อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด

ตอน: ซาตานในคราบเทพบุตร

“เย็นแล้ว ผมจะเช็ดตัวให้นะ อีกหน่อยเจียงคงจะยกข้าวมาให้” ดวงตาคู่เศร้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกะละมังกับผ้า
“ฉันทำเองได้”
เพราะเชื่อว่าตัวเองมีเรี่ยวแรงมากพอแล้ว จึงขอไม่พึ่งน้ำใจจากคนสองหน้าหลายอารมณ์เด็ดขาด แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม ในเมื่อตั้งใจจะทำคะแนนให้กระเตื้องขึ้นในช่วงนี้แล้ว ใยเลยจะปล่อยให้มันหลุดลอยไป
“อย่าทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลยน่ะ!! ผมไม่ค่อยจะได้ทำเรื่องพวกนี้ให้ใครง่ายๆ นะ นอนนิ่งๆ แล้วจะดีเอง!!”
จึงส่งเสียงดุๆ ออกไป ทำเอาคนไข้ไม่กล้าขัด จึงต้องยินยอมให้เขาเปลื้องผ้า แล้วเช็ดเนื้อตัวได้ตามสบาย แม้จะอายเหลือกำลังเมื่อถูกเขาสัมผัสไปทุกส่วนสัดของร่างกายก็ตามที
“อย่าดื้อนะ!! นั่งนิ่งๆ ผมจะป้อนให้!!”
อีกครั้งที่เขาส่งเสียงดุ จนคนป่วยต้องนั่งนิ่งๆ ตามคำ แล้วอ้าปากรับอาหารจากมือเขาได้หลายคำ ตามด้วยยาสารพัด และหลับลงในเวลาไม่นานนัก ตื่นอีกทีก็ตอนหมอมาดูอาการ แต่ไม่นานก็หลับอีก และดูเหมือนจะหลับสบายกว่าหลายๆ คืน และอุ่นกว่าหลายๆ คืน เหมือนใช้ผ้าห่มคนละฝืนก็ว่าได้
ครั้นพอตื่นมากลางดึกถึงได้รู้ว่าเป็นอกของเขาที่แนบอยู่กับแผ่นหลัง พร้อมวงแขนโอบกอดไว้นั่นเอง หญิงสาวนอนนิ่งไม่ไหวติง ขณะไออุ่นจากกายเขาแผ่กระจายมาหาจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบอย่างฉับพลัน แต่ไม่นานมันก็กลับไปอบอุ่นอีกครั้ง อดสงสัยในปาฏิกิริยาของร่างกายตัวเองไม่ได้
จึงเฝ้าสังเกตอาการอยู่เงียบๆ เวลาที่มีเขาคอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยาให้ในวันถัดมา จากเมื่อก่อนที่ไม่อยากจะใกล้เขาเลย แต่ตอนนี้ใจยินยอมให้เขาแนบชิดโดยไม่ได้ขัดขืน หรือจะเป็นเพราะแรงน้อยอยู่ แต่ในวันต่อๆ ไปที่อาการป่วยหายเกือบจะเป็นปกติแล้ว อาการนี้ก็ยังไม่หาย แม้จะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังน้อยแล้ว และมีเขาตามมาอยู่ร่วมห้องแล้วก็ตามที
“กินยาต่ออีกหน่อยสิ เดี๋ยวไข้กลับอีกผมไม่รู้ด้วยนะ”
ชาครีย์ยื่นยากับน้ำให้เมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะล้มตัวลงนอนหนีทันทีที่เขาอาบน้ำเสร็จ กัณหาจำต้องยอมทำตามอย่างว่าง่ายด้วยการรับของในมือเขามายื่นเข้าปาก แล้วรีบมุดตัวลงใต้ผ้าห่มและนอนหันหลังให้เขาเหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยก็คือ
“คุณง่วงแล้วเหรอ ไม่ดูละครหลังข่าวเหมือนคนอื่นบ้างหรือไง”
เปลี่ยนมาเป็นนอนหงายเมื่อมีกายเขาเคลื่อนไปหาใกล้ๆ ใช้แขนใหญ่รั้งร่างนุ่มให้พลิกมาหา ส่งวาจานุ่มนวลถามไถ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ไม่! ฉันง่วงแล้ว!”
แต่ดวงตาคนพูดนั้นกลับเบิกโพลงแตกต่างจากที่บอกคนละเรื่อง ซึ่งชาครีย์อ่านออกได้ไม่ยาก แต่ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยื่นจมูกไปหาแก้มนุ่มแล้วหอมเบาๆ เมื่อเจ้าของไม่เบี่ยงหนีเหมือนทุกครั้ง หรือคำแนะนำเพื่อนจะได้ผล เขาจึงพิสูจน์ด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากสีระเรื่ออย่างเชื่องช้าเพื่ออ่านว่าอีกคนจะหลบหลีกไหม
‘ไม่’
คือคำตอบที่ได้ แล้วความคิดถึงความโหยหาที่ว่างเว้นมาหลายค่ำคืน ก็เรียกให้เบียดกายเข้าแนบชิด มอบจุมพิตอันอ่อนหวาน ซาบซ่านให้เธอ แทนความรุนแรงที่เคยมีให้มาหลายต่อหลายครั้ง และนั่นทำให้กัณหายินยอมให้เขาเข้าใกล้ได้เป็นครั้งแรกตามต้องการเป็นครั้งแรกก็ว่าได้
แล้วมันก็ทำให้หัวใจเปลี่ยนจากข่มขื่นฝืนทนเหมือนทุกครั้งไปในทิศทางสุขสมกับสัมผัสของเขาบ้างแล้ว เพราะช่างพริ้วแผ่วบางเบา นุ่มนวล อ่อนหวาน ไม่หาญหักน้ำใจเฉกเช่นที่ผ่านมาเลยแม้จนวินาทีเดียว และย่ำรุ่งอรุณของวันใหม่
หัวใจดวงน้อยๆ ก็แอบอิ่มอุ่นอยู่เพียงลำพัง เมื่อยังคงมีอกกว้างกับวงแขนโอบกอดไว้ไม่ห่างหาย ผิดกับทุกเช้าเมื่อลืมตามาก็ไร้ซึ่งวี่แววของคนที่ตักตวงความสุขจากกายสาวจนอิ่มหนำแล้วก็จากไป
“ผมให้เจียงยกมื้อเช้ามาให้ที่นี่ ลงไปกินด้วยกันนะ”
เขากระซิบบอกข้างหู ก่อนจะผละไปอาบน้ำ เตรียมไปทำงาน ไม่นานเจียงก็มาเคาะประตูบ้าน แต่ยังไม่ได้ยกอาหารมา หากมีเสื้อผ้าหลายสิบชุดกับของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ของเขามาแทน
“คุณเสือให้เจียงเอามาไว้บ้านนี้ด้วยค่ะ เผื่อจะใช้” กัณหารับจากมือเจียงเดินเอาขึ้นไปแขวนไว้บนตู้อย่างงุนงง
“คุณช่วยเลือกให้ผมสักชุดทีสิ” ยิ่งงงหนักขึ้นอีกเมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว เรียกร้องในสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ใส่นี่กับผูกนี่ให้ด้วย”
พอได้ชุดแล้วเขาก็เรียกร้องเรื่องต่อไปนั่นคือยื่นแขนมาให้ติดกระดุมทั้งตรงแขนและด้านหน้า ตามด้วยการผูกเน็กไทอีก หลังอิ่มจากมื้อเช้าก็ตามด้วยการเดินมาจูบแก้มก่อนออกไปทำงานพร้อมกระซิบบอกแผ่วเบาอีก
“เย็นจะรีบกลับ ไม่ต้องทำกับข้าวนะ เจียงจะยกมาให้ที่นี่”
เขาทำตามที่บอกจริงๆ เพราะยังไม่ถึงหกโมงก็มายืนอยู่ในบ้านแล้ว ทำเอากัณหาที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับยายกับน้องเสร็จตกใจไม่น้อย
“อุ๊ย!!! อย่าค่ะ!!”
และต้องตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อเขาเดินมาหาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ช้อนตัวขึ้น แล้วพาเดินไปชั้นบนตรงเข้าห้องน้ำทันที สองร่างเปียกปอนอยู่ใต้ฝักบัว เสื้อแขนกุดสีขาวผ้าชีฟองเวลาถูกน้ำแล้วเรียกความกระชุ่มกระชวย จนต้องเพิ่มโปรแกรมจากแค่อาบน้ำเป็นทำอย่างอื่นร่วมด้วย โดยกัณหายินยอมด้วยการนิ่งปล่อยตามใจเขาทุกอย่างนั่นเอง

“ชุดที่ให้ไป! ช่วยอะไรได้ไหมแม่นิ่ม” ยุพาพรเอ่ยเสียงเครียดทันทีเมื่อหลานขึ้นไปนั่งในรถได้
“ยังค่ะ”
หลานตอบแทบจะทันทีเช่นกัน เพราะไม่อยากให้ย่ามีความหวัง แม้เวลาที่ผ่านมาเกือบสองเดือนเขาจะเปลี่ยนไปบ้างก็ตาม แต่หากจะให้คิดเข้าข้างตัวเองนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะใจเฝ้าบอกเสมอๆ ว่าเขาออกจะเกลียดคุณหนูมิวปานนั้น จะให้มีใจรักง่ายๆ มันออกจะเป็นไปได้ยาก
“ไม่ได้เรื่อง!!! อยู่กับมันจะครึ่งปีแล้วยังต้อนไม่ได้อีก นี่ถ้าเป็นยัยมิวล่ะก็ ป่านนี้มันยกอะไรต่อมิอะไรให้แล้ว ทำไมหล่อนไม่ได้แม่หล่อนเลยล่ะ แรด!!! ไวไฟ!!! มักใหญ่ใฝ่สูง!!! อยากได้ลูกเจ้านายมาทำผัวจนตัวสั่น คิดจะดีดฐานะตัวเอ...”
“คุณแม่จะแวะซื้อของที่ร้านประจำหรือเปล่าครับ”
วิโรจน์รีบแทรกเพราะสงสารลูกที่ต้องนั่งทนให้ย่าด่าว่าแม่โดยตอบโต้อะไรไม่ได้ และนั่นก็ทำให้ลูกชื้นใจอยู่บ้างที่อย่างน้อยๆ ก็มีพ่อคอยช่วย ผิดกับแม่และเมียที่ออกอาการเบื่อไม้กันหมาอย่างเขาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ล่ะ!! ส่งฉันที่บ้านแล้วให้คนรถไปส่งแม่นิ่ม”
จึงส่งเสียงแข็งๆ ใส่ลูกเป็นการประชด แล้วรถทั้งคันก็เงียบงันไป กัณหาฝืนใจยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ เพื่อให้ตัวเองได้ไปหายายกับน้องเร็วๆ เท่านั้น หาได้ให้ความเคารพด้วยความสมัครใจไม่
“ยัยนิ่มหลานยาย เป็นยังไงบ้าง ดูสิ! ผอมกว่าเดิมตั้งเยอะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง ยายกำลังจะทำปลาช่อนแดดเดียวเอาไว้ให้นิ่มด้วยนะ”
และอีกสารพัดความห่วงใยที่ยายมีให้ พร้อมกับสารพัดเมนูทั้งของสดและแห้งที่ยายสรรหามาบอกกล่าว ด้วยความรักหลานจนสุดหัวใจ ผิดกับย่าคนละโลก
“พี่นัยกับพี่ชลว่าจะมาพรุ่งนี้สายๆ แล้วชวนพี่นิ่มไปเดินจตุจักรกัน”
ชาลีรีบรายงานเมื่อพี่ถามถึงคนทั้งสองเพราะความห่วงใย และตั้งใจจะใช้เงินที่เคยให้เป็นค่ารักษายายคืนบางส่วนเท่าที่พอจะมี แต่ในวันรุ่งขึ้นและสายมากแล้วสองพี่น้องก็ยังไม่เห็นวี่แววของสองคนเลย ชาลีจึงโทรไปถาม
“พี่นัยบอกว่าเปลี่ยนจะมาเย็นๆ เพราะจะต้องพาอาม่าไปซื้อของก่อน”
สองพี่น้องจึงไปกันตามลำพัง และกลับมาในบ่ายแก่ๆ คนพี่รีบไปช่วยยายทำมื้อเย็น ส่วนคนน้องรีบเอาต้นไม้สารพัดที่ซื้อมาลงไปปลูกในที่ว่างๆ ติดกับรั้วคอนกรีตสูงแค่ระดับเอว
“อีกแค่สี่ห้าปีก็ได้กินแล้วล่ะพี่นัย เพราะเป็นไม้ตอนให้ลูกเร็ว เดือนหน้าหนุ่มกับพี่นิ่มว่าจะไปหาดอกไม้มาปลูก เวลายายไปวัดจะได้ไม่ต้องซื้อไง”
ชาลีตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อธีระนัยเอ่ยถามในตอนเย็น เขาเห็นสีหน้าของชาลีตอนนี้บ่งบอกว่าทุกข์น้อยกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนก็สบายใจขึ้น และยิ่งเห็นสีหน้าของผู้เป็นพี่สาวที่ยิ้มออกมาบ่อยครั้งกว่าเมื่อก่อนมากก็ดีใจไม่น้อย แปลว่าความทุกข์ที่เธอมีกำลังลดน้อยลง หรือไม่ก็เริ่มจะชาชินขึ้นมาแล้ว
“นัยกับชลรับไว้เถอะ นิ่มพอเจียดมาให้ได้บ้างแล้ว เดือนหน้าก็จะให้มากกว่านี้ได้ เพราะยายบอกว่าจะทำขนมส่งร้านแถวนี้คงได้เงินมาใช้จ่ายในบ้านเพิ่มขึ้น นิ่มไม่อยากเอาเปรียบใคร เงินที่ บ.ก. ช่วยนิ่มก็ให้หักจากงานที่นิ่มทำส่งบางส่วน แบบนี้นิ่มสบายใจกว่ารับมาเปล่าๆ”
สองหนุ่มสาวหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะรับเงินในมือไปเก็บไว้ กัณหาอยากมีเวลาคุยกับแฟนหนุ่มเป็นการส่วนตัวบ้าง แต่หาโอกาสไม่ได้ เพราะกินมื้อเย็นอิ่ม สองหนุ่มสาวที่มาพร้อมกันก็กลับพร้อมกันอีก ไม่ได้อยู่ดึกดื่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กัณหาก็เข้าใจดีว่าพรุ่งนี้เป็นวันทำงาน ทุกคนจะต้องรีบกลับไปพักผ่อน



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2556, 09:29:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2556, 09:29:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1450





<< น้ำผึ้งอาบยาพิษ   เมื่อซาตานต้องล้มป่วย >>
sonakshi 26 ก.ย. 2556, 10:51:09 น.
ครอบครัวนางเอกนี่มีแต่อสูรทั้งนั้นเลย


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 27 ก.ย. 2556, 19:50:02 น.
ใช่ค่ะ คิดๆ แล้วยิ่งกว่านายเสือที่ว่าเป็นซาตานซะอีกน้อ



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account