ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ

หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี

ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้

ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป

หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร

"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว

ตอน: ตอนที่ 16

ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ
ณพรชล^^



16.

“แล้วพอพี่สกายกลับถึงบ้าน คุณท่าน...เอ่อ...คุณพ่อว่าอย่างไรบ้างคะ” ธัญพัชรเอ่ยถาม ขณะที่ทั้งคู่เดินทางจากกลับซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง

หลังกลับจากไหว้เจดีย์เก็บอัฐิของพ่อแม่ที่แท้จริงของกายนภัสนิ์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันอีกเลย เพราะคุณยุพเรศก็ดึงตัวเธอไปเป็นตุ๊กตาลองชุด อีกทั้งยังให้ช่วยทำขนมไปแจกจ่ายบรรดาคนงาน ส่วนกายนภัสนิ์ก็มีประชุมสรุปผลประจำเดือนภายในบริษัทผ่านวีดิโอออนไลน์เกือบทุกวัน กว่าที่ทั้งคู่จะได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้งก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งสัปดาห์

“ตอนนั้นหรือคะ” รอยยิ้มที่หญิงสาวเห็นบ่อยๆ นับตั้งแต่มาพักที่ไร่จินดานุวัตน์ก็ปรากฎขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่สารถีในวันนี้

“เป็นครั้งแรกเลยนะคะ ที่พี่ได้คุยอย่างเปิดอกกับพ่อแม่ ท่านทั้งสองเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต รวมทั้งสาเหตุที่ทำไมถึงไม่อยากให้พี่เรียนอยากที่พี่ตั้งใจ แต่สุดท้ายพวกเราก็พบกันครึ่งทางค่ะ พ่ออนุญาตให้พี่เรียนอย่างที่พี่ฝันไว้ แต่พี่ก็ต้องไปเรียนต่อโทกับเอกบริหารที่อังกฤษตามที่พ่อต้องการ” และมันก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เขากับพ่อกอดกันร้องไห้กับเรื่องในอดีตและสัญญากันว่าจะเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกัน

“ดีจังเลยนะคะ ที่พี่สกายผ่านพ้นปัญหาครั้งนั้นไปได้ด้วยดี” หญิงสาวยิ้มตอบอย่างอ่อนหวาน

“เอ...ว่าแต่ วันนี้แม่ครัวคนสวยของพี่จะทำอะไรให้พี่กินคะเนี่ย เห็นซื้อของมาเพียบเลย” กายนภัสนิ์เปลี่ยนเรื่องมากระเซ้าคนข้างกาย ที่วันนี้ชวนเขาออกมาซื้อของอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ก็พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของพี่สกายไม่ใช่หรือคะ ปลายก็เลยอยากได้วัตถุดิบสำหรับทำเค้กช็อคโกแลต เป็นของขวัญวันเกิดให้พี่สกายไงคะ นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่กระซิบบอกปลายเมื่อคืน ปลายก็คงยังจำวันเกิดของพี่สกายไม่ได้” หญิงสาวตอบตามตรง อย่างไม่คิดจะเก็บความลับอะไรไว้ให้เจ้าของวันเกิดได้เซอร์ไพรซ์เลย ซึ่งชายหนุ่มเข้าใจดีว่าทำไม จึงดึงมือของหญิงสาวมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา

“แฟนใครคะเนี่ย น่ารักจัง”

“ปลายเพิ่งจะรู้นะคะเนี่ย ว่าพี่สกายเป็นคนขี้ตู่ ใครแฟนพี่สกายกันคะ”

“โอเคค่ะ! ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นเป็นว่าที่เจ้าสาวของพี่แทนแล้วกันนะคะ”

“บ้า! ไม่ใช่สักหน่อย” หญิงสาวปฏิเสธทันควันพร้อมทั้งจุดแดงระเรื่อระบายเต็มแก้มนวล

ส่วนกายนภัสนิ์ยิ้มละไมด้วยหัวใจเปี่ยมสุข โดยไม่ยอมให้มือของหญิงสาวหลุดจากอุ้งมือของเขาได้ แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามดึงมือกลับแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้ชายหนุ่มกุมมือเธอไปตลอดทางกลับไร่



กว่าสองหนุ่มสาวจะกลับมาถึงไร่จินดานุวัฒน์ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน แต่เพียงแค่ก้าวเข้ามาในส่วนของโถง ทั้งคู่ก็พบว่าแขกที่มาเยี่ยมเยียนไร่คือ หญิงสาวผมทอง ที่มีแว่นกันแดดอันโตบดบังใบหน้ารูปไข่ไว้เกือบครึ่ง แต่งกายเปรี้ยวจี๊ดด้วยเสื้อสายเดี่ยวสีเหลืองสดใสและกางเกงขาสั้นสีขาวเผยเรียวขาสวย ข้างกายมีกระเป๋าใหญ่ตั้งอยู่ และที่สำคัญมือของหล่อนกุมมือเด็กชายตัวน้อยอายุประมาณห้าหกขวบ เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นทั้งสองก็รีบวิ่งเข้ามากอดชายหนุ่มทันที

“ยัยดาว! มาร์คัส!” กายนภัสนิ์อุทานอย่างตกใจที่เห็นสองแม่ลูกมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาที่เมืองไทย แทนที่จะอยู่ที่อังกฤษ

“เซอร์ไพรซ์!” สองแม่ประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง อีกทั้ยังหอมแก้มชายหนุ่มคนละข้าง

“มาที่นี่ได้ยังไงกัน”

“ก็เค้ามาเซอร์ไพรซ์ฮันนี่ไงคะ ฮันนี่ไม่ดีใจเลยเหรอคะที่เราสองคนมาเซอร์ไพรซ์วันเกิด เค้าอุตสาห์ลงจากเครื่องปุ๊บแล้วรีบขับรถมาหาถึงไร่ เราสองคนยังไม่ได้นอนกันเลยสักชั่วโมง เค้ากับลูกคิดถึงฮันนี่ที่สุดเลยนะคะ”

“ใช่ฮะแดดดี้! ผมก็คิดถึงแดดดี้ที่สุดเลยฮะ คิดถึงมากกว่ามัมมี้อีก” เด็กชายตัวน้อยพูดอย่างไม่ยอมแพ้คนเป็นแม่
คำพูดเด็กชายเปรียบเสมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางหัวใจของหญิงสาวที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัวสุขสันต์ ในหัวของเธอตอนนี้มีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันไปหมด งุนงง สับสน โกรธ ที่สำคัญที่สุดคือ...เสียใจ

กายนภัสนิ์ที่มัวแต่ตะลึงกับการเซอร์ไพรซ์ของสองแม่ลูก ก็รู้สึกได้ถึงมือที่เขากุมอยู่เย็นเหยียบราวน้ำแข็ง เมื่อหันกลับไปก็พบแววตาเศร้าที่เต็มไปด้วย ความผิดหวัง เจ็บช้ำฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวย ทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม

‘...ครั้งแรกที่ปลายรู้จักคำว่า ‘เซอร์ไพรซ์’ ก็คือตอนที่พ่อพาแม่นันเข้ามาในบ้านค่ะ...ตอนนั้นพ่อมารับปลายกับต้นจ๋ากลับจากโรงเรียน แต่พอถึงบ้านก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กชายที่อายุพอๆ กับปลายมายืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมทั้งกระเป๋าเดินทาง...’

นี่เขาลืมไปได้อย่างไรกันว่าเธอมีความหลังกับเรื่องเซอร์ไพรซ์ แล้วยัยตัวแสบก็มาได้จังหวะเสียด้วย ธัญพัชรรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจที่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อของเธอ คำพูดหวานหู การกระทำที่แสดออกว่ารักเธอ มันคงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาสินะ
...นี่คงหมดเวลาที่เธอจะฝันหวาน และควรกลับมาสู่ความเป็นจริงได้แล้วสินะ...

เธอในตอนนี้ไม่อาจเข้มแข็งพอที่จะมองเห็นครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้าได้อีกต่อไป มือบางค่อยๆ ดึงออกจากการเกาะกุม กระบอกตาร้อนผ่าว เธอค่อยเดินออกจากบ้านหลังนั้น ก่อนที่จะออกวิ่งไปอย่างไร้ทิศทาง

“น้องปลาย!” กายนภัสนิ์ร้องเรียกหญิงสาวที่ตอนนี้หายไปจากสายตาเขาแล้ว เขาอยากจะรีบวิ่งตามเธอไปแต่ติดอยู่ตรงที่เจ้าลูกลิงเกาะเขาเสียแน่น

“ยัยดาวไถ! รีบมาแกะเจ้าลิงนี่ออกจากขาพี่เดี๋ยวนี้” กายนภัสนิ์เอ่ยเสียงเรียบ สาวผมทองรีบคว้าลูกชายมากอดไว้ ก่อนจะรั้งแขนกายนภัสนิ์ เมื่อเห็นชายหนุ่มตั้งท่าจะวิ่งตามหญิงสาวอีกคนไป

“มาร์คัสครับ! มาหามัมมี้ก่อนนะครับ อ่ะ! เดี๋ยวสิคะ! พี่สกาย! มีอะไรกันเหรอคะ แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้ใครกันคะ”

“อย่าเพิ่งมาถามอะไรตอนนี้ แล้วอย่าคิดที่จะหนีกลับก่อน ไม่งั้น...”กายนภัสนิ์หันมาบอกด้วยสายตาเย็นเหยียบจนคนฟังขนลุก ก่อนจะปลดมือที่รั้งเขาไว้แล้วรีบวิ่งไปในทิศทางที่ธัญพัชรหายไป



หลังจากที่เธอวิ่งหนีภาพบาดตาบาดความรู้สึกออกมาเรื่อยๆ อย่างไร้ทิศทางจนมาถึงโรงเรือนเพาะกล้วยไม้ที่กายนภัสนิ์เคยพาเธอมา ร่างบางทรุดตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรงทั้งกายและใจ น้ำตาที่ไม่เคยไหลอีกนับตั้งแต่ที่ได้ร้องไห้กับอกของกายนภัสนิ์ในครั้งนั้น ก็หลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่ความทรงจำต่างๆ เรื่องราวของเธอและกายนภัสนิ์วนเวียนอยู่ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ ทุกคำพูดอันหวานหู ทุกการกระทำอันอ่อนโยนของเขา ช่างเหมือนกับพ่อไม่มีผิด ทำไมนะ! ทำไมกัน! คนที่เธอรักถึงได้มีแต่ความหลอกหลวง เธอได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตกอยู่ในอก หัวใจของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีชิ้นดี แต่ละชิ้นล้วนแต่บาดหัวใจ บาดความรู้สึก บาดความทรงจำที่มีต่อกายนภัสนิ์แทบทั้งสิ้น

มือเรียวหยิบแหวนเพชรที่ร้อยอยู่กับสายสร้อยขึ้นมาดู นับตั้งแต่คืนที่กายนภัสนิ์สวมให้ เธอก็ไม่เคยให้สร้อยเส้นนี้ห่ายจากกายเธอเลย ความทรงจำแสนหวานในคืนที่เขาเอ่ยขอเธอแต่งงานวนกลับมาอีกครั้ง ยิ่งทำให้น้ำตาไหลรินหนักกว่าเดิม

‘แหวนวงนี้ มันคงไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วสินะ ของของคนหลอกลวงจะเก็บเอาไว้ทำไมให้ปวดใจ’

ในขณะที่เธอตั้งใจจะปลดสร้อยออก ก็มีมือปริศนาเอาผ้ามาปิดปากปิดจมูกเธอ ด้วยความตกใจเธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิต กลิ่นฉุดกึกที่เธอเผลอสูดดมเขาไป ทำให้สติเธอหลุดลอย แต่สำนึกสุดท้ายก็ยังคงนึกถึงแต่คนที่เพิ่งทำร้ายจิตใจเธอ...พี่สกาย

“แหม! วันนี้ฟ้าช่างเป็นใจให้พวกเราเสียเหลือเกินนะ” เสียงของผู้ชายที่เป็นคนโป๊ะยาสลบดังขึ้น

“ใช่! กว่าจะตามหาคุณหนูปลายข้าวเจอ กว่าจะหาจังหวะที่คุณหนูจะอยู่คนเดียว ก็เสียเวลาไปเกือบเดือน อย่างนี้มันต้องถอนทุนคืน” ชายหน้าเหี้ยมอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางหื่นกาม

“พวกมึงอย่าเพิ่งมาพูดไร้สาระกันตอนนี้ได้ไหมวะ รีบอุ้มคุณหนูไปเร็วเขาเดี๋ยวถ้ามีใครเห็นแล้วจะพากันซวยหมด” คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าออกคำสั่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งหายไปจากตรงนั้น




“น้องปลาย! น้องปลายคะ! น้องปลาย!” กายนภัสนิ์ตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณโรงเรือนเพาะกล้วยไม้ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีคนงานอยู่บริเวณนั้นเพราะเลยเวลาเลิกงานมาหลายชั่วโมงแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มโรยรา แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวที่เขาตามหาเลย แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ริมทางเดิน

’แหวนกับสายสร้อย’ ที่เขาให้ธัญพัชรไว้ตอนที่พาเธอไปกระท่อมครั้งแรก เขาจำได้แม่นว่าสร้อยเส้นนี้ธัญพัชรใส่ติดตัวตลอดเวลา แต่ทำไมมันถึงมาตกอยู่ตรงนี้ได้ เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าสายสร้อยไม่ได้หลุดออกจากห่วงแต่กลับมีรอยขาด

ธัญพัชรอาจจะดึงกระชายสร้อยจนขาดเพราะอารมณ์โกรธ แต่ธัญพัชรไม่ใช่คนที่จะทำลายข้าวของแม้ว่าจะโกรธใครมากแค่ไหนก็ตามเขารู้นิสัยเธอดี อย่างมากเธอก็แค่เก็บของสิ่งนั้นไว้อย่างมิดชิดหรือไม่ก็ยกให้คนอื่นไป ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะทำให้ข้าวของเสียหาย

“นายน้อย! มาทำอะไรแถวนี้ครับ” เสียงของสุชาติคนงานในโรงเรือนกล้วยไม้ดังมาจากด้านหลัง

“นายชาติ เห็นคุณปลายข้าวผ่านมาแถวนี้ไหม” กายภัสนิ์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ใครคนงานสงสัยว้ากิดอะไรขึ้น

“ไม่เห็นนะครับ ผมเพิ่งจะเดินมาเปิดไฟตรงหลังโรงเรือนเมื่อกี้นี้เองครับ มีอะไรหรือเปล่าครับนายน้อย” คำพูดของสุชาติ ทำให้หัวใจของกายนภัสนิ์กระตุกวูบ

เพราะจากเรือนใหญ่มาถึงที่นี่ก็ไกลพอสมควร และทิศทางที่หญิงสาววิ่งมาก็สิ้นสุดลงที่นี่ เธอไม่น่าจะวิ่งไปไกลกว่านี้ เพราะถัดจากโรงเรือนเพาะกล้วยไม้ก็เป็นบ่อน้ำ และส่วนที่กำลังก่อสร้างโรงเรือนหลังใหม่ กายนภัสนิ์กำสายสร้อยและแหวนไว้แน่น พยายามข่มความกลัวบางอย่างที่เกิดขึ้นไว้ให้ลึกสุดหัวใจ

...น้องปลายของเขาหายตัวไป แล้วก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...




เสียงพูดคุยเฮฮาตามประสาคนเมาดังโวกเวก ปลุกให้คนที่หลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เธอมองเห็นคือเพดานที่กรุกระจกสะท้อนให้เห็นสภาพเธอในตอนนี้ถูกมัดมือ มัดเท้าอยู่กลางเตียงขนาดคิงส์ไซด์ ผนังรอบห้องเต็มไปด้วยรูปภาพหญิงสาวที่อวดเรือนร่างในชุดวาบหวิว บางรูปก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น และยังมีกล้องวีดีโอตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ยิ่งทำให้เธอตัวสั่นตัวความกลัว

‘ที่นี่มันที่ไหนกัน’ เธอร่ำร้องอยู่ในใจ ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาเพราะกลัวไอ้พวกที่อยู่ข้างนอกจะรู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว แต่แล้วเธอก็เริ่มมีความรู้สึกว่าร่างกายของเธอมีบางอย่างที่แปลกไป

“เฮ้ย! ไอ้แหลม ไอ้เชษฐ์ พวกมึงอย่าเพิ่งเมากันจนหลับก่อนนะโว้ย เดี๋ยวถ้าคุณนิคมาถึงแล้วพวกมึงจะอดดูของดี”

“ของดีอะไรของมึงวะไอ้ยอด ถ้าไม่ติดว่าเป็นคำสั่งของนายนะ ป่านนี้กูถึงสวรรค์ชั้นสามสิบแปดไปแล้ว”

“เฮ้ย! พวกมึงนายมาแล้ว เก็บเหล้าเร็ว” เสียงของทั้งสามเงียบลงพร้อมกับมีเสียงของผู้ที่มาใหม่ดังขึ้น

“ทำไมงานที่แม่กูสั่งให้พวกมึงทำถึงได้นานนักวะ” เสียงของผู้มาใหม่ดังตามอารมณ์

“เอ่อ...คือ...พวกนั้นมันไม่ปล่อยให้คุณหนูปลายข้าวอยู่คนเดียวเลยนี่ครับ ขนาดตอนกลางคืนยังมีเวรยามเดินตรวจทั้งคืน...”

“พอแล้ว กูไม่อยากฟังคำแก้ตัวของพวกมึง แล้วของที่สั่งอีกอย่างได้มาหรือยัง”

“ได้แล้วครับ ผมเพิ่งทาที่ตัวคุณหนูก่อนที่นายมาถึงไม่นานครับ อีกสักพักยาคงเริ่มออกฤทธิ์”

“ดีมาก! เสร็จงานเมื่อไหร่เดี๋ยวกูจะตบรางวัลพิเศษให้พวกมึงอย่างงามเลย” เสียงผู้มาใหม่พูดอย่างอารมณ์ดีผิดกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง
เสียงปิดประตูพร้อมกดล็อคทำให้หญิงสาวที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางเตียงหันกลับมามอง ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา

“พะ...พี่นิค”

“แหม! ดีใจจังเลย ที่ในที่สุดน้องปลายคนสวยก็จำพี่ชายที่แสนดีคนนี้ได้สักที”



จากใจณพรชล 1 : ขอโทษนะคะ ตอนนี้มาช้าอีกแล้ว T__T

จากใจณพรชล 2 : นามปากกาใหม่ของหนู อ่านว่า นะ-พร-ชล ค่าาาาาาาา ของรางวัลสำหรับคนตอบถูก เป็นอะไรดีน้าาาาา หนูนึกไม่ออก อิอิ ล้อเล่นค่ะ ของรางวัลเป็นของฝากจากนิวซีแลนด์ ที่หนูไปมาเมื่อปีที่แล้วค่ะ

จากใจณพรชล 3 : แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^



ปอรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2556, 15:43:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2556, 15:43:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1432





<< ตอนที่ 15   
sai 24 ก.ย. 2556, 10:01:07 น.
หนูปลายยยยย ทำไมน่าสงสารขนาดนี้เนี่ยยย ใครจะมาช่วยหนูปลายทันเนี่ยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account