navigator โอบพสุธาด้วยรัก [ชุด ต้นรักเสน่หา]
เมื่อนักสืบจำเป็นต้องเข้าไปค้นหาความจริงในไร่แสงจันทร์ ไร่ที่มีปริศนามากมายให้ต้องพบเจอ นักสืบหนุ่มจำเป็นและผู้ช่วยสาวแสนเย็นชา ด้วยปมร้ายที่ทำให้เขาและเธอต้องช่วยกันคลายให้สำเร็จ

ทีปกร ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาเจอโดยบังเอิญถึงสองครั้งจะกลายเป็นคนที่ทนายความแนะนำให้เป็นช่วยสืบเรื่องราวในไร่แสงจันทร์ เขายินดีที่จะได้ร่วมงานกับเธอ รักแรกพบที่ไม่คิดว่ามีอยู่จริง

ปีย์วรา หญิงสาวที่ผ่านโชคชะตาชีวิตเจ็บปวดหลายครั้งจนกลายเป็นคนเย็นชา ไม่ศรัทธาในความรักและความสัมพันธ์ใดๆ เธอรับทำงานเพราะบุญคุณของอังคณา น้าของทีปกร ยิ่งเวลาผ่านไป เธอคิดว่ามันเป็น การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต

ผู้ชายปากจัด ยียวน รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เธอเสมอ มันทำให้เธอหวั่นไหว

เคยมีคนบอกว่า การพบกันครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคชะตา ครั้งที่สามคือพรหมลิขิต

นี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้...แค่ปล่อยให้หัวใจนำทางไป

อัพเดทตอนใหม่ทุกวัน จันทร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ค่ะ ^^
Tags: navigator โอบพสุธาไว้ด้วยรัก คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๑.๒ ผู้หญิงเย็นชา(แก้ไข)



เสียงเพลงที่กำลังสนุกสนานนั้นไม่ได้กระตุ้นให้ใบหน้าสวยนั้นมีรอยยิ้มขึ้นมาได้เลย หญิงสาวนั่งมองแก้วเครื่องดื่มของตัวเองอย่างเหม่อลอย หากเธอไม่ถูกบังคับจากเพื่อนให้มาต่อที่คลับแห่งนี้เธอก็คงไม่มาอย่างแน่นอน

“เฮ้ย ปีย์ นั่งจ้องแก้วอยู่ได้ มาเที่ยวนะมาเที่ยว สนุกสนานสิวะ มานั่งทำหน้าเหมือนถูกบังคับมายังไงยังงั้นเลย” อ้วนแซวสีหน้าขัน

“ก็ถูกบังคับมาจริงๆ” เธอตอบ ยกแก้วขึ้นจิบเบาๆหันไปมองกลุ่มเพื่อนๆที่ออกไปเต้นกลางฟลอร์กันอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอไม่รู้สึกขัดเขินในการไปกับกลุ่มผู้ชายแรกๆก็มีขัดเขินบ้างแต่หลังๆกลับกลายเป็นความเคยชิน การอยู่ในสังคมของผู้ชายมันก็ดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ทั้งห้อง มีผู้หญิงเพียงสามคนและเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น

“มานานแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆหญิงสาว ปีย์วราเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ดวงตาเปล่งประกายความรู้สึกบางอย่างก่อนจะหายวับไปเพียงไม่กี่วินาที

“เพิ่งมา” เธอตอบเสียงเบา ไม่ค่อยอยากสบตาชายหนุ่มนัก

“เฮ้ย ไอ้จักร ถามอะไรกันสองคนวะ หนุงหนิงเชียว หรือถ่ายไฟเก่าคุ” อ้วนยังแซวเพื่อนไม่เลิก ปีย์วราเหยียดยิ้มนึกหยันคำพูดเหล่านั้น

“ปากหาเรื่องนะไอ้อ้วน” จักรหันไปว่าตัวป่วน เหลือบมองสีหน้าของคนข้างๆอย่างคาดเดา หญิงสาวหันมาจ้องคืน การสบตาครั้งนี้ทำให้จักรยิ้มเจื่อนๆลุกขึ้นขอตัวไปหาเพื่อนๆที่โต๊ะอื่นบ้าง

ปีย์วราแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนเป็นการเย้ยหยัน...เย้ยตัวเองและความเป็นตัวตนของผู้ชายคนนี้

หญิงสาวหันกลับไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ล้วงเอากุญแจรถยื่นส่งคืนไปให้ “ฉันกลับก่อนดีกว่า อยากพักผ่อนแล้ว”

“อะไรวะ เผื่อฉันเมาแล้วใครจะพาฉันไปส่งบ้านละ”

“เรื่องของแก ไม่เกี่ยวกับฉัน” ปีย์วรากล่าวและทำอย่างนั้นจริงๆ เธอเดินเลี่ยงออกไปจากส่วนที่กลุ่มเพื่อนๆ อยู่

นักร้องบนเวทีกล่าวเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนที่อยู่ข้างล่างได้เป็นอย่างดี แต่ร่างเพรียวบางของหญิงสาวหายลับไปกับประตูคลับที่ปิดลงแล้ว เธอไม่สนใจสิ่งที่ทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป

ลงจากรถแท็กซี่ได้ปีย์วราเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าบ้านหลังหนึ่ง แสงไฟจากหลอดไฟข้างทางรวมไปถึงด้านหน้าของร้านรวงต่างๆ ทำให้เหมือนกับว่าเมืองกรุงแห่งนี้ไม่มีการหลับใหล แม้จะดึกดื่นค่อนคืนไปแล้ว ดวงตาคู่นั้นจ้องที่ประตูด้านหน้านั้นนานเกือบห้านาที ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในซอยซึ่งเป็นห้องพักรายวัน ที่เธอเช่าไว้สำหรับการเดินทางมางานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ นานหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้มายืนตรงนั้น จ้องมองผ่านช่องว่างของประตูรั้วเข้าไปหาใครบางคน...

เหมือนรอคอยแต่เธอไม่ได้รอ

แค่มองหาแต่ไม่ได้คาดหวัง...

เธอไม่เคยหวังอะไรที่มันเกินตัว ไม่หวังแม้แต่ความสุขที่จะผ่านเข้ามา...



เช้าวันต่อมาทีปกรเข้าไปหาอะไรทานสำหรับอาหารสมองยามสาย เขาเลือกมาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้โรงพยาบาลที่น้ารักษาตัวอยู่มากที่สุด เผื่อว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมก่อนออกไปทำงาน ระหว่างที่ยืนรอกาแฟที่สั่งไปสายตาเขาไปสะดุดกับหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน ผู้หญิงเย็นชาคนนั้นเอง เธอยังคงสวมเสื้อเชิ้ตแต่วันนี้ใส่สีน้ำตาลเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำ ผมยาวสีดำนั้นยังคงรวบตึงไว้ข้างหลัง ใบหน้าสวยนั้นเรียบเฉย

“ม็อกค่าแก้วหนึ่งค่ะ” เธอสั่งเสร็จ พอดีกับที่พนักงานยื่นแก้วของเขามาให้ ทว่าชายหนุ่มยังยืนทำท่าทางเหมือนจะสั่งอะไรเพิ่มเติม แต่จริงๆแล้วรอหญิงสาวให้เธอรับเครื่องดื่มของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน เธอเดินออกไปเขาจึงเดินตามออกไปด้วย

เธอเดินเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ช่างเดินดูไปเรื่อยๆ เขาเองก็มองเธอไปเรื่อยๆเช่นกัน มันแปลกเกินไปสำหรับตัวทีปกรที่ยอมเสียเวลาเดินตามผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง

บ้าไปแล้ว...ไอ้ทิม แกทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย

หญิงสาวยืนเลือกเครื่องมือช่างอยู่นาน แต่ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด รถลากกล่องอุปกรณ์ใหญ่ๆนั้นเลื่อนผ่านช่องทางเดินนั้นเข้ามา รถเข็นที่มีเด็กเล็กนั่งอยู่ข้างในขวางทางแต่พนักงานไม่เห็นเพราะกล่องใหญ่ๆ เหล่านั้นบดบังไปหมด ส่วนผู้ปกครองของเด็กน้อยกลับง่วนอยู่กับการเลือกข้าวโดยไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ หญิงสาวเอื้อมมือเข้าไปดึงรถเข็นเข้ามาชิดขอบทางไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปช่วย

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม เขารู้สึกดีกับสิ่งที่ได้เห็น หญิงสาวไม่พูดอะไร เธอทำเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ยืนรอจนผู้ปกครองเด็กหันกลับมาจับรถเข็น เธอจึงเดินออกไปจากตรงนั้น ทีปกรก้าวตามไปแต่ดันชนกับรถเข็นอีกคันที่เลี้ยวเข้ามาพอดิบพอดี

เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียอีก ทำให้เขาต้องกดรับพร้อมๆกับสอดส่ายสายตา มองหาหญิงสาวใหม่แต่กลับไม่เจอเสียแล้ว

“เฮ้ย! รับแล้วทำไมไม่พูดวะ” ปลายสายนั้นกล่าวทักทายอยู่หลายครั้ง แต่เขาไม่ยอมตอบกลับไปสักที

“แกสิพูด โทร.มาไม่รู้เวล่ำ-เวลา” ทีปกรบ่นให้ปลายสาย เขาจำเสียงได้ดีว่าเป็นบุลวัชร เพื่อนรักสมัยเรียนมัธยม

“อ้าว ผิดซะงั้น ตกลงคุยไม่ได้ใช่ไหมจะได้วาง”

“ได้ ว่ามา”

“ห้วนจัด ขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า ฉันแค่จะโทร.มาถามสารทุกข์สุขดิบของแกเท่านั้นเอง”

“ตอนนี้ฉันเริ่มทุกข์เพราะแกแล้วไอ้เบน เอาเถอะ แล้วแกสบายดีไหมไอ้วินทร์ละ เป็นไงบ้าง” ทีปกรถามรัวๆราวกับเพิ่งนึกได้จนได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย

“ทำงานจนไม่มีเวลาให้เพื่อน ตอนนี้เพื่อนกลายเป็น เด็กมีปัญหาไปหมดแล้ว”

“เวอร์ เอาไว้ว่างๆฉันจะไปหาแกอีกนะ แต่จะไม่ไปแบบตอนนั้นอีกแล้วล่ะ ฉันสบายดีขึ้นมาก ไม่ต้องห่วง” ทีปกรรู้แล้วว่าบุลวัชรเป็นห่วง เพราะเขาเพิ่งไปรักษาแผลใจด้วยที่ป่าไม้ที่เพื่อนประจำอยู่ เพื่อนรักก็คงห่วงว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีลงไป แต่เพื่อนช้าไปแล้ว...เขาจัดการสะสางปัญหาเหล่านั้นอย่างสาแก่ใจไปแล้ว มือหนากดวางสายเมื่อเสร็จธุระแล้ว

หญิงสาวคนนั้นก็หายไปอีกครั้ง น่าเสียดาย...



หนึ่งสัปดาห์ต่อมาทีปกรเดินทางไปไร่แสงจันทร์ทันที หลังจากที่ไปส่งอังคณาขึ้นเครื่องไปพักร้อนยังต่างประเทศ พร้อมทั้งลางานได้เรียบร้อยแล้ว

เมื่อนึกถึงแผนการลาพักร้อนยาวครั้งนี้แล้ว รอยยิ้มกว้างๆ ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม เขายังจำวันที่ยื่นใบลาได้เป็นอย่างดี สีหน้าชวิศเหมือนโดนผีหลอกไม่มีผิด

“แกจะบ้าหรือไง ลาอะไรไม่มีกำหนด งานนะเว้ย งาน... เจ้านายโคตรใจดีเลย ถ้าให้หยุดได้ขนาดนั้น แล้วบังเอิญ ฉันก็ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทนั้นเสียด้วย” ชวิศกล่าวทั้งทำสีหน้ายุ่ง ขณะทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานที่มีเพียงสองคน

“ฉันก็ไม่ได้จัดแกให้อยู่ในประเภทนั้นเหมือนกัน ก็หวังแต่ความเห็นใจนั่นแหละ” ว่าพลางล้วงเอาบางอย่างในซองสีน้ำตาลที่ถือเข้ามาด้วย วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของชวิศ ภาพถ่ายระดับลับเฉพาะ มีชวิศนอนบนเก้าอี้ผ้าใบกับสาวสวยนางแบบในโฆษณาของบริษัทหลายต่อหลายใบ

รูปเหล่านั้นทำเอาชวิศตาโตเท่าไข่ห่าน รีบคว้าขึ้นมาจ้องเหมือนจะมุดเข้าไปในรูปนั้นเสียให้ได้ “แก...เอามาจากไหนเนี่ย”

“เฮ้อ แกเป็นคนให้ฉันถ่ายให้ จำไม่ได้หรือไง ความจำแกไม่ดีนะเนี่ย มีเมียแล้วเริ่มความจำเสื่อมนะ” พูดจบก็ทำหน้าซื่อ ตาใส เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด แววตาชวิศจ้องเขม็งมายังเพื่อน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากัน เหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างอยู่

“แกต้องการอะไรกันแน่”

“ก็แค่ให้ฉันลาพักร้อน เท่านั้นเอง แกก็จะกลายเป็นเจ้านายโคตรใจดีอย่างที่แกพูด แล้วรูปพวกนี้ก็จะไม่ปลิวไปตกอยู่ในมือของมนัสวีเมียแกให้เธอระคายเคืองใจเป็นอันขาด” เป็นคำต่อรองที่ทำเอาชวิศคิ้วขวากระตุกเลยทีเดียว

ทีปกรรู้ว่าชวิศต้องตอบตกลงทันที เพราะชวิศรู้ดีว่าเขาเป็นคนพูดจริงทำจริง เหมือนอย่างที่ทำไปแล้วในงานแต่งงานของชวิศ

สาวๆสวยๆที่เคยคั่ว ต่างรวมตัวกันตบเท้าไปงานแต่ง อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แถมควงแขนเจ้าบ่าวอย่างกับเป็นเจ้าสาวเสียเอง มันทำให้เขาหัวเราะก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แถมยังช่วยกันอวยพรให้รักกัน จนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรอีกต่างหาก มันช่างเป็นงานวิวาห์พาเพลินจริงๆ

“โอเค แกเล่นแบบนี้ใช่ไหม ก็ได้ แต่ถ้ารูปพวกนี้ ตกไปอยู่ในมือวีเมื่อไหร่ ถือว่าข้อตกลงเป็นโมฆะ ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันอยากด่าแกให้แรงกว่านี้จริงๆพับผ่าสิ” สีหน้าของชวิศบอกว่าอยากทำอย่างนั้นจริง แต่เขากลับยิ้มยั่วได้อย่างน่าหมั่นไส้เพิ่มขึ้นไปอีก “แล้วแกจะไปไหน”

“ไปไร่แสงจันทร์” ทีปกรตอบพร้อมลุกขึ้น ยืนหันหลังให้โดยไม่รอฟังคำถามใดๆอีก เขาสาวเท้ายาวๆออกมาจากห้องนั้นทันทีที่ได้คำตอบที่ต้องการ

รถซีอาร์วีคันใหญ่แล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ แล่นไปตามเส้นทางที่ชายหนุ่มเช็กจากในแผนที่มาก่อนแล้วว่าถูกต้อง ทีปกรเคยมาที่นี่มีเพียงแค่ครั้งเดียวในวันแต่งงานของน้า ช่วงปิดเทอมเขามักขอพ่อไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็กิจกรรมเยอะจนแทบไม่มีเวลา อังคณาจึงเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง

“ผมจัดการแจ้งความ เรื่องที่คุณอังคณาถูกวางยาเรียบร้อยแล้วครับ แล้วคุณทิมต้องการจะทำอะไรต่อครับ” ทนายชาครที่เป็นคนของน้าบอกพร้อมกับจ้องหน้าเขา หลังจากเยี่ยมดูอาการของอังคณาเรียบร้อยแล้ว

“ผมอยากสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าน้าหายดีเมื่อไหร่ผมจะขอร้องให้ท่านไปพักผ่อนสักพัก ส่วนผมจะเข้าไปที่ไร่นั่น”

“คุณจะทำได้ยังไงคนเดียว เอาอย่างนี้ ผมจะไปพูดกับทางตำรวจที่สนิทกันให้ช่วยสืบเรื่องนี้ด้วย”

“ตำรวจก็ส่วนตำรวจ ส่วนผมจะจัดการเองครับ”

“เฮ้อ เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะครับ”

“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายครับ แต่ผมเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรแล้ว จะไม่ล้มเลิกง่ายๆ ช่วยบอกคนที่นั่นว่า หลานชายของคุณอังคณา กำลังจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว แล้วก็พักผ่อนที่ไร่สองสามเดือนก็พอครับ”

ชาครถอนหายใจยาวๆ อย่างที่สุดจะแก้ไข หรือจะหว่านล้อมให้ทีปกรล้มเลิกความตั้งใจได้

“เอาเถอะครับในเมื่ออยากทำ ผมก็จะช่วย ที่นั่นคุณจะต้องมีคนคอยช่วยอย่างใกล้ชิด คนของคุณอังคณาคนหนึ่ง ที่ผมว่าเธอน่าจะเหมาะกับงานนี้ เธอมาคอยช่วยงานที่รีสอร์ตเป็นครั้งคราว แต่ทำงานดีจนคุณอังเองก็อยากจ้างแบบถาวรแต่เธอไม่รับ ชื่อ ปีย์วราครับ ไปหาเธอที่อู่กสิณ ผมจะบอกเธอไว้เมื่อคุณไปถึงก็ลองคุยกับเธอดูครับ”

แม้จะคิดถึงเรื่องที่ต้องทำตรงหน้า แต่เขาก็ยังมีภาพหญิงสาวอีกคนที่ปัดออกจากความคิดไม่ได้เลย คนที่ดูเย็นชาแต่ใจดีเกินคาด

ทิมแกนี่มันโรคจิตชัดๆ เขาก่นด่าตัวเองในใจ หลังจากที่เดินตามหญิงสาวคนนั้นอยู่เป็นชั่วโมง แล้วดันทำให้คลาดกันได้อีก...แม้จะคิดอย่างนั้นแต่เขาก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้คิดถึง

เคยมีคนบอกว่า การพบกันครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองคือโชคชะตา ครั้งที่สามคือพรหมลิขิต...เขาอาจจะเชื่อหากได้พบกับเธอเป็นครั้งที่สาม

ทว่าพรหมลิขิตคงไม่ทำให้เขาพบเธอเป็นครั้งที่สามหรอกนะ เพราะเขาไม่เคยเชื่อว่า มันจะมีจริง...




ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2556, 10:23:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2556, 17:21:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1401





<< บทที่ ๑.๑ ผู้หญิงเย็นชา(แก้ไข)   บทที่ ๒.๑ ไม่แปลกถ้าคุณจะไม่ทำ(แก้ไข) >>
จิรารัตน์ 31 ก.ค. 2556, 22:09:31 น.
มาจิ้มชอบค่ะ


Auuuu 31 ก.ค. 2556, 23:16:20 น.
พระเอกลุยดี


ณิชนิตา 1 ส.ค. 2556, 09:31:08 น.
ขอบคุณค่ะ คุณเจี๊ยบ น่ารักที่สุดเลย
คุณ Auuuu ลุยและเจ้าเล่ห์ที่สุดเลยค่ะ อิอิ


ปลายสี 1 ส.ค. 2556, 22:09:18 น.
มาติดตามค่ะ ชอบผู้ชายปากจัดยียวนบวกรอยยิ้มอบอุ่น ^^ รอเชียร์คุณทิมนะคะ


ณิชนิตา 1 ส.ค. 2556, 22:54:41 น.
ขอบคุณคุณปลายค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account