ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: ตลบหลังหมารอบกัด

“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกแล้วไงว่านี่เป็นเพียงการฟังความข้างเดียวจากสงครามและเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังโกรธเกลียดอิงอรด้วย โอกาสที่จะเล่าอย่างมีอคติก็ย่อมมาก พ่อถึงบอกว่ามีเพียงคนเดียวที่จะบอกความจริงได้ นั่นก็คืออิงอร แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครคิดอยากจะถามแล้วล่ะ ก็เรื่องมันนานมาแล้ว ก็ให้มันจบๆ ไป ขุดคุ้ยขึ้นมาก็ไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งนั้น

โดยเฉพาะกับกิจการของบีซีเคเอง เพราะถ้าเกิดเรื่องนี้มีผลต่อจิตใจหทัยชนกเมื่อไหร่ อาจจะพาลโกรธจนไม่ยอมมาทำงานให้ก็ได้ ทีนี้จะหาทายาทมาสานต่อกิจการได้จากไหนล่ะ หรือว่าแกจะรีบแต่งๆ กับหนูยาแล้วเข้าไปรับช่วงกันล่ะ แต่พ่อว่าคุณปู่คงยังไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง ไม่งั้นคงไม่สั่งให้ตามหาหนูอ๋อกลับมาทำงานหรอก พ่อเองก็ไม่อยากจะเร่งเร้าคุณปู่เรื่องงานแต่งหรอกนะ

กลัวจะกลายเป็นว่าเราอยากจะเข้าไปฮุบกิจการท่านจนเนื้อเต้น จะเป็นขี้ปากชาวบ้านไปเปล่าๆ นี่ถ้าคุณปู่ไม่ขอให้แกเข้าไปช่วย พ่อก็ไม่มีวันเสนอตัวเข้าไปยุ่งหรอกนะ แล้วแกล่ะว่าไง อยากจะแต่งหรือยัง แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องนี้หรอก กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่ พ่อว่ารอๆ ไปอีกหน่อยก็คงจะดี”

“ผมก็ว่างั้นล่ะครับคุณพ่อ สำหรับผมยังไงก็ได้ ให้แต่งเมื่อไหร่ก็แต่ง หรือจะให้รอก็รอไม่ว่ากันครับ”

เขาตอบเอื่อยๆ ซึ่งผู้พ่อมักจะเห็นแบบนี้บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจตรงจุดนี้มากมายนัก ในเมื่อเขาให้สิทธิ์ลูกเลือกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะแต่งหรือไม่แต่งก็ได้เขาไม่บังคับ และดูเหมือนลูกจะไม่ขัดข้องอะไร

“ต้องอย่างนี้สิไอ้ลูกชาย แล้วการเทรนไปถึงไหนแล้วล่ะ ทายาทบีซีเคเป็นยังไงบ้าง จะรุ่งเหรอร่วง”

ปฐพีรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะเห็นว่าหัวข้อการแต่งงานคงจะทำให้ลูกไม่คอยอยากจะคุยสักเท่าไหร่ แต่พ่อคงไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่พ่อเลือกหยิบยกมาคุยแทนนั้น ทำเอาเขาไม่อยากจะอ้าปากออกมาเชียวล่ะ เขาวาดภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าพ่อจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าลูกชายอย่างเขาจะทำเรื่องห่ามๆ ด้วยการอาจหาญไปจูบผู้เป็นทายาทเข้าให้แล้วถึงสองครั้งสองครา

“ก็เห็นขยันดีนี่ครับ แต่ดื้อรั้น ปากเก่ง อวดเก่ง ถือดี อวดดีไปหน่อยเท่านั้น” เขาจึงเลือกตอบแบบง่ายๆ แต่ได้ใจความเท่านั้น ทำเอาผู้พ่อยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอกไม่น้อย

“แต่แกก็เอาอยู่ใช่ไหมล่ะ บอกแล้วว่าส่งครูถูกคนไปกำราบนักเรียนดื้อๆ ว่าแต่อย่าทำงานจนลืมพักบ้างล่ะ เดี๋ยวจะเกิดอาการเอ๋อกินเหมือนวันนี้นะ ว่าแล้วก็ขึ้นบ้านนอนเถอะ ป่านนี้แม่แกบ่นหาพ่อแย่แล้วล่ะมั้ง”

ผู้พ่อรีบลุกขึ้นทันที ยังผลให้ลูกก็พลอยลุกตามไปด้วย เพราะเห็นว่าตัวเองควรจะนอนพักด้วยเหมือนกัน จะได้ไม่เกิดอาการอย่างพ่อว่าอีก



“พี่อี๋จ๊ะ จะไปกันหรือยังเดี๋ยวจะไม่ทันนัดนะ”

หทัยชนกรีบเปิดประตูห้องออกมาหาพี่ทันทีเมื่อถึงเวลาอันสมควร ชื่นจิตทำหน้างงนิดๆ ที่วันนี้เจ้านายกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง สองพี่น้องหันไปมองห้องทำงานของสาลินีที่วันทั้งวันถูกปิดเงียบเพราะเจ้าตัวไม่มาทำงาน รอยยิ้มอย่างรู้ทันปรากฏบนสองใบหน้าสวยก่อนจะจูงมือกันเดินออกประตูออฟฟิศ

เมอร์ซิเดชเบนซ์ของหทัยชนกขับเข้าไปจอดแทบจะพร้อมกับรถของสาลินี สองพี่น้องหันไปมองกันแล้วออกไปยืนด้วยท่าทีปกติ แถมพูดคุยหยอกเย้ากันอยู่ตรงประตูรถขณะช่วยกันหอบหิ้วของไปถือไว้คนละสองสามชิ้น สาลินีค่อยๆ เปิดประตูออกมาแล้วจ้องมองสองคนคุยกันกระหนุงกระหนิงด้วยใบหน้าเหยียดยิ้มอย่างชิงชัง

“พี่อี๋เร็วๆ เข้า อ๋ออยากกินห่อหมกที่อร่อยที่สุดในโลกของป้าพวงจะแย่แล้ว ถ้าอยากชิมด้วยก็จงเปลี่ยนใจไม่ออกไปกินข้าวของนอกกับพี่ระซะดีๆ ไม่งั้นอ๋อไม่แบ่งไว้ให้แน่นอน”

หทัยชนกไม่ได้หันไปมองสาลินีหลังจากเอ่ยประโยคนี้จบ เพราะมัวแสดงท่าทีรีบร้อนที่จะได้ลิ้มลองของอร่อยๆ อย่างใจจดจ่อ จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในบ้านผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งหทัยชนกอยู่ในชุดสบายๆ ส่วนวีนาเป็นชุดที่จะเตรียมไปข้างนอก ประตูบ้านไม่ได้ล็อกเมื่อสองสาวเดินออกไปหาพวงในครัว ก็เห็นกำลังวุ่นอยู่กับซึ้งห่อหมกกับแกงอีกหม้อ

“ป้าพวงจ๋าห่อหมกของอ๋อใกล้เสร็จหรือยังคะ”

หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเปิดฝาซึ้งออกดูทำท่าทางสูดดมกลิ่นหอม พวงยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นคุณหนูอ๋อออกอาการอยากจะชิมอาหารฝีมือตัวเองเต็มทีจึงรีบบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ยังค่ะคุณอ๋อ แต่ใกล้แล้ว วันนี้มีต้มจืดสามกษัตริย์กับผัดผักหวานน้ำมันหอยด้วยนะคะ คุณอ๋อจะทานบนตึกหรือจะให้ยกไปที่บ้านล่ะคะ”

เจ้าของดวงหน้าสวยหันไปมองพี่สาวที่ยืนพิงประตูครัวอยู่แล้วยักคิ้วให้น้องเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่รู้กันแค่สองคน มือบางเรียวจึงเอื้อมไปหามืออวบอูมของพวงแล้วกำแน่นก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังกว่าปกติ

“เอาไปให้ที่บ้านอ๋อดีกว่าค่ะ กินเสร็จแล้วอ๋อจะทำงานเลย แต่ไม่ต้องตักเผื่อพี่อี๋กับพี่ระนะคะ สองคนนี้จะไปกินข้าวนอกบ้านโดยทิ้งให้อ๋ออยู่คนเดียวค่ะ ถ้าอาหารยังไม่เสร็จอ๋อจะออกไปซื้อของหน้าปากซอยแป๊ปนะคะป้าพวง อ๋อไม่ได้ล็อกประตูบ้านไว้ ให้สุดใจยกไปวางไว้ที่โต๊ะเลยก็ได้ ก่อนออกอย่าลืมบอกสุดใจล็อกประตูบ้านไว้เหมือนเดิมนะคะ เดี๋ยวอ๋อกลับมาค่ะ”

สิ้นคำทั้งสองก็ออกจากครัวโดยไม่ได้สนใจหันไปมองดวงที่ยืนหลบอยู่มุมนอกห้องครัวเลย สาลินีที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่หน้าต่างบนห้องนอนยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นหทัยชนกเข้าไปนั่งในรถอีกคัน ส่วนวีนาไปนั่งรถที่สาลินีจำได้ว่าเป็นของตำรวจหนุ่มคนนั้น แล้วไม่นานรถทั้งสองคันก็ขับไล่หลังกันออกไป ประจวบเหมาะกับที่ดวงโทรเข้ามาหาเจ้านายพอดี

“คุณหนูคะมันไปแล้วค่ะ แต่อีกหน่อยนังอ๋อมันคงจะกลับมาเพราะบอกว่าไปซื้อของปากซอยนี่เอง ประตูบ้านเล็กมันบอกป้าพวงว่าไม่ได้ล็อก ดวงจะไปแอบอยู่ในนั้นรอให้นังสุดใจมันยกสำรับไปเองค่ะ”

“ดีมาก! จัดการเสร็จแล้วอย่าลืมนะก่อนออกมาแกต้องไปดึงกลอนประตูหลังครัวออกไว้แต่ห้ามเปิดประตูนะเดี๋ยวมันจะผิดสังเกตแล้วก็รีบทำด้วย ระวังตัวดีๆ นะดวง จำไว้ถ้ามันจับได้ยังไงก็อย่าให้เรื่องมาถึงฉัน ที่เหลือฉันจะจัดการเอง ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่ทิ้งแกแน่ไม่ต้องกลัว จำไว้ว่าฉันจะไม่ทิ้งแกและคนในครอบครัวของแกเด็ดขาด”

สาลินีสั่งเสียคนรู้ใจด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะวางสายไป แล้วรีบเดินไปยืนอยู่หน้าต่าง แหวกม่านออกเล็กน้อยก็เห็นดวงออกจากตัวตึกวิ่งไปทางโรงรถเพื่อจะลัดเลาะไปบ้านเล็ก แทนการเดินไปทางครัวซึ่งใกล้กว่า แต่คนใช้ในบ้านจะต้องเห็น สาลินีจึงกำชับให้ใช้ทางนี้

หัวใจดวงเต้นตุบตับๆ เพราะรีบวิ่งมา เมื่อเข้าไปในบ้านน้อยได้สิ่งแรกที่ทำคือดึงกลอนประตูหลังบ้านออกไว้ก่อน แล้วก็รีบวิ่งไปหลบอยู่ซอกข้างตู้เย็นเมื่อเห็นจากหน้าต่างว่าสุดใจยกถาดสำรับมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร แล้วก็รีบออกไปโดยเร็วตามคำสั่งของพวงและไม่ลืมที่จะล็อกประตูไว้ให้ดังเดิมด้วย

ดวงไม่รอช้าเมื่อเห็นว่าสุดใจไปไกลพอสมควรแล้ว จึงรีบวิ่งออกไปหาสำรับแล้วเทยาในขวดใส่อาหารทุกจาน ไม่เว้นแม้กระทั่งโถข้าว ขวดยาในมือถูกยัดเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วดวงก็รีบตรงไปหาประตูโดยเร็ว แต่เมื่อเปิดออกดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกออกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเจ้าของบ้านยืนประจันหน้าอยู่ก่อนแล้ว ประตูหลังจึงเป็นทางออกใหม่ที่ดวงมองเห็น

“จะไปไหนนังตัวดี มานี่” หทัยชนกรีบวิ่งไปกระชากผมดวงแล้วดึงอย่างแรงจนหงายหลัง

“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะอีบ้ามึงมาจับกูไว้ทำไม”

วินาทีนี้ดวงรู้แน่แล้วว่าคงไม่รอด เพราะเชื่อว่าศัตรูคงไม่ไว้หน้าซ้ำสอง จึงใช้ถ้อยคำที่ใจอยากใช้มานานแล้ว

“ปล่อยแกเหรอ ฉันปล่อยแน่ แต่ปล่อยให้แกเข้าไปอยู่ในคุกแทนไง มานี่คิดจะเล่นงานฉันเหรอ”

หทันชนกถลันเข้าไปหาในทันที ส่วนดวงก็ฮึดสู้สุดชีวิต การตบตีและฉุดกระชากลากถู สลับกับเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่หทัยชนกจงใจจะทำให้ทุกคนในบ้านได้ยินก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ สาลินีที่ยืนเฝ้าหน้าต่างอยู่แลเห็นรถของพีระวิ่งเข้ามาแล้วทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปยังบ้านน้อย ก็รู้ทันทีว่าดวงคงจะพลาดท่าเข้าให้แล้ว มือถือจึงกดไปหาพันทันที

“พันหนีไปก่อนดวงทำงานพลาดแล้ว”

สาลินีฉลาดมากพอที่จะรีบลบเบอร์โทรของพันกับดวงทิ้งทั้งหมด แม้ซิมที่ใช้จะเป็นซิมสำรองเฉพาะงานนี้เท่านั้นก็ตาม แล้วออกจากห้องด้วยท่าทีสงบ เพราะถึงเวลาอาหารแล้ว เมื่อลงมาด้านล่างก็เห็นลูกสาวกับแม่สามีกำลังพากันหน้าตื่น กับเสียงเอะอะโวยวายของหทัยชนก ขณะมือจิกหัวดวงมาด้วย สาลินีมองลูกน้องที่ทั้งใบหน้าและปากเปื้อนไปด้วยอาหาร น้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมาพร้อมกับเสียงโอดครวญร้องขอความช่วยเหลือ

“นี่มันอะไรกันยะหล่อน ปล่อยนังดวงเดี๋ยวนี้นะ หล่อนจะมาทำเหมือนบ้านฉันเป็นตลาดไม่ได้”

แต่มีหรือที่คนอย่างหทัยชนกจะฟัง แถมยังลากดวงขึ้นไปตามบันไดเพื่อตรงไปยังห้องคนเป็นปู่ โดยมีพีระกับวีนาคอยประคบสองข้างไว้ คุณอัญชลีกับทุกคนจึงรีบตามไป สาลินีเป็นคนสุดท้ายของขบวน แม้ในใจจะเต้นไม่เป็นส่ำแต่ก็ยังฝืนตีหน้าตายได้อย่างแนบเนียน คุณสมควรที่กำลังมองสำรับตกใจกับการเข้ามาในห้องของดวงโดยมีหลานสาวผลักแรงๆ จนล้มฟุบอยู่กับพื้น

“ดวงไม่ได้ทำอะไรค่ะคุณท่าน คุณอ๋อกล่าวหาดวง ปรักปรำดวง คุณอ๋อไม่ชอบดวงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว หาว่าดวงรักแต่คุณหนูยา คุณอ๋อเลยผูกใจเจ็บกับดวงมาโดยตลอด แล้วหาเรื่องดวงตลอดค่ะคุณท่าน”

ดวงยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง แม้คุณสมควรจะสั่งให้พูดความจริงแค่ไหนก็ตาม หทัยชนกหันไปยิ้มให้วีนากับพี่ระด้วยสีหน้าของคนมีชัยชนะ เพราะมีทั้งภาพจากกล้องที่พี่ระเพิ่งติดตั้งเสร็จเมื่อวานนี้ และอีกไม่นานอาหารที่เจ้าตัวเพิ่งจับกรอกปากดวงก็จะเริ่มออกฤทธิ์

“ดวงบอกคุณพ่อเถอะว่าเข้าไปบ้านคุณอ๋อทำไม มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนี่ ถ้าแกไม่บอกฉันจะให้คุณพ่อจัดการกับแกนะ บอกมาว่าแกทำแบบนั้นทำไม”

สาลินีรีบออกตัวเป็นครั้งที่สามนับตั้งแต่การซักถามดวงเกิดขึ้น ทุกคนในบ้านยกเว้นสามคนต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่าการกระทำของดวงในครั้งนี้นั้นไม่มีใครสั่งการอยู่เบื้องหลังแน่

“ดวงเปล่าค่ะคุณหนู ดวงถูกใส่ร้าย” แต่ดวงยังคงปากแข็งแม้ตาจะเริ่มปรือๆ และหาวหวอดแรกออกมา

“แกอย่ามาว่าหลานฉันนะนังดวง ถ้าแกยังปากแข็งไม่ยอมบอกว่าเข้าไปในบ้านหลานฉันทำไมฉันจะให้สารวัตรจับแกไปเข้าคุกให้เข็ด บอกฉันมาดีๆ”

คุณสมควรไม่คิดจะเชื่อน้ำคำของดวง แต่ก็ยังอยากให้ความยุติธรรมอยู่บ้าง อีกทั้งยังเกรงใจสะใภ้ที่ออกปากบอกมาหลายครั้งเป็นนัยให้รู้ว่าไม่ได้เข้าข้างคนของตัวเองเลย หทัยชนกเห็นว่าคนเป็นปู่ค่อนข้างลำบากใจจึงรีบเปิดเผยเรื่องคลิปทันที

“คุณปู่คะ อย่าไปคาดคั้นมันเลยค่ะ มันไม่ยอมรับหรอก แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ อ๋อมีคลิปนี่เป็นหลักฐานค่ะ และอีกไม่กี่วินาทีดวงมันก็จะหลับด้วยฤทธิ์ยาที่มันเทใส่ในอาหารแล้ว แค่นี้มันก็ดิ้นไม่หลุดแล้วล่ะค่ะ”

สาลินีหน้าถอดสีแทบจะทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ แต่ก็ใช้ความพยายามควบคุมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัวมากที่สุด สาริยาหันไปมองแม่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองดวงที่นั่งโงนเงนและไม่กี่นาทีก็นอนฟุบอยู่ตรงพื้นห้องไม่ไหวติง คลิปถูกฉายให้ทุกคนในห้องได้ดูเป็นขวัญตา คุณสมควรโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในตอนนั้น เพราะต้องรอให้ดวงฟื้นขึ้นมาก่อน



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 08:00:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 08:00:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 944





<< อดีตที่ยังคลุมเคลือ   หมาจนตรอก >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:03:47 น.
สะใจโดนย้อนศร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account