พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 2

2


ชนแก้ว!

เสียงแก้วไม่ต่ำกว่าสี่ใบกระทบกันตามด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนานของกลุ่มสถาปนิกและวิศวกรโครงการก่อสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ของเศรษฐีลูกครึ่งชาวอเมริกา ซึ่งงานอาคารส่วนหน้าได้ดำเนินการก่อสร้างไปเกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่บางส่วนก็ยังนับเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เพราะยังออกแบบไม่เสร็จ อย่างเช่นในส่วนของสถาปนิกสาวงานออกแบบเพิ่งเสร็จสิ้นแต่ยังต้องรอคอมเม้นต์จากลูกค้าอีกทีว่าต้องการเพิ่มเติมส่วนไหนหรือไม่พอใจส่วนใดบ้างหรือไม่

“ดีใจด้วยนะพลับ แหม...งานเสร็จก็ได้พักยาวเลย แถมยังได้งานใหญ่ต่ออีก คุณต้นลำเอียงเห็นๆ” นุติวิศวกรหนุ่มแสดงความยินดีกับสถาปนิกรุ่นน้องพร้อมแขวะเจ้านายกรายๆ ที่มักงุบงิบยื่นงานใหญ่ๆ ให้หญิงสาว

“คุณต้นลำเอียงที่ไหนคะพี่นุ ที่คุณต้นให้งานพลับเพราะมีพลับคนเดียวที่ยังว่างอยู่ แต่ละคนมีงานเข้าสามสี่งาน กว่าจะเสร็จก็ปาไปต้นปีหน้าโน่น อีกอย่างงานใหม่เนี่ยก็ไม่ใช่สไตล์ของพี่ๆ หรอกค่ะ” พลับพลึงชี้แจงก่อนที่เหล่าเพื่อนร่วมงานจะคิดเป็นอื่น “อีกอย่าง ที่ได้หยุดยาวไม่ใช่เพราะลาพักผ่อนหรอกค่ะ ลากิจมากกว่า” พลับพลึงทำปากยื่นอ้อน ที่เธอต้องไปกรุงเทพฯ ก็เพื่อร่วมงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้อง กลับมาก็ต้องรีบออกแบบบ้านให้ลูกค้าอีก ยุ่งจะตาย

สามวันที่แล้วพลับพลึงได้รับโทรศัพท์จากป้าว่าพิมพ์พรรณจะแต่งงานอยากให้เธอกลับไปร่วมยินดีกับน้องสาว ซึ่งพลับพลึงก็ไม่ได้อิดออดออกจะยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่ที่แปลกใจและน้อยใจนิดๆ คงจะเป็นเรื่องที่ทำไมพิมพ์พรรณผู้เป็นน้องไม่โทร.บอกด้วยตัวเอง แถมยังจัดงานกะทันหัน น้ำเสียงของป้าเองก็เหมือนจะเร่งๆ ชอบกล

“เฮ้ย...อะไรพลับ พี่แค่ล้อเล่น คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้” นุติกลั้วหัวเราะ พลอยให้สถาปนิกสาวหน้าจ๋อยสบตาค้อน
“ไม่มีใครคิดอกุศลแบบนั้นหรอก อีกอย่างงานสไตล์โมเดิร์นถึงให้ก็ไม่เอาว่ะพลับ ไม่ใช่แนว” พิทยาสถาปนิกคนละแนวเอ่ย
“ก็แหม...พี่นุพูดอย่างกับพลับเป็นคนโปรดนี่คะ”

“เออ โปรดก็โปรดไปเถอะ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แค่งานที่มีอยู่พี่ก็แย่ละ นี่ก็กะจะบอกคุณต้นอยู่เลยนะเนี่ยว่า งานต่อไปขอปีหน้าเลยนะครับ” พิทยาโครงศีรษะที่รุ่นน้องคิดอะไรหยุมหยิม ก่อนจะหันไปอ้อนหัวหน้างาน

“ก็ได้ แต่โบนัสก็ตามนั้น”

“เฮ้ย! ถ้างั้นก็...ส่งงานมาตามแต่คุณต้นเห็นสมควรเถอะครับ” พิทยารีบอ้อนกลับ ก็แค่สนุกปากในวงเหล้าไม่คิดว่าหัวหน้างานจะจริงจัง ท่าทางออดอ้อนขอความเห็นใจของพิทยาเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครง ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้างานที่มักจะหยอกลูกน้องหนักๆ แบบนี้ประจำ
“เราคงคิดถึงพลับแย่” จู่ๆ วุฒิชัยวิศวกรหนุ่มก็อ้อนขึ้น ทุกเสียงที่หัวเราะอยู่เงียบลงเปลี่ยนมาส่งตาหวานปนหยอกกับคนถูกอ้อน แต่คนถูกอ้อนกลับไม่เคลิ้ม

“อะไรกัน พลับไปแค่ไม่กี่วันเอง นี่อย่าเว่อร์น่าชัย” พลับพลึงผลักไหล่ของวุฒิชัยเบาๆ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของวิศวกรหนุ่มห่อเหี่ยวไป

“ดูทำหน้าเข้า คิดมากนะเนี่ย” คนถูกอ้อนหยอกต่อหมายจะเรียกบรรยากาศครึกครื้นให้กลับมา แล้วยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม ยกเว้นพลับพลึงคนเดียวเท่านั้นที่ขออนุญาตไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขอเป็นน้ำอัดลมแทน เพราะไม่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นสถาปนิกใจแตก

“เออ นี่พลับ น้องสาวก็จะแต่งงานแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะถึงตาพลับล่ะ” ตระการเอ่ยเชิงหยอกล้อคล้ายจะเกริ่นแทนใครบางคน แต่คำถามนั้นกลับเหมือนสะกิดต่อมความโสดของหญิงสาวเข้า ใบหน้าเบิกบานของพลับพลึงค่อยๆ หุบลง ดวงตาเปื้อนยิ้มแสดงความไม่พอใจปนมาเนืองๆ ตระการก็อีกคนที่แอบเชียร์วุฒิชัยแบบเนียนๆ พลับพลึงจึงต้องรีบหยุดความคิดของพี่ๆ ร่วมงานเสีย

“คุณต้นคะ ไม่ใช่ว่าพลับไม่อยากแต่งนะคะ แต่แหม...คุณต้นก็เห็น เนื้อคู่ของพลับยังไม่ปรากฏตัวเลย”

“อ้าว...แล้วกัน แล้วที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ล่ะครับ” วิศวกรรุ่นพี่อีกคนเสียงดังขึ้นเหลือบตาไปทางวุฒิชัยซึ่งนั่งเบิกตารอรับอานิสงค์จากเพื่อนร่วมงาน หวังลึกๆ ว่าหญิงสาวจะใจอ่อนคล้อยตามไปกับคำยุยงของพี่พ้อง

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวของโครงการที่ไม่เคยยอมรับตัวเองเลยว่าสวยและพยายามทำตัวเหมือนหญิงแกร่ง หรือบางครั้งออกจะห้าวจนน่าหมั่นไส้ แต่ทุกคนกลับหลงรักในความเป็นธรรมชาติและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมของเธอ หลายครั้งที่พี่ร่วมงานจะมีท่าทางเหมือนหมาหยอกไก่ แต่ไก่ก็ไม่เคยให้หยอกสมใจซักที จน ‘หมา’ ทั้งหลายเลิกเป็นหมากลายมาเป็นกองหนุนวิศวกรโครงการแทน และตอนนี้ทุกคนก็
พยายามต้อนไก่เข้าสุ่มวุฒิชัยอยู่

“พี่นุครับ พูดอะไรเกรงใจชัยบ้างสิครับ เดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นมาตะบันหน้าพี่หรอก” เอกพลวิศวกรอีกคนเอ่ยแซว แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในที่นั้น ยกเว้นพลับพลึงกับวุฒิชัยที่หัวเราะไม่ออก

“อะไรกันคะ พลับกับชัยน่ะแค่เพื่อนกัน พวกพี่อย่ามายุเสียให้ยาก จริงมั้ยชัย” พลับพลึงหัวเราะกลบเกลื่อนซึ่งแตกต่างจากวุฒิชัยที่ไม่พูดอะไร พลับพลึงเหลือบตามองแล้วแอบหนักใจ ทำไมจะไม่รู้ว่าวิศวกรหนุ่มคิดอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับพลับพลึงแล้ววุฒิชัยยังไม่ใช่
“อ้าว จริง ถ้าอย่างนั้นผมก็มีหวังนะสิ” นุติเอ่ยขึ้นพร้อมกับกลั้วหัวเราะ

“คงหมดโอกาสแล้วล่ะค่ะเพราะแม่ทูนหัวพี่เดินมาโน่นแล้ว” พลับพลึงบุ้ยปาก ทุกสายตามองตามก่อนจะอ้าปากหวอแล้ววงเหล้าที่เพิ่งเริ่มก็แตกฮือ ไม่เว้นแม้แต่ตระการเจ้าของบ้านพัก

“อะ ฮึ่ม รู้สึกง่วงแล้วสิ พี่ว่าเราแยกย้ายดีกว่านะ” ตระการคำรามขึ้นพร้อมส่งสายตาไปที่เป้าหมายซึ่งกำลังย่างสามขุมเข้ามาหา ยกเว้นนุติที่นั่งหันหลังให้ผู้มาเยือนจึงรู้ตัวช้ากว่าทุกคน ช้าจนลุกไม่ทัน เป็นอันรู้กันว่า ถึงเวลานี้คงจะต้องตัวใครตัวมัน ถ้าขืนยังชักช้าอาจจะตกเป็นเป้านิ่งหรือโดนลูกหลงจากหญิงสาวชาวดอยผู้เพิ่งตกเป็นเมียของวิศวกรปากหวานได้ไม่นาน

“โชคดีนะพี่นุ” วุฒิชัยกระซิบให้กำลังใจแล้วหันไปคว้าข้อมือพลับพลึงให้รีบลุกขึ้นในขณะที่นุติยังเหลอหลามองพรรคพวกที่แตกฮือ

“เดี๋ยวสิชัย พลับอยากรู้” คนถูกลากออกมาจากวงสังสรรค์ขืนตัวไว้เมื่อออกมาจากวงเหล้าไม่ไกล พลับพลึงหันกลับไปมองนุติที่รู้ตัวแล้วและกำลังจะพรวดออกจากวงเหล้าเช่นกัน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อถูกคว้าหมับเข้าที่แขน
“จะอยากรู้ไปทำไม ไปเถอะน่า ไม่เห็นหรือไงว่าในมือมะแอน่ะ อีโต้!”

“น่า อยู่ดูก่อน” พลับพลึงอ้อน อยู่ตรงนี้ก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว มีเสาบ้านให้บังต้นเบ่อเริ่ม
“อ้าว...มะแอ...”

วิศวกรปากหวานที่หนีไม่ทันฉีกยิ้มกว้างลากเสียงยาว หากว่าสาวชาวดอยก้าวเข้ามาในวงเหล้าช้ากว่านี้เขาก็คงจะเผ่นแนบเหมือนทุกครั้ง
“อ้อ ยังจำได้หรือว่ามะแอเป็นเมีย”

สาวดอยประชดประชันด้วยภาษาเหนือชัดถ้อยชัดคำ เพราะคลุกคลีอยู่กับคนพื้นที่ราบมาหลายปี เธอเป็นคนงานก่อสร้างในไซด์งานนี้มาปีกว่าๆ ก่อนจะตกลงปลงใจยอมเสียผีเป็นเมียของวิศวกรรูปหล่อ เพราะคำป้อยอ ลิ้นพระลอ รูปหล่อเกินห้ามใจของหนุ่มกรุงเทพฯ แต่พักหลังๆ นุติกลับทำเหมือนจะตีจาก จนหลายครั้งมะแอต้องแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เอาผีป่ามาอ้างบ้าง เอาผู้ใหญ่บ้านมาอ้างบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยังพลิกลิ้นได้ตลอด จนสองสามครั้งหลังสาวดอยต้องใช้ตัวช่วยเป็นของแข็ง และมันก็ได้ผลเมื่อถืออีโต้มาทีไรก็ได้ตัววิศวกรหนุ่มกลับไปบ้านด้วยทุกครั้ง

“วันนี้จะกลับบ้านกับมะแอหรือเปล่า” แม่สาวดอยถามแกมข่มขู่
“กลับสิจ๊ะ ไม่กลับไปหาเมียแล้วจะให้ไปหาใคร” นุติลากเสียงยาวอย่างเอาใจด้วยเกรงอีโต้ในมือแม่เสือภูเขา ท่าทางของเขาแทบจะกราบกรานสาวดอยเลยก็ว่าได้ ลักษณะแบบนี้ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนักในบุคคลที่ถูกเรียกว่า ‘คาสโนว่า’

“ก็นึกว่าจะไปหานังแม่ค้าตาโตที่ขายอาหารตามสั่งอยู่หน้าไซด์งานนะสิ”
“โถ...ใครจะไปกล้าล่ะจ๊ะ มะแอสวยขนาดนี้พี่ไม่กล้าไปมีคนอื่นร้อก…”

“ก็ดี ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเดี๋ยวนี้เลย จะได้ทำพิธีเป็นเรื่องเป็นราว”
“ห๊ะ อะไรนะ พะ...พิธีอะไร” วิศวกรหนุ่มอุทาน พยายามปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ ดวงตาเบิกกว้างก่อนหัวคิ้วย่นเข้าขยายสลับกันหลายครั้ง

“ก็พิธีแต่งงานไง นี่ก็ผลัดมาเป็นเดือนแล้ว ผู้ใหญ่บอกว่าถ้าวันนี้นายช่างไม่ยอมก็ให้เจื๋อนทิ้งได้เลย” มะแอยกอีโต้ขึ้นขู่ ถลึงตาราวกับนางเสือสาวก็ไม่ปาน

“ว้าย!...” วิศวกรหนุ่มยกมือขึ้นห้าม เสียงร้องนั้นแทบจะทำให้คนที่หลบซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ในบริเวณนั้นแทบกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่ เพราะฟังอย่างไรก็ไม่ใช่เสียงผู้ชาย “ใครว่าไม่ยอมละจ๊ะ ย๊อม...ยอมอยู่แล้ว”

“อืม ดี พูดง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ ไป! ต้องให้ขู่ นี่ถ้ารู้ว่าพูดง่ายอย่างนี้นะ มะแอเชื่อคำผู้ใหญ่บ้านนานแล้ว” หญิงสาวชาวเขาพึมพำ อารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนเดินมาถึงหลายเท่า ผู้ใหญ่บ้านพูดไม่มีผิด ผู้ชายหากยอมเสียหมดทุกอย่างก็จะได้ใจ บางครั้งก็ต้องใช้ไม้แข็งเจื๋อนมันทิ้งไปซะถ้ายังดึงดันจะไม่รับผิดชอบ แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยแต่ผู้ใหญ่ก็พูดถูกอีกนั่นแหละ ถ้าไม่เจื๋อนทิ้งเสียอนาคตเขาก็ต้องไปใช้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เราอยู่ดี ในเมื่อเราไม่ได้แล้วจะเหลือไว้ให้เป็นของสาธารณะทำไม

ทุกคนรอจนมะแอลากตัวนุติออกไปจากตรงนั้นถึงได้พากันปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ต่างส่ายหน้าถอนหายใจ ไว้อาลัยแด่ความโสดของนุติกัน ใครจะเชื่อเล่าว่า หนุ่มชาวกรุงต้องมาเสียทีสาวชาวดอย นี่ไงตัวอย่าง ใครว่าสาวชาวดอยไม่ฉลาด มะแอได้พิสูจน์แล้วว่าเธอฉลาดกว่าวิศวกรโครงการเสียอีก เพราะอย่างไรคืนนี้นุติก็คงต้องเข้าพิธีแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลืออุปกรณ์ไว้ให้ฉี่

“โอ้โห...มะแอสุดยอดไปเลย” พลับพลึงชมในความเก่งกล้าของสาวดอย แต่ถ้อยคำนั้นก็ทำให้เธอกลายเป็นแกะดำเมื่อสายตาทุกคู่จ้องเขม็งมาที่เธอเป็นตาเดียว “ทำไมมองพลับอย่างนั้นละคะ ก็มันจริงนี่ พี่นุไปได้เสียกับเค้าเองนี่ก็ต้องรับผิดชอบสิ นี่แหละ อยากเจ้าชู้ดีนักเจอของจริงเข้าเป็นไงล่ะ หงอยเลย” พลับพลึงยังเยินยอสาวดอยไม่ขาดปาก ต่างจากเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายที่มีพฤติกรรมไม่ต่างจากนุติที่เจอแจ็คพอตได้เป็นเขยชาวดอยไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

“แต่ชัยไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอนพลับไว้ใจได้” พลับพลึงยิ้มอึดอัดแล้วพยักหน้ารับ เธอเชื่อว่าวุฒิชัยจะไม่ทำตัวอย่างนั้น
“อืม...ดึกแล้ว พลับไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปท่ารถแต่เช้า” พลับพลึงขยับตัวจะผละไปด้วยรู้สึกขวยเขินกับถ้อยคำหวานที่พักหลังๆ มานี้วุฒิชัยจะใช้บ่อยขึ้นทุกที

“พรุ่งนี้ชัยไปส่งนะ”

พลับพลึงหันกลับมายิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนไปนอนพลับพลึงก็อดขำไม่ได้ คาสโนว่าอย่างนุติแพ้ทางสาวดอยเสียราบคาบ ยังนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ปลอบใจพี่ร่วมงานในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวหมาดๆ จะทำหน้าอย่างไรที่ถูกจับเข้าพิธีอย่างนั้น อีกอย่างที่สะใจก็คือ มะแอ สาวดอยรักษาสิทธิของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็สุดแต่จะคาดเดา แต่วันนี้มะแอเป็นผู้ชนะและสามารถเรียกศักดิ์ศรีกลับคืนมาได้อย่างสวยงาม อย่างน้อยก็ยังได้ทำพิธีขอขมาที่เสียผีไปก่อนได้เข้าพิธีแต่งงาน






แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2556, 09:42:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2556, 09:42:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1851





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 1   พ่ายพรหมลิิขิต ตอนที่ 3 >>
Oleang 8 ต.ค. 2556, 10:02:24 น.


pattisa 8 ต.ค. 2556, 10:50:45 น.
น่าติดตามมากค่ะ อิอิ


จิรารัตน์ 8 ต.ค. 2556, 11:25:18 น.
มาให้กำลังใจน้องปุ้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account