เกลียดนักที่รักเธอ(รีไรท์)

Tags: บูเกต์ พีชญา นนท์

ตอน: ตอนที่ 2

บทที่ 2

“อะไรนะ! ยกเลิกสัญญาเช่า แกทำสัญญาไว้ห้าปีไม่ใช่เหรอ ก็เหลืออีกตั้งปีถึงจะครบสัญญา นายเสี่ยเกี๊ยวหมูนั่นคิดว่ากำลังเล่นขายของอยู่หรือไงถึงจะมาบอกยกเลิกสัญญากันง่ายๆ แกอย่ายอมนะ อย่างนี้ต้องฟ้องเสียให้เข็ด ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทนายเดี๋ยวฉันจะหาให้แกเอง พี่กี้รู้จักทนายเก่งๆ อยู่หลายคน ฉันรับรองว่าฝ่ายเราต้องชนะคดี ทีนี้นะจะเรียกร้องค่าเสียหายจนอีตาเสี่ยเกี๊ยวหมูนั่นเสียคนไปเลยคอยดู!”

ชลพรรษโวยวายเสียงหลงซึ่งพีชญาก็ไม่แปลกใจเพราะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าเพื่อนต้องหัวเสียถ้าได้รับรู้ปัญหาของเธอจึงพยายามปกปิดและคิดแก้ไขเอาเอง แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นหูตาเป็นสับปะรดของแม่คนช่างสังเกต ซึ่งจับอาการผิดปกติของเธอได้ก่อนจะทำทีเป็นนัดออกมาทานอาหารด้วยกันแล้วเค้นคอถามจนเธอต้องจำใจเล่าให้ฟัง แถมพอได้รู้แล้วเจ้าหล่อนก็ไม่ยอมจบยังทำท่าจะทำให้ปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก

“มันไม่ใช่อย่างที่แกเข้าใจน่ะสิ เราจะฟ้องเสี่ยเกี๊ยงไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเขา” พีชญาบอกเสียงอ่อนระโหย

“การยกเลิกสัญญาเช่าทั้งที่ยังไม่ครบกำหนดสัญญาเนี่ยนะสิทธิ์โดยชอบธรรม แกหมายความว่าไง” อีกฝ่ายถามกลับน้ำเสียงบ่งบอกว่าเริ่มไม่แน่ใจ

“จะว่าไปแล้วมันเป็นความผิดของฉันเองแหละที่มัวแต่นิ่งนอนใจเรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ ตอนแรกที่ทำสัญญากันอาโกวกิมก็บอกไว้แล้วล่ะว่าอาจจะให้เช่าที่ได้ไม่ครบห้าปีตามสัญญา เพราะที่ตรงนั้นท่านตั้งใจจะยกให้ลูก ซึ่งลูกของท่านก็มีโครงการจะสร้างอะไรสักอย่างอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ตัดสินใจแน่นอน กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาผลได้ผลเสียประกอบกับกิจการที่มีอยู่ตอนนั้นมันล้นมือด้วยจึงยังไม่ได้ทำในทันที อาโกวเลยระบุเงื่อนไขแนบท้ายสัญญาว่าถ้าเช่าถึงสามปีแล้วแต่ยังไม่ครบกำหนดห้าปีตามสัญญาเจ้าของที่ดินมีสิทธิ์บอกยกเลิกสัญญาได้หากมีเหตุอันควร โดยต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยสามเดือนและเจ้าของที่ดินต้องจ่ายค่าผิดสัญญาให้ผู้เช่า ซึ่งตอนนั้นฉันก็ไม่ซีเรียสเพราะไม่แน่ใจว่า Chill @ the Jungle จะไปได้ดีรึเปล่าเลยยอมรับเงื่อนไข” ไหนๆ ก็ปริปากออกมาแล้วแทนที่จะพูดแค่ครึ่งๆ กลางๆ ให้เข้าใจผิดพีชญาเลยสาธยายรายละเอียดทั้งหมดเพื่อให้เพื่อนเข้าใจตรงกัน “แต่ทำไปทำมากิจการกลับดีวันดีคืนจนเข้าสู่ปีที่สามแบบไม่ทันรู้ตัว ถึงตอนนั้นฉันก็แน่ใจแล้วล่ะว่าคงปล่อยมือจาก Chill @ Jungle ไม่ได้เลยเข้าไปหาอาโกวขอร้องให้ท่านแบ่งขายที่ดินส่วนที่เป็นคอฟฟี่ช็อปให้ แต่ยังไม่ทันจะได้ข้อตกลงอาโกวก็ดันล้มป่วยไปก่อนฉันเลยต้องพับเรื่องนี้เก็บไว้กะว่าพอท่านหายป่วยเมื่อไหร่ค่อยไปคุยอีกที แล้วก็อย่างที่แกรู้… อาโกวหายป่วยพร้อมๆ กับที่หายไปจากโลกด้วย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอาโกวยกที่ดินตรงนั้นให้ลูกหลานคนไหนเลยไม่รู้จะติดต่อเรื่องซื้อขายกับใคร ประกอบกับช่วงนั้นก็ยุ่งเหลือเกินไหนจะงานประจำ ไหนจะร้านกาแฟ แล้วยังรับจ็อบนอกเป็น Art Consultant ให้กับบูติครีสอร์ตอีกตั้งสามแห่ง รู้ตัวอีกทีก็ถูกเสี่ยเกี๊ยงบอกยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้ว”

หญิงสาวร่างเล็กบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย มีหยอดมุกบ้างเพราะไม่อยากให้คนฟังเครียดตามไปด้วย

“หมายความว่าเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมให้เสี่ยเกี๊ยงยกเลิกสัญญาเช่า รับเงินค่าผิดสัญญา จากนั้นก็ไปหาที่ทำร้านใหม่ อย่างงั้นใช่มั้ย”

พีชญาพยักหน้า “ถ้าไม่อยากวุ่นวายมากเรื่องก็อย่างที่แกว่า”

ชลพรรษขมวดคิ้ว “หือ? พูดแบบนี้… ก็หมายความว่าแกอยากวุ่นวายมากเรื่องงั้นสิ”

ริมฝีปากเล็กบางสีชมพูอ่อนยกยิ้มนิดๆ เพื่อนมักจะรู้ใจเธออยู่เสมอไม่เสียแรงที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล“ก็อย่างที่บอกว่าฉันปล่อยมือจาก Chill @ the Jungle ไม่ได้จริงๆ จะให้ไปหาที่ทำร้านใหม่มันก็ไม่ใช่ เพราะถ้าไม่ใช่ที่ตรงนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่ Chill @ the Jungle ฉันจะซื้อที่ดินตรงนั้น”

“แล้วมันจะวุ่นวายมากเรื่องยังไงล่ะแก อีตาเสี่ยเกี๊ยวหมูนั่นไม่ยอมขายให้งั้นเหรอ”
“ยอม… แต่ในราคาที่สูงเว่อร์ๆ จนฉันสู้ไม่ไหวน่ะสิ”
“งั้นแล้วแกจะทำยังไง”
“ฉันก็ต้องหาทางต่อรองให้เขาดัมป์ราคาลงมาให้ได้”

คนช่างซักพยักหน้า “แล้วมันก็มากเรื่องตรงนี้ใช่มั้ยล่ะแก อีตาเสี่ยนั่นทั้งบ้ากามตัณหากลับผู้หญิงที่ไหนหลงเข้าไปใกล้เป็นถูกควักตับออกมากินเกือบทุกราย โอย… แล้วถ้าเป็นแกด้วยนะยายพีชก็ยิ่งอันตรายขึ้นไปใหญ่ ไอ้เสี่ยบ้านั่นมันจ้องจะเคลมแกมาตั้งนานแล้วนี่ หาที่ทำร้านใหม่เหอะแก ไม่ก็หาทางเจรจากับคนอื่นแทน” พูดถึงตรงนี้เพื่อนที่คบกันมานานก็ชะงักไปก่อนจะดีดนิ้วเปาะดวงตาคู่เรียวรีทอประกายสดใสคล้ายคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว! อีตาเสี่ยเกี๊ยวหมูนั่นเป็นแค่เขยไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อยจะมาถือวิสาสะยกเลิกสัญญาเองได้ไง แกหลงกลไอ้บ้านั่นแล้วล่ะ แกต้องไปเจรจากับเจ๊กัญไม่ก็เจ๊กุณสิถึงจะถูก”

พีชญาถอนหายใจ “ใช่ว่าฉันจะไม่เคยคิดเหมือนแก ฉันทั้งคิดและทำไปแล้วด้วยซ้ำแต่ผลเป็นไงรู้มั้ย...” เว้นจังหวะให้คนฟังกลั้นใจเล่นๆ กระทั่งเห็นเจ้าหล่อนทำท่าจะทนไม่ไหวและถลึงตากลับมานั่นแหละถึงเอ่ยต่อว่า “ถูกด่ากลับแทบเสียคนไปเลย”

“เฮ้ย! ไหงงั้นอ่ะแก”

คนถูกด่าแทบเสียคนยักไหล่ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องเดิมๆ นั่นแหละ พิษรักแรงหึง! แกจำไม่ได้เหรอว่าตอนทำร้านใหม่ๆ ฉันเกือบถูกเจ๊กุณตบเพราะเสี่ยเกี๊ยงเข้ามาเกาะแกะ อ้างเรื่องเก็บค่าเช่าพื้นที่ทำร้านบ้างมาดูแลความเรียบร้อยบ้าง ดีที่ตอนนั้นได้ซันมาช่วยเคลียร์ ไม่งั้นล่ะแย่”

“เฮ้อ… อะไรๆ ก็ดีเกือบหมดนะเจ๊กุณน่ะ เสียอย่างเดียวเรื่องผัว นิสัยชั่วขนาดนั้นยังจมปลักรักเข้าไปได้ แถมหึงโหดโทษแต่ผู้หญิงปล่อยไอ้ผัวโฉดชั่วลอยตัวไปได้ทุกครั้ง”

“ไม่ให้โอกาสอธิบายอะไรเลยด้วย ฉันพยายามติดต่อไปอีกหลายครั้งนะแต่ก็ไม่เคยได้คุยกับเจ๊แกเลย เจอแต่เลขาหน้าห้องพูดซ้ำๆ เป็นนกขุนทองว่าเจ้านายไม่ว่างติดประชุม แล้วเสี่ยเกี๊ยงยังพูดดักคออีกว่าถึงติดต่อเจ๊กุณไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเจ๊แกยกสิทธิ์บนที่ดินผืนนั้นให้เขาหมดแล้ว” พีชญาสาธยายเพิ่มเติม

“คุยกับเจ๊กุณไม่ได้ก็ยังเหลือเจ๊กัญอีกคนนี่ แกติดต่อไปบ้างหรือยัง เจ๊กัญแกมีเหตุผลนะน่าจะคุยง่าย” ชลพรรษถามอย่างมีความหวัง

พีชญาระบายลมหายใจยืดยาว “ตอนนี้เจ๊กัญไม่ได้อยู่เมืองไทยแต่อยู่ที่เซินเจิ้น ฉันได้ข่าวแว่วๆ มาว่าห้างที่เปิดสาขาอยู่ที่โน่นมีปัญหาเรื่องทุจริตแกเลยต้องไปเคลียร์ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็คงต้องอยู่เซินเจิ้นเป็นปี ฉันพยายามติดต่อผ่านเลขาที่อยู่เมืองไทยเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ไม่ก็ช่องทางการติดต่ออื่นๆ ดูแล้วนะ แต่ฝ่ายนั้นก็บ่ายเบี่ยงตลอดบอกให้ฝากเรื่องไว้แล้วจะแจ้งให้เจ้านายทราบและติดต่อกลับมาเอง ก็ไม่รู้ว่าเขาแจ้งกันแบบไหนจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจากเจ๊กัญเลย”

พอได้ฟังเหตุผลคนตรงข้ามก็ถอนหายใจไหล่ตกคล้ายหมดหวัง หากฉับพลันนั้นเองดวงตาคู่เรียวรีกลับฉายประกายยินดี “ก็ซันไงแก ซันสนิทกับเจ๊กัญน่าจะรู้ว่าติดต่อทางไหนได้บ้าง ไม่ก็บอกปัญหาของแกไปให้หมอนั่นช่วยพูดกับเจ๊กัญแทนก็ได้ ใช่แล้วล่ะ! วิธีนี้เวิร์คที่สุดแล้วหลงกลุ้มใจอยู่ได้ตั้งนาน” บอกน้ำเสียงตื่นเต้น

เจ้าของปัญหาทำหน้าเคร่ง “ฉันห้ามเด็ดขาดเลยนะฝน อย่าบอกเรื่องนี้กับซัน แค่งานที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันก็หนักพออยู่แล้วฉันไม่อยากเอาปัญหาของตัวเองไปทำให้เขาเครียดขึ้นอีก เวลาดีๆ ก็ไม่เคยคิดถึงเขาเลยจะติดต่อทีก็มีแต่เอาปัญหาไปให้ ทำเหมือนหลอกใช้เขายังไงไม่รู้”

ชลพรรษส่ายหน้าคล้ายไม่เห็นด้วย “เรื่องแค่นี้เอง มันหลอกช้งหลอกใช้ที่ไหนกันเล่า แกน่ะคิดมากเกินไป คนอื่นเขาทำยิ่งกว่านี้อีกไม่เห็นมีใครเขาซีเรียสเหมือนแกเลย”

“ก็เพราะมันเรื่องแค่นี้เองไง ฉันถึงจัดการเองได้ไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร” พีชญาบอกปัด

อีกฝ่ายถลึงตาทำปากคว่ำเป็นรูปสระอิ “ไม่ต้องเดือดร้อนใคร แต่จะเดือดร้อนตัวแกเองน่ะสิยัยดื้อ อีตาเสี่ยนั่นมันจิ้งจอกเก้าสิบเก้าหาง ทั้งเจ้าเล่ห์สารพัดพิษแกก็รู้”

“ฉันรู้และจะระวังตัวให้มากๆ แกไม่ต้องห่วงหรอก”

“งั้นแกก็เลิกเป็นเพื่อนกับฉันซะสิ ฉันจะได้เลิกห่วง” คนห่วงสะบัดหน้าพรืด

พีชญาหัวเราะ แม้คนตรงหน้าจะช่างโวยวายเอาแต่ใจไปบ้าง หากมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจมากไปกว่าสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นที่มีต่อกันมายาวนาน “ไม่เอาเพราะฉันยังอยากให้แกห่วงอยู่ แต่ต้องห่วงให้มันน้อยลงหน่อยเท่านั้นเอง เอาน่าอย่าทำหน้าย่นนักเลยเดี๋ยวหน้าแก่เกินวัยฉันไม่รู้ด้วยนะ ถึงตอนนั้นลามงลาแมร์ก็ช่วยไม่ได้นะแก อ่ะซูชิมาแล้วหน้าตาหน้ากินทั้งนั้นเลย ดูไข่กุ้งบนแคลิฟอเนียร์มากิสิน่ากินสุดๆ ว้าวแซลมอนซูชิเซตนี้ฉันจองนะ” ปากบอกแล้วมือก็จับตะเกียบเตรียมคีบข้าวปั้นที่มีชิ้นเนื้อปลาแซลมอนสีส้มสดโปะอยู่ด้านบนส่งเข้าปาก

“อ๊ะ! ไม่ได้นะยายพีช ทุกอย่างที่มีแซลมอนน่ะของฉัน ผู้หญิงสวยเริ่ดกับคอลลาเจนถึงจะเข้าคู่กันย่ะ” รีบสะบัดหน้ากลับมาแล้วใช้ตะเกียบของตัวเองคีบอาหารจานโปรดส่งเข้าปากด้วยความเร็วน้องๆ แสง

คนคีบไม่ทันไม่ว่าอะไรนอกจากส่ายศีรษะยิ้มๆ แม่คนสวยเริ่ดมักจะพูดแบบนี้เสมอ แต่พอเอาเข้าจริงก็กินแค่ไม่กี่คำด้วยความห่วงสวยกลัวรูปร่างจะผิดไปจากมาตรฐานที่ตัวเองวางไว้นั่นแหละ

“คิดถึงอ้อจังเลยจะกลับจากฮันนีมูนเมื่อไหร่แกรู้บ้างมั้ย” พอปากว่างจากอาหารชลพรรษก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าถามถึงเจ้าสาวหมาดๆ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มที่ควงแขนสามีบินไปฮันนีมูนไกลถึงยุโรป

“อือ ก็เพิ่งไลน์คุยกันเมื่อคืน อ้อบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้า”

“หา! ได้ไงอ่ะ ทำไมคุยกันแค่สองคนทิ้งให้ฉันไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว” คนถูกทิ้งโวยเสียงสูงตามนิสัย

“พอดีอ้อไลน์มาคอนเฟิร์มงานอินทีเรียดีไซน์บ้านพักตากอากาศของเพื่อนพี่แพทเลยได้คุยกันแล้วฉันก็ถามว่าจะกลับเมื่อไหร่” อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

“แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าแอบงุบงิบคุยกันแค่สองคน ไม่งั้นล่ะก็…” ยกตะเกียบขึ้นมาทำท่าปาดคอขู่อย่างเอาเรื่อง

พีชญาเพียงยักไหล่แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาคีบอาหารจากแดนปลาดิบส่งเข้าปากท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจด้วยรู้นิสัยเพื่อนดี ถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบใจก็จะโวยวาย หากได้พูดคุยเคลียร์กันด้วยเหตุผลเมื่อไหร่เจ้าหล่อนก็พร้อมจะยอมรับฟังเสมอ

“เมื่อไหร่พี่กี้จะเคลียร์งานที่ญี่ปุ่นเสร็จสักทีนะ คิดถึงจังอยากให้กลับมาเร็วๆ”

คนช่างพูดยังพร่ำเพ้อไปเรื่อยพอจบจากเรื่องเพื่อนก็วนไปหาคนรัก พีชญาเพียงยิ้มในหน้ารับฟังโดยไม่ได้ออกความคิดเห็น ปล่อยให้อีกฝ่ายเพ้อพร่ำตามสบายยิ่งห่างไกลจากเรื่องของเธอได้ยิ่งดี

“งานนี่ก็เหลือเกินดันมายุ่งเอาช่วงเดียวกันกับงานแต่งของพี่แพทกับอ้อ พี่กี้เลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี เฮ้อ… คิดแล้วก็สงสาร แต่ไม่เป็นไรเพราะพี่กี้บอกว่าถ้ากลับมาเมื่อไหร่จะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เชิญแค่กลุ่มเพื่อนสนิทฉลองให้พี่แพทกับอ้ออีกที อ๊ะ! กลุ่มเพื่อนสนิท!” อ้าปากหวอพลางยกมือทาบอก “หรือว่า… พี่กี้จะถือโอกาสเปิดตัวฉันกับเพื่อนๆ ในงานนี้ เราสองคนคบกันมาเกือบปีแล้วนี่นาน่าจะได้เวลาเปิดตัวเสียที แหมน่ารักจริงๆ เลยพี่กี้ของฉัน มัวทำแต่งานจนแทบไม่มีเวลาได้คุยกันก็เพราะแบบนี้นี่เอง แกคิดเหมือนฉันมั้ยพีช”

“อืม คงงั้นมั้ง” พีชญาพยักหน้าอือออไปตามน้ำเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะขัดคอคนกำลังท่องอยู่ในวิมานกลางอากาศวาดฝันสวยหรูตามใจตัวเองเต็มที่

“พี่กี้คงกะจะเซอร์ไพรส์ฉัน แต่ฉันดันรู้ตัวก่อน ฮิๆ” ป้องปากหัวเราะด้วยท่าทางราวกับถอดแบบมาจากนางร้ายในละครหลังข่าว “ช่วยไม่ได้นะคะพี่กี้ มีแฟนสวยเริ่ดแถมยังฉลาดก็ต้องทำใจคิดหาวิธีการเซอร์ไพรส์ยากนิดนึง เอ๊ะ! นั่น…”

‘ฉุกคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้อีกล่ะแม่คุณ’ คนซึ่งทำหน้าที่รับฟังเป็นส่วนใหญ่อดถามแบบประชดประชันในใจไม่ได้

“ผู้ชายคนนั้น… ใช่คุณพ่อสุดหล่อของเจ้าบ่าวในอนาคตของแกมั้ยอ่ะ”

“เพ้อบ้าอะไรของแกอีกล่ะ คิดถึงแฟนมากจนเพี้ยนหรือไง” เพราะทนฟังมานานเลยอดจะแขวะเบาๆ บ้างไม่ได้

“อ๊ายยยย… ยัยบ้า เงยหน้าขึ้นมาดูหน่อยสิยะเอาแต่จ้วงกินแบบนั้นเดี๋ยวก็แช่งให้เทมปุระจุกคอตายหรอก”

พีชญาถอนหายใจนึกอยากจะแช่งกลับไปบ้างเหมือนกันว่าให้คอลลาเจนอุดตันเส้นเลือดตาย แต่ก็เกรงใจลูกค้าโต๊ะข้างเคียงที่เริ่มมองมาเพราะเสียงแหวแว้ดของคนสวยเริ่ด จึงตัดปัญหาด้วยการเงยหน้าสนองความต้องการนั้นซะ “ไหน ใคร ยังไง แกพูดอีกทีซิเมื่อกี้ฉันฟังไม่ถนัด”

“ค่อยๆ หันไปนะแก ที่สิบนาฬิกา เห็นรึยัง แกว่าใช่คนเดียวกับอีตาคนที่ฉันเคยบอกว่าหล่อเว่อร์ๆ ที่สุดในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของอ้อกับพี่แพทมั้ยอ่ะ ฉันว่าใช่นะ ผิดแต่ผู้หญิงที่เขาควงอยู่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่คนเดิม คนที่เห็นในงานคืนนั้นดูสวยสง่าไม่ได้เปรี้ยวเผ็ดนุ่งสั้นนมทะลักอย่างยายคนนี้ มันหมายความว่าไงอ่ะแก คนไหนตัวจริงคนไหนกิ๊กกันแน่ แต่ฉันว่าผู้หญิงคืนนั้นน่าจะเป็นตัวจริงนะก็นางเป็นแม่ของลูกไม่ใช่เหรอ ฉันได้ยินชัดๆ เต็มสองหูเลยว่า ว่าที่เจ้าบ่าวของแกเรียกเขาว่าพ่อ อ๊ายยยย... ร้ายกาจอ่ะ แอ๊บแฟมิลี่แมนให้ฉันหลงชื่นชมมาตั้งหลายวัน ที่แท้ก็คาสโนว่าตัวพ่อ คนเรานะแกรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ เห็นหน้าตาดีๆ แต่นิสัยงี้ชั่ว…” ชลพรรษยังคงพูดพร่ำอีกยืดยาวตามสไตล์สาวช่างเพ้อ(เจ้อ)

พีชญาไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่คนเดียวกับ ‘อีตาหล่อเว่อร์ๆ’ ที่เพื่อนกล่าวถึง หากเธอมั่นใจว่าชายหนุ่มที่ตกเป็นจุดโฟกัสของพวกเธอตอนนี้ใช่ ‘พ่อ’ ของเด็กชายท่าทางน่ารักสดใสที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งที่สองที่คอฟฟี่ช็อปของเธอแน่ๆ

‘ตลอดแหละพ่อนนท์ ไม่ว่างเพราะติดนัดกับสาวๆ อีกล่ะซิ คอยดูน้องโน้ตจะฟ้องคุณยาย’ ประโยคตัดพ้อต่อว่าติดจะอาฆาตเล็กๆ ของเด็กชายคล้ายจะแว่วดังขึ้นข้างหู แล้วยังเซตอาหารญี่ปุ่นที่วางเด่นอยู่ตรงหน้าอีก เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงเจ้าของใบหน้าเล็กๆ ที่บูดสนิทเมื่อได้รู้ว่าจะไม่ได้ทานอาหารญี่ปุ่นเป็นมื้อเย็นในวันนั้น

“ดูท่าจะจริงนะแก ที่เขาว่ากันว่าการแต่งงานเป็นจุดจบของโรมานซ์ ขนาดมีเมียสวยหุ่นเป๊ะเว่อร์อยู่แล้วทั้งคนยังดอดไปมีกิ๊กได้อีก เฮ้อ… ผู้ชายสมัยนี้หาคนดียากจริงๆ โชคดีของฉันนะนี่ที่ได้คบกับผู้ชายเพอร์เฟ็คอย่างพี่กี้ ต่อหน้ายังไงลับหลังก็อย่างงั้นน่ารักที่สุด ฉันจะไม่เสียเวลาคบหาดูใจกับพี่กี้ไปอีกสี่ห้าปีอย่างที่เคยตั้งใจไว้แล้วล่ะแก ถ้าเขาคุกเข่าขอแต่งงานเมื่อไหร่ ฉันรับรองว่าจะไม่อิดออดเล่นตัวแต่จะพยักหน้าตอบรับทันที” คนช่างเพ้อก็เพ้อต่อไปแถมยังวกกลับมาสร้างวิมานกลางอากาศเข้าข้างตัวเองได้อีก

“ฉันเชื่อ เพราะขนาดพี่กี้ยังไม่มีท่าทีอะไรแกยังคิดเองเออเองได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ลองถ้าเขาอ้าปากขึ้นมาล่ะก็แกคงจะกระโดดคว้าคอเขามาทำสามีก่อนที่คำแรกจะหลุดออกจากปากแน่ๆ

“อ๊ายยยย… หยาบคายที่สุดยัยพีช พูดซะฉันรู้สึกเหมือนมีนอผุดขึ้นมาบนจมูกเลยนะแก” แค่แหวแว้ดไม่พอยังถลึงตาแทบหลุดออกมานอกเบ้า ครั้นพอได้พ่นไฟระบายอารมณ์แล้วเจ้าหล่อนก็ยักไหล่ง่ายๆ “แต่พูดก็พูดเถอะ โมเมนต์นี้จะว่าสิบเอ็ด ร.ด. หรือมีนอผุดบนจมูกฉันก็โดนท์แคร์ย่ะ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละผู้ชายดีๆ สมัยนี้หายากจะตายขืนไม่รีบคว้าเอาไว้ได้แห้งเหี่ยวเฉาตายอยู่บนคานด้วยกันกับแกพอดี” ไม่ลืมคว่ำปากเป็นรูปสระอิเป็นการปิดท้าย

“หือ เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าแก แห้งเหี่ยวเฉาตายนี่นะ ไม่ใช่แล้วล่ะ ฉันออกจะมีความสุขกับชีวิตสาวโสด ทำงานเก็บเงินว่างๆ ก็ช็อปปิ้งไปเที่ยวบ้างแล้วแต่จะอยาก ไม่ต้องตามเอาอกเอาใจใคร ไม่ต้องเครียดว่าหน้าจะเหี่ยวหุ่นจะเผละจนใครบางคนจะหมดรักไหม พอเขาหายไปหน่อยก็นอยด์กลัวว่าจะถูกทิ้ง เวลาว่างก็แทบไม่มีเพราะใช้หมดไปกับการสแกนกิ๊กตามสังคมออนไลน์สารพัดรูปแบบ ไหนจะอินสตาแกรมเอย เฟสบุ๊คเอย บลาๆๆ ต่อให้การอยู่เป็นโสดมันทำให้เฉาตายขึ้นมาจริงๆ ก็เถอะ แต่ ณ จุดนี้ฉันก็โดนท์วอรี่ เพราะสำหรับฉันแล้วมันดีกว่าชีวิตที่สุดแสนจะมีสีสันของใครบางคนเป็นไหนๆ”

ไม่ลืมยักคิ้วยั่วสาวไม่โสด(เพราะมีแฟนแล้ว)ส่งท้ายประโยค ผลคือถูกเจ้าหล่อนงอนตุ๊บป่อง เท่านั้นไม่พอยังผลักภาระให้เป็นฝ่ายควักบัตรเครดิตในกระเป๋ารูดชำระค่าอาหารอีก ทั้งที่ตอนโทร.ไปนัดพูดเสียดิบดีว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายเลี้ยงแท้ๆ แหม่… ร้ายจริงๆ

แม้จะแอบเซ็งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพีชญาที่จะรับเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารจากแดนอาทิตย์อุทัยมื้อนี้ เพราะว่าไปแล้วมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับทัศนคติในเรื่องความรัก… อันเป็นสาเหตุทำให้เธอกับเพื่อนต้องถกเถียงกันอยู่เสมอ ครั้นพอเถียงไม่ชนะอีกฝ่ายก็จะงอนอย่างคราวนี้เป็นต้น ไม่ก็อาจจะตั้งฉายาให้เธอได้รู้สึกแสบๆ คันๆ โดยล่าสุดเธอถูกเรียกว่า ‘ยายกบกบฏ’ โผล่แต่ตัวออกมานอกกะลาส่วนหัวใจทิ้งให้จำศีลอยู่ในถ้ำปิดตาย!

และถึงแม้จะถูกค่อนขอดมากแค่ไหนหญิงสาวก็ไม่แคร์ เธอยอมเป็นคนไร้หัวใจล็อกมันเก็บไว้อย่างมิดชิดแล้วใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างสาวโสดที่อาจจะรู้สึกเหงาเศร้าบ้างในบางอารมณ์ ดีกว่าเปิดรับใครเข้ามาแล้วถูกย่ำยีหัวใจเล่น ความรัก… สำหรับเธอแล้วงดงามไม่ต่างจากใครๆ หากก็เป็นความงามอันแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นเธอจะไม่เสี่ยงแลกหัวใจเพื่อให้ได้มันมาเด็ดขาด!

คิดน่ะคิดได้ แต่จะทำได้จริงหรือ… เจ้าตัวอาจจะแน่ใจว่าได้ปิดล็อกไว้อย่างแน่นหนาที่สุดแล้ว หากกุญแจหรือจะสู้โชคชะตา หรือไม่ ‘หัวใจ’ ก็อิสระเกินกว่าจะถูกขังเก็บเอาไว้

TBC...

ตอบคอมเมนท์ค่ะ

คุณ get up ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ โปรดติดตามต่อจนจบนะคะ^^

คุณ 0hLaLa แล้วตอนนี้ล่ะคะ น่าสนใจมั้ย ได้โปรดตามต่อไปนะคะ ^^

คุณติ๊ก กลับมาโพสต์ตามคุณติ๊กค่ะ มนกระดังงาใกล้จบยังเอ่ย ดราม่ามั่กมากกก

คุณไม้เอก หวังว่าจะติดตามกันต่อนะคะ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่านและกดไลท์ด้วยค่ะ แล้วพบกันตอนต่อไปนะคะ






พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 09:36:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 09:36:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1225





<< บทนำ-ตอนที่ 1   3/1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account