พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 1

เนื่องจากชื่อนิยายซ้ำเลยต้องรีบเปลี่ยนค่ะ หวังว่าคงไม่งงกันนะคะ^^



1
หนึ่งสัปดาห์ก่อน....
“งานนี้ต้องพลับแล้วล่ะ”

ตระการหัวหน้าสถาปนิกซึ่งเพิ่งกลับจากพบลูกค้าที่กรุงเทพฯ ข้อมูลที่ได้จากลูกค้านั้นเป็นสไตล์การออกแบบที่พลับพลึงถนัด แต่ที่ต้องเรียกคุยก็เพราะพลับพลึงนั้นยังมีงานออกแบบบ้านพักบนดอยค้างอยู่ ประเมินจากเวลาแล้วตระการคิดว่างานนั้นน่าจะใกล้เสร็จแล้วจึงคิดจะมอบงานชิ้นนี้ให้ต่อ บวกกับงานที่กำลังทำอยู่นั้นอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกันน่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปดูแลยามก่อสร้าง

“ได้ค่ะ พลับไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่ทำไมสีหน้าคุณต้นไม่ดีเลยล่ะคะ”
คุณต้นหรือตระการพ่นลมหายใจออกมาหนักหน่วงไม่อยากจะนินทาลูกค้าก็ต้องนินทาให้ฟังก่อนที่ลูกน้องจะมาถอนหงอกทีหลัง

“พี่คิดว่าลูกค้าคนนี้ค่อนข้างเอาใจยากซักหน่อย” จากที่ฟังรายละเอียดของตัวบ้านที่อยากได้ อีกอย่างลูกค้ารายนี้ดูจะไม่ค่อยมีอารมณ์ขันซักเท่าไหร่ด้วย

พลับพลึงเลิกคิ้วเบ้ปาก คาดว่าคงจะเจอลูกค้างี่เง่าอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะแต่ละงานที่ตระการส่งให้นั้นก็ไม่หมูอยู่แล้ว ไม่เจอลูกค้างี่เง่าก็เจอลูกค้ารู้มากชอบอวดภูมิสั่งแก้นั่น โน่น นี่ โดยไม่เชื่อถือคนที่ร่ำเรียนมา
“พี่ไม่กล้าส่งงานให้คนอื่น”
สีหน้าตระการไม่สู้ดี

“ลูกค้าผู้ชายละสิคะ”
“ใช่ และเพราะเหตุนี้พี่ถึงอยากให้พลับรับงานนี้”
“แล้วถ้าเขาไม่ปลื้มงานของพลับล่ะคะ”

“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่พี่ว่าพลับน่าจะเอาอยู่”

พลับพลึงย่นคอสยอง ก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาอยู่อย่างที่ตระการต้องการ จริงอยู่ที่เธอเป็นผู้หญิง แต่ความเป็นกุลสตรีมีน้อยมาก แถมความอดทนยังน้อยตามไปด้วย จะเอาความสวยเข้าสู้แต่ก็นะ ส่องกระจกทุกวันก็พอจะรู้ตัวเองดี แต่นั่นกลับสวนทางกับความคิดของตระการ สถาปนิกสาวเพียงคนเดียวของสำนักงานแม้ไม่ใช่คนสวยโดดเด่นจนต้องเหลียวหลังในวินาทีแรก แต่ก็มองแล้วไม่เบื่อ ปากนิด จมูกหน่อย โด่งรั้นชวนให้ค้นหา ดวงตากลมโตเป็นประกายดึงดูดเพศตรงข้ามไม่น้อย แถมความรู้ทางสถาปัตย์ก็พอตัว

“นะพลับ งานนี้พี่ไม่กล้าส่งให้คนอื่นจริงๆ”
พลับพลึงถอนหายใจพรืด “ไม่ต้องอ้อนขนาดนี้พลับก็รับอยู่แล้วค่ะ”
ใครจะกล้าปฏิเสธงานกันล่ะ มีหวังอดโบนัสตอนสิ้นปี

“แล้วพลับต้องทำไงบ้างคะ”
“อาทิตย์หน้าลูกค้าจะขึ้นมาเชียงใหม่ พี่จะส่งพลับไปพบคุณดล อ้อ ลูกค้าชื่อธนดล”

พลับพลึงพยักหน้ารับรู้ พร้อมรับเอกสารคร่าวๆ เพื่อศึกษาความต้องการของลูกค้าแล้วลุกเดินออกไปจากห้อง ตระการพยักหน้าส่งลูกน้องสาวแล้วถอนหายใจหนัก หนุ่มหล่อก็ต้องส่งสาวสวยไปปลาบ ต่อให้เรื่องมากแค่ไหนก็คงต้องเกรงใจความสวยบ้างล่ะ แต่แล้วตระการก็ส่ายหน้า นี่ถ้าลูกน้องสาวจะคิดโมดิฟายด์ตัวเองขึ้นอีกนิดก็คงจะดีกว่านี้ ชักเบื่อเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์และผมซอยสั้นเต็มที

พลับพลึงเป็นผู้หญิงสวยก็จริง ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวอมเหลืองอย่างผิวคนเอเชียแต่อาจจะเอียงไปทางพม่าซักหน่อย ดวงตารีเล็กดื้อรั้นแต่ก็มีเสน่ห์ยามสบตา มักวาววับตื่นเต้นชวนน่ามอง จมูกโด่งรั้นยิ่งรับกับปากรูปกระจับ ริมฝีปากสีชมพูโดยไม่ต้องแต่งแต้มลิปสติกสีใดๆ รูปร่างอรชรสมส่วน ส่วนสูงมาตรฐานหญิงเอเชีย แต่สำหรับตระการจะมองว่าผอมไปซักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับส่วนสูงแล้วถือว่าสมส่วน เสียแต่ว่า ไม่รู้จักแต่งตัวให้เข้ากับหน้าตาที่สะสวยนั้น ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมานับครั้งได้ที่จะเห็นพลับพลึงใส่เสื้อแขนกุด อ้อ นอกเสียจากชุดสุภาพที่ต้องถูกบังคับให้สวมใส่ยามต้องไปงานพิธีการอย่างเช่น งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงของบริษัท




คนได้รับมอบหมายงานเมื่อสามวันที่แล้วชะลอฝีเท้าเมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์ของโรงแรม ยกข้อมือขึ้นดูเวลาเหลืออีกห้านาทีจะถึงเวลานัด
“ขอโทษค่ะ ฉันมาพบคุณธนดล” พลับพลึงแจ้งความประสงค์กับประชาสัมพันธ์สาว
พนักงานสาวก้มดูโน้ตแล้วถามกลับไปว่า “คุณคงเป็นสถาปนิกที่คุณธนดลนัดไว้”

“ค่ะ ฉันเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญด้านโน้นเลยค่ะ คุณธนดลนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกด้านโน้น”

พลับพลึงมองตามมือที่ผายบอกแล้วทำปากห่อ เช้นส์ไม่ผิดเลยนึกไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นผู้ชายคนนั้น มาดนิ่งขรึมอย่างที่ตระการบอกเสียด้วย เธอเห็นเขาตั้งแต่เดินเข้ามายังล็อบบี้แล้ว เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้น

“ขอบคุณมากค่ะ”
พลับพลึงก้าวยาวๆ พร้อมกับยกข้อมือขึ้นดูเวลา ต่อให้เสียเวลาหน้าเคาน์เตอร์ก็ยังไม่สาย

“คุณธนดลใช่มั้ยคะ” เธอเอ่ยทักเมื่อก้าวยาวๆ เข้ามาถึงตัวลูกค้า แต่แทนที่ลูกค้าจะตอบรับทันทีกลับยกข้อมือขึ้นดูเวลา
“ครับ คุณคงเป็นสถาปนิก”

“ใช่ค่ะ ฉันชื่อพลับพลึงค่ะ” สถาปนิกสาวแนะนำตัวแล้วยกข้อมือขึ้นดูบ้าง อย่างน้อยจะได้ใช้แย้งหากลูกค้าจะตำหนิว่าเธอมาสาย แต่ลูกค้ากลับไม่พูดอะไรนอกจากผายมือเชิญนั่งแถมยังเอื้อเฟื้อตามมารยาทด้วยว่า

“คุณจะรับอะไรหน่อยมั้ย”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันเรียบร้อยมาแล้ว เราจะเริ่มงานกันเลยมั้ยคะ”
“อืม...ก็ดี”
คนพร้อมทำงานตั้งแต่ออกจากบ้านหยิบสมุดบันทึกขึ้นมากางบนโต๊ะ พร้อมปากกาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมแล้วเข้าเรื่องทันที
“ไม่ทราบว่าคุณมีความต้องการอะไรบ้างคะ”
“ผมว่าผมได้ให้ข้อมูลคุณตระการไปหมดแล้ว”

พลับพลึงต้องข่มอารมณ์เป็นอย่างมาก ที่ถามเพราะต้องการรื้อฟื้นความคิดก่อนที่จะเสนอเนื้องานที่เตรียมไว้ เชื่อแล้วว่าลูกค้าคนนี้ ‘ยาก’
“ค่ะ คุณต้นเกริ่นให้ฟังบ้างแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณลองดูแบบคร่าวๆ ก่อนมั้ยคะ”

พลับพลึงได้ทำการร่างแบบคร่าวๆ เพื่อเสนอต่อลูกค้าแทนที่จะพรีเซ้นต์ปากเปล่า เพราะตระการบอกว่าลูกค้าคนนี้ ‘ยาก’ จึงต้องทำการบ้านหนักหน่อย
“คุณต้นบอกว่าคุณชอบสไตล์โมเดิร์น ซึ่งนั่นเป็นงานถนัดของฉัน หรือถ้าคุณยังไม่มั่นใจในตัวฉันจะดูผลงานที่ผ่านมาก่อนก็ได้นะคะ” พลับพลึงพรีเซ้นต์ตัวเองเต็มที่ หากพลาดงานนี้โบนัสสิ้นปีก็จะหายไปด้วย ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องได้งานนี้
“คุณดูยังอายุน้อยมาก”

พลับพลึงชักสีหน้า งานที่ทำเกี่ยวอะไรกับอายุกันล่ะพ่อคู้ณ จะมากหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับฝีมือและสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้นั่นคือ เธอจบมาในสาขาสถาปัตยกรรมแน่นอน
“อืม ผมชอบ แล้วผมจะได้เห็นแบบเต็มๆ เมื่อไหร่”

“จริงหรือคะ” พลับพลึงค่อนข้างตื่นเต้น จริงๆ แล้ว ลูกค้ารายนี้ก็ไม่ได้เรื่องมากเท่าไหร่ เธอเริ่มชม แค่รู้ว่าลูกค้าชอบแบบประมาณไหนก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว “ฉันคงต้องขอไปดูพื้นที่ก่อนค่ะ ถึงจะจัดการออกแบบได้ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมคะ”

“ได้สิ ถ้างั้นไปวันนี้เลย วันนี้ผมว่าง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้น พลับพลึงเธอรีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าแล้วรีบตามออกไป เออนะ เห็นขรึมๆ อย่างนั้นบทจะเร็วก็ยิ่งกว่าพายุ เล่นเอาตั้งตัวแทบไม่ทัน

ระหว่างที่เดินไปยังลานจอดรถพลับพลึงก็โทร.รายงานตระการว่าวันนี้อาจจะไม่เข้าสำนักงานหรือไม่ก็เข้าบ่ายเพราะต้องไปดูพื้นที่กับลูกค้า แม้จะยังตอบอะไรไม่ได้แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ตระการดีใจจนเนื้อเต้น บอกแล้วว่า นารีมีรูปเป็นทรัพย์ คนยากๆ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้วมีหรือจะรอด งานนี้คงต้องชมเชยสถาปนิกสาวซักหน่อยแล้ว





พลับพลึงมองพื้นที่โดยรอบแล้วถึงกับอึ้ง ที่ดินผืนนี้สวยมาก อยู่บนเนินเขาไม่สูงมากความลาดกำลังพอดีให้เล่นระดับสวย ป่าไม้บริเวณนี้ก็ยังชอุ่ม แถมไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ แต่ที่น่าเสียดายเห็นจะเป็นบ้านทรงไทยล้านนาที่เจ้าของบอกว่าจะรื้อเมื่อสร้างบ้านหลังใหม่เสร็จ
“น่าเสียดายนะคะ บ้านหลังนี้สวยมาก ทำไมคุณไม่เก็บไว้ละคะ ทางเราสามารถออกแบบให้เข้ากับบ้านหลังนี้ได้นะคะ” คนเสียดายแนะนำ บ้านหลังนี้ดูก็รู้ว่าใช้สถาปนิกออกแบบ และคงจะเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน

“ไม่ต้องหรอก ผมไม่ชอบก็เท่านั้น”
พลับพลึงกลอกตา คนรวยนี่ก็แปลก ทำอะไรไม่นึกถึงเม็ดเงินที่สูญไป ไม่รู้จักค่าของเงิน แค่คำว่า 'ไม่ชอบ' ก็สามารถทำลายบ้านทั้งหลังได้แล้ว

“ค่ะ ฉันก็แค่แนะนำเพราะเสียดายแทนเท่านั้นเอง”
“คุณน่าจะดีใจนะ เพราะถ้าผมไม่คิดจะรื้อบ้านหลังนี้คุณก็คงไม่ได้งานนี้”

พลับพลึงย่นจมูกนึกหมั่นไส้ ผู้ชายคนนี้ต้องมีปัญหาทางจิตแน่ ตั้งแต่พบกันยังไม่เคยเห็นเขายิ้มหรือพูดจาหยอกเอิงเลยซักครั้ง
“เอาเถอะ จะรื้อหรือจะสร้างมันก็เรื่องของคุณ แล้วตกลงว่าคุณจะสร้างบ้านหลังนี้ตรงไหนคะ”
“ตรงโน้น” เขาชี้ไปที่ด้านซ้ายของตัวบ้านหลังเก่า “ส่วนบริเวณบ้านหลังเก่าผมจะทำเป็นสวน”

“อ้อค่ะ เรื่องแบบคงไม่เกินเดือนฉันน่าจะนำมาเสนอคุณได้ หวังว่าคงไม่ช้าเกินไปนะคะ ส่วนเรื่องราคาฉันจะให้คุณต้นคุยกับคุณอีกที ถ้ายังไงฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว ดูคุณอายุยังน้อย แต่ทำไมคุณตระการถึงได้มอบหมายงานนี้ให้คุณ”

“เพราะสไตล์ที่คุณต้องการมั้งคะ” พลับพลึงตอบฉะฉาน
“งั้นหรือ ผมนึกว่าเพราะผมเป็นผู้ชายซะอีก” ลูกค้าพูดเหมือนรู้ทันความคิดของตระการ

“ทำไมคะ หรือคุณไม่ชอบให้ผู้หญิงออกแบบ ถ้าคุณไม่ชอบจะเปลี่ยนตัวสถาปนิกตอนนี้ก็ยังทันนะคะ ฉันเองก็ไม่อยากทำงานกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าหรือไม่ไว้ใจฝีมือ คุณเองถ้าไม่ไว้ใจให้ฉันออกแบบ ฉันว่าเราก็คงจะทำงานร่วมกันยาก ดีไม่ดีงานคุณก็อาจจะล่าช้า ฉันเองก็ไม่มีใจจะทำงานให้ กลายเป็นว่างานจะออกมาไม่ดีซะเปล่าๆ คุณเองก็จะเสียดายตังค์ทีหลังด้วย ตกลงว่าคุณยังไม่พอใจสถาปนิก ฉันจะได้กลับไปบอกคุณต้นให้ส่งสถาปนิกคนใหม่มาคุยกับคุณ” พลับพลึงสรุปความ ทั้งที่ส่วนลึกก็กลัวเต็มที่ว่าลูกค้าจะบ้าจี้ตาม หากว่าลูกค้าตกลงเปลี่ยนตัวสถาปนิกขึ้นมาล่ะก็ เธอได้อดโบนัสสิ้นปีแน่แท้ แต่เพราะน้ำเสียงขรึมๆ กับท่าทางเย่อหยิ่งมันทำให้เธออดท้าทายไม่ได้จริงๆ

“เปล่า ผมพอใจในสิ่งที่คุณพรีเซ้นต์มา ก็แค่สงสัยเท่านั้น แต่ตอนนี้หายสงสัยแล้ว คุณลงมือออกแบบได้เลย”
พลับพลึงตาโต เออนะ ลูกค้ารายนี้ก็ซาดิสเหมือนกันแฮะ ชอบให้พูดอะไรตรงๆ ไม่ต้องป้อยอขอความเห็นใจใดๆ แบบนี้ชักชอบแล้วสิ
“คุณเลือกฉัน”

“ใช่ และผมก็หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
“แน่นอนค่ะ ไว้ใจฉันได้ ถ้าอย่างนั้นอีกประมาณเดือนฉันจะส่งแบบให้คุณดูนะคะ”

ธนดลพนักหน้าแล้วหันไปมองบ้านหลังเก่าที่อีกไม่นานก็จะถูกรื้อ ใช่ มันควรจะต้องถูกรื้อไปพร้อมกับความหลังที่เจ็บปวด



*************
ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ....



แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2556, 09:50:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2556, 14:02:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2778





   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 2 >>
ree 28 ม.ค. 2557, 18:59:39 น.
วิธีการทำงานทำให้สงสัยว่านางเอกเป็นสถาปนิกจริงๆ แน่หรือ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account