หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ ยี่สิบสอง (จบ) : ทำโทษ



แม้ดวงตะวันจะโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาสาดแสงสวยงามรับวันใหม่ แต่หญิงสาวที่นั่งอยู่คนเดียวภายในห้องก็ไม่ได้รู้สึกสดใส เพราะค่ำคืนที่ผ่าน เธอแทบไม่ได้หลับ

อย่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น... ยิ่งคิด ก็ยิ่งเจ็บใจ เธอไม่น่าประเมินเขาต่ำเกินไป น่าจะรู้ว่าต่อให้ป่วยเจียนตาย คนเจ้าเล่ห์ก็ไว้ใจไม่ได้

หากรู้สักนิดว่าคนที่นอนนิ่งยังไม่สิ้นฤทธิ์ เธอคงไม่คิดซ่อนตัวจากมาวินและมุกมาลาใต้ผ้าห่มผืนเดียว บนเตียงเดียวกับเขาเป็นแน่ เพราะหลังจากที่แขกไม่ได้รับเชิญเห็นว่าไฟในห้องปิดอยู่ ประหนึ่งว่าคนป่วยกำลังหลับสนิท ก็จากไปโดยไม่ได้เข้ามาพิสูจน์อะไร เป็นเธอที่ต้องเผชิญผลกรรมจากการตัดสินใจที่ผิดพลั้งเพียงลำพัง

ในตอนนั้น หลังจากแน่ใจว่าปลอดภัย เธอก็ขยับจะลุกขึ้น แต่แล้ววงแขนของคนที่เธอคิดว่าสลบไสล...ข้างเดียวกับที่มีผ้าพันแผล กลับตวัดขึ้นมารัดตรึงร่างบางของเธอเอาไว้ ดึงเข้าไปใกล้ จนแก้มนวลประชิดเข้ากับอกกว้างใต้เสื้อกล้าม พริบตาเดียวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยิ่งสลัด พันธนาการก็ยิ่งแนบแน่น

‘คุณชินชนะ คุณไม่ได้หลับใช่ไหม คุณปล่อยนะ’ เธอเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ พยายามใช้แขนดันตัวออกห่างจากร่างอุ่นของชายหนุ่ม แต่เขากลับตอบด้วยเสียงแหบพร่า อย่างที่เดาไม่ออกว่าละเมออยู่หรือเปล่า

‘พี่หนึ่ง...’

‘คะ? พี่หนึ่งอะไร’

‘เรียกพี่ว่าพี่หนึ่ง แล้วพี่จะปล่อย’

แม้จะเอ่ยด้วยเสียงเบาแค่ไหน แต่ลองได้อยู่ใกล้จนแทบจะกลืนเป็นกายเดียวกับเขาเช่นเธอ ไม่มีทางที่จะไม่ได้ยิน เธอเงยหน้ามองทันที แม้เพียงแสงจากดวงไฟด้านนอกที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ก็พอแล้วที่จะเห็นรอยบุ๋มตรงข้ามแก้มของคนที่หลับตาพริ้มอยู่

เกือบจะตอบว่าไม่ แต่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำได้ง่าย เธอควรตามใจเขาไปก่อนไม่ใช่เหรอ

‘พี่หนึ่ง ปล่อยรุ้งนะคะ รุ้งหายใจไม่ออก’

เธอแกล้งทำเสียงหวานออดอ้อน รับรองว่าได้ผล แต่แล้วคนเสนอกลับไม่สนองตามข้อตกลง เขายังคงรัดเกี่ยวเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม

‘ใครคือคุณคิม’

‘มาถามอะไรตอนนี้ ปล่อยก่อนสิ แล้วรุ้งจะบอก’

‘ถ้าไม่บอก ก็นอนกอดกันทั้งคืนอย่างนี้แหละ’ เขาโต้ตอบทันควันไร้เค้าคนป่วย เธอจำความหมั่นไส้ของตัวเองตอนนั้นได้ จำได้ว่าอยากเอาคืนให้สาแก่ใจ จึงแกล้งตอบออกไป

‘คุณคิมเป็นเพื่อนสนิท สนิทมาก สนิทกว่าพี่หนึ่งอีก’

‘จะยั่วพี่เหรอ’

เวลานั้นเธอแค่อยากท้าทาย จึงเชิดคาง แล้วยักคิ้วข้างเดียวให้อีกฝ่าย ลืมไปสนิทว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน เพราะอารมณ์ตัวเดียวแท้ๆ ที่เปิดโอกาสให้เขาฉวยจังหวะลงโทษเอาได้ง่ายๆ

ชายหนุ่มโน้มหน้าลงต่ำ และประกบริมฝีปากหนาของตนลงบนเรียวปากของเธออย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงผ่าน แต่ดื่มด่ำเนิ่นนานราวกับจะตักตวงความหวานให้เต็มอิ่ม เธอพยายามดีดดิ้น พักใหญ่กว่าจะเป็นอิสระ

‘คุณชินชนะ ทำไมคุณทำอย่างนี้!!!’

‘เรียกว่าคุณอีกแล้ว ต้องโดนทำโทษรู้ไหม’ อีกครั้ง ที่เขาใช้วิธีเดิมปิดปากคนโวยวาย เธอจะร้องอุทธรณ์ได้อย่างไร ในเมื่อสัมผัสหนักหน่วงจู่โจมจนหายใจแทบไม่ทัน เธอพยายามขัดขืนเต็มกำลัง แต่ความร้อนแรงแห่งสิเน่หาก็มีพลานุภาพเหลือเกิน เปลวเพลิงที่กำลังโชติช่วง คล้ายจะผลาญสัมปชัญญะของเธอให้หลอมละลาย ความเสียวซ่านจากทรวงในทำเอาหัวใจหวิวไหวจนแทบจะเรียกคืนกลับมาไม่ได้ แต่สุดท้ายสติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดก็ตักเตือน

ถ้ายอม... ก็จะแพ้ไปตลอด

ทันทีที่คิดเช่นนั้น เธอก็ตวัดมือข้างหนึ่งขึ้นไปตีบาดแผลบนไหล่ขวาของเขา แรงจนทำให้เขาถอนริมฝีปากออกเพื่อร้องโอย

‘นิสัยไม่ดี ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ คุณ...’

‘คุณเหรอ?’

‘พี่หนึ่ง... พี่หนึ่งเอาเปรียบรุ้ง ปล่อยรุ้งเดี๋ยวนี้เลยนะ’

‘ถ้ารู้ว่าพี่เอาเปรียบ ก็เอาคืนพี่สิคะ’ เขาว่า ก่อนยกมือที่อยู่ใต้ร่างขึ้นมาช้อนท้ายทอยของเธอ แล้วดันเบาๆ ให้ใบหน้าของเธอเป็นฝ่ายเคลื่อนไปหา ริมฝีปากหนารออยู่แล้ว ไม่รีรอเลยที่จะจรดซ้ำที่เก่า

ลมหายใจของเธอตกเป็นของเขาอีกเป็นครั้งสาม ช่างโง่เขลามากที่ยอมให้เขากระทำซ้ำเช่นนี้ แต่อย่างไรดี... ในวินาทีนั้น เธอพยายามแล้วจริงๆ พยายามผลักไสเท่าที่กำลังทั้งหมดจะทำได้ แต่เรี่ยวแรงก็ไม่รู้หดหายไปไหน เมื่อรสหวานล้ำลึกสัมผัสเธออย่างละมุนละไม เหมือนหัวใจล่องลอยอยู่ในภาพฝัน สวยงาม ดื่มด่ำ แต่ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อนก็แวบเข้ามา

นั่นหมายความว่า เธอพบพลังเฮือกสุดท้ายที่จะต่อกรกับอารมณ์เสน่หาที่เขาปลุกเร้าแล้ว

เธอยกเข่าขึ้นแล้วถองใส่จุดยุทธศาสตร์ของชายหนุ่ม... ไม่ได้กะเอาให้ตาย แค่ให้ตกใจจนวุ่นวายกับเธอไม่ได้อีก จากนั้นเธอก็ฉวยจังหวะที่เขาโอดครวญด้วยสีหน้าเหยเก กระโดดลงจากเตียง มองหน้าหล่อเหลาที่บิดเบี้ยว ก่อนหัวเราะใส่อย่างสะใจ

‘นี่ต่างหากวิธีเอาคืนของรุ้ง จำไว้ ก่อนจะจูบ จะกอดใคร ดูตาม้าตาเรือให้ดี ไม่งั้นเจ็บกว่านี้แน่’

คาดโทษจบก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้อง แทบจะเหาะกลับมายังห้องนอน ศีรษะถึงหมอนก็คลุมโปงหลับตาปี๋ นอนนิ่งเหมือนตายอยู่หลายนาที ก่อนจะฟุ้งซ่านกระสับกระส่ายอยู่ทั้งคืน

ไม่เชื่อใช่ไหม ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะอ่อนด้อยประสบการณ์ตรงทางด้านนี้ ก็อย่างที่ขีโรชาเพื่อนซี้ว่าไว้นั่นแหละ เธอมันดีแต่ปาก

พูดถึงปาก... สาวร่างบางที่สวมเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงผ้าลายดอกตัวโคร่ง ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบรอยที่ถูกล่วงล้ำเมื่อค่ำคืน ความเสียวซ่านวาบหวามยังติดตรึงในความรู้สึก แค่นึก ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ๆ!!! เหนือฟ้า ตั้งสติหน่อย จะว้าวุ่นหวั่นไหวอะไรนักหนา อย่าเว่อร์ให้มันมากนักเลย เสียเวลา พอทีกับการคร่ำครวญถึงจูบแรก (และสองสาม) ที่เสียไป เวลานี้เธอควรตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ โอกาสจะได้อยู่ตามลำพังในห้องพักของอิงตะวันไม่ได้ได้มาง่ายๆ อุตส่าห์ทำตัวเสนอหน้าแทบตาย กว่าคุณหนูอิงจะรำคาญและสั่งห้ามเธอออกไปไหน ดังนั้น งานนี้จึงไม่ใช่แค่หลบภัย แต่ต้องลงมือทำบางอย่างด้วย

เมื่อคืน... เธอเห็นอิงตะวันวาดบางอย่างลงในสมุด เสียงดินสอที่จรดลึกลงบนแผ่นกระดาษ ดังหนักกว่าที่เธอเคยได้ยิน เธออยากรู้ว่าเด็กสาววาดอะไร เพราะบางทีมันอาจเป็นกุญแจไขประตูหัวใจที่แน่นหนาก็เป็นได้

ศิลปะถูกถ่ายทอดจากความรู้สึกไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอถอดรหัสอารมณ์เหล่านั้นได้ เธอก็น่าจะเข้าถึงจิตใจของเป้าหมายได้ง่ายขึ้น



ขณะเดียวกัน ภายในห้องทำงานของท่านประธานอิสระฟู้ด ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ วางโทรศัพท์ในมือลง ก่อนหันไปบอกเลขาฯ ส่วนตัวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ยายอิงก่อเรื่องอีกแล้ว” แล้วเรื่องที่คนของเขาเพิ่งรายงานให้ฟัง ก็ถูกถ่ายทอดอีกครั้งให้คนสนิทได้รับรู้

“คุณชินชนะบาดเจ็บเลยเหรอคะ”

“มีแผลที่หัวไหล่ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” อิสระเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ขอบคุณที่อุตส่าห์มาจัดการเอกสารพวกนี้ให้ แล้วก็ขอโทษด้วยที่เรียกคุณมาวันเสาร์”

พราวพัชยิ้มให้เจ้านาย ดวงตาเป็นประกายบางอย่าง ก่อนจะขอตัวออกมาเงียบๆ



เพราะได้ยาขนานเอกเป็นจุมพิตแสนหวานไปถึงสามครั้ง พิษไข้ที่รุมเร้าอยู่เมื่อคืนจึงหายไปเป็นปลิดทิ้ง แม้จะยังปวดหนึบๆ บริเวณที่ฉีดยาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ชายหนุ่มร่างสูงเตะตาในเสื้อยืดสีฟ้า สกรีนโลโก้ของค่าย พาใบหน้าสดใสและหัวใจที่แช่มชื่น ออกมาต้อนรับเหล่าเด็กๆ จำนวน 80 คน จากช่วงชั้นการศึกษาที่ 2 หรือป.4-ป.6 ที่สมัครเข้ามาร่วมโครงการนี้เพราะความสนใจ ซึ่งทยอยมาลงทะเบียนตั้งแต่ยังไม่ 9 โมงเช้า ณ ลานหน้าเสาธงของโรงเรียนด้วยความกระตือรือร้น พลอยทำให้คนที่ห่างจากความสนุกสนานของการเข้าค่ายมานานกว่า 10 ปี รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย

ชินชนะรู้ว่าตัวเองไม่มีหน้าที่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังหยิบจับยกของหนักเหมือนแรงงานชายคนอื่นไม่ได้ แต่จะให้เขายืนหายใจทิ้งเฉยๆ ก็คงไร้ประโยชน์เกินไป ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มหวาน เข้าไปพูดคุยและทักทาย สร้างบรรยากาศครื้นเครงตลอดการลงทะเบียน จนตอนนี้ ที่ทุกคนมานั่งร่วมกันเพื่อฟังการปฐมนิเทศในโรงอาหาร ไม่มีใครไม่รู้จักเขา... พี่ชัยของเด็กๆ หรือนายชัยของเหล่าพี่อาสาด้วยกัน

“น้องชายเจ้านายคุณเหนือเข้ากับทุกคนได้ดีนะคะ ถ้าไม่เจ็บแขน น่าจะให้เขาเป็นพี่นำเล่นเกม เด็กๆ คงชอบ”

มุกมาลาที่สวมเสื้อยืด...เครื่องแบบเดียวกับทีมงานคนอื่นกระซิบบอกเจ้านาย หลังสังเกตพฤติกรรมของชายหนุ่มอีกคนมาตั้งแต่เช้า

“ผมเห็นด้วย แต่คงต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อน หมอบอกว่าเป็นอาทิตย์เลย”

“น่าเสียดายนะคะ” เลขาฯ สาวร่างอวบว่า ก่อนดันแว่นตาขึ้นรับกับสันจมูก ยามจับจ้องไปยังชายหนุ่มซึ่งนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเด็กๆ “ไม่รู้ทำไม มุกถึงรู้สึกว่าเขาดูต่างจากเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน”

“เพราะว่าเขาไม่ใช่เด็กนะสิ”

“คุณหนึ่งหมายความว่ายังไงคะ”

คราวนี้เป็นมาวินที่ดันแว่นขึ้นบาง สายตาเรียวบางใต้กรอบหนาฉายแววเฉียบคมอย่างที่น้อยคนนักจะเห็น

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เขาเหมือนพี่ชายเขามาก ทั้งวิธีการพูด ความมั่นใจ” มาวินว่าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะเอ่ยบางอย่างที่ติดค้างในใจ “มีอีกคนที่เหมือน... คนที่อิงพามาด้วย ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนคุณเหนือมากเหมือนกัน”

“ผู้หญิงคนนั้น? คนไหนคะ”

“คนที่มากับอิง พี่เลี้ยง... คุณยังไม่เจอเหรอ”

“รู้ว่าพาพี่เลี้ยงมา แต่ยังไม่เจอตัวเลยค่ะ เหมือนคุณเหนือเหรอคะ พี่เลี้ยงเนี่ยนะคะจะเหมือนคุณเหนือ... คุณหนึ่งคิดถึงคุณเหนือมากไปจนตาฝาดหรือเปล่า” ปากก็กระเซ้า แต่ในใจเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ “ตั้งแต่วันที่คุณเหนือโทรมาวันนั้น คุณหนึ่งก็ไม่ได้ติดต่อเธอเลยใช่ไหมคะ ถ้าคิดถึง ทำไมไม่โทรหาละคะ”

“ผมยังไม่มีเวลาเลย คุณก็เห็นว่าผมยุ่ง”

“ให้มุกโทรไปให้ไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ” แวบหนึ่งที่ได้ยิน ความยินดีก็แล่นเข้าสู่หัวใจโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่วินาทีถัดมา รอยยิ้มก็พลันสลาย “เดี๋ยวผมโทรเอง”

เหมือนถูกผลักให้ตกจากบอลลูนที่ยังไม่ทันลอยตัวด้วยซ้ำ มุกมาลาได้แต่ฝืนยิ้ม ก่อนเอ่ยกลับ

“อีกไม่กี่วันคุณเหนือก็ตามมาแล้ว... อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จังเลยนะคะ”

พูดจบก็ต้องรีบหันหน้าออกสู่ทะเลกว้าง เพื่อให้เสียงคลื่นที่ซัดสาด ร้องบอกหัวใจที่เจ็บช้ำว่า ‘ซู่ ซู่’



“ว่าไงบ้างท็อป เห็นภาพพวกนี้แล้วท็อปคิดว่ายังไง”

เหนือฟ้าในมาดสาวใช้ เลื่อนสมุด Sketch ของอิงตะวัน ไปให้ครีเอทีฟหนุ่มตรงหน้า เธอโทรศัพท์ไปเรียกเขาให้ขึ้นมา เพราะคิดว่าจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง “ท็อปเรียนมาทางศิลปะ น่าจะตีความได้ว่าภาพพวกนี้หมายความว่าไง”

“วิเคราะห์ภาพเหรอพี่”

“ใช่ พี่ดูแล้ว ส่วนใหญ่เป็นรูปผู้หญิง แต่ก็ใส่หน้ากาก ไอ้ที่ฝนดำๆ นี่ ใช่เลือดหรือเปล่า เหมือนตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเลยนะ ส่วนรูปผู้ชายก็หน้าตาเหมือนปิศาจยังไงไม่รู้ ท็อปคิดว่ายังไงบ้าง”

ทำนุทัพขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนตอบ

“ผมเคยเรียนมาเหมือนกันนะพี่ พวกจิตวิทยาทางศิลปะ แต่มันเป็นวิชาเลือก เรียนให้หน่วยกิตครบๆ ผมก็เลยจำเนื้อหาไม่ค่อยได้” ครีเอทีฟหนุ่มตอบเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นแววตาผิดหวังของอีกฝ่าย เขาจึงรีบเอ่ยต่อ “เอาเท่าที่ผมนึกออกแล้วกัน... ผมจำได้ว่า ถ้าวาดรูปตัวเองอยู่กลางกระดาษอย่างนี้ ประมาณว่า มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ส่วนดินสอที่กดหนักๆ มันน่าจะเกี่ยวกับความเคร่งเครียด หรือความกดดันในใจ พี่ดูสิ ไม่มีรอยลบเลยเห็นไหม แสดงว่าก็ต้องมั่นใจในตัวเองพอสมควร”

เหนือฟ้าพยักหน้า เพราะเมื่อคิดตาม ที่ทำนุทัพกล่าวมาก็เป็นนิสัยส่วนใหญ่ของอิงตะวันจริงๆ แต่เธออยากรู้อะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น “พี่เคยเห็นในหนัง เหมือนพอเขาดูรูปที่เด็กวาด ก็บอกได้หมดเลยว่าเด็กกำลังคิดอะไร”

“มันก็คงได้แหละพี่ถ้าเรียนมา แต่ผมว่านะ รูปที่เด็กวาดกับผู้ใหญ่วาด มันไม่เหมือนกัน เด็กๆ คิดอะไรก็วาดอย่างนั้น เป็นแพทเทินเดียวกัน คนที่ศึกษา พอดูก็เลยรู้ว่าเด็กคิดอะไรอยู่ แต่ผู้ใหญ่ พวกศิลปินดูจะใส่สัญลักษณ์ นัยยะแอบแฝง อะไรที่มันซับซ้อนกว่า จะมาตีความก็คงลำบาก เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้สิพี่เหนือ... ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้” ทำนุทัพว่าพลางดันสมุดคืนให้ เหนือฟ้าเลยต้องฝืนยิ้มกลับไป

“ไม่เป็นไรจ๊ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณท็อปมากเลยนะ” หญิงสาวว่า ก่อนนำเบาะแสชิ้นสำคัญที่เธอหวังว่าจะนำทางสู่เบื้องลึกในใจของอิงตะวันกลับไปเก็บที่เดิม “ท็อปจะกลับไปข้างล่างเลยก็ได้นะ กำลังพักกินข้าวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ พี่คงรบกวนท็อปแค่นี้แหละจ๊ะ”

ทันทีที่เอ่ยจบ เสียงประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกกระชากออกอย่างรุนแรง เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ ดีที่ลงกลอนไว้ ไม่อย่างนั้น…

“นี่!!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้” เสียงของอิงตะวันแผดดังด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่ประตูจะถูกเขย่าอีกครั้ง “จะล็อคทำไม เปิด!!!”

เหมือนพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำ ทำนุทัพและเหนือฟ้ามองหน้ากัน เวลาแห่งการเอาตัวรอดช่างมีน้อยเหลือเกิน

“ไม่ได้ยินหรือไง เปิด!!!”

“เอาไงดีพี่เหนือ”

เออีสาวหันรีหันขวาง ก่อนตัดสินใจว่าจะลองเสี่ยง เธอดันร่างสูงของชายหนุ่มไปพิงผนังข้างหนึ่งของประตู แล้วบอกเสียงเบา “พี่จะดึงความสนใจของอิงตะวันไว้ ท็อปรีบหาโอกาสหนีออกไปนะ”

ทำนุทัพพยักหน้า ทั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ก็ไม่มีโอกาสลังเลใจ เพราะเหนือฟ้าตรงไปเปิดประตูเสียแล้ว

“คุณหนู กลับมาไวจังค่ะ คิดว่าจะอยู่กินข้าวกับคนอื่น” เธอว่าเสียงใส มือจับบานไม้ข้างหนึ่งไว้เพื่อให้บังร่างของครีเอทีฟหนุ่ม “ขอโทษนะคะที่มาเปิดประตูช้า พอดีกว่า...ฉันแอบพักสายตานิดหน่อย”

อิงตะวันไม่ได้สนใจคำแก้ตัวแม้แต่น้อย เธอเดินเข้ามาด้วยใบบูดบึ้ง ก้าวเท้าตึงๆ ที่หน้าต่าง เหนือฟ้ารีบส่งสัญญาณให้คนที่ซ่อนอยู่ ก่อนตัวเองจะเดินไปใกล้คุณหนู

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ใครทำอะไรให้คุณหนูไม่พอใจ บอกฉันมาค่ะ ฉันจะไปจัดการให้”

เด็กสาวกระแทกลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ไม่อยากพูดอะไร แต่ปากก็ดันตอบออกไป “เบื่อ อยากกลับ”

“เบื่ออะไรคะ คนหรือว่าสถานที่ กิจกรรมมันไม่สนุกเหรอคะ แต่ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆ ก็ดูร่าเริงกันดี หรือว่าคุณมาวินเจ้าของโครงการนี้ขัดใจอะไรคุณหนู หรือว่าคุณชัยกวนประสาทอะไรคุณหนูอีก” เหนือฟ้าเดาสุ่มไปเรื่อยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกยามเห็นว่าทำนุทัพหนีไปได้

“น่าเบื่อทั้งหมด วุ่นวาย ฉันไม่อยากอยู่แล้ว เธอไปเก็บของด้วย”

“เก็บน่ะเก็บได้ค่ะ แต่คุณหนูบอกใครหรือยังคะ คือฉันไม่ได้หมายความว่าเราจะหนีกลับกันไม่ได้นะคะ แต่ว่าจะกลับยังไง รถก็ไม่มี จะเดินไปขึ้นรถทัวร์เหรอคะ ไกลนะคะ หรือว่าจะโทรให้รถที่บ้านมารับ แล้วคุณหนูจะตอบคุณผู้ชายว่ายังไง แต่...คุณผู้ชายอาจจะไม่ถาม เพราะกะไว้อยู่แล้วว่าคุณหนูคงกลับก่อนกำหนด แล้วอย่างนี้คุณหนูต้องไปฝึกงานที่บริษัทหรือเปล่าคะ เอ๊ะ หรือว่าจะถูกส่งไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ว้าว... ฉันจะได้ตามไปด้วยไหมเนี่ย”

แกล้งพูด แกล้งทำตื่นเต้น แล้วก็ได้ผล อิงตะวันชะงักทันที ก่อนกระแทกลมหายใจด้วยความหงุดหงิด

“ฉันจะไปวาดรูป ไม่ต้องตามมานะ” สั่งจบก็คว้าสมุดแล้วก็เตรียมจะสะบัดหน้าออกจากห้อง แต่เหนือฟ้าก็ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ

“ก่อนคุณหนูจะไปวาดรูป เราไปเยี่ยมคุณชัยกันก่อนดีไหมคะ เที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะกินอะไรหรือยัง”

“ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว นายนั่นน่ะมีคนมาดูแลแล้ว ก็ดี จะได้หมดเรื่อง” อิงตะวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย คราวนี้สามารถเดินออกจากห้องได้ เพราะคนที่เคยรั้ง กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความประหลาดใจ

เขามีคนดูแลแล้ว ใครกัน!?!





--------------------

จบตอนแล้วค้า







********

ตอนนี้พี่หนึ่งของเราเอาเปรียบรุ้งเยอะเลย

คุณ OhLaLa : รุ้งหลบแบบนี้ เข้าทางพี่หนึ่งเลยค่ะ หรือว่ารุ้งจะชอบกันนะ 555
คุณ ดังปัณณ์ : พอกหน้าขาวก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะ 5555 เป็นคนขี้ป๊อด
คุณ พันธุ์แตงกวา : รุ้งใช้วิธีนี้ เสียเปรียบเลย
คุณ Sukhumvitt66 : ขอบคุณมากๆ นะค้า
คุณ kealek : ซ่อนในใจพี่หนึ่งไง อิ้ววววว เล่นเองซะงั้น 555

ขอบพระคุณทุกท่านที่ยังติดตามกันนะคะ หวังว่าจะยังไม่เบื่ออ่านกันเสียก่อนเน้อ ^^
















ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 00:06:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 08:31:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1786





<< บทที่ ยี่สิบเอ็ด : ได้เลือด   บทที่ ยี่สิบสาม : นมถั่วเหลือง >>
sai 6 ส.ค. 2556, 06:52:44 น.
สั้นจริงๆเลยอ่ะ เลยรีบย้อนไปอ่านชื่อตอน ที่แท้แค่ทับ1 อิอิ


ภาวิน 6 ส.ค. 2556, 08:39:35 น.
โอ้ยยย ยาขนานนี้ ทำเอารุ้งระทวยหายป่วยเลยง่ะ


พันธุ์แตงกวา 6 ส.ค. 2556, 08:42:33 น.
ตามเก็บมุกไม่ทันเลย สนุกมาก คึกครื้น คึกคักเชียวนะคุณชิน
จิตรกรมาเขียนนิยายก็ดีแบบนี้นี่เอง คนอ่านจะได้ความรู้เรื้องภาพวาดไปด้วย อิอิ


ดังปัณณ์ 6 ส.ค. 2556, 09:15:06 น.
อ้าวววววววววววววววว งานเข้า 555+ คุณชินเอ๊ย ถ้าเป็นสาวๆล่ะค้างเหลืองแหงๆ


Sukhumvit66 6 ส.ค. 2556, 11:42:12 น.
อืม คุณเลขาคนนั้นเขาจะตามมาไมเนี่ย
คนอ่านกะลัง เลิฟ เลิฟ


OhLaLa 6 ส.ค. 2556, 14:11:00 น.
รุ้งหลบแบบนี้ก็เข้าทางคนเจ้าเล่ห์น่ะสิคะ สงสัยคุณมาวินจะรู้แล้วสิคะว่าทั้งรุ้งและคุณหนึ่งปลอมตัวมา


kaelek 6 ส.ค. 2556, 22:28:24 น.
ซ่อนในใจพี่หนึ่งอย่างที่ไรเตอร์บอกจริงๆ ด้วย
เอ.. อย่าบอกนะว่าคุณลขามา เรื่องเก่ายังเคลียร์ไม่ งานเข้าอีกแล้วคุณชิน สู้ๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account