ดวงใจรักรัตติกาล
ใครจะรู้ว่า โลกที่เป็นทรงกลมแบบนี้จะมีหลายเหลี่ยมหลายมุม บางมุมก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น บางมุมก็เป็นมุมที่มืดมิด ยากที่ใครจะค้นหา บางมุมก็มีหมอกควันสีเทาจนยากที่จะแแยกเเยะได้ว่า มันเป็นสำขาวหรือสีดำ โลกที่ฉันอยู่ก็เหมือนกันยากที่จะอธิบายสิ่งที่โลกของฉันมีอยู่ นี่ฉัน..ไม่ได้สร้างโลกใบใหม่หรือแยกโลกออกไปเป็นโลกส่วนตัวแแต่อย่างไร แต่จะบอกว่ามันเป็นความจริง มีแวมไพร์ในโลกนี้จริงๆ.....
Tags: แวมไพร์

ตอน: chapter 2 : สู่ไนท์คลาส ที่เต็มไปด้วยปริศนา 100%

หน้าหอจันทรา รติ เดินผ่านแปลงกุหลาบอย่างชื่นชม ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลา 22.00 น. แล้วก็ตาม แต่ หน้าหอจันทราก็สว่างรำไร ด้วยคบเพลิงที่ถูกจุดไว้ในระยะห่างๆกัน ตอนนี้พวกไนท์คลาสคงจะเรียนกันแล้วงั้นขอเดินสำรวจรอบๆก่อนแล้วกัน......
นี่เรารู้สึกไปเองรึเปล่าเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเลยแหะ ..... รติหันไปมองรอบๆ ต้นไม้น้อยใหญ่ เรียงแถวสลับซับซ้อนยังกะป่า
" เหมือนมีคนจ้องใช่มั๊ย? "
เฮือก !!!!!!!!!! OoO
ส สะ สะ สะ เสียงนี้ที่เหมือนเคยได้ยินอยู่ทุกวัน รัตติกาลหันขวับไปทางต้นเสียงทันที แต่ปรากฏแต่เพียงความว่างเปล่า ไม่น่ะ เราได้ยินจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีที่มาของเสียงจริงๆแล้วจึงหันกลับมา โป๊ก !!!
" โอ๊ยยยยยยย ! "
สาวน้อยกุมหัวอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าบูดบึ้งด้วยอารมณ์ เคืองเล็กๆ กับอะไรแข็งที่ชนเมื่อกี้ เธอคลายมือออกจากหน้าผากแล้วเงยหน้ามองที่มาของความเจ็บ ร่างสูง ราวๆ 188 ซม.ของชายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอยืนอยู่พร้อมกับถือหมวกกันน็อคไว้ระดับอก ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกันระดับหน้าผากของเธอ หน็อย เจ้าหมอนี่หนิ ไม่รู้รึไงว่าฉันเจ็บบบบบบ....
" ฮะฮ่าฮ่า อยากให้เธอเห็นสภาพหน้าของเธอตอนนี้จังโรตี "
เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ของผู้แกล้ง บ่งบอกระดับความอารมณ์ดีเมื่อได้แกล้งคนที่อยู่ตรงหน้าเพียงใด
" อัยบ้าซัน.. ไม่รู้หรอว่ามันเจ็บอ่ะ !!! "
" รู้ไง ถึงแกล้ง ฮ่ะฮ่าฮ่า "
คนตัวเตี้ยเเค่ 165 อย่างรติได้แต่เจ็บใจที่เธอไม่สามารถเขกกบาลเจ้าคนตัวสูงนี่ได้ เลยยกขาเตะเข้าไปที่แข้งของเขาเต็มเปา
" โอ๊ยยยยยยย ! มันเจ็บนะรู้มั๊ย ยัยบื่อ "
" รู้ไง ถึงเตะอ่ะ ฮ่ะฮ่าฮ่า "
พูดแล้วก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี จำไว้ หัวเราะทีหลังดังกว่าเฟ้ยยยย



ผมยืนมองเธอเดินจากไปในเวลาแบบนี้ นักเรียนเดย์คลาสอย่างผมคงต้องไปนอนแล้ว ยิ่งมีตำแหน่งหัวหน้าหอพระอาทิตย์พ่วงท้ายอีก จะทำผิดกฏไม่ได้เด็ดขาด แแต่ว่า ทำไม ผมถึงต้องเป็นห่วงเธอด้วยนะ ยัยบื่อที่ดันเอาหัวมาเขกหมวกกันน็อคเมื่แกี้นี้ ยัยนี่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆได้รึเปล่าน้า ผมจะตามไปดีมั๊ย หรือกลับไปนอนเเล้วทำเรื่องขอย้ายหอดี หรือ เราควรจะคุยกับท่าน ผอ. ตัวต่อตัวเลยดีมั๊ย แล้วที่สำคัญ ผมจะมายืนคิดฟุ้งซ่านเเบบนี้ทำไมกันนะ .... สู้ๆนะ ยัยบื่อ



อื้มมมม รัตติกาลสูดหายใจแรงๆกับสายลมเย็นที่พัดเข้ามาประทะใบหน้า เดินตรวจการตอนกลางวันกับกลางคืนไม่เหมือนกันเลยแหะ กลางวันแดดร้อน ลมก็หอบความร้อนมาด้วย ส่วนตอนกลางคืน อากาศเย็นสบาย เธอเดินไปทางตะวันตกของตึกเรื่อยๆ เหมือนที่ทำตอนกลางวัน..
" ไม่น้าาาาาา ! ! ! ! "
เสียงผู้หญิงนี่ ดังขึ้นจากทางข้างหน้านี่เอง รัตติกาลรีบวิ่งไปที่ที่เกิดเสียงทันที ในใจของเธอคิดเพียงว่า ต้องช่วยเจ้าของเสียงไว้ให้ได้ เธอรีบปลดตระบองที่พกมาด้วยและถือไว้กระชับแน่นมือ เธอเห็นคนสองคนยืนกอดกันอยู่ ผู้ชายหันหน้ามาฝั่งที่รติวิ่งมา ไม่สิ่ไม่ใช่กอดหรอก หญิงสาวคนนั้นใส่ชุดฟอร์มของเดย์คลาส คงเป็นสาวเดย์คลาสที่แอบมาดูชายหนุ่มไนท์คลาสที่ถูกล่ำลือว่ามีค่าเฉลี่ยของหน้าสูงมาก ชายผู้นั้นที่รัตติกาลเห็น ทำเอาเธอเกือบทรุด สายตาสีแดงเรืองๆ ดั่ง สายตาของซาตาน ใบหน้าขาวซีดดุจคนที่ไม่มีเลือดไหลเวียนมาเป็นปี มุมปากมีของเหลวสีแดงไหลเยิ้มอย่างน่าสะอิดสะเอียน คมเขี้ยวขาวที่ยาวโง้งเห็นได้ชัดในความมืด น นะ นะ นี่มัน....... อะไรกัน???
แวมไพร์ มีต้นกำเนิดมาจากไหน มีความเป็นมาอย่างไร ไม่มีใครรู้แน่ชัด จะรู้แน่ชัดก็คือมันปรากฏตัวอยู่ข้างหน้า และกำลังสังหารเหยื่อให้เราดูแบบที่เป็นอยู่นี่ไง....
สมองที่กำลังประมวลข้อมูลของเธออยู่นั้น เต็มไปด้วยคำถาม แต่ตอนนี้ สีผิวของชายผู้นั้นเริ่มมีสีแดงของเลือดฝาด และเริ่มจะกลับมาเป็นสีผิวของคนธรรมดา เขี้ยวขาวๆเริ่มหดสั้นลง เขามองมาที่รัตติกาล ทำท่าเหมือนกำลังจะพุ่งตรงมาทางที่เธอยืนอยู่ซะด้วยสิ่ และก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร มือแกร่งคู่หนึ่งก็ยื่นมาปิดปากและตาของเธอ เธอดิ้นสุดแรง แต่ทว่า เหมือนการดิ้นรนของเธอนั้นไม่เป็นผลเลย ตอนนี้เธอถูกลากไปกอดจนแผ่นหลังของรติรู้สึกได้ถึงแผงอกหนาๆของใครคนหนึ่งและเหมือนหนังตาของเธอจะหนักขึ้นกระทันหัน จนเธอไม่สามารถฝืนได้ จากนั้นโลกทั้งใบก็ดับวูบลง........



ร่างบางถูกอ้อมแขนแกร่งอุ้มขึ้นก่อนถึงพื้นดิน ท่าทางเขาที่ดูสง่างามแม้ในยามค่ำคืนที่แสงไฟสลัวแบบนี้ แวมไพร์ตัวที่ดูดเลือดสาวเดย์คลาสที่แอบมาดูชายหนุ่มไนท์คลาสที่ถูกล่ำลือว่ามีค่าเฉลี่ยของหน้าสูงมากจนถึงมากที่สุด ยืนนิ่งนัยย์ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นชายคนที่อุ้มร่างบางๆนั้นอยู่ เหมือนว่าเขากำลังคิดว่าจะเอายังไงดี จะวิ่งหนีหรือจะสู้ ขณะนั้นก็มีชายสองคนร่างสูงแต่น่าจะน้อยกว่าคนที่อุ้มอยู่นั่นนิดหน่อยเดินเข้ามา กับผู้มาใหม่อีกคนที่เป็นผู้หญิงที่ร่างสูงโปร่งเช่นกัน
" นายหากินผิดถิ่นแล้วพ่อแวมไพร์น้อย "
ชายคนมาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงตวัดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลไหม้ทำให้เขาดูเหมือนคนมีพลังอำนาจมากมาย เขาหันไปยิ้มให้ชายผู้ที่เดินมาด้วยกัน ที่เพียงวางสีหน้าเรียบ ผมสีดำไฮไลท์สีน้ำเงินช่างเข้ากับใบหน้าคมคายของเขาซะเหลือเกิน ถ้าเปรียบเทียบบุคคลิกภาพของชายสองคนนี้คนหนึ่งคงดั่งไฟโลกันต์ และอีกคนหนึ่งคงดุจดั่งภูผาน้ำแข็งที่เยือกเย็นจับขั้วหัวใจ
" ฉันจะให้โอกาสนายวิ่งหนี นับหนึ่งถึงสาม วิ่งไปให้พ้นจากสายตาฉัน "
ชายผมสีน้ำตาลไหม้พูดแล้วยิ้มอย่างใจดี แต่เพียงแค่แวมไพร์ผู้กระหายเลือดคนนั้นแค่หันหลังเตรียมจะออกวิ่ง ไฟสีแดงสดก็ลุกขึ้นท่วมร่างและเพียงในเวลาไม่กี่วินาทีร่างทั้งร่างก็สลายหายไปกับกองเพลิงที่ดับวูบลง หญิงสาวที่เดินมาด้วยทำหน้าเเสยะยิ้ม
" อัครพัทธ์ นายไปดูแลเด็กผู้หญิงคนนั้นก่อนเถอะลบความจำให้ด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะนำตัวไปให้ ท่านผอ. "
สิ้นเสียงของหญิงสาว ชายหนุ่มที่ยืนดูนิ่งก็เดินไปดูอาการของเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย
" นี่เจ๊ เปิดตัวไม่เท่เลยนะ สั่งแต่คนอื่น ทำไมไม่ลบความจำให้เด็กคนนั้นเองล่ะ "
" ใครเจ๊นายยะ เจ้าหัวแดง ปีเตอร์ ! ! ! เดี๋ยวก็ฟาดให้ก้นลายเลยหนิ "
ชายผมแดงที่ถูกเรียกว่า ปีเตอร์ หันหลังขวับเดินตามชายร่างสูงที่อุ้มร่างของรัตติกาลกลับไปอย่างไม่สนใจคำพูดของหญิงที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
" เสร็จแล้ว จัดการด้วยนะ.........อาเจ๊ "
ชายผู้เงียบขรึม เมื่อพูดเสร็จก็เดินจากไป ปล่อยให้คนที่ถูกเรียกว่าอาเจ๊ ดิ้นเร่าๆด้วยความเคือง เจ้าพวกเด็กบ้าาาาา ! ! ! ! !



แขนแกร่งค่อยๆวางร่างบางลงอย่างเบามือ และ ใช้มือข้างหนึ่งแตะเบาๆที่หัวของหญิงสาวผู้ไม่ได้สติ ก่อนจะชักมืออก เขาจัดการลบความทรงจำบางส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เเล้ว พอเธอตื่นขึ้นมา เธอคงจะรู้สึกดีขึ้น เขามองใบหน้าของเธอผู้งดงามเสมอ เหตุการณ์เมื่อกี๊นี้คงทำเธอตกใจไม่น้อย เขาเองก็รู้สึกอยากจะฆ่าอัยแวมไพร์กระจอกนั่นด้วยมือของเขาเอง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเขาอุ้มเธออยู่ อย่าว่าแต่ปล่อยพลังเต็มที่เลย เพียง แค่พลังนิดเดียวก็อาจเป็นอันตรายต่อเธอได้ เพราะเธอเป็นมนุษย์ ไม่สามารถทนต่อพลังแบบนี้ได้หรอก
" ท่านอาเธอร์ ! ! "


************************************************************

" มีอะไร พีท ? "
เขาตอบกลับโดยไม่หันหน้าไปดูด้วยซ้ำ เขาจัดหมอนให้ดูหนุนสบายมากขึ้น และ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเธอ
" มีรายงานการปรากฏตัวของแวมไพร์ที่ชานเมืองใกล้ทางด่วน ตอนนี้อาละวาดอยู่ในร้านสะดวกซื้อครับ "
" จะให้ไปจัดการหรอ? เรื่องกระจอกพรรค์นี้ ท่านจัดการไม่ได้ใช่ไหม..... "
" ไม่ใช่แบบนั้น แต่ครั้งนี้ เป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ "
" ................. "
เขาไม่มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้ว่าถึงอย่างไรเขาที่นั่งจัดผ้าห่มให้เธอผู้หลับไหลอยู่มักจะไว้ใจให้พวกเขาไปทำเรื่องสำคัญแทนเสมอ พีทค่อยๆปิดประตูห้องและเดินออกไปตามทางเดินเพื่อไปยังโถงทางเดิน ที่นั่นมีเพื่อนอีกคนที่กำลังรอเขาอยู่
อัครพัทธ์.......ชายผู้ซึ่งไม่มีวันที่จะทอดทิ้งเพื่อน





" เอาอีกแล้วหรอ? "
ใบหน้าของ ผอ.ที่มีแต่รอยยิ้มแย้มกลับทำหน้าบูดบึ้งด้วยความโมโห เมื่อเขารู้ข่าวว่า มีแวมไพร์จากภายนอกมาทำร้ายนักเรียนถึงในรั้วมหาวิทยาลัย และยังเกือบจะทำร้าย ลูกสาวสุดที่รักของเขาอีก
" โชเซ ขอบคุณเธอมากที่พาเด็กนักเรียนผู้เคราะห์ร้ายคนนี้มาส่ง "
เขาหันไปพูดกับเด็กนักเรียนไนท์คลาสที่พานักเรียนของเขามาส่งอย่างปลอดภัย แต่อีกไม่นานอนาคตอันมืดดำของเธอกำลังรอเธออยู่ เธอกำลังจะกลายเป็นแวมไพร์ในไม่ช้า นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะหาทางป้องกันอย่างไรก็ตาม ผอ. รู้ดีว่า เขาจะต้องทำอย่างไร
" แล้วผมจะย้ายเธอไปไนท์คลาสนะ อ่อ อีกเรื่องนึง ผมส่งซันล่วงหน้าไปแล้ว พวกคุณรีบไปที่นั่นเถอะ "
นักเรียนหญิงไนท์คลาสผู้มีรูปร่างสูงโปร่งเดินออกไปจากบ้านพักของผอ. เธอเดินอย่างเร่งรีบเหมือนกำลังรีบจะไปที่ใดสักแห่ง ในใจของเธอคิดเพียงแต่ว่า คืนนี้คงอีกยาวไกล.....





************************************************************

กลางวัน ผมเป็นเพียงนักเรียนเดย์คลาสธรรมดาๆของมหาวิทยาลัยชื่อสะท้อนโลก กิลเบิร์ต และตอนนี้เพิ่งมีตำแหน่งของหัวหน้าหอพระอาทิตย์มาพ่วงท้ายด้วย พอกลางคืนผมก็ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจ แต่นี่แหละ คือสิ่งที่เป็นตัวตนของผมจริงๆ เวลาค่ำคืนเป็นเวลาที่เป็นของผมจริงๆ ผมเกิดในตระกูลที่ว่ากันว่าเป็นตระกูลของแวมไพร์ฮันเตอร์ที่เก่งกาจที่สุด และผมก็เชื่อแบบนั้นซะด้วยสิ ผมได้รับภารกิจให้ปราบแวมไพร์ที่ทำร้ายคน โดยมีปืนที่ฆ่าแวมไพร์โดยเฉพาะ มันจะฆ่าได้เฉพาะแวมไพร์และมันจะไม่ทำให้มนุษย์ธรรมดาบาดเจ็บเลย มันเป็นของขวัญจากท่าน ผอ.ที่ให้ไว้กับผมน่ะ ผมขี่มอเตอร์ไซด์คันโปรดมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ ..ระวังตัวด้วย.. ท่านผอ.เตือนผมก่อนที่จะออกมาปฏิบัติภารกิจ ผมถอดหมวกกันน็อคออก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปข้างในประตูร้านสะดวกซื้อก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากมีใครบางคนถูกโยนออกมา และ ชายคนหนึ่งก็วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจริงๆ เป็นแค่เเวบเดียวเท่านั้นที่เห็นเหมือนมีชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าไปและหายไปในพริบตา ..ไม่ธรรมดาจริงๆ ความเร็วระดับนี้ผมยังไม่เคยเจอมาก่อนเลย.. ผมวิ่งตามไปทางที่คาดว่ามันคงจะไป ผมเจอแวมไพร์มาเยอะก็จริง แต่ผมเคยเจอแต่แบบที่ค่อนข้างจะเหมือนคน ตอนวิ่งก็เหมือนคนธรรมดาๆวิ่งไม่รวดเร็วปานสายฟ้าเหมือนเมื่อครู่ หรือไม่ก็ผอมแห้งแรงไม่มี เหมือนคนที่ทั้งปีไม่มีเลือดให้กิน อะไรประมาณนั้น แต่เมื่อกี้นี้ อะไรกัน ความเร็วขนาดนั้น ผมยังไม่ทันจำทำอะไรก็คงโดนมันกัดตายซะก่อนแน่ๆ ผมคิดแล้วก็กระชับกระบอกปืนให้แน่นขึ้น

มันเป็นป่าที่รกร้างน่าดูต้นไม้ที่สูงเกินกว่าห้าเมตรโอนเอนเกี่ยวกันไปเกี่ยวกันมาจนปิดวิวท้องฟ้าสวยๆซะเกือบหมด ..มันวิ่งมาทางนี้จริงๆหรอ.. เป็นครั้งแแรกที่ผมวิ่งจนเหงื่อตกและยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน แต่ผมรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของมันรอบๆตัวผมนี่แหละ ผมเดินไปเรื่อยๆ อย่างเงียบที่สุด จนในที่สุด ผมก็เห็นกลุ่มคนประมาณเจ็ดแปดคนและกำลังนั่งรุมทำอะไรกันสักอย่าง ซึ่งผมมองไม่ค่อยถนัด มันมืดมาก ถึงแม้ว่าผมจะมีความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางคืนชัดกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่าก็ตาม ผมแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปห้าเท่า และผมก็ว่องไวกว่ามนุษย์ทั่วไปถึงสามเท่า ผมยกปืนขึ้นเล็งไปที่ชายคนที่นั่งอยู่ฝั่งใกล้ผมมากที่สุด และ ผมก็เหนี่ยวไกล
ปัง! ! ! เกิดเป็นรูปไม่กางเขนศักสิทธิ์ขึ้นที่ตำแหน่งบนคนๆนั้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะล้มลงและสลายไปกลายเป็นผุยผง เหมือนที่ผมคิดไว้จริงๆ แวมไพร์ชายทั้งกลุ่มกำลังรุมดูดเลือดมนุษย์แต่คราวนี้ไม่ใช่มนุษย์ที่เป็นเพศตรงกันข้ามอย่างที่เคยเป็น มันคงจะหิวมากสิ่นะ ผมเล็งไปที่แวมไพร์อีกหลายตัวและผมก็สามารถโค่นมันลงได้อย่างง่ายด่าย เพียงแค่ผม กระโดดหลบและเตะต่อยมันกลับไปครั้ง สองครั้งเท่านั้น และผมก็จัดการมันทั้งหมดเสร็จ ภายในเวลาไม่ถึง สิบ นาที ว่าไปมันก็ไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดาเลยนะเนี่ยมีระดับความแข็งแกร่งโขอยู่ และในขณะที่ผมกำลังหันหลังจะเดินกลับนั้น บางสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วมากก็ต่อยผมจนลอยกระเด็นไปไกล ความเจ็บที่มากมายจนเริ่มจะกลายเป็นว่ามันรู้สึกชาไปทั้งหน้า ผมรีบลุกตั้งท่าแต่ก็ถูกสกัดขาให้ล้มลง และก่อนที่มันจะกระโดดกรทืบผมอย่างเต็มเเรง ผมก็กลิ้งตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง ทำให้พื้นตรงที่มันกระโดดกระทืบเป็นหลุมลึกลงไปพอดู ผมรีบลุกขึ้นตั้งตัวและมองดูเป้าหมาย ชายแวมไพร์นั่นเขาสูงไม่น่าเกิน 155 ด้วยซ้ำ เด็ก ! ? แวมไพร์เด็ก ทำไมถึงมีพลังมากมายขนาดนี้
" เจ้าหนูแวมไพร์ เจ้าเตี้ยกระจ้อยร่อย บังอาจทำร้ายมนุษย์ที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วยังจะลากมาให้พวกเพื่อนของเจ้ากินอีก... "
" นายไม่รู้หรอกว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ! ! เจ้าบื่อ.. "
" น้อยๆหน่อย "
เขาเล็งปืนไปที่เด็กชายก่อนจะเหนี่ยวไกลอย่างรวดเร็วแต่ก็แพ้ความเร็วของ แวมไพร์เด็กนั่น ซวบ!!!!!
มือเล็กๆนั่นแทงเข้ามาที่บริเวณหน้าท้องของเขาก่อนจะชักออกไปอย่างรวดเร็ว เลือดสดๆไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่านไปทั้งตัว ก่อนที่เขาจะล้มลงนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น
" เจ้าฮันเตอร์อ่อนหัด! ! อย่าลืมบอกยมบาลล่ะ ว่าเจ้าตายด้วยฝีมือของ แวมไพร์เด็กตัวกระจ้อยร่อย ฮะ ฮา ฮ่า "
เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วบริเวณก่อนจะหยุดลง เมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

" น้อยๆหน่อย เจ้าแวมไพร์กระจ้อยร่อย! ! อย่าเอ็ดไป .... "
แวมไพร์เด็กหันไปมองทางต้นเสียงและเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด







กุหลาบสีน้ำเงิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 01:38:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 11:40:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 961





<< chapter 1 : pilot (ปฐมบท)   Chapter 3 : เมื่อความมืดดำเริ่มเผยตัวตน 80% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account