตุกไหว


“...ยืนงงทำไม ไปเก็บมาสิ!” เขามองหล่อนอย่างนึกขัน หน้าตาสวยไม่เบา หากแต่งหน้าจัดอย่างกับลิเกหลงโรง เขาเห็นหล่อนไกลตั้งแต่ร้อยเมตร เพราะดวงหน้าที่รองพื้นหนา ลอยเด่นสะดุดตา ตัดผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนน่ามอง


‘ฮึ ใครว่าโยน...เตะต่างหากย่ะ โชคดีเท่าไหร่ ที่ไม่ถูกหน้าขาวๆ จมูกโด่งๆ’ หล่อนพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปเก็บกระป๋องกาแฟเจ้าปัญหา


“ป้ายก็มีบอกว่าช่วยรักษาความสะอาด ไม่เข้าใจเลย คนสมัยนี้ทำไม ไม่รู้จักรักบริษัทเหมือนบ้านตัวเอง ทั้งที่เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ” เขาบ่นยืดยาว ฟังแล้วไม่ต่างคนแก่จู้จี้จุกจิก จากนั้นก็หันไปมองน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกซึ่งกำลังรั่ว เลยไปถึงสายไฟที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ ซึ่งอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้


“ไปโทรศัพท์แจ้งซ่อมบำรุงให้มาดูตรงนี้สิ ปล่อยน้ำไหลเป็นทางได้ยังไง เดี๋ยวช็อตคนตายพอดี”


“ค่ะ” ใบหยกรับคำส่งๆ แต่ขาไม่ได้ขยับไปไหน


“เอ๊ะ ไปสิ!เข้าใจที่บอกไหมเนี่ย หรือว่าเป็นต่างด้าว!” พูดจบเขาก็เดินไปตรงตู้เครื่องดื่ม ตรงนั้นมีป้ายเขียนว่า ‘เครื่องชำรุด’ ตกอยู่


“อ้าว...ติดไว้แบบนี้ กะให้ผีสาง เทวดาอ่านหรือยังไง โรงงานเฮงซวย!” แทนที่จะเดินห่างไปเสีย หล่อนกับบ้าจี้ก้าวตามร่างสูงต้อยๆ


“พูดอะไรของเธอ”


“ไอ้เครื่องนี้ไง หน็อย...หลอกกินเงินฉัน เอาเปรียบผู้บริโภค บริษัทใหญ่โต ตั้งเครื่องซังกะบ๊วยไว้ปลูกสะระแหน่รึไง...” ใบหยกแขวะอย่างเหลืออด เชิดหน้ามองเขาด้วยความโกรธกรุ่นในใจ ยังเคืองที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแรงงานต่างด้าว!


“เฮ้ย พูดอะไร ใช้หัวคิดบ้าง อย่าเหมารวมทั้งบริษัท”


“ไม่รู้ละ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาท มันยากเย็นแค่ไหน คุณรู้มั้ย! คิดจะอมกันดื้อๆ ง่ายมั้งพี่” ใบหยกออกอาการพาลพาโล เตะไปที่ตู้เครื่องดื่มอีกหนึ่งป้าป


“ทำตัวไม่สุภาพ เป็นผู้หญิงยิงเรือ”


“โอ๊ย คนมันแค้นนี่ จะให้ยืนร้องไห้ขี้มูกโป่ง หรือยังไง บ้าไปแล้ว...”
“อย่ามัวฝอยนอกเรื่อง เมื่อกี้สั่งว่ายังไง ” เขาหันมาไล่บี้หล่อน



ใบหยกยิ้มแหย เหงื่อแตกซิก ดวงตาในแว่นดำคงมีรังสีอมหิตมหาศาล หญิงสาวจึงรู้สึกตัวเล็กจ้อย เป็นลูกไก่ตัวน้อยในกำมือยักษ์



“โทรอะไรละคุณ ฉันไม่รู้เรื่องด้วยหรอก” หล่อนชี้ที่หน้าอกตนเอง มีป้าย ‘visitor’ แปะหรา

“อ้าวนึกว่าเป็นคนงานใหม่ แม่บ้านก็ไม่ใช่ ...มาเดินเพ่นพ่านที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มมองใบหยกหัวจดเท้า แล้วยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง พลอยทำให้เขาดูโรคจิตเต็มขั้น


หญิงสาวหน้าซีด ถอยกรูดห่างร่างสูงใหญ่

“รปภ.!” เขากวักมือเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งยืนห่างไปหลายสิบเมตร หล่อนหันซ้ายแลขวา เตรียมวิ่งสุดฝีเท้า แต่ขายาวๆ ก้าวประชิดถึงตัวเสียก่อน มือใหญ่คว้าข้อมือบางหมับ ถูกพันธนาการแบบลมหายใจรดต้นคอ หัวจิตหัวใจสาวจึงเต้นโครมครามยากต่อการควบคุม!!



เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2556, 20:46:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2556, 12:04:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1235





<< บทที่ ๑.๒    บทที่ ๒.๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account