อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49
พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..
สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com
ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..
สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com
ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา
ตอน: 30. ตอนอวสาน
30.
(ตอนจบ)
เรือเฟอร์รี่ถึงท่าเทียบเรือของเกาะดีเลย์แล้ว สุริยาพาทั้งสามคนขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งตรงสู่ที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดรูปวงพระจันทร์ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่อีกฝังของเกาะ..และที่พักที่ได้จองไว้จากภูเก็ตก็เป็นเพียงกระท่อมหลังเล็ก ๆ สองหลังคู่ ตั้งอยู่ห่างจากแนวทรายชายทะเลไม่มากนัก เหตุที่สุริยาเลือกที่ตรงนี้เพราะอยู่ไม่ห่างจากทางขึ้นเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรม และก็สะดวกที่จะเดินทางไปยังย่านหาดทรายนวลซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมและร้านอาหารหรูหรา ซึ่งเตรียมไว้รอท่าฝรั่งเงินหนาจากแดนไกล
หลังจากเช็คอินเข้าที่พักในเวลาบ่ายคล้อย แสงทองกับดาราวดีก็ปรี่ลงน้ำทะเลดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน ส่วนรุ่งโรจน์ก็ลากสุริยาเข้าไปในย่านแหล่งของมึนเมาด้วยต้องการร่วมเฉลิมฉลองกับพวกฝรั่งที่รุ่งโรจน์คุ้นเคย..และสุริยาก็ต้องขอตัวกลับ เมื่อเห็นว่า รุ่งโรจน์ได้พบคนที่เคยรู้จักและพักอยู่ใกล้ ๆ กัน
“คุณจะทิ้งผมไปไหนคุณยะ ..เฮ้”
ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทนไม่ไหวที่จะเข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมและกลิ่นบุหรี่ขนาดนั้น..เมื่อกลับถึงที่พักก็พบว่าสองสาวไม่อยู่ที่ห้องเหมือนกัน เมื่อรูปการณ์เป็นดั่งนั้นสุริยาจึงเดินไปที่ชายหาดนั่งลงชันเข่าแล้วก็มองไปที่เวิ้งน้ำข้างหน้า เห็นเรือหาปลาลอยอยู่ลิบ ๆ ใจกระหวัดถึงพุทธพจน์และเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่ทำให้ใจสงบ
‘มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำฉันท์ใด..ทานบดีก็ไม่อิ่มด้วยการให้ทานฉันท์นั้น..’
นึกถึงพระมหาชนกผู้บำเพ็ญวิริยะบารมี ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแม้ไม่เห็นฝั่ง..คนเราต้องมีความเพียรจึงจะหลุดพ้น..ถ้าเปรียบท้องทะเลกับภูเขา สุริยารู้สึกว่าทะเล ซับซ้อนซ่อนความน่าหวาดกลัวมากกว่ายิ่งนัก นั่งรอให้ทั้งสองสาวและรุ่งโรจน์กลับมาท่ามกลางพระจันทร์ที่กระจ่างฟ้าและหมู่ดาวเกลื่อนกล่น จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงสี่ทุ่ม แล้วสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่ผับอันอึกทึกอีกครั้ง
เมื่อไปถึงพบว่ารุ่งโรจน์คอพับคออ่อนมีน้ำเสียงอ้อแอ้เสียแล้ว เพื่อนฝรั่งของรุ่งโรจน์รีบกระตือรือร้นให้สุริยาพาเขาออกมา..แล้วคนที่ว่าเก่งกาจทางเชิงสุราก็อาเจียนเสียยกใหญ่ที่บนหาดทรายชายทะเล
“ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน..เซ็งชีวิตจริง ๆ คุณยะ ..เซ็งจริง ๆ ที่อยากทำก็ทำไม่ได้ ที่ให้ทำได้ ก็ไม่อยากทำเสียอีก..ใครก็อิจฉาชีวิตของผม แต่ผมกลับอิจฉาชีวิตคนอื่น..โลกหนอโลก..วันนี้ผมยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย คุณพาผมไปหน่อยได้ไหม..”
“ไม่ได้ มันดึกแล้ว..”
“คุณห่วงผมด้วยหรือ”
“ไม่ห่วง ผมจะไปรับคุณกลับมาทำไม..” พูดไม่จบ รุ่งโรจน์ก็แอบลักจูบที่ต้นคอของสุริยา
“อย่าคุณรุ่ง..”
“คุณรังเกียจอะไรผมเหรอ ...คืนนี้พระจันทร์สวย เราจะฮันนี่มูนกันที่นี่ เราจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฉลองคริสต์มาสกันที่นี่ดีไหม..คุณดื่มเป็นเพื่อนผมได้ไหม ผมยังอยากดื่มอีก ดื่มให้เมา ๆ ๆ ๆ ไปเลย”
“แต่คุณเมาแล้วนะครับ เมามากด้วย”
“ไม่เมา” แล้วสุริยาก็ลากรุ่งโรจน์กลับไปที่ห้อง ถอดเสื้อผ้า แล้วก็ผลักคนตัวขาว เข้าไปในห้องน้ำ
“อาบน้ำซะจะได้ดีขึ้น”
“คุณอาบให้ผมซี ผมเมาอย่างนี้ผมอาบเองไม่ได้ อาบให้ผมเหมือนตอนที่เราอยู่สมุทรสงครามด้วยกัน เช็ดตัวให้ผมก็ได้..ผมอยากย้อนเวลากลับไปปางจันทร์จังเลย ตอนนั้นผมรู้นะ ผมรู้ว่าคุณเสนอตัวเข้ามาหาผมก่อนน่ะ”
“สองคนนั่นหายไปไหนนะ คุณรู้บ้างไหม” สุริยาเฉไฉไปอีกเรื่อง
“สองคนไหน ผู้หญิงสองคนนั่นนะหรือ มารหัวใจเรานะหรือ ปล่อยไปเถอะ ..เกาะนี้ไม่มีใครทำอะไรพวกเธอหรอก”
กว่าจะปลอบให้รุ่งโรจน์หลับตาลงได้ เล่นเอาสุริยาเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก..พอรุ่งโรจน์หลับแล้วสุริยาก็ออกไปเคาะประตูห้องหญิงสาวทั้งสอง ไม่ปรากฏเสียงตอบรับ สุริยาเริ่มกระสับกระส่าย ห่วง กลัวว่าจะได้รับอันตราย
เมื่อเดินกลับมาที่ห้องพบว่ารุ่งโรจน์บ่นปวดหัว สุริยาหายาพาราให้กินก่อนจะเดินกลับไปที่ย่านเริงรมย์แถวหาดทรายนวลอีกครั้ง พยายามสอดสายตาเข้าไปในร้านต่าง ๆ เพื่อหาแสงทองกับดาราวดีแต่ไม่พบ สุริยากลับมาอีกทีห้องก็พบว่ารุ่งโรจน์นอนแผ่อยู่ในห้องน้ำท่ามกลางกองอาหารในตอนหัวค่ำ เขารีบจัดการทำความสะอาดให้ แล้วก็ลากกลับมาที่เตียงนอน
“อยู่ดีไม่ว่าดีซิน่า”
“คุณรักผมไหมคุณยะ คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณไหม ผมไม่อยากแต่งงาน ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ..เราหนีไปด้วยกันไหม ไปอยู่เมืองนอก เมืองที่มีกฎหมายให้ชายกับชายแต่งงานกันได้ เราไปอยู่ที่นั่น มันจะได้ไม่แปลกจากคนอื่น คุณไปกับผมไหม”
“หยุดละเมอเพ้อพกได้แล้วครับ นอนได้แล้ว..คุณรู้ไหม ตอนนี้ผมเป็นห่วงสองสาวเป็นอย่างมาก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณดี้เจอะเพื่อนแหม่มของเธอ คงไปด้วยกัน ยิ่งแสงทองไปด้วย ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น สุริยาจึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่งโรจน์ด้วยความอ่อนเพลีย และกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็พบว่ารุ่งโรจน์กำลังจะล่วงล้ำอธิปไตยของตน
“คุณรุ่ง อย่า”
“ผมรักคุณนะคุณยะ ผมรักคุณ เป็นของผมเถอะ นะครับ นะครับ” รุ่งโรจน์ดูขาดสติ ไร้ความยับยั้งชั่งใจมากกว่าวันวาน
“คุณรุ่งอย่า..ผม”
“นะคร้าบ ผมรักคุณ..รักมากด้วย..เป็นของผมนะครับคนดี..”
“ไม่..คุณรุ่ง..อย่า..” จากผลักใส กลายเป็นทำร้าย!!..
“อุ๊..เจ็บ”...ว่าแล้วรุ่งโรจน์ซึ่งถูกหลังมือของสุริยาตีเข้าที่หน้าก็ค่อย ๆ ละกำลังปลุกปล้ำ หลังจากนั้นก็เอนกายลงนอนหงายหายใจระรินอยู่ตรงนั้น
-------------------------------------------------------------------------
เกือบสามโมงเช้าที่สุริยาลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งซ่าซ่านปลุกให้ใจพะวักพะวงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไป ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บ แต่มันก็สามารถหยุดลูกบ้านั่นได้ ..ออกมาจากห้องน้ำเดินกลับมาที่เตียง ..เช้าวันนี้เมื่อลืมตาเจอะหน้ากันจะปั้นหน้าอย่างไร
คิดว่าเขาอาจจะทำท่างอนใส่ จึงรีบแต่งตัวออกไปจากห้อง ถ้าเขาไม่คิดอะไรหรือเมาจนจำอะไรไม่ได้ โปรแกรมวันนี้ที่วางไว้ ในตอนสาย ๆ จะออกไปดำน้ำดูปะการังกับบริษัททัวร์เล็ก ๆ บนเกาะแล้ว กลับมาก็จะยกของที่ซื้อมาไปบนภูเขาไปสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นสังฆทาน
สุริยาเดินกลับไปที่บ้านพักของสองสาว พบว่ายังสงบเงียบ นึกเป็นห่วง ด้วยไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเดินกลับไปย่านชุมชนอีกครั้ง พยายามเดินดูตามร้านอาหาร เผื่อว่าทั้งแสงทองและดาราวดีอาจจะกำลังกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน
หลังจากจัดการกับมื้อเช้าซึ่งเป็นโอวัลตินร้อน ๆ กับขนมปังปิ้งแล้ว สุริยาก็เดินทอดน่องไปตามถนนซึ่งทอดตัวสู่ยอดเขาที่สูงประมาณสี่ร้อยเมตร นึกอยากไปดูสถานที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์เจริญภาวนาสำหรับชาวต่างชาติต่างภาษา จะเป็นเหมือนกับที่เขาเคยรู้เห็นมาหรือไม่
สิ่งแรกที่ได้เห็นนั่นก็คือว่า สะอาด สงบ ผิดกับย่านชุมชนข้างล่าง ขณะสาวเท้าเข้าสู่ลานวิหารพระพุทธรูปหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวในมุมสูงได้ สุริยาก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกวักมือไหว ๆ อยู่ ณ กุฏิที่อยู่ต่ำลงไป
สุริยารีบก้าวลงไป เมื่อไปถึง ท่านขอร้องให้ช่วยกวาดใบไม้บริเวณรอบกุฏิแล้วก็ซักผ้าห่มกับปลอกหมอนที่แช่อยู่ในกะละมัง สุริยาปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่านี่คือบุญจากการช่วยเหลือขวนขวายทำให้บริเวณวัดสะอาด
ขณะทำก็ซักถามพระภิกษุวัยประมาณห้าสิบ ซึ่งสุริยาเรียกว่า “หลวงพ่อ” ถึงที่มาที่ไปของสำนักปฏิบัติและกฎระเบียบหากมีความสนใจที่จะมาปฏิบัติธรรม หลวงพ่อที่สุริยาเรียกก็มีเมตตาที่จะบอกเล่า ความเป็นมาเป็นไปด้วยน้ำเสียงขื่น ๆ ขณะนั่งมองอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวจากมุมสูง
เพียงพักเดียวเท่านั้น สุริยาก็ได้ยินเสียงท่านเปล่งอุทานออกมาว่า
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
เมื่อสุริยาเหลือบตาไปมอง พบว่าท่าน หลับตาสงบนิ่ง สุริยาอดที่จะแปลกใจไม่ได้..จึงยืนขึ้นแล้วรีบเดินไปยืนดู ณ อ่าวเบื้องล่าง..และภาพที่สุริยาเห็นก็คือ บริเวณหาดวงพระจันทร์เจิ่งนองไปด้วยผืนน้ำสีขาวที่แทรกตัวไปทั่วบริเวณย่านชุมชน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง
สุริยางุนงงคาดไม่ออกว่ามันคืออะไร สักพักคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าหลังคารีสอร์ตก็โหมกระหน่ำซัดเข้าหาฝั่งอีกครั้ง ที่ได้เห็นกับตาคือมันสามารถกวาดพาบ้านเรือนเศษไม้ และสรรพสิ่งรวมถึงมนุษย์ที่เรียกว่า ‘คน’ กลับลงไปในทะเล
สุริยาขุนลุกเกลียวส่วนปากเปล่งอุทานออกมา พร้อมกับได้ยินเสียงหวีดร้องไปทั่วบริเวณทางขึ้นเขา ชายหนุ่มรีบผละจากตรงนั้น แล้ววิ่งกลับลงไป สวนกับผู้คนที่วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมาบนเขา
“เกิดอะไรขึ้น..”..เขาตะโกนถามเสียงดัง
“อย่าไป พ่อหนุ่ม ..คลื่นยักษ์ถล่ม..ซัดมาสองลูกแล้ว..เร็วรีบหนี..”..
สุริยายังคงวิ่งสวนลงไป ลงไป ไม่มีกลัวตาย
..แต่มีฝรั่งอีกคนดึงตัวเขาไว้
“อย่า..อย่า..ปล่อยผม ผมจะลงไปข้างล่าง..”
คนถูกดึงไว้ดิ้นรน ดื้อดึง
เขาไม่รู้ว่าฝรั่งพูดว่าอะไร รู้แต่ว่าผู้คนที่วิ่งสวนขึ้นมาเป็นตับ แทบจะเหยียบกันตาย เอาแต่ร้องไห้ พะวักพะวง
สุริยากลับมานั่งหอบอยู่ที่กุฏิแล้วมองออกไปที่หาดวงพระจันทร์อีกครั้ง..บริเวณรีสอร์ตที่ได้เห็นชุมชนร้านค้า โรงแรมที่พักร่อยหรอบางตา และภาพผู้คนที่ค่อย ๆ ทยอยพากันหนีตายขึ้นมาแล้วก็รีบไต่ขึ้นไปบนที่สูง ปลุกให้เขาได้นึกถึงอีกสามชีวิตที่คุ้นเคย
ป่านฉะนี้ เกิดอะไรขึ้น
เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แต่สุริยารู้สึกประหนึ่งว่าสองถึงสามปี เสียงร้องไห้ที่กระซี้กระซิกกับเสียงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่คิดยับยั้ง..
“น้ำทะเลยุบลงไป ตีกลับขึ้นมาอีกทีกะทันหัน..กวาดและกลืนหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งชีวิตมนุษย์สัตว์และสิ่งของลงท้องทะเล หากเป็นคนก็คงจะตาย”
“สึนามิ” เสียงกล่าวขานถึงความร้ายของมันผ่านออกจากปากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสู่คนไทยที่พอรู้ภาษาและขยายความต่อไปเรื่อย ๆ
“สึนามิ”
“สึนามิ คลื่นใต้น้ำ”
“เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทร หลังจากนั้นคลื่นใต้น้ำจะตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า ข้างล่างในตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย”
“แล้วจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าปลอดภัย”
“ไม่รู้ แต่อย่าเพิ่งลงไปเลย..อย่างไรคนที่หนีไม่พ้นไม่มีทางรอดแน่นอน ที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่แค่คนแต่มันมีสิ่งของหนัก ๆ ด้วยที่มันกวาดลงไปแล้วคิดดูเถอะว่ามันจะเป็นอย่างไร”
“ตาย”
พี่ฉันตาย น้องฉันตาย ผัวฉันหาย เมียฉันไปไหน.. ตาย และก็ตาย..
สุริยาน้ำตาไหลพราก คนที่ได้ยินก็น้ำตาไหลพราก สุริยาเดินกลับไปหาหลวงพ่อ องค์ที่ท่านช่วยให้ตนมีชีวิตอยู่รอดด้วยความทุกข์ทรมาน
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติโยมไม่ได้ทำกรรมปาณาติบาตไว้ ย่อมแคล้วคลาด..”
“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผมด้วย ทำไม..ปล่อยให้พวกเขาตาย..”
“อาตมาไม่ได้ช่วยใคร ใครก็ช่วยใครไม่ได้ นอกจากตนจะช่วยตนเอง”
ในเวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็น มีเฮลิคอปเตอร์ส่งอาหารน้ำดื่มและยารักษาโรคลงมาทางอากาศพร้อมกับข้อมูลที่แน่ชัด ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร ผู้คนที่รอดตายพากันแก่งแย่งอาหารและน้ำมาเป็นของตน สุริยามองภาพเหล่านั้นอย่างไร้ความรู้สึกที่จะร่วมเข้าไปแก่งแย่ง หลังจากนั้นสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะหลบน้ำหนีขึ้นมาบนนี้ได้ แต่สิ่งที่สุริยาได้เห็นก็คือ คนที่เดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงด้วยเหตุแห่งการพลัดพรากมีมากมาย
เดินไปจนทั่วเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ไร้เงาคนที่คิดว่าน่าจะได้ขึ้นมา
สุริยาจ้องมองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า
แล้วก็ตัดสินใจเดินลงจากเขา
ตายก็ตายด้วยกัน..ตายด้วยกัน..เราจะไปอยู่ด้วยกัน..
‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าข้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า
ข้าจะตามหาเพื่อน และหัวใจของข้า ..เจ้าข้าเอ๋ย..เจ้าข้าเอ๋ย’
ยิ่งนึกถึงบทโศลกที่แสงทองเขียนไว้ สุริยาก็ยิ่งหักห้ามใจไว้ไม่อยู่..เขาเดินฝ่าฝูงชนลงจากเขา กลับไปในที่ ที่คิดว่าต้องเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตที่เขาได้พัก..ด้วยรีสอร์ตนั้นอยู่ตรงเชิงเขา เมื่อลงมาถึงจึงได้พบเพียงความว่างเปล่า กระท่อมที่ทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ถูกน้ำกลืนหายไปหลายสิบหลัง..แล้วคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ในนั้นจะเป็นอย่างไร หัวใจของเขาจะเป็นอย่างไร
“คุณรุ่ง..ทำไมผมไม่ปลุกคุณให้มากับผมด้วย ทำไม ผมถึงได้ปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ ผมจะกลับไปบอกกับพ่อแม่ของคุณอย่างไร..แสงทอง เธออยู่ที่ไหน..เธอยังไม่ตายใช่ไหม..แสงทอง..เธอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินอยู่ตรงไหน..เธอพาคุณดี้ไปไหน คุณดี้พาเธอไปไหน”
สุริยารู้สึกว่าโลกที่เป็นสีฟ้าในเมื่อวาน เป็นสีดำทะมึนไปทั่วบริเวณ
-------------------------------------------------------------------------
แล้วค่ำคืนนั้นหน่วยกู้ภัยก็พากันมารื้อค้นซากปรักหักพัก เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บซากศพของมนุษย์ผู้มาแสวงหาความสุขจากธรรมชาติ ข่าวจากแผ่นดินใหญ่ส่งมาว่า ประเทศไทยถูกผลกระทบนี้ถึงหกจังหวัด ตั้งแต่กระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง ตรัง และสตูล นอกจากนั้น ยังมีอินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซียและประเทศในทวีปแอฟริกาบางประเทศถูกคลื่นยักษ์จากผลต่อเนื่องของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ฆ่าผู้คนอันบริสุทธิ์เป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนคน
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงพระจันทร์สาดส่องทำหน้าที่ สุริยาเดินกลับมาที่หน้ากุฏิหลวงพ่อด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง และบริเวณนั้นใช่ว่าจะมีแต่ตนเพียงคนเดียว ยังมีเด็กและสตรีเพศที่อ่อนแอกว่าตนเองมาพึ่งใบบุญหลวงพ่อเช่นกัน
ดังนั้นสุริยาจึงค่อย ๆ เดินเลี่ยงไปนั่งซบกับผนังวิหารซึ่งมองเห็นดวงพระจันทร์ในเงาสลัว นึกถึงคนสามคนที่หายลับ แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา จนกระทั่งม่อยหลับไป
มารู้สึกตัวเองอีกทีเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“คุณยะ..” เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพบว่า รุ่งโรจน์นั่งยิ้มเผล่อยู่ใกล้ ๆ เขาผวาจะเข้าไปกอด แล้วภาพของรุ่งโรจน์ก็หายวับ ประหนึ่งกำลังเล่นซ่อนหา มองอีกทีเห็นเขายืนหน้าเศร้ามีสายตาตัดพ้ออยู่ไกล ๆ
“คุณจะเสียใจไปทำไม ก็คุณไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ผมไม่ใช่หรือ ตอนนี้ ผมจะหนีคุณไปไกลแสนไกลแล้วนะ คุณบอกผมสักคำเถอะว่าคุณรักผมบ้างไหม บอกผมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
ดวงใจของสุริยาแทบแตกสลาย
“ผมรักคุณ คุณรุ่ง ผมรักคุณก่อนที่ผมจะเจอคุณที่ปางจันทร์เสียอีก ผมรักคุณตั้งแต่เห็นคุณบนกระดาษแล้วคุณรู้ไหม” คนพูดมีน้ำตาอาบแก้ม
รุ่งโรจน์ยิ้มให้นิดนึ่งก่อนจะลับหาย สุริยาสะดุ้งตื่นมีน้ำตานองหน้าและพบว่าหลวงพ่อยืนมองอยู่ใกล้ ๆ
“เสียใจแล้วยังต้องเสียน้ำตา ได้ประโยชน์อะไร ตั้งสติให้ดี ๆ ซิโยม เอ้า อาหารกินซะหน่อยจะได้มีแรงสู้ชีวิต”
“แต่ผมกลืนไม่ลงครับหลวงพ่อ ผมไม่หิว”
“แต่โยมต้องกิน กายมันคนละส่วนกับจิตก็จริง แต่ถ้าโยมยังไม่ตาย มันต้องไปด้วยกัน”
“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผม ทำไมปล่อยให้พวกเขาตาย”
หลวงพ่อไม่ตอบ วางขนมกรุบกรอบไว้ให้ แล้วก็เดินผ่านกลุ่มคนขึ้นกุฏิปิดประตู สุริยามองขนมในมือแล้วนึกถึงบุญที่ได้ทำไว้ เพราะมันเป็นขนมชนิดเดียวกับที่ได้ซื้อใส่บาตรที่ภูเก็ต มันมาถึงนี่เลยรึ..บุญมันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยรึ แล้วคนที่ตายไปจะเป็นอย่างไร จะรู้ตัวไหมว่าตายแล้ว อีกสามวันซินะจึงจะรู้ตัวว่าตาย..ตอนนี้เขาคงจะมึนงง นึกอะไรไม่ออก ทำไมหนอ ทำไมตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ให้รุ่งโรจน์และแสงทองได้ฟังไว้จนฝังในดวงจิต
“ถ้ารู้ว่าตัวเองตาย ให้ตั้งสติให้ดี..ให้นึกถึงบุญ นึกถึงพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจ อย่าทำให้ใจเศร้าหมอง แล้ววิญญาณก็จะเป็นทิพย์เบาสบาย ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์เสวยสุขในทิพยวิมาน”
เขาทั้งสองคนจะตายด้วยจิตแบบไหน รู้สึกตัวหรือว่าหลับสบายหายไปกับสายน้ำ
แล้วสุริยาก็นั่งพนมมือไปทางวิหารหลังเล็กตั้งจิตนึกถึงองค์พระภายใน แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเย็นเบา ๆ จิตเมื่อมันอ่อนแอจะต้องหาที่พึ่ง จะต้องหาบุญน้อมอุทิศให้ พรุ่งนี้หรอก เขาจะออกตามหา ถ้าไม่เห็นเป็น ๆ ขอให้เห็นศพตอนตายก็ยังดี
และพระอาทิตย์ในเช้าวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2547 เป็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตสวยจนสุริยาต้องประทับอยู่ในห้วงความทรงจำมิรู้ลืม
เมื่อมีแสงสว่าง คนส่วนใหญ่ก็รีบลงจากเขาเพื่อตามหาคนที่หายไป
ภาพศพที่เรียงรายห่อด้วยผ้าขาว ทำให้ผู้คนมากมายเดินเปิดหน้าค้นหาบุคคลอันเป็นที่รัก
เมื่อได้เจอะ บางคนก็สลบล้มลง เมื่อยังไม่ใช่ ก็มีน้ำหูน้ำตาตะเวนหาไปเรื่อย ๆ
สุริยาเองก็เป็นเช่นนั้น เขานึกถึงรูปพรรณสัณฐาน นึกถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับขณะสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว แต่ก็ไร้ร่องรอย
สุริยากวาดสายตาไปท่ามกลางทะเลสีฟ้าครามที่เงียบสงบดังวันวาน หยิกแขนตัวเองดูหลายรอบจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ซากปรักหักพังและโคลนตมที่เบื้องหน้าไม่ได้เกิดจากอาวุธสงครามจากมนุษย์ แต่มันเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ มอบให้กับคนที่กำลังมีความสุขที่สุดเสียด้วยซิ ทำไมใจร้ายนัก
ทำไม!!!
เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกและตั้งสติได้ สุริยาก็เที่ยวตามหาไปในที่ต่าง ๆ ไม่พบรุ่งโรจน์ก็หวังจะพบดาราวดีกับแสงทอง พวกเธอน่าจะรอดปลอดภัยเหมือนตน..
พระอาทิตย์วันนั้นเดินทางเร็วเหลือเกิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกว่า ๆ สุริยาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใคร ๆ เขากลับไปที่บริเวณรีสอร์ตที่พักอีกรอบ แล้วก็รีบขึ้นไปตามไหล่เขา หวังว่าจะพบ หวังว่าจะได้ยินเสียง
แต่มันก็ว่างเปล่า..
สุริยาเดินกลับไปที่วิหาร..นั่งคุกเข่าต่อหน้าองค์พระปฏิมา..ตั้งจิตระลึกนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาและที่จะต้องทำต่อไป..
“หากว่าลูกได้พบคนทั้งสามไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ลูกจะบวชถวายชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนา..”
เมื่อกล่าวจบ เสียงกระดิ่งลูกเล็ก ๆ รอบเชิงชายก็ดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ จนสุริยาขนลุกเกลียว เย็นวะวาบไปทั้งตัว
และเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบหลวงพ่อยืนยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก..
“ไปเถอะ ไปตามหาพวกเขาเถอะ แล้วอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ..”
“หลวงพ่อ..”
สุริยาก้มกราบที่แทบเท้า ปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน
เมื่อลงจากภูเขาสุริยาก็ตรงไปที่หน่วยแจ้งชื่อผู้รอดชีวิตและชื่อผู้เสียชีวิต เขาไปขอเจ้าหน้าที่ค้นดู..จึงได้พบ..ชื่อของคนทั้งสามคน ยังอยู่ ยังมีลมหายใจ..สุริยาขนลุกเกลียว..รู้สึกว่าโลกหมุนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ..ตัวเขาจะเป็นอย่างเดิมไม่ได้เสียแล้ว..เกิดอะไรขึ้น..
เขาแทบจะวิ่งจากจุดนั้นไปที่ท่าเรือเลยทีเดียว..เมื่อไปถึงเห็นผู้คนที่กำลังยืนต่อคิวแบบเบียดเสียดที่จะลงเรือ ทำให้เขาหยุดเท้าชะงัก และหลังพุ่มไม้ที่บังตัวเขานั้น สุริยาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของคนที่รักเขามากมาย รักตั้งแต่แรกเจอก็ว่าได้
“ไม่จริง พี่ยายังไม่ตาย พี่รุ่งบอกหนูซิว่าพี่ยายังไม่ตาย”
“ถ้าไม่ตายเราต้องหาเขาเจอะแล้วแสงทอง”
“ใช่..เราต้องหาเขาเจอะแล้วซิ เราพากันเดินจนทั่วทั้งภูเขา ทั้งตรงที่บ้านพัก เราไม่เห็นเขาเลยนะแสงทอง” เป็นเสียงสะอื้นเล็กน้อยของดาราวดี
“ไม่จริง หนูจะกลับไปหาอีกรอบ ถ้าไม่เห็นศพ อย่างไร หนูก็ยังไม่กลับเขาฝั่ง หนูจะบอกกับพี่สมใจ กับป้าและแม่พี่ยาว่าอย่างไร หนูต้องพาเขากลับบ้าน เพราะเขามากับเรา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ หนูไม่ยอม หนูรักพี่ยา พี่รุ่งไม่รักพี่ยาหรือ?”
เมื่อได้ฟังคำแสงทอง น้ำตารุ่งโรจน์ไหลพราก ๆ
“แสงทอง ..เธอต้องเข้มแข็งนะ” เสียงรุ่งโรจน์สั่นเครือด้วยพยายามกลั้นความรู้สึกเสียใจ
สุริยานั่งสั่นงัก ๆ ฟังความอยู่ตรงอีกฝั่งของพุ่มไม้ คาดคะเนได้ว่าหากเขาปรากฏตัวอะไรจะเกิด ประมวลหลาย ๆ เรื่อง และเหตุการณ์ในคืนวันนั้น
หากไม่มีเขาเสียได้ ทุกอย่างคงจะจบลงอย่างสวยงาม
“งั้นเราไปหาด้วยกันอีกรอบ ถ้าไม่เจอะเขา เราก็จะอยู่ที่นี่ อยู่จนกว่าจะพบเขา..ไป๊”..แล้วรุ่งโรจน์ก็ดึงมือแสงทองให้ลุกขึ้นก้าวเดินไปในทางที่เขาเพิ่งกลับมา ดาราวดีเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอีกคน
สุริยามองฝูงชนที่เข้าคิวขึ้นเรือที่มารับกลับแผ่นดินใหญ่ แม้มันจะแน่นขนัดแต่เขาก็จำเป็นต้องไปเรือเที่ยวนี้เสียด้วย
-------------------------------------------------------------------------
[img]http://www.bloggang.com/data/julamanee/picture/1305123919.jpg[/img]
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
[color=purple][b]สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com[/b][/color]
เสียงค้อนกระทบไม้เสียงของหนักถูกกระทุ้งลงดินดังก้องไปทั่วหุบเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนแถบนั้นรู้สึกรำคาญใจเลยสักนิด..เพราะรู้ว่า หลังความวุ่นวายจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น..
‘พระเจดีย์ศรีปางจันทร์’ อนุสรณ์แห่งความรัก ของหนุ่มไฮโซคนหนึ่งถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งจากไป..ข่าวเล็ก ๆ เป็นที่โจษขานตั้งแต่หนุ่มไฮโซมาขอเป็นประธานก่อสร้าง
พระภิกษุหนุ่มยืนมองยอดเขาลูกเล็กหลังวัดปางจันทร์ จากธรรมสถานซึ่งอยู่คนละฝั่งของหุบเขา ท่านยกมือพนมอนุโมทนา..กุศลศรัทธาที่รุ่งโรจน์ดำริไว้ และทุกค่ำเช้าท่านก็จะสวดมนต์ส่งใจช่วยให้ สิ่งอัศจรรย์นั้นปักหลักลงได้อย่างไร้อุปสรรค..ไม่มีมารมาขวางกั้น…ให้หน้าที่ฝ่ายฆราวาสสำเร็จลุล่วง ส่วนหน้าที่ทางธรรม จะพยายามหาวิธีเข้าไปช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นดูแลเมื่อองค์พระธาตุเสร็จสิ้น
“โยมแอบติดหนังสือใส่กระเป๋ามาด้วย..ทำอย่างไรดีเจ้าคะ..”
“ฝากไว้ก่อนโยม วันกลับค่อยมารับคืน”
โยมผู้หญิงส่งหนังสือแบบนิตยสารรายปักษ์ต้องห้ามไว้บนโต๊ะ แล้วหลีกออกไป พระภิกษุที่รับไว้ เห็นหน้าปกก็อดใจไม่ได้ ด้วยคำโปรยเขียนไว้
หนึ่งปีที่เปลี่ยนไป หลังสึนามิ ของรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์
เนื้อหาใจความมีว่า..
- หนึ่งปีเร็วไหมค่ะ
-รุ่งโรจน์ สำหรับคนอื่นอ่านจะเร็วแต่ผมรู้สึกว่ามันช้า เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันยังเป็นฝันร้ายที่ยังไม่ลืมเลยทีเดียว..
-สูญเสียใครไปบ้างค่ะ?
-เพื่อนครับ เพื่อนรัก ..ผมรักเขามาก..เขาก็คงรักผมมาก..เขาไม่เคยบอกผมหรอกครับว่ารักผม แต่เขารู้ว่าผมรักเขา
-เพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะเป็นที่มาของการสร้างพระธาตุเจดีย์มีรูปหัวใจติดอยู่ที่ฐานล่าง..
-อยากให้เป็นพิเศษกว่าเจดีย์ที่อื่นน่ะครับ อยากให้คนที่มีหัวใจรักดั้นด้นไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็นิดนึงตามประสาคนที่ยังกิเลสหนา อยากให้คนที่ไปได้รู้ว่า ควรที่จะบอกรักกันมาก ๆ ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่..ถ้าโกรธกันจะได้ให้อภัยแก่กัน..
-ทำไมไปสร้างถึงปางจันทร์คะ
-เราพบกันที่นั่นครับ..ผมไปเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ เขาช่วยผมไว้..แต่ในวันที่เขาเจ็บปวด ผมไม่ได้แม้แต่ศพเขากลับมาบำเพ็ญกุศล ผมรู้สึกติดค้างบุญคุณเขาอยู่นะครับ
-เร็วไปไหมคะ ที่เข้าวัดเข้าวาเมื่ออายุเท่านี้?
-อายุ 28 ไม่เร็วหรอกครับ ช้าไปด้วยซ้ำ ถ้าผมเข้าวัดปฏิบัติธรรมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ มันคงจะดีกว่านี้..
-ดีอย่างไร?
-ผมคงร้องไห้ไม่นาน ผมไม่เคยพิจารณาถึงความไม่เที่ยงแห่งสรรพสิ่งเลย ผมคิดแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของเราและอยู่กับเราไปตราบนานเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่คนที่เรารักและรักเรา แต่สุดท้าย..เมื่อสูญเสีย เห็นการสูญเสีย เห็นการพลัดพราก ทั้งจากตัวผมเองและคนอื่น ผมจึงได้รู้ว่า ความไม่เที่ยงมันเป็นอย่างไร..
-ยกเลิกการแต่งงานไปเสียแล้ว มีกำหนดใหม่ไหมคะ
-คงยังไม่มีในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังคบหากันในฐานะเพื่อน แต่จะให้เป็นไปมากกว่านี้ ในตอนนี้คงยังไม่ใช่..และผมก็ไม่ได้ห้ามหวงหากเขาจะไปคบหาใคร..
-พูดเหมือนปลง
-ถ้าคุณได้วิ่งหนีคลื่นยักษ์กับผม ถ้าคุณได้วิ่งตามหาคนที่รู้ใจท่ามกลางซากปรักหักพัง บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์เบื่อการมีชีวิตคู่ก็ได้..
-แล้วปัจจุบันทำงานอะไร?
-ที่เห็น ๆ กันก็รายการทีวี เที่ยวเมืองไทยไปไหว้พระ กับจัดทัวร์อยู่ครับ เกี่ยวเนื่องกัน ทัวร์ของผมเน้นไหว้พระธาตุเจดีย์ เน้นให้สมาชิกลูกทัวร์รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วก็แนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรม รวมกลุ่มกันทำบุญทำกุศล กึ่งทัวร์กึ่งชมรม..
-ได้ข่าวว่าราคาถูกมาก
-ไม่ได้เน้นกำไรมากมาย แต่เน้นที่จิตใจของผู้ที่ร่วมเดินทาง อยากเห็นครับ อยากเห็นคนมีความสุขกับการเป็นผู้รักบุญ..เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในตอนนี้ปีนี้มีผู้ปลดเกษียณจากงานไปกับเราเยอะ ปีหน้าจะเปิดตลาดไปที่ชาวต่างชาติ และจับกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นต่อไป เพราะมันยากยิ่ง ๆ ขึ้น..
-ทุ่มเทให้กับงานทัวร์มาก ๆ คุณแม่ไม่ว่าอย่างไรหรือคะ?
-คุณแม่ผมบอกว่า กลับมาได้คราวนี้อยากได้อยากทำอะไรเชิญตามสบายเลย ผมจึงเป็นอย่างที่ผมเป็นได้ในวันนี้..คุณแม่เองก็ผ่านกระบวนการต้องทำใจอยู่เหมือนกัน ท่านบอกว่าเหมือนของที่หลุดจากมือไปแล้ว แล้วได้คืนมา ตอนนี้ถ้ามีเวลา อ้อ..ต้องหาเวลาไปเข้าคอร์สถือศีลนั่งสมาธิ ออกมาจากวัดก็ทำงานเกื้อกูลกับผู้คนที่ยังเห็น ๆ หน้ากัน
-ได้ข่าวว่าบนทัวร์มีเกมส์ประหยัดเพื่ออาหารเด็กยากไร้..มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
-สมัยที่ขับรถเที่ยวกันนะครับ ก็เล่น ๆ กัน ตั้งงบค่าที่พักค่าโรงแรมค่าอาหารไว้ ว่าจริง ๆ ต้องจ่ายมื้อละ สมมุติ 100 บาท ..นี่เราตัดใจว่าต้องจ่ายเหมือนเงินมันต้องไปจากเราแน่นอน เราอิ่มหนึ่งมื้อ 100 แต่ถ้าเราอิ่ม 1 มื้อ แค่ 50 บาทได้ ที่เหลือเราจะเอาไปที่ไหน ถ้าเราเอาไปซื้อของก็ได้ของ แต่นี่เราแค่ตั้งใจเอาไปทำบุญก็ตัดใจโดยไม่ต้องคิดมากก่อนทำบุญ เที่ยวสนุกมากขึ้น..ลองเล่นดูนะครับ
-เป็นไฮโซที่ติดดินมาก..
-ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่รู้สึกว่าเราจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นไปเพื่ออะไร และถ้าไม่ประหยัดก็คงไม่มีเงินทำบุญทีละเยอะ ๆ ได้หรอกครับ กินแค่อิ่ม นอนแค่หลับ เน้นแค่สะอาด มีสารอาหารครบ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ถึงกับเจหรือมังสวิรัติหรอกครับ กลาง ๆ
-แล้วระหว่าง สงเคราะห์เด็กกับสร้างเจดีย์ ทำไมไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง..
-สมบัติของแผ่นดินครับ คนสร้างวัตถุ วัตถุสร้างคน ตัวผมเอง ถ้าบอกว่าเปลี่ยนตัวเองได้ ก็ด้วยคนคนหนึ่งที่เขาชอบพาคนไปไหว้เจดีย์ ไปกันบ่อย ๆ ...แล้วพุทธิปัญญามันก็เกิดขึ้นเอง ส่วนอารมณ์ที่จะมาสงเคราะห์โลก สงเคราะห์คนยากไร้มันมาทีหลัง แต่ผมนึกถึงบุญคุณของเจดีย์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์บูชาคุณของพระศาสนา และอีกอย่างที่ปางจันทร์มีรอยพระบาทอยู่บนยอดเขาซึ่งทางการยังไม่สนับสนุนให้เป็นที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าคนไปไหว้พระธาตุศรีปางจันทร์กันเยอะ ๆ ต่อไปอาจจะเปิดให้ขึ้นไปสักการะรอยพระบาทด้วย ทีนี้คนไปที่นั่นก็จะได้ทั้งสองอย่าง พระธาตุแห่งความรักและพิสูจน์รักแท้กับภูสุดยอด..
-มีแนวโน้มจะบวชไหมคะ..
-มี อาจจะหลังพระธาตุเจดีย์เสร็จ..
-สุดท้ายฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างคะ?
-ชีวิตคนเราเอาแน่อะไรไม่ได้ ตายกับอยู่ อยู่ใกล้ ๆ กัน หมั่นทำบุญกุศลคุณงามความดีไว้ ตายไปแม้ไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้ แต่ตัวเราจะเป็นอนุสาวรีย์อยู่ในใจคนอื่น ๆ ได้..ถ้ามีโอกาสผ่านต้องเรียกว่าแวะซิ เข้าไปปางจันทร์นะครับ อย่าลืมที่จะไปไหว้พระธาตุ เวียนเทียนระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่นั่น..และที่สำคัญถ้าไปกับคนที่คุณรัก ขอให้บอกรักเขาที่นั่น และก็ให้สัญญาต่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่ของคุณก็จะเจริญรุ่งเรือง..
พระสุริยาถอนหายใจออกมา ปิดหนังสือ แล้วก็เช็ดน้ำตาที่ไหลคลอหน่วยตา..
หนึ่งปีที่จากกันมา รู้แล้วว่า หนทางพระนิพพานของตนคงอีกยาวไกล..
(จบบริบูรณ์)
30/3/2549 02.08น. เรือนจิตรา
หนังสือนวนิยาย อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com
ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ
(ตอนจบ)
เรือเฟอร์รี่ถึงท่าเทียบเรือของเกาะดีเลย์แล้ว สุริยาพาทั้งสามคนขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งตรงสู่ที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดรูปวงพระจันทร์ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่อีกฝังของเกาะ..และที่พักที่ได้จองไว้จากภูเก็ตก็เป็นเพียงกระท่อมหลังเล็ก ๆ สองหลังคู่ ตั้งอยู่ห่างจากแนวทรายชายทะเลไม่มากนัก เหตุที่สุริยาเลือกที่ตรงนี้เพราะอยู่ไม่ห่างจากทางขึ้นเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรม และก็สะดวกที่จะเดินทางไปยังย่านหาดทรายนวลซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมและร้านอาหารหรูหรา ซึ่งเตรียมไว้รอท่าฝรั่งเงินหนาจากแดนไกล
หลังจากเช็คอินเข้าที่พักในเวลาบ่ายคล้อย แสงทองกับดาราวดีก็ปรี่ลงน้ำทะเลดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน ส่วนรุ่งโรจน์ก็ลากสุริยาเข้าไปในย่านแหล่งของมึนเมาด้วยต้องการร่วมเฉลิมฉลองกับพวกฝรั่งที่รุ่งโรจน์คุ้นเคย..และสุริยาก็ต้องขอตัวกลับ เมื่อเห็นว่า รุ่งโรจน์ได้พบคนที่เคยรู้จักและพักอยู่ใกล้ ๆ กัน
“คุณจะทิ้งผมไปไหนคุณยะ ..เฮ้”
ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทนไม่ไหวที่จะเข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมและกลิ่นบุหรี่ขนาดนั้น..เมื่อกลับถึงที่พักก็พบว่าสองสาวไม่อยู่ที่ห้องเหมือนกัน เมื่อรูปการณ์เป็นดั่งนั้นสุริยาจึงเดินไปที่ชายหาดนั่งลงชันเข่าแล้วก็มองไปที่เวิ้งน้ำข้างหน้า เห็นเรือหาปลาลอยอยู่ลิบ ๆ ใจกระหวัดถึงพุทธพจน์และเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่ทำให้ใจสงบ
‘มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำฉันท์ใด..ทานบดีก็ไม่อิ่มด้วยการให้ทานฉันท์นั้น..’
นึกถึงพระมหาชนกผู้บำเพ็ญวิริยะบารมี ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแม้ไม่เห็นฝั่ง..คนเราต้องมีความเพียรจึงจะหลุดพ้น..ถ้าเปรียบท้องทะเลกับภูเขา สุริยารู้สึกว่าทะเล ซับซ้อนซ่อนความน่าหวาดกลัวมากกว่ายิ่งนัก นั่งรอให้ทั้งสองสาวและรุ่งโรจน์กลับมาท่ามกลางพระจันทร์ที่กระจ่างฟ้าและหมู่ดาวเกลื่อนกล่น จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงสี่ทุ่ม แล้วสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่ผับอันอึกทึกอีกครั้ง
เมื่อไปถึงพบว่ารุ่งโรจน์คอพับคออ่อนมีน้ำเสียงอ้อแอ้เสียแล้ว เพื่อนฝรั่งของรุ่งโรจน์รีบกระตือรือร้นให้สุริยาพาเขาออกมา..แล้วคนที่ว่าเก่งกาจทางเชิงสุราก็อาเจียนเสียยกใหญ่ที่บนหาดทรายชายทะเล
“ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน..เซ็งชีวิตจริง ๆ คุณยะ ..เซ็งจริง ๆ ที่อยากทำก็ทำไม่ได้ ที่ให้ทำได้ ก็ไม่อยากทำเสียอีก..ใครก็อิจฉาชีวิตของผม แต่ผมกลับอิจฉาชีวิตคนอื่น..โลกหนอโลก..วันนี้ผมยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย คุณพาผมไปหน่อยได้ไหม..”
“ไม่ได้ มันดึกแล้ว..”
“คุณห่วงผมด้วยหรือ”
“ไม่ห่วง ผมจะไปรับคุณกลับมาทำไม..” พูดไม่จบ รุ่งโรจน์ก็แอบลักจูบที่ต้นคอของสุริยา
“อย่าคุณรุ่ง..”
“คุณรังเกียจอะไรผมเหรอ ...คืนนี้พระจันทร์สวย เราจะฮันนี่มูนกันที่นี่ เราจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฉลองคริสต์มาสกันที่นี่ดีไหม..คุณดื่มเป็นเพื่อนผมได้ไหม ผมยังอยากดื่มอีก ดื่มให้เมา ๆ ๆ ๆ ไปเลย”
“แต่คุณเมาแล้วนะครับ เมามากด้วย”
“ไม่เมา” แล้วสุริยาก็ลากรุ่งโรจน์กลับไปที่ห้อง ถอดเสื้อผ้า แล้วก็ผลักคนตัวขาว เข้าไปในห้องน้ำ
“อาบน้ำซะจะได้ดีขึ้น”
“คุณอาบให้ผมซี ผมเมาอย่างนี้ผมอาบเองไม่ได้ อาบให้ผมเหมือนตอนที่เราอยู่สมุทรสงครามด้วยกัน เช็ดตัวให้ผมก็ได้..ผมอยากย้อนเวลากลับไปปางจันทร์จังเลย ตอนนั้นผมรู้นะ ผมรู้ว่าคุณเสนอตัวเข้ามาหาผมก่อนน่ะ”
“สองคนนั่นหายไปไหนนะ คุณรู้บ้างไหม” สุริยาเฉไฉไปอีกเรื่อง
“สองคนไหน ผู้หญิงสองคนนั่นนะหรือ มารหัวใจเรานะหรือ ปล่อยไปเถอะ ..เกาะนี้ไม่มีใครทำอะไรพวกเธอหรอก”
กว่าจะปลอบให้รุ่งโรจน์หลับตาลงได้ เล่นเอาสุริยาเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก..พอรุ่งโรจน์หลับแล้วสุริยาก็ออกไปเคาะประตูห้องหญิงสาวทั้งสอง ไม่ปรากฏเสียงตอบรับ สุริยาเริ่มกระสับกระส่าย ห่วง กลัวว่าจะได้รับอันตราย
เมื่อเดินกลับมาที่ห้องพบว่ารุ่งโรจน์บ่นปวดหัว สุริยาหายาพาราให้กินก่อนจะเดินกลับไปที่ย่านเริงรมย์แถวหาดทรายนวลอีกครั้ง พยายามสอดสายตาเข้าไปในร้านต่าง ๆ เพื่อหาแสงทองกับดาราวดีแต่ไม่พบ สุริยากลับมาอีกทีห้องก็พบว่ารุ่งโรจน์นอนแผ่อยู่ในห้องน้ำท่ามกลางกองอาหารในตอนหัวค่ำ เขารีบจัดการทำความสะอาดให้ แล้วก็ลากกลับมาที่เตียงนอน
“อยู่ดีไม่ว่าดีซิน่า”
“คุณรักผมไหมคุณยะ คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณไหม ผมไม่อยากแต่งงาน ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ..เราหนีไปด้วยกันไหม ไปอยู่เมืองนอก เมืองที่มีกฎหมายให้ชายกับชายแต่งงานกันได้ เราไปอยู่ที่นั่น มันจะได้ไม่แปลกจากคนอื่น คุณไปกับผมไหม”
“หยุดละเมอเพ้อพกได้แล้วครับ นอนได้แล้ว..คุณรู้ไหม ตอนนี้ผมเป็นห่วงสองสาวเป็นอย่างมาก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณดี้เจอะเพื่อนแหม่มของเธอ คงไปด้วยกัน ยิ่งแสงทองไปด้วย ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น สุริยาจึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่งโรจน์ด้วยความอ่อนเพลีย และกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็พบว่ารุ่งโรจน์กำลังจะล่วงล้ำอธิปไตยของตน
“คุณรุ่ง อย่า”
“ผมรักคุณนะคุณยะ ผมรักคุณ เป็นของผมเถอะ นะครับ นะครับ” รุ่งโรจน์ดูขาดสติ ไร้ความยับยั้งชั่งใจมากกว่าวันวาน
“คุณรุ่งอย่า..ผม”
“นะคร้าบ ผมรักคุณ..รักมากด้วย..เป็นของผมนะครับคนดี..”
“ไม่..คุณรุ่ง..อย่า..” จากผลักใส กลายเป็นทำร้าย!!..
“อุ๊..เจ็บ”...ว่าแล้วรุ่งโรจน์ซึ่งถูกหลังมือของสุริยาตีเข้าที่หน้าก็ค่อย ๆ ละกำลังปลุกปล้ำ หลังจากนั้นก็เอนกายลงนอนหงายหายใจระรินอยู่ตรงนั้น
-------------------------------------------------------------------------
เกือบสามโมงเช้าที่สุริยาลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งซ่าซ่านปลุกให้ใจพะวักพะวงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไป ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บ แต่มันก็สามารถหยุดลูกบ้านั่นได้ ..ออกมาจากห้องน้ำเดินกลับมาที่เตียง ..เช้าวันนี้เมื่อลืมตาเจอะหน้ากันจะปั้นหน้าอย่างไร
คิดว่าเขาอาจจะทำท่างอนใส่ จึงรีบแต่งตัวออกไปจากห้อง ถ้าเขาไม่คิดอะไรหรือเมาจนจำอะไรไม่ได้ โปรแกรมวันนี้ที่วางไว้ ในตอนสาย ๆ จะออกไปดำน้ำดูปะการังกับบริษัททัวร์เล็ก ๆ บนเกาะแล้ว กลับมาก็จะยกของที่ซื้อมาไปบนภูเขาไปสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นสังฆทาน
สุริยาเดินกลับไปที่บ้านพักของสองสาว พบว่ายังสงบเงียบ นึกเป็นห่วง ด้วยไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเดินกลับไปย่านชุมชนอีกครั้ง พยายามเดินดูตามร้านอาหาร เผื่อว่าทั้งแสงทองและดาราวดีอาจจะกำลังกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน
หลังจากจัดการกับมื้อเช้าซึ่งเป็นโอวัลตินร้อน ๆ กับขนมปังปิ้งแล้ว สุริยาก็เดินทอดน่องไปตามถนนซึ่งทอดตัวสู่ยอดเขาที่สูงประมาณสี่ร้อยเมตร นึกอยากไปดูสถานที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์เจริญภาวนาสำหรับชาวต่างชาติต่างภาษา จะเป็นเหมือนกับที่เขาเคยรู้เห็นมาหรือไม่
สิ่งแรกที่ได้เห็นนั่นก็คือว่า สะอาด สงบ ผิดกับย่านชุมชนข้างล่าง ขณะสาวเท้าเข้าสู่ลานวิหารพระพุทธรูปหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวในมุมสูงได้ สุริยาก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกวักมือไหว ๆ อยู่ ณ กุฏิที่อยู่ต่ำลงไป
สุริยารีบก้าวลงไป เมื่อไปถึง ท่านขอร้องให้ช่วยกวาดใบไม้บริเวณรอบกุฏิแล้วก็ซักผ้าห่มกับปลอกหมอนที่แช่อยู่ในกะละมัง สุริยาปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่านี่คือบุญจากการช่วยเหลือขวนขวายทำให้บริเวณวัดสะอาด
ขณะทำก็ซักถามพระภิกษุวัยประมาณห้าสิบ ซึ่งสุริยาเรียกว่า “หลวงพ่อ” ถึงที่มาที่ไปของสำนักปฏิบัติและกฎระเบียบหากมีความสนใจที่จะมาปฏิบัติธรรม หลวงพ่อที่สุริยาเรียกก็มีเมตตาที่จะบอกเล่า ความเป็นมาเป็นไปด้วยน้ำเสียงขื่น ๆ ขณะนั่งมองอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวจากมุมสูง
เพียงพักเดียวเท่านั้น สุริยาก็ได้ยินเสียงท่านเปล่งอุทานออกมาว่า
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
เมื่อสุริยาเหลือบตาไปมอง พบว่าท่าน หลับตาสงบนิ่ง สุริยาอดที่จะแปลกใจไม่ได้..จึงยืนขึ้นแล้วรีบเดินไปยืนดู ณ อ่าวเบื้องล่าง..และภาพที่สุริยาเห็นก็คือ บริเวณหาดวงพระจันทร์เจิ่งนองไปด้วยผืนน้ำสีขาวที่แทรกตัวไปทั่วบริเวณย่านชุมชน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง
สุริยางุนงงคาดไม่ออกว่ามันคืออะไร สักพักคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าหลังคารีสอร์ตก็โหมกระหน่ำซัดเข้าหาฝั่งอีกครั้ง ที่ได้เห็นกับตาคือมันสามารถกวาดพาบ้านเรือนเศษไม้ และสรรพสิ่งรวมถึงมนุษย์ที่เรียกว่า ‘คน’ กลับลงไปในทะเล
สุริยาขุนลุกเกลียวส่วนปากเปล่งอุทานออกมา พร้อมกับได้ยินเสียงหวีดร้องไปทั่วบริเวณทางขึ้นเขา ชายหนุ่มรีบผละจากตรงนั้น แล้ววิ่งกลับลงไป สวนกับผู้คนที่วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมาบนเขา
“เกิดอะไรขึ้น..”..เขาตะโกนถามเสียงดัง
“อย่าไป พ่อหนุ่ม ..คลื่นยักษ์ถล่ม..ซัดมาสองลูกแล้ว..เร็วรีบหนี..”..
สุริยายังคงวิ่งสวนลงไป ลงไป ไม่มีกลัวตาย
..แต่มีฝรั่งอีกคนดึงตัวเขาไว้
“อย่า..อย่า..ปล่อยผม ผมจะลงไปข้างล่าง..”
คนถูกดึงไว้ดิ้นรน ดื้อดึง
เขาไม่รู้ว่าฝรั่งพูดว่าอะไร รู้แต่ว่าผู้คนที่วิ่งสวนขึ้นมาเป็นตับ แทบจะเหยียบกันตาย เอาแต่ร้องไห้ พะวักพะวง
สุริยากลับมานั่งหอบอยู่ที่กุฏิแล้วมองออกไปที่หาดวงพระจันทร์อีกครั้ง..บริเวณรีสอร์ตที่ได้เห็นชุมชนร้านค้า โรงแรมที่พักร่อยหรอบางตา และภาพผู้คนที่ค่อย ๆ ทยอยพากันหนีตายขึ้นมาแล้วก็รีบไต่ขึ้นไปบนที่สูง ปลุกให้เขาได้นึกถึงอีกสามชีวิตที่คุ้นเคย
ป่านฉะนี้ เกิดอะไรขึ้น
เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แต่สุริยารู้สึกประหนึ่งว่าสองถึงสามปี เสียงร้องไห้ที่กระซี้กระซิกกับเสียงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่คิดยับยั้ง..
“น้ำทะเลยุบลงไป ตีกลับขึ้นมาอีกทีกะทันหัน..กวาดและกลืนหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งชีวิตมนุษย์สัตว์และสิ่งของลงท้องทะเล หากเป็นคนก็คงจะตาย”
“สึนามิ” เสียงกล่าวขานถึงความร้ายของมันผ่านออกจากปากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสู่คนไทยที่พอรู้ภาษาและขยายความต่อไปเรื่อย ๆ
“สึนามิ”
“สึนามิ คลื่นใต้น้ำ”
“เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทร หลังจากนั้นคลื่นใต้น้ำจะตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า ข้างล่างในตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย”
“แล้วจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าปลอดภัย”
“ไม่รู้ แต่อย่าเพิ่งลงไปเลย..อย่างไรคนที่หนีไม่พ้นไม่มีทางรอดแน่นอน ที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่แค่คนแต่มันมีสิ่งของหนัก ๆ ด้วยที่มันกวาดลงไปแล้วคิดดูเถอะว่ามันจะเป็นอย่างไร”
“ตาย”
พี่ฉันตาย น้องฉันตาย ผัวฉันหาย เมียฉันไปไหน.. ตาย และก็ตาย..
สุริยาน้ำตาไหลพราก คนที่ได้ยินก็น้ำตาไหลพราก สุริยาเดินกลับไปหาหลวงพ่อ องค์ที่ท่านช่วยให้ตนมีชีวิตอยู่รอดด้วยความทุกข์ทรมาน
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติโยมไม่ได้ทำกรรมปาณาติบาตไว้ ย่อมแคล้วคลาด..”
“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผมด้วย ทำไม..ปล่อยให้พวกเขาตาย..”
“อาตมาไม่ได้ช่วยใคร ใครก็ช่วยใครไม่ได้ นอกจากตนจะช่วยตนเอง”
ในเวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็น มีเฮลิคอปเตอร์ส่งอาหารน้ำดื่มและยารักษาโรคลงมาทางอากาศพร้อมกับข้อมูลที่แน่ชัด ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร ผู้คนที่รอดตายพากันแก่งแย่งอาหารและน้ำมาเป็นของตน สุริยามองภาพเหล่านั้นอย่างไร้ความรู้สึกที่จะร่วมเข้าไปแก่งแย่ง หลังจากนั้นสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะหลบน้ำหนีขึ้นมาบนนี้ได้ แต่สิ่งที่สุริยาได้เห็นก็คือ คนที่เดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงด้วยเหตุแห่งการพลัดพรากมีมากมาย
เดินไปจนทั่วเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ไร้เงาคนที่คิดว่าน่าจะได้ขึ้นมา
สุริยาจ้องมองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า
แล้วก็ตัดสินใจเดินลงจากเขา
ตายก็ตายด้วยกัน..ตายด้วยกัน..เราจะไปอยู่ด้วยกัน..
‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าข้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า
ข้าจะตามหาเพื่อน และหัวใจของข้า ..เจ้าข้าเอ๋ย..เจ้าข้าเอ๋ย’
ยิ่งนึกถึงบทโศลกที่แสงทองเขียนไว้ สุริยาก็ยิ่งหักห้ามใจไว้ไม่อยู่..เขาเดินฝ่าฝูงชนลงจากเขา กลับไปในที่ ที่คิดว่าต้องเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตที่เขาได้พัก..ด้วยรีสอร์ตนั้นอยู่ตรงเชิงเขา เมื่อลงมาถึงจึงได้พบเพียงความว่างเปล่า กระท่อมที่ทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ถูกน้ำกลืนหายไปหลายสิบหลัง..แล้วคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ในนั้นจะเป็นอย่างไร หัวใจของเขาจะเป็นอย่างไร
“คุณรุ่ง..ทำไมผมไม่ปลุกคุณให้มากับผมด้วย ทำไม ผมถึงได้ปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ ผมจะกลับไปบอกกับพ่อแม่ของคุณอย่างไร..แสงทอง เธออยู่ที่ไหน..เธอยังไม่ตายใช่ไหม..แสงทอง..เธอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินอยู่ตรงไหน..เธอพาคุณดี้ไปไหน คุณดี้พาเธอไปไหน”
สุริยารู้สึกว่าโลกที่เป็นสีฟ้าในเมื่อวาน เป็นสีดำทะมึนไปทั่วบริเวณ
-------------------------------------------------------------------------
แล้วค่ำคืนนั้นหน่วยกู้ภัยก็พากันมารื้อค้นซากปรักหักพัก เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บซากศพของมนุษย์ผู้มาแสวงหาความสุขจากธรรมชาติ ข่าวจากแผ่นดินใหญ่ส่งมาว่า ประเทศไทยถูกผลกระทบนี้ถึงหกจังหวัด ตั้งแต่กระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง ตรัง และสตูล นอกจากนั้น ยังมีอินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซียและประเทศในทวีปแอฟริกาบางประเทศถูกคลื่นยักษ์จากผลต่อเนื่องของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ฆ่าผู้คนอันบริสุทธิ์เป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนคน
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงพระจันทร์สาดส่องทำหน้าที่ สุริยาเดินกลับมาที่หน้ากุฏิหลวงพ่อด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง และบริเวณนั้นใช่ว่าจะมีแต่ตนเพียงคนเดียว ยังมีเด็กและสตรีเพศที่อ่อนแอกว่าตนเองมาพึ่งใบบุญหลวงพ่อเช่นกัน
ดังนั้นสุริยาจึงค่อย ๆ เดินเลี่ยงไปนั่งซบกับผนังวิหารซึ่งมองเห็นดวงพระจันทร์ในเงาสลัว นึกถึงคนสามคนที่หายลับ แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา จนกระทั่งม่อยหลับไป
มารู้สึกตัวเองอีกทีเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“คุณยะ..” เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพบว่า รุ่งโรจน์นั่งยิ้มเผล่อยู่ใกล้ ๆ เขาผวาจะเข้าไปกอด แล้วภาพของรุ่งโรจน์ก็หายวับ ประหนึ่งกำลังเล่นซ่อนหา มองอีกทีเห็นเขายืนหน้าเศร้ามีสายตาตัดพ้ออยู่ไกล ๆ
“คุณจะเสียใจไปทำไม ก็คุณไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ผมไม่ใช่หรือ ตอนนี้ ผมจะหนีคุณไปไกลแสนไกลแล้วนะ คุณบอกผมสักคำเถอะว่าคุณรักผมบ้างไหม บอกผมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
ดวงใจของสุริยาแทบแตกสลาย
“ผมรักคุณ คุณรุ่ง ผมรักคุณก่อนที่ผมจะเจอคุณที่ปางจันทร์เสียอีก ผมรักคุณตั้งแต่เห็นคุณบนกระดาษแล้วคุณรู้ไหม” คนพูดมีน้ำตาอาบแก้ม
รุ่งโรจน์ยิ้มให้นิดนึ่งก่อนจะลับหาย สุริยาสะดุ้งตื่นมีน้ำตานองหน้าและพบว่าหลวงพ่อยืนมองอยู่ใกล้ ๆ
“เสียใจแล้วยังต้องเสียน้ำตา ได้ประโยชน์อะไร ตั้งสติให้ดี ๆ ซิโยม เอ้า อาหารกินซะหน่อยจะได้มีแรงสู้ชีวิต”
“แต่ผมกลืนไม่ลงครับหลวงพ่อ ผมไม่หิว”
“แต่โยมต้องกิน กายมันคนละส่วนกับจิตก็จริง แต่ถ้าโยมยังไม่ตาย มันต้องไปด้วยกัน”
“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผม ทำไมปล่อยให้พวกเขาตาย”
หลวงพ่อไม่ตอบ วางขนมกรุบกรอบไว้ให้ แล้วก็เดินผ่านกลุ่มคนขึ้นกุฏิปิดประตู สุริยามองขนมในมือแล้วนึกถึงบุญที่ได้ทำไว้ เพราะมันเป็นขนมชนิดเดียวกับที่ได้ซื้อใส่บาตรที่ภูเก็ต มันมาถึงนี่เลยรึ..บุญมันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยรึ แล้วคนที่ตายไปจะเป็นอย่างไร จะรู้ตัวไหมว่าตายแล้ว อีกสามวันซินะจึงจะรู้ตัวว่าตาย..ตอนนี้เขาคงจะมึนงง นึกอะไรไม่ออก ทำไมหนอ ทำไมตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ให้รุ่งโรจน์และแสงทองได้ฟังไว้จนฝังในดวงจิต
“ถ้ารู้ว่าตัวเองตาย ให้ตั้งสติให้ดี..ให้นึกถึงบุญ นึกถึงพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจ อย่าทำให้ใจเศร้าหมอง แล้ววิญญาณก็จะเป็นทิพย์เบาสบาย ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์เสวยสุขในทิพยวิมาน”
เขาทั้งสองคนจะตายด้วยจิตแบบไหน รู้สึกตัวหรือว่าหลับสบายหายไปกับสายน้ำ
แล้วสุริยาก็นั่งพนมมือไปทางวิหารหลังเล็กตั้งจิตนึกถึงองค์พระภายใน แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเย็นเบา ๆ จิตเมื่อมันอ่อนแอจะต้องหาที่พึ่ง จะต้องหาบุญน้อมอุทิศให้ พรุ่งนี้หรอก เขาจะออกตามหา ถ้าไม่เห็นเป็น ๆ ขอให้เห็นศพตอนตายก็ยังดี
และพระอาทิตย์ในเช้าวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2547 เป็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตสวยจนสุริยาต้องประทับอยู่ในห้วงความทรงจำมิรู้ลืม
เมื่อมีแสงสว่าง คนส่วนใหญ่ก็รีบลงจากเขาเพื่อตามหาคนที่หายไป
ภาพศพที่เรียงรายห่อด้วยผ้าขาว ทำให้ผู้คนมากมายเดินเปิดหน้าค้นหาบุคคลอันเป็นที่รัก
เมื่อได้เจอะ บางคนก็สลบล้มลง เมื่อยังไม่ใช่ ก็มีน้ำหูน้ำตาตะเวนหาไปเรื่อย ๆ
สุริยาเองก็เป็นเช่นนั้น เขานึกถึงรูปพรรณสัณฐาน นึกถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับขณะสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว แต่ก็ไร้ร่องรอย
สุริยากวาดสายตาไปท่ามกลางทะเลสีฟ้าครามที่เงียบสงบดังวันวาน หยิกแขนตัวเองดูหลายรอบจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ซากปรักหักพังและโคลนตมที่เบื้องหน้าไม่ได้เกิดจากอาวุธสงครามจากมนุษย์ แต่มันเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ มอบให้กับคนที่กำลังมีความสุขที่สุดเสียด้วยซิ ทำไมใจร้ายนัก
ทำไม!!!
เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกและตั้งสติได้ สุริยาก็เที่ยวตามหาไปในที่ต่าง ๆ ไม่พบรุ่งโรจน์ก็หวังจะพบดาราวดีกับแสงทอง พวกเธอน่าจะรอดปลอดภัยเหมือนตน..
พระอาทิตย์วันนั้นเดินทางเร็วเหลือเกิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกว่า ๆ สุริยาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใคร ๆ เขากลับไปที่บริเวณรีสอร์ตที่พักอีกรอบ แล้วก็รีบขึ้นไปตามไหล่เขา หวังว่าจะพบ หวังว่าจะได้ยินเสียง
แต่มันก็ว่างเปล่า..
สุริยาเดินกลับไปที่วิหาร..นั่งคุกเข่าต่อหน้าองค์พระปฏิมา..ตั้งจิตระลึกนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาและที่จะต้องทำต่อไป..
“หากว่าลูกได้พบคนทั้งสามไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ลูกจะบวชถวายชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนา..”
เมื่อกล่าวจบ เสียงกระดิ่งลูกเล็ก ๆ รอบเชิงชายก็ดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ จนสุริยาขนลุกเกลียว เย็นวะวาบไปทั้งตัว
และเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบหลวงพ่อยืนยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก..
“ไปเถอะ ไปตามหาพวกเขาเถอะ แล้วอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ..”
“หลวงพ่อ..”
สุริยาก้มกราบที่แทบเท้า ปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน
เมื่อลงจากภูเขาสุริยาก็ตรงไปที่หน่วยแจ้งชื่อผู้รอดชีวิตและชื่อผู้เสียชีวิต เขาไปขอเจ้าหน้าที่ค้นดู..จึงได้พบ..ชื่อของคนทั้งสามคน ยังอยู่ ยังมีลมหายใจ..สุริยาขนลุกเกลียว..รู้สึกว่าโลกหมุนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ..ตัวเขาจะเป็นอย่างเดิมไม่ได้เสียแล้ว..เกิดอะไรขึ้น..
เขาแทบจะวิ่งจากจุดนั้นไปที่ท่าเรือเลยทีเดียว..เมื่อไปถึงเห็นผู้คนที่กำลังยืนต่อคิวแบบเบียดเสียดที่จะลงเรือ ทำให้เขาหยุดเท้าชะงัก และหลังพุ่มไม้ที่บังตัวเขานั้น สุริยาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของคนที่รักเขามากมาย รักตั้งแต่แรกเจอก็ว่าได้
“ไม่จริง พี่ยายังไม่ตาย พี่รุ่งบอกหนูซิว่าพี่ยายังไม่ตาย”
“ถ้าไม่ตายเราต้องหาเขาเจอะแล้วแสงทอง”
“ใช่..เราต้องหาเขาเจอะแล้วซิ เราพากันเดินจนทั่วทั้งภูเขา ทั้งตรงที่บ้านพัก เราไม่เห็นเขาเลยนะแสงทอง” เป็นเสียงสะอื้นเล็กน้อยของดาราวดี
“ไม่จริง หนูจะกลับไปหาอีกรอบ ถ้าไม่เห็นศพ อย่างไร หนูก็ยังไม่กลับเขาฝั่ง หนูจะบอกกับพี่สมใจ กับป้าและแม่พี่ยาว่าอย่างไร หนูต้องพาเขากลับบ้าน เพราะเขามากับเรา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ หนูไม่ยอม หนูรักพี่ยา พี่รุ่งไม่รักพี่ยาหรือ?”
เมื่อได้ฟังคำแสงทอง น้ำตารุ่งโรจน์ไหลพราก ๆ
“แสงทอง ..เธอต้องเข้มแข็งนะ” เสียงรุ่งโรจน์สั่นเครือด้วยพยายามกลั้นความรู้สึกเสียใจ
สุริยานั่งสั่นงัก ๆ ฟังความอยู่ตรงอีกฝั่งของพุ่มไม้ คาดคะเนได้ว่าหากเขาปรากฏตัวอะไรจะเกิด ประมวลหลาย ๆ เรื่อง และเหตุการณ์ในคืนวันนั้น
หากไม่มีเขาเสียได้ ทุกอย่างคงจะจบลงอย่างสวยงาม
“งั้นเราไปหาด้วยกันอีกรอบ ถ้าไม่เจอะเขา เราก็จะอยู่ที่นี่ อยู่จนกว่าจะพบเขา..ไป๊”..แล้วรุ่งโรจน์ก็ดึงมือแสงทองให้ลุกขึ้นก้าวเดินไปในทางที่เขาเพิ่งกลับมา ดาราวดีเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอีกคน
สุริยามองฝูงชนที่เข้าคิวขึ้นเรือที่มารับกลับแผ่นดินใหญ่ แม้มันจะแน่นขนัดแต่เขาก็จำเป็นต้องไปเรือเที่ยวนี้เสียด้วย
-------------------------------------------------------------------------
[img]http://www.bloggang.com/data/julamanee/picture/1305123919.jpg[/img]
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
[color=purple][b]สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com[/b][/color]
เสียงค้อนกระทบไม้เสียงของหนักถูกกระทุ้งลงดินดังก้องไปทั่วหุบเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนแถบนั้นรู้สึกรำคาญใจเลยสักนิด..เพราะรู้ว่า หลังความวุ่นวายจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น..
‘พระเจดีย์ศรีปางจันทร์’ อนุสรณ์แห่งความรัก ของหนุ่มไฮโซคนหนึ่งถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งจากไป..ข่าวเล็ก ๆ เป็นที่โจษขานตั้งแต่หนุ่มไฮโซมาขอเป็นประธานก่อสร้าง
พระภิกษุหนุ่มยืนมองยอดเขาลูกเล็กหลังวัดปางจันทร์ จากธรรมสถานซึ่งอยู่คนละฝั่งของหุบเขา ท่านยกมือพนมอนุโมทนา..กุศลศรัทธาที่รุ่งโรจน์ดำริไว้ และทุกค่ำเช้าท่านก็จะสวดมนต์ส่งใจช่วยให้ สิ่งอัศจรรย์นั้นปักหลักลงได้อย่างไร้อุปสรรค..ไม่มีมารมาขวางกั้น…ให้หน้าที่ฝ่ายฆราวาสสำเร็จลุล่วง ส่วนหน้าที่ทางธรรม จะพยายามหาวิธีเข้าไปช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นดูแลเมื่อองค์พระธาตุเสร็จสิ้น
“โยมแอบติดหนังสือใส่กระเป๋ามาด้วย..ทำอย่างไรดีเจ้าคะ..”
“ฝากไว้ก่อนโยม วันกลับค่อยมารับคืน”
โยมผู้หญิงส่งหนังสือแบบนิตยสารรายปักษ์ต้องห้ามไว้บนโต๊ะ แล้วหลีกออกไป พระภิกษุที่รับไว้ เห็นหน้าปกก็อดใจไม่ได้ ด้วยคำโปรยเขียนไว้
หนึ่งปีที่เปลี่ยนไป หลังสึนามิ ของรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์
เนื้อหาใจความมีว่า..
- หนึ่งปีเร็วไหมค่ะ
-รุ่งโรจน์ สำหรับคนอื่นอ่านจะเร็วแต่ผมรู้สึกว่ามันช้า เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันยังเป็นฝันร้ายที่ยังไม่ลืมเลยทีเดียว..
-สูญเสียใครไปบ้างค่ะ?
-เพื่อนครับ เพื่อนรัก ..ผมรักเขามาก..เขาก็คงรักผมมาก..เขาไม่เคยบอกผมหรอกครับว่ารักผม แต่เขารู้ว่าผมรักเขา
-เพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะเป็นที่มาของการสร้างพระธาตุเจดีย์มีรูปหัวใจติดอยู่ที่ฐานล่าง..
-อยากให้เป็นพิเศษกว่าเจดีย์ที่อื่นน่ะครับ อยากให้คนที่มีหัวใจรักดั้นด้นไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็นิดนึงตามประสาคนที่ยังกิเลสหนา อยากให้คนที่ไปได้รู้ว่า ควรที่จะบอกรักกันมาก ๆ ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่..ถ้าโกรธกันจะได้ให้อภัยแก่กัน..
-ทำไมไปสร้างถึงปางจันทร์คะ
-เราพบกันที่นั่นครับ..ผมไปเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ เขาช่วยผมไว้..แต่ในวันที่เขาเจ็บปวด ผมไม่ได้แม้แต่ศพเขากลับมาบำเพ็ญกุศล ผมรู้สึกติดค้างบุญคุณเขาอยู่นะครับ
-เร็วไปไหมคะ ที่เข้าวัดเข้าวาเมื่ออายุเท่านี้?
-อายุ 28 ไม่เร็วหรอกครับ ช้าไปด้วยซ้ำ ถ้าผมเข้าวัดปฏิบัติธรรมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ มันคงจะดีกว่านี้..
-ดีอย่างไร?
-ผมคงร้องไห้ไม่นาน ผมไม่เคยพิจารณาถึงความไม่เที่ยงแห่งสรรพสิ่งเลย ผมคิดแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของเราและอยู่กับเราไปตราบนานเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่คนที่เรารักและรักเรา แต่สุดท้าย..เมื่อสูญเสีย เห็นการสูญเสีย เห็นการพลัดพราก ทั้งจากตัวผมเองและคนอื่น ผมจึงได้รู้ว่า ความไม่เที่ยงมันเป็นอย่างไร..
-ยกเลิกการแต่งงานไปเสียแล้ว มีกำหนดใหม่ไหมคะ
-คงยังไม่มีในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังคบหากันในฐานะเพื่อน แต่จะให้เป็นไปมากกว่านี้ ในตอนนี้คงยังไม่ใช่..และผมก็ไม่ได้ห้ามหวงหากเขาจะไปคบหาใคร..
-พูดเหมือนปลง
-ถ้าคุณได้วิ่งหนีคลื่นยักษ์กับผม ถ้าคุณได้วิ่งตามหาคนที่รู้ใจท่ามกลางซากปรักหักพัง บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์เบื่อการมีชีวิตคู่ก็ได้..
-แล้วปัจจุบันทำงานอะไร?
-ที่เห็น ๆ กันก็รายการทีวี เที่ยวเมืองไทยไปไหว้พระ กับจัดทัวร์อยู่ครับ เกี่ยวเนื่องกัน ทัวร์ของผมเน้นไหว้พระธาตุเจดีย์ เน้นให้สมาชิกลูกทัวร์รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วก็แนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรม รวมกลุ่มกันทำบุญทำกุศล กึ่งทัวร์กึ่งชมรม..
-ได้ข่าวว่าราคาถูกมาก
-ไม่ได้เน้นกำไรมากมาย แต่เน้นที่จิตใจของผู้ที่ร่วมเดินทาง อยากเห็นครับ อยากเห็นคนมีความสุขกับการเป็นผู้รักบุญ..เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในตอนนี้ปีนี้มีผู้ปลดเกษียณจากงานไปกับเราเยอะ ปีหน้าจะเปิดตลาดไปที่ชาวต่างชาติ และจับกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นต่อไป เพราะมันยากยิ่ง ๆ ขึ้น..
-ทุ่มเทให้กับงานทัวร์มาก ๆ คุณแม่ไม่ว่าอย่างไรหรือคะ?
-คุณแม่ผมบอกว่า กลับมาได้คราวนี้อยากได้อยากทำอะไรเชิญตามสบายเลย ผมจึงเป็นอย่างที่ผมเป็นได้ในวันนี้..คุณแม่เองก็ผ่านกระบวนการต้องทำใจอยู่เหมือนกัน ท่านบอกว่าเหมือนของที่หลุดจากมือไปแล้ว แล้วได้คืนมา ตอนนี้ถ้ามีเวลา อ้อ..ต้องหาเวลาไปเข้าคอร์สถือศีลนั่งสมาธิ ออกมาจากวัดก็ทำงานเกื้อกูลกับผู้คนที่ยังเห็น ๆ หน้ากัน
-ได้ข่าวว่าบนทัวร์มีเกมส์ประหยัดเพื่ออาหารเด็กยากไร้..มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
-สมัยที่ขับรถเที่ยวกันนะครับ ก็เล่น ๆ กัน ตั้งงบค่าที่พักค่าโรงแรมค่าอาหารไว้ ว่าจริง ๆ ต้องจ่ายมื้อละ สมมุติ 100 บาท ..นี่เราตัดใจว่าต้องจ่ายเหมือนเงินมันต้องไปจากเราแน่นอน เราอิ่มหนึ่งมื้อ 100 แต่ถ้าเราอิ่ม 1 มื้อ แค่ 50 บาทได้ ที่เหลือเราจะเอาไปที่ไหน ถ้าเราเอาไปซื้อของก็ได้ของ แต่นี่เราแค่ตั้งใจเอาไปทำบุญก็ตัดใจโดยไม่ต้องคิดมากก่อนทำบุญ เที่ยวสนุกมากขึ้น..ลองเล่นดูนะครับ
-เป็นไฮโซที่ติดดินมาก..
-ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่รู้สึกว่าเราจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นไปเพื่ออะไร และถ้าไม่ประหยัดก็คงไม่มีเงินทำบุญทีละเยอะ ๆ ได้หรอกครับ กินแค่อิ่ม นอนแค่หลับ เน้นแค่สะอาด มีสารอาหารครบ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ถึงกับเจหรือมังสวิรัติหรอกครับ กลาง ๆ
-แล้วระหว่าง สงเคราะห์เด็กกับสร้างเจดีย์ ทำไมไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง..
-สมบัติของแผ่นดินครับ คนสร้างวัตถุ วัตถุสร้างคน ตัวผมเอง ถ้าบอกว่าเปลี่ยนตัวเองได้ ก็ด้วยคนคนหนึ่งที่เขาชอบพาคนไปไหว้เจดีย์ ไปกันบ่อย ๆ ...แล้วพุทธิปัญญามันก็เกิดขึ้นเอง ส่วนอารมณ์ที่จะมาสงเคราะห์โลก สงเคราะห์คนยากไร้มันมาทีหลัง แต่ผมนึกถึงบุญคุณของเจดีย์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์บูชาคุณของพระศาสนา และอีกอย่างที่ปางจันทร์มีรอยพระบาทอยู่บนยอดเขาซึ่งทางการยังไม่สนับสนุนให้เป็นที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าคนไปไหว้พระธาตุศรีปางจันทร์กันเยอะ ๆ ต่อไปอาจจะเปิดให้ขึ้นไปสักการะรอยพระบาทด้วย ทีนี้คนไปที่นั่นก็จะได้ทั้งสองอย่าง พระธาตุแห่งความรักและพิสูจน์รักแท้กับภูสุดยอด..
-มีแนวโน้มจะบวชไหมคะ..
-มี อาจจะหลังพระธาตุเจดีย์เสร็จ..
-สุดท้ายฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างคะ?
-ชีวิตคนเราเอาแน่อะไรไม่ได้ ตายกับอยู่ อยู่ใกล้ ๆ กัน หมั่นทำบุญกุศลคุณงามความดีไว้ ตายไปแม้ไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้ แต่ตัวเราจะเป็นอนุสาวรีย์อยู่ในใจคนอื่น ๆ ได้..ถ้ามีโอกาสผ่านต้องเรียกว่าแวะซิ เข้าไปปางจันทร์นะครับ อย่าลืมที่จะไปไหว้พระธาตุ เวียนเทียนระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่นั่น..และที่สำคัญถ้าไปกับคนที่คุณรัก ขอให้บอกรักเขาที่นั่น และก็ให้สัญญาต่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่ของคุณก็จะเจริญรุ่งเรือง..
พระสุริยาถอนหายใจออกมา ปิดหนังสือ แล้วก็เช็ดน้ำตาที่ไหลคลอหน่วยตา..
หนึ่งปีที่จากกันมา รู้แล้วว่า หนทางพระนิพพานของตนคงอีกยาวไกล..
(จบบริบูรณ์)
30/3/2549 02.08น. เรือนจิตรา
หนังสือนวนิยาย อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com
ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2554, 10:48:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2554, 10:50:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 2833
<< 29. |

จุฬามณีเฟื่องนคร 9 มิ.ย. 2554, 10:51:46 น.
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com
ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย
ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com
ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ

panon 9 มิ.ย. 2554, 11:59:12 น.
สาธุค่ะ..//..............ได้ความรู้มากมาย
สาธุค่ะ..//..............ได้ความรู้มากมาย


sri 9 มิ.ย. 2554, 15:47:48 น.
เฮ้อ บุญทำกรรมแต่ง
เฮ้อ บุญทำกรรมแต่ง

wane 9 มิ.ย. 2554, 21:19:18 น.
คิดมาก เลยต้องกลับมาเม้นต์อีกรอบ ในความเป็นจริงไม่อยากให้จบแบบนี้เลยทั้งรุ่งโรจน์และสุริยาต้องอยู่อย่างเป็นทุกข์ ,ทำไมคนเราต้องเลือกที่จะทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่เรารักด้วย เหมือนสุริยาจะเสียสละแต่จริงๆ เค้ากลายเป็นคนใจร้ายนะ ใจร้ายทั้งกับตัวเองและกับคนที่เค้ารักและรักเค้า และในแง่พระพุทธศาสนาสุริยาสามารถบวชได้จริงๆ เหรอ ไรเตอร์แก้ตอนจบได้มั๊ยค่ะ มันเศร้ามากๆ จริงๆ
คิดมาก เลยต้องกลับมาเม้นต์อีกรอบ ในความเป็นจริงไม่อยากให้จบแบบนี้เลยทั้งรุ่งโรจน์และสุริยาต้องอยู่อย่างเป็นทุกข์ ,ทำไมคนเราต้องเลือกที่จะทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่เรารักด้วย เหมือนสุริยาจะเสียสละแต่จริงๆ เค้ากลายเป็นคนใจร้ายนะ ใจร้ายทั้งกับตัวเองและกับคนที่เค้ารักและรักเค้า และในแง่พระพุทธศาสนาสุริยาสามารถบวชได้จริงๆ เหรอ ไรเตอร์แก้ตอนจบได้มั๊ยค่ะ มันเศร้ามากๆ จริงๆ

จุฬามณีเฟื่องนคร 10 มิ.ย. 2554, 02:08:53 น.
เหตุผลที่สุริยาต้องไปเงียบ ๆ เพราะเขารู้ว่า รุ่งโรจน์รักเขามาก ถึงบวชแก้บน (ไม่สึก) รุ่งโรจน์ก็อาจจะตามไป สู้เหมือนตายจาก...และทั้งนี้ทั้งหมด สิ่งที่สุิริยาเป็น..
เหตุผลที่สุริยาต้องไปเงียบ ๆ เพราะเขารู้ว่า รุ่งโรจน์รักเขามาก ถึงบวชแก้บน (ไม่สึก) รุ่งโรจน์ก็อาจจะตามไป สู้เหมือนตายจาก...และทั้งนี้ทั้งหมด สิ่งที่สุิริยาเป็น..

จุฬามณีเฟื่องนคร 10 มิ.ย. 2554, 02:10:00 น.
มันมาอยู่ในตัวรุ่งโรจน์ครับ..ศาสนาพุทธ สุริยาบวชได้ครับ คนบวชไม่ได้คือบัณเฑาะว์ กระเทยแบบหญิงไปเลยครับ..
มันมาอยู่ในตัวรุ่งโรจน์ครับ..ศาสนาพุทธ สุริยาบวชได้ครับ คนบวชไม่ได้คือบัณเฑาะว์ กระเทยแบบหญิงไปเลยครับ..

wane 10 มิ.ย. 2554, 07:08:05 น.
ขอบคุณไรเตอร์ที่ให้ความรู้สำหรับเรื่องคนที่บวชได้นะค่ะ แต่ก็อยากให้เปลี่ยนตอนจบจริงๆ ชีวิตคนเราสั้นจะตายไป การได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นอะไรที่ดีสุดนะค่ะ
ขอบคุณไรเตอร์ที่ให้ความรู้สำหรับเรื่องคนที่บวชได้นะค่ะ แต่ก็อยากให้เปลี่ยนตอนจบจริงๆ ชีวิตคนเราสั้นจะตายไป การได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นอะไรที่ดีสุดนะค่ะ

space 10 มิ.ย. 2554, 07:55:31 น.
คิดเหมือนกับน่ะค่ะว่า ถึงบวชได้ แต่ไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจ มันเหมือนการถูกบังคับกลายๆๆ เนื่องจากสุริยา ได้จากไป (ตายจากในความรู้สึกรุ่งโรจน์)
สุริยา - ถึงใจจะศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ ซึ่งในมุมมอง น่าจะพอบวชได้ เนื่องจากมีพื้นเพมาตั้งแต่เยาว์วัย คงอยากจะขัดเกลาใจตัวเอง
รุ่งโรจน์ - บวชเพราะหมดสิ้นคนรัก ใจเป็นพะวง ตัดกิเลสไม่ขาด บวชแล้วไม่ดีต่อตนเอง
พอดีเคยมีเพื่อนที่บวชตั้งแต่เล็ก แล้วสึกมาตอนเรียนต่อมหาลัย เคยได้นั่งคุยกัน เค้าก็บอกตรงๆๆ ว่าที่สึก เพราะยังมีกิเลส ใจรักพระพุทธศาสนา แต่อยากลองทางโลกด้วย เพื่อเป็นการรักษาศาสนา เลยต้องสึก เพราะใจไม่บริสุทธิ์
(ความเห็นส่วนตัวน่ะค่ะ)
แต่ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกัน ให้แง่คิดในการทำงาน การคบเพื่อน และทางอารมณ์
ขอบคุณจริงๆๆค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆๆๆ ออกมาให้ได้อ่าน
คิดเหมือนกับน่ะค่ะว่า ถึงบวชได้ แต่ไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจ มันเหมือนการถูกบังคับกลายๆๆ เนื่องจากสุริยา ได้จากไป (ตายจากในความรู้สึกรุ่งโรจน์)
สุริยา - ถึงใจจะศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ ซึ่งในมุมมอง น่าจะพอบวชได้ เนื่องจากมีพื้นเพมาตั้งแต่เยาว์วัย คงอยากจะขัดเกลาใจตัวเอง
รุ่งโรจน์ - บวชเพราะหมดสิ้นคนรัก ใจเป็นพะวง ตัดกิเลสไม่ขาด บวชแล้วไม่ดีต่อตนเอง
พอดีเคยมีเพื่อนที่บวชตั้งแต่เล็ก แล้วสึกมาตอนเรียนต่อมหาลัย เคยได้นั่งคุยกัน เค้าก็บอกตรงๆๆ ว่าที่สึก เพราะยังมีกิเลส ใจรักพระพุทธศาสนา แต่อยากลองทางโลกด้วย เพื่อเป็นการรักษาศาสนา เลยต้องสึก เพราะใจไม่บริสุทธิ์
(ความเห็นส่วนตัวน่ะค่ะ)
แต่ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกัน ให้แง่คิดในการทำงาน การคบเพื่อน และทางอารมณ์
ขอบคุณจริงๆๆค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆๆๆ ออกมาให้ได้อ่าน

Sansanook 10 มิ.ย. 2554, 10:57:10 น.
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆอีกเรื่องนะค่ะ
มันทำให้เห็นว่า คนเราไม่ว่าจะห่มผ้าเหลืองหรือยังเป็นฆราวาสก็โน้มนำศาสนาเข้ามาสู่ใจได้เหมือนกัน ตอนท้ายๆที่สุริยารู้ตัวว่าหน นิพพาน ของตนยังอีกยาวไกล อดคิดถึงคำสอนท่านพุทธทาสไม่ได้ว่า "นิพพานแปลว่าเย็น" มันต้องเย็นข้างในใจจริงๆเนาะ
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆอีกเรื่องนะค่ะ
มันทำให้เห็นว่า คนเราไม่ว่าจะห่มผ้าเหลืองหรือยังเป็นฆราวาสก็โน้มนำศาสนาเข้ามาสู่ใจได้เหมือนกัน ตอนท้ายๆที่สุริยารู้ตัวว่าหน นิพพาน ของตนยังอีกยาวไกล อดคิดถึงคำสอนท่านพุทธทาสไม่ได้ว่า "นิพพานแปลว่าเย็น" มันต้องเย็นข้างในใจจริงๆเนาะ

หมูบิน 10 มิ.ย. 2554, 20:09:29 น.
ขอบคุณคุณเฟื่องมากคะ
ขอบคุณคุณเฟื่องมากคะ