เกลียดนักที่รักเธอ(รีไรท์)

Tags: บูเกต์ พีชญา นนท์

ตอน: บทนำ-ตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ เอานิยายเรื่องเก่าที่ตีพิมพ์นานมาแล้วมารีไรท์ใหม่เพื่อทำเป็นอีบุ๊ค ฝากติดตามด้วยนะคะ (สำหรับเรื่อง เพียงเธอคนนี้อยู่ระหว่างการปรับแก้อะไรหลายๆ อย่าง นักอ่านท่านไหนที่เคยติดตามต้องขอโทษด้วยนะคะ)

เกลียดนักที่รักเธอ

บทนำ

บูเกต์ช่อกลม… จัดช่อด้วยดอกกุหลาบสีขาวกับดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าและใบซิลเวอร์ดอลลาร์ ปลิวหวือออกจากมือของเจ้าสาวแสนสวยแล้วลอยคว้างอยู่กลางอากาศท่ามกลางทะเลมือหลายสิบคู่ของสาวโสดที่มีความเชื่อว่าถ้ารับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวได้ก็จะมีสิทธิ์ถูกสอยลงจากคานได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป

หญิงสาวแต่ละคนพยายามงัดเอาความสามารถที่มีอยู่ออกมาเพื่อจะเอื้อมคว้าช่อบูเกต์ให้ได้ หากช่อบูเกต์ที่ลอยอยู่คงไม่ถูกใจสาวโสดสักคนในนั้นจึงไม่ยอมหล่นลงในมือของหญิงสาวคนใด แต่กลับหล่นปุ!ลงกับพื้น…

หนุ่มน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูในชุดทักซิโด้สีขาวผูกโบว์สีชมพู ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่รีบก้มลงเก็บช่อบูเกต์ท่ามกลางอาการตกตะลึงตาค้างของพี่ๆ สาวโสดทั้งหลายก่อนจะวิ่งตื๋อไปหาชายหญิงคู่หนึ่งทันที

“คุณแม่ครับ พ่อนนท์ น้องโน้ตเก็บช่อดอกไม้ได้ด้วย” พูดพลางโบกช่อบูเกต์ในมืออวดไปมา “อย่างงี้น้องโน้ตก็ต้องได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไปซิครับ” คำพูดคำจาที่แสดงออกว่ารู้มากขัดกับรูปร่างเล็กจ้อยอย่างเด็กน้อยอ่อนเดียงสาเรียกเสียงหัวเราะขบขันแกมเอ็นดูจากแขกเหรื่อในงาน

“แก่แดดจริงๆ เลยน้องโน้ต ไปรู้มาจากไหนฮึเรื่องได้รับบูเกต์จากเจ้าสาวน่ะ” สาวสวยรูปร่างโปร่งระหง ผมยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง เจ้าของผิวขาวอมชมพูสวมชุดราตรีสีโอลด์โรสซึ่งดึงดูดสายตาบรรดาชายโสดและไม่โสดในงานได้ไม่แพ้เจ้าสาวพูดพร้อมกับขยี้ศีรษะเล็กทุยได้รูปของเด็กแก่แดดเบาๆ

“ก็น้องโน้ตได้ยินพวกพี่สาวกลุ่มนั้นพูดกันว่า ถ้าใครได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวจะได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไปนี่ครับคุณแม่”
“นั่นเขาหมายถึงบรรดาสาวโสดต่างหากล่ะจ๊ะ ไม่ใช่หนุ่มน้อยยังไม่โตแถมไม่เลิกดูดนมอีกต่างหาก”

ครั้นถูกคุณแม่ล้อต่อหน้าประชาชี คนยังไม่เลิกดูดนมเลยทำตาคว่ำงอนตุ๊บป่องก่อนจะผละไปหาชายหนุ่มที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ แล้วฟ้องกลับ “พ่อนนท์ดูซิครับ คุณแม่ล้อน้องโน้ตอีกแล้ว”

“คิดจะแต่งงานเป็นคู่ต่อไปแล้วหาเจ้าสาวได้รึยัง” ฝ่ายคนกลางที่ถูกเรียกว่า ‘พ่อ’ ไหลไปตามน้ำไม่ขัดคอ

ริมฝีปากเล็กๆ สีชมพูอ่อนที่เคยยื่นเชิดจนเกือบติดปลายจมูกคลายออก กลับกลายเป็นรอยยิ้มกว้างประดับใบหน้า “จองไว้ก่อนได้ไหมครับ พอน้องโน้ตโตแล้วค่อยแต่ง” ถามน้ำเสียงระรื่น “พ่อนนท์เคยบอกว่าสาวๆ ชอบดอกไม้ใช่ไหมครับ” ถามแล้วก็ไม่รอคำตอบเพราะร่างเล็กป้อมออกวิ่งตื๋อตรงเข้าไปหาเป้าหมายก่อนจะยื่นบูเกต์ในมือส่งให้ “น้องโน้ตให้ครับ เราเป็นแฟนกันนะ” บอกเสียงดังฟังชัด

หญิงสาวร่างเล็กบางสูงตามมาตรฐานของผู้หญิงไทยผมสีน้ำตาลไหม้ซอยสั้นระต้นคอ เจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนสวมเดรสตัวสั้นสีฟ้า ซึ่งยืนคู่กันกับหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนใหญ่ตามสมัยนิยมสวมชุดราตรียาวสีม่วงอ่อน เบิกตาที่ปกติก็กลมโตอยู่แล้วให้โตยิ่งขึ้นแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นราวห้าวินาที ก่อนจะเอื้อมมือไปรับบูเกต์จากพ่อหนุ่มตัวกระจ้อยร่อยแต่ท่าทางคงจะแก่แดดไม่ใช่น้อยๆ แล้วหันศอกถองสาวผมยาวข้างตัวที่ปล่อยหัวเราะก๊ากจนไม่เหลือมาด

“ไว้น้องโน้ตโตแล้วเราค่อยแต่งงานกันนะ พี่ชื่ออะไรครับ” ณ จุดนี้ น้องโน้ตไม่คิดสนใจใครหรืออะไรทั้งนั้นนอกจากพี่สาวตาโตที่น่ารักได้ใจดวงเล็กๆ ของเขาไปทั้งดวง

“พี่ชื่อพี่พีชจ้ะ โตไวๆ ล่ะแล้วพี่จะรอ” เห็นความน่ารักร้าย… เดียงสาของหนุ่มน้อยแล้วพีชญาก็อดไม่ได้พลอยเล่นตามน้ำไปด้วย

“จริงๆ เลยนะน้องโน้ต ชักจะแก่แดดขึ้นทุกวัน เอาล่ะหมดเวลาเล่นสนุกแล้วได้เวลากลับบ้านไปดูดนมนอนแล้วครับ” คุณแม่คนสวยเดินตรงเข้ามากระตุกแขนลูกชายก่อนจะหันไปส่งยิ้มอ่อนใจให้หญิงสาวที่ตกเป็นเป้าหมายของเจ้าตัวแสบ “ขอโทษด้วยนะคะ”

พีชญาส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรค่ะ แกน่ารักดี กี่ขวบแล้วคะ” ต่อบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม

“วันที่ 16 เดือนหน้าน้องโน้ตก็จะขึ้นชั้นป.1 แล้วครับ” คนน่ารักดีตอบเสียเอง

“ใกล้โตเป็นหนุ่มแล้วนี่นา อย่าลืมที่สัญญากันไว้ล่ะ”

“น้องโน้ตดื่มแบรนด์ทุกวัน ไม่ลืมแน่นอนครับ” บอกโอ่ๆ จนคนเป็นแม่ที่รู้จักนิสัยกันดีได้แต่ส่ายหน้าเอือม ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งบังเอิญมารู้จักกันก็ฮากระจาย หัวเราะเสียงใส

“ลาพี่สาวได้แล้วครับสุดหล่อ พ่อนนท์รอนานแล้วนะ” คุณแม่รีบตัดบทก่อนลูกชายจะปล่อยของออกมาอีก
เด็กชายจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี “น้องโน้ตกลับบ้านก่อนนะครับ บ๊าย บาย ครับพี่พีช”

พีชญายิ้มพลางวางมือลงบนศีรษะเล็กๆ ที่อยู่ระดับเดียวกับเอวของเธอพอดีแล้วขยี้กลุ่มผมนุ่มมือนั้นเบาๆ “บ๊าย บาย ครับ นอนหลับฝันดีนะ”

“ครับ น้องโน้ตจะฝันถึงพี่พีชทุกวันเลย” ยังไม่วายหยอดส่งท้ายก่อนจะยอมให้ผู้เป็นแม่จับจูงออกไป

“เป็นโลลิค่อนเหรอแก ดูทำท่าเข้า หลงเด็กไปเต็มเปา” เสียงค่อนข้างแหลมหากก็น่าฟังของหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวข้างตัวดังแขวะขึ้นมา เมื่อเห็นว่าดวงหน้าเนียนใสของคนที่กำลังจะได้เป็นนางในฝันของหนุ่มน้อยยังฉาบยิ้มอยู่ไม่คลายขณะมองตามหลังสองแม่ลูกที่จูงมือกันก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มซึ่งเคยยืนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ทีแรก ดูเป็นภาพของครอบครัวที่น่ารักครบสมบูรณ์มีสามคนพ่อ แม่ ลูก ที่ใครๆ เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้

“ฉันไม่ใช่แกนี่ฝน จะได้หลงเสน่ห์คนแก่” พีชญายักไหล่ตอกกลับไม่ยี่หระ

“ต๊าย หยาบคายนะยะ พี่กี้ยังไม่แก่สักหน่อยเขาอายุมากกว่าพวกเราห้าปี ตอนนี้ก็แค่สามสิบสองเอง” ชลพรรษเถียงกลับ

“แค่อะไรกัน ที่ถูกคือตั้งสามสิบกว่าปีต่างหาก แก่มั่กมากกก” พีชญายังลอยหน้าลอยตาตอกย้ำว่าแก่โดยไม่ยอมแพ้

“ไอ้บ้า มาว่าพี่กี้ของฉันแก่ได้ไง สาธุ… เจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ยายพีชนิสัยไม่ดีมาว่าพี่กี้ของลูกแก่ ขอท่านโปรดช่วยลูกสุดสวยคนนี้ด้วยนะเจ้าคะ… ช่วยดลบันดาลให้ยายคนปากเสียมีแฟนแก่กว่าลูกจะได้เข้าใจหัวอกคนอื่นเสียที” คนถูกค่อนว่ามีแฟนแก่ไม่รู้จะเถียงกลับยังไงเลยยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าช่วย

“ไม่ยอมรับความจริงแล้วยังประสาทกินด้วยนะแกนี่” คนปากเสียส่ายศีรษะ “เจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่ไร้สาระบ้าจี้ไปกับแกหรอก ไม่ต้องเสียเวลาบน เพราะยังไงฉันก็ไม่ชอบคนแก่”

“ไม่ชอบแบบไหนก็ได้แบบนั้นแหละยายบ้า” ชลพรรษเข่นเขี้ยว

“ไม่ชอบแบบไหน ก็ต้องไม่ได้แบบนั้นต่างหากล่ะยายประสาท” พีชญายักคิ้วยียวนตอบกลับไม่สะทกสะท้าน







บทที่ 1

“พี่พีช หนูเช็คสต็อกและโทรไปสั่งของที่ขาดให้แล้วนะคะ นี่ค่ะรายการ” สาวผิวขาวร่างอวบสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลบริเวณกลางอกปักด้วยเส้นด้ายสีเขียวเป็นรูปต้นไม้และตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘Chill @ The jungle’ วางกระดาษแผ่นเล็กในมือลงบนเคาน์เตอร์

พีชญาเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมของแลปท็อป มือเล็กหยิบกระดาษที่ลูกน้องสาววางเอาไว้ขึ้นมาแล้วกวาดสายตาไปตามตัวอักษรเรียงเป็นระเบียบที่อีกฝ่ายบรรจงเขียนรายการวัตถุดิบที่เพิ่งสั่งเข้ามาเพิ่มก่อนจะพยักหน้า “อืม ถ้าเรียบร้อยหมดแล้วเปิ้ลก็กลับเถอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทันรถ”

ดวงหน้ากลมแป้นมีร่องรอยลังเล “ความจริงให้เปิ้ลอยู่ช่วยพี่พีชอีกชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้นะคะ เพราะกว่ารถจะหมดก็สองทุ่ม”

พีชญาส่ายศีรษะ “รถหมดสองทุ่มก็จริง แต่กว่าจะไปถึงอีกล่ะมันกี่ชั่วโมง แล้วเราก็ต้องต่อรถเข้าบ้านอีกต่อหนึ่งไม่ใช่เหรอ รีบๆ เก็บของกลับได้แล้วล่ะอย่ามัวโอ้เอ้อยู่เลย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เวลาปิดร้านแล้วด้วยพี่อยู่คนเดียวได้”

“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ” เปิ้ลพยักหน้าก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกนำไปแขวนไว้กับขอแขวนติดผนังบริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ “ตายจริง!” สาวอวบตบหน้าผากตัวเอง “หนูเกือบลืมแน่ะค่ะพี่พีช เมื่อเช้าเสี่ยเกี๊ยงโทร.มา บอกว่าถ้าพี่พีชเข้าร้านเมื่อไหร่ให้โทร.กลับด้วย”

พีชญาขมวดคิ้ว “เสี่ยเกี๊ยงเหรอ มีธุระอะไร”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนูถามแล้วแต่เขาก็ยืนยันจะคุยกับพี่พีชอย่างเดียว” พนักงานสาวชี้แจง

พีชญายักไหล่ “ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยโทร.แล้วกัน”

“หนูกลับก่อนนะคะ วันอังคารเจอกันค่ะพี่พีช” สาวอวบซึ่งมีกระเป๋าหนังสีดำประจำตัวคล้องอยู่บนไหล่เรียบร้อยแล้วกล่าวลา

“จ้า แล้วเจอกัน” พีชญามองส่งตั้งแต่ลูกน้องสาวผลักประตูกระจกก้าวออกจากร้านจนกระทั่งเห็นร่างอวบเลี้ยวเข้าตรงมุมตึกแล้วหายไปนั่นแหละจึงเบนสายตากลับมาจดจ้องอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะเลื่อนเมาส์กดบันทึกงานแล้วพับเก็บแลปท็อปเตรียมพร้อมสำหรับการควบหน้าที่เป็นทั้งพนักงานและเจ้าของร้าน

ร่างเล็กบางลุกออกจากเก้าอี้ทรงสูงด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วกางแขนออกจนสุดเพื่อยืดเส้นยืดสาย หากยังไม่ทันได้หดแขนกลับไปประจำยังตำแหน่งเดิมเสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายนกก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนผลักประตูเข้ามาภายในร้าน หญิงสาวรีบสลัดความเมื่อยล้าทิ้งไปขณะกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงสดใส

“Chill @ The jungle ยินดีต้อนรับค่ะ…” ริมฝีปากสีชมพูสดที่มักจะเปิดยิ้มอัตโนมัติยามกล่าวประโยคที่พูดติดปากเกือบทุกวันพลันชะงักไปนิดเมื่อได้เห็นว่าคนที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาเป็นใคร…

“พี่พีช… คุณแม่ครับพี่พีชว่าที่เจ้าสาวของน้องโน้ตไง เย้ ดีใจจังเลยได้เจอกันอีกแล้ว พี่พีชอยู่ที่นี่เองเหรอครับ” คนที่เพิ่งมาถึงบอกน้ำเสียงตื่นเต้น

พีชญาเพียงหัวเราะเบาๆ เชื่อแล้วล่ะว่าดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนี้กลมจริงๆ กับคนที่ได้รู้จักกันด้วยเหตุบังเอิญไม่คิดว่าจะมีโอกาสเจอกันอีก แต่แล้วจู่ๆ ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้า เด็กชายตัวเล็กกระจ้อยร่อยแต่ท่าทางจะแก่แดดไม่ใช่น้อยที่ได้เจอกันในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของเพื่อนสนิทเธอนั่นเอง

“สวัสดีค่ะ” ฝ่ายคุณแม่ซึ่งมาด้วยกันแต่ยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ส่งเสียงทักทายบ้าง

“สวัสดีค่ะ” พีชญาส่งยิ้มทักทายกลับแล้วหันไปหาหนุ่มน้อยที่เบิกตาโตเดินสำรวจไปทั่ว “อยากนั่งตรงไหนเลือกได้ตามสบายเลยนะครับสุดหล่อ” บอกยิ้มๆ

“ว้าว คุณแม่ครับมีชิงช้าด้วย น้องโน้ตนั่งชิงช้าได้ไหมพี่พีช” เด็กชายถามน้ำเสียงตื่นเต้นนิ้วเล็กป้อมชี้ไปที่ชิงช้าไม้บริเวณระเบียงด้านนอกร้าน

“ได้ครับผม แต่ทานอะไรก่อนดีไหมเอ่ย แดดเพิ่งราแสงไปเมื่อตะกี้เองคงจะร้อนอยู่นั่งรับแอร์เย็นๆ ในร้านสักแป๊ป ส่วนชิงช้าพี่พีชจะจองไว้ให้ห้ามไม่ให้ใครแย่งเด็ดขาดเลย”

“พี่พีชสัญญาแล้วนะครับ”

“สัญญาครับผม” หญิงสาวยกนิ้วก้อยยืนยัน

“ถ้างั้นน้องโน้ตนั่งบนโซฟานุ่มๆ ก่อนก็ได้แล้วค่อยไปเล่นชิงช้า” ว่าแล้วร่างเล็กป้อมก็ตรงรี่เข้าไปที่ชุดโซฟาบุผ้าสีส้มพิมพ์ลายใบไม้สีเขียวซึ่งตั้งอยู่ติดผนังกระจกมองเห็นวิวภายนอกร้านแล้วปีนขึ้นไปนั่งทันที

หญิงสาวสองคนหันมาสบตากันแล้วต่างก็หัวเราะก่อนฝ่ายที่มีบทบาทเป็นคุณแม่จะพูดขึ้นว่า “บังเอิญจังเลยนะคะ เราเจอกันสองครั้งแล้วในรอบสัปดาห์ ฉันเนตรดาวค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าเนตรก็ได้”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเนตร ฉันพีช พีชญาค่ะ”

“ร้านคุณพีชเองเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ” พีชญายิ้มรับ “พีชติดกาแฟสดไหนๆ ก็เข้าๆ ออกๆ คอฟฟี่ช็อปบำบัดอาการทุกวันอยู่แล้วเลยเปิดร้านของตัวเองขึ้นมาดีกว่าจะต้องเสียตังค์ให้คนอื่น ก็ลองผิดลองถูกทำมาเรื่อยน่ะค่ะ จวนจะเข้าปีที่สี่แล้ว” หญิงสาวร่างเล็กกล่าวติดตลก

เนตรดาวหัวเราะ “ทำมาได้เกือบสี่ปีแล้วยังจะเรียกว่าลองผิดลองถูกอยู่อีกเหรอคะ”ดวงตายาวรีคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ตู้แช่เย็นซึ่งมีขวดบรรจุเครื่องดื่มและขนมหน้าตาดูดีหลายชิ้นวางเรียงรายอยู่ภายใน “ขนมหวานเครื่องดื่มพวกนี้ที่ร้านทำเองทั้งหมดเลยเหรอคะ”

“ทำเองเฉพาะเครื่องดื่มค่ะ ส่วนขนมสั่งมาจากร้านคนรู้จัก แต่รับประกันความสดใหม่ทุกวันนะคะ ร้านพี่เขาตั้งอยู่ในซอยใกล้ๆ กันนี่เองขาดเหลืออะไรก็โทรไปสั่งกริ๊งเดียวไม่นานเขาก็เอามาส่ง”

เนตรดาวพยักหน้า “ถ้างั้นเนตรต้องขอชิมดูแล้วล่ะค่ะว่าสดใหม่สมคำโฆษณารึเปล่า”

พีชญายิ้มรับ “ยินดีค่ะ อยากชิมชิ้นไหนสั่งมาได้เลย”

“ขอเป็นเค้กช็อคหน้านิ่มกับบลูเบอร์รี่สมูทธีปั่นให้เจ้าตัวแสบก็แล้วกันค่ะ ส่วนของเนตรขอเป็นครัวซองส์กับชากุหลาบอุ่นๆ สักแก้วก็พอ”

“ได้ค่ะ เชิญคุณเนตรไปนั่งรอที่โต๊ะสักครู่ อีกไม่เกินห้านาทีทุกอย่างจะพร้อมเสิร์ฟถึงโต๊ะแน่นอน” เจ้าของร้านรับรองแข็งขันก่อนจะกระวีกระวาดจัดแจงขนมใส่จานและทำเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่ง

“ขนมมาแล้วครับ ทานให้หมดนะคนเก่ง” พีชญาวางจานเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่มลงบนโต๊ะตรงหน้าคนที่เบิกตาโตเมื่อได้เห็นของโปรด
“ถึงคุณพีชไม่บอกเจ้าหมูนี่ก็แทบจะเลียจานอยู่แล้วล่ะค่ะ ดูจากหุ่นก็น่าจะรู้” คุณแม่คนสวยล้อลูกชายยิ้มๆ

“ก็น้องโน้ตเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณแม่ไม่กินทิ้งกินขว้างไงครับ” เด็กดี… คั่นจังหวะจากการเคี้ยวตุ้ยๆ มาชี้แจง

“สรุปว่าที่น้องโน้ตอ้วนเป็นหมูอย่างตอนนี้เป็นความผิดของแม่ใช่ไหมเนี่ย”

“ใช่ครับ” ตอบรับหน้าตาย

“คำถามนี้แม่ต้องการคำตอบปฏิเสธจ้ะเจ้าหมูโน้ต” ว่าแล้วคนเป็นแม่ก็จัดการดึงแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายโทษฐานที่ปากดี

“โอ๊ย! คุณแม่ทำแก้มน้องโน้ตย้วยหมด เดี๋ยวพี่พีชก็ไม่ยอมแต่งงานด้วยพอดี” ต่อว่าหน้ามุ่ย

“แน่ะ ยังปากดีไม่เลิกอีกนะเจ้าตัวแสบ เดี๋ยวแม่จะให้พี่พีชช่วยจัดการ”

“พี่พีชน่ารักแถมยังใจดีด้วย ไม่ทำแบบคุณแม่หรอกใช่ไหมครับ” เด็กชายหันมายิ้มประจบ

พีชญาหัวเราะ “บลูเบอรร์รีสมูทธีปั่นแก้วนี้พี่พีชทำสุดฝีมือเลยลองชิมดูหน่อยสิครับถ้าละลายแล้วจะไม่อร่อยเอานะ” เสเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งก็ได้ผลเด็กชายหันไปให้ความสนใจกับเครื่องดื่มในแก้วทรงสูงตรงหน้าทันที “ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกได้ทันทีนะคะคุณเนตร”

“ขอบคุณค่ะ” เนตรดาวพยักหน้า “ความจริงเนตรขับรถผ่านไปผ่านมาหน้าร้านคุณพีชนานแล้วนะคะ แต่ไม่เคยแวะเข้ามาสักที เสียดายจังไม่น่าพลาดร้านเก๋ๆ แบบนี้ไปได้เลย Chill @ The jungle สมชื่อจริงๆ” ดวงตายาวรีคู่สวยทอประกายอ่อนละมุนบอกความรู้สึกชื่นชมขณะทอดมองไปรอบตัว

เจ้าของร้านสาวซึ่งรับหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในเองโดยไม่ได้เสียเงินจ้างมัณฑนากรมืออาชีพจากที่ไหนยิ้มภูมิใจ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับคำชม หากเธอก็ยังรู้สึกยินดีจนเหมือนตัวจะลอยได้ดังเช่นทุกครั้งที่ได้ยินคำกล่าวทำนองนี้ ร้านกาแฟตกแต่งในบรรยากาศแบบป่าดงดิบแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของพีชญา เธอสร้างมันขึ้นมาจากเงินเก็บทั้งหมดที่ได้จากการทำงานประจำในตำแหน่งดีไซเนอร์ของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังบวกกับการรับงานฟรีแลนซ์เป็น Art Consultant ให้กับบูติคโฮเต็ลและรีสอร์ตที่ต้องการสไตล์เฉพาะของตัวเอง แล้วการทำงานคลุกคลีอยู่ในแวดวงการออกแบบมานานหลายปีและใจรักทางด้านงานศิลปะทุกแขนงนั่นเองที่ทำให้การรับหน้าที่เป็นมัณฑนากรจำเป็นตกแต่งภายในร้านกาแฟของตัวเองไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกสนุกและมีความสุขมากๆ ยิ่งมีคนมองเห็นคุณค่าและร่วมชื่นชมไปด้วยก็ยิ่งรู้สึกยินดีเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาจนกลายเป็น Chill @ The jungle ล้วนแล้วแต่มีเธอเป็นผู้ผลักดัน อาจจะมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นด้วยมือของเธอ

จากพื้นที่ซึ่งเจ้าของยังไม่มีโครงการจะปลูกสร้างอะไรเลยปล่อยทิ้งไว้จนรกเรื้อเหมือนเป็นป่าดงดิบลึกลับน่ากลัวอยู่ใจกลางกรุง พีชญาได้เข้ามาดูแลจัดแต่งให้มีสภาพคล้ายสวนป่าเหมาะสำหรับการเข้ามาพักผ่อนจากนั้นก็ทำการเพิ่มมูลค่าด้วยการสร้างร้านกาแฟขึ้นมา
ป้ายร้าน Chill @ The jungle เขียนด้วยตัวอักษรสีเขียวในกรอบโลหะทาสีน้ำตาลโอ๊คติดห้อยลงมาจากเสาต้นเตี้ยข้างประตูอัลลอยลวดลายเถาวัลย์สีเขียวสลับทองคอยต้อนรับลูกค้าเป็นด่านแรก เมื่อผลักประตูเข้ามาภายในอาณาเขตของกำแพงหินเตี้ยๆ ก่อขึ้นจากศิลาแลงซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยใบสีเขียวแก่ของตีนตุ๊กแกก็จะได้สัมผัสกับความร่มรื่นอันเกิดจากร่มเงาของต้นไม้สูงใหญ่โดยรอบ ทางเดินหล่อจากปูนซีเมนต์เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม และหกเหลี่ยมซึ่งเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครด้วยลวดลายจากใบไม้หลากพันธุ์วางสลับกันไปพอดีกับจังหวะของการก้าวเดิน โดยจะทอดนำไปสู่ตัวร้าน น้ำตกจำลองและระเบียงสำหรับนั่งรับลมชมวิวด้านนอก ตัวร้านสร้างจากไม้เกือบทั้งหลัง เว้นไว้แค่ประตูและหน้าต่างที่กรุกระจกใส ภายในมีชุดโต๊ะเก้าอี้แปดชุดทำจากหวายทาสีน้ำตาลโอ๊ควางเบาะรองนั่งบุผ้าสีเขียวคู่กับหมอนอิงสีแดง มุมซึ่งอยู่ติดกับประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกมีชุดโซฟาบุผ้าสีส้มพิมพ์ลายใบไม้สีเขียว บนฝาผนังประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสวยๆ ซึ่งเป็นฝีมือการตวัดปลายพู่กันของเจ้าของร้านสาว เมื่อผลักประตูออกไปด้านนอกก็จะพบกับระเบียงไม้กว้างขวางมีโต๊ะญี่ปุ่นและเบาะรองนั่งจัดวางอยู่อีกสี่ชุด ใกล้ๆ กันเป็นโซฟาซึ่งสั่งทำมาเป็นพิเศษให้มีลักษณะเหมือนก้อนหินวางเรียงรายอยู่ด้วยกันถัดออกไปเป็นชิงช้าไม้ผูกลงมาจากต้นประดู่สูงใหญ่ โดยบริเวณนี้จะร่มรื่นเกือบตลอดเวลาเพราะได้ร่มเงาของต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณแถมยังถูกกางกั้นไว้ด้วยม่านบาหลีและเถาสายน้ำผึ้ง ครั้นพอแหวกม่านธรรมชาติออกไปก็จะได้ตื่นตากับน้ำตกจำลองซึ่งมีลักษณะเกือบเหมือนน้ำตกตามธรรมชาติทุกประการตั้งแต่กระแสน้ำที่ไหลลงมาจากผาหินสูงสู่แผ่นหินเบื้องล่าง ธารน้ำใสเย็นสามารถมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ภายใน

“คุณพีชดูแลร้านคนเดียวเหรอคะ” เนตรดาวยังชวนคุยไปเรื่อย

“เปล่าค่ะ ปกติพีชจะมีเด็กช่วยงานอยู่สองคน แต่วันนี้ไม่สบายลาป่วยไปคน ส่วนอีกคนมีธุระด่วนเพิ่งกลับไปก่อนหน้าคุณเนตรจะเข้ามา”

“งั้นวันนี้คุณพีชก็เหนื่อยแย่เลยซิคะ แถมต้องมาตอบคำถามเนตรไม่หยุดอีก ขอโทษจริงๆ ค่ะเนตรไม่รู้ เชิญคุณ
พีชตามสบายเถอะค่ะ” คุณแม่คนสวยบอกหน้าเจื่อน

พีชญาส่ายหน้ายิ้มๆ “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณเนตร มันเป็นสิ่งที่พีชควรทำอยู่แล้ว นี่ถ้าคุณเนตรกับน้องโน้ตไม่เข้ามาพีชคงเซ็งจนต้องหาเรื่องปิดร้านก่อนเวลาแน่ๆ เอาเป็นว่าถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกนะคะ อะไรไม่ถูกปากก็ติชมมาได้เลยพีชจะได้เอาไปปรับปรุง” เจ้าของร้านสาวสำทับส่งท้ายก่อนจะผละไปยังที่ประจำคือด้านหลังเคาน์เตอร์จัดการเช็ดแก้วและภาชนะต่างๆ ที่ลูกจ้างล้างคว่ำสะเด็ดน้ำเอาไว้เก็บใส่ตู้ติดผนังเหนืออ่างล้างจาน จากนั้นก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงแล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารส่วนตัวขึ้นมาสไลด์หน้าจอหาชื่อคนที่ฝากข้อความเอาไว้ให้โทรกลับ หากยังไม่ทันเห็นชื่อของคนที่ว่าก็เกิดเปลี่ยนใจวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม หญิงสาวยักไหล่ง่ายๆ อีกฝ่ายไม่น่าจะมีธุระสลักสำคัญอะไรนอกจากจะหาเรื่องพูดจาหมาหยอกไก่แทะโลมเธอเหมือนดังที่เคยเป็นมา เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงหันไปให้ความสนใจกับลูกค้าในร้านที่มีเพียงแค่สองคนแม่ลูกซึ่งนั่งอยู่ตรงมุมโซฟาสีสดแทน

เด็กชายยังคงเคี้ยวขนมเค้กสลับกับดูดน้ำปั่นจากแก้วทรงสูง พอปากเล็กๆ นั่นว่างจากอาหารเมื่อไหร่ก็ส่งเสียงแจ้วๆ ถามโน่นถามนี่คุณแม่ไม่หยุด ฝ่ายคุณแม่ซึ่งมีรอยยิ้มประดับดวงหน้าอยู่ตลอดเวลาก็คอยตอบคำถามคลายข้อสงสัยของลูกชายไปเรื่อยโดยไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญแต่อย่างใด ทั้งในมือยังถือกระดาษทิชชูคอยซับคอยเช็ดริมฝีปากเล็กๆ ที่มักจะมีเศษขนมติดอยู่ออกให้

พีชญาอมยิ้ม นานมาแล้วที่เธอเอาแต่ทำงานและงานจนแทบไม่มีเวลาได้สนใจใคร หากบูเกต์ช่อสวยจากเจ้าสาวซึ่งเป็นเพื่อนรักก็นำพาหนุ่มน้อยคนหนึ่งมาให้เธอได้รู้จัก แรกทีเธอเพียงประทับใจในความน่ารักสดใสทั้งยังสุดแสนจะมั่นใจของอีกฝ่าย ครั้นพอมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งได้พูดคุยทำความรู้จักทั้งคุณแม่และคุณลูก จากที่เคยรู้สึกดีๆ แค่ผิวเผินซึ่งไม่นานก็คงจะลบเลือนไปกลับทำท่าว่าจะไม่ใช่เพียงเท่านั้น ช่างเป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักเหลือเกิน

“อ๊ากกก…”

เสียงร้องอุทานของเด็กชายปลุกให้คนที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งลุกขึ้นพรวด แต่พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเธอก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ไปหาเจ้าของเสียงและคนเป็นแม่ที่โผเข้าไปถึงตัวเลือดในอกแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง

“ตายแล้วน้องโน้ต แม่บอกแล้วไงว่าอย่าวิ่ง ดูซิได้เรื่องจนได้ เจ็บตรงไหนบ้างลูก” เนตรดาวถามเสียงตื่น มือเล็กเรียวจับเปะปะไปตามเนื้อตัวของลูกชาย

น้องโน้ตทำหน้าเหลอหลา “อ้าว ไม่เจ็บเลยครับคุณแม่ ก้อนหินร้านพี่พีชนุ้มนุ่มสะดุดล้มไม่เจ็บด้วย ดีจังเลย” จบประโยคด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

เนตรดาวถอนหายใจ “เฮ้อ แล้วก็ร้องเสียงดังอย่างกับหมูถูกเชือด ทำแม่กับพี่พีชตกใจแทบตาย”

“คุณแม่ตกใจอยู่คนเดียว พี่พีชไม่เห็นตกใจด้วยซักหน่อยใช่ไหมครับ” เด็กชายหันมาหาแนวร่วม

พีชญาหัวเราะ “ก็คุณแม่ไม่รู้นี่ครับว่าก้อนหินร้านพี่พีชนุ่มสะดุดล้มยังไงก็ไม่เจ็บ”

“มันคือก้อนหินจริงๆ เหรอคะคุณพีช” เนตรดาวถามน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อถือขณะลูบมือไปตามก้อนสีน้ำตาลปนเทาซึ่งวางลดหลั่นกันไปคล้ายกับกองหินตามป่าเขาหรือไม่ก็น้ำตก จะต่างกันก็แค่มันอ่อนนุ่มไม่แข็งเหมือนก้อนหินเท่านั้น

เจ้าของร้านสาวส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ก้อนหินหรอกค่ะคุณเนตร แต่เป็นโซฟา” เห็นสีหน้าฉงนฉงายแสดงความประหลาดใจของคนฟังแล้วคนพูดก็แย้มยิ้มกว้างก่อนจะอธิบายต่อ “เป็นโซฟาที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้มีลักษณะเหมือนกองหินวางเรียงกันน่ะค่ะ เพื่อนที่เป็นสถาปนิกทำให้เป็นของขวัญสำหรับตกแต่งร้าน”

คุณแม่คนสวยพยักหน้ารับรู้ “เป็นเพื่อนที่น่ารักจังเลยนะคะ ว่าแต่… เพื่อนที่ว่านี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” หรี่ตาล้อเลียน

คนที่มีเพื่อนน่ารักหัวเราะเสียงใส “เพื่อนผู้ชายค่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เขาเป็นคนนิสัยดีน่ารักกับเพื่อนทุกคน”
เนตรดาวยิ้มรับก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ ฟังแทบไม่ได้ยิน

“คุณเนตรว่าอะไรนะคะ” พีชญาเลิกคิ้วถาม

ดวงตาเรียวรีคู่สวยทอประกายคล้ายหมายมาดอะไรบางอย่าง แต่ปากกลับตอบว่า“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

“น้องโน้ตมาเที่ยวที่นี่ทุกวันได้ไหมครับพี่พีช” เด็กชายที่ตอนนี้ขึ้นไปนั่งแกว่งไกวอยู่บนชิงช้าไม้ถามขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้หรอกครับ” พีชญาตอบเสียงเรียบ

“อ้าว…” อุทานเสียงเศร้า ก่อนจะรีบปรับท่าทีแล้วเอ่ยขึ้นใหม่ว่า “พี่พีชโกรธที่น้องโน้ตจองตัวพี่พีชไว้เป็นเจ้าสาวเหรอครับ ทำไมล่ะครับ น้องโน้ตชอบพี่พีชจริงๆ นะ”

คนที่ถูกจองตัว… ได้แต่หัวเราะ ขณะที่คุณแม่ของว่าที่เจ้าบ่าวส่ายศีรษะ “เฮ้อ ตาหมูโน้ต ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าโดนพี่
พีชจับโยนออกจากร้านจริงๆ เลยเชียว”

เห็นคนร่าเริงสดใสอยู่เป็นนิจหน้าเสียเพราะคำขู่ของผู้เป็นแม่ พีชญาจึงรีบเอ่ยแก้ “ที่พี่พีชบอกว่าน้องโน้ตมาที่ Chill @ The jungle ไม่ได้ทุกวันก็เพราะว่าที่ร้านจะปิดทุกๆ วันจันทร์ครับผม พี่พีชไม่ได้โกรธอะไรน้องโน้ตหรอก”

“เห็นไหมครับคุณแม่ พี่พีชใจดีจะโกรธคนน่ารักอย่างน้องโน้ตได้ยังไง” ใบหน้าง้ำงอแช่มชื่นขึ้นทันใด

เนตรดาวส่ายศีรษะ “จ้า พ่อคนน่ารัก ไม่โกรธก็ไม่โกรธ แต่ว่าน่าจะได้เวลากลับบ้านกันแล้วนะครับ กวนพี่
พีชมาตั้งนานแล้ว”

“อ้าวจะกลับบ้านเลยเหรอครับคุณแม่ ก็ไหนวันนี้พ่อนนท์บอกว่าจะพาไปทานอาหารญี่ปุ่นไง” น้องโน้ตเงยหน้าถามคุณแม่ตาแป๋ว

“พ่อนนท์เพิ่งโทรมาบอกแม่ว่าไม่ว่างไปทานอาหารญี่ปุ่นด้วยไม่ได้แล้วจ้ะ ให้พวกเรากลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านกับคุณตาคุณยาย”

คนอดทานอาหารญี่ปุ่นหน้าง้ำ “ตลอดแหละพ่อนนท์ ไม่ว่างเพราะติดนัดกับสาวๆ อีกล่ะซิ คอยดูน้องโน้ตจะฟ้องคุณยาย”

“เอ๊ น้องโน้ตนี่แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา ไปว่าพ่อนนท์อย่างนั้นได้ยังไงครับ ไม่ดีเลยรู้ไหม” เนตรดาวทำหน้าเคร่งดุลูกชายก่อนจะหันมายิ้ม “รบกวนคุณพีชคิดตังค์เลยนะคะ เสียดายจังอยากจะนั่งเล่นที่นี่นานๆ แต่วันนี้ไม่สะดวกต้องรีบกลับไปทานอาหารเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ เอาไว้คราวหน้าเนตรจะมาใช้บริการใหม่นะคะ”

พีชญายิ้มรับ “ด้วยความยินดีค่ะคุณเนตร จะมาเมื่อไหร่ก็โทรมาพีชจะได้เตรียมขนมอร่อยๆ กับชาหอมๆ เอาไว้รอ” เธอบอกพร้อมกับหยิบนามบัตรของร้านยื่นให้ว่าที่ลูกค้าประจำคนใหม่ก่อนจะทำทีเป็นคิดคำนวณในใจ “สำหรับมื้อนี้ทั้งหมดก็… ศูนย์บาทค่ะ”

“ศูนย์บาทอะไรกันล่ะคะคุณพีช ไม่เอาอย่าคิดราคากันแบบนี้ซิคะ” เนตรดาวท้วงเสียงหลง

เจ้าของร้านสาวส่ายศีรษะยิ้มๆ “อย่าปฏิเสธกันเลยนะคะคุณเนตร พีชขอใช้มื้อเล็กๆ นี้เลี้ยงเนื่องในโอกาสที่เราได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการควบกับตอบแทนบูเกต์ช่อสวยจากน้องโน้ตด้วยเลย”

เนตรดาวถอนหายใจ “คุณพีชนะคุณพีช พูดแบบนี้แล้วเนตรจะว่าอะไรได้ล่ะคะ”

พีชญาหัวเราะ “ไม่เห็นจะยากเลยนี่คะ แค่ตกลงตามที่พีชว่าก็พอ”

“ระวังเถอะค่ะเดี๋ยวเนตรกับตาโน้ตจะฉวยโอกาสให้เลี้ยงไม่เลิก” คุณแม่คนสวยย่นจมูกว่าหน้าง้ำ หากเพียงครู่ก็ถอนหายใจบอกพร้อมรอยยิ้มว่า “ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับมื้อพิเศษมื้อนี้ ทั้งครัวซองส์และชากุหลาบรสชาติถูกใจเนตรมากเลยค่ะ”

“เค้กช็อกกับบลูเบอร์รีสมูทธีก็อร่อยสุดๆ ไปเลยครับพี่พีช” น้องโน้ตโพล่งขึ้นมาการันตีรสชาติด้วยอีกคน

“ดีใจจังเลยครับที่น้องโน้ตชอบ ว่างๆ ก็อย่าลืมแวะมาทานขนมที่ Chill @ The jungle อีกนะครับพี่พีชจะรอ” เจ้าของร้านสาวโยกศีรษะเล็กๆ ด้วยความเอ็นดูพลางนึกขอบคุณบูเกต์ช่อสวยจากเจ้าสาวอันเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพแสนงามในครั้งนี้

หากความรู้สึกดีๆ ที่พีชญามีและได้รับจากคู่แม่ลูกยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น… เพราะปลายทางที่รอหญิงสาวร่างเล็กอยู่ยังมีอะไรอีกมาก ถึงจะไม่ชวนฝันดังความเชื่อตามธรรมเนียมฝรั่งที่ว่าจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แต่ก็ใช่ว่าบูเกต์กุหลาบขาวสลับกับดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าแซมด้วยใบซิลเวอร์ดอลลาร์จะเสื่อมมนตร์ขลัง เพราะเพียงปลายนิ้วสัมผัสมันก็ได้ชักนำใครบางคนเข้ามาสู่ชีวิตของเธอแล้ว…



พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2556, 11:36:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2556, 11:36:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1352





   ตอนที่ 2 >>
getup 23 ก.ย. 2556, 11:44:06 น.
รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ


OhLaLa 23 ก.ย. 2556, 12:53:39 น.
ทิ้งท้ายได้น่าค้นหาค่ะ


อาทิตา 23 ก.ย. 2556, 13:37:25 น.
กลับมาแล้วววววว


ไม้เอก 23 ก.ย. 2556, 23:09:53 น.
รอติดตามคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account