ตำแยกิ่งเพชร (รีไรท์)
“ถามจริง ...คุณมีอำนาจตัดสินใจให้ฉันอยู่หรือไม่อยู่บ้านหลังนี้ได้ด้วยหรือ” ใบหยกมองเขาอย่างขอคำตอบ
“เธอ!” ดวงหน้าขาวจัดซับสีแดงเข้ม ดวงตาคมเกิดประกายวาววับ
“โอ๊ย เรียกเธอๆ อยู่นั่นแหละ ใบหยกค่ะ ใบหยก แหม คงคิดว่าฉันไม่รู้ละซี คุณให้ฝ่ายบุคคลไปคุ้ยขยะหาใบสมัครฉันมาดูโคตรเหง้าศักราชไม่ใช่เหรอ ...พออย่างนี้ทำเป็นลืม ชิ” ใบหยกมั่นใจว่าคำพูดตนจะทำให้เขาออกอาการฟาดงวงฟาดงา อาจถึงขั้นพุ่งเข้ามาบีบคอ หรือไม่ก็จับหล่อนทุ่มลงบนพื้นถนนให้เนื้อตัวถลอกปลอกเปิก
ทว่าคิดคาด!!
เพชรเอกเป่าลมพรูออกจากริมฝีปากบางเฉียบ มองดวงหน้าสวยที่มีคราบเหงื่ออย่างนึกขัน
“รู้อะไรไหม? ฉันว่าชื่อ ‘ใบหยก’ มันสูงเกินค่าตัวเธอไปมั้ง” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ ยั่วใจหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งให้ดิ้นเป็นเจ้าเข้า
“อีตาบ้า! แล้วคุณล่ะ ‘เพชรเอก รัตนทองธาร’ อย่างนั้นหรือ...ตาย อันที่จริงชื่อกระบองเพชร น่าจะเหมาะกว่า หนามพิษแหลมๆ ยุบยั่บ เต็มตัวขนาดนั้น!” ใบหยกค้อนขวับใส่ชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตร หากจิตใจเย็นชาเหมือนถูกจับแช่แข็ง!!
“เฮ้ย! นี่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง พูดให้ดีๆ หน่อย” เขาทำตาวาว วางมาดข่มขวัญ แต่วินาทีนี้มันไม่ได้ผล “ประทานโทษค่ะ น้องสะใภ้กะโหลกกะลาก็อย่างนี้ พี่สามีอย่างคุณคงรับไม่ได้”หญิงสาวแต่งตั้งตัวเองเป็นสะใภ้เล็กตระกูลรัตนทองธารเสร็จสรรพ
“เฮอะ…คนอย่างเธอถึงจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ชุบตัวให้ดีแค่ไหน ดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘ใบหยก’ คงเป็นได้แค่ ‘ใบตำแย’!” ถึงเจ้านายจะยกเธอเป็นเมีย...แต่อย่าคิดว่า ฉันจะยอมรับเธอในฐานะน้องสะใภ้ ให้ตายสิ...สิบแปดมงกุฎอย่างเธอ แม้แต่เด็กอมมือยังดูออก!”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า อยากเข้าไปทุบตีเขาให้หายแค้น หากสติยังพอมี จึงนับหนึ่งล่วงพ้นจนถึงสิบ แต่คงนานไปหน่อย เขาเลยฉวยโอกาสหยันกลับมาให้หล่อนหน้าชา
“อย่าคิดว่าบีบน้ำตาแล้วฉันจะใจอ่อน ไม่ได้ผลหรอก”
“โรคจิต!!”
“หา เธอว่าใคร”
“ว่าคุณไง เป็นอะไรมากหรือเปล่า พ่อไม่รัก หรือว่ามีปมด้อยตอนเด็ก ถึงได้ปากเปราะ ชอบดูถูกคนอื่นนัก ถามจริง เหงามากมั้ย เหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องเก๊กหน้าเหม็นเบื่อโลก แอนตี้สังคมตลอดปี ตลอดชาติ!”
เพชรเอกหลุดสบถคำหยาบออกมา สาวเท้าชิดร่างทรงเสน่ห์
“ฉันมองเธอผิดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจ น่าขยะแขยง อย่างนี้”
“ห้วย! มองผิดก็มองใหม่ซี คะ รับรองต่อแต่นี้ไป คุณมีเวลามองฉันตาละห้อยยาวนานชั่วชีวิตเลยละ”

Tags: เขมปัณณ์

ตอน: บทที่ ๑.๒



ใต้ต้นมะม่วงหลายสิบต้นห่างจากบ้านเช่าของคนหาเช้ากินค่ำ หลังจากใบหยกหนีพ้นเงื้อมือเด็กหนุ่มมาได้ เด็กหญิงก็สนุกกับการเล่นหม้อข้าวหม้อแกง เสียงกระทะใบเก่ากับตะหลิวหักๆ ดังพอให้รำคาญ จานกระเบื้องขอบบิ่น มีเศษใบไม้หลายชนิด โรยด้วยดอกดาวเรือง ในขวดแก้วสีขุ่นใส่น้ำสีสันต่างๆ ซึ่งผสมจากใบไม้และกระดาษย่น

มีบริบูรณ์จอดรถจักรยานใกล้รั้วไม้ไผ่ผุผัง พอใบหยกเห็นก็รีบฟ้องถึงเหตุการณ์ในบ้านหลังใหญ่

“หยกไม่ได้หนีมาก่อนนะ มีคนไล่ หน้าตาโคตรหน้ากลัว มีหนวดด้วย ตัวก็โต๊โต แต่…สมน้ำหน้า หยกกัดแขนไอ้บ้านั่นเกือบขาดแน่ะ” เด็กชายหัวเราะคิก เดาออกว่าใครคนนั้นคงเป็นเพชรเอกพี่ชายต่างมารดาของตน

“หยก เลิกเล่นขายของเถอะ ไปร้องเพลงดีกว่า ปะ” เขาจับแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น

เด็กชายซ้อมร้องเพลงและคิดท่าเต้นอยู่หลายวัน เขาอยากทำเพื่อเพื่อนรัก ไว้เป็นความทรงจำดีๆ ก่อนย้ายไปอยู่กับบิดาในเมืองหลวง

ใบหยกมองเพื่อนชายแล้วใจหาย ต่อแต่นี้โอกาสได้ที่พบกันคงยาก ไม่ต่างจากพ่อซึ่งหายไปตั้งแต่เด็กหญิงไม่ทันลืมตาดูโลก... ความทรงจำที่มี่ต่อพ่อ คือรูปถ่ายกับคำสัญญาที่ไว้ให้กับแม่ว่าจะกลับมาหาและพาไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน หากป่านนี้แล้ว ไม่เคยมีข่าวใดๆ ส่งกลับมา

มีบริบูรณ์เห็นเพื่อนทำหน้าหงอย เขาเลยหยิบสติ๊กเกอร์ที่ถือติดมือมาด้วยส่งให้เด็กหญิง

“หยกชอบหรือเปล่า” เขาเอ่ยเสียงรื่นเริง พลางอวดรูปผีเสื้อบริเวณต้นคอ

ใบหยกอมยิ้มเอียงอาย เผลอลูบแผ่นสติ๊กเกอร์ในมือไปมา

“ไม่เห็นจะสวยเลย ผีเสื้อยึกยือ น่าเกลียดจะตาย” ปากพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ในใจตรงกันข้าม ใบหยกชอบมากที่เขาหารูปผีเสื้อสวยๆ มาให้ แต่แรกอยากเก็บเอาไว้ดูต่างหน้าแต่เด็กชายคะยั้นคะยอให้ลอกลายติดบนหลังมือ

“…เราซื้อหมากฝรั่งมาตั้งกล่องใหญ่ เคี้ยวจนฟันจะผุ อยากได้รูปผีเสื้อเหมือนกันมาให้ หยกไม่ชอบเหรอ…” น้ำเสียงเด็กชายตัดพ้อ ราวกับเป็นชายหนุ่มแสนงอน

“…หยกขอเก็บเอาไว้ดูได้ไหม ติดแล้ว เดี๋ยวมันก็ลอก” เด็กหญิงใช้เท้าเขี่ยดินไปมา

เด็กชายพนักหน้าอนุญาต จากนั้นจึงหันไปหยิบด้ามไม้กวดเก่าๆ เตรียมจะวาดลวดลายนักร้องเพลงร็อคในแบบฉบับของตน
“แต่หยกไม่อยากร้องเพลง เล่นขายของดีกว่า เดี๋ยวเจ้านายไปอยู่กรุงเทพ ก็ไม่มีคนมาเล่นด้วย...” น้ำเสียงเศร้าสร้อย มองใบไม้ในกระทะเก่าแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง

“เอาอย่างนี้ เราสัญญาว่าจะเขียนจดหมายมาหาบ่อยๆ ส่งขนมมาให้ด้วย บ้านพ่อเรารวยจะตาย แต่ถ้าคิด
ถึงมากๆ ก็โทรศัพท์ไปหาสิ เบอร์ก็ให้ไว้แล้ว” เด็กชายบอกอย่างรื่นเริง

“...หยกไม่มีเงินโทรหรอกเจ้านาย” เด็กหญิงตอบเสียงแผ่ว เลิกสนใจกระทะ หันไปปั้นดินเหนียวเป็นรูปกลมๆ แทน

“โอเค ถ้าอย่างนั้น เรามาเล่นพ่อแม่ลูกต่อก็ได้” มีบริบูรณ์ว่าอย่างเอาใจเพื่อนรัก

“ดีจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อพาเด็กๆ ไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วมาทานดินเนอร์ด้วยกัน วันนี้คุณแม่มีไก่อบกับพิซซ่าของโปรดด้วย เห็นบ่นว่าอยากทานมาหลายวันแล้ว...” เด็กหญิงชี้มือไปที่ตุ๊กตาเก่าๆ สองตัวที่พิงอยู่กับลังกระดาษ สมมุติให้เป็นลูกน้อยพวกเขา

“กินเสร็จต้องเล่นร้องเพลงนะ โอเค้...” เด็กชายวกกลับเข้าเรื่องของตนเองจนได้

“เด็กๆ จ๊ะ ทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคุณพ่อจะ เล่านิทานให้ฟังนะคะ ...โอ๋ อย่างอแงสิ” เด็กหญิงจีบปากจีบคอพูด ไม่หันไปมองเด็กชายที่กำลังอ้าปากจะประท้วง

“ไม่เล่านิทาน หยกขี้โกง เจ้านายจะร้องเพลง! ” เขายื่นคำขาด

“ก็ได้...” เด็กหญิงทำหน้าพะอืดพะอม ไม่อยากฟังเสียงเป็ดของเขาสักเท่าไหร่

เด็กชายลุกขึ้นยืน เชิดหน้าเล็กน้อย สั่งใบหยกตบมือให้กำลังใจด้วย

“ตบมือให้กำลังใจคุณพ่อหน่อยเร้ว เด็กๆ” ใบหยกว่าแกมประชด หันไปจับแขนตุ๊กตาตบมือเปาะแปะ

ถึงไม่มีดนตรีประกอบ แต่มีบริบูรณ์ก็วาดลวดลายในเพลงร็อคสุดมัน เด็กชายตกอยู่ในภวังค์ ตะโกนเสียงดังลั่น ดิ้นสุดกำลังไปตามลานดินเลียนแบบศิลปินในดวงใจ ตบท้ายด้วยท่าลูบเป้าให้ใบหยกต้องร้องกรี๊ดเสียงหลง

“ไอ้ลามก...หยุดเต้นแบบนี้นะ!” ใบหยกโยนดินเหนียวก้อนเล็กๆ ใส่เด็กชายเพื่อให้หยุดเต้นท่าทะลึ่งแก่แดด

มีบริบูรณ์หัวเราะร่วน เดินเข้ามาใกล้ๆ เด็กหญิง พอเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเพราะขวยเขินยิ่งชอบใจ

“สุดยอดไหม เราซ้อมอยู่ตั้งนานแน่ะ จริงๆ ตั้งใจจะตีลังกาเป็นท่าจบ แต่แค่นี้ก็เท่แล้ว”

“ยี้!! น่าเกลียดที่สุดไม่ว่า ทีหลังอย่าทำอีกนะ หยกไม่ชอบ”

“ไม่ชอบจริงเหรอ ตะกี้เห็นหยกมองตาค้าง ฮ่าๆ” เด็กชายหัวเราะร่วน เอ่ยต่อว่า

“คอยดูนะ โตขึ้นเราจะเป็นนักร้องดัง จะเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ” ดวงตาของเด็กชายมีประกายแห่งความมุ่งมั่น
“หยกละ โตขึ้นอยากเป็นอะไร” คำถามเขาทำให้เด็กหญิงกระอึกกระอัก ไม่เคยมีความคิดในหัวมาก่อนว่าอยากเป็นอะไร วันๆ แค่มีข้าวกินครบสามมื้อก็บุญโข

“เราน่ะเหรอ อยากเป็นเอ่อ นางงามจักรวาลมั้ง” เอ่ยจบก็พนมมือไหว้สวยอย่างมีจริต และโบกมือน้อยๆ ราวกับว่าพึ่งได้รับการสวมมงกุฎ!
เด็กชายจ้องมองดวงหน้าเรียวเล็กอยู่ประเดี๋ยว คิ้วน้อยขมวดมุ่นไม่ชอบใจคำตอบนั้น

“หยกเชื่อเรานะ อย่าเป็นนางงามเลยไม่ดีหรอก ต้องแต่งตัวโป๊ๆ ให้คนอื่นดู เราไม่ชอบ!” น้ำเสียงเขาจริงจัง

“อ้าว ถ้าอย่างนั้นจะเป็นอะไรละ ถึงจะได้มีเงิน มีบ้าน มีรถขับโก้ๆ” เด็กหญิงทำท่านึก

มีบริบูรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาเจ้าชู้ให้ใบหยก

“...มีอะไรเจ้านาย” เด็กหญิงเสียงเขียว มองค้อนขวับ

“เอาอย่างนี้นะ โตขึ้นหยกก็มาเป็นแฟนเราไง เราสัญญาว่าจะหาทุกอย่างมาให้ ป๊ากับแม่รวยจะตาย เราจะสร้างบ้านหลังโตๆ มีรถคันใหญ่ มีคนใช้เต็มบ้านเลย...” เขาทำมือทำไม้ประกอบ ใบหยกเลยพลอยวาดวิมานในอากาศตามไปด้วย

“ใครว่าหยกจะเป็นแฟนเจ้านาย...พูดไม่รู้เรื่อง” เด็กหญิงวางสีหน้าไม่ถูก

เด็กชายล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบกล่องกำมะหยีสีแดงออกมา วางบนมือเด็กหญิง
“แหวนวงนี้เราให้หยกนะ จะได้ไม่ลืมกัน...” ดวงหน้าขาวใสของเขาแดงจัด มีเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือ

เด็กหญิงจ้องแหวนเงินที่มีหัวเพชรเทียมด้วยดวงตาโต ยิ้มหน้าบาน ดีใจที่ได้ของสวยถูกใจ

“เราเลือกแบบที่มีเพชรสีชมพู ด้วยนะ เรารู้หยกชอบสีชมพู”

“มันแพงหรือเปล่า ถ้าผู้ใหญ่รู้ หยกกลัวถูกดุ” ใบหยกไม่วายที่จะห่วงเรื่องนี้ เพราะถูกแม่เคยห้ามไว้

“ไม่แพงหรอก มาเอามือมานี่สิ” เขาคว้ามือเด็กหญิงไว้ พยายามสวมที่นิ้วเล็กๆ แต่ใบหยกดิ้นขลุกขลัก เพราะขวยเขิน ร่างเล็กเลยชนถังน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ เต็มแรง

“อุ้ย เสื้อเปียกหมดเลย” เด็กหญิงมองเสื้อยืดตัวบาง ทำหน้าแหย น้ำที่ผสมทั้งดินและสีผสมอาหารอาบเสื้อจนชื้นแฉะ
เด็กชายนิ่วหน้า เขาตัดสินใจถอดเสื้อยืดของตัวเองให้เพื่อน

“หยกใส่เของเราก็ได้...ถ้ากลับไปเปลี่ยนที่บ้าน คงไม่ได้ออกมาอีก... พรุ่งนี้เราก็ไม่ได้มาเล่นกับหยกแล้วนะ” เสียงเขาสั่น สีหน้าเศร้าสร้อย
เด็กหญิงยื่นมือไปรับเสื้อ หากไม่ทันจะสวมทับเพราะมีเสียงดังตวาดลั่นดังขึ้นเสียก่อน


“เฮ้ย ทำอะไรกันน่ะ!”
เด็กทั้งสองคนสะดุ้งโหยง ไม่รู้มาก่อนว่ามีใครบางคนแอบจับตาดูพวกเขานานแล้ว!!


...............................................



ร่างสูงก้าวพรวดมายืนกลางวง ดวงตาคมยาวรีมองเด็กทั้งคู่อย่างเอาเรื่อง

“เจ้านายป๊าให้มาตามกลับบ้าน แล้วนั่นถอดเสื้อทำไม...เล่นพิเรนทร์อะไร พวกทุเรศ!!”

“สะ เสื้อหยกมันเปียก ผมเลยให้เขายืม สะ ใส่” มีบริบูรณ์พยายามอธิบายด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“เปียกก็เลิกเล่นกลับบ้าน!” เด็กหนุ่มไม่สนในใจ กลับตวาดซ้ำ

“เฮียกลับก่อนเถอะ...ผมจะเล่นกับหยก” เด็กชายก้มหน้างุด กลัวสายตาพี่ชาย


“ทำไม...อยากเล่นขายของเป็นตุ๊ดหรือไง เดี๋ยวเหอะ ถ้าป๊ารู้แกโดยตีแน่”

ใบหยกได้ยินคำพูดไม่เข้าหูก็ฉุนจัด เด็กหญิงเบ้ปากให้เขา จำได้แม่นว่าพึ่งฝังรอยเขี้ยวบนแขนยาวเก้งก้างได้ไม่ถึงชั่วโมงดี

“ไอ้บ้านี่ไง ที่หาว่าหยกเป็นขโมย” เด็กหญิงชี้ไปทางเพชรเอก

“ฮึ มันจริงมั้ยละ ฉันเห็นเธอขโมยกินขนมกับตา ยังจะมาแก้ตัวอีก” เขาชี้หน้าเด็กหญิง แล้วหันไปสั่งน้องชายเสียงเฉียบขาด “ลุกขึ้นเจ้านาย รีบใส่เสื้อให้เรียบร้อยอย่าโอ้เอ้” เพชรเอกย่างสามขุมเข้ามาหาน้องชายคว้าต้นแขนเล็กๆ หมับ

“รอแป๊บนึงสิเฮีย…ผมยังไม่ได้ลาเพื่อนเลย” เด็กชายเสียงสั่น เจ็บต้นแขนแต่ไม่กล้าขัดขืน

“ลงลาอะไรปัญญาอ่อน ไป๊ กลับบ้าน” เพชรเอกดึงร่างมีบริบูรณ์แรงๆ จนเด็กชายร้องโอดโอย

“ไอ้บ้า นึกว่าโตกว่าแล้วจะมารังแกเด็กเหรอ!” ใบหยกเห็นเพื่อนร้องเจ็บก็แหวใส่เด็กหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว

เพชรเอกมองเด็กหญิงตัวผอมผิวเข้ม เขายิ้มตรงมุมปาก ใจจริงไม่อยากถือสาหาความ แต่มดดำตัวจ้อยดูแสบซ่ากวนประสาทเหลือเกิน

“ยิ้มอะไร ไอ้บ้า!” ใบหยกกระทืบพื้นดิน ถลกแขนเสื้อขึ้น ตั้งท่าท้าตีท่าต่อยเต็มกำลัง เมื่อครู่ยังไม่หายแค้น เดี๋ยวจะกัดให้เลือดสาดเลย !

“เฮ้ย! ใครเอาอีกาคาบพริกมา มาไว้ตรงนี้วะ...” เขาแขวะไปหนึ่งคำ หัวเราะสะใจที่ได้ยั่วล้อ

เด็กหญิงปรี๊ดเสียงแหลม ค้อนคอแทบหักใส่เขา

“อ้าวไม่ใช่อีกา อ่อ...อีนี่เป็น ‘ลูกนิโกร’ นี่หว่า!” เขายั่วล้อ เพราะเด็กหญิงมีผิวสีน้ำตาลอ่อน มองผมยาวเป็นลอนสลวยหากพันกันยุ่งเปื้อนดิน และมีมงกุฎดอกไม้สวมไว้อย่างน่าขัน ดวงตาโตคู่นั้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขนตางอนยาว แต่ที่ชวนให้ขำจนท้องคัดท้องแข็งก็คือริมฝีปากของเด็กหญิงถูกทาด้วยลิปสติกสีแดงเปรอะไปถึงแก้ม

ใบหยกหน้าแดงจัด กัดฟัดกรอดๆ ตัดสินใจกระโดดเข้าใส่ร่างสูงทันที เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัวจึงถูกเล็บแหลมๆ ข่วนดวงหน้าขาวจัดเป็นรอยหลายแห่ง

“หยก พอได้แล้ว...อย่าทำเฮียเพชร...” เด็กชายเข้ามาดึงแขนเพื่อนห่างจากร่างพี่ชาย

“ก็...ไอ้บ้าเนี่ย ว่าหยกเป็นลูกนิโกร...” ใบหยกกรีดร้องเมื่อมีบริบูรณ์จับแยกออกมา

“ขอโทษกูเดี๋ยวนี้!” เด็กหนุ่มกลั้นความเดือดปุดอย่างลำบาก ยามนี้แสบไปทั้งดวงหน้า

“ไม่! ตัวโตแล้วยังมารังแกเด็กอีก ไอ้บ้า” ใบหยกเชิดหน้าท้าทาย

“เธอทำฉันเจ็บ ใครรังแกใครกันแน่...นังลูกนิโกรหัวขโมย!” เขาตวาดใส่อย่างเหลืออด สืบเท้าเข้าหาร่างผอมบางอย่างบ้าดีเดือด

“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเจอมีดหมูสับแน่” เด็กหญิงถอยกรูดหันไปหยิบมีดเก่าๆ สนิมเขรอะขู่เพชรเอก

“เอาเสื้อเจ้านายคืนมา เอาแหวนนั่นมาด้วย” เขาพยักพเยิดไปที่แหวนซึ่งใบหยกสวมไว้ที่นิ้วตัวเองอย่างเป็นของรัก “ไม่...เจ้านายให้ฉันแล้ว แกอย่ามายุ่ง”
“เอามา ไม่งั้นฉันจับแก้ผ้าจริงๆ ด้วย” สีหน้าเขาเอาจริง และย่างสามขุมเข้ามาอย่างน่ากลัว

ใบหยกหวีดร้องเสียงแหลม แล้วเขวี้ยงมีดสนิมเขรอะลอยหวือเฉียดศีรษะเพชรเอกเส้นยาแดงผ่าแปด

โทสะเด็กหนุ่มพลุ่งพล่าน เขากระโจนเข้ามาจับร่างเด็กหญิงยกขึ้น แล้วเหวี่ยงไปทางซ้ายทีขวาที

“ปล่อย!!” ใบหยกทั้งเตะ ทั้งถีบสุดกำลัง ปากก็พ่นน้ำลายเหนียวๆ รดเนื้อตัวเขา

กระทั่งต้นแขนเกิดความล้า เพชนเอกจึงว่างอีกฝ่ายลง เป็นจังหวะนั้นเองที่ใบหยกอ้าปากกว้างหมายจะกัดแขนเขาซ้ำ แต่เขาไหวตัวทัน มือใหญ่จึงดันร่างเล็กออกให้พ้นตัว แต่แทนที่ใบหยกจะถอยห่าง เด็กหญิงกับดันตัวเข้าหาอย่างไม่ยอมแพ้ ยื้อยุดอยู่พักใหญ่จนหอบตัวโยนไปทั้งคู่ มือของเด็กหนุ่มก็เผลอไปสัมผัสถูกหน้าอกเล็กๆ เข้า เพชรเอกใจหายวาบ ร้อนวูบวาบเหนือท้องน้อย ศีรษะหมุนติ้ว ใจหวิวๆ พิกล
ครั้นตั้งสติได้ เขาก็คว้าแขนมีบริบูรณ์ที่ยืนช็อกตาค้างพาขึ้นรถจักรยาน รีบปั่นจากไปโดยไม่คิดจะหันมามองอีก

ใบหยกยืนตัวสั่น น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น เจ็บใจที่ถูกเขารังแก อย่างไม่มีทางสู้ ในวินาทีที่เพชรเอกหนุ่มสัมผัสหน้าอก หัวใจมันเต้นโครมคราม ตัวร้อนวูบวาบปานจะจับไข้ และยามที่สายตาสานสบกัน เด็กหญิงก็ขวยอายขัดเขิน


เกลียด… ใบหยกเกลียดความรู้สึกอ่อนแอของตัวเอง!!




เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2556, 16:07:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2556, 16:07:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1258





<< บทที่ ๑.๑ อดีต    บทที่ ๒.๑ >>
เขมปัณณ์ 29 ก.ค. 2556, 16:17:10 น.
เรื่องนี้นำมาเกลาใหม่ และจะทยอยลงไปจนจบนะครับ ขอบคุณครับ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account