Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: บทที่ 1

ฝากเรื่องแรกที่ลงในเว็บนี้ด้วยนะคะ อ่านแล้วเป็นยังไง บอกออมกันได้ค่ะ ^^
..................................................................................................................................................................

โป๊ก โป๊กๆๆ

เสียงหลายโวลูมเดี๋ยวดัง เดี๋ยวค่อย เดี๋ยวดังมากกว่าเดิมผสมแรงสะเทือนบริเวณผนังห้อง และดังระดับสูงสุดสั่นกระดูกสามชนิดในหูจนสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงทั้งหมดคงสำแดงเนื้อหาในแผ่นกระดาษหน้าหอที่ว่าจะทำการเปลี่ยนพื้นห้องใหม่ เสียงอาจรบกวนผู้พักอาศัยบ้าง ในตอนนี้ไม่ใช่แค่บ้างสำหรับเธอแล้วล่ะ

อิศยาสะลึมสะลือ ยกหัวจากหมอนไม่ถึงฟุต ทิ้งลงกลับไปอย่างหมดแรง เพิ่งหลับสนิทไปไม่ถึงสองชั่วโมงดีก็ต้องตื่นต่อให้พยายามมากกว่านี้ เธอเองอาจจะมีเสียงรบกวนพวกนี้ไประรานกันถึงในความฝัน

บรื้นๆๆ

แน่ะ มีสว่านมาด้วย ทีนี้ย้ายมาด้านซ้าย ห้องด้านซ้ายของเธอเป็นห้องสุดท้าย อยู่ติดบันไดเหล็กเล็กๆ ไม่ค่อยมีคนจะใช้เดินขึ้นเดินลง เธอเห็นห้องนี้ล็อกหลายวันแล้ว คงเพิ่งได้ฤกษ์ส่งเสียงรบกวนการนอนพร้อมๆ กัน นี่ล่ะหนา อีกอาทิตย์เดียวจะเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ ปกติไม่ได้ขยันกันมาเปลี่ยนพื้นห้อง ปีนี้คงจะถึงเวลาเปลี่ยนจริงๆ เมื่อหลายวันก่อนเธอเพิ่งเห็นเขาแปะกระดาษบอกไว้หน้าทางขึ้นหอเรื่องเปลี่ยนพื้นอยู่เหมือนกันว่าอาจจะส่งเสียงรบกวนผู้มาพักอาศัย...และก็จริง

น้องสาวเจ้าของห้องใช้ศอกยันตัวลุก ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ทำใจยอมรับสภาพต้องตื่นขึ้นมาได้แล้ว

ไปหากาแฟดื่มแก้ง่วงก็ได้ เจ้าหน้าปากซอยเธอยังไม่ได้ลองดื่มเลย... หญิงสาวเดินสะโหลสะเหลไปทำภารกิจส่วนตัวที่ห้องน้ำอันคับแคบเสร็จในเวลาไม่ถึงสิบนาที เปิดประตูที่เชื่อมกับระเบียงกว้างแค่หนึ่งเมตรไว้ใช้ตากผ้าของห้องออกไปเพื่อสูดอากาศธรรมชาติหลังจากอุดอู้อยู่แต่ในห้องกับเครื่องปรับอากาศมาตลอดคืน

กลางค่ำกลางคืนที่เขานอนกัน เธอดันเลือกใช้สมาธิเพื่ออ่านนิยาย มีเวลาจินตนาการตามตัวอักษรอย่างสุดบรรเจิด แต่ใครจะไปคิดนอกจากหลับได้ไม่เต็มที่มาฟังเสียงโป๊กๆ กลางคืนห้องชั้นบนไม่รู้จะตำน้ำพริกอะไรนักหนา เรียกให้ไพเราะเพราะพริ้งไปอย่างนั้น ใช่ว่าเธอจะเด็กน้อยไม่รู้ว่าใครข้างบนเขาทำอะไรกัน เสียงอย่างกับเตียงเขยื้อนกระทบผนังถี่ๆ แบบนั้น แต่นึกว่าตำอะไรกินดึกๆ ดื่นๆ ตอนเช้ายังมาโดนกวนจากเสียงเคาะพื้น เจาะสว่าน เทศกาลงานช่างยามเช้านี้อีก

อิศยาเดินไปไหนในห้องทีต้องคอยหลบความรก ไม่เป็นระเบียบของพี่สาวเสมอ เป็นแจ๋วประจำห้องไปโดยปริยาย จัดการเก็บกวาดห้อง ล้างชาม ล้างห้องน้ำให้เสร็จสะอาดทุกวัน ในช่วงเวลาที่สวเนตรต้องออกไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย

วันนี้เธอขอเบี้ยวพี่สักวัน...หลบลี้หนีภัยจากมลภาวะทางเสียงให้เร็วที่สุดดีกว่า

ไม่มีอะไรมาฉุดความตั้งใจให้อิศยาอยากอยู่ต่อได้อีก ยอมไปหาแดดแรงระคายผิว เพื่อเดินหากาแฟกับร้านขนมปังเจ้าใหม่ๆ ยังจะดีเสียกว่า ความฝันของเธอ เธอต้องอดทนเก็บข้อมูล รดน้ำให้มันงอกงามในทุกวัน อิศยายิ้มให้กำลังใจตัวเอง...วันนี้ที่เธอมาอยู่ตรงนี้ หันหลังให้กับพ่อมาด้วยความทระนง สิ่งที่เธอจะเอากลับไปฝากท่าน คงมีเพียงความสำเร็จเท่านั้น ถึงคิดถึงร้านคุณตามากแค่ไหน ก็ต้องอดทน

จะให้ถอยกลับไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ เหอะ ถึงจะไม่ได้เรียนเก่งต้องยืดมาจบถึงสี่ปีเต็ม กว่าอาจารย์จะปล่อยให้ไอตัวสุดท้ายขึ้นเกรดก็ไม่กี่อาทิตย์นี้เอง เกรดคลานเหนือโปรมาได้แบบไม่น่าอภิรมย์ใจของพ่อแม่นัก เรียกได้ว่าเป็นลูกสาวที่ไม่มีอะไรเด่น แต่เธอก็หยิ่งในศักดิ์ศรีพอตัว ใครๆ ก็ชอบพูดว่านอกจากทำขนม... ก็ไม่เหลืออะไรดี มันน่าน้อยใจ ใช่สิ เรียนภาษาเอกประวัติศาสตร์จบมาได้ บางเทอมยังติดโปร แต่เธอเคยเครียดกับมันที่ไหน ถึงไม่ใช่ทาง แต่เธอก็สนุกกับการได้ลองอะไรใหม่ๆ

ถึงลูกคนนี้จะไม่ค่อยเอาไหน หน้าตาแค่พอไปวัดไปวา เธอก็แอบมีความฝันเล็กๆ ที่อยากจะทำให้สำเร็จมานานเหมือนกัน...อิศยาหยุดความคิด เมื่อท้ายที่สุดร้านหน้าปากซอยที่เธอเล็งไว้นานปิด เท้าของเธอก็เดินมาถึงห้างที่เป็นโรงหนังใหญ่สถานที่ประจำของเธอ...ร้านหนังสือ

การจราจรยามเที่ยงวัน คนทำงานก็ชอบออกมาหาอะไรกินกันข้างนอก จนรถราติดเป็นกิโลเมตร อิศยาจึงเลือกเดินเตร่ดูวิว ที่ผ่านทั้งตลาด ร้านรวง ดมกลิ่นหอมๆ ของของกินจากร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าว แทนไปติดแหง็กในรถเมล์

ที่สำคัญเธอเดินมาสองสามเที่ยวแล้ว การส่องร้านกาแฟแถวนี้เป็นการสำรวจไปในตัว เธอชอบกาแฟเองด้วย และอีกอย่างก็คงจะเสาะดูว่าแถวนี้มีที่ไหนมีรสชาติคล้ายกับของเธอไหม...สำหรับในตอนนี้ เธอมั่นใจในฝีมือการชงของตัวเองมาก

อิศยาไม่ได้โม้...

มันทั้งเข้ม รสขมปร่าของกาแฟอย่างดีทำให้สัมผัสความนุ่มลึกของมัน กลิ่นหอมต้องหยุดให้ยกแก้วใกล้จมูกได้หลายวินาที หลับตาเคลิบเคลิ้ม เพิ่มเวลาในการดื่มด้วยความสุขได้...ใครจะเชื่อ อิศยาเป็นนักโฆษณาอาหารตัวยง

ตั้งแต่เล็กพ่อบอกกับเธอเสมอว่าจะฝึกให้เธอได้รู้จักทำงานเหมือนพนักงานคนหนึ่ง มีเงินเดือนให้ทุกเดือน เริ่มมาตั้งแต่แค่สามถึงสี่ขวบ เธอจะถูกพ่อพาไปเดินดูร้านของพ่อ ไปเป็นมาสคอสก์นั่งแจกยิ้มหวานคอยเรียกลูกค้าหน้าใหม่หน้าเก่าให้ติดใจ ตอนเช้าๆ ก็จะต้องออกจากบ้านแต่เช้าออกกำลังกายเป็นเพื่อนพ่อให้แข็งแรง พ่อบอกกับเธอว่า

‘ไม่ว่าอาชีพไหน ล้วนต้องใช้แรงกายแรงสมอง ถ้าไม่ทำให้แข็งแรงให้มันตื่นตัว งานจะเดินหน้าได้อย่างไร’

แต่มาหลังๆ นั่นล่ะที่เธอเลิกตื่นเช้ามาออกกำลังกาย ใช้เวลาเย็นด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งหลังมื้อเย็นไปราวเกือบชั่วโมง สามอาทิตย์ที่เธอมาเบียดเบียนที่อยู่กับสวเนตร อิศยาทำได้แค่เดินไปกลับจากหอไปห้างเท่านั้น

พ่อกับแม่ชอบชมเปลาะเธอ ว่าฝีมือการทำขนมปัง ขนมเค้ก ขนมหวานทั้งหลายของร้าน ฝีมือเธอดีกว่าพนักงานทุกคนที่พ่อเคยสอน เธอจะภูมิใจทุกครั้งเวลาที่ได้ทำขนมให้พ่อกับแม่ทาน แววตาของท่านจะมีความสุขอย่างที่เธอเองพลอยอิ่มใจไปด้วย

หนังสือร้านใหญ่ มีภาพเมนูของอาหารเรียงราย ภาพคุกกี้ขึ้นปกหนึ่ง เล่นเอาคนเพิ่งจะบินหนีออกจากรังมาหาอิสรภาพน้ำตาซึม เม้มปากแน่น รู้ตัวดีว่าเธอยังเป็นเด็กน้อยนัก เธอรู้ว่าร้าน ’คุณตา’ ร้านขนมชื่อดังในตัวจังหวัดของเธอ เหมาะกับเธอขนาดไหน แต่เธอยังอยากใช้ชีวิตนอกกรอบของท่านดูบ้าง นอกจากขนมปัง เธอเองก็รักกาแฟไม่ต่างกัน

ถ้าเปรียบขนมปังคือลมหายใจ กาแฟก็คงเปรียบได้กับจิตวิญญาณ...

ครั้งหนึ่งสมัยที่เธอเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ เธอจำได้ว่าเคยวางแผนจะสร้างร้านกาแฟควบคู่ไปกับร้านขนมปัง แต่ก็ถูกค้านหัวชนฝาจากพ่อ แม่เองก็เห็นด้วย ตรงข้ามกับพ่อที่บอกว่าเธอจะทุ่มเทมันให้กับร้านกาแฟเสียหมด จนทอดทิ้งขนมปัง อีกอย่าง ท่านบอกว่า ไม่อยากทำลายความเป็น ‘คุณตา’ ต่อให้เธอจะพร่ำบอกข้อดีของการมีร้านกาแฟมาตั้งว่าจะดีต่อลูกค้าแค่ไหน เคยแม้กระทั่งแอบมาตั้งเป็นร้านเล็กๆ หน้าร้านของพ่อ ในช่วงที่พ่อออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ต่างจังหวัด กลับมาพ่อโกรธควันออกหู ไม่รู้ว่าตอนนั้นโกรธเพราะเธอขัดคำสั่งของท่าน หรือลูกค้ามัวแต่มายืนออหน้าร้านสั่งเครื่องดื่มแทนที่จะเข้าไปซื้อขนมปังอย่างที่ควรจะเป็น ผลสุดท้าย ร้านเล็กๆ ของเธอถูกปิดตัวลงตั้งแต่นาทีนั้นมา

รอให้เรียนจบปุ๊บ เธอก็ปฏิวัติตัวเองด้วยการขนเสื้อผ้าออกมาอย่างหยิ่งทระนง หลังจากเขียนจดหมายลาไปเพียงฉบับเดียว ไม่สนใจหนึ่งวันก่อนเรียนจบว่าท่านบอกจะแต่งตั้งเธอเป็นพาติชิเย่ใหญ่แทนท่าน ถึงวันนี้ก็สามอาทิตย์พอดี ไม่มีโทรศัพท์มาต่อว่าหรือถามข่าวคราวจากเธอ อิศยาคิดว่าแบบนั้นมันก็ดี...ขอให้เธอได้ลองทำฝันก่อน

แต่เอาเข้าจริง เธอก็แอบรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก...

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์โหมโรงด้วยเครื่องดนตรีไทยจังหวะเนิบถูกสายตาคนทั้งร้านมองอย่างพิศวง คนใช้ก็แสนภาคภูมิใจยืดอกรับด้วยรอยยิ้ม เพลงโหมโรงนี้ถูกบันทึกเสียงไว้ตอนสมัยมัธยมปลายที่เธอเล่นระนาดเอกของงานโรงเรียน คุณยายที่สอนเธอเล่นดนตรีถึงกับสั่งเด็กในบ้านให้บันทึกมันเป็นคลิปวีดีโอด้วย

“ว่าไง...พี่สาว” ทักทายง่ายๆ กับปลายสาย

“ราเม็งที่หนึ่ง บอกเขาไม่ใส่ต้นหอมจะดีมาก” เสียงนิ่งติดจะเข้มงวดสั่งมาตามสาย

“ไปเขี่ยออกเอาเองเถอะ ไม่อย่างนั้นก็รอย่ากลับไปต้มมาม่าให้กินเอง” หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เกรงเสียงเหอะขัดใจจากสวเนตร “เอาน้ำหรือแห้ง ซื้อไม่ถูกใจจะมาบ่น...เดี๋ยวซื้อวัฟเฟิลเจ้าโปรดพี่สาวกลับไปฝากด้วย”

“น้ำนะ วาฟเฟิลก็เอาที่มีอัลมอนด์ ใช้เงินไปเท่าไหร่มาเบิกกับพี่” ‘พ่อสั่งเบิกมาใช้เลี้ยงน้อง’ ซึ่งคนเป็นพี่ไม่ได้กล่าวต่อ รู้ดีว่าถ้าอิศยารู้จะยิ่งพยศหนัก คนเป็นน้องไม่รู้ตัวเลยว่าที่บ้านเขาถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของลูกสาวคนเล็กจากเธอตลอดเวลา ถึงจะโกรธขนาดไหน คุณขจรก็ยังห่วงความเป็นอยู่ของอิศยาเสมอ จะว่าพ่อลำเอียง สวเนตรก็ว่าท่านน่าจะเข้าข่าย แต่เธอขอเลือกชีวิตแบบนี้อยู่ดี ให้พ่อลำเอียงรักเธอ แต่ทั้งชีวิตต้องอยู่กับสิ่งที่ท่านรัก เธอก็ไม่เอา

อิศยาสีหน้ายังยิ้มแย้ม มือข้างที่ว่างจากการถือโทรศัพท์ยื่นไปหยิบหนังสือทำเครื่องดื่มสีสวยบนหน้าปก ดวงตาพราวระยับ “ออกค่าหนังสือให้น้องด้วยนะ อยากประหยัดเงิน น้องมาอยู่ก็เลี้ยงน้องบ้าง”

“นิยายอีกแล้วเหรอ ยัยสิ้นเปลือง”

โดนบ่นท้ายเสียงถ้าอยู่ใกล้ๆ อิศยาอาจจะได้ฝอยน้ำจากปากสวเนตรเป็นของกำนัล...อิศยาอดเจ็บจี๊ดเล็กๆ ไม่ได้ อีกมุมของคนทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่องอย่างเธอ ก็คงชอบอ่านนิยายมากๆ มันโรแมนติกช่างฝันแค่ไหนถ้ามีขนมอร่อยๆ กับกาแฟ ไม่ก็ชามาควบคู่กับนิยายรักหวานบ้าง เศร้าบ้าง เจ้าแม่วิชาการเรียนจนเกือบเป็น(ประ)ศาสตราจารย์ คงไม่เข้าใจอะไรที่ละเอียดอ่อน

“ไม่ใช่ หนังสือทำเครื่องดื่มน่ะพี่สาว อยู่ที่หอทำขนมไม่ได้เลย ทำได้แค่แพนเค้กง่ายๆ กับจำพวกซาลาเปา หมั่นโถ เครื่องดื่มวัตถุดิบหาง่าย แล้วก็ไม่ต้องใช้เครื่องอบอะไรให้ยุ่งยากเหมือนขนม”

“อยากกลับไปทำขนมก็ไปทำร้านสิ จะมาอุดอู้ที่หอทำไม” บ่นได้เสี้ยววินาทีไม่รอให้น้องสาวได้ท้วง ด้วยการเปลี่ยนเรื่องตัดสายเสีย “รีบกลับมาแล้วกัน หิว ช่างข้างห้องเขาไปกันหมดแล้ว เย็นนี้จะพาไปร้านเช่านิยายอยู่หอพักด้านหลัง ไม่ไหว มาอยู่เกือบเดือนหมดค่านิยายเยอะ อยากอ่านก็ไปเช่าเอา แค่นี้นะ”

ในเมื่อไม่เสียค่านิยาย คนที่ไม่เคยอั้นกับหนังสือก็คว้าหนังสือทำเครื่องดื่มแนวใหม่ กับหนังสือทำขนมตะวันตกแต่งหน้าน่ารับประทานมาอีกเล่ม ไปจ่ายด้วยเงินส่วนตัว ในระยะเวลาไม่นานเธอสะสมคะแนนจากร้านหนังสือนี้จากบัตรพี่ไปได้กี่พันแต้มก็ไม่ได้เช็ค แต่มั่นใจว่าคงเฉียดๆ เกือบถึง

จัดการเดินหาซื้อน้ำหวาน นมข้น และโซดาเพื่อเตรียมมาทำเครื่องดื่มอย่างง่ายที่หอพัก พร้อมน้ำตาล แป้งสาลี ยีสต์ ผงฟู งา ลูกเกดซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าคว้ามันอย่างเคยชินติดมือมาในตะกร้าอย่างไรตอนที่ออกมาซื้อของที่ห้างใกล้กัน มันคงเป็นไปตามความเคยชิน อิศยายิ้มจางๆ คิดถึงร้านจับใจ แต่เธอจะกลับไปก็ต่อเมื่อ ร้านกาแฟของเธอได้ก่อกำเนิดขึ้น เหมือนที่เธอทิ้งข้อความไว้ในจดหมาย ถ้าไม่มีพรพิรุณอยู่ที่ร้านของพ่อในตอนนี้ เธออาจจะจากร้านมาไม่ได้อย่างสบายใจ เธอเชื่อว่าบางทีลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเธอน่าจะเหมาะกับร้านของพ่อยิ่งกว่า

‘ถึงพ่อที่รัก...ย่ารู้ ว่าย่าดื้อ อาจจะอกตัญญูในสายตาของพ่อมากๆ ด้วย ย่าขอโทษค่ะ แต่ย่าขอเวลาไม่นาน ก่อนที่ย่าจะกลับไปรับปริญญา ย่าจะสร้างร้านของย่าขึ้นมาให้ได้ และต้องดีด้วย ถ้าย่าทำไม่สำเร็จ ย่าจะยอมกลับไปอยู่ในร้านของพ่อ พ่อจะให้ย่าทำตำแหน่งลูกจ้าง ขัดพื้น กรรมกรแบกหามอะไรก็ได้ ย่าจะยอมรับสภาพโดยดีให้ย่าได้พยายามก่อนเถอะนะคะ อีกอย่างย่าเชื่อว่าอุ่นต้องดูแลร้านของพ่อได้ดี ให้อุ่นเขาได้พิสูจน์ตัวไปพร้อมๆ กับย่าได้ไหมคะ...ลูกรักของพ่อ อิศยา’

ถุงหลายถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ ทั้งของที่เพิ่งซื้อ และราเม็งของพี่สาวที่ไม่รู้ว่าอืดหรือยัง วันนี้อิศยานึกอยากให้ตัวเองมีลูกจ้างคอยช่วยถือเหมือนทุกที ไม่ก็ผู้ชายแมนๆ สักคน แต่ใครก็ตามที่คิดมาก้อร่อก้อติกเธอ จะโดนคุณพ่อผู้หวงลูกสาวมาก ไล่ตะเพิดเผ่นแน่บไปหมด แถมยังกำชับให้เธอแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด เป็นสาวเป็นแส้ต้องรักนวลสงวนตัว เวลาไปเรียนทีกระโปรงนักเรียน นักศึกษา เธอยาวจนเกือบกวาดพื้นได้ เดินไปไหนก็ลำบากเหลือคณา แต่มันก็ติดจนเป็นนิสัย ชุดอยู่บ้านหรือออกไปไหน ตัวเสื้อเกือบจะเป็นคอเต่า

อิศยาว่าหน้าตาเธอก็ธรรมดา รวมกับโครงหน้าโดยรวมแม่ชอบบอกว่าหน้าของเธอมองได้ไม่เบื่อ คิ้วเรียวเป็นเส้นบางเฉียบ ตากลมโตสีดำสนิท ขนตาไม่สั้นไม่ยาว จมูกนิด ปากหน่อย ส่วนพ่อชอบบอกว่าเธอน่ะเหมือนตุ๊กตา เธอเองก็ไม่รู้ เพราะไม่ใช่คนหลงรูป วันๆ หนึ่งชอบทำตัวเองเฉิ่มๆ เชยๆ ตามที่ท่านแนะ แต่ก็มีคนชอบของเฉิ่มๆ เชยๆ แบบเธอไม่น้อย จนคนเป็นพ่อยังบ่นว่าทำไมลูกสาวคนเล็กถึงได้ขายดีนัก

เธอล่ะค้าน ยังไม่ทันได้ขายก็ถูกพ่อปฏิเสธที่จะขายไปหมด...

“ชงยังไงไม่ได้เรื่อง กาแฟมาเป็นผง ถามจริงชงเป็นหรือเปล่าฮะ” เสียงเอ็ดตะโรของลูกค้าผู้ชายตัวเล็กสวมชุดสูทในร้านคาเฟ่เล็กๆ กรุกระจก หน้าคอนโดฟ้าเทาหลายตึกที่เธอผ่านบ่อยๆ บริเวณด้านหน้าทางเข้าจัดทำเป็นร้านกาแฟและขนมน่านั่ง เธอเคยมานั่งอยู่ครั้งหนึ่ง เพราะเป็นนักตระเวนบุกคาเฟ่ชิมขนมกาแฟอยู่แล้ว ประตูร้านที่เปิดทิ้งไว้ทำให้เธอได้ยินบทสนทนานั้นชัดเจน

หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่น มองคนเสียงดังวางแก้วกาแฟกับโต๊ะกระจกจนน้ำกระฉอก พ่นเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

“ไปเรียกคุณเดี่ยวมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปบอกให้เขาไล่เธอออก ชงไม่เป็นยังกล้ามาชง วันหลังเอาน้ำล้างห้องน้ำมาเลยก็ได้นะ!”

หญิงตัวเล็กผอมใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำ มีชื่อร้านตรงกลางผ้า กำลังยืนก้มหน้ารับตัวสั่นงันงก อิศยารู้สึกไม่พอใจ แต่พยายามใช้เลือดนักบริการเข้าสู้ วางของลงบนโต๊ะที่ว่าง

ในร้านมีลูกค้าอยู่อีกแค่สองโต๊ะ แต่อิศยาไม่อยู่ในโหมดสนใจรอบข้าง

“ต่อให้เป็นลูกค้า คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะคะ กาแฟแก้วแรกชงไม่ดี หรือมีข้อผิดพลาด ก็ให้เขาชงใหม่ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ขนาดนี้ค่ะ กาแฟแก้วเดียวทางร้านชงให้ใหม่ได้อยู่แล้ว” ควบคุมอารมณ์ พูดตอบโต้อย่างใจเย็น พร้อมเอาตัวเองไปยืนขวางร่างของบริกร

“เด็กอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วยฮะ!”

“ถ้าไม่ถูกปาก บอกกันดีๆ ได้นี่คะ จำเป็นด้วยหรือเปล่าที่เอ็ดตะโรสร้างปัญหาแบบนี้” คนถูกว่าเป็น ‘เด็ก’ หรี่ตามองคนเจ้าปัญหา “เอาอย่างนี้ไหมคะ ฉันจะให้น้องเขาชงใหม่ ให้ทุกคนในร้านนี้ได้ชิม ถ้ามันแย่ขนาดนั้นจากปากทุกคนบอก ฉันจะจ่ายค่ากาแฟเอง แต่ถ้ารสไม่ได้แย่อย่างที่คุณว่า” หยุดแล้วกวาดมองทุกคนที่นั่งอยู่อีกสองโต๊ะ คนหนึ่งเป็นสุภาพสตรีชาวต่างชาติที่กำลังมองมาอย่างสนใจ สตรีผมบลอนด์ผู้นั้นยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เธอน่าจะเข้าใจภาษาไทยดี ส่วนอีกคนที่นั่งมุมมืดจนมองหน้าไม่ชัด ดูจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งใดนอกจากคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ อิศยาหันกลับมายิ้มหวานให้ลูกค้าเจ้าปัญหาคนเดิม “คุณต้องเลี้ยงลูกค้าทุกคนในร้านนี้...ตกลงไหมคะ”

ถึงจะไม่ยุติธรรมเท่าไหร่กับข้อเสนอ แต่คนที่ได้ลิ้มรสกาแฟแย่ๆ ก็รีบตอบรับข้อตกลงนั้นทันที เพราะเชื่อว่าไม่มีทางที่เขาจะเสียเงินไปอย่างแน่นอน โดยไม่ทันได้เห็นมุมปากเรียวคลี่ยิ้มถูกใจ รีบหันกลับมาลากเด็กสาวที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบเข้ามาด้านในเคาว์เตอร์ร้าน เพื่อนอีกคนรีบส่งผ้าขนหนูสะอาดยื่นมาให้เช็ด

“เจ้าของร้านไปอยู่ที่ไหน”

“พี่เดี่ยวเขาไปทำธุระค่ะ ส่วนนุ้ยเพิ่งมาทำได้ไม่นาน กาแฟก็เลยยัง...” ไม่ต้องให้คนยื่นผ้าที่เพิ่งเข้ามาถึงตอนเกิดเหตุพูดจบ อิศยาพยักหน้ารับรู้ได้ด้วยดี

“แล้วน้องชงเป็นไหม” ถามคนที่ตอบคำถามกับเธอเมื่อครู่

“เป็นค่ะ แต่ว่า ยังไม่ถึงขั้นพี่เดี่ยว ตอนนั้นแวบไปเข้าห้องน้ำ เลยไม่ทันรับลูกค้า”

“คุณผู้หญิงคนนั้นเขาชอบดื่มกาแฟรสชาติไหน แล้วคุณผู้ชายโต๊ะโน้นล่ะ บอกพี่มา เดี๋ยวพี่จะสอนชงกาแฟกันตรงนี้แหละ” พูดเสียงเบา โดยให้เสียงเพลงในร้านช่วยพรางเสียงพูด ทั้งสามรวมหัวกันใกล้ขึ้น โดยมีพนักงานในร้านอย่างซีที่อยู่มานานรีบอธิบายด้วยความเต็มใจ อะไรบางอย่างในดวงตาของผู้มาช่วยเหลือ บอกกับทั้งสองว่า ผู้หญิงรุ่นพี่คนนี้ ไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเอาหน้าตาตัวเองมาประกัน

ยี่สิบนาทีต่อมา กาแฟทั้งสามถ้วยจากฝีมือของนุ้ย ถูกนำไปเสิร์ฟจนครบทุกโต๊ะ อิศยายืนผ่อนลมหายใจรอคำตอบหลังจากเธอควบคุมการทำโดยให้นุ้ยเป็นคนลงมือ มีเธอกำกับ และซีเป็นคนคอยบอกความชอบของลูกค้า ว่าปกติรสชาติที่เดี่ยว ผู้จัดการของร้านชงนั้นเป็นรสชาติแบบใด เธอเห็นนุ้ยเกร็ง และสีหน้าหวาดหวั่น แต่เมื่อได้รับกำลังใจ เธอก็ทำมันออกมาได้ไม่เลว

สีหน้ายิ้มแย้มมีไมตรีจิตของหญิงกลางคนชาวต่างชาติ ส่งคำพูดเดียวสั้นๆ ที่ทำให้นุ้ยยิ้มแก้มปริ มือที่ประสานรอคอยราวกับเด็กเพิ่งจะสอบพรีเซนต์เทชั่นหน้าชั้นเรียน “Good Flavor”

อิศยาเห็นสีหน้าคุณลูกค้าเจ้าปัญหาชะงักค้างเพียงแค่จิบแรก สีหน้ามองตรงมายังอิศยาแบบจงใจ ไม่เหลือบแลไปยังนุ้ยที่ยืนหน้าซีด เพราะรอคำตอบจากแขกในร้านอีกสองคน

“เธอเป็นคนทำใช่ไหม เธอโกงฉัน ตอนแรกรสชาติมันไม่ใช่แบบนี้ มันห่วยแตกมาก”

หญิงสาวยิ้มเย็น ไม่ถือสาหาความกับประโยคกระแทกใจนุ้ยอย่างจัง “คนเรามีสิทธิ์แก้ตัวไม่ใช่เหรอคะ คุณก็จ้องจับผิด เอ้ย สังเกตสังกาตอนพวกเราทำตลอด” ปลดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวด้วยท่วงท่าสบาย สีหน้าลูกค้าร้อนตัวอย่างเห็นได้ชัด “ฉันไม่ได้แตะเครื่องชงด้วยซ้ำ ฉันแค่สอนเขาทำเฉยๆ”

“นั่นแหละ เธอโกงฉัน”

นุ้ยกับซีมองหน้าลูกค้าและผู้ช่วยเหลือสลับกันไปมาอย่างกังวล

“ขนาดคุณยังบอกว่ารสชาติของมันดี ผมเองก็เห็นแบบนั้น” คนที่เงียบสนิทมานาน มีเสียงทุ้มนุ่มกล่าวเนิบ ภายในมุมร้านที่แสงไฟตกกระทบไม่มาก อิศยามองเห็นเพียงแค่โครงหน้าของเขา สนใจอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเฮของสองสาวก็เรียกเธอไปสนใจแทน ซีกับนุ้ยจับมือเธอไว้คนละข้างอย่างขอบคุณ

ลูกค้าเจ้าปัญหากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย ไม่ได้แค้นที่ต้องมาจ่ายเงินเลี้ยงคนทั้งร้าน แต่เสียหน้าที่มาแพ้เด็กเมื่อวานซืนมากกว่า “แพ้ก็แพ้ เท่าไหร่มาเก็บเงินเถอะ” สองสาวรีบกุลีกุจอทำตาม

อิศยายิ้มโล่งอก เดินมาโต๊ะของลูกค้าเจ้าปัญหา ก้มศีรษะขอโทษลูกค้าซึ่งเขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก “ขอโทษที่ทำให้คุณเสียหน้านะคะ แต่ว่าดิฉันมองเห็นคุณประจานน้องเขาไม่ได้ ฉันรู้ว่าผิดที่ทางร้านปล่อยให้น้องเขาที่ไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่มาชงกาแฟ แต่คงเพราะสุดวิสัยจริงๆ ให้อภัยที่น้องเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าได้เอาเรื่องเขาเลยนะคะ ส่วนดิฉันคุณจะโมโหโกรธายังไงก็ได้ไม่เป็นไรค่ะ” ก้มค้างอยู่อย่างนั้นจนเป็นลูกค้าเสียเองต้องรีบพูดตะกุกตะกัก รู้สึกอารมณ์หงุดหงิดหายเป็นปลิดทิ้ง

“เฮ่ย ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้...ไม่เป็นไรหรอกน้อง พี่เองก็ใช้อารมณ์มากไป” สรรพนามเปลี่ยนอย่างเป็นกันเองทันที อิศยาได้เห็นรอยยิ้มไม่ถือสาจึงยิ้มตอบไป “เพิ่งมาทำงานที่นี่หรอ พี่ไม่เคยเห็น ปกติเจอแต่คุณเดี่ยว”

คนมายุ่งเรื่องของคนอื่นทำหน้าเก้อกระดาก จะให้ตอบได้อย่างไรว่าเธอจุ้นจ้านเอง ได้แต่ตอบเสียงอ่อย “เปล่าหรอกค่ะ แค่ผ่านมาเจอ แล้วจุ้นเอง” สีหน้าเจื่อนเต็มที

อดีตลูกค้าเจ้าปัญหาได้ยินหัวเราะร่วนถูกใจ ยกกาแฟแก้วที่อิศยาสอนเด็กในร้านชงขึ้นดื่มหมดแก้ว “มีฝีมือนะเนี่ย ขนาดสอนเด็กที่ชงไม่เป็นได้รสกลมกล่อมขนาดนี้ เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ไหนหรือเปล่า เผื่อพี่จะได้ไปชิม”

อิศยาส่ายหน้า ปอยผมสะบัดไปตามกรอบหน้าได้รูป “ไม่มีหรอกค่ะ ย่ากำลังมาหาทำเลดีๆ ทำร้านอยู่เหมือนกัน” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนามอย่างรู้งาน คุยกันไปได้อีกสองสามประโยคอิศยาได้ยินนุ้ยกับซีรีบวิ่งมาสะกิดเธออย่างดีใจว่า

“คุณเดี่ยวขยับรถจอดอยู่นั่นค่ะ พี่ย่าอยู่เจอคุณเดี่ยวก่อนสิคะ”

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเขาหาว่าพี่จุ้น ย่าไปก่อนนะคะ” หันมาบอกลาลูกค้าที่เคยเจ้าปัญหา บอกลาอย่างเป็นมิตร บอกว่าเขาทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ที่เดียวกับพี่สาวของเธอ อิศยาไม่มีเวลามากกว่านั้น หันไปยิ้มให้สตรีผมบลอนด์ โบกมือลาสองสาว รีบกวาดถุงกว่าสิบใบเต็มสองมือ กระโจนออกจากร้านทันหนุ่มตี๋ผู้จัดการเข้ามาเฉียดฉิว

อิศยาไม่ได้กังวลกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอปัญหาแบบนี้บ่อยๆ ตั้งแต่เล็กจนโต เธออยู่กับร้านของบิดามานาน เจอลูกค้าหลากหลายรูปแบบ หลายครั้งที่ออกบูธเอาร้านไปตั้ง พบเจอลูกค้าหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจำเป็นต้องคำนึงถึงไม่ต่างจากลูกค้าก็คือพนักงานของเรา

‘นอกจากต้องรักษาไว้ให้ได้ เรายังต้องปกป้องลูกน้องของเรา ให้ความยุติธรรมกับลูกน้อง และไม่ลืมใส่ใจลูกค้า อย่าเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ทั้งลูกค้า และลูกน้อง คือหัวใจของคนทำงานแบบเรา’ พ่อของเธอสอนมาแบบนั้น และแสดงการปกป้องลูกน้อง ให้เกียรติลูกค้าอย่างดี เป็นอีกครั้งที่อิศยาขอบคุณพ่อของเธอ

วูบหนึ่งที่เธอเห็นภาพตวาดใส่บริกรหญิงในร้าน อารมณ์ของเธอก็เดือดพล่าน มันคงเป็นภาพตอกย้ำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2556, 20:44:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:07:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2222





   สถานที่ในฝัน >>
จ๊ะจ๋า 15 ก.ย. 2556, 22:35:04 น.
ดูจากชื่อเรื่องคิดว่าแนวแฟนตาซี


icewinter 17 ก.ย. 2556, 00:07:24 น.
เข้ามาอ่านค่ะ คอยติดตามนะคะ


ผักหวาน 4 ต.ค. 2556, 16:15:21 น.
ชอบนิยายของคุณจังเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account