สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทนำ...สิเน่หา...ยอดดวงใจ

บทนำ

เรือนร่างบางเล็กๆ คนเอเชียถอนหายใจเฮือกโตที่สุดในชีวิต เมื่อเธอแลเห็นคฤหาสน์หลังเก่าแก่ใหญ่โต มโหฬาร หญิงสาววัยเพียงยี่สิบสองปีต้นๆ ชื่อว่า อันนา วรเวช กำลังจะก้าวเข้าไปเสวยสุขด้วยความทุกข์อยู่ที่นี่ คฤหาสน์วาดิติน เป็นแหล่งที่ใครๆ หรือชาวพลเมืองรัสเซีย ก็อยากพากันมาเชยชมสักครั้งยิ่งนัก

“เชิญครับ คุณผู้หญิง ท่าน...รอพบอยู่...” บอดี้การ์ดร่างโตชุดดำทั้งตัวจรดเท้า ซึ่งพวกเขานั้น มีหน้าที่นำพาเธอจากเมืองไทย มายังประเทศรัสเซีย โดยที่ไม่ให้เธอ มีโอกาสหนีไปไหนได้เลยด้วยซ้ำ น้ำตาใสๆ ของอันนา แทบจะเกือบรินไหลร่วงออกมา อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ชีวิตของเธอจะถูกเปลี่ยนไปอย่างมากที่สุด เป็นเพราะพี่ชายของเธอ นายอนันท์ วรเวช กลายเป็นบุคคลล้มละลายจนถึงขั้นต้องยิงตัวตาย เพื่อหนีหนี้สินชีวิตอันอัปยศ แถมยังทิ้งให้น้องสาวในสายเลือดอยู่ตัวคนเดียว อันนาแทบไม่มีที่ที่จะไปไหน เธอไม่มีที่จะให้กลับไปอยู่บ้านได้อีกแล้ว

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมืออสูรเข้ามาชิ่งตัวเธอจากหนี้สิ้นก้อนมหาศาล ทั้งชาตินี้เธอก็ไม่มีทางหาชดใช้หรือปลดวาระได้หมดแม้แต่แดงเดียว

เขาเป็นใครกันนะ ผู้ชายที่มีนามว่า ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ ทำไมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอด้วย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ต้องการมันเลย ดวงใบหน้ารูปไข่สวยแสนเศร้านัก ขนาด งานศพของพี่ชายตนเองแท้ๆ ก็แทบไม่ได้จัดสวดเผาทำพิธีกรรมใดๆ เนื่องจากเธอนั้นถูกพวกบอดี้การ์ดร่างยักษ์ใหญ่ จัดการให้หมดเสร็จสรรพ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อันนาพยายามร้องถามว่าพวกเขาเป็นใครกัน แต่คำตอบที่ได้ยินกลับมา ทำให้เธอแทบทรุดล้มลงไปกองกับพื้น ซึ่งมัน คือ ข้อเสนอของมิสเตอร์ดานิล ช่างสร้างประหลาดให้เธอ และสร้างความเจ็บปวดร้าวถึงทรวงหัวใจให้เธอนัก

'คุณผู้หญิงแค่อยู่เฉยๆ หนี้สินทุกอย่างทางตระกูลวาดิติน อเล็กซานดรูว์ จะจัดการให้หมด ทุกๆ อย่างเองครับ'

'พะ...พวกคุณเป็นใคร!'

'เป็นใครนั้น คุณผู้หญิง ควรจะต้องไปหาคำตอบเอง ที่มอสโก ในฐานะภรรยาของท่านดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์' จากนั้นอันนาก็จำอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เธอยังไม่ยินยอมกับเรื่องพวกนี้เสียด้วยซ้ำ และแล้วพอตื่นขึ้นมา เธอได้อยู่ที่มอสโกเรียบร้อย อันนาอยากจะตะโกนร้อง ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่า ตลอดเส้นทางที่เธอได้นั่งอยู่บนรถแวนคันโตมานั้น มันมีเพียงภาพของผืนป่าอันเงียบครื้นๆ สุดลูกหูลูกตา

“พวกนายจับฉันมาทำไม!” อันนาร้องถามเป็นภาษาอังกฤษหลังจากตั้งสติกับชีวิต ณ เวลานี้ได้ ซึ่งพวกคนชุดดำดังกล่าว น่าจะตอบคำถามให้เธอกระจ่างมากกว่านี้หน่อย ในเมื่อระหว่างนั่งรถมานั้น พวกเขาได้เอ่ยบอกประวัติของเจ้านายตน ให้เธอทราบคร่าวๆ แล้ว แม้มันจะเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น อุ้งมือหนาใหญ่ของคนชุดดำไม่คิดจะตอบคำถามของเธออีกต่อไป เขาดิ่งเข้ามาคว้าแขนบางเล็กๆ และออกแรงดึงกระชากสุดแรง แค่ครั้งเดียวอันนาก็ปลิวลิ่วไปตามแรงของคนชุดดำตัวโตคนนี้แล้ว

“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! ฉันไม่ยอมเข้าไปในนั้นนะ ปล่อย!!!” อันนาเกิดอาการตื่นหวาดหวั่นอย่างปั่นป่วน หายใจไม่ทั่วท้องไส้ มันช่างดูน่ากลัวมากแค่ไหน เพราะเธอกำลังเข้ามายังดินแดนที่ไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ ยิ่งพี่อนันท์จบชีวิตลง ต่อหน้าต่อตาของเธอเอง และยังไม่มีโอกาส วิ่งเข้าไปหาร่างศพพี่ชายแม้แต่ก้าวเดียว เพราะคนชุดดำพวกนี้แหละ อันนากรีดร้องลั่นไปทั่วทุกหนแห่ง รอบๆ พื้นที่คฤหาสน์วาดิติน พวกคนชุดดำร่างยักษ์ก็ไม่สน เสียงอันแว้ดๆ หวีดร้องจนแสบแก้วหูของหญิงสาวชาวเอเชียผู้นี้

ในที่สุดร่างของอันนาก็ถูกทิ้งลงบนเตียงใหญ่อันนุ่มๆ พอเธอพยายามยืนหยัดลุกขึ้นมา ก็พยายามวิ่งพรวดดิ่งไปยังประตูห้องที่คนชุดดำกำลังปิดใส่หรือขังเธอเอาไว้ในห้องนี้ มือเล็กทุบประตูหนาใหญ่ระรัวจนเจ็บมือระบวมด้วยหวาดกลัวมากกว่า กลัวห้องนอนสีเหลี่ยมอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ น้ำตาของเธอไหลพราก พรั่งพรูสะอื้นไห้ออกมาด้วยความกลัวจับหัวใจ ทั้งยังสูญเสียพี่ชายไปอย่างไม่มีวันกลับมาแล้ว ชีวิตเธอมีแต่พี่ชายเท่านั้น ส่วนด้านคุณพ่อแม่บังเกิดเกล้าได้จบชีวิตด้วยอุบัติเหตุลง เมื่อตอนเธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญยิ่งนัก หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับพี่อนันท์ตลอดมา

“ทุบไปให้มือของเจ้า มันกระดูกหัก มันก็เปิดไม่ออกหรอกนะ อันนาที่รัก” สุรเสียงทุ้มดังปานระฆังก้องกังวานเอ่ยขึ้น หญิงสาวคนเอเชียสะดุ้งตกใจและชะงักค้างตัวแข็งทื่อทั้งน้ำตา ก่อนจะเริ่มตัวสั่นๆ ดั่งลูกนกที่ถูกจับเข้ามาใส่ไว้ในกรงอันใหญ่ไพศาล อันนายังคงตัวสั่นเทาหันหลังให้ผู้ชายคนนั้น มือบางทั้งสองข้างที่พยายามทุบประตูห้องนอนของเขานั้นก็สงบลงแล้ว เพราะมีอย่างอื่นเข้ามาแทรกจิตใจอันบอบช้ำแห่งสูญเสียชั่วพริบตาของเธอแทน คือ ผู้ชายวัยชราภาพ ชื่อ มิสเตอร์ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์

“ปะ เปิดสิ ประตูบ้า เปิดๆ” อันนาพึมพำสะอื้นไห้ด้วยภาษาของตนเอง เวลานี้เธอเกิดความหวาดกลัวมากที่สุดเท่าชีวิต แต่แล้วชายคนวัยชรา กลับฟังออกทุกคำ และเขาก็ฟังออกทุกภาษานั้นแหละ เรือนร่างใหญ่โตวัยชรา ก้าวเท้าตรงดิ่งมาหาหญิงสาว ที่เขาได้เฝ้าโหยหาด้วยความคลั่งแค้น ตลอดสองร้อยหกสิบปี! และในที่สุดเขาก็หาเธอจนพบ แม้จะต้องทนรอจนกว่า หญิงสาวเติบโตให้เต็มวัยก็ตาม อุ้งมือหนาคว้าหนึบมาที่ข้อมือเล็กๆ เป็นข้างที่เธอนั้นพยายามทุบพังประตูห้องนอนของเขา พร้อมจับพลิกหันตัวเรือนร่างบางให้มาเผชิญหน้ากับเขาอย่างจังๆ เต็มสองลูกดวงตาแห่งกาลเวลาอันยาวนาน

“กรี๊ดดด” อันนาหวีดร้องเสียงหลงสุดลำคอ ก่อนจะต้องตกตะลึงค้างกับบุรุษตรงหน้าอย่างชิดใกล้แนบเนื้อผิวของเธอ เพราะว่าชายชราวัยหกสิบปีนั้น มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลางดงามไร้ที่ติบนโลกนี้มีด้วยหรือ นี่มันชายหนุ่มเต็มวัยชัดๆ นัยน์ตาสีดำขลับอันผ่านโลกนับร้อยๆ ปีพุ่งจ้องมองหญิงสาวอันนา ที่ดูเหมือนจะกรีดร้องไม่ได้หรือไม่ออก เพราะกำลังตัวแข็งทื่อค้างเป็นหิน ก่อนจะเหยียดยิ้มเยาะหยันออกมา คงคิดว่าเขาจะเป็นตาแก่หนังเหี่ยวๆ ติดกระดูกและหน้าตาอัปลักษณ์สินะ ถ้าหญิงสาวคนใดได้เห็นรูปโฉมของเขาก็ต้องกลายร่างเป็นหินนิ่งๆ แบบที่อันนาเป็นอย่างนี้แหละ ฝ่ามือหนาที่ยังว่างอยู่อีกข้าง ก็เริ่มขยับและตบแปะเข้าที่ใบหน้านวลสวยวัยละอ่อนของอันนา เพื่อเรียกสติกลับมา แต่ว่าดูเหมือนจะแรงเกินไปหน่อย จนเธอหลงร้องกรี๊ดเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด

เจ็บจนหน้าชาไปหมด อันนาถึงกับน้ำตาแตกพราก และกั้นน้ำเสียงสะอื้นร้องไห้เอาไว้ไม่อยู่ พลางคิดถึงชะตาชีวิตของเธอคงจะมีจุดจบเลวร้ายแบบนี้สินะ ใบหน้าหล่อเหลา ไร้หนวดเครา ไร้ความเหี่ยวย่นของเนื้อหนังมังสา รูปเรียวใบหน้านั้นแข็งเรียบตึง ไม่มีแม้กระทั้งรอยตีนกาเสียด้วยซ้ำ พอลอบมองผ่านลำคออันมีโครงแกร่ง อันนาก็รับรู้ได้มาว่าเขากำลังเปลือยครึ่งตัว! โดยที่ส่วนล่างตรงช่วงเอวลงไปจะปกปิดด้วยผ้าขนหนูหนาสีดำ ส่วนท่อนบนตั้งแต่เอวขึ้นมา ช่างแกร่งแข็งแรงจนเผยให้เห็นรูปร่างอันมีสัดส่วนสมบรูณ์แบบเป็นมัดๆ ด้วยซิกแพดเรียงรายชั้นยอด อันนาร่ำไห้จนใบหน้าแดงก่ำมากพออยู่แล้ว บวกกับสิ่งที่ลอบมองเห็นก็ยิ่งแดงระเรื่อก่ำจนเข้มกลายเป็นลูกตำลึงสุก และก็สลับกับใบหน้านวลซีดเผือกสั่นเทามากว่าเดิมเป็นเท่าตัว เมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของเขา หนีไม่พ้นว่าเขากำลังเตรียมที่จะทำอะไรเธอ

“ฮือๆ หยะ...อย่าคิดจะทำฉันเลยนะ ได้โปรด” อันนาเปล่งเสียงบอกพร้อมพยายามดิ้นขัดขืนให้หลุดจากอุ้งมือของเขา ดูเหมือนว่าหนุ่มดานิล แค่จ้องนิ่งๆ และใช้มือหนาข้างที่เหลือจับข้อมือบางเล็กของเธอที่พยายามปัดปกป้องและผลักไสเขาอยู่นั้น ขึงกางออกแนบชิดประตู เรียวแรงของบุรุษเพศช่างมหาศาลนัก

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ อันนาที่รัก” น้ำเสียงที่เอ่ยมานั้นช่างดูเกรงขามไร้ความนุ่มนวล ยิ่งดวงตาทมิฬที่จ้องทะลุตัวของอันนาในสภาพอันร้องห่มร้องไห้ ดูเขาจะพึงพอใจนักเหลือเกิน

“ฉะ...ฉันไม่เคยพบคุณ...” อันนาเอ่ยอย่างละล่ำละลักด้วยทั้งความหวาดกลัว ทั้งอาการร่ำไห้สุดหัวใจ ยิ่งเห็นดวงตาสีนิลเข้มของชายหนุ่มดานิลกระตุกเป็นเหมือนดั่งดวงไฟเผาผลาญ

“หึๆ ไม่เคยพบ ใจร้ายกับข้าเหลือเกิน อันนาที่รัก อ้อ...จะว่าไปแล้ว เธอ...มันมีจิตใจอำหิตเสียมากกว่า...” ดานิลเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ แต่ทำไมคนฟังถึงกับมีปฏิกิริยาเหมือนโดนเข็มเทิ้มที่หัวใจเป็นร้อยๆ เล่ม เจ็บและเริ่มหายใจไม่ออก

“ชะ...ช่วยด้วย ฮือๆ หายใจไม่ออก...”

“แค่หายใจไม่ออก มันยังน้อยไป อันนาที่รัก เจ้าจะต้องได้รับความเจ็บปวดมากกว่านี้!”

“ชะ...ช่วยด้วย” หายใจไม่ออก อันนาร้องรำพันในลำคอ เธอกำลังจะตายใช่ไหม ตายได้ก็ดีจะได้ไปหาพี่ชาย ไปหาคุณพ่อคุณแม่ ม่านดวงตาเล็กเริ่มขาวโพลนจนมองไม่เห็นอะไรอีก ก่อนจะทรุดแนบนิ่งไปกับกับเรือนร่างแกร่งกำยำ ไม่เหมือนกับอายุอันเยอะตามวันนาของเขา

“ระยำ เอ้ย! มาตายตอนนี้ไม่ได้นะ นังผู้หญิงใจอำหิต!” ดานิลคำรามร้องกระหึ่ม จนหัวใจของอันนากระตุกวูบลืมตาขึ้นมาจนสุด พร้อมสูดรับเอาอากาศเข้าปอด ก่อนจะทรุดนั่งลงไปกับพื้นพรม หนุ่มดานิลปล่อยเธอออกและถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว พร้อมกัดกรามดังกรอบๆ นี่เขาเล่นงานเธอเกือบตายเลยงั้นหรือ การรอคอยอันยาวเกือบจะหมดหายไปอีกแล้ว ดวงตาเล็กของอันนาพร่ามัวๆ มืดๆ ก่อนจะปิดลงและสลบไปโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย

“บัดซบ!” ดานิลอยากจะเข้าไปเขย่าร่างบางนั้นให้ตื่นขึ้นมาพบตนอีกหน แต่เขากลับเข้าไปรวบอุ้มร่างของเธอขึ้น และพามาที่เตียงนอนอันใหญ่กว้างของเขา แม้เตียงนอนมันกว้างใหญ่ แต่มันไม่เคยมีความอบอุ่นเลย เกือบสองร้อยหกสิบปีมาแล้ว ที่เขาขาดเรือนร่างบางเล็กๆ นี้อยู่เคียงข้างกาย

“บ้าฉิบ! นี่ข้ากำลังใจอ่อนงั้นเรอะ” ใช่! เขากำลังมีความรู้สึกว่ามีความใจอ่อน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีหัวใจในอกแกร่งตรงกลางข้างซ้ายนี้นะ ในเมื่อเขาเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่า ถ้าได้เจอเธออีกครั้ง จะขอระบายความคลั่งแค้นให้สาสมกับหัวใจที่เธอเอาไปซ่อนไว้ตลอดสองร้อยหกสิบปี เขาไม่มีหัวใจ หรือก้อนเนื้อแห่งชีวิตที่มันน่าจะเต้นดังตึกตักในอกแกร่ง แต่มันกลับไม่มีเลย เพราะทว่า อันนาหญิงที่เขา ทั้งรักทั้งเกลียดชังเอามันไปทิ้งใน ณ ที่ อันไกลแสนไกลโพ้น และเธอก็จากไป พร้อมกับหัวใจของเขา ดานิลแทบบ้าคลั่งจนเจียนตายทั้งเป็น แต่ก็ตายมิได้ เนื่องจากร่างกายของเขาเป็นอมตะ ซึ่งมนุษย์ทุกคนย่อมอยากได้มันนักหนา ทว่าดานิลกลับไม่ต้องการชีวิตอันเป็นนิรันดร์นี้ และเขาอยากรู้นักว่าอันนาปล่อยให้เขาออกตามหาและรอคอยเนิ่นนานเป็นร้อยๆ ปี ไปทำไมกัน!
“นังผู้หญิงใจอำหิต! ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าจะให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม ตลอดสองร้อยหกสิบปีนี้”



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 1 คำสั่งแค้น (คำสั่งใจ)

อริฌา : Talk

แวะมาเปิดเรื่องใหม่ค่ะ ฝากเม้นๆด้วยนะคะ
เรื่องเก่าๆ ยังไม่จบเลยอ่ะ T^Tv




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2556, 13:43:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2557, 17:56:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1707





   บทที่ 1 คำสั่งแค้น (คำสั่งของหัวใจ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account