ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: เริ่มแผนกระชากหน้ากาก

สาลินากับลูกสาวยืนกอดอกมองสปอร์ตหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านด้วยใบหน้าเรียบขรึม แต่ครั้นปวีย์ลงจากรถได้ ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสในทันที ผิดกับเจ้าของชุดนักศึกษาที่ไม่ใคร่จะชอบใจนัก เมื่อแฟนหนุ่มต้องกลายไปเป็นพี่เลี้ยงของผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบเอามากๆ อาการหวงของจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อเห็นอีกคนออกมาจากสปอร์ต

“พี่วีเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า แล้วทำไมถึงมากับ...ได้ล่ะคะ”

เมื่อไม่ชอบแล้วแม้แต่ชื่อสาริยาก็ไม่อยากเอ่ย แต่คนอย่างหทัยชนกไม่เคยคิดจะสนใจ เพราะลูกเมียน้อยในคราบเมียแต่งของพ่อไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด ไหล่ระหงจึงยักขึ้นแสดงท่าทีไม่แยแสกับภาพที่นักศึกษาหน้าไม่อาย เดินเข้ามาเกี่ยวแขนผู้ชายอย่างเปิดเผย

“ก็ไปดูโรงงานที่ชลบุรีมาครับ”

ปวีย์ตอบน้ำเสียงเรียบนุ่มอย่างเคย หลังจากยกมือไหว้สาลินีด้วยอาการนอบน้อมเป็นปกติวิสัยของคนอย่างเขาอยู่แล้ว สาลินารีบรับไหว้แล้วยิ้มให้อย่างไม่ยากเย็น แม้ในใจนั้นจะไม่เบิกบานสักแค่ไหนก็ตาม จากนั้นก็หันไปหาหนามชีวิตที่ยืนตีหน้าระรื่นอยู่อย่างไม่แยแสใคร

“วันนี้ได้อะไรมาบ้างจ๊ะหนูอ๋อ พ่อวีเป็นคนเก่งใครได้เป็นครูก็คงจะเก่งตามในอีกไม่ช้า แล้วนี่จะต้องขึ้นไปหาคุณปู่เหมือนทุกวันหรือเปล่าจ๊ะ”

หทัยชนกยิ้มให้อย่างคนรู้ทันว่าทุกกิริยาท่าทางของคนพูดนั้น ล้วนแล้วแต่จอมปลอมทั้งสิ้น ในใจให้สังเวชอย่างที่สุด กับการเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ จนทนยืนมองหน้าไม่ได้อีกต่อไป จึงเดินหนีโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ ยังผลให้สาริยาเกิดอาการขุ่นเคืองจนปิดบังไม่อยู่

“อะไรกันนะแม่นี่ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ผู้ใหญ่คุยด้วยก็เดินหนีไม่เห็นหัวเห็นหาง แม่! ทีหลังไม่ต้องไปเสวนาด้วยหรอกนะ ยาไม่ชอบเลยคนแบบนี้ นิสัยไม่ดี!”

ปวีย์เห็นด้วยกับคำพูดแฟนสาวเกือบทั้งหมด จึงหันไปมองสาลินีที่ยืนหน้าจืดอยู่ แต่เขาก็เก็บอาการเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ไม่ต่อเสริมเติมแต่งให้เรื่องลุกลามไปมากกว่านี้ เพราะรู้สึกว่ามนุษย์ทุกคนก็ย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง การที่หทัยชนกมึนตึงกับสาลินีก็อาจจะมีนัยยะแอบแฝงอยู่บ้าง แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นเขาไม่ใคร่จะอยากรู้

“งั้นผมขึ้นไปหาคุณปู่สักครู่นะครับคุณอา”

สิ้นคำเขาก็ผละไปทางบันไดด้วยท่าทีนอบน้อมตามเคย และเมื่อยู่ต่อหน้าคุณสมควรเขาก็ตอบคำถามตามความเป็นจริงในเรื่องงานวันแรกกับหลานสาวคนสวย แล้วนั่งฟังรายงานด้วยปากเปล่าโดยไม่ได้จดโน๊ตไว้ของหทัยชนกที่ร่ายยาวให้ผู้เป็นปู่ฟัง แม้เมื่อครู่จะขัดเคืองใจอยู่บ้างกับการกระทำอันไร้มารยาทของเจ้าหล่อน แต่ทั้งหมดก็สามารถนำมาหักล้างออกไปได้ด้วยความทึ่งเล็กๆ ในความจำอันดีเลิศ พลอยทำให้เขามีกำลังใจสอนงานต่อได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละเรื่อง มีปัญหาอะไรก็ถามปู่ ถามพ่อวี หรือถามคนเก่าแก่ในบริษัทได้ อย่าอายที่จะถาม การยอมเป็นคนไม่รู้ดีกว่ารู้ไม่จริงแล้วไปอวดภูมิโง่ๆ ให้คนหัวเราะเยาะลับหลัง อันนั้นน่าอายยิ่งกว่า”

คนเป็นปู่ให้คำสอนที่หทัยชนกต้องเก็บไว้ในใจเสมอ ก่อนจะออกจากตึกแล้วตรงไปบ้านหลังน้อย วีนากับพีระเข้าบ้านมาในเวลาไม่ห่างกันนัก หลังจากแวะเอาคอมไปให้ปวีย์บนตึกแล้วก็รีบหอบหิ้วอาหารเย็นไปหาน้องเลย เรื่องราวในอดีตของแม่ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องปิดบังสำหรับพีระ เพราะเขาคือคนที่อาจจะช่วยตามหานายพันซึ่งเป็นคนสวนที่ลาออกไปโดยไม่มีใครเคยได้ข่าวคราวอีก

“งานของคุณปู่ก็สำคัญไม่น้อย อ๋อต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมายคงจะไม่มีเวลาว่างเท่าไหร่ อ๋อเลยว่าจะฝากเรื่องตามหานายพันให้พี่อี๋กับพี่ระช่วยแบบเต็มๆ ไปเลย ส่วนเรื่องหาทางจับผิดสาลินีอ๋อจะจัดการเอง ตกลงมั้ย”

ทั้งสามใช้เวลาอาหารเป็นที่ประชุมย่อยๆ แทบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว และข้อเสนอนี้ทั้งพีระและวีนาก็คิดมาก่อนอยู่แล้ว จึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ พอเสร็จหทัยชนกก็ผละไปนั่งทำงานอยู่โต๊ะเล็กๆ ของอีกมุมห้อง ปล่อยให้พี่มีเวลาคุยธุระส่วนตัวบ้าง หรือหากพีระจะค้างคืนเธอก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก ในเมื่อทั้งคู่คบหากันมานานหลายปี และมีแผนจะลงเอยกันในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แล้ว อีกทั้งเธอเองก็ถูกใจพีระไม่น้อย เพราะเข้ากับคนในครอบครัวได้ดี

“จะไม่มาก็น่าจะโทรบอกแม่หน่อย ดูสิอาหารเหลือเต็มเลย”

เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสามจึงรีบกลับบ้าน อิงอรมีอาการงอนนิดๆ ที่เมื่อคืนนั่งรอกินข้าวกับลูกเก้อ จึงบ่นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ยิ้มออกเมื่อลูกเข้าไปกอดและหอมแก้ม ประหนึ่งเด็กน้อย ทำเอาคนในบ้านต่างหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ เมื่อเคลียร์เรื่องอาการงอนของแม่เสร็จแล้ว หทัยชนกก็หันหน้าเข้าหางานที่หอบกลับบ้านไปด้วย ปล่อยให้ทุกคนออกไปช้อปปิ้ง ส่วนตัวเองอาสาอยู่ยงเฝ้าบ้านอย่างชอบอกชอบใจ เพราะจะได้ไม่มีใครมากวนเวลาต้องใช้สมาธิ



วีนามักจะออกไปพบพีระในช่วงบ่ายแก่ๆ ในวันที่เขาว่าง เพื่อหาเบาะแสของพันจากรูปเพียงใบเดียวกับคำบอกเล่าของอิงอรที่พอจะรู้ภูมิหลังอย่างน้อยนิดเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ง่ายเลย แม้พีระจะพยายามใช้ความเป็นสารวัตรช่วย ก็ยังแกะรอยได้ยากลำบาก หทัยชนกเองก็รู้ดีว่าไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทรทีเดียว

แต่ก็ไม่คิดท้อถอย ยังคงใจเย็นรออย่างไม่เดือดร้อนใดๆ อีกอย่างเรื่องงานก็ดูเหมือนจะต้องให้ความสำคัญอันดับหนึ่งในตอนนี้ หลังจากที่คิดว่าคงไม่มีอะไรมากมายในตอนแรก แต่ทุกอย่างกลับสลับซับซ้อนกว่าที่คิดไว้ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้

ปวีย์คือบุคคลที่ช่วยได้มากในด้านองค์ความรู้ทั้งระบบโครงสร้างงาน และกลยุทธในการบริหารต่างๆ ที่สั่งสมมาเป็นสิบปี เขาเองก็ไม่คิดจะหวงแหนเลยสักนิด มีเท่าไหร่รู้เท่าไหร่ก็สอนให้จนหมดสิ้น แม้ใจจะไม่ชอบคนตรงหน้าอยู่บ้าง แต่ก็แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างดี อีกทั้งความห่วงในกิจการของตระกูลบวรชัยกุลก็มีมากมาย เขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้หทัยชนกก้าวมาเป็นผู้นำคนใหม่แทนผู้พ่อที่จากไป

“ระบบโครงสร้างของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยมีองค์ประกอบหลายอย่าง ผมเตรียมเอกสารมาแล้ว คุณเอากลับไปศึกษาต่อที่บ้านได้ ช่วงแรกๆ คุณก็อาจจะต้องอ่านเยอะหน่อย ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ มีปัญหาอะไรก็ถามได้ตลอดเวลา จะดึกดื่นยังไงก็ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเห็นผมออนไลน์เมื่อไหร่ก็แปลว่ายังนั่งทำงานอยู่ ผมก็เป็นคนนอนดึก คุณเองก็ควรจะฝึกเอาไว้ เป็นผู้บริหารต้องก้าวนำผู้ตามไปหลายสิบก้าวเสมอๆ ทำงานมากกว่าเขาหลายชั่วโมง ถึงจะดึงกิจการให้อยู่รอดได้”

ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดี ขณะเลื่อนแฟ้มเอกสารหนาเกือบสี่นิ้วไปให้ มือขาวเรียวงามเปิดออกดูคร่าวๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้เขาด้วยความขอบคุณ ที่อุตส่าห์สรรหาแหล่งความรู้ต่างๆ มาให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ในเวลาเดือนกว่าๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่ครูกรายๆ ให้ แม้จะตะขิดตะขวางใจอยู่บ้างที่เขาเป็นคนของสาลินี แต่รวมๆ แล้วเธอก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างดีเยี่ยม

“ขอบคุณค่ะ” “ด้วยความยินดีครับ”

ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่ปวีย์เห็นว่ารอยยิ้มของหญิงสาวจะออกมาจากใจอย่างแท้จริง จึงยิ้มตอบด้วยความจริงใจเช่นกัน ก่อนจะก้มลงไปหาโพยตรงหน้าแล้วสอนต่อ

“งั้น! ผมจะอธิบายคร่าวๆ ให้ฟังก่อน”

บรรยากาศในห้องกลับมาเป็นการเป็นงานอีกครั้ง แม้เวลาที่ชื่นจิตเดินยกเครื่องดื่มเย็นๆ มาให้ ทั้งสองก็ไม่ได้เงย

หน้าไปหาเลยด้วยซ้ำ เพราะกำลังสนใจกับงานตรงหน้า ชื่นจิตยิ้มให้ด้วยความอิ่มใจเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาการเอางานนับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาแล้ว

“โครงสร้างอุตสาหกรรมสิ่งทอก็มี อุตสาหกรรมต้นน้ำ หรือ Upstream ก็จะเป็นพวก อุตสาหกรรมเส้นด้าย ที่ผลิตจากใยธรรมชาติคือฝ้าย ขนสัตว์ไหม และจากใยสังเคราะห์ คือโพลีเอสเตอร์ ไนล่อน และอะครีลิค ต่อไปก็จะเป็นอุตสาหกรรมกลางน้ำ หรือ Middlestream ซึ่งก็ได้วัตถุดิบจากต้นน้ำนั่นเอง ก็จะเป็นพวก อุตสาหกรรมผ้าผืน บริษัทของพวกเราก็จัดอยู่ในส่วนนี้ ในอนาคตอันใกล้ บีซีเค ก็จะก้าวไปจับอุตสาหกรรมปลายน้ำ หรือ Downstream ซึ่งนั่นก็คือผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องนุ่งห่ม ไม่รู้มีคนบอกเรื่องนี้กับคุณบ้างหรือยัง”

ปวีย์หันไปถามคนที่นั่งเปิดแฟ้มแล้วใช้ปากกามาร์กหัวข้อที่เขาบอกอย่างตั้งใจ จากนั้นก็หยุดคิดนิดหนึ่ง เพื่อทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถาม ใบหน้าสวยยิ้มบางๆ ออกมาเมื่อเคยได้ยินทรงพลเปรยให้ฟังตอนมาทำงานในอาทิตย์แรก ก่อนจะตอบเขาออกไปด้วยความไม่มั่นใจนัก

“ก็มีบ้างค่ะ แล้วทำไมเราจะต้องจับงานด้านนี้เพิ่มขึ้นอีกล่ะคะ ก็ในเมื่อการทอผ้าผืนตามออร์เดอร์ของลูกค้าก็แทบจะทำไม่ทันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องหาเรื่องให้ยุ่งยากขึ้นเลย อีกอย่างระบบงานตอนนี้ก็มีปัญหาหลายเรื่องโดยเฉพาะด้านไอที ทำไมไม่แก้ไขให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ค่อยคิดทำอย่างอื่นต่อ”

ครูหนุ่มยิ้มอย่างเข้าใจในหัวอกผู้บริหารใหม่ที่มีความกังวลกับปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้หมดไป ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะไม่ใจเย็นนั่งอธิบายแบบนี้เป็นแน่ แต่นี่เห็นว่าเธอไม่รู้จึงถามออกมาอย่างคนไม่รู้ และก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องให้ความกระจ่างอย่างถ่องแท้

“ผมเข้าใจจุดนั้น แต่เรา หมายถึงพ่อคุณ ผม หรือแม้แต่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกลางน้ำรายอื่นๆ ก็คิดตรงกันว่า การที่เราจะหวังพึ่งออร์เดอร์จากลูกค้าต่างประเทศเพียงอย่างเดียวนั้น มีอัตราการเสี่ยงค่อนข้างสูง ทั้งทางด้านการลดโคว้ต้าสั่งซื้อ ด้านเงินบาทแข็งค่า หรือแม้แต่ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุทำให้อยู่ในภาวะเสี่ยงทั้งสิ้น พวกเราจึงรวมตัวกันและริเริ่มที่จะดึงเอาอุตสาหกรรมปลายน้ำมาไว้รองรับ โดยมีบริษัทผมกับอีกสามสี่บริษัทในกลุ่มเป็นต้นแบบ เรารับผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามออร์เดอร์ให้ลูกค้า และสร้างแบรนด์ของเราเองด้วย ใช้เวลาแค่ห้าปีก็เห็นลู่ทางที่สดใสรออยู่ข้างหน้าแล้ว

คุณอาสงครามจึงคิดจะทำตามโดยจะให้ผมมาเป็นที่ปรึกษาในช่วงเริ่มต้น แต่ท่านก็มาด่วนจากไปซะก่อน ทุกอย่างก็เลยชะลอเอาไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าคุณคือคนที่จะมาทำให้เรื่องนี้เดินหน้าต่อ แต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก เพราะผมอยากให้คุณเรียนรู้งานกลางน้ำให้เก่งก่อน ค่อยก้าวขั้นต่อไป”

แฟ้มหนาและหนักไม่ต่ำกว่าห้าถูกครูหนุ่มหอบไปกองไว้ในรถสปอร์ต ขณะนักเรียนสาวก็หิ้วกระเป๋าแท็ปเลสเดินตามไม่ห่าง หลังจากนั่งคร่ำเคร่งอยู่ในห้องมาทั้งวัน และห้องนอนของคุณสมควรคือจุดหมายที่จะต้องรายงานความเป็นไปตามปกติ ปวีย์จะนั่งฟังและคอยเสริมบ้างในเรื่องที่นักเรียนสาวลืมเลือนไป คุณสมควรยิ้มอย่างมีความหวัง เมื่อเห็นหลานสาวเอาการเอางานอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผมคิดว่าจะไปช่วยดูแลงานให้เป็นอาทิตย์ละสองวันดีกว่าครับคุณปู่ งานปรับปรุงระบบไอทีที่อ๋อบอกเป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน และต้องให้คนที่เคยประสบปัญหาเข้าไปช่วยถึงจะบรรลุผลตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้”

เขารีบเสนอ เมื่อหทัยชนกบอกกล่าวถึงปัญหาใหญ่ที่บริษัทเผชิญมานานนม แม้คุณสมควรซึ่งเป็นคนรุ่นเก่า เคยชินกับระบบเก่าจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไม่คิดจะคัดค้านใดๆ ด้วยรู้ดีว่าตัวเองนั้นห่างไกลวงการมานาน ควรจะวางมืออย่างสิ้นเชิง แล้วปล่อยให้ลูกหลานสานต่อและพัฒนางานต่อมีอิสระจะดีกว่า อีกทั้งเห็นว่าหลานสาวเป็นคนเลือดแรง ถ้าขืนขัดใจตอนนี้คงจะหอบเสื้อผ้ากลับบ้านเป็นแน่ ความคิดที่จะท้วงติงเหมือนที่เคยทำกับลูกชายในหลายๆ ครั้งจึงถูกพับเก็บ

“ขอบใจมากนะที่อาสาช่วยปู่ ว่าแต่พ่อวีไม่เหนื่อยแน่นะ ถึงจะอยากให้ช่วยยังไง แต่ปู่ก็เกรงใจอยู่มาก ยิ่งมาสอนเด็กไม่ได้ความอย่างหลานปู่คนนี้ด้วยแล้ว กลัวจะเบื่อก่อนน่ะสิ”

จากน้ำคำของปู่ ทำเอาคนเป็นหลานถึงกับหันไปมองด้วยท่าทีงอนนิดๆ แต่ไม่นานก็ยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าคนพูดไม่ได้จริงจังอะไรมากมายนัก ปวีย์เองก็ยิ้มด้วยความขำไม่แพ้กัน ก่อนจะรีบรับคำอย่างหนักแน่นเพื่อให้คนป่วยสบายใจขึ้น

“ไม่เหนื่อยครับ งานที่บริษัทผมลงตัวแล้วพักนี้เลยไม่ต้องทำอะไรมาก อีกอย่างทั้งคุณพ่อกับน้องๆ ก็ช่วยกันหลายคน แต่งานคุณปู่ยังไม่มีใครเป็นหัวแรงสำคัญ คุณพ่อก็เลยออกปากบอกผมเองเลยครับ ถ้าติวหนักๆ ไม่น่าจะเกินหกเดือนอ๋อก็คงจะรู้ระบบงานบ้างแล้ว ถึงตอนนั้นเราค่อยมาประเมินอีกทีครับว่าสอบผ่านหรือเปล่า”

คุณสมควรพยักหน้าน้อยๆ รับคำอย่างพึงพอใจ หทัยชนกเองก็ยอมรับในข้อนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน เพราะบอกกับตัวเองในเรื่องระยะเวลาเรียนรู้งานไว้แบบนี้ด้วย จึงได้รีบเสนอแผนงานคร่าวๆ เท่าที่รู้ และมีความเห็นชอบจากครูฝึกหนุ่มด้วยแล้ว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่

“อ๋อจะทำชาร์ตขั้นตอนการทำงานใหม่มาให้คุณปู่ดูอาทิตย์หน้าดีกว่าค่ะ คุณปู่จะได้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้น”



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:34:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:34:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 901





<< ยิ้มใสๆ กับชัยชนะที่เหนือกว่า   ผู้บริหารคนใหม่ >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 14:57:48 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account