ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: ความรู้สึกดีๆ เริ่มมีให้

ศึกน้ำลายย่อยๆ ระหว่างทั้งสองหยุดลงชั่วคราวเมื่อความหิวแล่นเข้ามาเล่นงานจนต้องก้มหน้าก้มตากินให้อิ่มท้องก่อน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งคู่ก็อิ้มตื้อไปตามๆ กันแล้ว หทัยชนกรีบวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ กลับออกมาพร้อมกาแฟเย็นสองแก้วยื่นให้เขา

“ฉันซื้อมาให้คุณด้วยเผื่ออยากได้ กินข้าวเหนียวแล้วฉันมักจะง่วงนอนเลยต้องพึ่งกาแฟ และก็มีนี่มาด้วย”

มือยกยาสีฟันกับแปลงให้ดู ขณะเข้าไปนั่งในรถ นั่นดูเหมือนจะถูกใจเขาเป็นที่สุด ก่อนเข้าไปหาผู้จัดการในออฟฟิศ ทั้งคู่จึงแยกย้ายเข้าห้องน้ำจัดการกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะตามมาหลังเปิบปลาร้าที่กลิ่นแรงไม่อยอก

ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งคู่ก็ตามผู้จัดการเข้าไปดูไลน์การผลิตในโรงงานที่ร้อนและมีเสียงดังเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ปวีย์สังเกตเห็นว่าผู้บริหารสาวมีท่าทีเอาจริงเอาจังกับการเรียนรู้งานโดยไม่ต้องตักเตือนอะไรเลย การให้เกียรติพนักงานที่ฐานะด้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า

‘อ๋อ’

ตลอดเวลา หรือจะเรียกคุณป้าคุณน้า กับคนที่เธอเห็นว่าอยู่ในวัยอันเหมาะสมสร้างความประทับใจให้ทุกคนไม่น้อยในสายตาเขา ความมั่นใจว่าอีกไม่นานเธอจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่ดีได้คงจะไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน และในทุกแผนกที่เธอลงทุนเดินเข้าไปพบปะพนักงาน คำว่า

‘ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทให้บีซีเคกรุ๊ปด้วยดีเสมอมาค่ะ’

‘คุณปู่บอกอ๋อเสมอว่า พนักงานทุกคนเป็นกำลังสำคัญของความสำเร็จที่คุณปู่จะไม่มีวันลืม’

‘ตอนนี้อ๋อมาช่วยงานคุณปู่ ยังมีอีกหลายต่อหลายอย่างที่อ๋อจะต้องเรียนรู้ ยังไงก็อยู่ช่วยอ๋อ อยู่เป็นกำลังให้อ๋อและเป็นโอกาสให้อ๋อได้พาทุกคนก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ’

อยู่เสมอๆ และทุกครั้งหลังจากจบถ้อยคำเหล่านี้ ก็จะมีเสียงปรบมือดังขึ้นตลอดเวลา หรือบางทีพนักงานหญิงต่างก็ทยอยเดินมาขอถ่ายรูปคู่กับเจ้านายคนใหม่ด้วยท่าทีเอียงอาย แต่เมื่อเจ้านายสาวยิ้มรับและใช้สองแขนโอบพนักงานไว้ซ้ายขวา ทุกคนต่างยิ้มหน้าบานออกมาด้วยความปีติยินดี ที่เห็นเจ้านายที่พวกเขาไม่ใคร่จะได้ใกล้ชิดบ่อยครั้งนักทำตัวเป็นกันเองอย่างนี้

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเขาก็คือการเปรียบเทียบ ระหว่างหทัยชนกกับสาริยา เขาวาดภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าสาริยาจะปรับตัวให้เข้ากับพนักงานเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน จะทนแดดทนร้อน หรือเสียงอึกกะทึกคึกโครมในโรงงานได้สักกี่มากน้อย หรือแม้แต่การที่จะต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเรียนรู้งานที่ไม่เคยร่ำเรียนหรือประสบพบเห็นมาก่อน

เขาเองก็คิดไม่ออกว่าสาริยาจะทนทำไปได้สักกี่น้ำ สองพี่น้องต่างแม่คู่นี้ ดูเหมือนจะมีอะไรที่ค่อนข้างตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง คนพี่จะมีลูกเล่นหรือเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ดวงตาฉายแววฉลาดหลักแหลมทันคน ทุกย่างก้าวเป็นไปด้วยความมั่นใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส่กับผู้คนที่ได้พบเห็น ส่วนคนน้องมักจะคิดพูดหรือทำอะไรที่ตรงไปตรงมา ไม่มีการอ้อมค้อม

ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ก็บอกว่าไม่ การตัดสินใจในทุกเรื่องดูเหมือนจะทำไม่ได้ แม้แต่จะซื้อเสื้อผ้าสักชุดเพื่อนๆ ของสาริยาไม่คนใดก็คนหนึ่งที่จะต้องเป็นคนคอยให้คำปรึกษา และการพบปะผู้คนหน้าใหม่ๆ เป็นสิ่งที่สาริยาอยากจะหลีกเลี่ยงอยู่เป็นนิจ ทั้งๆ ที่พอได้คุยกับคนแปลกหน้าไม่นานก็จะคุยด้วยอย่างไม่เก้อเขินอะไรแล้ว

แต่เธอก็มักจะอิดออดทุกครั้งที่รู้ว่าจะต้องเจอกับสภาพที่แวดล้อมด้วยผู้คนไม่คุ้นเคย จนบางครั้งเขาจะต้องคอยบอกคอยสอนประหนึ่งผู้ปกครอง ดีตรงที่ว่านอนสอนง่าย บอกอะไรให้ทำอะไรก็ฟ้ง ถ้าไม่ขัดต่อความรู้สึกเอามากๆ นี่คือเหตุผลสำคัญสำหรับคนที่จะมาอยู่ในฐานะเมียของเขา

“รถคุณจอดอยู่ออฟฟิศใช่มั้ย เดี๋ยวผมจะไปส่งให้ จะได้ขับกลับบ้านแล้วค่อยไปพบคุณปู่ด้วยกัน”

สี่โมงเย็นเป็นเวลาที่การเทรนจบสิ้นลง เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ เขาก็หันไปบอกคนนั่งข้างๆ ที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับแท็ปเลส ซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นเรื่องงานล้วนๆ อดชอบใจในความเอาการเอางานของเจ้าหล่อนอยู่ไม่น้อย

“ไม่ต้องหรอก ตรงไปบ้านเลยฉันอยากไปถึงก่อนเวลามื้อเย็นคุณปู่”

แต่คะแนนชอบใจเมื่อครู่ก็อยากจะขอคืนไม่น้อย เพราะหมั่นไส้ในท่าทีไม่แยแสต่อน้ำใจที่เขาอุตส่าห์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ ส่วนหทัยชนกก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะกำลังให้ความสนใจทั้งหมดกับงานในแท็บเลส ระหว่างทางบรรยากาศในรถจึงเงียบกริบ

“ฉันจะต้องทำยังไงจึงจะสร้างฐานข้อมูลเพื่อให้แก้ปัญหาคอขวดได้”

แต่บ่อยครั้งเจ้าหล่อนก็มักจะมีคำถามเรื่องงานผุดขึ้นมาจากปากบาง เมื่ออ่านเอกสารในแท็ปเลสแล้วเกิดความสงสัยขึ้นมา ปวีย์หันไปยิ้มบางๆ ให้ ขณะชลอความเร็วของรถลง เพื่อครุ่นคิดที่จะหาคำจัดความอย่างเหมาะสมมาตอบให้คนถามเข้าใจได้โดยง่าย

“อย่างแรกเลยคุณต้องลงทุนพัฒนาระบบไอทีของบริษัทฯ ก่อน ถ้าคนของเราไม่มีความสามารถมากพอก็ต้องจ้างข้างนอกมาช่วยในเบื้องต้น วางระบบให้ดีไว้ตั้งแต่แรกเทรนคนของเราให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลภายใน่บริษัทให้อยู่ในระบบเดียวกันให้ได้ จากนั้นก็ค่อยว่าขั้นตอนต่อไป มันบอกครั้งเดียวไม่ได้หรอกคุณ ต้องลงมือทำไปด้วยเพื่อจะได้เห็นภาพ คุณจะใช้บริษัทไอทีที่ผมเคยจ้างก็ได้นะ รายนี้ความรู้แน่นมาก”

และอีกหลายความกระจ่างที่เขามีให้นั้น ทำให้หทัยชนกพึงพอใจไม่น้อย นึกขอบคุณคนเป็นปู่ไม่หายที่สรรหาคนมีความรู้รอบด้านอย่างเขามาช่วย จึงทำให้ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดไว้ ไม่ต้องไปมัวงมเข็มให้เปลืองเวลา ถึงแม้จะไม่ชอบใจที่เขาเป็นคนของสาลินีอยู่บ้างก็ตามที



“ขอบใจพ่อวีมากนะ พักนี้เลยต้องเหนื่อยกับผู้บริหารหน้าใหม่หนักหน่อย”

คุณสมควรส่งยิ้มบางๆ ให้ด้วยความขอบคุณอย่างจริงใจ หลังจากหลานสาวรายงานกิจวัตรประจำวันให้รู้อย่างคล่องแคล่วเสร็จเรียบร้อยแล้ว พยาบาลกำลังยกถาดอาหารเดินเข้ามาในห้อง นั่นเป็นสัญญาณให้คนทั้งสองต้องถอยออกมาได้เป็นอย่างดี แต่จู่ๆ คุณอัญชลีก็เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ตามติดด้วยสาลินีที่แสดงสีหน้าของคนเป็นกังวลให้เห็นอย่างไม่อยากเย็นนัก หทัยชนกรู้ดีว่านั่นคือการเฟคของแม่เมียน้อยพ่อ

“อย่าเพิ่งไปไหนนะแม่อ๋อ ฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย ได้ข่าวว่าพักนี้วางก้ามในบริษัทใหญ่แล้วนี่ เรื่องไหนไม่พอใจ ไม่ชอบใจก็ตัดออกฉับๆ ไม่มีการไว้หน้าไว้ตากันเลย นี่หล่อนคิดว่าหล่อนใหญ่มาจากไหนกันยะ ถึงได้กล้าทำแบบนี้ หล่อนลืมกำพืดตัวเองไปแล้วเหรอ ว่าหล่อนก็มาจากสลัมดีๆ นี่เอง อย่าได้คิดมาตีตัวเสมอคนอย่างฉันนะ”

ทุกคนงวยงงกับคำด่าทอเสียดสีของคุณอัญชลีไปตามๆ กัน โดยเฉพาะคุณสมควร ส่วนหทัยชนกนั้นรู้ดีว่าผู้เป็นย่ากำลังหมายถึงเรื่องอะไร เห็นเอกสารในมือของสาลินีที่ถือมาด้วยก็เดาออกแล้ว ปวีย์ก็ดูเหมือนจะล่วงรู้แล้วเช่นกัน และเขาก็สังเกตเห็นสายตาอันชิงชังของคุณอัญชลีที่มองมาหาหลานคนแรกประหนึ่งเกลียดมาสิบภพสิบชาติก็ไม่ปาน

“มีเรื่องอะไรกันล่ะคุณ หรือยายอ๋อไปทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจนัก ก็บอกกันมาตรงๆ มัวชักแม่น้ำทั้งห้าแบบนี้ก็ไม่ต้องรู้เรื่องกันพอดี”

คุณสมควรจึงเอ่ยเป็นเชิงปรามภรรยาที่ออกจะแสดงความเกลียดชังหลานสาวจนเกินหน้าเกินตา เกินงามไปแล้ว ซึ่งคุณสมควรไม่ชอบเอามากๆ โดยเฉพาะเวลามีคนนอกอยู่ด้วยแล้ว แม้ปวีย์จะคุ้นเคยกับคนในบ้านเป็นอย่างดี ก็ไม่ประสงค์จะให้มาเห็นความแตกแยกของคนในครอบครัวแบบนี้เลย แต่มีหรือที่คุณอัญชลีจะแยแสต่อสายตาติติงของสามี จึงหันไปร่ายยาวเพื่อเอาเรื่องหลานนอกทำเนียบให้ได้

“ก็แม่อ๋อน่ะสิ ไม่ยอมเซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินให้แม่สา อุตส่าห์ทำเอกสารไปเบิกตามระเบียบอย่างดิบดี กลับถูกแม่นี่โยนทิ้งใส่หน้าอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร คุณพี่มัวแต่ให้ท้ายมัน สันดารวัวลืมตีนถึงได้ติดตัวมันมาไงล่ะ แม่สาส่งเอกสารให้คุณพ่อดูซิ จะได้สั่งให้แม่หลานคนโปรดลงนามอนุมัติให้สักที”

คุณสมควรรับเอกสารมาอ่านอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปหาหลานสาวที่ยืนตีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่เดือดร้อนอะไร แล้วเอ่ยถามเหตุผลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยังผลให้คุณอัญชลียิ้มเยาะเย้ยออกมาด้วยความชอบใจ ส่วนสาลินีนั้นแม้จะมีอาการไม่แพ้แม่สามีแต่ก็ยังคงตีหน้าเรียบเฉยพร้อมอาการนอบน้อมอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ระเบียบก็มีอยู่แล้วนี่คะคุณปู่ว่าใครจะใช้จ่ายเรื่องส่วนตัว ก็ไม่ควรจะเอาเข้าไปรวมกับค่าใช้จ่ายของบริษัท อ๋อก็เลยไม่ได้อนุมัติ แต่เว้นไว้ให้คุณปู่เป็นคนตัดสินใจเอง หรือถ้าคุณปู่จะตำหนิอ๋อในเรื่องนี้ อ๋อก็คงจะทำตัวไม่ถูกหรอกค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำตามระบบบริษัทหรือระเบียบบ้านดี และถ้าเกิดอ๋ออยากได้รถประจำตำแหน่งบ้าง อ๋อก็สั่งจ่ายเช็คบริษัทซื้อให้ตัวเองสักสองสามคันได้สิคะ อีกอย่างอ๋อก็รู้ว่าคุณน้ามีเงินเก็บอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะ กับอีแค่ค่าประกันรถสปอร์ตลูกชายสุดโปรดเพียงแค่นี้ ทำไมไม่ยอมลงทุนควักมาจ่ายเองบ้าง แม่ของอ๋อยังเลี้ยงอ๋อโดยไม่ได้เบียดเบียนเงินคุณปู่แม้แต่สตางค์แดงเดียวมาตั้งยี่สิบกว่าปีเลยนี่คะ”

แต่แทนที่หลานจะเกรงกลัวในท่าทีของปู่ กลับยืนอย่างมั่นคงและกวาดตามองคนในห้องอย่างมั่นใจ ก่อนจะอธิบายด้วยถ้อยคำประชดประชันที่ทุกคนในห้องต่างเถียงไม่ออกไปตามๆ กัน แต่คุณอัญชลีก็หัวไวสวนกลับหลานสาวได้ทันท่วงที

“ก็แม่ของหล่อนมันแรดมันร่านเองใครจะไปช่วยได้ ว่าแต่หล่อนเถอะคงไม่คิดจะเจริญรอยตามแม่หล่อนหรอกนะยะ หรือว่าเป็นไปก่อนหน้าจะมาอยู่บ้านฉันแล้ว เลือดแม่ยิ่งแรงๆ อยู่ด้วย”

“เอาล่ะๆ พอกันได้แล้ว”

คุณสมควรเห็นว่าเรื่องกำลังจะลุกลามใหญ่โต จึงรีบห้ามทัพและถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะก้มลงไปมองเอกสารในมืออีกครั้ง แล้วหันไปหาสาลินีด้วยแววตาปราณี

“ต่อไปถ้าแม่สาจะต้องจ่ายของพวกนี้มาเอาที่พ่อก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องทำให้ระบบเสีย ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญทุกคนตามสบายเถอะ คนป่วยอย่างฉันจะได้กินข้าวกินหยุกยาแล้วพักผ่อน”

ทุกคนต่างหันหน้าออกไปหาประตูยกเว้นคุณอัญชลีเพียงผู้เดียวที่วันนี้สามีทำถูกอกถูกใจ จึงอยากจะอยู่ป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นการให้รางวัลบ้าง

“พ่อวี” คนถูกเรียกหันกลับมาด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเคย

“เดี๋ยวช่วยจัดการหารถให้แม่อ๋อสักคันนะ เป็นเงินเท่าไหร่ก็มาเอาที่ปู่”

“คุณพี่!!!”

คุณอัญชลีถึงกับอุทานออกมาอย่างหัวเสีย และความคิดที่ชื่นชมสามีเมื่อครู่ก็แทบจะเลือนหายไป โดยมีความเจ็บช้ำน้ำใจเข้ามาสิงสู่แทน แต่คุณสมควรไม่สนเมื่อคิดว่าถูกต้องที่สุดแล้ว

“หมดเรื่องแล้วกลับไปพักผ่อนกันเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คุณพยาบาลวันนี้มีอะไรกินบ้าง ยกมาได้เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด”

คุณสมควรจึงไม่ได้หันไปหาเมียที่ยืนหน้าบึ้งใส่ด้วยซ้ำ นอกจากสนใจกับสำรับอาหารที่พยาบาลยกไปวางบนโต๊ะ จึงไม่มีโอกาสได้เห็นหลานสาวคนแรกของท่านยิ้มเยาะเย้ยคนเป็นย่าอย่างไม่ปิดบังใครๆ สาลินีให้เจ็บแค้นใจไม่น้อยเมื่อคิ้วโก่งที่วาดไว้อย่างสวยงามของหนามชีวิตยักขึ้นสองสามครั้งตามติดด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปมองหน้าปวีย์เพื่อบอกให้รู้ว่าเอือมระอาเต็มที ปวีย์เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จึงได้แต่รีบก้าวฉับๆ ลงบันไดแล้วไหว้ลาสาลินีเพื่อหนีกลับบ้านโดยไม่คิดจะรอสาริยาเช่นทุกวัน เพราะทั้งกายและใจกับแม่สาวปากกล้าเต็มที

“พี่วีขา! จะกลับเลยเหรอคะ ยารีบแทบตายกลัวจะมาไม่ทันพี่วีค่ะ ไม่อยู่กินข้าวกับยาเหรอ ยาอุตส่าห์ไม่กินอะไรมาจากข้างนอกนะคะ แล้ววันนี้ไปทำงานถึงไหนบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่าคะพี่วี”

แต่เขาก็เดินยังไม่ถึงรถด้วยซ้ำ รถของสาริยาก็แล่นเข้ามาจอดเทียบด้วยความเร็ว และรีบลงมาทักทายเขาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน หทัยชนกยืนมองรถพีระแล่นตามมาติดๆ ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความจั๊กกะจี้หัวใจในท่าทางของน้องต่างแม่ที่ออดอ้อนแฟนอย่างโจ่งแจ้ง

“รอพี่นานมั้ยอ๋อ ขอโทษทีประชุมเสร็จช้าไปหน่อย”

พีระลงจากรถมาได้ก็รีบออกตัว หลังกลับจากอยุทธยาแล้ว ก็ถูกเรียกตัวไปประชุมด่วน จึงส่งให้วีนาไปเอารถที่ออฟฟิศขับกลับบ้านก่อน ส่วนตัวเองอาสามารับหทัยชนกเอง แล้วจะตามไปสมทบที่บ้าน เจ้าของผมดังโงะหันไปยิ้มหวานให้สารวัตรหนุ่มอย่างไม่เคยมีมาก่อน แถมเข้าไปกอดแขนหมับก่อนจะหันไปยิ้มอย่างล้อเลียนใส่สาริยาที่มองมาหา แล้วจึงหันไปทำตาหวานฉ่ำให้พีระก่อนเอ่ย

“พี่ระขา อ๋อเพิ่งจะลงมาเองค่ะ ว่าแต่เราจะไปกันได้หรือยังคะพี่ระขา อ๋อหิวจะแย่อยู่แล้วค่ะพี่ระขา”

สิ้นคำก็รั้งแขนสารวัตรหนุ่มเดินอ้อมรถไปอีกด้านเพื่อให้เขาเปิดประตูให้ ซึ่งพีระก็ทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะไม่เข้าใจในการกระทำของน้องสาวแฟนก็ตามที กระจกฝั่งผู้โดยสารถูกลดระดับลง แล้วหทัยชนกก็ชโงกหน้าออกมายิ้มหวานให้สองหนุ่มสาวที่ยังคงยืนมองอย่างไม่วางตาอยู่

“คุณวีขา! อย่าลืมเรื่องที่คุณปู่สั่งให้หารถนะคะ เอาแบบแพงๆ ด้วยนะคะคุณวีขา”

กระจกเลื่อนขึ้นโดยเร็วรถก็แล่นออกไปโดยเร็วไม่แพ้กัน เลยไม่ทันจะได้ยินคำด่าทอของสาริยาที่มีให้พี่ต่างแม่ด้วยความเกลียดชัง ประหนึ่งไม่ได้สืบสายเลือดร่วมกันมาเอาเสียเลย

“แม่นั่นทำอะไรของเค้าคะพี่วี นับวันยายิ่งจะเกลียดขี้หน้าขึ้นทุกวันๆ แล้ว ไม่รู้คุณพ่อมีมันเป็นลูกได้ยังไง ต่ำ ไม่มีมารยาท ไม่มีการศึกษา ไม่รู้จักกาละเทศะ แล้วเมื่อกี้มันพูดถึงรถอะไรคะพี่วี หรือว่าคุณปู่จะซื้อรถให้มัน”

“เห็นท่านบอกมาอย่างนี้นะยา อืม! เอาไว้เราค่อยโทรคุยกันตอนกลางคืนนะ วันนี้พี่ขอไม่กินข้าวเย็นด้วย อยากกลับบ้านก่อน เหนื่อยมากลุยโรงงานมาทั้งวัน เหงื่อท่วมตัวเหม็นไปหมดแล้ว หรือว่ายาจะไปกินข้าวที่บ้านแทน เอามั้ย”

“อืม! ไม่ดีกว่าค่ะ ยาไม่อยากไปกวนพี่วี พรุ่งนี้เราค่อยไปดูหนังด้วยกันดีกว่านะคะ”

ถ้าไม่ติดว่าอยากรู้เรื่องรถให้มากกว่านี้ สาริยาก็คงจะไม่ปฏิเสธคำชวนของแฟนหนุ่มเป็นแน่ แต่เมื่อมีเรื่องค้างคาใจอยากจะได้คำตอบจากแม่ จึงจำเป็นจะต้องต้องปล่อยเขาไปก่อน



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:50:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:50:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 871





<< มารยาหญิงเป็นสิ่งที่ชายไม่ควรมองข้าม   แผนยังคงคว้าน้ำเหลว >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:00:25 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account