หวานรักในลมหนาว
หวานรักในลมหนาวเป็นหนึ่งนิยายใน ชุดลัดฟ้าไปหารัก โปรเจ็กล่าสุดของ สนพ.กรีนมายด์ค่ะ โดยธีมเรื่องจะเกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยลาฌีนุสได้เลือกประเทศภูฏานและญี่ปุ่นมาเป็นโจทย์ความรักในครั้งนี้ของพระ-นาง สไตล์เรื่องจะเป็นแนวรักหวานๆ ค่ะ

ปล.พระเอกเป็นลูกครึ่งหนุ่มไทย-ภูฎานค่ะ หล่อลื้มมม คริๆ

+++++หากสนใจติดตามผลงานลาฌีนุส กดไลท์ไปที่แฟนเพจได้นะคะ ^^ https://www.facebook.com/lacheenus
Tags: หวานรักในลมหนาว,ภูฎาน

ตอน: บทที่ 3 ใจสลาย

บทที่ 3 ใจสลาย



หญิงสาวคนหนึ่งนั่งริมหน้าต่างตรงปีกเครื่องบินของสายการบินที่จะนำเธอกลับสู่บ้านเกิด เป็นครั้งแรกที่การกลับบ้านของเธอในครั้งนี้ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงเครื่องกำลังจะลงจอดเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

สายตาที่มองออกนอกหน้าต่างเครื่องตลอดเวลาดูเหม่อลอยมือยังคงกำแน่นอยู่บนตัก จนเมื่อได้ยินประกาศจากทางสายการบินว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้วนั่นแหละ เธอจึงได้ใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาคู่สวย

ชนมนเก็บเสียงสะอื้นไว้กับตัว เธอลากกระเป๋าลงจากเครื่องจัดการเปิดเครื่องมือสื่อสารที่มักปิดไว้เสมอเวลาไปเที่ยวขึ้นทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบิน

“สวัสดีค่ะพี่ภีม” น้ำเสียงเย็นชากล่าวทักทาย แม้ปลายเสียงจะสั่นเล็กน้อย หากไม่เหลือเค้าหญิงสาวขี้แยคนเมื่อครู่แม้แต่น้อย

ด้านปลายสายตอบกลับเสียงอู้อี้เหมือนคงยังไม่ตื่นดี แต่เธอนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจ ที่เธอสนใจคือเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาในโทรศัพท์ที่ถามว่าใครโทรมาต่างหาก

เชื่อเถอะต่อให้เสียงนั้นเบาแสนเบาหรือถามเป็นคำถามสั้นๆ เธอก็ยังได้ยินว่าเสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิง!

“จำเสียงมินนี่ไม่ได้เหรอคะ”

ปลายสายพอได้ยินเสียงชัดๆ ของคนที่อาจหาญโทรมาปลุกเขาในเวลาเช้าตรูก็ถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง หันไปส่งสายตาดุไปให้ร่างเปลือยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันให้หยุดส่งเสียง

“ว่าไงครับ ไปเที่ยวสนุกไหม ไม่เห็นโทรหาพี่เลย คิดถึงจะแย่”

คนถูกปรามเบ้หน้าภายใต้ผ้าห่มเมื่อต้องมานอนฟังชายหนุ่มคุยโทรศัพท์กับแฟนสาว ยิ่งมองไปเห็นรูปถ่ายคู่กันบนหัวเตียงยิ่งพาลให้อารมณ์เสีย แต่คิดอีกทีก็รู้สึกสะใจในความโง่ของผุ้หญิงที่คิดว่าตนได้เป็นเจ้าของร่างสมบูรณ์แบบตรงหน้า โดยหารู้ไม่ว่าเขากลับพาเธอมาระเริงรักอยู่ในที่ของตัวเอง

โง่ๆ อย่างนี้สินะ ภีมเขาถึงได้เอาไว้ควงบังหน้า หล่อนคงคิดว่าตัวเองน่าอิจฉาที่ได้เป็นแฟนกับหนุ่มฮอต

คนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเป็นได้แค่คู่ขาแสยะยิ้มใส่รูปคู่ที่ถ่ายในวันรับปริญญาของชนมน ก่อนจะลุกนำพาร่างเปลือยหายลับเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ลืมก้มยิ้มเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนพื้นเข้าไปด้วย

“ตอนนี้พี่ภีมอยู่ที่ไหนคะ”

“พี่ เอ่อ อยู่ที่คอนโดของมินนี่ครับ พอดีว่าพี่มีงานถ่ายหนังสือใกล้ๆแถวนี้แล้วเลิกดึก ขี้เกียจขับรถกลับคอนโดตัวเองเลยแวะมาค้างที่นี่ดีกว่า” ภวัตอธิบายเหตุผลยาวเหยียด โดยไม่รู้ว่าคนฟังนั้นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

ปลายสายต้องทนฟังคำลวงของคนรักอย่างกล้ำกลืน ชนมนนึกถึงหลายๆ ครั้งที่เขามาค้างที่คอนโดยามเธอไม่อยู่แล้วยกเอาเหตุผลนี้มาอ้าง สาเหตุที่แท้จริงก็คงไม่ได้ต่างจากกันมากเท่าไหร่สินะ

“ก็ดีค่ะ มินนี่มีเรื่องจะคุยกับพี่ภีม มินนี่ให้เวลาพี่ภีมจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่มินนี่จะถึงคอนโดในอีกครึ่งชั่วโมง แล้วเจอกันค่ะ” ชนมนตัดบทไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายให้เสียเวลา เธอวางสายทันทีที่พูดจบ

“อะไรกัน ฮัลโหล มินนี่ครับ มินนี่” ร่างสูงที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันปิดช่วงล่างอยู่รีบกดโทรกลับทันทีอย่างคนใจหาย แต่ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว ใบหน้าคมหันมองนาฬิกาแล้วรีบเข้าไปเร่งให้คู่ขาสาวที่อยู่ในห้องน้ำรีบแต่งตัวแล้วออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด แม้อีกฝ่ายจะปั้นบึ้งไม่พอใจเขาก็ไม่สนใจ หากต้องเลือกให้ความสำคัญชนมนยังคงมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

ภวัตจัดแจงทุกอย่างให้คล้ายสภาพเดิมมากที่สุด ด้วยความที่เมื่อคืนเขาเมามากจำไม่ได้ว่าทำอะไรตรงไหนบ้างเลยได้แต่เดินเป็นเสือติดจั่นเพราะกลัวว่าจะหลงลืมทิ้งร่องรอยอะไรให้แฟนสาวจับได้



หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าที่สว่างจ้า หมดช่วงเวลาของการคร่ำครวญ เสียใจ และอาลัยอาวรณ์แล้ว ตลอดทางจากญี่ปุ่นมาไทยเธอเสียน้ำตามามากพอแล้ว พอเสียทีกับคำสัญญาและความสัมพันธ์ที่เธอรู้ดีว่าคงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก



ที่หน้าสนามบินเดยุลมองนาฬิกาที่ข้อมืออย่างกระวนกระวาย สายตาชะเง้อมองไปที่ประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้าอย่างร้อนใจ หลังจากที่ตั้งใจกดส่งคลิปที่เธอถ่ายเอาไว้ไปให้เพื่อนรัก เธอก็นอนไม่หลับอีกเลย ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เงียบๆ ว่าเธอทำถูกแล้วจริงๆ หรือ หลายครั้งที่เธอคิดจะลบคลิปนั้นออกเมื่อเพื่อนยังคงไม่เห็น แต่แล้วพอเธอคิดจะกดลบจริงๆ สถานะข้อความกับถูกเห็นพอดี

“ตาย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น” เธอจำได้ว่าพอคลิปในกล่องข้อความขึ้นสถานะ Seen

ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าควรจะพิมพ์ตอบเพื่อนไปว่ายังไง เธอนั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์รอให้เพื่อนสาวส่งอะไรสักอย่างกลับมา นานกว่า 20 นาทีเพื่อนของเธอส่งข้อความกลับมาบอกว่า ‘ฉันจะกลับบ้าน เธอมารับฉันหน่อยนะ เรื่องเที่ยวบินไว้จะส่งข้อความมาบอกตอนถึงสนามบิน’

เดยุลถอนหายใจนึกถึงเรื่องราวความรักของเพื่อนสาวที่เธอคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ มาถึง 4 ปีเต็มความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อสมัยเธอและเพื่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

เหตุเกิดจากวันนั้น วันที่มีการคัดรุ่นน้องมาซ้อมหรีดของมหาวิทยาลัย ชนมนไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมเชียร์หรีดเดอร์ แต่เพื่อนเธอและเธอถูกรุ่นพี่ประจำคณะขอให้ไปช่วยดูแลเรื่องเสื้อผ้า

“สวัสดีค่ะ นี่คือรุ่นน้องปี 1 ชื่อน้องเดียร์และมินนี่ น้องทั้งคู่จะมาช่วยเรื่องเสื้อผ้าของทีมหรีดค่ะ” รุ่นพี่ประธานชมรมเชียร์แนะนำเธอและเพื่อนให้แก่สมาชิกในชมรมเชียร์เพื่อจะได้ทำงานกันง่ายขึ้น

ขณะที่ชนมนและเธอกำลังตื่นเต้นดีใจที่ได้รับความไว้วางใจจากรุ่นพี่ให้มีส่วนร่วมในงานสำคัญของมหาวิทยาลัย ความอิจฉาริษยาของเพื่อนร่วมชั้นปีก็บังเกิดขึ้น มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายในรูปแบบต่างๆ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังลำบากก็มีรุ่นพี่อดีตผู้นำเชียร์เข้ามาพูดปกป้องซึ่งนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน รุ่นพี่คนนั้นคือพี่ภีม หรือภวัต นายแบบหนุ่มเนื้อหอมที่กลายมาเป็นแฟนของชนมนและกำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่ช้า

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นภวัตก็เข้ามาพูดคุย ขยันซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ คอยให้คำปรึกษาแล้วค่อยๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชนมน

“ฉันว่าพี่ภีมเขาเอ็นดูเธอเกินปกติไปแล้วนะ” เดยุลหรี่ตามองเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสือเงยหน้ามองขนมแล้วยิ้ม

“บ้า พี่เขาก็ดูแลทุกคน” เดยุลจำได้ติดตาสีหน้าคนตอบแดงเรื่อและมีท่าทีขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วเธอจะเขินทำไม นี่บอกมานะพี่ภีมเขาจีบเธอใช่ไหม” หญิงสาวคาดคั้น

“เปล่าไม่ได้เขิน” แม้ปากจะปฏิเสธแต่อาการรักของเพื่อนมันชัดเจนจนเธอในตอนนั้นก็อดที่จะแอบกรี๊ดให้ความน่ารักนี้เบาๆ ไม่ได้

ความรักของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานและเป็นที่อิจฉาของเพื่อนร่วมชั้นปี แม้ว่าภาวิตจะจบออกไปแล้ว แต่เขาก็ยังสม่ำเสมอไม่เคยละเลย ยังคงมารับมาส่ง มาหาที่มหาวิทยาลัยอยู่เสมอ

ถ้าเมื่อวานเธอไม่ได้เห็นกับตาตนเองว่าผู้ชายที่ควงผู้หญิงหน้าแฉล้มยืนจูบกันชนิดที่ควรจะเรียกว่าสูบวิญญาณมากกว่าจูบคือผู้ชายคนเดียวกับรูปในกระเป๋าสตางค์ของเพื่อน แต่เป็นคนอื่นคาบข่าวมาบอกเธอคงไม่เชื่อ ดีไม่ดีอาจจะด่าผู้เอาเรื่องนี้มาพูดอีกต่างหาก

แต่นี่เธอเห็นเต็มสองตา ไม่ว่าจะตะแคงตาตีลังกาอีกสักสามตลบ ผู้ชายที่เธอเห็นก็ยังออกมาเป็นภวัตอยู่ดี!



หลังจากให้เพื่อนไปรับมาจากสนามบิน ทันทีที่ขึ้นรถเสียงเตือนข้อความในมือถือก็ดังขึ้น ชนมนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเป็นเบอร์แปลก

“อะไร ใครส่งอะไรมาเหรอ” เดยุลถามเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนแปลกไป

“เบอร์ไม่คุ้น” เธอตอบก่อนจะเปิดมันขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไฟล์เสียงเธอจึงรีบกดฟังด้วยความอยากรู้ สิ่งที่ผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมาทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวอยู่แล้วเหมือนโดนน้ำร้อนราดลงไปไม่ให้โอกาสได้เติบโตขึ้นมาอีก

“พี่ภีมพาหนูมาที่นี่ไม่กลัวแฟนพี่จะเคืองเหรอคะ”

“จะเคืองได้ไง ในเมื่อยังไงเขาก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้ว”

“แหม ดูพี่พูดไม่ค่อยแคร์เลยนะคะ ถามจริงๆ เถอะคะคบเขาเพราะเขาเป็นลูกช่างภาพใหญ่รึเปล่าคะ”

ความเงียบบังเกิดทันทีที่เสียงผู้ใหญ่ในโทรศัพท์ถามจบ แม้จะตัดสินใจมาดีแล้ว แต่ก็อดคาดหวังในคำตอบของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่แล้วความรักความคาดหวังทั้งหมดก็พังทลายเมื่อคำตอบที่ได้คือ

“ฉลาดจังเลย แบบนี้ต้องให้รางวัล” สิ้นคำตอบที่กรีดเฉือนหัวใจช้ำของเธอนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกุกกักก่อนนิ้วสั่นๆของเธอจะกดหยุดคลิปเสียงเอาไว้ก่อนที่มันจะกลายป็นเซ็กส์เทป

เดยุลไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าเพื่อนหลังจากที่คลิปเสียงปริศนาถูกปิดลง ไม่ต้องสืบไม่ต้องพิสูจน์เธอก็จำได้ดีว่าเสียงผู้ชายในคลิปคือเสียงของภวัตคนรักที่แสนอบอุ่น รุ่นพี่ที่แสนดี ทั้งหมดที่เธอได้ยินเมื่อครู่ทำลายภาพลักษณ์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของภวัตจนหมดสิ้น

สาวภูฎานพยายามหายใจให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าหากหายใจดังจะไปกระทบความรู้สึกเพื่อนรักที่พร้อมจะแตกกระจายทันทีที่ลมพัดผ่าน สิ่งที่เธอทำได้คือจับพวกมาลัยแล้วมองตรงไปข้างหน้า อีกมือที่ว่างวางลงบนมือเย็นเฉียบของเพื่อนรักโดยปราศจากคำพูดใดๆ

รถญี่ปุ่นคันเล็กพาทั้งคู่มาถึงที่หมายเดยุลหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งเงียบมาตลอดทางอีกครั้ง ก่อนจะถามย้ำเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ถามไปแล้วก่อนที่จะเลี้ยงรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด

“แน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันขึ้นไปด้วย”

ชนมนพยักหน้ายืนยัน เธอปลดเข็มตัดนิรภัยออกจากตัว หันไปยิ้มให้เพื่อนรัก ในสายตาของเดยุลมันเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดที่สุดของเพื่อนที่เธอเคยเห็น ขณะที่เพื่อนกำลังจะเปิดประตูรถออกไปเธอก็คว้ามือเพื่อนเอาไว้ถามซ้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“แล้วถ้าพี่เขาไม่ยอมและทำร้ายเธอล่ะ ให้ฉันไปสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ดีไหม เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน”

ชนมนซาบซึ้งในความเป็นห่วงของเพื่อนดี แต่เธออยากจบปัญหานี้ด้วยตัวเอง

“พี่ภีมเขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก พรุ่งนี้เขายังต้องทำงานกับพี่ชิน” เธอเอ่ยถึงพี่ชายของเธอที่มีอาชีพเป็นผู้กำกับโฆษณา

เดยุลถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ยังไม่คลายกังวลเสียทั้งหมด ทว่าในเมื่อเพื่อนเธอยืนยันมาอย่างนั้น เธอก็จำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของเพื่อน

“โอเคฉันจะรอเธออยู่ข้างล่างนะ มีอะไรรีบโทรหาฉันทันทีนะ”

ชนมนพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างของตัวเองลงจากรถ หญิงสาวสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจ เธอตัดสินใจและคิดมาดีทุกอย่างแล้ว เธอจะไม่ลังเลไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจะแก้ตัว คำว่าโอกาสอาจจะมีเมื่อครั้งที่เธอถึงสนามบิน แต่มันหมดไปทันทีเมื่อคลิปเสียงจากผู้หวังดีส่งตรงเข้าสู่โทรศัพท์เธอ

รักแรกที่ใฝ่ฝันความรักตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของเธอกำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่กี่นาทีข้างหน้า

ในที่สุดเธอก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าห้องจนได้ มือเย็นเฉียบหยิบกุญแจออกมาไขและผลักประตูเข้าไปเบาๆ สิ่งที่เธอพบหลังบานประตูคือรอยยิ้มสว่างไสวของคนร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวลายทางสีน้ำเงิน เสื้อที่เธอซื้อมาฝากเขาจากการไปเที่ยวฮ่องกง

“ทำไมกลับมาก่อนกำหนดละคะ ไม่สนุกเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนหวานเอาใจ

ชนมนไม่ตอบ เธอผลักเขาออกห่างตัวเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามากอดทักทายให้หายคิดถึง ร่างเพรียวเดินผ่านไปที่ห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อผู้ชายที่มีอยู่ 2-3ตัวออกมาโยนลงบนเตียง แล้วลากกระเป๋าออกมาจับเสื้อยัดลงไป แล้วเดินตรงรี่เข้าไปในห้องน้ำจัดการกวดทุกอย่างที่เป็นของผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ากระเป๋าใบนั้นให้หมด หางตาหญิงสาวเหลือบไปเห็นลิปสติกยี่ห้อหนึ่งที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรทั้งสีทั้งยี่ห้อก็ไม่ใช่ของเธอ หญิงสาวคว้ามันขึ้นมาก่อนจะเขวี้ยงลงถังขยะในห้องน้ำ

ชนมนสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ หลับตาพยายามระงับอารมณ์ที่จะไม่ออกไปปาลิปสติกแท่งนั้นใส่หน้าชายหนุ่มที่ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

ร่างบางออกจากห้องนอนมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตดูไร้อามรณ์น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยตำหนิภวัต

“มินนี่บอกแล้วไงคะว่าให้พี่ภีมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย” กล่าวจบเธอก็โยนกระเป๋าใส่ร่างสูงที่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก

“อะไรกันมินนี่” ภวัตรับกระเป๋ามาอย่างงงๆ

“ลิปสติกในห้องน้ำแท่งนั้นไม่ใช่ของมินนี่ และมินนี่ว่ามันก็คงไม่ใช่ของพี่ภีมด้วยจริงไหมคะ”

เจ้าของคอนโดตวัดสายตามองอีกฝ่ายด้วยความเจ็บใจและเสียใจ

ภวัตตกใจหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดถึงอย่างนั้นเขาก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับ “ของน้องเดียร์รึเปล่า มินนี่ถามรึยัง ไม่ก็คงเป็นเป็นเพื่อนของมินนี่ที่ลืมทิ้งไว้รึเปล่าครับ”

คำตอบที่ได้ทำเอาเจ้าของห้องต้องกำมือแน่น แน่นเสียจนเล็บแทบจะทะลุฝ่ามือ ความเจ็บปวดที่เขาหยิบยื่นให้ไม่ต่างอะไรจากน้ำกรดที่ราดรดลงมาบนผิวเนื้ออ่อนๆ มันปวดแสบปวดร้อนจนแทบจะร้องไห้

เขาจะโกหก จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หลอกเธอไปอีกนานเท่าไหร่ กี่ครั้งแล้วที่เขาทำอะไรลับหลังเธอแบบนี้ ทุกครั้งที่เธอไปเที่ยวต่างประเทศเธอจะทิ้งกุญแจไว้กับเขาเพราะภวัตเคยบอกกับเธอว่าการมานอนที่คอนโดนี้ มันทำให้เขาหายคิดถึงเธอไปได้บ้าง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช้ เขาเพียงแค่ใช้เลี่ยงการเป็นข่าวเท่านั้น เพราะหากเขาพาผู้หญิงพวกนั้นไปที่คอนโดตัวเองนักข่าวต้องเล่นข่าวเขาแน่ๆ



เขาใช้ความรู้สึกของเธอมาเป็นเครื่องมือทำให้เธอเชื่อใจ หลงละเมอไปกับคำลวง

“พอเสียที พี่ภีมอย่าพยายามแก้ตัวหรือโกหกอีกต่อไปเลยค่ะ ให้มินนี่เหลือความทรงจำดีๆ ที่เกี่ยวกับพี่บ้างเถอะ”

ชายหนุ่มที่กำลังถูกบอกเลิกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาคบกับชนมนมานาน แม้ภายนอกเธอจะเหมือนเด็กสาวกำลังโต บางทีดูไม่ประสา แต่เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนใจอ่อน เขารู้ว่าเธอเป็นคนเด็ดขาด พูดคำไหนคำนั้น

เขายอมรับว่าอาจมีวอกแวกบ้างตามประสาผู้ชาย แต่เขาไม่เคยคิดจะเลิกกับเธอเลย เขารักเธอนั้นคือความจริง แต่เขาก็มีความต้องการอย่างผู้ชายคนหนึ่งมี ในเมื่อเธอให้เขาไม่ได้ เขาก็ต้องไปหาจากคนอื่น ที่สำคัญเธอมีอะไรอีกมากที่เอื้อประโยชน์ในหน้าที่การงานของเขา

“ทำไมมินนี่พูดแบบนี้ครับ” ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าชนมนจะพูดแบบนี้

“นับตั้งแต่วันนี้พี่ภีมกับมินนี่จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก จบกันเพียงเท่านี้ ทีนี้พี่ภีมจะไปคั่วไปคบใครก็ได้ตามสบาย” กล่าวจบหญิงสาวตวัดสายตามองชายหนุ่มด้วยความผิดหวังก่อนจะสะบัดหน้าหนี เพราะไม่อาจทนมองหน้าเขาได้อีก

ภวัตอึ้งในใจรู้สึกกระวนกระวายกับคำพูดตัดรอนของอีกฝ่าย เขารู้ว่าเธอคงโกรธที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ไม่คิดว่าเธอจะตัดขาดเขาถึงขั้นขอเลิก

“มินนี่...ขอเลิกกับพี่งั้นเหรอ พี่ทำอะไรผิด นี่มันเรื่องอะไรกัน กลับมาจากญี่ปุ่นปุ๊บก็จะมาขอเลิกกับพี่ พี่ทำอะไรผิดครับ บอกพี่สิ”

“ยังต้องให้มินนี่สาธยายอีกเหรอคะ มินนี่สิต้องถามว่าพี่ให้ผู้หญิงคนนั้นมานอนบนเตียงของมินี่กี่ครั้งแล้ว” ชนมนต่อว่าด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

ภวัตใจหล่นไปอยู่ที่พื้น แต่ยังทำปากแข็งบ่ายเบี่ยงทำเป็นไม่เข้าใจพร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

“มินนี่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นพี่ไม่สนุกนะครับ คงต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่ๆ”

“พอเสียทีเถอะค่ะ เลิกโกหกทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที มินนี่รู้หมดแล้วว่าพี่ภีมพาใครมากกที่คอนโดของมินนี่ทั้งคืน” ชนมนตวาดลั่นอย่างเหลืออด ทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ใจที่คิดว่าแข็งพอที่จะไม่ร้องไห้ให้ผู้ชายตรงหน้าอีกก็ทำไมได้

ภวัตหน้าถอดสี ยิ่งเมื่อเห็นสายตาผิดหวังเสียใจในดวงตาคู่สวยที่มองมาที่เขาเสมอๆ กำลังมีน้ำตาคลอ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เหมือนจะผุดขึ้นมา มือหนาที่ยื่นออกไปคว้าเอาร่างบางถูกปัดออกอย่างรังเกียจ

“พี่ขอโทษ พี่จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งนะครับมินนี่” ภวัตขอร้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน มือที่ยื่นออกไปเมื่อครู่ตกลงข้างกาย เขาเริ่มจะใจหายเอาจริงๆ เสียแล้ว

เจ้าของห้องยืนนิ่ง พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเพื่อจะบอกสิ่งที่เธอรับรู้มาตลอดให้เขาได้ฟัง

“ไม่มีโอกาสสำหรับพี่ภีมอีกแล้วค่ะ มินนี่ให้เวลาพี่ภีมสำนึกมามากพอแล้ว แต่พี่ภีมก็ยังคงมักง่ายเหมือนเดิม” คำบอกเล่าอธิบายเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ภวัตเองก็ตกใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเธอกำลังจะบอกเขาว่าเธอรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

“มินนี่รอให้พี่ภีมคิดได้ แต่มินนี่คงหวังมากเกินไป เราจบกันแค่นี้ดีกว่าค่ะ อย่างน้อยๆ ให้มินนี่ได้เก็บช่วงเวลาดีๆของเราไว้เป้นความทรงจำ ให้มินนี่มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพี่ดีกว่าค่ะ อย่าให้เราต้องจากกันไม่ดีเลย” หญิงสาวตอบอย่างไร้เยื่อใย

คนถูกบอกเลิกพยายามจะเข้าไปแตะตัวหญิงสาว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคืออาการถอยห่างและมองมาอย่างรังเกียจอีกเป้นครั้งที่สอง

“อย่าเอามือสกปรกของพี่ภีมมาแตะมินนี่อีก” เพราะประโยคและการกระทำที่แสดงอาการรังเกียจอย่างแจ่มชัดทำให้ผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเอง อีโก้สูง คิดว่าตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุดถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้า เอ่ยวาจาที่ทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายขึ้นไปอีก

“ทำไมถึงเอาแต่โทษพี่ ทำไมมินนี่ไม่โทษตัวเองบ้าง พี่เป็นผู้ชาย ทำงานกลับมาเหนื่อยๆ มันเครียดก็ต้องหาทางผ่อนคลายหาทางปลดปล่อย ที่พี่เป็นอย่างนี้อย่าลืมว่าส่วนหนึ่งก็เพราะมินนี่”

“อย่าเอามินนี่มาเป็นข้ออ้างที่จะนอกใจ”

“ทำไมพี่พูดไม่ได้ ในเมื่อความผิดครึ่งหนึ่งก็มาจากมินนี่ ถ้ามินนี่ยอมพี่บ้าง พี่ก็คงไม่ต้องไปหาคนอื่นหรอก”

สิ้นคำเสียงฝ่ามือกระทบเนื้อก็ดังสนั่นลั่นห้อง

“เห็นแก่ตัวที่สุด”

คนถูกตบขบกรามแน่น ลูบแก้มสากที่หญิงสาวทิ้งรอยแดงเอาไว้ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

“พี่เป็นผู้ชายเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ คนรักกันจะมีอะไรกันมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย มินนี่เองที่มองเห็นเป็นเรื่องใหญ่ หวงเนื้อหวงตัวไม่เข้าท่า พอพี่ขอแล้วให้พี่ไม่ได้ ถ้าพี่ไปมีคนอื่นมินนี่เองก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าพี่เหมือนกัน”

“น่ารังเกียจที่สุด!” หญิงสาวเอ่ยอย่างเหลืออด ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กันเหมือนจะหายวับไปกับคำพูดที่เพิ่งออกมาจากปากของคนรักในทันที “ถ้าการที่มินนี่ไม่ยอมพี่ภีม มันทำให้พี่ภีมชีชีวิตอยู่อย่างคนปกติไม่ได้ ก็ไปตายเสียเถอะค่ะ ออกไปจากห้องมินนี่ได้แล้ว มินนี่รังเกียจที่จะต้องหายใจร่วมกับพี่ภีม มินนี่ขยะแขยง” หญิงสาวมองเขาเหมือนมองเห็นเชื้อโรค แม้จะเจ็บปวดกับข้ออ้างและเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่เสียไป แต่หลังจากได้ฟังเหตุผลในการนอกใจของภวัต ชนมนก็แทบอยากจะปิดประตูใส่หน้าแล้วขนข้าวของทุกอย่างในห้องออกไปโยนทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ให้หมด

“รังเกียจพี่นักเหรอ หา!” ร่างสูงย่างสามขุมเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวด้วยความโมโห ยิ่งเธอแสดงท่าทีรังเกียจเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งไปกระตุ้นต่อมเอาชนะให้พุ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มตัดสินใจในทันทีว่าวันนี้เขาจะไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้ว

“พี่ภีมจะทำอะไร อย่านะ ไม่งั้นอนาคตในวงการของพี่มืดมนแน่ อย่าคิดที่จะข่มเหงกันง่ายๆ มินนี่ต่อสายพ่อเอาไว้แล้วด้วย” ชนมนขู่ขณะที่ในมือชูโทรศัพท์ที่พร้อมจะกดโทรออกเมื่อเห็นท่าทีคุกคามของอีกฝ่าย

คนถูกขู่ชะงักฝีเท้าก่อนจะขบกรามแน่นอย่างระงับอารมณ์ เขารู้จักชนมนดี เธอทำได้อย่างที่พูดแน่นอน

ก็ทำไมจะทำไม่ได้ในเมื่อ มีพ่อเป็นช่างภาพใหญ่ที่เหล่าดารานางแบบต่างเกรงใจ อีกทั้งพี่ชายของเธอเป็นผู้กำกับโฆษณาที่มีฝีมือคนหนึ่ง มีแม่เป็นเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังเป็นที่รู้จักในวงการลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเหล่าบรรดาเซเลบและดารา

ร่างสูงขบกรามแน่นมองอดีตคนรักอย่างฉุนเฉียว ทั้งโมโหที่ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ ทั้งโกรธที่เธอเอาเรื่องนี้มาข่มขู่เขา

แม้จะโกรธจนอยากจะเข้าไปบีบคออีกฝ่ายที่ทำท่ารังเกียจตน แต่ตอนนี้อนาคตในวงการของเขากำลังไปได้สวย เขาไม่อยากให้มาสะดุดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ผู้หญิงไม่ได้มีแค่ชนมนเพียงคนเดียว เขาคำนวณดูแล้วมันไม่คุ้มที่จะเอาอนาคตมาเสี่ยงเพื่อแลกกับความสะใจที่ได้เอาคืนเธอ

“ก็ได้ เอาอย่างนั้นก็ได้” ภวัตลากเสียงอย่างยียวน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร “ผู้หญิงไม่ได้มีแค่มินนี่ ยังมีผู้หญิงอีกมากให้พี่เลือก ที่ทั้งสวยกว่า ดีกว่าและให้พี่ได้มากกว่า แล้วมินนี่จะต้องเสียใจทีหลังที่ตัดสินใจแบบนี้”

ชนมนหูตาสว่างทันทีตั้งแต่ได้ยินอดีตคนรักพูดมาแค่ต้นประโยค เขาคบเธอเพราะผลประโยชน์ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเธอเป็นได้แค่บันไดให้เขาเหยียบขึ้นไปสู่จุดที่เขาปรารถนา

เมื่อสามปีก่อนเธอตื่นเต้นเกร็งแทบตายเมื่อครั้งพาเขามาแนะนำกับครอบครัว เล่าให้พ่อและพี่ชายฟังด้วยความภาคภูมิใจว่าคนรักของเธอฝันจะเป็นนายแบบ ตอนนั้นเธอดีใจที่พ่อเห็นแววเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน มาวันนี้เธอกลับรู้สึกเสียใจที่พาเขาให้เข้ามารู้จักกับครอบครัวเธอ

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มินนี่คงไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องอะไรเท่าเรื่องที่ผ่านมาระหว่างเราแล้ว ถ้าจะเสียใจจริงๆ ก็คงเสียใจที่ตัวเองต้องมาเสียน้ำตาให้ผู้ชายเฮงซวยอย่างพี่มากกว่า หมดธุระแล้วเชิญค่ะ”

ภวัตหน้าตึงขึ้นทันที มือกำแน่นเมื่ออีกฝ่ายออกปากไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งที่สอง ร่างสูงก้มลงหยิบกระเป๋าที่อีกฝ่ายโยนให้ตั้งแต่แรกขึ้นมา ขณะที่กำลังก้าวพ้นประตูห้อง เขาเอี้ยวตัวกับมาถามเพื่อต้องการการยืนยันอีกครั้ง

“งานโฆษณาพรุ่งนี้ของพี่” ยังไม่ทันจบประโยคดูเหมือนว่าอกฝ่ายก็เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร เธอจึงชิงตัดบท

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มินนี่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ งานของพี่กับพี่ชินยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่พรุ่งนี้ช่างแต่งหน้าจะไม่ใช่มินนี่เท่านั้น!”

ในที่สุดเธอก็ได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายสุภาพ อบอุ่นคนที่บอกว่ารักและหวังดีกับเธอมาตลอด 3 ปี แม้วันนี้จะเสียใจบ้าง แต่เธอกลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยเธอเสียใจในวันนี้ดีกว่าจะต้องทนเสียใจไปตลอดชีวิต ในวันนี้เธอแช่งชักหักกระดูกเขา แต่ใครจะรู้ว่าในเวลาต่อมาเธอต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำเพราะถ้าไม่รู้เรื่องนี้เข้าเสียก่อน บางทีเธออาจไม่ได้พบกับความรักดีๆ ของใครบางคน

+++เจอกันอีกทีเสาร์หน้านะจ๊ะ ^ ช่วงนี้เร่งมือกันฝุดๆ อาาเหนื่อยจุง++++



ลาฌีนุส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2556, 16:29:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2556, 16:29:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1440





<< บทที่ 2 ไกด์สาวหน้าแฉล้ม   บทที่ 4 หนีความจริง >>
pkka 19 ส.ค. 2556, 19:01:17 น.
เฮอ เลิกซะได้ เป็นบุญ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account