ดวงใจรักรัตติกาล
ใครจะรู้ว่า โลกที่เป็นทรงกลมแบบนี้จะมีหลายเหลี่ยมหลายมุม บางมุมก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น บางมุมก็เป็นมุมที่มืดมิด ยากที่ใครจะค้นหา บางมุมก็มีหมอกควันสีเทาจนยากที่จะแแยกเเยะได้ว่า มันเป็นสำขาวหรือสีดำ โลกที่ฉันอยู่ก็เหมือนกันยากที่จะอธิบายสิ่งที่โลกของฉันมีอยู่ นี่ฉัน..ไม่ได้สร้างโลกใบใหม่หรือแยกโลกออกไปเป็นโลกส่วนตัวแแต่อย่างไร แต่จะบอกว่ามันเป็นความจริง มีแวมไพร์ในโลกนี้จริงๆ.....
Tags: แวมไพร์

ตอน: Chapter 3 : เมื่อความมืดดำเริ่มเผยตัวตน 80%

" เจ้าหนูแวมไพร์ เจ้าเตี้ยกระจ้อยร่อย บังอาจทำร้ายมนุษย์ที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วยังจะลากมาให้พวกเพื่อนของเจ้ากินอีก... "
" นายไม่รู้หรอกว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ! ! เจ้าบื่อ.. "
" น้อยๆหน่อย "
เขาเล็งปืนไปที่เด็กชายก่อนจะเหนี่ยวไกลอย่างรวดเร็วแต่ก็แพ้ความเร็วของ แวมไพร์เด็กนั่น ซวบ!!!!!
มือเล็กๆนั่นแทงเข้ามาที่บริเวณหน้าท้องของเขาก่อนจะชักออกไปอย่างรวดเร็ว เลือดสดๆไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่านไปทั้งตัว ก่อนที่เขาจะล้มลงนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น
" เจ้าฮันเตอร์อ่อนหัด! ! อย่าลืมบอกยมบาลล่ะ ว่าเจ้าตายด้วยฝีมือของ แวมไพร์เด็กตัวกระจ้อยร่อย ฮะ ฮา ฮ่า "
เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วบริเวณก่อนจะหยุดลง เมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

" น้อยๆหน่อย เจ้าแวมไพร์กระจ้อยร่อย! ! อย่าเอ็ดไป .... "
แวมไพร์เด็กหันไปมองทางต้นเสียงและเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด

ผู้ชายร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลไหม้เมื่อถูกแสงจันทร์สาดส่องมา ทำให้เขายิ่งดูน่ากลัว ชายที่นอนจมกองเลือดหมดสติไปแล้ว แวมไพร์เด็กเริ่มตั้งท่าเตรียมสู้
" เจ้าไม่รู้หรอกว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ! ! เจ้าหัวแดง.. "
" น้อยๆหน่อยเจ้าเด็กอ่อนหัด ถึงแม้ว่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อย่างเจ้าจะมีพลังมาก แต่เจ้าจะสู้กับข้าจริงๆหรอ? "
" ให้ตายข้าก็ไม่ถอยให้หรอก! "
เขาเหยียดยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่เป็นรอยยิ้มที่น่าจะแผดเผาใจของสาวๆหลายคนได้ในเวลาเดียวกัน
" คิดดีแล้วหรอ? แน่ใจนะ? หึ๊? "
ไวเท่าความคิดใบไม้ที่อยู่บนพื้นก็ลอยขึ้นและพุ่งตรงมาทางชายผู้มาใหม่ราวกับลูกศรนับร้อยนับพันที่กำลังดีใจที่จะได้กินเลือดของเขา แต่แล้วกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาขวางไว้ได้ทันท่วงที และ พริบตาเดียวกำแพงน้ำแข็งก็สลายกลายเป็นลูกศรน้ำแข็งราวหมื่นดอกพุ่งผ่านร่างทั้งร่างของแวมไพร์เด็กไป ร่างนั้นแหลกละเอียดและกลายเป็นผุยผง ก่อนที่จะตกถึงพื้นด้วยซ้ำ น้ำแข็งทั้งหมดก็สลายไป พร้อมกับชายที่ร่างสูงโปร่งพอกันเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง ไฮไลท์สีน้ำเงินเมื่อสะท้อนกับแสงจันทร์แล้วช่างงามราวกับรูปสลัก
" อย่ามากความ....ฉันรอนายจนอารมณ์เสียแล้วนะ "
น้ำเสียงเรียบๆที่เปล่งออกมาจากปากของเขาช่างขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าอารมณ์เสียซะจริงๆ เขาเดินไปหยุดข้างๆชายคนที่นอนอยู่ แล้วค่อยๆสร้างน้ำแข็งอุดปากแผลไว้ ทำให้เลือดหยุดไหลทันที เขาค่อยๆช้อนร่างของชายผู้บาดเจ็บขึ้น และ ชั่วพริบตาเดียวเขาก็หายไปราวกับหายตัว จนคนที่ยืนมองอยู่ทำหน้าเซง
" วิ่งหนีกันอีกแล้วนะ เจ้าบ้า อัครพัทธิ์ ! ! "



และชั่วเวลาไม่ถึงนาทีเขาก็พาผู้บาดเจ็บกลับมาถึงหอจันทราอย่างรีบร้อน เขาพาร่างอันหมดสติของชายผู้เป็นหัวหน้าหอพระอาทิตย์ขึ้นไปยังชั้นสองของหอจันทรา แล้วเดินอย่างรีบร้อนไปที่ห้องสุดท้ายที่อยู่ตรงฝั่งตะวันตก ในห้องนั้นมีเตียงถูกจัดไว้อย่างสวยงามเขาวางร่างสูงลงบนเตียง พร้อมกับสาวร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนหลังจากเพิ่งเดินออกจากบ้านพัก ผอ. เพราะเธอเพิ่งนำตัวเด็กผู้หญิงที่เคราะห์ร้ายไปส่งให้กับ ผอ. เพื่อดูแลเธอต่อ
" ช้าจริง โชเซ เธอเริ่มช้าเหมือนหอยทากเป็นตะคริวเเบบนี้เมื่อไหร่กัน "
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเคยแต่ภายใต้ น้ำแข็งที่นิ่งสงบนั้นดั่งมีคลื่นยักษ์กำลังเริ่มก่อตัว
" นี่เป็นประโยคที่ยาวมากที่สุดที่เธอพูดกับชั้นเลยนะ รู้ตัวมั๊ย? "
เธอพูดโดยไม่สนใจใบหน้าที่งดงามราวกับรูปสลักนั้นอีกต่อไป เธอดูแผลและประเมินความเสียหายของอวัยวะภายในก่อนจะเริ่มการรักษา
" ตับเสียหายบางส่วน แต่ปอดข้างขวานี่สิ่นี่สิ่ทะลุเลย ซี่โครง คู่ที่ 11 และ 12 ที่หักไปและกับอาการเสียเลือดมาก คิดว่าคงไม่รอดแน่ๆ "
อัครพัทธ์เดินออกไปโดยปล่อยให้เธอเป็นผู้ให้การรักษาเขา




อัครพัทธ์เดินออกมาสูดอากาศข้างหน้าหอจันทรา เขาพบว่าแปลงกุหลาบของรัตติกาลที่พยายามปลูกมันมาทั้งเทอมนั้นเริ่มจะออกดอกแล้ว แต่ยังไม่เบ่งบานเท่านั้น เขาชอบสีน้ำเงิน ชอบดอกกุหลาบสีน้ำเงิน เขาเหม่อมองไปไกลตามพื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของมหาวิทยาลัย เขามองดูแผลที่มือที่หายสนิทจนไม่เหลือร่องรอยของแผลอีกแล้ว เขารู้ดีว่าชายคนที่เขาพามาส่งนั่นจะไม่รอดแน่ๆ ระหว่างทางนั้นเขาได้กัดมือตัวเองและมอบเลือดของเขาให้กับอาทิตย์ หรือซัน ผู้เป็นน้องชายแท้ๆคนเดียวของเขา นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเขาได้ หากเขาไม่รอดจริงๆ เมื่อเขาหมดลมหายใจไปตื่นขึ้นมาเขาก็จะกลายเป็นแวมไพร์ เหมือนเช่นเขา ผู้เป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ ทำให้เขามีพลังที่เหนือแวมไพร์ทั่วไปจะมี แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์จะมีพลังที่เหนือแวมไพร์ธรรมดาและจะสามารถเดินกลางแดดได้ จริงๆแล้ว พวกมนุษย์ช่างแต่งนิยายตลกเกินจริงสำหรับแวมไพร์เสียเหลือเกิน บอกว่าโดนแแดดไม่ได้บ้างล่ะ กินกระเทียมไม่ได้ล้างล่ะ เข้าโบสถ์ไม่ได้บ้างล่ะ จริงๆแล้วก็ใช่แหละนะ แแต่นั่นมันสำหรับแวมไพร์ทั่วไปที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์อย่างพวกเรา เราสามารถเดินท่ามกลางแดดจัดๆได้ แต่ไม่เดิน เพราะว่ามันร้อน เราไม่ชอบกินกระเทียมเพราะว่ากินเข้าไปแล้วทำให้ปากเหม็นต่างหากล่ะ ส่วนแวมไพร์ต้องดื่มเลือดก็จริง แต่ผมน่ะไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์มา 210 ปีแล้วนะ ถึงแม้ผมจะอายุ 330 ปี แล้วก็เถอะ ไหนจะ ปีเตอร์ ที่ไม่ดื่มเลือดมนุษย์มา 150 ปีและ แต่หมอนั่นอายุแค่ 320 ปี น้อยกว่าฉันตั้งเยอะ โชเซก็คือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่ยอมอดเลือดมนุษย์ตั้งแต่เธออายุได้ 50 ปี ตอนนี้เธออายุปาเข้าไป จะ 340 ปีแล้ว แต่ท่านอาเธอร์นี่สิ่ อดเลือดมนุษย์มานานแค่ไหนแล้วนะ ดีแค่ไหนเชียวที่เราสองพี่น้องได้เจอกับพวกท่านเมื่อสามร้อยปีก่อน ใช่แล้วล่ะ งั้นตอนนี้น้องชายของฉันก็ อายุ 329 ปีแล้วสิ่นะ ...................




" พี่พัทธ์ ผมไม่อยากเป็น ว วะ วะ แวมไพร์ "
เสียงสะอื้นของ อาทิตย์ผู้เป็นน้องชายของเขาร่ำไห้และมองใบหน้าอันงดงามราวรูปสลักของอัครพัทธ์ สีหน้าของผู้เป็นพี่ฉายเเววเจ็บปวด เมื่อทั้งชีวิตของเขามีเพียงน้องชายเท่านั้น ต่อจากนี้ไปเขาจะมีอายุยืนยาว ไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่ผู้เป็นน้องสุดที่รักของเขากลับมีชีวิตที่แสนสั้น แล้วแบบนี้การอมตะของเขาจะมีความหมายอันใด
" เพียงเจ้ายอมดื่มเลือดพี่แค่เพียงสักอึกเดียว พลังมหาศาลของเจ้าก็จะก่อกำเนิด แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ดีหรือ "
" จะดีได้อย่างไรเล่าหากดำรงชีวิตของตนอยู่บนชีวิตของผู้อื่น "
ผู้เป็นน้องบัดนี้อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น เขามองผู้เป็นพี่อย่างหวาดกลัว เเววตาสีเลือดเเวววาว เขี้ยวขาวๆ และผิวสีซีดนั่น
" เจ้ากลัวกลัวข้าหรอ....... "
" การเป็นแวมไพร์เลือดบรสุทธิ์แบบพี่ไม่เจ็บหรอกนะ "
อัครพัทธ์รู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยว พวกเราเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ นั่นก็หมายความว่าเราเกิดมาพร้อมกับการเป็นแวมไพร์โดยกำเนิด ไม่เหมือนแวมไพร์ทั่วๆไปที่ต้องถูกกัดก่อนแล้วถึงจะเป็นแวมไพร์ได้ หรือบางคนที่ถูกกัดแล้วไม่เป็นแวมไพร์ก็มี แล้วแต่การกัดของแวมไพร์แแต่ะตน
" ผมน่ะ อยากเป็นมนุษย์ครับ พี่จะปกป้องผมในฐานะมนุษย์ได้หรือไม่ "
เขาพยักหน้าเชิงตอบผู้เป็นน้องชาย พี่จะปกป้องนายตลอดไปเลยแหละ อยู่กับพี่นะ อย่าทิ้งพี่ไว้คนเดียวนะ...ซัน
*****************
" ก กะ กะ แก เป็นใคร บังอาจมากที่จะมาทำร้ายน้องข้า ! ! "
น้ำเสียงที่ถูกพยายามรักษาให้คงความปกติแต่กลับสั่นเครือไปด้วยความโกรธ สายตาจ้องมองไปที่แวมไพร์เฒ่าที่เกือบกัดคอน้องชายของเขาเมื่อกี๊ แต่เขาดึงร่างน้องชายออกมาได้ทัน เขาพาน้องชายเดินออกไปข้างหลัง
" นั่งอยู่ตรงนี้นะ เด๋วพี่มา.. "
ผู้เป็นน้องชายนั่งลงที่พื้นอย่างว่าง่าย เขาเดินไปข้างหน้าฉับพลันน้ำปริมาณมหาศาลก็โผล่มาจากใต้พื้นดิน พร้อมกับค่อยๆแข็งตัวเป็นรูปสลักกริฟฟินที่สวยงามเกินกว่าจะเป็นประติมากรรมน้ำแข็งได้ กริฟฟินนั้นก็คือสิงโตมีปีกนั่นเอง แต่มันต่างจากรูปสลักนำแข็งตรงที่มันเคลื่อนไหวได้ และ ก็เคลื่อนไหวได้เร็วในระดับที่น่าเหลือเชื่ออีกด้วย น่าเหลือเชื่อที่อายุเพียงน้อยนิดของเขาแต่กลับมีพลังมหาศาลเกินวัย เพียงไม่ถึงห้านาที กริฟฟินน้ำแข็งก็ถูกพังทลายลงด้วยหอกยาว และ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว หอกนั้นก็ยืดออกยาวจนเกือบเจาะทะลุหน้าผากของเขา ถ้าเขาไม่กระโดดหลบซะก่อน
" แน่ใจแล้วหรอ ที่หลบน่ะ "
เสียงอันเย้ยหยันบวกกับรอยแสยะยิ้มที่แสนจะน่ารังเกียจทำให้เขานึกได้ นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง ไม่นะ หอกนั่น ไม่ได้จะทำร้ายเขาแต่พุ่งตรงไปทางน้องชายเขาต่างหาก
" ซันนนนน !!! "
ผู้เป็นน้องชายจะวิ่งหนีก็ไม่ทันเลยหลับตาปี๋ ด้วยความกลัว กึก! หอกที่ยืดออกนั้นหยุดนิ่งด้วยฝีมือของเด็กชายที่อายุน่าจะรุ่นคราวเดียวกับ อธิพัทธ์ ผู้เป็นพี่ หรืออาจจะแก่กว่าสักปีสองปี ผู้เป็นน้องลืมตา และพบว่าเขาถูกช่วยไว้โดยเด็กคนที่ดูสง่างามทุกท่วงท่า
" หยุดปลายหอกของฉันด้วยนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียว อื้ม..นับถือๆ "
แวมไพร์เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ และ ใบหน้าอันเหี่ยวย่นนั่นก็ต้องเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกตะลึง เมื่อปลายหอกสลายเป็นผุยผงและเริ่มสลายไปเรื่อยๆจนถึงด้ามหอก สลายไปจนถึงมือจับ และการสลายตัวเริ่มลามไปที่มือของเขา และในไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างของแวมไพร์เฒ่าก็สลายไปจนหมด สองพี่น้องอึ้งกับพลังของเด็กชายผู้มาใหม่
" นั่น นายทำได้ยังไงกันน่ะ "
" ทุกสิ่งที่ฉันสัมผัสจะเริ่มสลายไปรวมไปถึงสิ่งที่กำลังสัมผัสสิ่งนั้นอยู่ด้วย "
ผู้เป็นพี่ทำหน้าสงสัย และเริ่มถาม..
" งั้นครั้งต่อไปนายก้จะเสียเปรียบล่ะสิ่ ถ้านายไม่สามารถสัมผัสสิ่งๆนั้นได้น่ะ "
แทนคำตอบ ลังไม้ที่อยู่ถัดไปจากเขาและทุกสิ่งรอบๆตัวของอัครพัทธ์ก็สลายไปเป็นวงกว้าง
หมอนี่.... ไม่สัมผัสก็ทำลายสิ่งๆนั้นได้หรอเนี่ย
" ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าไม่สัมผัสแล้วจะใช้พลังไม่ได้ เพียงแต่ตอนที่ไม่ได้สัมผัสน่ะพลังมันกระจายและสร้างความเสียหาย
มากกว่าตอนที่ฉันสัมผัส การสัมผัสสิ่งนั้นโดยตรงจึงเป็นวิธีการลดพลังที่ดีที่สุดของฉัน "
มีแต่คนพยายามหาทางเพิ่มพลังของตัวเองแต่หมอนี่กลับหาวิธีลดพลังของตัวเองซะงั้น แปลกคนจริง
" อัครพัทธ์ เรียกเราว่าพัท อย่างเดียวก็ได้ "
" มากับฉันเถอะ มาเป็นผู้ช่วยให้ฉัน.... นายด้วยนะ เจ้าน้องชายของพัท "
" อาทิตย์ ฮะ เรียกผมว่า ซัน จะขอบคุณมาก "
เด็กชายหันหลังและเดินนำหน้าไป พัทมองตามก่อนจะถามว่า
" ชื่อนายล่ะ?? "
เด็กชายที่เดินนำไปตอบโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองว่า
" อาเธอร์ บาโธรี วินเซิร์ด เดอ รอเรส มิดเดิร์นฟอร์ด.... "
โหว นี่ชื่อหรือโพยหวยเนี่ย ยาวเป็นหางว่าวเลย คงเป็นตระกูลเก่าแก่สิ่นะ ดูจากชื่อกลางรวมตระกูลไว้มากมาย
" นี่เดี๋ยวสิ่ รอพวกเราด้วย "
ว่าแล้วสองเด็กชายก็วิ่งตามไปอย่างเร่งฝีเท้าเต็มที่ อย่างน้อยคนที่สองในชีวิตของเขาก็ยังมีผู้ที่สามารถช่วยชีวิตน้องชายเขาไว้ได้อีกคน เขาผู้นั้นคือ อาเธอร์ บาโธรี วินเซิร์ด เดอ รอเรส มิดเดิร์นฟอร์ด....ผู้นั้นนั่นเอง




กุหลาบสีน้ำเงิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 12:54:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 23:26:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 926





<< chapter 2 : สู่ไนท์คลาส ที่เต็มไปด้วยปริศนา 100%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account