ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายเพราะมีคุณนายแม่จอมบงการ

“ไม่มีวัน!!! ฉันไม่มีวันยอม!!!”

“ฉันไม่มีวันรับมันมาเป็นสะใภ้เด็ดขาด! หรือถ้าจำเป็นจะต้องยอมรับฉันก็จะรับว่าผู้หญิงอย่างมันเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น และถ้าจะหอบมันมาอยู่ในบ้านฉัน แกก็ต้องแต่งงานกับหนูสาตามคำสั่งฉันก่อน ถ้าไม่ตกลงตามนี้จะพานังนี่ไปอยู่ที่ไหนก็ไป ฉันจะถือว่าชีวิตนี้ฉันไม่มีลูกอย่างแกก็แล้วกัน เจ็บใจนักมีลูกคนเดียวอุตส่าห์เลี้ยงดูปูเสื่อมาอย่างดี ทำไมตาต่ำใฝ่ต่ำคว้านังสลัมนี่มาได้ คนดีๆ ที่ฉันหาไว้ให้ทำไมแกไม่รัก”

คุณอัญชลี บวรชัยกุล ตะโกนใส่หน้าลูกชายด้วยความผิดหวัง ที่จู่ๆ ลูกก็หอบผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติเข้าบ้าน แล้วจะยกย่องออกหน้าออกตาในฐานะเมีย คุณสมควร บวรชัยกุล ประมุขของบ้านหันไปมองหน้าคู่ชีวิตด้วยความเอือมระอา เมื่อเกลี้ยกล่อมมานานนมให้ทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่สุดท้ายคุณอัญชลีก็ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมฟังใครเลย

สงคราม บวรชัยกุล ผู้เป็นลูกคนเดียวให้เจ็บช้ำใจอย่างบอกไม่ถูกที่แม่ยื่นคำขาดในเรื่องที่เขาต่อต้านมาโดยตลอด หัวใจเป็นอะไรที่บังคับกันไม่ได้ สองแขนจึงประคอง อิงอร เอี๋ยมดี ผู้เป็นเมียทางพฤตินัยและกำลังอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีลุกขึ้น เพื่อหมายจะพาไปตายเอาดาบหน้า เพราะยอมไม่ได้ที่จะเห็นแม่รังแกเมียด้วยการสั่งให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก

“งั้นก็ไปตามทางของเราเถอะนะอิง ผมจะหาเลี้ยงคุณกับลูกเองไม่ต้องห่วง”

คุณสมควรเห็นท่าทางเอาจริงของลูกก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เพราะรู้จักลูกคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าลองได้ไม่ก็คือไม่ การจะเปลี่ยนความคิดนั้นเป็นต้องคุยกันยืดยาว และคนที่จะคุยก็ไม่ใช่เขาหรือคุณอัญชลีซะด้วย อิงอรมองหน้าคนรักทั้งน้ำตา เมื่อรับรู้ว่าตังเองกลายเป็นคนสร้างรอยร้าวระหว่างพ่อแม่ลูก ความเป็นคนดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่อยากจะมีปัญหากับใครที่มีอยู่ในตัวล้นเปี่ยม จึงตัดสินใจเสียสละให้คนรักทำตามคำสั่งของพ่อออแม่เขาทันที

“คุณยอมทำตามคุณแม่คุณพ่อเถอะนะคะ”

“ไม่!! อิงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ลุกขึ้นเถอะผมจะพาไปอยู่ที่อื่น”

ทว่าสงครามไม่คิดจะทำตามและยังคงยืนยันที่จะไป แต่สุดท้ายเมื่อเมียไม่ยอมลุกและให้เหตุผลต่างๆ นานามาหว่านล้อม บวกกับคำขู่เข็นที่ว่าถ้าเขาไม่ยอมทำตาม อิงอรจะพาลูกในท้องหนีเขาไปชนิดไม่ให้เห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้ สงครามรู้ดีว่าเมียสามารถทำอย่างที่พูดได้ เขาจึงจำต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้

“พามันไปอยู่เรือนเล็กโน่น ห้ามโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเด็ดขาด”

แทนที่คุณอัญชลีจะเห็นอกเห็นใจในความเสียสละของสะใภ้ทางพฤตินัย กลับออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดังคับบ้าน โดยไม่สนใจว่าจะกระทบกระเทือนถึงใครบ้าง คุณสมควรเองก็ไม่รู้จะขวางเมียยังไง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ยอมตามใจทุกเรื่องจนเคยตัว อีกทั้งก็ไม่อยากให้ลูกชายต้องหนีหน้าไปลำบากตามลำพังที่ไหน

หลานที่กำลังจะเกิดมาก็คงจะพลอยติดร่างแหไปด้วย ที่สำคัญกิจการที่กำลังขยายตัวก็จำเป็นต้องมีคนคอยสานต่อ และคนคนนั้นก็คือทายาทเพียงคนเดียวนั่นเอง เมื่อสรุปได้ดังนั้นแล้ว คุณสมควรจึงนั่งนิ่งและนับถือน้ำใจอิงอรในการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่นี้

และผลพวงจากการตัดสินใจในครั้งนั้นก็ทำให้อิงอรต้องเก็บความชอกช้ำระกำทรวงเอาไว้ภายใน แล้วยิ้มแย้มให้สามีอย่างปกติเช่นทุกวัน แม้ในแต่งงานของเขาก็ตามที อิงอรไม่ได้รับอนุญาตจากคุณอัญชลีให้เข้าไปร่วมงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในบริเวณคฤหาสน์หลังงามกว้างขวางโอ่อ่าโอ่โถง แขกเหรื่อมาร่วมงานมากหน้าหลายตา ล้วนแต่งกายประดับประดาด้วยข้าวของราคาแพงทั้งสิ้น

น้ำตาของหัวอกเมียไหลอาบสองแก้มขณะอุ้มลูกวัยแปดเดือนแอบยืนชะเง้อคอมองดูความเป็นไปของผู้คนบนสนามหญ้าเขียวขจี สาลินีเจ้าสาวแสนสวยและสูงส่งยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาสมกันราวกิ่งทองใบหยก เป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่มากันถ้วนหน้า แต่สำหรับอิงอรแล้วนอกจากพี่ชายกับพี่สะใภ้และคนในซอยบ้านแล้วก็ไม่มีใครจะรู้จักมักคุ้นกับเธออีกเลย

“แค่ขอให้คุณพ่อมีความสุข และเราสองคนได้อยู่ใกล้ๆ คุณพ่อ แค่นี้ก็พอแล้วนะจ๊ะลูกแม่”

เจ้าของน้ำตาเอ่ยกับลูกน้อยที่จ้องมองหน้าแม่ตาแป๋ว ประหนึ่งกำลังรับรู้สิ่งที่แม่บอกออกมาก็ไม่ปาน ก่อนจะพาลูกเดินกลับบ้านหลังน้อยท้ายสวน ซึ่งเป็นเสมือนวิมานของอิงอรกับลูกได้เอาไว้พักพิงมานับตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่กับคนในครอบครัว ‘บวรชัยกุล’ ที่มีบรรพบุรุษเป็นคนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาพึ่งแผ่นดินสยามด้วยเสื่อผืนหมอนใบ จนพบรักกับหญิงไทยซึ่งเป็นลูกพระน้ำพระยามา และเมื่อมาเจอกับชนชาติที่ขยันขันแข็งทำมาหาเลี้ยงชีพเข้าแล้ว ความเป็นปึกแผ่นก็เพิ่มพูนขึ้น จนกรายเป็นมรดกตกทอดมาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานเรื่อยมา



“หนูสา! นั่นจะเอาหม้ออะไรไปไหนกันล่ะกำลังท้องกำลังไส้แท้ๆ อย่าเดินให้มันมากนักสิจ๊ะ”

คุณอัญชลีร้องถามสะใภ้ด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ขณะนั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่กับเด็กรับใช้ สาลินียิ้มให้พร้อมกับเดินตรงไปหา โดยมีเด็กรับใช้อีกคนถือหม้อตามมาไม่ห่าง คุณอัญชลีละสายตาจากหน้าจอไปมองสะใภ้อีกครั้ง แล้วยิ้มให้ด้วยใบหน้าชื่นชมไม่เคยจืดจาง เพราะสาลินีไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยนับตั้งแต่ถูกแต่งเข้าบ้าน ก็ทำหน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทั้งกับสามีและพ่อแม่สามี

“สาจะเอากระดูกหมูตุ๋นยาจีนไปให้พี่อิงค่ะ เห็นบอกว่าไม่สบายตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ไปไม่นานหรอค่ะคุณแม่แล้วสาจะรีบกลับมาจัดขึ้นโต๊ะมื้อเที่ยงให้ ก่อนจะออกไปรับยายยาที่โรงเรียนค่ะ”

แม้กระทั่งกับอิงอรผู้ที่คนในบ้านก็ต่างรู้ดีว่าเป็นเมียหลวง มาก่อนและมีลูกสาวให้สงครามก่อน สาลินีก็ผูกมิตรและหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้ไม่เคยขาดตกพกพร่องตลอดแปดปีมานี้ จนเป็นเหตุให้คนที่เคยมีรักเดียวและหัวใจมั่นคงดังภูผาอย่างสงครามต้องยอมจำนนต่อความดีของสาลินี ‘คุณหนูยา’ ในวัยสามขวบจึงเป็นลูกสาวคนแรกของสาลินี

ทว่าเป็นคนที่สองของสงคราม และคนที่สามของเขาก็กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะส่วนใหญ่ห้องบนตึกมักจะเป็นที่พักพิงสำหรับเขาบ่อยกว่าบ้านหลังน้อยท้ายสวน บวกกับผู้เป็นแม่ก็มักจะคอยกีดกันไม่ให้เขาได้ลงไปหาเมียคนแรกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย ความห่างเหินระหว่างเขากับอิงอรจึงเกิดขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้

“เหรอจ๊ะ!”

คุณอัญชลีเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งปลาบปลื้มในน้ำใจสะใภ้คนโปรด และเกลียดชังอีกสะใภ้อย่างที่สุด จนไม่อยากจะเอ่ยถึงให้เสียปาก

“งั้นก็ไปเถอะ แม่จะคอยก็แล้วกัน แต่อย่า...”

“ว๊าย!!! ว๊าย!!! ว๊าย!!! คุณท่านขา คุณผู้หญิงขา ช่วยด้วยค่ะ!!! อกอีดวงจะแตกตาย ว๊าย!!!ว๊าย!!!ว๊าย!!!”

ไม่ทันที่คุนอัญชลีจะได้พูดจบ เสียงแหลมๆ ของดวงสาวรับประจำตัวของสาลินีก็ดังลั่นบ้านพร้อมกับวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนกยังกับมีใครกำลังจะตายก็ไม่ปาน ทั้งหมดจึงรีบวิ่งไปยังทิศทางที่ดวงชี้มือชี้ไม้ไป นั่นคือวิมานหลังน้อยของอิงอรที่อยู่กับลูกสาววัยเจ็ดขวบ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่โรงเรียน

“ว๊าย!!! บัดสีบัดเถลิง อีนังนี่มึงช่างกล้ามาทำเรื่องอัปรีในบ้านกู ใครก็ได้ไปตามคุณท่านกับพ่อสงครามมาเร็วๆ เข้า ฉันจะเป็นลม โอ๊ย!!! แม่สาช่วยด้วย”

คุนอัญชลีลมแทบจะจับ เมื่อเข้ามาในห้องนอนของอิงอรแล้วพบว่ากำลังนอนกกนอนกอดอยู่กับชายชู้ด้วยสภาพเปลือยร้อนจ้อน แถมยังหลับอย่างสบายอดสบายใจไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเลย แม้คนวิ่งมาดูจนเต็มแล้ว คุนสมควรกับสงครามที่ออกมาหาลูกค้าอยู่ไม่ห่างจากบ้านนัก ก็รีบบึ่งรถกลับมาดูตามที่เด็กรับใช้ได้โทรไปบอก หัวอกผู้ชายที่รักเมียเค้าเมียแรกแทบจะแตกสลายลงตรงนั้น เมื่อภาพปรากฏอยู่ตรงหน้า

อิงอรที่เหมือนเพิ่งจะได้สติตื่นขึ้นมาและยังงุนงงกับสภาพของตัวเองไม่น้อย จากนั้นก็ถึงกับร้องห่มร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เมื่อพบว่าตัวเองตกเป็นจำเลยของสามีและคนในบ้านโทษฐานคบชู้สู่ชายกับคนสวน จนถึงขั้นนัดแนะกันมาหาความสำราญในบ้านอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมใด ๆ

“อิงไม่รู้เรื่องเลยค่ะคุณ เมื่อเช้าอิงปวดหัวแล้วก็หลับอยู่นอกห้องด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมถึงได้มานอนอยู่ในห้องกับนายพันอย่างนี้ อิงไม่เคยคิดทำเรื่องเลวๆ เลยนะคะคุณ ฟังอิงก่อนนะคะ ได้โปรดฟังอิงอธิบายก่อนนะคะ”

แม้อิงอรจะอ้อนวอนและบอกกล่าวความจริงยังไง สงครามก็ไม่อาจจะปักใจเชื่อได้ ความเสียอกเสียใจทำให้เขาหุนหันเข้าไปกระชากเมียแล้วตบไปที่หน้าฉาดใหญ่ นายพันคนสวนคือเป้าหมายต่อไปจนลงไปนอนให้เลือดกลบปากอยู่กับพื้น แล้วเขาก็หนีออกจากบ้านไปดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ พ่อกับคนรถต้องไปรับตัวมาจากผับในกลางดึก วันรุ่งขึ้นแม้จะได้สติแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยปากถามถึงเมียรักที่ทำเรื่องน่าอับอายอีกเลย

“ยายอ๋อไปโรงเรียนหรือยังครับคุณแม่”

แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ยังห่วงลูกสาวคนแรกอยู่มาก ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างหันไปมองหน้ากัน แล้วถอนหายในออกมาแทบจะพร้อมกัน สงครามให้สงสัยอย่างที่สุด จึงหันไปหาคุนสมควรเพื่อขอคำตอบ

“แม่อิงพายายอ๋อหนีไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน...”

สงครามรีบลุกพรวดหนีจากโต๊ะในทันที เพราะไม่อยากได้ยินเรื่องราวของผู้หญิงหน้าด้านร่านสวาท บังอาจใฝ่ต่ำคบชู้อยู่บนหัวเขา และไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว เขาก็คงจะเป็นไอ้โง่ในสายตาของสองคนนั้นเป็นแน่ และเมื่อมีความรักให้มากมาย

ความเกลียดชังก็ย่อมมีมากมายไม่แพ้กัน ยิ่งเห็นว่าอิงอรไม่รู้จักเสียสละทิ้งลูกไว้ให้อยู่กับความสะดวกสบาย แต่ยอมลากลูกไปลำบากลำบนด้วยแล้ว เขายิ่งโกรธเกลียดและแค้นเคืองไม่ห่างหาย และไม่เคยเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้อีกเลยแม้เวลาจะล่วงเลยมายี่สิบปีแล้วก็ตามที



“คุณพี่คะ! เมื่อไหร่จะกลับบ้านคะ ดึกมากแล้ว เลิกดื่มเถอะค่ะมันไม่ดีต่อสุขภาพและก็อันตรายด้วย เดี๋ยวสาจะขับรถไปรับดีกว่านะคะ คุณพี่ไม่ต้องขับมาหรอกค่ะ”

สาลินีกรอกเสียงอันนุ่มนวลไปตามสายด้วยความห่วงสามีที่พักหลังๆ มานี้มักจะดื่มกลับบ้านบ่อยครั้ง และก็เมามายกลับมาชนิดไม่เป็นผู้เป็นคนเอาเสียเลย คุณอัญชลีที่หันไปสะใภ้ก็ถอนหายใจออกมาแทบจะทันทีเพราะเอือมการกระทำของลูกชายคนเดียวนัก

“คุณพี่ไม่ยอมให้สาไปรับค่ะ บอกจะกลับเอง งั้นสาว่าคุณแม่ขึ้นไปดูคุณพ่อนอนเถอะนะคะ สาจะนั่งรอเองค่ะ ถ้าดึกๆ แล้วยังไม่กลับ สาจะเรียกคนรถให้พาออกไปตามหาค่ะ”

น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มในอดีตมีต่อพ่อแม่สามียังไง ปัจจุบันสาลินีก็ยังรักษาระดับเอาไว้ได้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง คุนอัญชลีจำต้องรีบขึ้นไปดูสามีที่ตอนนี้นอนป่วยอยู่บนห้อง ซึ่งถูกติดตั้งอุปกรณ์การแพทย์ไว้อย่างครบครัน พยาบาลพิเศษจากโรงพยาบาลก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนสาลินีก็ได้แต่นั่งดูหนังสลับกับการชะเง้อคอคอยการกลับมาของสามีจนเผลอหลับไปพร้อมกับดวงคนรับใช้เก่าแก่ สะดุ้งตื่นขึ้นอีกทีตอนตีสามเมื่อมีเสียงมือถือดังขึ้น

“ฮะโหล! คุณพี่อยู่ไหนคะ อ้าวแล้วนั่นใครคะ ใช่ๆ ค่ะ ฉันเป็นภรรยาเขาเอง มีอะไรคะ! อะไรนะคะ!! ไม่จริง!!!ๆๆๆ...”

สาลินีไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะถือโทรศัพท์ไว้ ก่อนที่ร่างจะทรุดฮวบลง ดวงที่ตื่นขึ้นมาเห็นเข้าก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ คนในบ้านก็แตกตื่นไปตามๆ กัน กว่าจะได้สติและบอกข่าวร้ายกับทุกคนได้ก็กินเวลาหลายนาที

“คุณแม่ขา!!! คุณพี่ค่ะ คุณพี่ๆ เมาหนักขับรถชนต้นไม้ กู้ภัยพาไปส่งโรงพยาบาลแต่คุณพี่สิ้นใจระหว่างทางค่ะ คุณแม่ช่วยสาด้วยค่ะ ช่วยสาด้วย สาจะทำยังไงดีคะ”

“ห๊า!!! สงครามลูกแม่!!!”

แล้วทุกคนในบ้านก็ต้องรีบปฐมพยาบาลคุนอัญชลีเพิ่มอีกคนเมื่อได้ยินข่าวร้าย จากนั้นบ้านทั้งบ้านก็ย่างเข้าสู่ความโกลาหลวุ่นวายไปแทบทุกเรื่อง นับตั้งแต่การรับศพสงครามจากห้องเย็นไปตั้งสวดที่วัดเป็นต้นมา จนคุณอัญชลีกับสะใภ้ทำอะไรไม่ถูก

ส่วนคุณสมควรก็เจ็บป่วยจนไม่อยู่ในฐานะจะลุกขึ้นมาดูแลความเรียบร้อยให้สมบูรณ์ได้ หากไม่มีสุจินต์ต์ทนายประจำตระกูล กับครอบครัวของปฐพี ที่เป็นเพื่อนสนิทสงครามและสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว รวมทั้งพนักงานในบริษัทหลายคนมาช่วยเป็นธุระปะปังให้จนเสร็จสิ้นทุกอย่าง

แต่ปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวนี้ยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ เนื่องจากสงครามนั้นเป็นเพียงทายาทคนเดียวของพ่อแม่ และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการขับเคลื่อนกิจการต่อจากคุณสมควรผู้พ่อ สงครามมีลูกชายเพียงคนเดียวคือสงกรานต์ แต่ก็อายุยังน้อย เรียนยังไม่จบ แถมไม่เอาถ่านอีกต่างหาก สาลินีที่รู้เรื่องงานในระดับหนึ่งจึงต้องรับหน้าที่แทนสามีที่จากไปอย่างกระทันหันก่อน

จนกว่าจะมีคนที่เหมาะสมมารับช่วงต่อ ทว่าสาลินีก็รู้ดีว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำแบบนั้นได้ ด้วยลูกชายตัวเองไม่ได้ความขยันหมั่นเพียนจากพ่อหรือปู่เลย ส่วนสาริยาลูกสาวคนโตที่กำลังเรียนปีสุดท้ายนั้น ไม่ประสงค์ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยแต่อย่างใด เพราะไม่ชอบทำธุรกิจทางด้านนี้เลย หรือจะพูดให้ถูกคือไม่ชอบทำธุรกิจมากเท่างานด้านศิลปะ หรือความสวยความงามนั่นเอง

แต่สาลินีก็ไม่ใคร่จะเดือดเนื้อร้อนใจในจุดนี้นัก เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถมากพอ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประธานบริษัท และพากิจการให้ก้าวต่อไปได้ คุณอัญชลีเองก็เห็นว่าสะใภ้มีความสามารถมากพอ จึงเห็นดีเห็นงามให้คุณสมควรผู้เป็นสามีออกหนังสือแต่งตั้งให้ด้วยความเต็มใจ

“แม่สาเองก็ทำงานช่วยตาสงครามมาตั้งหลายปี ทำไมจะทำไม่ได้กับอีแค่หน้าที่ประธานบริษัท ที่วันๆ ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไร นอกจากนั่งจับปากการอเซ็นวันละแกร็กสองแกร็กแค่นั้น คุณพี่ก็รีบๆ แต่งตั้งแม่สาเถอะค่ะ”

ผิดกับคุณสมควรที่รู้ดีกว่าใครว่าสะใภ้ยังมือไม่ถึง ไฟในตัวก็มีไม่มากพอ เนื่องจากอายุอายามก็มากแล้ว วิสัยทัศน์ก็แคบไปสักนิด ไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่ใหญ่ขนาดนี้เลย ถึงแม้จะรู้เรื่องงานรู้ระบบงานบ้างก็ตาม จึงดุภรรยาต่อหน้าสะใภ้และคนอื่นๆ ในห้องอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเลย

“ถ้ามันง่ายอย่างที่คุณว่า ผมคงจะสบายมาตั้งแต่เกิดแล้วสินะ แต่นี่อะไรผมต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกวัน หน้าลูกตอนตื่นนอนก็ได้เห็นน้อยเต็มที เพราะเข้าบ้านมาลูกก็หลับตลอด คุณยังบ่นเช้าบ่นเย็นว่าผมไม่มีเวลาให้ แล้วทำไมตอนนี้กลับจะมาบอกว่าเป็นประธานมันง่ายนิดเดียวล่ะ”

“ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่คะ บริษัทเราเป็นปึกแผ่นแล้วไม่ต้องลำบากเหมือนตอนคุณยังหนุ่มนี่”

“ตอนไหนมันก็ลำบากเหมือนกันนั่นล่ะ ยิ่งตอนนี้ที่มีการแข่งขันสูง เทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย การสื่อสารก็รวดเร็วทันใจจนแทบจะตามไม่ทันด้วยแล้ว การจะก้าวมาเป็นผู้นำคน และดึงกิจการให้ก้าวหน้าต่อไปได้มันไม่ใช่ง่ายๆ ผมทำมาก่อนผมรู้ดี และผมก็รู้ว่าใครเหมาะไม่เหมาะ คุณไม่ต้องมาเถียงผม และไม่ต้องมาขัดขวางผม หรือถ้าไม่พอใจที่ผมจะทำบบนี้ หรือถ้ามีปัญหากันนักผมก็จะยกทุกอย่างบริจาคให้มูลนิธิเด็กกำพร้าซะเลย จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายให้ปวดหัวแบบนี้ จะเอาแบบนั้นกันหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่เอาก็เงียบไปเลย อยู่นิ่งๆ นั่งใช้เงินไป แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

คุณสมควรที่จิตใจไม่อยู่ในภาวะปกติเพราะอาการป่วยรุมเร้า จึงตัดบทเมียออกไปชนิดไม่รักษาน้ำใจใครเลย ยังผลให้สุจินต์ทนายประจำบ้านกับปฐพีและลูกชายที่มาร่วมปรึกษาหารือในเรื่องทายาทต่างนิ่งอึ้ง กับถ้อยคำและท่าทีแบบนี้ เพราะไม่ใคร่จะมีใครได้พบเห็นบ่อยครั้งนัก แม้แต่คุณอัญชลีกับสะใภ้เองที่อยู่บ้านเดียวกันก็พบเห็นน้อยครั้งมาก

“ตามใจ อยากจะทำอะไรก็เชิญ น้องจะไม่ยุ่งอีกต่อไปแล้ว”

คุณอัญชลียอมแพ้ทันที เมื่อสามียกเรื่องนี้ขึ้นมาขู่ แล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ ออกจากห้องทันที สาลินีอยากจะทำตามไม่น้อย ติดตรงที่ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ ไม่ให้คนในห้องเห็นได้ จึงเลือกที่จะนั่งนิ่งแล้วฟังพ่อสามีสั่งงานทนายต่ออย่างกล้ำกลืนฝืนทน แต่คุณสมควรที่นอนแหมะอยู่กับเตียงไม่สนใจ นอกจากหันไปมองคนในห้องก่อนจะตัดสินใจเอ่ยประโยคเด็ดเพื่อขู่ให้ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเท่านั้น

“อย่าไปสนใจคนแก่ที่ไม่รู้เรื่องงานเลยนะ เอาเป็นว่าฉันอยากจะฝากให้ทุกคนช่วยตามหาหลานฉันกลับมาช่วยงานก็แล้วกัน ตามให้ได้ไม่ว่าหลานฉันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ฉันให้เวลาแค่สามเดือน ถ้าเลยไปจากนั้นแปลว่าไม่มีใครอยากจะฟังคำสั่งฉัน สมบัติและกิจการทุกอย่างฉันจะบริจาคให้หมด ไม่ต้องมีใครได้สักคน ฉันไม่ได้ขู่ใครนะแต่ฉันพูดจริงและจะทำจริงด้วย ทุกคนคงรู้ว่าฉันเป็นคนจริงแค่ไหน”



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:14:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:14:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1268





   สาวมั่นเจอกับหนุ่มมาดเข้ม >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 14:54:51 น.
ยินดีตอนรับจ้า


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 4 ส.ค. 2556, 22:11:06 น.
สวัสดีคร้าาา
เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว
หนูไม่ได้แวะมาเวปนี้นานนนนนนนนนนน มากกกกกกกกกกกก ตั้งแต่มีแค่นามปากกาธัญญรัตน์ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account