บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก
เมื่อบ่วงแสนเศร้า และแสนร้ายกัดกินหัวใจของทั้งคู่ให้ระทมทุกข์ ชายหนุ่มติดอยู่ในบ่วงรักหญิงแก่หม้ายที่ตายจากไปนานแสนนาน กับหญิงสาวติดอยู่ในบ่วงแค้นของคนรักที่ต้องเสียชีวิตไป ด้วยฝีมือจากเจ้านายของผู้ชายคนนี้

มนัสวิน หนุ่มมาดทะเล้นร้อนดั่งทะเลไฟ หญิงใดยอมให้เขาบำเรอต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ร้อนแรง รัญจวน สะท้านถึงทรวงมากแค่ไหน แต่แล้วหัวใจกลับนิ่งตายสนิทไร้รัก เพราะเขาทิ้งหัวใจไปกับหญิงหม้ายที่สิ้นชีวาด้วยโรคร้าย ชายหนุ่มจึงต้องตกอยู่ในบ่วงแห่งความสิ้นหวังความรัก และไม่มีหญิงใดมาเยี่ยวรักษาหัวใจให้หายขาด



ศิรินทร์ แม่เสือสาวจอมเจ้าเล่ห์ ผู้ลึกลับ หญิงสาวผู้แสนเย็นชา แต่หัวใจกลับไม่นิ่งเฉย เมื่อมันร้อนไปด้วยไฟแค้น เป็นบ่วงแค้นที่ต้องสะสางให้คนที่เธอรักทั้งชีวิต แม้ชื่อเธออาจจะไม่ใช่ชื่อจริงก็ตาม แต่สามารถกระตุกหัวใจของเจ้าเสือทะเลไฟอย่างนายมนัสวิน จอมเขมือบผู้หญิงเป็นอาหาร ยอมศิโรราบ

เมื่อทั้งสองมาพบกันท่ามกลางบ่วงร้ายคนละดวงใจ ชายหนุ่มต้องเข้ามาขัดขวาง บ่วงแค้นของเธอ พร้อมเผลอซึมซับ จนละลายบ่วงแห่งหัวใจ ก่อเกิดเป็นบ่วงเล่ห์ที่ร้อยรัก เข้าด้วยกันอย่างไม่ทันรู้สึกตัว



บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก

“ผมไม่ได้จะเอาคุณมาเป็นแม่เสียหน่อย แต่จะเอาคุณมาเป็นเมียต่างหากล่ะ” หนุ่มจอมทะเล้นตอบอย่างระร่านหัวใจ ดวงใจน้อยของหญิงสาวที่แทนตนเองว่าอายุราวรุ่นแม่แล้ว เธอรู้ว่าเขาอ่อนกว่าเธอหลายปีอยู่หรอกนะ ทำไมถึงทำให้หัวใจของเธอที่ร้อนด้วยไฟแค้นหวั่นไหวได้ขนาดนี้ แม้เธอจะอยู่ในสภาพด้วยวัยสี่สิบห้าปีก็ตาม จู่ๆ ผู้จัดการรีสอร์ทคนใหม่แห่งรายาทิพย์จะมา พิพากษาหญิงวัยแก่อย่างเธอแบบนี้ได้อย่างไงกัน แค่เขาจับได้ว่าเธอปลอมตัวมานี่นะ

“เด็กบ้า ใครจะยอมเป็นเมียนายกันห๊ะ ปล่อยนะ!” ศิรินทร์ตะคอกกลับเสียงระรัว แถมเขายังไม่คิดจะยอมลุกออกจากเรือนร่างของเธอง่ายๆ มือไม้จอมทะเล้นก็นัวเนียเป็นพัลวัน

“ผมไม่ใช่เด็กนะ เราต่างก็ พากันเลยวัยเด็กมาแล้ว ตอนนี้เป็น...ชายหนุ่มกับสาวแก่ต่างหากล่ะ” คำพูดปนอารมณ์ร้อนชั่ววูบหวั่นไหวของมนัสวิน มันทำให้เขาอยากจะลิ้มลองเรือนร่างสาวแก่สะพรั่งคนนี้เสียจริงๆ ให้ตายเถอะ

“เป็นผู้หญิงของผมเถอะ โทษจะเบาลงนะ เจ๊รินทร์”




Tags: ซึ้งกินใจ,บ่วงรัก,บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก,เศร้าๆ,หวานละมุน

ตอน: บทที่ 1 นายวายร้ายต่อหัวใจ...

บทที่ 1 นายวายร้ายต่อหัวใจ

บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก

ช่อดอกลีลาวดี พุ่มโตวางลงหน้าหลุดศพ นาง นลันดา วรธิกาจญ์ นางสิ้นใจตายด้วยโรคร้ายเรื้อรัง ไปจากเขานานนับสิบปีกว่าแล้ว วันสุดท้ายเขาร้องไห้เสียใจ อย่างคนบ้า และจมไปกับความทุกข์แห่งหัวใจ ปิดกั้นกับของเรื่องความรัก หญิงใดแวะเวียนเข้ามาหาเขา พร้อมมอบกายให้ปรนเปรอ บำเรอ ก็แค่ความใคร่ในอารมณ์ทางเพศ ปราศจากรักเยี่ยงนี้ สำหรับเขามันก็ดีอยู่แล้ว

“ผม คิดถึงคุณ ทำไมผมไม่เคยลืมคุณได้สักทีครับ” เขาเอ่ยพูดกับหลุมฝังศพ หญิงอันเป็นที่รัก และสอนเขาให้รู้จักความรักครั้งแรก จนเจียงตาย หลงรักคนมีเจ้าของแล้ว... รักมีไม่ทางสมหวัง รักที่ไม่อาจปรารถนามาไว้ครอบครอง รักสุดหัวใจแต่ไขว้คว้าไม่ได้ หญิงหม้าย หรือ ผู้เป็นมารดาของนภิสา ภรรยาของนายใหญ่ภีระตินณ์ เขาหลงรักผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังป่วยใกล้ปิดลมหายใจ ภาพของนางมันสวยงามในดวงตาของเขาเสมอๆ

สายลมโบกพลิ้วสะบัดละลอกยามตะวัน ไต่ร่วงสู่ท้องนภา เขาถอนหายใจทิ้งตัดอารมณ์แสนโหยหา จับดวงใจ ก่อนจะก้าวออกจากสุสาน ไปอย่างเงียบสงบ

ติ๊ดๆ พลันกำลังเดินมาถึงรถสปรอต์หรูของตนเอง อารมณ์ที่คุกรุ่นในความโศกเศร้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ราวกับคนละคน

“สวัสดีคร้าบ เจ้าชาย...มีเรื่องอันใดให้กระผม รับใช้หรือขอรับ ท่าน”

“(มนัสวิน นายอยู่ที่ไหน ไปหาดสีขาวให้ฉันด่วนเลย)” เป็นครั้งแรก ที่มนัสวินได้ยินน้ำเสียงอันตื่นเต้น ร้อนรนใจของท่านชายชานินทร์ บุรุษมหาเศรษฐีล้นฟ้าแห่งเมืองริมทะเลตะวันออก

“ไปทำไมล่ะ ครับ”

“(จับเธอ อย่าเธอหนีไปไหน จนกว่าฉันจะไป บ้านหาดสีขาวนั่น)” มนัสวินแทบเอียงคอ แม้จะสนใจอยู่ไม่น้อย กับน้ำเสียงอารมณ์เสียงของท่านชาย ก่อนทำน้ำเสียงไม่เข้าใจ

“หา จับเธอ หมายถึงผู้หญิงหรือครับ”

“(ใช่)” เจอปลายสาย ตอบกลับอย่างจริงจัง มนัสวินต้องร้องว้าวเบาๆ ก่อนถามตามประสาคนหนุ่มเจ้าสำราญ

“สวยไหมครับ เจ้าชาย...หึๆ”

“(อย่ายุ่ง ของๆ ฉันนะ เจ้ามาร์ ไปทำตามที่บอก เดี๋ยวนี้ จับเธอเอาไว้ให้ได้นะ ถ้าเธอหลุดไป ฉันจะฆ่านาย)”

“อุย...โหดจัง” มนัสวินว่าจบ ก็รีบเอามือลูบศีรษะตนเอง เจอท่านชายส่งเสียงดุใส่ น่ากลัวนักล่ะ ทว่าชายหนุ่มยังคงแกล้งพูดไม่เข้าใจ ความหมายของท่านชายชานินทร์ แค่ผู้หญิงคนเดียว ก็ปล่อยให้หลุดมือ แต่แปลกมากนะ ท่านชายสนใจผู้หญิงด้วยหรือเนี่ย

“(เอ่อ...ผมมานพนะครับ คุณมาร์ ถ้าให้คุณหนูพูดต่อ มีหวัง คุณมาร์ไปไม่ทันเจอเธอแน่ๆ)”

“ครับๆ ผมก็ว่างั้น เจ้าชายอารมณ์เสียซะมัดเลย ชักอยากเห็นแม่สาวสุดหวงของเจ้าชายแล้วสิครับ”

“(โอเคครับ ผมจะบอกลักษณะของเธอให้ คุณมาร์ทราบ คุณมาร์ทำอย่างไงก็ได้ เพื่อไม่ให้เธอหนี...เอ่อ...กลับบ้านไปก่อนนะครับ ท่านชายอยากเจอเธอนั้นมากครับ)” แม้แต่คนเป็นลุงพ่อบ้านยังอธิบายให้เขาทำใจ เกือบไม่ถูกเช่นกัน แสดงว่าผู้หญิงสาวคนนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของท่านชายสินะ

“หึๆ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่า เจ้าชายสนใจ...ผู้หญิง”

“(ครับ คุณมาร์ เพิ่งจะใส่ใจเธอคนนี้ คนเดียวนี่แหละครับ)” ลุงมานพบอก พร้อมเหลือบสายตาไปมอง เจ้านายหนุ่มที่ดูจะหน้าบึ้งเจนจัด ส่วนหัวใจกำลังดิ้นพล่านอยู่แน่ๆ

“ว้าวๆ ผมยินดีช่วยเหลือก็ได้ครับ แค่จะขอร้องผม เจ้าชายยังพูดคำขอร้องไม่เป็นเอาเสียเลย” มนัสวินได้ยินเสียงท่านชายตะโกนต่อว่ากลับมาด้วย ก่อนฟังลุงพ่อบ้านอธิบาย ถึงผู้หญิงที่เขาจะต้องไปพบ...



“รถนายวายร้ายนั่น หายไปไหนแล้ว...” เสียงแม่สาวสวมใส่แว่นตาบางๆ บ่นอย่างอารมณ์เสีย เธอกำลังสะกดรอยตาม ชายหนุ่มนิสัยเลวๆ ศิรินทร์เอามือทุบแฮนด์รถกระป๋องของตนเอง ก่อนจะขับมันมาจอดเอาไว้ริมทางข้างถนน พลันสายตาคู่สวยลอดผ่านแว่นก็เห็นเป้าหมาย ขับรถหรูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ สปอร์ตส์ แล่นเร็วจี๋ตัดหน้าเธอไปดื้อๆ

“ว้ายๆ เจอแล้ว มันอยู่นั่น” กว่าเธอจะเลี้ยวรถกลับและขับตาม รถสปอตส์เร็วแรงม้าไปได้ ก็เกือบคาดสายตาเลยแหละ หญิงสาวไม่ยอมหยุดง่ายๆ เรื่องแค่นี้เธอไม่ยอมแพ้เขาหรอก อย่างไงเสียเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาอยู่เป็นใคร ถ้าอยู่กับเจ้านาย ของเขา งานนี้เธอก็ได้แก้แค้นให้ครอบครัวเสียที เจ้ารถกระป๋องของศิรินทร์แล่นได้ที่สุดแล้ว กว่าจะตามชายหนุ่มคนสารเลวได้ทันการณ์ สายตาของเธอช่างยาวไกลนัก เมื่อเห็นเป้าหมายอยู่ ณ ริมหาดสีขาวท้องทะเลสวย บรรยากาศที่นี่มันเงียบสงบมาก และเหมาะกับกระทำความชั่วของชายหนุ่มคนนั้นแน่ๆ เพียงแค่คิดแล้วก็ประจักษ์ตาเต็มๆ

“ไอ้ชั่ว มันกำลังจับผู้หญิงหรือเนี่ย” เธอพึมพำก่อนจะรีบออกจากรถตนเอง ศิรินทร์ เห็นมนัสวินโป๊ะยาสลบผู้หญิงคนนั้นกลางชายหาดริมทะเล เขาต้องพาไปทำมิดีมิร้ายแน่นอน



ซ่า! สเปรย์ เย็นชื้นถูกฉีดพ่นใส่ใบหน้าของมนต์นภาทันที ความเย็นที่ประทะทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหลับ และแล้วก็ต้องหลับไปจริงๆ แขนแกร่งของชายหนุ่มปริศนาก็รับเรือนร่างบางไว้อย่างท่วงทัน เหมือนจะรอรับสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว ก่อนจะอุ้มร่างบางขิงมนต์นภาขึ้นใส่บ่า และออกสาวเท้าเพื่อพาไปยังที่รถของตน

“ชิ! ทำไมบทบาทฉุดผู้หญิงแบบนี้ ถึงต้องเป็นนายมาร์...นายมาร์คนนี้ด้วยวะ” ชายหนุ่มบริภาษเสียงเบากับพฤติกรรมของตนเอง ตั้งแต่เริ่มกลับตัวกลับใจก็

นานมากแล้วที่ไม่ได้ทำพฤติกรรมอันล่อแหลม ในแง่ร้ายเยี่ยงนี้

“หยุดนะ นายมนัสวิน ฉันบอกให้หยุดอยู่ตรงนั้นนะ” มนัสวินแทบกรอกลูกตาไปมา โดนจับได้เข้าแล้วไง เขาลืมไปเสียสนิทเลยวางตนเองกำลังถูกสะดกรอยตามอยู่ มั่วแต่อยากเห็นผู้หญิงของท่านชายนินทร์ ว่าจะสวยสักแค่ไหน

“นี่! ฉันบอกให้หยุดเดิน นั่นนายจะพาผู้หญิงคนนั้นไปไหน จะพาไปทำอะไร ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายแน่ๆ ฉันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง...นายมนัสวิน!”

มนัสวินไม่หยุดเดินเขาดิ่งมาถึงที่รถและพาร่างบางที่ถูกทำให้สลบเข้าไปนอนที่เบาะข้างคนขับรถบีเอ็มซีรีย์ของตนเองโดยไม่สนใจเสียงหวานเจื้อยแจ้วที่พยายามขู่ฟ่อๆ พร้อมถือโทรศัพท์เตรียมกดโทรไปแจ้งความ

“สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ ช่วยด้วยค่ะ มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังฉุดผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย แถมยังโปะยาสลบยัดใส่รถไปต่อหน้าต่อตาของดิฉันเลยค่ะ” เมื่อมนัสวิน วางร่างบางผู้หญิงของท่านชายชานินทร์ แตะเบาะนั่งรถของตนได้เพียงเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องรีบวิ่งมายังหญิงสาวสวมชุดสูททำงานที่กำลังโทรแจ้งตำรวจเบลาๆ ด้วยใบหน้าสาวสีนวลเข้มแต่งหน้าจัดสวมแว่นกรอบวงรีบางๆ กำลังโทรแจ้งตำรวจดูจะจริงจังอย่างมาก เพราะเกิดมาเธอก็เพิ่งจะเคยเห็นไอ้คนโรคจิตฉุดผู้หญิงไปกระทำชำเรามิดีมิร้ายเหมือนในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ ก็วันนี้แหละ เธอได้เห็นพฤติกรรมเลวๆ กับดวงตาของเธอ

“ขอโทษครับ คุณตำรวจ พอดีเมียแก่ๆ ของผมขี้หึงไปหน่อย ไม่มีอะไรหรอกครับ” แล้วมนัสวินเข้าไปแย่งโทรศัพท์มาพูดคุยกับตำรวจก่อนจะกดสายทิ้ง พร้อมยึดโทรศัพท์ของหญิงสาวสวมแว่นวงรีไว้ได้ ด้วยมีสีหน้าท้าทายกระหยิ่มยิ้มย่อง ผิดกับสาวเจ้าของโทรศัพท์ชื่อศิรินทร์ที่ดูจะเดือดปุดๆ ประกายวายโรจน์ เพราะคำพูดของมนัสวิน

“ไอ้เลว! ใครเป็นเมียนายกัน อย่ามาพูดจาพล่อยๆ นะ”

เพี้ยะ! ฝ่ามือเล็กๆ ของเธอฟาดไปยังใบหน้ามนัสวินเต็มๆ พร้อมยื้อแย่งโทรศัพท์ของตนคืน แต่มนัสวินโยนมันทิ้งไปไกลๆ และดันไปกระแทกใส่กับหินก้อนใหญ่ๆ บริเวณตรงทางเดินของชายหาดอันไร้ผู้คนแห่งนี้พอดิบพอดี

“ไม่พูดแบบนั้น ตำรวจก็แห่มาจับผมสิ เจ๊! และเสียใจด้วยโทรศัพท์พังแล้วล่ะ” ดูมนัสวินจะไม่รู้สึกผิดใดๆ แถมยังมีแววตาที่บ่งบอกว่าเวลานี้เขาเหนือกว่าเธอแล้วนะ

“นาย! ไอ้ๆ” ศิรินทร์แทบจะสรรหาคำด่าทอไม่ทันใจเสียจริงๆ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อยิ้มยียวนกวนๆ ฝ่ายชายจึงเสนอเอ่ยแทน

“ไอ้สารเลว ไอ้ชั่วช้า ไอ้เลวทราม ไอ้โรคจิต ไอ้ชาติชั่ว ไม่ว่าเจ๊จะสรรหาคำด่าแบบไหน ผมก็เป็นคนแบบนั้นหมดแหละ” มนัสวินยอมรับเต็มประดา พร้อมรวบร่างบางเข้ามากอดอย่างกระชับหรือต้องการล็อกตัวเธอไว้ได้สำเร็จ เพราะเธอคงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ ยิ่งมาเห็นว่าเขากำลังฉุดและฉีดยาสลบใส่ผู้หญิงดวงตาสีสวยเข้าเต็มๆ ศิรินทร์คงจะพยายามช่วยเหลือแน่ๆ มนัสวินไม่มีเวลามาอธิบายหรอก แถมหญิงสาวที่ดูวัยจะอายุมากกว่า มนัสวินคนนี้ก็ไม่มีทางจะเชื่อคำพูดของแน่ๆ เพราะการกระทำของเขามันฟ้องให้เธอเต็มลูกกระตาเลยนี่นา

“ปล่อย!”

“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเจ๊คงจะทำร้ายผมแน่ๆ เพื่อต้องการจะได้เข้าช่วยผู้หญิงที่อยู่ในรถผมถูกต้องไหมครับ!”

“ใช่! เอ๊ะ” ศิรินทร์ตอบและก็ต้องร้องแปลกใจ เพราะดูเหมือนมนัสวินจะเดาความคิดเธอถูกทางเสียด้วย

“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรผู้หญิงคนนั้นนะ เจ๊นั่งไปกับผมก็ได้ ผมรับรองปลอดภัยทั้งเจ๊ และผู้หญิงคนนั้นเลยด้วย” มนัสวินเอ่ยปากบอกสัญญาด้วยความจริงใจ

“ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อนายหรอก” ศิรินทร์ไม่มีทางไว้ใจนายมนัสวินเด็ดขาด เธอเห็นเขาเป็นศัตรูตลอด

“ถ้าไม่เชื่อ ผมคงจะต้องล็อกตัวและกอดเจ๊แบบนี้ไปอีกนานเลยนะ แล้วถ้านานมากไป เกิดผมทนไม่ไหว ผมจะ...อื้มๆ” มนัสวินบอกกระซิบใกล้ๆ ยิ่งทำให้ศิรินทร์เดือดเข้าไปอีก ในใจก็กลับนึกคิดไปตามนิสัยเจ้าทะเล้นของนายมนัสวิน

“จะทำอะไรฉัน แล้วไอ้อื้มๆ มันคืออะไรของนาย ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วย” ศิรินทร์ยังไม่เข้าใจอุทานแปลกๆ ของนายมนัสวิน

“คงจะยากที่จะมีใครมาช่วยนะ เจ๊แอบตามผมมาไม่ได้สังเกตบ้างเหรอว่าที่นี่มันไม่มีผู้คนเลยน่ะ เห็นหรือเปล่าครับ” ดวงตาสีดำของศิรินทร์เบนไปมองดูทางซ้ายและทางขวาหนหนึ่ง ก่อนจะในใจว่าใช่จริงๆ ด้วย เธอแทบแปลกใจอีกครั้ง ที่นี่มันช่างเงียบสงบมากเหลือเกิน ทั้งที่มันออกจะสวยงามทะเลใสสะอาด หาดสีนวลก็ยังปราศจากสิ่งปฏิกูลขยะมูลฝอยใดๆ ด้วย มันน่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ใช่หรือไง

“หึๆ ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยหรอก เพราะที่ชายหาดนี้ จะมีแค่ผมกับเจ๊ และผู้หญิงที่อยู่ในรถของผมเท่านั้น ผมรู้ว่าเจ๊ขับรถตามหลังผมมาตลอดเลยนะ” มนัสวินบอกเพราะเขารู้ตัวว่ามีใครกำลังขับรถตามมา เมื่อฝ่ายหญิงถูกจับได้แอบตามเขามาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งๆ

“เชอะ ถ้าฉันไม่ขับรถตามมาก็คงจะไม่ได้เห็นพฤติกรรมเลวๆ ของนายนั่นสิ นายมนัสวิน” ศิรินทร์พูดถูกต้อง มนัสวินยอมรับไม่ปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น

“ครับๆ อ้อๆ ผมไม่ค่อยมีเวลามากนัก” น้ำเสียงของมนัสวินแทบดูจะธรรมดาตอนแรก แต่ประโยคต่อมากลับเอ่ยเสียงเหี้ยมตะคอกใส่จนหญิงสาวสวมตากรอบวงรีสะดุ้งตัวโหยง

“ขึ้นรถไปกับผมซะ!”

“นี่นายกำลังขู่ ฉันงั้นเรอะ” มนัสวินไม่ได้ขู่อย่างเดียว แต่กระชากลากหญิงสาวที่แอบตามเขามาทิ้งเข้าในเบาะหลังรถคันแกร่งของตน ศิรินทร์กรีดร้องลั่น หวังว่าหญิงสาวที่มนัสวินโปะยาสลบอาจจะตื่นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มีผลใดๆ เลย

“เงียบนะเจ๊ ถ้าเจ๊ยังส่งเสียงแว้ดๆ ผมจะ...”

“คิดจะทำอะไรฉัน นายมนัสวิน นายมันเลวจริงๆ นี่คิดจะฆ่าฉันปิดปากงั้นเรอะ อื้มๆ” ในที่สุดมนัสวินก็ทนเสียงแว้ดๆ ไม่ไหว มันช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ไหนจะต้องเอาผู้หญิงของเจ้าชายไปส่งให้ถึงที่หมายไวๆ ไหนจะต้องจัดการยัยเจ๊ศิรินทร์ตัวป่วนที่จ้องจะจับผิดหาทางเล่นงานเขาและยังมีแผนร้ายๆ ที่คิดจะทำลายคนสำคัญที่เขาพยายามปกป้องดูแลอีกด้วย ผู้หญิงที่ชื่อศิรินทร์คนนี้ได้เข้าวุ่นวายวนเวียนชีวิตเขามากเกินไป อย่างนี้เขาต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว ริมฝีปากหนาร้อนบดขยี้ครอบครองริมฝีปากบางจอมเถียงเก่ง ด้วยความอารมณ์ร้อนและหงุดหงิดให้หญิงสาวที่สะสมมานานกินเกือบหลายเดือน ทำให้มนัสวินต้องปิดปากเธอด้วยวิธีนี้ มันดีที่สุดและง่ายที่สุด เมื่อผู้หญิงถูกขโมยจูบอย่างจาบจ้วง อาการกรีดร้องดูวุ่นวายก็จะจบลงทันตาเห็น สองแขนบางของศิรินทร์ถูกล็อกกางออกแนบไปกับเบาะนุ่มบนรถ ไม่อาจจะขัดขืนเรี่ยวแรงของมนัสวินได้ เวลาผู้ชายโมโหหรือโกรธเกรี้ยวยิ่งมีกำลังเพิ่มเป็นทวีคูณ ปากเรียวบางแม้จะหลบเบียดหนีผลักไส ยิ่งกลายเป็นว่ากระตุ้นเชื้อเพลิงให้ร้อนรุ่มในร่างกายแทน มนัสวินดื่มด่ำลิ้มลองอย่างติดใจนัก เพราะเขาอยากจะครอบครองริมฝีปากบางอวดดีนี้มานานแล้ว ขอสักครั้งหน่อยเถอะนะ เสียงร้องห้ามเล็กๆ บอกในลำคอให้หยุดกระทำอันแสนร้ายกาจด้วยการจุมพิตอย่างไม่เต็มใจนี้

“แฮ่กๆ คะ...คนสะ...สารเลว” ศิรินทร์พูดพรวดทันที ที่ริมฝีปากหนาร้ายกาจปล่อยเธอเป็นอิสรภาพ

“หึๆ สุดท้ายปากของเจ๊ก็ยังต่อว่าผมเช่นเดิมแฮะ อยากโดนผมจูบอีกใช่ไหม ห๊า!” มนัสวินสบถคำร้อนด้วยอารมณ์เหมือนพายุสะพัดใส่ แต่ก็ไม่รอคำตอบของฝ่ายหญิงหรอก เขาเริ่มบดขยี้ริมฝีปากบางย้ำๆ ซ้ำหนักหน่วงอีกหน ศิรินทร์ทั้งดิ้นรนขัดขืน ทั้งร้องอู้อี้ในลำคอ แต่ร่างกายได้สั่นระทวยไปตั้งแต่จุมพิตแรกแล้ว

แต่มนัสวินยิ่งตอกย้ำให้เธอกลายเป็นขี้ผึ้งละลายไฟไปเลยใช่ไหม น้ำตาแทบเล็ด เมื่อไม่อาจหยุดจุมพิตแสนร้ายได้ ยิ่งลิ้นร้อนผ่าวสอดแทรกชิมความหวานในโพรงปากของเธอเนิ่นนาน ศิรินทร์ก็ยิ่งเจ็บใจตัวเองนัก ที่ปล่อยให้เขารุกรานล้ำพื้นที่ ที่อันเคยวาดฝันว่าจะมอบให้แก่คนรักเท่านั้น

“ ชะ...ช่วยด้วย” เสียงรำพึงละเมอเหมือนได้สติของหญิงสาวอีกคนที่นอนสลบเบาะข้างคนขับตุ๊กตาหน้ารถอีกตัวหนึ่งของมนัสวินกำลังจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น ทำให้มนัสวินชะงักละจูบแสนฉ่ำหวานชื่นใจออกจาก ศิรินทร์สาวแก่ที่ดูใบหน้าตอนนี้ ทั้งแดงก่ำดวงตาแดงริมฝีบางบวมเห่อเจ่อ และคงจะคิดแค้นมนัสวินดั่งชั่วชีวิต มนัสวินกลับไม่สน เขาขยับร่างของศิรินทร์ให้นั่งตรงๆ พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะเอ่ยขู่อีกครั้ง

“ระหว่างผมขับรถ อย่าคิดเล่นงานผมเด็ดขาด ไม่งั้นเจ๊ อาจจะมีเสื้อผ้ายับยู่ยี่ยิ่งกว่านี้ เข้าใจไหมครับ” ว่าจบก็ใส่สายตาลามเลียจากใบหน้าสวยละลดลงมาต้นคอและส่องล้วงลึกไปยังหน้าอกอวบอึ๋ม ที่กระดุมเสื้อหลุดไปเม็ดสองเม็ด ศิรินทร์พ่นน้ำเสียงคำด่าทอต่อ...

“ไอ้...” ก่อนที่มนัสวินจะถูกด่า เขารีบขโมยจุมพิตริมฝีปากบางอีกหนและผละออก ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีชัยเหนือหญิงสาว ศิรินทร์ต้องรีบเอามือที่เป็นอิสระทั้งสองข้างมาปิดริมฝีปากของตนเองไว้ เพื่อไม่ให้มนัสวินเข้ามาขโมยจูบอย่างจาบจ้วงอีกเป็นอันขาด จากการที่จะจัดตั้งท่าจะตบหน้าหล่อๆ ของหนุ่มวัยน้อยกว่า ก็ต้องชะงักไปโดยปริยาย

“หึๆ” มนัสวินชอบอก ชอบใจเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่มีเวลาอธิบาย ยิ่งศิรินทร์เข้ามาวีนหรือเข้าขัดขวางงานของเขาก็จะเกิดความล่าช้านัก

“ดีมาก นั่งเฉยๆ ปิดปากเอาไว้แบบนั้นแหละ และก็เป็นเพื่อนร่วมขบวนการไปกับผมชั่วคราวก่อนนะครับ” ศิรินทร์ทำตาโตใส่ในสิ่งที่ได้ยินมนัสวินพูดบอก อยากจะเอ่ยซักถามทันที แต่เมื่อเห็นนิ้วชี้ของมนัสวิน ชี้กราดมาดั่งเหมือนคำห้าม และมนัสวินยังให้มือหนาอีกข้างชี้นิ้วมาที่ริมฝีปากหนาหยักได้ส่วนของตนเอง ศิรินทร์ก็ต้องเงียบทั้งที่เอามือตนเองปิดปากตัวเองนั้นแหละ

ในที่สุดมนัสวินก็ไปประจำที่ขับรถเสียที พร้อมลอบมองมากระจกหลังดูใบหน้าของศิรินทร์อย่างไม่คราดสายตา ศิรินทร์ก็แต่ส่งสายตาโต้กลับอย่างแค้นๆ ที่บังอาจมาขโมยจูบเธอไปตั้งหลายครั้ง พอคิดน้ำตาของเธอก็แทบจะไหลออกมา

เกลียด! ในใจเธอบอกได้คำเดียวไม่มีคำพูดใดจะสรรหามาให้เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้ รถของมนัสวินแล่นจากชายหาดสีเนื้อนวลสวยสะอาด บนถนนคอนกรีดทางลาดตรงตลอดเส้นทางมาเรื่อยๆ ไม่นานก็จอดเข้ามาเทียบท่า ณ บ้านตากอากาศสีเขียวอ่อนอันร่มรื่นเย็นสบายตา และแสนแสนสงบเงียบหลังหนึ่ง อาจจะมีเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นบริเวณรอบๆ ผืนชายหาดแห่งนี้ มนัสวินรีบดิ่งออกจากรถมาทางด้านข้างคนขับอุ้มแม่สาวน้อยที่นอนสลบไสลไม่รู้เรื่องพาเข้าไปในบ้านตากอากาศดังกล่าว

“นี่นายมนัสวิน จะพาเธอไปไหนน่ะ” ศิรินทร์ร้องถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ ใจของเธอก็เริ่มร้อนรน นี่เธอจะปล่อยให้นายคนเลวนั้นทำร้ายข่มเหงรังแกผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ เธอสามารถช่วยเหลือหล่อนได้นะ มือบางของเธอถอดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วก็ผลักประตูเปิดออกแล้วดิ่งตามร่างของมนัสวินเข้าไปในบ้านตากอากาศอันแสนสงบนี้ มนัสวินเดินเร่งรีบพาร่างของหญิงสาวดวงตาสีสวย มายังห้องของเจ้าของบ้านพอวางลงเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากร้องเท้าส้นสูงดังฉับๆ ของศิรินทร์วิ่งเข้ามาหาหรือเข้ามาตามด้วย ก่อนจะเสียงดุเข้มใส่ เพราะดูเหมือนศิรินทร์จะไม่ยอมนั่งในรถเฉยๆ และแน่นอนเธอต้องแผลงฤทธิ์ใส่เขาต่อนั่นสิ

“ออกมาจากรถผมทำไมเจ๊!”

“นายคิดจะทำอะไร ผู้หญิงคนนั้น ฉันไม่ยอมให้นายทำร้ายเธอหรอกนะ” มนัสวินกลอกดวงตาไปมา แล้วก็พ่นลมหายใจแรงๆ

“ผมแค่จะพามาไว้ที่นี่เฉยๆ และพวกเราก็กลับได้แล้ว” มนัสวินไม่พูดเฉยๆ แต่กระชากข้อมือเล็กของศิรินทร์ที่เพิ่งจับได้ดึงลากออกมาด้วย พร้อมใช้มือหนาอีกข้างกดโทรศัพท์โทรออกไปหาผู้ที่ทำให้เขา ต้องตกเป็นไอ้โรคจิตข่มเหง รังแกผู้หญิง

“เจ้าชายครับ ผมเจอเธอแล้วและเอามาทิ้งไว้ที่บ้านตากอากาศนะ อ้อๆ มารับเธอไวๆ ด้วยนะ เพราะผมไม่ได้นั่งเฝ้าไว้ให้นะครับ ว่าแต่...หญิงสาวดวงตาสวยๆ ได้มาจากที่ไหนกันครับ อ้าว!” มนัสวินแทบร้องเสียงหลง เมื่อท่านชายชานินทร์วางตัดสายทิ้งไปเสียก่อน ด้านมือบางของศิรินทร์ก็พยายามแกะอุ้มมือแกร่งเหนียวยังกับกาวติดกระดาษออก

“ปล่อยนะ นายมนัสวิน นี่จะพาฉันไปไหน”

“กลับไปเอาของรถเจ๊ไง ผมหมดธุระกับเจ้าของที่นี่แล้ว” มนัสวินบอกด้วยความเซ็งอารมณ์ไม่ได้รู้เรื่องของผู้หญิงดวงตาสีสวยของท่านชายชานินทร์

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะไม่ได้ติดแหง็ก อยู่กับนาย!” พร้อมทั้งอาจจะต้องเสียจูบไปอีกแน่ๆ คิดแล้วก็เกิดหน้าแดงระเรื่อปรี๊ดขึ้นมาเอง แต่คำพูดของมนัสวินยิ่งทำให้เธอต้องหน้าแดงแจ้เข้าไปอีก

“อ้าว นี่ไม่คิดจะเป็นสโตเกอร์คอยติดตามผมแล้วเหรอเจ๊”

“บ้า ใครเป็นสโตเกอร์กันยะ ที่ฉันตามมาก็เพราะนายมันทำตัวน่าสงสัยและพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจต่างหาก และก็เป็นความจริงเสียด้วย แถมยังฉวยโอกาสจะ...”

ศิรินทร์ยังพูดไม่ทันจะจบ ร่างของเธอก็ถูกดึงเข้ามาในอ้อมอกแกร่งของมนัสวิน รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ที่เธอเดาความรู้สึกแท้จริงของเขาไม่ออกนั้น ทำให้เธอกำลังตกเป็นเหยื่อ...เพราะนายมนัสวินเข้ามาขวาง ทำให้เธอตามหา คนที่แสนโหดร้ายทำร้ายทำลายครอบครัวผู้มีพระคุณของเธอจนย่อยยับพังพินาศและตรอมใจจนตาย!

ไม่มีทางไหนเลยหรือไงที่จะสามารถจัดการกับนายมนัสวินจอมเจ้าเล่ห์คนนี้ให้ ออกไปพ้นทางของเธอสักที การล้างแค้นให้ผู้มีพระคุณจะได้จบไปเสียที

มนัสวินจ้องใบหน้านวลมนใส่แว่นวงรีบาง ดูอย่างไรก็เห็นว่าเธอนั้นมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยอย่างมาก แม้จะพยายามแต่งหน้าเข้มจัด เขาก็ไม่คิดว่าจะมีอายุเข้าถึงเลขสี่จริงๆ

“หึๆ แค่คุณตกเข้าอยู่ในอ้อมกอดของผม คุณก็หมดหนทางแล้ว คิดจะมาเล่นงานคนสำคัญของผม ก็ต้องผ่านผม นายมาร์คนนี้ให้ได้ก่อนนะครับ คุณศิรินทร์!”

“ไม่ต้องมาขู่ อีกไม่นาน นายไม่มีทางรอดแน่” ศิรินทร์ใช้แรงสุดกำลังผละออกจากอ้อมอกแกร่งของมนัสวินเพราะถ้านานไปกว่านี้ เธอเองนี้แหละอาจจะต้องมีแต่เสียกับเสียและเปลืองตัวไปมากกว่านี้ มนัสวินยอมปล่อยง่ายๆ ถอยห่างพร้อมผ่ายมือเชิญให้เลดี้ เฟิร์ส ก้าวเดินนำไปก่อน

“ผมคิดว่าผมรอดนะ เจ๊คงจะทำอะไรผมไม่ได้หรอก” มนัสวินมั่นใจตนเองอย่างมาก ทำให้ศิรินทร์ทั้งแค้น ทั้งอยากจะกรีดเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ต้องหน้าเชิดหันหลังให้ แล้วเดินจ้ำไปที่รถของนายมนัสวิน เพราะวันนี้เธอเดินเข้ามาเองและเกิดพลาดท่า แถมพลาดเสียหลายหนด้วย ขอถอยทัพก่อนแล้วกัน

ยิ่งได้เห็นนายมนัสวิน ยิ้มเยาะราวกับคนชนะ เธอก็แทบหัวใจกระตุกสั่นดั่งไฟลุกร้อน แต่ต้องอดทน อดทนรอ...เวลาเขาพลาดเมื่อไร เธอจะล้างแค้นให้สาสม ที่มัน คนนั้น ทำไว้กับครอบครัวของเธอ ‘รอก่อนนะ พี่ริน...เล็ก...จะล้างแค้นให้พี่เอง’




โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 2 หัวใจที่เกิดแรงแค้น

ปล. หุหุ นายมนัสวิน กำลังปกป้องใครอยู่ แล้วทำไมต้องเอาตนเองมาขวางทางความแค้นของนางเอก ไรเตอร์จะบอกว่า มันมีที่มา ที่ไปอยู่นิดหน่อย ฮ่าๆๆ

ปล. สอง ขออัพเปิดเรื่องนายมนัสวิน เอาไว้แค่นี้ก่อนค่ะ ยังไม่ได้อัพอย่างจริงจังแต่ประการใด ขอไปแต่งนิยายเก่าให้จบก่อนนะคะ T^Tv



Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 21:56:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 21:56:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1388





<< เกริ่นนำ...   บทที่ 2 หัวใจที่เกิดแรงแค้น... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account