อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 30. ตอนอวสาน

30.
(ตอนจบ)

เรือเฟอร์รี่ถึงท่าเทียบเรือของเกาะดีเลย์แล้ว สุริยาพาทั้งสามคนขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งตรงสู่ที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดรูปวงพระจันทร์ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่อีกฝังของเกาะ..และที่พักที่ได้จองไว้จากภูเก็ตก็เป็นเพียงกระท่อมหลังเล็ก ๆ สองหลังคู่ ตั้งอยู่ห่างจากแนวทรายชายทะเลไม่มากนัก เหตุที่สุริยาเลือกที่ตรงนี้เพราะอยู่ไม่ห่างจากทางขึ้นเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรม และก็สะดวกที่จะเดินทางไปยังย่านหาดทรายนวลซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมและร้านอาหารหรูหรา ซึ่งเตรียมไว้รอท่าฝรั่งเงินหนาจากแดนไกล

หลังจากเช็คอินเข้าที่พักในเวลาบ่ายคล้อย แสงทองกับดาราวดีก็ปรี่ลงน้ำทะเลดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน ส่วนรุ่งโรจน์ก็ลากสุริยาเข้าไปในย่านแหล่งของมึนเมาด้วยต้องการร่วมเฉลิมฉลองกับพวกฝรั่งที่รุ่งโรจน์คุ้นเคย..และสุริยาก็ต้องขอตัวกลับ เมื่อเห็นว่า รุ่งโรจน์ได้พบคนที่เคยรู้จักและพักอยู่ใกล้ ๆ กัน

“คุณจะทิ้งผมไปไหนคุณยะ ..เฮ้”

ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทนไม่ไหวที่จะเข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมและกลิ่นบุหรี่ขนาดนั้น..เมื่อกลับถึงที่พักก็พบว่าสองสาวไม่อยู่ที่ห้องเหมือนกัน เมื่อรูปการณ์เป็นดั่งนั้นสุริยาจึงเดินไปที่ชายหาดนั่งลงชันเข่าแล้วก็มองไปที่เวิ้งน้ำข้างหน้า เห็นเรือหาปลาลอยอยู่ลิบ ๆ ใจกระหวัดถึงพุทธพจน์และเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่ทำให้ใจสงบ

‘มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำฉันท์ใด..ทานบดีก็ไม่อิ่มด้วยการให้ทานฉันท์นั้น..’

นึกถึงพระมหาชนกผู้บำเพ็ญวิริยะบารมี ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแม้ไม่เห็นฝั่ง..คนเราต้องมีความเพียรจึงจะหลุดพ้น..ถ้าเปรียบท้องทะเลกับภูเขา สุริยารู้สึกว่าทะเล ซับซ้อนซ่อนความน่าหวาดกลัวมากกว่ายิ่งนัก นั่งรอให้ทั้งสองสาวและรุ่งโรจน์กลับมาท่ามกลางพระจันทร์ที่กระจ่างฟ้าและหมู่ดาวเกลื่อนกล่น จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงสี่ทุ่ม แล้วสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่ผับอันอึกทึกอีกครั้ง


เมื่อไปถึงพบว่ารุ่งโรจน์คอพับคออ่อนมีน้ำเสียงอ้อแอ้เสียแล้ว เพื่อนฝรั่งของรุ่งโรจน์รีบกระตือรือร้นให้สุริยาพาเขาออกมา..แล้วคนที่ว่าเก่งกาจทางเชิงสุราก็อาเจียนเสียยกใหญ่ที่บนหาดทรายชายทะเล

“ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน..เซ็งชีวิตจริง ๆ คุณยะ ..เซ็งจริง ๆ ที่อยากทำก็ทำไม่ได้ ที่ให้ทำได้ ก็ไม่อยากทำเสียอีก..ใครก็อิจฉาชีวิตของผม แต่ผมกลับอิจฉาชีวิตคนอื่น..โลกหนอโลก..วันนี้ผมยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย คุณพาผมไปหน่อยได้ไหม..”

“ไม่ได้ มันดึกแล้ว..”

“คุณห่วงผมด้วยหรือ”

“ไม่ห่วง ผมจะไปรับคุณกลับมาทำไม..” พูดไม่จบ รุ่งโรจน์ก็แอบลักจูบที่ต้นคอของสุริยา

“อย่าคุณรุ่ง..”

“คุณรังเกียจอะไรผมเหรอ ...คืนนี้พระจันทร์สวย เราจะฮันนี่มูนกันที่นี่ เราจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฉลองคริสต์มาสกันที่นี่ดีไหม..คุณดื่มเป็นเพื่อนผมได้ไหม ผมยังอยากดื่มอีก ดื่มให้เมา ๆ ๆ ๆ ไปเลย”

“แต่คุณเมาแล้วนะครับ เมามากด้วย”

“ไม่เมา” แล้วสุริยาก็ลากรุ่งโรจน์กลับไปที่ห้อง ถอดเสื้อผ้า แล้วก็ผลักคนตัวขาว เข้าไปในห้องน้ำ

“อาบน้ำซะจะได้ดีขึ้น”

“คุณอาบให้ผมซี ผมเมาอย่างนี้ผมอาบเองไม่ได้ อาบให้ผมเหมือนตอนที่เราอยู่สมุทรสงครามด้วยกัน เช็ดตัวให้ผมก็ได้..ผมอยากย้อนเวลากลับไปปางจันทร์จังเลย ตอนนั้นผมรู้นะ ผมรู้ว่าคุณเสนอตัวเข้ามาหาผมก่อนน่ะ”

“สองคนนั่นหายไปไหนนะ คุณรู้บ้างไหม” สุริยาเฉไฉไปอีกเรื่อง

“สองคนไหน ผู้หญิงสองคนนั่นนะหรือ มารหัวใจเรานะหรือ ปล่อยไปเถอะ ..เกาะนี้ไม่มีใครทำอะไรพวกเธอหรอก”

กว่าจะปลอบให้รุ่งโรจน์หลับตาลงได้ เล่นเอาสุริยาเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก..พอรุ่งโรจน์หลับแล้วสุริยาก็ออกไปเคาะประตูห้องหญิงสาวทั้งสอง ไม่ปรากฏเสียงตอบรับ สุริยาเริ่มกระสับกระส่าย ห่วง กลัวว่าจะได้รับอันตราย

เมื่อเดินกลับมาที่ห้องพบว่ารุ่งโรจน์บ่นปวดหัว สุริยาหายาพาราให้กินก่อนจะเดินกลับไปที่ย่านเริงรมย์แถวหาดทรายนวลอีกครั้ง พยายามสอดสายตาเข้าไปในร้านต่าง ๆ เพื่อหาแสงทองกับดาราวดีแต่ไม่พบ สุริยากลับมาอีกทีห้องก็พบว่ารุ่งโรจน์นอนแผ่อยู่ในห้องน้ำท่ามกลางกองอาหารในตอนหัวค่ำ เขารีบจัดการทำความสะอาดให้ แล้วก็ลากกลับมาที่เตียงนอน

“อยู่ดีไม่ว่าดีซิน่า”

“คุณรักผมไหมคุณยะ คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณไหม ผมไม่อยากแต่งงาน ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ..เราหนีไปด้วยกันไหม ไปอยู่เมืองนอก เมืองที่มีกฎหมายให้ชายกับชายแต่งงานกันได้ เราไปอยู่ที่นั่น มันจะได้ไม่แปลกจากคนอื่น คุณไปกับผมไหม”

“หยุดละเมอเพ้อพกได้แล้วครับ นอนได้แล้ว..คุณรู้ไหม ตอนนี้ผมเป็นห่วงสองสาวเป็นอย่างมาก”

“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณดี้เจอะเพื่อนแหม่มของเธอ คงไปด้วยกัน ยิ่งแสงทองไปด้วย ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น สุริยาจึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่งโรจน์ด้วยความอ่อนเพลีย และกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็พบว่ารุ่งโรจน์กำลังจะล่วงล้ำอธิปไตยของตน

“คุณรุ่ง อย่า”

“ผมรักคุณนะคุณยะ ผมรักคุณ เป็นของผมเถอะ นะครับ นะครับ” รุ่งโรจน์ดูขาดสติ ไร้ความยับยั้งชั่งใจมากกว่าวันวาน
“คุณรุ่งอย่า..ผม”

“นะคร้าบ ผมรักคุณ..รักมากด้วย..เป็นของผมนะครับคนดี..”

“ไม่..คุณรุ่ง..อย่า..” จากผลักใส กลายเป็นทำร้าย!!..

“อุ๊..เจ็บ”...ว่าแล้วรุ่งโรจน์ซึ่งถูกหลังมือของสุริยาตีเข้าที่หน้าก็ค่อย ๆ ละกำลังปลุกปล้ำ หลังจากนั้นก็เอนกายลงนอนหงายหายใจระรินอยู่ตรงนั้น
-------------------------------------------------------------------------

เกือบสามโมงเช้าที่สุริยาลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งซ่าซ่านปลุกให้ใจพะวักพะวงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไป ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บ แต่มันก็สามารถหยุดลูกบ้านั่นได้ ..ออกมาจากห้องน้ำเดินกลับมาที่เตียง ..เช้าวันนี้เมื่อลืมตาเจอะหน้ากันจะปั้นหน้าอย่างไร

คิดว่าเขาอาจจะทำท่างอนใส่ จึงรีบแต่งตัวออกไปจากห้อง ถ้าเขาไม่คิดอะไรหรือเมาจนจำอะไรไม่ได้ โปรแกรมวันนี้ที่วางไว้ ในตอนสาย ๆ จะออกไปดำน้ำดูปะการังกับบริษัททัวร์เล็ก ๆ บนเกาะแล้ว กลับมาก็จะยกของที่ซื้อมาไปบนภูเขาไปสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นสังฆทาน

สุริยาเดินกลับไปที่บ้านพักของสองสาว พบว่ายังสงบเงียบ นึกเป็นห่วง ด้วยไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเดินกลับไปย่านชุมชนอีกครั้ง พยายามเดินดูตามร้านอาหาร เผื่อว่าทั้งแสงทองและดาราวดีอาจจะกำลังกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน

หลังจากจัดการกับมื้อเช้าซึ่งเป็นโอวัลตินร้อน ๆ กับขนมปังปิ้งแล้ว สุริยาก็เดินทอดน่องไปตามถนนซึ่งทอดตัวสู่ยอดเขาที่สูงประมาณสี่ร้อยเมตร นึกอยากไปดูสถานที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์เจริญภาวนาสำหรับชาวต่างชาติต่างภาษา จะเป็นเหมือนกับที่เขาเคยรู้เห็นมาหรือไม่

สิ่งแรกที่ได้เห็นนั่นก็คือว่า สะอาด สงบ ผิดกับย่านชุมชนข้างล่าง ขณะสาวเท้าเข้าสู่ลานวิหารพระพุทธรูปหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวในมุมสูงได้ สุริยาก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกวักมือไหว ๆ อยู่ ณ กุฏิที่อยู่ต่ำลงไป

สุริยารีบก้าวลงไป เมื่อไปถึง ท่านขอร้องให้ช่วยกวาดใบไม้บริเวณรอบกุฏิแล้วก็ซักผ้าห่มกับปลอกหมอนที่แช่อยู่ในกะละมัง สุริยาปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่านี่คือบุญจากการช่วยเหลือขวนขวายทำให้บริเวณวัดสะอาด

ขณะทำก็ซักถามพระภิกษุวัยประมาณห้าสิบ ซึ่งสุริยาเรียกว่า “หลวงพ่อ” ถึงที่มาที่ไปของสำนักปฏิบัติและกฎระเบียบหากมีความสนใจที่จะมาปฏิบัติธรรม หลวงพ่อที่สุริยาเรียกก็มีเมตตาที่จะบอกเล่า ความเป็นมาเป็นไปด้วยน้ำเสียงขื่น ๆ ขณะนั่งมองอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวจากมุมสูง

เพียงพักเดียวเท่านั้น สุริยาก็ได้ยินเสียงท่านเปล่งอุทานออกมาว่า

“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

เมื่อสุริยาเหลือบตาไปมอง พบว่าท่าน หลับตาสงบนิ่ง สุริยาอดที่จะแปลกใจไม่ได้..จึงยืนขึ้นแล้วรีบเดินไปยืนดู ณ อ่าวเบื้องล่าง..และภาพที่สุริยาเห็นก็คือ บริเวณหาดวงพระจันทร์เจิ่งนองไปด้วยผืนน้ำสีขาวที่แทรกตัวไปทั่วบริเวณย่านชุมชน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง

สุริยางุนงงคาดไม่ออกว่ามันคืออะไร สักพักคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าหลังคารีสอร์ตก็โหมกระหน่ำซัดเข้าหาฝั่งอีกครั้ง ที่ได้เห็นกับตาคือมันสามารถกวาดพาบ้านเรือนเศษไม้ และสรรพสิ่งรวมถึงมนุษย์ที่เรียกว่า ‘คน’ กลับลงไปในทะเล

สุริยาขุนลุกเกลียวส่วนปากเปล่งอุทานออกมา พร้อมกับได้ยินเสียงหวีดร้องไปทั่วบริเวณทางขึ้นเขา ชายหนุ่มรีบผละจากตรงนั้น แล้ววิ่งกลับลงไป สวนกับผู้คนที่วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมาบนเขา

“เกิดอะไรขึ้น..”..เขาตะโกนถามเสียงดัง

“อย่าไป พ่อหนุ่ม ..คลื่นยักษ์ถล่ม..ซัดมาสองลูกแล้ว..เร็วรีบหนี..”..

สุริยายังคงวิ่งสวนลงไป ลงไป ไม่มีกลัวตาย

..แต่มีฝรั่งอีกคนดึงตัวเขาไว้

“อย่า..อย่า..ปล่อยผม ผมจะลงไปข้างล่าง..”

คนถูกดึงไว้ดิ้นรน ดื้อดึง

เขาไม่รู้ว่าฝรั่งพูดว่าอะไร รู้แต่ว่าผู้คนที่วิ่งสวนขึ้นมาเป็นตับ แทบจะเหยียบกันตาย เอาแต่ร้องไห้ พะวักพะวง

สุริยากลับมานั่งหอบอยู่ที่กุฏิแล้วมองออกไปที่หาดวงพระจันทร์อีกครั้ง..บริเวณรีสอร์ตที่ได้เห็นชุมชนร้านค้า โรงแรมที่พักร่อยหรอบางตา และภาพผู้คนที่ค่อย ๆ ทยอยพากันหนีตายขึ้นมาแล้วก็รีบไต่ขึ้นไปบนที่สูง ปลุกให้เขาได้นึกถึงอีกสามชีวิตที่คุ้นเคย

ป่านฉะนี้ เกิดอะไรขึ้น

เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แต่สุริยารู้สึกประหนึ่งว่าสองถึงสามปี เสียงร้องไห้ที่กระซี้กระซิกกับเสียงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่คิดยับยั้ง..

“น้ำทะเลยุบลงไป ตีกลับขึ้นมาอีกทีกะทันหัน..กวาดและกลืนหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งชีวิตมนุษย์สัตว์และสิ่งของลงท้องทะเล หากเป็นคนก็คงจะตาย”


“สึนามิ” เสียงกล่าวขานถึงความร้ายของมันผ่านออกจากปากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสู่คนไทยที่พอรู้ภาษาและขยายความต่อไปเรื่อย ๆ

“สึนามิ”

“สึนามิ คลื่นใต้น้ำ”

“เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทร หลังจากนั้นคลื่นใต้น้ำจะตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า ข้างล่างในตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย”

“แล้วจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าปลอดภัย”

“ไม่รู้ แต่อย่าเพิ่งลงไปเลย..อย่างไรคนที่หนีไม่พ้นไม่มีทางรอดแน่นอน ที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่แค่คนแต่มันมีสิ่งของหนัก ๆ ด้วยที่มันกวาดลงไปแล้วคิดดูเถอะว่ามันจะเป็นอย่างไร”

“ตาย”

พี่ฉันตาย น้องฉันตาย ผัวฉันหาย เมียฉันไปไหน.. ตาย และก็ตาย..

สุริยาน้ำตาไหลพราก คนที่ได้ยินก็น้ำตาไหลพราก สุริยาเดินกลับไปหาหลวงพ่อ องค์ที่ท่านช่วยให้ตนมีชีวิตอยู่รอดด้วยความทุกข์ทรมาน

“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติโยมไม่ได้ทำกรรมปาณาติบาตไว้ ย่อมแคล้วคลาด..”

“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผมด้วย ทำไม..ปล่อยให้พวกเขาตาย..”

“อาตมาไม่ได้ช่วยใคร ใครก็ช่วยใครไม่ได้ นอกจากตนจะช่วยตนเอง”

ในเวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็น มีเฮลิคอปเตอร์ส่งอาหารน้ำดื่มและยารักษาโรคลงมาทางอากาศพร้อมกับข้อมูลที่แน่ชัด ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร ผู้คนที่รอดตายพากันแก่งแย่งอาหารและน้ำมาเป็นของตน สุริยามองภาพเหล่านั้นอย่างไร้ความรู้สึกที่จะร่วมเข้าไปแก่งแย่ง หลังจากนั้นสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะหลบน้ำหนีขึ้นมาบนนี้ได้ แต่สิ่งที่สุริยาได้เห็นก็คือ คนที่เดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงด้วยเหตุแห่งการพลัดพรากมีมากมาย

เดินไปจนทั่วเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ไร้เงาคนที่คิดว่าน่าจะได้ขึ้นมา
สุริยาจ้องมองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า

แล้วก็ตัดสินใจเดินลงจากเขา

ตายก็ตายด้วยกัน..ตายด้วยกัน..เราจะไปอยู่ด้วยกัน..
‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าข้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า
ข้าจะตามหาเพื่อน และหัวใจของข้า ..เจ้าข้าเอ๋ย..เจ้าข้าเอ๋ย’

ยิ่งนึกถึงบทโศลกที่แสงทองเขียนไว้ สุริยาก็ยิ่งหักห้ามใจไว้ไม่อยู่..เขาเดินฝ่าฝูงชนลงจากเขา กลับไปในที่ ที่คิดว่าต้องเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตที่เขาได้พัก..ด้วยรีสอร์ตนั้นอยู่ตรงเชิงเขา เมื่อลงมาถึงจึงได้พบเพียงความว่างเปล่า กระท่อมที่ทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ถูกน้ำกลืนหายไปหลายสิบหลัง..แล้วคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ในนั้นจะเป็นอย่างไร หัวใจของเขาจะเป็นอย่างไร

“คุณรุ่ง..ทำไมผมไม่ปลุกคุณให้มากับผมด้วย ทำไม ผมถึงได้ปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ ผมจะกลับไปบอกกับพ่อแม่ของคุณอย่างไร..แสงทอง เธออยู่ที่ไหน..เธอยังไม่ตายใช่ไหม..แสงทอง..เธอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินอยู่ตรงไหน..เธอพาคุณดี้ไปไหน คุณดี้พาเธอไปไหน”

สุริยารู้สึกว่าโลกที่เป็นสีฟ้าในเมื่อวาน เป็นสีดำทะมึนไปทั่วบริเวณ
-------------------------------------------------------------------------


แล้วค่ำคืนนั้นหน่วยกู้ภัยก็พากันมารื้อค้นซากปรักหักพัก เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บซากศพของมนุษย์ผู้มาแสวงหาความสุขจากธรรมชาติ ข่าวจากแผ่นดินใหญ่ส่งมาว่า ประเทศไทยถูกผลกระทบนี้ถึงหกจังหวัด ตั้งแต่กระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง ตรัง และสตูล นอกจากนั้น ยังมีอินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซียและประเทศในทวีปแอฟริกาบางประเทศถูกคลื่นยักษ์จากผลต่อเนื่องของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ฆ่าผู้คนอันบริสุทธิ์เป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนคน

หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงพระจันทร์สาดส่องทำหน้าที่ สุริยาเดินกลับมาที่หน้ากุฏิหลวงพ่อด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง และบริเวณนั้นใช่ว่าจะมีแต่ตนเพียงคนเดียว ยังมีเด็กและสตรีเพศที่อ่อนแอกว่าตนเองมาพึ่งใบบุญหลวงพ่อเช่นกัน

ดังนั้นสุริยาจึงค่อย ๆ เดินเลี่ยงไปนั่งซบกับผนังวิหารซึ่งมองเห็นดวงพระจันทร์ในเงาสลัว นึกถึงคนสามคนที่หายลับ แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา จนกระทั่งม่อยหลับไป

มารู้สึกตัวเองอีกทีเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย

“คุณยะ..” เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพบว่า รุ่งโรจน์นั่งยิ้มเผล่อยู่ใกล้ ๆ เขาผวาจะเข้าไปกอด แล้วภาพของรุ่งโรจน์ก็หายวับ ประหนึ่งกำลังเล่นซ่อนหา มองอีกทีเห็นเขายืนหน้าเศร้ามีสายตาตัดพ้ออยู่ไกล ๆ

“คุณจะเสียใจไปทำไม ก็คุณไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ผมไม่ใช่หรือ ตอนนี้ ผมจะหนีคุณไปไกลแสนไกลแล้วนะ คุณบอกผมสักคำเถอะว่าคุณรักผมบ้างไหม บอกผมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”

ดวงใจของสุริยาแทบแตกสลาย

“ผมรักคุณ คุณรุ่ง ผมรักคุณก่อนที่ผมจะเจอคุณที่ปางจันทร์เสียอีก ผมรักคุณตั้งแต่เห็นคุณบนกระดาษแล้วคุณรู้ไหม” คนพูดมีน้ำตาอาบแก้ม

รุ่งโรจน์ยิ้มให้นิดนึ่งก่อนจะลับหาย สุริยาสะดุ้งตื่นมีน้ำตานองหน้าและพบว่าหลวงพ่อยืนมองอยู่ใกล้ ๆ

“เสียใจแล้วยังต้องเสียน้ำตา ได้ประโยชน์อะไร ตั้งสติให้ดี ๆ ซิโยม เอ้า อาหารกินซะหน่อยจะได้มีแรงสู้ชีวิต”

“แต่ผมกลืนไม่ลงครับหลวงพ่อ ผมไม่หิว”

“แต่โยมต้องกิน กายมันคนละส่วนกับจิตก็จริง แต่ถ้าโยมยังไม่ตาย มันต้องไปด้วยกัน”

“ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผม ทำไมปล่อยให้พวกเขาตาย”

หลวงพ่อไม่ตอบ วางขนมกรุบกรอบไว้ให้ แล้วก็เดินผ่านกลุ่มคนขึ้นกุฏิปิดประตู สุริยามองขนมในมือแล้วนึกถึงบุญที่ได้ทำไว้ เพราะมันเป็นขนมชนิดเดียวกับที่ได้ซื้อใส่บาตรที่ภูเก็ต มันมาถึงนี่เลยรึ..บุญมันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยรึ แล้วคนที่ตายไปจะเป็นอย่างไร จะรู้ตัวไหมว่าตายแล้ว อีกสามวันซินะจึงจะรู้ตัวว่าตาย..ตอนนี้เขาคงจะมึนงง นึกอะไรไม่ออก ทำไมหนอ ทำไมตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ให้รุ่งโรจน์และแสงทองได้ฟังไว้จนฝังในดวงจิต

“ถ้ารู้ว่าตัวเองตาย ให้ตั้งสติให้ดี..ให้นึกถึงบุญ นึกถึงพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจ อย่าทำให้ใจเศร้าหมอง แล้ววิญญาณก็จะเป็นทิพย์เบาสบาย ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์เสวยสุขในทิพยวิมาน”


เขาทั้งสองคนจะตายด้วยจิตแบบไหน รู้สึกตัวหรือว่าหลับสบายหายไปกับสายน้ำ

แล้วสุริยาก็นั่งพนมมือไปทางวิหารหลังเล็กตั้งจิตนึกถึงองค์พระภายใน แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเย็นเบา ๆ จิตเมื่อมันอ่อนแอจะต้องหาที่พึ่ง จะต้องหาบุญน้อมอุทิศให้ พรุ่งนี้หรอก เขาจะออกตามหา ถ้าไม่เห็นเป็น ๆ ขอให้เห็นศพตอนตายก็ยังดี


และพระอาทิตย์ในเช้าวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2547 เป็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตสวยจนสุริยาต้องประทับอยู่ในห้วงความทรงจำมิรู้ลืม

เมื่อมีแสงสว่าง คนส่วนใหญ่ก็รีบลงจากเขาเพื่อตามหาคนที่หายไป

ภาพศพที่เรียงรายห่อด้วยผ้าขาว ทำให้ผู้คนมากมายเดินเปิดหน้าค้นหาบุคคลอันเป็นที่รัก

เมื่อได้เจอะ บางคนก็สลบล้มลง เมื่อยังไม่ใช่ ก็มีน้ำหูน้ำตาตะเวนหาไปเรื่อย ๆ

สุริยาเองก็เป็นเช่นนั้น เขานึกถึงรูปพรรณสัณฐาน นึกถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับขณะสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว แต่ก็ไร้ร่องรอย

สุริยากวาดสายตาไปท่ามกลางทะเลสีฟ้าครามที่เงียบสงบดังวันวาน หยิกแขนตัวเองดูหลายรอบจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ซากปรักหักพังและโคลนตมที่เบื้องหน้าไม่ได้เกิดจากอาวุธสงครามจากมนุษย์ แต่มันเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ มอบให้กับคนที่กำลังมีความสุขที่สุดเสียด้วยซิ ทำไมใจร้ายนัก

ทำไม!!!

เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกและตั้งสติได้ สุริยาก็เที่ยวตามหาไปในที่ต่าง ๆ ไม่พบรุ่งโรจน์ก็หวังจะพบดาราวดีกับแสงทอง พวกเธอน่าจะรอดปลอดภัยเหมือนตน..

พระอาทิตย์วันนั้นเดินทางเร็วเหลือเกิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกว่า ๆ สุริยาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใคร ๆ เขากลับไปที่บริเวณรีสอร์ตที่พักอีกรอบ แล้วก็รีบขึ้นไปตามไหล่เขา หวังว่าจะพบ หวังว่าจะได้ยินเสียง

แต่มันก็ว่างเปล่า..

สุริยาเดินกลับไปที่วิหาร..นั่งคุกเข่าต่อหน้าองค์พระปฏิมา..ตั้งจิตระลึกนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาและที่จะต้องทำต่อไป..

“หากว่าลูกได้พบคนทั้งสามไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ลูกจะบวชถวายชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนา..”

เมื่อกล่าวจบ เสียงกระดิ่งลูกเล็ก ๆ รอบเชิงชายก็ดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ จนสุริยาขนลุกเกลียว เย็นวะวาบไปทั้งตัว

และเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบหลวงพ่อยืนยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก..

“ไปเถอะ ไปตามหาพวกเขาเถอะ แล้วอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ..”

“หลวงพ่อ..”

สุริยาก้มกราบที่แทบเท้า ปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน


เมื่อลงจากภูเขาสุริยาก็ตรงไปที่หน่วยแจ้งชื่อผู้รอดชีวิตและชื่อผู้เสียชีวิต เขาไปขอเจ้าหน้าที่ค้นดู..จึงได้พบ..ชื่อของคนทั้งสามคน ยังอยู่ ยังมีลมหายใจ..สุริยาขนลุกเกลียว..รู้สึกว่าโลกหมุนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ..ตัวเขาจะเป็นอย่างเดิมไม่ได้เสียแล้ว..เกิดอะไรขึ้น..

เขาแทบจะวิ่งจากจุดนั้นไปที่ท่าเรือเลยทีเดียว..เมื่อไปถึงเห็นผู้คนที่กำลังยืนต่อคิวแบบเบียดเสียดที่จะลงเรือ ทำให้เขาหยุดเท้าชะงัก และหลังพุ่มไม้ที่บังตัวเขานั้น สุริยาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของคนที่รักเขามากมาย รักตั้งแต่แรกเจอก็ว่าได้

“ไม่จริง พี่ยายังไม่ตาย พี่รุ่งบอกหนูซิว่าพี่ยายังไม่ตาย”

“ถ้าไม่ตายเราต้องหาเขาเจอะแล้วแสงทอง”

“ใช่..เราต้องหาเขาเจอะแล้วซิ เราพากันเดินจนทั่วทั้งภูเขา ทั้งตรงที่บ้านพัก เราไม่เห็นเขาเลยนะแสงทอง” เป็นเสียงสะอื้นเล็กน้อยของดาราวดี

“ไม่จริง หนูจะกลับไปหาอีกรอบ ถ้าไม่เห็นศพ อย่างไร หนูก็ยังไม่กลับเขาฝั่ง หนูจะบอกกับพี่สมใจ กับป้าและแม่พี่ยาว่าอย่างไร หนูต้องพาเขากลับบ้าน เพราะเขามากับเรา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ หนูไม่ยอม หนูรักพี่ยา พี่รุ่งไม่รักพี่ยาหรือ?”

เมื่อได้ฟังคำแสงทอง น้ำตารุ่งโรจน์ไหลพราก ๆ

“แสงทอง ..เธอต้องเข้มแข็งนะ” เสียงรุ่งโรจน์สั่นเครือด้วยพยายามกลั้นความรู้สึกเสียใจ

สุริยานั่งสั่นงัก ๆ ฟังความอยู่ตรงอีกฝั่งของพุ่มไม้ คาดคะเนได้ว่าหากเขาปรากฏตัวอะไรจะเกิด ประมวลหลาย ๆ เรื่อง และเหตุการณ์ในคืนวันนั้น

หากไม่มีเขาเสียได้ ทุกอย่างคงจะจบลงอย่างสวยงาม

“งั้นเราไปหาด้วยกันอีกรอบ ถ้าไม่เจอะเขา เราก็จะอยู่ที่นี่ อยู่จนกว่าจะพบเขา..ไป๊”..แล้วรุ่งโรจน์ก็ดึงมือแสงทองให้ลุกขึ้นก้าวเดินไปในทางที่เขาเพิ่งกลับมา ดาราวดีเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอีกคน

สุริยามองฝูงชนที่เข้าคิวขึ้นเรือที่มารับกลับแผ่นดินใหญ่ แม้มันจะแน่นขนัดแต่เขาก็จำเป็นต้องไปเรือเที่ยวนี้เสียด้วย

-------------------------------------------------------------------------
[img]http://www.bloggang.com/data/julamanee/picture/1305123919.jpg[/img]
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน

[color=purple][b]สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com[/b][/color]

เสียงค้อนกระทบไม้เสียงของหนักถูกกระทุ้งลงดินดังก้องไปทั่วหุบเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนแถบนั้นรู้สึกรำคาญใจเลยสักนิด..เพราะรู้ว่า หลังความวุ่นวายจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น..

‘พระเจดีย์ศรีปางจันทร์’ อนุสรณ์แห่งความรัก ของหนุ่มไฮโซคนหนึ่งถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งจากไป..ข่าวเล็ก ๆ เป็นที่โจษขานตั้งแต่หนุ่มไฮโซมาขอเป็นประธานก่อสร้าง

พระภิกษุหนุ่มยืนมองยอดเขาลูกเล็กหลังวัดปางจันทร์ จากธรรมสถานซึ่งอยู่คนละฝั่งของหุบเขา ท่านยกมือพนมอนุโมทนา..กุศลศรัทธาที่รุ่งโรจน์ดำริไว้ และทุกค่ำเช้าท่านก็จะสวดมนต์ส่งใจช่วยให้ สิ่งอัศจรรย์นั้นปักหลักลงได้อย่างไร้อุปสรรค..ไม่มีมารมาขวางกั้น…ให้หน้าที่ฝ่ายฆราวาสสำเร็จลุล่วง ส่วนหน้าที่ทางธรรม จะพยายามหาวิธีเข้าไปช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นดูแลเมื่อองค์พระธาตุเสร็จสิ้น

“โยมแอบติดหนังสือใส่กระเป๋ามาด้วย..ทำอย่างไรดีเจ้าคะ..”

“ฝากไว้ก่อนโยม วันกลับค่อยมารับคืน”

โยมผู้หญิงส่งหนังสือแบบนิตยสารรายปักษ์ต้องห้ามไว้บนโต๊ะ แล้วหลีกออกไป พระภิกษุที่รับไว้ เห็นหน้าปกก็อดใจไม่ได้ ด้วยคำโปรยเขียนไว้

หนึ่งปีที่เปลี่ยนไป หลังสึนามิ ของรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์
เนื้อหาใจความมีว่า..

- หนึ่งปีเร็วไหมค่ะ
-รุ่งโรจน์ สำหรับคนอื่นอ่านจะเร็วแต่ผมรู้สึกว่ามันช้า เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันยังเป็นฝันร้ายที่ยังไม่ลืมเลยทีเดียว..

-สูญเสียใครไปบ้างค่ะ?
-เพื่อนครับ เพื่อนรัก ..ผมรักเขามาก..เขาก็คงรักผมมาก..เขาไม่เคยบอกผมหรอกครับว่ารักผม แต่เขารู้ว่าผมรักเขา

-เพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะเป็นที่มาของการสร้างพระธาตุเจดีย์มีรูปหัวใจติดอยู่ที่ฐานล่าง..
-อยากให้เป็นพิเศษกว่าเจดีย์ที่อื่นน่ะครับ อยากให้คนที่มีหัวใจรักดั้นด้นไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็นิดนึงตามประสาคนที่ยังกิเลสหนา อยากให้คนที่ไปได้รู้ว่า ควรที่จะบอกรักกันมาก ๆ ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่..ถ้าโกรธกันจะได้ให้อภัยแก่กัน..

-ทำไมไปสร้างถึงปางจันทร์คะ
-เราพบกันที่นั่นครับ..ผมไปเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ เขาช่วยผมไว้..แต่ในวันที่เขาเจ็บปวด ผมไม่ได้แม้แต่ศพเขากลับมาบำเพ็ญกุศล ผมรู้สึกติดค้างบุญคุณเขาอยู่นะครับ

-เร็วไปไหมคะ ที่เข้าวัดเข้าวาเมื่ออายุเท่านี้?
-อายุ 28 ไม่เร็วหรอกครับ ช้าไปด้วยซ้ำ ถ้าผมเข้าวัดปฏิบัติธรรมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ มันคงจะดีกว่านี้..

-ดีอย่างไร?
-ผมคงร้องไห้ไม่นาน ผมไม่เคยพิจารณาถึงความไม่เที่ยงแห่งสรรพสิ่งเลย ผมคิดแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของเราและอยู่กับเราไปตราบนานเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่คนที่เรารักและรักเรา แต่สุดท้าย..เมื่อสูญเสีย เห็นการสูญเสีย เห็นการพลัดพราก ทั้งจากตัวผมเองและคนอื่น ผมจึงได้รู้ว่า ความไม่เที่ยงมันเป็นอย่างไร..

-ยกเลิกการแต่งงานไปเสียแล้ว มีกำหนดใหม่ไหมคะ
-คงยังไม่มีในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังคบหากันในฐานะเพื่อน แต่จะให้เป็นไปมากกว่านี้ ในตอนนี้คงยังไม่ใช่..และผมก็ไม่ได้ห้ามหวงหากเขาจะไปคบหาใคร..

-พูดเหมือนปลง
-ถ้าคุณได้วิ่งหนีคลื่นยักษ์กับผม ถ้าคุณได้วิ่งตามหาคนที่รู้ใจท่ามกลางซากปรักหักพัง บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์เบื่อการมีชีวิตคู่ก็ได้..

-แล้วปัจจุบันทำงานอะไร?
-ที่เห็น ๆ กันก็รายการทีวี เที่ยวเมืองไทยไปไหว้พระ กับจัดทัวร์อยู่ครับ เกี่ยวเนื่องกัน ทัวร์ของผมเน้นไหว้พระธาตุเจดีย์ เน้นให้สมาชิกลูกทัวร์รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วก็แนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรม รวมกลุ่มกันทำบุญทำกุศล กึ่งทัวร์กึ่งชมรม..

-ได้ข่าวว่าราคาถูกมาก
-ไม่ได้เน้นกำไรมากมาย แต่เน้นที่จิตใจของผู้ที่ร่วมเดินทาง อยากเห็นครับ อยากเห็นคนมีความสุขกับการเป็นผู้รักบุญ..เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในตอนนี้ปีนี้มีผู้ปลดเกษียณจากงานไปกับเราเยอะ ปีหน้าจะเปิดตลาดไปที่ชาวต่างชาติ และจับกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นต่อไป เพราะมันยากยิ่ง ๆ ขึ้น..

-ทุ่มเทให้กับงานทัวร์มาก ๆ คุณแม่ไม่ว่าอย่างไรหรือคะ?
-คุณแม่ผมบอกว่า กลับมาได้คราวนี้อยากได้อยากทำอะไรเชิญตามสบายเลย ผมจึงเป็นอย่างที่ผมเป็นได้ในวันนี้..คุณแม่เองก็ผ่านกระบวนการต้องทำใจอยู่เหมือนกัน ท่านบอกว่าเหมือนของที่หลุดจากมือไปแล้ว แล้วได้คืนมา ตอนนี้ถ้ามีเวลา อ้อ..ต้องหาเวลาไปเข้าคอร์สถือศีลนั่งสมาธิ ออกมาจากวัดก็ทำงานเกื้อกูลกับผู้คนที่ยังเห็น ๆ หน้ากัน

-ได้ข่าวว่าบนทัวร์มีเกมส์ประหยัดเพื่ออาหารเด็กยากไร้..มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
-สมัยที่ขับรถเที่ยวกันนะครับ ก็เล่น ๆ กัน ตั้งงบค่าที่พักค่าโรงแรมค่าอาหารไว้ ว่าจริง ๆ ต้องจ่ายมื้อละ สมมุติ 100 บาท ..นี่เราตัดใจว่าต้องจ่ายเหมือนเงินมันต้องไปจากเราแน่นอน เราอิ่มหนึ่งมื้อ 100 แต่ถ้าเราอิ่ม 1 มื้อ แค่ 50 บาทได้ ที่เหลือเราจะเอาไปที่ไหน ถ้าเราเอาไปซื้อของก็ได้ของ แต่นี่เราแค่ตั้งใจเอาไปทำบุญก็ตัดใจโดยไม่ต้องคิดมากก่อนทำบุญ เที่ยวสนุกมากขึ้น..ลองเล่นดูนะครับ

-เป็นไฮโซที่ติดดินมาก..
-ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่รู้สึกว่าเราจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นไปเพื่ออะไร และถ้าไม่ประหยัดก็คงไม่มีเงินทำบุญทีละเยอะ ๆ ได้หรอกครับ กินแค่อิ่ม นอนแค่หลับ เน้นแค่สะอาด มีสารอาหารครบ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ถึงกับเจหรือมังสวิรัติหรอกครับ กลาง ๆ

-แล้วระหว่าง สงเคราะห์เด็กกับสร้างเจดีย์ ทำไมไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง..
-สมบัติของแผ่นดินครับ คนสร้างวัตถุ วัตถุสร้างคน ตัวผมเอง ถ้าบอกว่าเปลี่ยนตัวเองได้ ก็ด้วยคนคนหนึ่งที่เขาชอบพาคนไปไหว้เจดีย์ ไปกันบ่อย ๆ ...แล้วพุทธิปัญญามันก็เกิดขึ้นเอง ส่วนอารมณ์ที่จะมาสงเคราะห์โลก สงเคราะห์คนยากไร้มันมาทีหลัง แต่ผมนึกถึงบุญคุณของเจดีย์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์บูชาคุณของพระศาสนา และอีกอย่างที่ปางจันทร์มีรอยพระบาทอยู่บนยอดเขาซึ่งทางการยังไม่สนับสนุนให้เป็นที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าคนไปไหว้พระธาตุศรีปางจันทร์กันเยอะ ๆ ต่อไปอาจจะเปิดให้ขึ้นไปสักการะรอยพระบาทด้วย ทีนี้คนไปที่นั่นก็จะได้ทั้งสองอย่าง พระธาตุแห่งความรักและพิสูจน์รักแท้กับภูสุดยอด..

-มีแนวโน้มจะบวชไหมคะ..
-มี อาจจะหลังพระธาตุเจดีย์เสร็จ..

-สุดท้ายฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างคะ?
-ชีวิตคนเราเอาแน่อะไรไม่ได้ ตายกับอยู่ อยู่ใกล้ ๆ กัน หมั่นทำบุญกุศลคุณงามความดีไว้ ตายไปแม้ไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้ แต่ตัวเราจะเป็นอนุสาวรีย์อยู่ในใจคนอื่น ๆ ได้..ถ้ามีโอกาสผ่านต้องเรียกว่าแวะซิ เข้าไปปางจันทร์นะครับ อย่าลืมที่จะไปไหว้พระธาตุ เวียนเทียนระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่นั่น..และที่สำคัญถ้าไปกับคนที่คุณรัก ขอให้บอกรักเขาที่นั่น และก็ให้สัญญาต่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่ของคุณก็จะเจริญรุ่งเรือง..

พระสุริยาถอนหายใจออกมา ปิดหนังสือ แล้วก็เช็ดน้ำตาที่ไหลคลอหน่วยตา..
หนึ่งปีที่จากกันมา รู้แล้วว่า หนทางพระนิพพานของตนคงอีกยาวไกล..
(จบบริบูรณ์)
30/3/2549 02.08น. เรือนจิตรา

หนังสือนวนิยาย อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน

สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com

ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2554, 10:48:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2554, 10:50:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2735





<< 29.   
จุฬามณีเฟื่องนคร 9 มิ.ย. 2554, 10:51:46 น.
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน

สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon@hotmail.com

ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ


panon 9 มิ.ย. 2554, 11:59:12 น.
สาธุค่ะ..//..............ได้ความรู้มากมาย


wane 9 มิ.ย. 2554, 12:52:40 น.
เศร้าจัง ...แต่ก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน ...ขอให้หนังสือขายดีนะค่ะ


sri 9 มิ.ย. 2554, 15:47:48 น.
เฮ้อ บุญทำกรรมแต่ง


wane 9 มิ.ย. 2554, 21:19:18 น.
คิดมาก เลยต้องกลับมาเม้นต์อีกรอบ ในความเป็นจริงไม่อยากให้จบแบบนี้เลยทั้งรุ่งโรจน์และสุริยาต้องอยู่อย่างเป็นทุกข์ ,ทำไมคนเราต้องเลือกที่จะทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่เรารักด้วย เหมือนสุริยาจะเสียสละแต่จริงๆ เค้ากลายเป็นคนใจร้ายนะ ใจร้ายทั้งกับตัวเองและกับคนที่เค้ารักและรักเค้า และในแง่พระพุทธศาสนาสุริยาสามารถบวชได้จริงๆ เหรอ ไรเตอร์แก้ตอนจบได้มั๊ยค่ะ มันเศร้ามากๆ จริงๆ


จุฬามณีเฟื่องนคร 10 มิ.ย. 2554, 02:08:53 น.
เหตุผลที่สุริยาต้องไปเงียบ ๆ เพราะเขารู้ว่า รุ่งโรจน์รักเขามาก ถึงบวชแก้บน (ไม่สึก) รุ่งโรจน์ก็อาจจะตามไป สู้เหมือนตายจาก...และทั้งนี้ทั้งหมด สิ่งที่สุิริยาเป็น..


จุฬามณีเฟื่องนคร 10 มิ.ย. 2554, 02:10:00 น.
มันมาอยู่ในตัวรุ่งโรจน์ครับ..ศาสนาพุทธ สุริยาบวชได้ครับ คนบวชไม่ได้คือบัณเฑาะว์ กระเทยแบบหญิงไปเลยครับ..


wane 10 มิ.ย. 2554, 07:08:05 น.
ขอบคุณไรเตอร์ที่ให้ความรู้สำหรับเรื่องคนที่บวชได้นะค่ะ แต่ก็อยากให้เปลี่ยนตอนจบจริงๆ ชีวิตคนเราสั้นจะตายไป การได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นอะไรที่ดีสุดนะค่ะ


space 10 มิ.ย. 2554, 07:55:31 น.
คิดเหมือนกับน่ะค่ะว่า ถึงบวชได้ แต่ไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจ มันเหมือนการถูกบังคับกลายๆๆ เนื่องจากสุริยา ได้จากไป (ตายจากในความรู้สึกรุ่งโรจน์)
สุริยา - ถึงใจจะศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ ซึ่งในมุมมอง น่าจะพอบวชได้ เนื่องจากมีพื้นเพมาตั้งแต่เยาว์วัย คงอยากจะขัดเกลาใจตัวเอง
รุ่งโรจน์ - บวชเพราะหมดสิ้นคนรัก ใจเป็นพะวง ตัดกิเลสไม่ขาด บวชแล้วไม่ดีต่อตนเอง

พอดีเคยมีเพื่อนที่บวชตั้งแต่เล็ก แล้วสึกมาตอนเรียนต่อมหาลัย เคยได้นั่งคุยกัน เค้าก็บอกตรงๆๆ ว่าที่สึก เพราะยังมีกิเลส ใจรักพระพุทธศาสนา แต่อยากลองทางโลกด้วย เพื่อเป็นการรักษาศาสนา เลยต้องสึก เพราะใจไม่บริสุทธิ์
(ความเห็นส่วนตัวน่ะค่ะ)

แต่ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกัน ให้แง่คิดในการทำงาน การคบเพื่อน และทางอารมณ์

ขอบคุณจริงๆๆค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆๆๆ ออกมาให้ได้อ่าน


Sansanook 10 มิ.ย. 2554, 10:57:10 น.
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆอีกเรื่องนะค่ะ

มันทำให้เห็นว่า คนเราไม่ว่าจะห่มผ้าเหลืองหรือยังเป็นฆราวาสก็โน้มนำศาสนาเข้ามาสู่ใจได้เหมือนกัน ตอนท้ายๆที่สุริยารู้ตัวว่าหน นิพพาน ของตนยังอีกยาวไกล อดคิดถึงคำสอนท่านพุทธทาสไม่ได้ว่า "นิพพานแปลว่าเย็น" มันต้องเย็นข้างในใจจริงๆเนาะ


หมูบิน 10 มิ.ย. 2554, 20:09:29 น.
ขอบคุณคุณเฟื่องมากคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account