~AMHARA~ สุดปลายทางที่...ความรัก
“ที่ตะวันลาลับสายน้ำ...
ณ. จุดเริ่มต้นแห่งธารสีน้ำเงินที่เรียกว่าบลูไนล์
แม่น้ำสายหลักที่หลอมรวมก่อเกิดเป็นแม่น้ำไนล์อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลแห่งทวีปแอฟริกา
ดินแดนแห่งใบหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผา
ประเทศที่มีมรดกโลกมากถึง 9 แห่ง
ถิ่นกำเนิดทองคำสีดำที่รสชาติอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
ประเทศที่แสงอาทิตย์สาดส่องชั่วฤดูกาลนานถึง 13 เดือน”
“สถานที่แห่งนั้นคือ อัมฮารา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องราวของช่างภาพสาววัยใกล้สามสิบ
ที่ออกตามหานายแพทย์หนุ่มคนรักถึงแดนไกล
ในดินแดนที่เรียกว่า 'อัมฮารา'
ณ. จุดเริ่มต้นแห่งธารสีน้ำเงินที่เรียกว่าบลูไนล์
แม่น้ำสายหลักที่หลอมรวมก่อเกิดเป็นแม่น้ำไนล์อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลแห่งทวีปแอฟริกา
ดินแดนแห่งใบหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผา
ประเทศที่มีมรดกโลกมากถึง 9 แห่ง
ถิ่นกำเนิดทองคำสีดำที่รสชาติอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
ประเทศที่แสงอาทิตย์สาดส่องชั่วฤดูกาลนานถึง 13 เดือน”
“สถานที่แห่งนั้นคือ อัมฮารา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องราวของช่างภาพสาววัยใกล้สามสิบ
ที่ออกตามหานายแพทย์หนุ่มคนรักถึงแดนไกล
ในดินแดนที่เรียกว่า 'อัมฮารา'
Tags: AMHARA ,อัมฮารา, เอธิโอเปีย, รักโรแมนติก
ตอน: บทที่ 1
“ที่ตะวันลาลับสายน้ำ...
ณ. จุดเริ่มต้นแห่งธารสีน้ำเงิน..บลูไนล์
แม่น้ำสายหลักที่หลอมรวมก่อเกิดเป็นแม่น้ำไนล์
อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลแห่งทวีปแอฟริกา
ดินแดนแห่งใบหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผา
ประเทศที่มีมรดกโลกมากถึง 9 แห่ง
ถิ่นกำเนิดทองคำสีดำที่รสชาติอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
ประเทศที่แสงอาทิตย์สาดส่องชั่วฤดูกาลนานถึง 13 เดือน”
“สถานที่แห่งนั้นคือ..อัมฮารา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่...1
ภาพแผงหลอดไฟสีขาวนับสิบบนฝ้าเพดานสะท้อนผ่านม่านตาที่กำลังสะลึมสะลือตื่นอย่างมึนงง ดวงตากลมบัดนี้เรียวหรี่กระพริบปริบสู้แสงที่ยังคงสว่างจ้า ธารวารีรู้สึกตัวตื่นบนเตียงพยาบาลด้านหลังม่านยาวสีขาวภายในห้องตรวจสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่ไหน ถ้าหากว่าไม่ใช่ห้องพยาบาลในสถานเสาวภาที่หล่อนตั้งใจมาตั้งแต่เช้าเพื่อฉีดวัคซีนและรอพบกับใครบางคน
หญิงสาวพยายามชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเมื่อยขบ อาจเพราะเมื่อครู่ที่เป็นลมคงล้มไปโดนอะไรเข้าทำให้รู้สึกเจ็บที่สะโพกเป็นระยะ มือเรียวบางเอื้อมไปแง้มผ้าม่านสีขาวทันทีที่ได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อนและเสียงรองเท้าเดินสวบสาบ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อต้นเสียงที่ได้ยินโผล่พ้นม่านสีขาวเข้ามาพอดีโดยที่หล่อนไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว
“อ้าว คุณ..ฟื้นแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ ดิฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ทิวา..คุณหมอสาวแว่นโตท่าทางคงแก่เรียนวัยใกล้เคียงกันส่งรอยยิ้มให้ทันทีที่ได้ยินคำตอบ หมอทิวาที่อายุอานามน่าจะไม่มากน้อยห่างกันมากนักตามสายตาที่ประเมินผ่านๆ ธารวารีได้แต่ยิ้มแหยอย่างอับอายนึกออกทันทีว่าเมื่อครู่หล่อนเพิ่งเป็นลม จำได้คร่าวๆว่าตอนนั้นยังอยู่ที่อัฒจรรย์กลางแจ้ง สวนงู เพื่อฆ่าเวลารอพบคุณหมอรุ่นพี่ที่นัดกันไว้ก่อน ทั้งที่ไม่ชอบเจ้าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้เลยสักนิด เพียงแค่เห็นเจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่เจ้าหน้าที่กำลังสาธิตวิธีจับงูชูคอสบตากันใกล้ๆหล่อนที่นั่งหน้าสุดของแถว ขาแข้งพาลจะอ่อนจนวูบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่เสียแล้ว
“คุณเป็นลม เจ้าหน้าที่เลยพามาที่นี่ค่ะ แล้วหมอภาวัฒน์ที่นัดกับคุณไว้ก็ให้พาคุณมาพักฟื้นที่ห้องเขาก่อนค่ะ คือคุณติดต่อไว้ว่าจะมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลืองใช่มั๊ยคะ”
“ค่ะ แล้วพี่ท็อป เอ่อ คุณหมอภาวัฒน์ไม่อยู่เหรอคะ คุณหมอ..”
หมอทิวาพลิกแฟ้มเล่มบางที่เพิ่งได้รับมาจากคุณหมออีกท่านหนึ่งซื่งเอ่ยถึงเมื่อครู่สักพัก จึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาธารวารีที่นั่งจ้องอยู่อย่างสงสัย คุณหมอสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว
“หมอชื่อทิวาค่ะ เรียกหมอวาก็ได้ พอดีหมอภาวัฒน์มีประชุมค่ะ เขารีบ รอคุณฟื้นไม่ไหว เอาเป็นว่าหมอจะดูแลคุณแทนเองนะคะ ช่วยยื่นแขนขวาออกมาด้วยค่ะ ฉีดวัคซีนกันเลยดีกว่าเสร็จแล้วคุณจะได้กลับไปพักผ่อน”
“เอ๋..เข้าใจว่าให้พยาบาลฉีดซะอีกค่ะ ได้ข่าวว่าที่นี่พยาบาลมือนิ้มนิ่ม”
ธารวารีชวนคุยติดตลก หมอทิวาอมยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขันเมื่อเห็นแววตาตื่นตระหนกเล็กน้อยของธารวารีรู้ว่าหล่อนคงเกร็งพอควร ก็คนไข้ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครชอบเข็มฉีดยาเท่าไหร่นักหรอก
“ใช่ค่ะ ปกติพบหมอแล้วคุณต้องไปฉีดวัคซีนกับพยาบาลอีกห้องหนึ่ง แต่คุณเป็นกรณีพิเศษเพราะคุณหมอภาวัฒน์ขอไว้ว่าคุณกลัวมาก แต่ที่นี่ทั้งหมอหรือพยาบาลก็มือนิ้มนิ่มไม่ต่างกันหรอกค่ะ คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ”
ธารวารียิ้มแหยอีกครั้งอย่างจำยอม แล้วก็ถึงกับนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงไอเย็นของเจ้ากลิ่นฉุน แอลกอฮอล์ 70% กลิ่นที่มาพร้อมกับเข็มฉีดยา กลิ่นของมันฉุนจัดหล่อนไม่เคยชอบมันเลยสักนิด แต่ก็จำต้องฉีดบนแขนอย่างเสียไม่ได้ สักพักสีหน้านิ่วก็คลายลงเป็นถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปลายเข็มที่ทิ่มแทงแขนเนื้ออ่อนถ่ายเทเจ้าสิ่งเหลวใสออกไปจากหลอดเข้าสู่ร่างกายตนจนหมดสิ้น แล้วถูกแทนที่ด้วยความเย็นของสำลีชุบแอลกอฮอล์กลิ่นฉุนเดิม พ่วงท้ายด้วยเทปกาวแปะกันสำลีห้ามเลือดหลุด
“เสร็จแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างเจ็บมั๊ยคะ”
“ไม่ค่ะ..ไม่เจ็บ ไม่เจ็บสักนิด”
ตอบปฏิเสธไปแต่สีหน้าต่างกันลิบลับ คุณหมอสาวถึงกับอมยิ้มขันนึกรู้ว่าหล่อนกลัวเมื่อเห็นหน้าสวยๆซีดเผือดธารวารีคู่หมั้นของหมอรุจเพื่อนรุ่นพี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจนหล่อนนึกนิยมไม่น้อย ติดอยู่ที่ว่ารุ่นพี่เอาแต่ชักช้าไม่ตกลงปลงใจแต่งงานเสียที แถมตอนนี้ยังหายตัวไม่ติดต่อแม้แต่ต้นสังกัดช่างเป็นอะไรที่น่าสงสัยและเป็นห่วงยิ่งนัก
“คุณไปรอรับสมุดรับรองสักครู่นะคะ ว่าแต่จะเดินทางไปแถบแอฟริกาเหรอคะ หรือแถบบราซิล ถึงต้องมาฉีดวัคซีนป้องกัน ได้ยินว่าคุณเป็นช่างภาพ”
ธารวารียิ้มรับคำถามข้อมูลขั้นต้นค่อนไปทางละเอียดจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ปากสว่างนอกจากภาวัฒน์ หรือที่เรียกติดปากว่าหมอท็อปนั่นเอง
“ค่ะ ดิฉันกำลังจะไปหาพี่รุจที่เอธิโอเปียค่ะ”
คำตอบของธารวารีเรียกความสนใจจากคุณหมอสาวได้เป็นอย่างดี ดวงตาเรียวภายใต้แว่นกรอบหนาถึงกับชะงักมือที่กำลังขีดเขียนข้อมูลในแฟ้ม มีแววประหลาดใจแกมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ออกมาแต่กลับเสเปลี่ยนประเด็นแทน ไม่แปลกใจที่คู่หมั้นคนสวยของรุ่นพี่จะร้อนรนอยู่ไม่ติดที่ ต้องดิ้นรนไปถึงเอธิโอเปียจนได้ เพราะข้อมูลที่หล่อนได้รู้มาจากรุ่นพี่ที่ไปประจำอยู่ในแอฟริกาเล่าเรื่องหมอรุจให้ฟังอยู่บ้าง เพียงแต่หล่อนเป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดในเมื่อไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
“จะไปเซอร์ไพรส์พี่หมอรุจเหรอคะ พี่เขาคงดีใจนะ อุตส่าห์สละตัวเองเพื่อไปรักษาผู้ป่วยยากไร้ถึงที่นั่น คุณไปหาพี่หมอรุจจะได้มีกำลังใจ ก็ดีแล้วล่ะค่ะ สมุดรับรองไข้เหลืองคุณจำเป็นต้องใช้แน่ๆถ้าไปสถานที่นั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะได้รับเชื้อมา วัคซีนตัวนี้ป้องกันได้ 10 ปี เท่ากับอายุของสมุดรับรอง ถ้าครบ 10 ปีคุณจำเป็นต้องไปอีกก็ต้องมาฉีดและทำสมุดใหม่นะคะ”
คุณหมอสาวชี้แจงรายละเอียดที่ควรทราบให้ธารวารีรับรู้ ซึ่งหญิงสาวก็ตั้งใจฟังเก็บข้อมูลอย่างละเอียดยิบ ดวงตากลมใสเป็นประกายอย่างมีความหวัง ทันทีที่เตรียมการณ์พร้อมสรรพ หล่อนก็จะโบยบินไปตามหาหัวใจยังสถานที่แห่งนั้น
“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอวา”
ธารวารียิ้มตอบก่อนจะไหว้ขอบคุณแล้วพาตัวเองออกไปอย่างโล่งใจ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องก็บ่นพึมพำ
“คิดว่าจะได้ถามเรื่องพี่รุจจากพี่ท็อปซะอีก ทำไมเป็นคุณหมอทิวาไปซะได้เนี่ย แล้วฉันจะไปถามข้อมูลจากใครดี เห็นทีต้องไปกราบคุณแม่พี่รุจซะแล้วมั๊ง”
สีหน้ายุ่งยากลำบากใจขัดกับหน้าตาหวานดวงตายิ้มได้ สร้างความประหลาดใจให้ใครบางคนที่เดินสวนเข้ามายังห้องตรวจเมื่อสักครู่โดยที่ธารวารีไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำ
“คนนั้นใคร?”
เสียงคุ้นเคยเรียกความสนใจจากหมอทิวาให้เงยหน้าขึ้นมองแทบจะทันที ดวงตาหวานภายใต้แว่นหนาระริกวูบไหวดีใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของคนมาใหม่ ใจก็กระตุกวูบพร้อมคำตอบที่ให้ช่างแตกต่างกับใจคิดลิบลับ
“คนนั้นไหน?”
“หึ.. ก็คนที่ออกไปเมื่อกี้ไง”
เจ้าของเสียงห้วนถือวิสาสะลากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานออกมานั่งห่างๆด้วยท่าไขว่ห้างสูงอย่างสบายอารมณ์ ทิวาเหลือบมองกิริยาชายหนุ่มตรงหน้าผ่านแว่นหนาอย่างนึกเอือมเล็กน้อย หญิงสาวลุกขึ้นมายืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานอย่างหมั่นไส้เบาๆ
“ว่าไง..ใคร”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
คำถามน้ำเสียงกวน คนตอบก็กวนกลับไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมองสบดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเสียงอ่อนลงอย่างรู้ตัว ความเงียบปกคลุมบรรยากาศภายในห้องชั่วครู่ก่อนที่จะเปรยออกมาเบาๆ
“หน้าคุ้นๆ เราก็นึกว่าคนรู้จัก”
“ก็น่าจะรู้จักอยู่หรอก แขกคนสำคัญของพี่ท็อปเขา เธอเป็นคู่หมั้นพี่รุจ” ทันทีที่ทิวาพูดจบ ชายหนุ่มเจ้าของท่าทางยียวนกวนประสาทก็ผุดลุกขึ้นโวยวายทันที
“ทำไมไม่บอกเล่า!! แล้วป่านนี้จะไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
ทันทีที่พูดจบเขาก็วิ่งออกไปจากห้องทันที เสียงประตูปิดดังปังใหญ่ ทิวาถอนหายใจเออกมาฮือกใหญ่แววตาหม่นแสงลงอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะหอบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ออกไปจากห้องภาวัฒน์
ธารวารียืนสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกแผงยาวในห้องน้ำ ซองเอกสารและกระเป๋าถือวางไว้อยู่ข้างๆกัน ดวงตากลมสดใสขึ้นเมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อภารกิจที่ต้องการเสร็จสิ้น
“เฮ้อ อีกสิบสี่วัน เราก็จะพบกันแล้วนะพี่รุจ พี่จะดีใจมากมั๊ยที่เจอรี”
“รีคิดถึงพี่รุจจัง”
ชายหนุ่มออกตามหาหญิงสาวที่พบเมื่อครู่อย่างร้อนใจทั้งจุดรับหนังสือรับรองก็ไม่พบ เขาจำเป็นจะต้องพบหล่อนให้ได้ ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นคู่หมั้นของหมอรุจิภพ..ผู้หญิงดวงตายิ้มได้คนนั้น ทันทีที่เดินผ่านประตูห้องน้ำไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ทันเฉลียวใจ ธารวารีก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินย้อนไปยังอีกทางที่เขาเพิ่งสวนไปพอดี
ประตูรถญี่ปุ่นสีทองรุ่นเก่าถูกเปิด ธารวารีพาตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ อากาศร้อนอบอ้าวจากภายนอกทำให้หญิงสาวแทบเหงื่อตก จำต้องเปิดกระจกรถเพื่อขับไล่ไอร้อนจัดนั้นออกไป กระเป๋าถูกโยนไว้ข้างที่นั่งคนขับอย่างลวกๆ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วเร่งแอร์เบอร์แรงสุดให้เย็นเฉียบ
“ที่รัก...กลับมาฉันจะติดฟิล์มทึบๆให้แกนะ จะได้ไม่ร้อนดีมั๊ย”
ธารวารีพึมพำกับตัวเอง และเจ้าที่รัก ชื่อรถคันโปรดน้ำพักน้ำแรงของตน เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มฟังแล้วขัดหูจนธารวารีหน้ามุ่ย
“เครื่องแกก็เก่าจังแล้ว..หรือว่าฉันจะขายแกดีเนี่ย หือ ที่รัก”
“แต่อย่าเลยเนอะ ถึงจะเก่าฉันก็รักแกนะ รู้มั๊ย ห้ามเกเรก็แล้วกันนะ ที่รัก”
ธารวารีขับรถออกจากช่องจอดอย่างระมัดระวัง รถเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูอาคารเขาก็เห็นหล่อนขับสวนออกมาพอดี ดวงตากลมสบสายตาเขาโดยบังเอิญ ธารวารีมองเลยผ่านชายหนุ่มไปจนถึงหน้าประตูรั้วแต่ก็ยังมองกระจกหลังอย่างคุ้นหน้า ผู้ชายที่หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าคือใคร แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดคนนั้นกำลังมองตามรถด้วยสายตาที่ไม่สามารถบรรยายได้ถูก
**************************************************************************
คฤหาสน์สองชั้นโบราณสีขาวถูกปรับปรุงให้ดูใหม่อยู่เสมอ ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลดูแปลกตาไม่ซ้ำกับบ้านหลังใดตลอดทั่วทั้งคุ้งน้ำ บ่งบอกถึงสถานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ตลอดทั่วบริเวณบ้านอุดมไปด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ดูร่มรื่น สงบ และเป็นธรรมชาติเสียจนธารวารีต้องทึ่งอยู่เสมอยามที่ได้มาเยือน
ทันทีที่เลี้ยวเจ้าที่รักคู่ใจมาจอดยังหน้าบ้าน ประตูรั้วไม้แกะสลักสวยงามก็ถูกเปิดออกต้อนรับการมาเยือนของหญิงสาวอย่างรู้งาน
“สวัสดีค่ะ คุณรี ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณนายท่านให้หนูมารอเปิดประตูให้คุณค่ะ ทำไมวันนี้มารถได้ล่ะคะ”
เด็กรับใช้ที่ดูจะอ่อนวัยกว่าธารวารีอยู่หลายปี ไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นชื่นชม ธารวารียื่นถุงขนมตาลหอมฉุยมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“อืม ยังไม่ได้เข้าบ้าน แวะมาที่นี่ก่อนจ้ะ นี่จ้ะของฝากไม่ได้เจอกันตั้งนานสบายดีนะ มีแฟนรึยังเนี่ยเรา”
คำหยอกล้อราวกับคนกันเอง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เด็กรับใช้สาวที่กำลังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะคำหยอกล้อที่ไม่ได้ฟังมานานจากสาวสวยตรงหน้าที่หล่อนรู้แต่เพียงว่าเป็นคู่หมั้นของลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านทรงไทยที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำกั้น
“โธ่..คุณคะ แซวกันอย่างนี้หนูเขินแย่เลย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ฉันก็ทักอย่างนี้ทุกที หรือว่าลืม ไม่ได้มาแค่สองเดือนเอง”
ทักทายกันอยู่ครู่ใหญ่ ธารวารีก็นำรถเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าประตูบ้านใต้ร่มลีลาวดีต้นใหญ่ หญิงสาวกระชับถุงขนมไทยเจ้าอร่อยห่อใหญ่ พร้อมกระเช้าผลไม้ผูกโบว์สวยงามเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย
ภูบดี..เดินกลับเข้ามาภายในตัวตึกด้วยท่าทางอิดโรย สวนกับเจ้าหน้าที่ที่กำลังวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบในมือถือซองเอกสารบางอย่าง
“อะไรน่ะ”
คำถามห้วนๆของคุณหมอหนุ่มทำให้เจ้าหน้าที่สาวหยุดชะงักไปทันที หญิงสาวตอบอ้อมแอ้มนึกหวั่นคุณหมอหนุ่มที่กิตติศัพท์ขึ้นชื่อเรื่องความอารมณ์ร้อนไม่น้อย
“เอ่อ ซองเอกสารของคุณธารวารี คนไข้ของคุณหมอภาวัฒน์ค่ะ เธอลืมเอาไว้ในห้องน้ำ แม่บ้านเพิ่งเอามาให้เมื่อกี้”
“ไหน เอามานี่ซิ”
“ค่ะ ค่ะ”
ภูบดีเปิดซองเอกสารที่ด้านในบรรจุหนังสือเดินทางและสมุดรับรองการฉีดวัคซีนไข้เหลืองแล้วยิ้มอย่างขบขัน หญิงสาวดวงตายิ้มได้คนนั้นกำลังจะเดินทางไปเอธิโอเปีย แต่ดันเผอเรอลืมของสำคัญเสียได้ ประเทศที่สุ่มเสี่ยงและอันตรายไม่น้อยสำหรับการเดินทางคนเดียว หล่อนช่างห้าวหาญนักเพียงเพื่อจะไปพบคู่หมั้นที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“คุณไปทำงานเถอะ ทางนี้ผมจะจัดการเอง”
“จะดีเหรอคะ คุณหมอ”
“ดีสิ รับรองว่าผมจะส่งให้ถึงมือเธอโดยไม่บุบสลายแน่นอน
*******************************************************************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากหนังสือ ETHIOPIA เอธิโอเปีย ใบหน้า (ด้านที่ไม่) ถูกแผดเผา : คุณมณทิรา จูฑะพุทธิ : สำนักพิมพ์สามสี ค่ะ
ขอบคุณพี่นุ้ย ปริยาธร สำหรับกำลังใจและคอมเมนท์แรกด้วยนะคะ
ณ. จุดเริ่มต้นแห่งธารสีน้ำเงิน..บลูไนล์
แม่น้ำสายหลักที่หลอมรวมก่อเกิดเป็นแม่น้ำไนล์
อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลแห่งทวีปแอฟริกา
ดินแดนแห่งใบหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผา
ประเทศที่มีมรดกโลกมากถึง 9 แห่ง
ถิ่นกำเนิดทองคำสีดำที่รสชาติอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
ประเทศที่แสงอาทิตย์สาดส่องชั่วฤดูกาลนานถึง 13 เดือน”
“สถานที่แห่งนั้นคือ..อัมฮารา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่...1
ภาพแผงหลอดไฟสีขาวนับสิบบนฝ้าเพดานสะท้อนผ่านม่านตาที่กำลังสะลึมสะลือตื่นอย่างมึนงง ดวงตากลมบัดนี้เรียวหรี่กระพริบปริบสู้แสงที่ยังคงสว่างจ้า ธารวารีรู้สึกตัวตื่นบนเตียงพยาบาลด้านหลังม่านยาวสีขาวภายในห้องตรวจสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่ไหน ถ้าหากว่าไม่ใช่ห้องพยาบาลในสถานเสาวภาที่หล่อนตั้งใจมาตั้งแต่เช้าเพื่อฉีดวัคซีนและรอพบกับใครบางคน
หญิงสาวพยายามชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเมื่อยขบ อาจเพราะเมื่อครู่ที่เป็นลมคงล้มไปโดนอะไรเข้าทำให้รู้สึกเจ็บที่สะโพกเป็นระยะ มือเรียวบางเอื้อมไปแง้มผ้าม่านสีขาวทันทีที่ได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อนและเสียงรองเท้าเดินสวบสาบ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อต้นเสียงที่ได้ยินโผล่พ้นม่านสีขาวเข้ามาพอดีโดยที่หล่อนไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว
“อ้าว คุณ..ฟื้นแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ ดิฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ทิวา..คุณหมอสาวแว่นโตท่าทางคงแก่เรียนวัยใกล้เคียงกันส่งรอยยิ้มให้ทันทีที่ได้ยินคำตอบ หมอทิวาที่อายุอานามน่าจะไม่มากน้อยห่างกันมากนักตามสายตาที่ประเมินผ่านๆ ธารวารีได้แต่ยิ้มแหยอย่างอับอายนึกออกทันทีว่าเมื่อครู่หล่อนเพิ่งเป็นลม จำได้คร่าวๆว่าตอนนั้นยังอยู่ที่อัฒจรรย์กลางแจ้ง สวนงู เพื่อฆ่าเวลารอพบคุณหมอรุ่นพี่ที่นัดกันไว้ก่อน ทั้งที่ไม่ชอบเจ้าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้เลยสักนิด เพียงแค่เห็นเจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่เจ้าหน้าที่กำลังสาธิตวิธีจับงูชูคอสบตากันใกล้ๆหล่อนที่นั่งหน้าสุดของแถว ขาแข้งพาลจะอ่อนจนวูบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่เสียแล้ว
“คุณเป็นลม เจ้าหน้าที่เลยพามาที่นี่ค่ะ แล้วหมอภาวัฒน์ที่นัดกับคุณไว้ก็ให้พาคุณมาพักฟื้นที่ห้องเขาก่อนค่ะ คือคุณติดต่อไว้ว่าจะมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลืองใช่มั๊ยคะ”
“ค่ะ แล้วพี่ท็อป เอ่อ คุณหมอภาวัฒน์ไม่อยู่เหรอคะ คุณหมอ..”
หมอทิวาพลิกแฟ้มเล่มบางที่เพิ่งได้รับมาจากคุณหมออีกท่านหนึ่งซื่งเอ่ยถึงเมื่อครู่สักพัก จึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาธารวารีที่นั่งจ้องอยู่อย่างสงสัย คุณหมอสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว
“หมอชื่อทิวาค่ะ เรียกหมอวาก็ได้ พอดีหมอภาวัฒน์มีประชุมค่ะ เขารีบ รอคุณฟื้นไม่ไหว เอาเป็นว่าหมอจะดูแลคุณแทนเองนะคะ ช่วยยื่นแขนขวาออกมาด้วยค่ะ ฉีดวัคซีนกันเลยดีกว่าเสร็จแล้วคุณจะได้กลับไปพักผ่อน”
“เอ๋..เข้าใจว่าให้พยาบาลฉีดซะอีกค่ะ ได้ข่าวว่าที่นี่พยาบาลมือนิ้มนิ่ม”
ธารวารีชวนคุยติดตลก หมอทิวาอมยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขันเมื่อเห็นแววตาตื่นตระหนกเล็กน้อยของธารวารีรู้ว่าหล่อนคงเกร็งพอควร ก็คนไข้ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครชอบเข็มฉีดยาเท่าไหร่นักหรอก
“ใช่ค่ะ ปกติพบหมอแล้วคุณต้องไปฉีดวัคซีนกับพยาบาลอีกห้องหนึ่ง แต่คุณเป็นกรณีพิเศษเพราะคุณหมอภาวัฒน์ขอไว้ว่าคุณกลัวมาก แต่ที่นี่ทั้งหมอหรือพยาบาลก็มือนิ้มนิ่มไม่ต่างกันหรอกค่ะ คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ”
ธารวารียิ้มแหยอีกครั้งอย่างจำยอม แล้วก็ถึงกับนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงไอเย็นของเจ้ากลิ่นฉุน แอลกอฮอล์ 70% กลิ่นที่มาพร้อมกับเข็มฉีดยา กลิ่นของมันฉุนจัดหล่อนไม่เคยชอบมันเลยสักนิด แต่ก็จำต้องฉีดบนแขนอย่างเสียไม่ได้ สักพักสีหน้านิ่วก็คลายลงเป็นถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปลายเข็มที่ทิ่มแทงแขนเนื้ออ่อนถ่ายเทเจ้าสิ่งเหลวใสออกไปจากหลอดเข้าสู่ร่างกายตนจนหมดสิ้น แล้วถูกแทนที่ด้วยความเย็นของสำลีชุบแอลกอฮอล์กลิ่นฉุนเดิม พ่วงท้ายด้วยเทปกาวแปะกันสำลีห้ามเลือดหลุด
“เสร็จแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างเจ็บมั๊ยคะ”
“ไม่ค่ะ..ไม่เจ็บ ไม่เจ็บสักนิด”
ตอบปฏิเสธไปแต่สีหน้าต่างกันลิบลับ คุณหมอสาวถึงกับอมยิ้มขันนึกรู้ว่าหล่อนกลัวเมื่อเห็นหน้าสวยๆซีดเผือดธารวารีคู่หมั้นของหมอรุจเพื่อนรุ่นพี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจนหล่อนนึกนิยมไม่น้อย ติดอยู่ที่ว่ารุ่นพี่เอาแต่ชักช้าไม่ตกลงปลงใจแต่งงานเสียที แถมตอนนี้ยังหายตัวไม่ติดต่อแม้แต่ต้นสังกัดช่างเป็นอะไรที่น่าสงสัยและเป็นห่วงยิ่งนัก
“คุณไปรอรับสมุดรับรองสักครู่นะคะ ว่าแต่จะเดินทางไปแถบแอฟริกาเหรอคะ หรือแถบบราซิล ถึงต้องมาฉีดวัคซีนป้องกัน ได้ยินว่าคุณเป็นช่างภาพ”
ธารวารียิ้มรับคำถามข้อมูลขั้นต้นค่อนไปทางละเอียดจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ปากสว่างนอกจากภาวัฒน์ หรือที่เรียกติดปากว่าหมอท็อปนั่นเอง
“ค่ะ ดิฉันกำลังจะไปหาพี่รุจที่เอธิโอเปียค่ะ”
คำตอบของธารวารีเรียกความสนใจจากคุณหมอสาวได้เป็นอย่างดี ดวงตาเรียวภายใต้แว่นกรอบหนาถึงกับชะงักมือที่กำลังขีดเขียนข้อมูลในแฟ้ม มีแววประหลาดใจแกมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ออกมาแต่กลับเสเปลี่ยนประเด็นแทน ไม่แปลกใจที่คู่หมั้นคนสวยของรุ่นพี่จะร้อนรนอยู่ไม่ติดที่ ต้องดิ้นรนไปถึงเอธิโอเปียจนได้ เพราะข้อมูลที่หล่อนได้รู้มาจากรุ่นพี่ที่ไปประจำอยู่ในแอฟริกาเล่าเรื่องหมอรุจให้ฟังอยู่บ้าง เพียงแต่หล่อนเป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดในเมื่อไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
“จะไปเซอร์ไพรส์พี่หมอรุจเหรอคะ พี่เขาคงดีใจนะ อุตส่าห์สละตัวเองเพื่อไปรักษาผู้ป่วยยากไร้ถึงที่นั่น คุณไปหาพี่หมอรุจจะได้มีกำลังใจ ก็ดีแล้วล่ะค่ะ สมุดรับรองไข้เหลืองคุณจำเป็นต้องใช้แน่ๆถ้าไปสถานที่นั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะได้รับเชื้อมา วัคซีนตัวนี้ป้องกันได้ 10 ปี เท่ากับอายุของสมุดรับรอง ถ้าครบ 10 ปีคุณจำเป็นต้องไปอีกก็ต้องมาฉีดและทำสมุดใหม่นะคะ”
คุณหมอสาวชี้แจงรายละเอียดที่ควรทราบให้ธารวารีรับรู้ ซึ่งหญิงสาวก็ตั้งใจฟังเก็บข้อมูลอย่างละเอียดยิบ ดวงตากลมใสเป็นประกายอย่างมีความหวัง ทันทีที่เตรียมการณ์พร้อมสรรพ หล่อนก็จะโบยบินไปตามหาหัวใจยังสถานที่แห่งนั้น
“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอวา”
ธารวารียิ้มตอบก่อนจะไหว้ขอบคุณแล้วพาตัวเองออกไปอย่างโล่งใจ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องก็บ่นพึมพำ
“คิดว่าจะได้ถามเรื่องพี่รุจจากพี่ท็อปซะอีก ทำไมเป็นคุณหมอทิวาไปซะได้เนี่ย แล้วฉันจะไปถามข้อมูลจากใครดี เห็นทีต้องไปกราบคุณแม่พี่รุจซะแล้วมั๊ง”
สีหน้ายุ่งยากลำบากใจขัดกับหน้าตาหวานดวงตายิ้มได้ สร้างความประหลาดใจให้ใครบางคนที่เดินสวนเข้ามายังห้องตรวจเมื่อสักครู่โดยที่ธารวารีไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำ
“คนนั้นใคร?”
เสียงคุ้นเคยเรียกความสนใจจากหมอทิวาให้เงยหน้าขึ้นมองแทบจะทันที ดวงตาหวานภายใต้แว่นหนาระริกวูบไหวดีใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของคนมาใหม่ ใจก็กระตุกวูบพร้อมคำตอบที่ให้ช่างแตกต่างกับใจคิดลิบลับ
“คนนั้นไหน?”
“หึ.. ก็คนที่ออกไปเมื่อกี้ไง”
เจ้าของเสียงห้วนถือวิสาสะลากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานออกมานั่งห่างๆด้วยท่าไขว่ห้างสูงอย่างสบายอารมณ์ ทิวาเหลือบมองกิริยาชายหนุ่มตรงหน้าผ่านแว่นหนาอย่างนึกเอือมเล็กน้อย หญิงสาวลุกขึ้นมายืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานอย่างหมั่นไส้เบาๆ
“ว่าไง..ใคร”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
คำถามน้ำเสียงกวน คนตอบก็กวนกลับไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมองสบดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเสียงอ่อนลงอย่างรู้ตัว ความเงียบปกคลุมบรรยากาศภายในห้องชั่วครู่ก่อนที่จะเปรยออกมาเบาๆ
“หน้าคุ้นๆ เราก็นึกว่าคนรู้จัก”
“ก็น่าจะรู้จักอยู่หรอก แขกคนสำคัญของพี่ท็อปเขา เธอเป็นคู่หมั้นพี่รุจ” ทันทีที่ทิวาพูดจบ ชายหนุ่มเจ้าของท่าทางยียวนกวนประสาทก็ผุดลุกขึ้นโวยวายทันที
“ทำไมไม่บอกเล่า!! แล้วป่านนี้จะไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
ทันทีที่พูดจบเขาก็วิ่งออกไปจากห้องทันที เสียงประตูปิดดังปังใหญ่ ทิวาถอนหายใจเออกมาฮือกใหญ่แววตาหม่นแสงลงอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะหอบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ออกไปจากห้องภาวัฒน์
ธารวารียืนสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกแผงยาวในห้องน้ำ ซองเอกสารและกระเป๋าถือวางไว้อยู่ข้างๆกัน ดวงตากลมสดใสขึ้นเมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อภารกิจที่ต้องการเสร็จสิ้น
“เฮ้อ อีกสิบสี่วัน เราก็จะพบกันแล้วนะพี่รุจ พี่จะดีใจมากมั๊ยที่เจอรี”
“รีคิดถึงพี่รุจจัง”
ชายหนุ่มออกตามหาหญิงสาวที่พบเมื่อครู่อย่างร้อนใจทั้งจุดรับหนังสือรับรองก็ไม่พบ เขาจำเป็นจะต้องพบหล่อนให้ได้ ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นคู่หมั้นของหมอรุจิภพ..ผู้หญิงดวงตายิ้มได้คนนั้น ทันทีที่เดินผ่านประตูห้องน้ำไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ทันเฉลียวใจ ธารวารีก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินย้อนไปยังอีกทางที่เขาเพิ่งสวนไปพอดี
ประตูรถญี่ปุ่นสีทองรุ่นเก่าถูกเปิด ธารวารีพาตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ อากาศร้อนอบอ้าวจากภายนอกทำให้หญิงสาวแทบเหงื่อตก จำต้องเปิดกระจกรถเพื่อขับไล่ไอร้อนจัดนั้นออกไป กระเป๋าถูกโยนไว้ข้างที่นั่งคนขับอย่างลวกๆ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วเร่งแอร์เบอร์แรงสุดให้เย็นเฉียบ
“ที่รัก...กลับมาฉันจะติดฟิล์มทึบๆให้แกนะ จะได้ไม่ร้อนดีมั๊ย”
ธารวารีพึมพำกับตัวเอง และเจ้าที่รัก ชื่อรถคันโปรดน้ำพักน้ำแรงของตน เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มฟังแล้วขัดหูจนธารวารีหน้ามุ่ย
“เครื่องแกก็เก่าจังแล้ว..หรือว่าฉันจะขายแกดีเนี่ย หือ ที่รัก”
“แต่อย่าเลยเนอะ ถึงจะเก่าฉันก็รักแกนะ รู้มั๊ย ห้ามเกเรก็แล้วกันนะ ที่รัก”
ธารวารีขับรถออกจากช่องจอดอย่างระมัดระวัง รถเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูอาคารเขาก็เห็นหล่อนขับสวนออกมาพอดี ดวงตากลมสบสายตาเขาโดยบังเอิญ ธารวารีมองเลยผ่านชายหนุ่มไปจนถึงหน้าประตูรั้วแต่ก็ยังมองกระจกหลังอย่างคุ้นหน้า ผู้ชายที่หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าคือใคร แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดคนนั้นกำลังมองตามรถด้วยสายตาที่ไม่สามารถบรรยายได้ถูก
**************************************************************************
คฤหาสน์สองชั้นโบราณสีขาวถูกปรับปรุงให้ดูใหม่อยู่เสมอ ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลดูแปลกตาไม่ซ้ำกับบ้านหลังใดตลอดทั่วทั้งคุ้งน้ำ บ่งบอกถึงสถานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ตลอดทั่วบริเวณบ้านอุดมไปด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ดูร่มรื่น สงบ และเป็นธรรมชาติเสียจนธารวารีต้องทึ่งอยู่เสมอยามที่ได้มาเยือน
ทันทีที่เลี้ยวเจ้าที่รักคู่ใจมาจอดยังหน้าบ้าน ประตูรั้วไม้แกะสลักสวยงามก็ถูกเปิดออกต้อนรับการมาเยือนของหญิงสาวอย่างรู้งาน
“สวัสดีค่ะ คุณรี ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณนายท่านให้หนูมารอเปิดประตูให้คุณค่ะ ทำไมวันนี้มารถได้ล่ะคะ”
เด็กรับใช้ที่ดูจะอ่อนวัยกว่าธารวารีอยู่หลายปี ไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นชื่นชม ธารวารียื่นถุงขนมตาลหอมฉุยมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“อืม ยังไม่ได้เข้าบ้าน แวะมาที่นี่ก่อนจ้ะ นี่จ้ะของฝากไม่ได้เจอกันตั้งนานสบายดีนะ มีแฟนรึยังเนี่ยเรา”
คำหยอกล้อราวกับคนกันเอง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เด็กรับใช้สาวที่กำลังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะคำหยอกล้อที่ไม่ได้ฟังมานานจากสาวสวยตรงหน้าที่หล่อนรู้แต่เพียงว่าเป็นคู่หมั้นของลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านทรงไทยที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำกั้น
“โธ่..คุณคะ แซวกันอย่างนี้หนูเขินแย่เลย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ฉันก็ทักอย่างนี้ทุกที หรือว่าลืม ไม่ได้มาแค่สองเดือนเอง”
ทักทายกันอยู่ครู่ใหญ่ ธารวารีก็นำรถเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าประตูบ้านใต้ร่มลีลาวดีต้นใหญ่ หญิงสาวกระชับถุงขนมไทยเจ้าอร่อยห่อใหญ่ พร้อมกระเช้าผลไม้ผูกโบว์สวยงามเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย
ภูบดี..เดินกลับเข้ามาภายในตัวตึกด้วยท่าทางอิดโรย สวนกับเจ้าหน้าที่ที่กำลังวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบในมือถือซองเอกสารบางอย่าง
“อะไรน่ะ”
คำถามห้วนๆของคุณหมอหนุ่มทำให้เจ้าหน้าที่สาวหยุดชะงักไปทันที หญิงสาวตอบอ้อมแอ้มนึกหวั่นคุณหมอหนุ่มที่กิตติศัพท์ขึ้นชื่อเรื่องความอารมณ์ร้อนไม่น้อย
“เอ่อ ซองเอกสารของคุณธารวารี คนไข้ของคุณหมอภาวัฒน์ค่ะ เธอลืมเอาไว้ในห้องน้ำ แม่บ้านเพิ่งเอามาให้เมื่อกี้”
“ไหน เอามานี่ซิ”
“ค่ะ ค่ะ”
ภูบดีเปิดซองเอกสารที่ด้านในบรรจุหนังสือเดินทางและสมุดรับรองการฉีดวัคซีนไข้เหลืองแล้วยิ้มอย่างขบขัน หญิงสาวดวงตายิ้มได้คนนั้นกำลังจะเดินทางไปเอธิโอเปีย แต่ดันเผอเรอลืมของสำคัญเสียได้ ประเทศที่สุ่มเสี่ยงและอันตรายไม่น้อยสำหรับการเดินทางคนเดียว หล่อนช่างห้าวหาญนักเพียงเพื่อจะไปพบคู่หมั้นที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“คุณไปทำงานเถอะ ทางนี้ผมจะจัดการเอง”
“จะดีเหรอคะ คุณหมอ”
“ดีสิ รับรองว่าผมจะส่งให้ถึงมือเธอโดยไม่บุบสลายแน่นอน
*******************************************************************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากหนังสือ ETHIOPIA เอธิโอเปีย ใบหน้า (ด้านที่ไม่) ถูกแผดเผา : คุณมณทิรา จูฑะพุทธิ : สำนักพิมพ์สามสี ค่ะ
ขอบคุณพี่นุ้ย ปริยาธร สำหรับกำลังใจและคอมเมนท์แรกด้วยนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2556, 08:33:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2556, 08:34:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 1422
<< บทนำ |

ปลายสี 6 ก.ย. 2556, 00:29:52 น.
เท่จัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศเอธิโอเปียเหรอคะ ไม่เคยอ่านแนวนี้เลย รอติดตามนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
สรุปคือภูบดีเป็นพระเอกหรือเปล่าคะ รอลุ้นๆ
เท่จัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศเอธิโอเปียเหรอคะ ไม่เคยอ่านแนวนี้เลย รอติดตามนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
สรุปคือภูบดีเป็นพระเอกหรือเปล่าคะ รอลุ้นๆ


lovereason 7 ก.ย. 2556, 00:25:44 น.
ขอบคุณค่า คุณปลายสี ^^
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอธิโอเปียค่ะ แต่ไม่ใช่ส่วนของทะเลทราย
ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า คุณปลายสี ^^
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอธิโอเปียค่ะ แต่ไม่ใช่ส่วนของทะเลทราย
ฝากติดตามด้วยนะคะ
