ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: แผนยังคงคว้าน้ำเหลว

“เหลือแม่คนเดียวอาศัยอยู่กับลูกสาวคนเล็ก พ่อตายหลายปีแล้ว คนแถวนั้นบอกว่านายพันเคยกลับบ้านเมื่อสองปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย พี่ไม่อยากเข้าไปถามจากปากแม่นายพันตรงๆ กลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เลยทิ้งเบอร์ไว้กับพ่อค้าที่ให้ข้อมูลมานี่ล่ะ ว่าถ้าเจอนายพันเมื่อไหร่ให้แจ้งมาด่วนจะมีรางวัลให้”

พีระเล่าสรุปคร่าวๆ ให้ทุกคนฟังขณะนั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน วีนารีบเล่าเสริมด้วยความตื่นเต้นกับการตามล่าหาคนสวนปริศนา เพราะไม่เคยผ่านงานที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขำเมื่นเห็นอาการของคนเล่า

“กว่าจะตามหาบ้านนายพันเจอก็ค่ำมืด พี่ระก็พาพี่ไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่ตั้งดึกดื่น มืดก็มืด หิวก็หิว ยุ่งก็กัด แล้วยังทิ้งพี่ไว้ข้างทางคนเดียวด้วยนะ บอกว่าจะเข้าไปหาเบาะแสกับคนเก็บขยะหรือไม่ก็พวกขี้ยาหน่อย ไอ้เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทิ้งเราไว้ด้วย อยากจะตามไปก็สั่งเราเสียงแข็งว่าห้ามก้าวไปไหน แถมให้พี่ถือปืนไว้ด้วยนะ บอกถ้ามีใครเข้ามาทำมิดีมิร้ายให้ยิงปืนขึ้นฟ้าทันที พี่ล่ะกั๊วกลัว”

“งั้นคราวหน้าพี่อี๋ไม่ต้องไปกับพี่ระก็ได้ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาป้ากับลุงเอาอ๋อตายแน่”

หทัยชนกรีบเสนอ พลอยทำให้ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยไปตามๆ กัน ยกเว้นวีนาที่ทำตาโตเป็นเชิงไม่เชื่อฟัง

“เรื่องอะไรล่ะ คิดอีกทีมันก็สนุกไปอีกแบบ มีแฟนตำรวจมันก็ต้องเรียนรู้เรื่องงานเอาไว้บ้าง เผื่อแต่งกันแล้วแอบไปมีกิ๊กมีกั๊กพี่จะได้เอาวิธีตามหาคนมาไว้ตามหาบ้าง ทีนี้ถ้าเจอจังๆ แม่จะยิงให้แหลกทั้งคู่เลย” แค่นั้นเสียงฮาก็ดังออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เอ่อ! จริงสิแม่ อ๋อว่าจะถามหลายครั้งแล้วก็ลืมทุกที ตอนที่เราอยู่บ้านคุณปู่น่ะ แม่สนิทกับคนใช้ในบ้านคนไหนบ้าง ยกเว้นนังดวงกับนายพันนะ อ๋อว่าจะลองไปสืบๆ จากทางนี้ดูหน่อย เผื่อจะได้เบาะแสอะไรมาบ้าง”

หทัยชนกคิดขึ้นได้จึงหันไปหาผู้แม่ที่นั่งฟังพีระเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจไม่แพ้กัน

“ป้าพวงยังเป็นแม่ครัวอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะลูก รายนี้เป็นคนเก่าคนแก่ อยู่มาตั้งแต่พ่ออ๋อเป็นเด็กๆ และก็ดูเหมือนจะเป็นคนตรงไปตรงมาที่สุด แต่นั่นก็เมื่อยี่สิบปีที่แล้วนะ ตอนนี้แม่ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนหรือมีใครทำให้เปลี่ยนไปบ้างหรือยัง แกชอบคนนอบน้อมมีสัมมาคาระวะ ใครอ่อนเข้าหามีข้าวของติดไม้ติดมือไปด้วยก็จะเข้าได้ง่าย อ๋อลองใช้วิธีนี้ดูสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับป้านิ่งจะไปหาซื้อของฝากแกเอาไว้ให้”



เย็นวันจันทร์หลังจากหทัยชนกจบการรายงานประจำวันกับคนเป็นปู่รู้แล้ว ครัวจึงเป็นจุดหมายที่สองสาวพากันตรงไปพร้อมของฝากสำหรับพวงหลายถุง โชคเข้าข้างไม่น้อยเมื่อแม่ครัวใหญ่เพิ่งจะเสร็จจากการจัดอาหารเย็นให้เด็กรับใช้ยกไปเสิร์ฟบนตึก และดวงซึ่งเป็นคนรับใช้ประจำตัวของสาลินีก็ไปยืนเสนอหน้าคอยรับใช้เจ้านายอยู่ในห้องอาหารตามปกติ จึงหมดโอกาสที่จะได้คาบข่าวการมาของหทัยชนกให้เจ้านายได้รับรู้

“ขอบคุณนะคะคุณอ๋ออุตส่าห์ซื้อของมาฝากคนแก่ มาอยู่บ้านตั้งนานแล้ว ก็ไม่ได้เจอหน้ากันสักที ป้าก็ไม่กล้าจะไปหากลัวจะรบกวนเวลาคุณอ๋อเห็นกลับบ้านมาก็หอบงานมาทำด้วยทุกวัน ดูสิโตเป็นสาวแล้วยิ่งเหมือนคุณผู้ชายเข้าไปทุกวันนะคะ ป้าคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าคุณอ๋อแล้วซะอีก ดีใจที่สุดค่ะที่คุณอ๋อกลับมาช่วยงานคุณท่าน ตอนนี้ก็ไม่มีใครอีกแล้ว หรือที่มีก็ไม่เอาไหนเลยล่ะค่ะ”

ดูเหมือนคำแนะนำของแม่จะเข้าเค้าแล้ว เมื่อพวงเบาเสียงลงแล้วหันซ้ายแลขวาขณะเอ่ยประหนึ่งกลัวใครจะได้ยินก็ไม่ปาน หทัยชนกหันไปหาวีนาแล้วต่างส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย และเพื่อสร้างสัมพันอันดีงามกับพวงในวันแรกที่ได้มาเจอกัน สองสาวจึงตัดสินใจร่วมกินมื้อเย็นอยู่หลังครัวด้วย นายมากคนสวนกับสุดใจเด็กรับใช้ที่เป็นแฟนของมากก็ตามมาร่วมวงด้วย เมื่อหทัยชนกเอ่ยปากชวนอย่างไม่ถือตัวใดๆ และยังแบ่งของฝากให้คนทั้งสองเอากลับไปกินที่ห้องหลายถุง

“ถ้าวันไหนคุณอ๋อเตรียมมื้อเย็นไม่ทันหรืออยากจะกินฝีมือป้าอีก ก็โทรมาบอกล่วงหน้านะคะ รับรองว่าป้าจะเป็นคนยกไปเสิร์ฟให้ถึงเรือนเลยล่ะค่ะ หรือถ้าบ้านสกปรกจะให้นังสุดใจไปทำความสะอาดก็บอกนะคะ จะได้ไม่ต้องกลับมาทำกันเองสองคน ลำพังงานที่บริษัทก็หนักและเหนื่อยจะแย่แล้ว ให้พวกเราช่วยดีกว่าค่ะ”

ความที่อยู่บ้านนี้มานานนม รู้ว่าใครเป็นยังไงทำให้พวงพอจะล่วงรู้ถึงปัญหาว่าทำไมคุณหนูอ๋อถึงไม่ยอมรับอาหารจากครัวไปกิน หรือแม้แต่ปิดบ้านไว้ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ แต่พวงก็ฉลาดมากพอที่จะไม่เอ่ยอะไรออกมาตอนนี้ พอๆ กับหทัยชนกที่ไม่คิดจะล้วงลูกจากพวงหรือคนในบ้านเพียงแค่วันแรกที่เข้ามาตีสนิทด้วยอย่างแน่นอน ทุกอย่างต้องใช้เวลาและความใจเย็นเข้าช่วยจึงจะได้ผล

ดังนั้นทั้งขนมนมเนย หรือแม่แต่ข้าวของเครื่องใช้สำหรับพวง สุดใจ มาก หรือแม้แต่ลูกสาวตัวน้อยๆ ของสองคนนี้ หทัยชนกก็มักจะหมั่นสรรหาเอามาฝากบ่อยครั้งขึ้น และเรื่องนี้ก็ไม่อาจรอดหูรอดตาดวงไปได้ จึงคาบเอาทุกอย่างที่รู้ไปบอกให้สาลินีฟังอย่างละเอียด และแน่นอนว่าเป็นลางร้ายที่กำลังก่อตัวขึ้นอยู่เงียบๆในความคิดของสาลินี

“นังนี่มันร้ายเงียบ หัวแข็ง แถมไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ไม่เหมือนแม่มัน เราจะจัดการมันไม่ได้ง่ายๆ หรอก”

ดวงรู้เบื้องหลังของคุณหนูสาที่ตัวเองอยู่ด้วยมาหลายสิบปีแทบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความสัมพันที่มีกับพันเท่านั้นที่สาลินีจะปกปิดไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูผู้แม่ได้อย่างเด็ดขาด ใช่ว่าแม่จะห่วงในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของลูกแต่อย่างใด หากแม่คงจะตำหนิติเตียนหรือขัดขวางแน่ที่รู้ว่าลูกสมสู่กับคนสวน แทนที่จะเป็นเศรษฐีเงินหนาสักคน แต่ป่วยการจะมานั่งบอกแม่ว่าบางครั้งเงินก็ให้ความสุขลูกคนนี้ไม่ได้เท่าเรื่องบนเตียงและต้องจากนายพันผู้แข็งแกร่งเท่านั้น หรือตราบใดที่ยังหาคนที่มีลีลาร้อนแรงเท่าได้

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ นังอ๋อมันตีสนิทคนใช้ในบ้านได้ทุกคนแล้ว ถ้าเกิดมันสืบดีๆ ก็อาจจะรู้ว่าเรื่องวันนั้นเป็นฝีมือของเราก็ได้นะคะ”

ดวงเป็นกังวลแทนเจ้านายไม่น้อย เพราะรักและผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น อีกทั้งสาลินีก็เลี้ยงคนเป็น คือมีอะไรก็จะทุ่มเทให้อย่างไม่เสียดาย เพื่อซื้อใจคนใกล้ชิดให้จงรักภักดีต่อตัวอย่างจริงใจ ครอบครัวของดวงจึงได้อยู่อย่างสุขสบายจากน้ำเงินที่ดวงส่งกลับไปจุนเจือทั้งที่ได้จากเงินเดือนหรือเงินพิเศษเป็นรางวัลหลายครั้งสำหรับงานที่นอกเหนือจากการรับใช้นั่นเอง

“แล้วตอนนี้แกคิดเหรอว่ามันไม่รู้ เพียงแต่มันยังหาหลักฐานมาเล่นงานเราไม่ได้เท่านั้นล่ะ แกก็อย่าเผลอปากพร่อยไปบอกใครเชียว ไม่งั้นได้เข้าไปนอนในคุกกินข้าวแดงแน่ๆ แล้วอย่าลืมคอยจับตาดูนังพวงให้ดีนะ นังนี่ปากมันร้ายและฉลาด ฉันว่ามันต้องรู้อะไรมากกว่าที่เราคิดแน่ๆ แต่มันยังไม่บอกใครเท่านั้นเอง หรืออีกอย่างก็ยังไม่มีใครมาถาม มันถึงได้ปิดปากเงียบเชียบมาจนถึงทุกวันนี้ จับตาดูมันให้ดีแล้วรีบมารายงานฉันนะ”

สาลินีกระซิบกระซาบสั่งลูกน้องอยู่บนห้องนอนด้วยสีหน้าตึงเครียดอย่างไม่เคยมีมาก่อน เสียงรถที่ไม่คุ้นหูแล่นเข้ามาในบ้านหลายคันทำให้สาลินีต้องลุกไปดูตรงหน้าต่าง ก็เห็นเมอร์ซิเดสเบซน์ป้ายแดงจอดอยู่ลานหน้าบ้าน ความอิจฉาริษยาสุมขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้ เพราะรู้ดีว่ารถคันนั้นใครจะมาเป็นเจ้าของ จึงรีบลงมาด้านล่างเพื่อดูใกล้ๆ ให้เต็มตา ก็เห็นคุณสมควรถูกพยาบาลประคองให้เดินไปนั่งในห้องรับแขกแล้ว ยิ่งทวีความบอบช้ำทางจิตใจขึ้นมาอีกที่พ่อสามีลงทุนเอาอกเอาใจหลานสาวคนโปรดจนยอมลากสังขารลงมาดูรถด้วยตัวเอง

“กำพืดสลัมๆ อย่างมัน คุณพี่ไม่น่าจะลงทุนควักกระเป๋าซื้อรถราคาแพงขนาดนี้ให้เลยนะคะ”

คุณอัญชลีอดเหน็บแนมสามีไม่ได้ และส่งสายตาไม่สบอารมณ์ไปหาปวีย์อย่างหัวเสีย ที่ไม่รู้จักกาละเทศะในเรื่องนี้ ทั้งที่จะหารถยีห้อหรือรุ่นที่ถูกกว่านี้มาให้ก็ได้ คนถูกมองดูเหมือนจะอ่านสายตาออก พอๆ กับคุณสมควรเช่นกัน แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรนอกจากจะหันไปหาพนักงานขายที่ยื่นเอกสารให้คุณสมควรดูด้วยท่าทีนอบน้อม

สาลินีจำต้องปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด เมื่อแม่สามีมองมาหา เพราะเรื่องนี้มีคนออกโรงแทนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวลงไปเล่นเองแต่อย่างใด สาริยาที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยก็เดินเข้ามาสมทบด้วยสีหน้าไม่ใคร่จะพอใจเช่นกัน หลังจากที่เห็นรถคันงามจอดอยู่ด้านนอกแล้ว จึงเดาได้อย่างไม่อย่างเย็นเช่นกันว่าเป็นรถของใคร แม้โดยเนื้อแท้แล้วเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นคนอิจฉาริษยาเฉกเช่นผู้แม่

เพราะรถหรูแถมราคาแพงกว่าคันข้างนอกหลายเท่าไว้ขับโฉบไปโฉบมาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ชื่นชมยินดีกับพี่ต่างแม่เลยสักนิดในสิ่งที่ผู้เป็นปู่หยิบยื่นให้ จึงเพียงแต่เดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ แฟนหนุ่มที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังพนักงานขายอธิบายถึงข้อดีของรถอีกรอบ หลังจากที่ได้รับรู้มาแล้วตั้งแต่ก่อนจะตัดสินใจสั่งซื้อมาให้หทัยชนก

เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด ทำให้ทุกคนในห้องรับแขกรู้ว่าเจ้าของรถมาถึงแล้ว สายตาทุกคู่จึงหันไปมองคนที่มาใหม่โดยไม่ได้นัดหมาย คุณสมควรกวักมือเรียกหลานสาวให้เข้าไปหาโดยไม่ได้เอ่ยปากอะไร คุณอัญชลียิ่งไม่ชอบใจเอามากๆ ถึงขนาดเบะปากใส่หลานอย่างไม่ปิดบังต่อสายตาใคร แต่มีหรือที่คนอย่างหทัยชนกจะสนใจ ร่างที่อยู่ในชุดทำงานเรียบหรูด้วยของแบรนด์เนมสมฐานะผู้บริหารทายาทเศรษฐีพันล้านของวงศ์สกุลเดินตรงไปหาคนเป็นปู่ แล้วคุกเข่าก้มกราบแทบตักด้วยความขอบคุณ

“หน้าบานเป็นจานเชิงเชียวนะยะหล่อน สงสัยชีวิตนี้จะไม่เคยได้นั่งรถราคาแพงๆ กับชาวบ้านชาวช่องเขาหรอก มั้ง คงจะชินแต่มอเตอร์ไซด์รับจ้างในสลัมนั่นล่ะ พอมีคนซื้อให้หน่อยเลยดีใจจนเนื้อเต้น ได้รถแล้วต่อไปจะเป็นอะไรอีกล่ะ หวังว่าคงจะไม่ใช่บ้านหลังนี้หรอกนะยะ”

ความอดทนของคุณอัญชลีสิ้นสุดลงเมื่อพนักงานขายคล้อยหลังออกจากห้องไปแล้ว จึงส่งคำพูดและท่าทางดูถูกดูแคลนหลานคนแรกอย่างเหลืออด โดยไม่สนใจว่าจะมีปวีย์ซึ่งเป็นคนนอกอยู่ด้วยหรือไม่ สองแม่ลูกออกจะสะใจในคำนี้อยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าคุณสมควรกับปวีย์ไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่กับการวางตัวของคนพูด เพราะมองไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะแสดงท่าทีอย่างนี้ออกมา รังแต่จะทำให้เสียรังวัดไปเปล่าๆ และสำหรับหทัยชนกนั้น ไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำคำเหล่านี้นัก จึงปั้นหน้ายิ้มแล้วหันไปหาผู้เป็นย่าอย่างท้าทายก่อนจะต่อปากต่อคำด้วย

“อ้าว! ก็แหงสิคะคุณย่า มีคนซื้อรถราคาตั้งหลายล้านบาทให้ทั้งที อ๋อก็ต้องยิ้มด้วยความดีใจสิคะ ถ้าขืนร้องไห้ออกมาแล้วบอกไม่อยากได้ก็แปลก หรือไม่ก็ตอแหลเต็มทีแล้วล่ะค่ะคุณย่า เอ...หรือว่าหลานสาวกับหลานชายคุณย่าร้องห่มร้องไห้เวลาได้รถราคาหลายสิบล้านมาขับเล่นโก้ๆ กันคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นอ๋อว่าลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้นแน่ๆ เลย จริงมั้ยคะคุณน้า”

คุณอัญชลีถึงกับสะอึกเมื่อถูกเถียงกลับ จนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามาว่าหลานให้เจ็บใจได้ทันท่วงทีอีกแล้ว สาลีนีเองก็พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้ฟิวขาด แต่สำหรับคนตรงไปตรงมาอย่างสาริยานั้นไม่ได้สนใจจะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีในสายตาใครแม้แต่คนรัก จึงทนไม่ได้ที่ตัวเองน้องและแม่ถูกพาดพิงโดยไม่ได้ทำอะไรผิด



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:51:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:51:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 940





<< ความรู้สึกดีๆ เริ่มมีให้   งานล้นหัวสาวมั่น >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:00:45 น.
ตาม "จิ้ม" ต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account