หัวใจที่ปลายฟ้า
หญิงสาวคนหนึ่งข้ามฟ้ามาตามหารักนิรันดร์ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาแห่งรัก แต่ยิ่งนานวัน ความเชื่อมั่นและศรัทธาก็ยิ่งสั่นคลอนเพราะเขาคนนั้นช่างไม่ชัดเจนเอาเสียเลย
หรือบางทีอาจไม่ใช่เขาที่ไม่ชัดเจน อาจเป็นเธอเองก็ได้ ที่ไม่ยอมมองให้ชัดๆว่าในแววตาคู่นั้นซ่อนรักเอาไว้หรือเปล่า

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1

“เลิกเพ้อเถอะแจน นี่มันความจริงนะ ไม่ใช่นิยายที่น้องชอบอ่าน”
“แล้วถ้าแจนพิสูจน์ได้ล่ะคะว่าของแบบนี้มันไม่ได้มีอยู่แค่ในนิยาย แจนขอเวลาแด๊ดกับพี่เจสามปีค่ะ แจนจะพิสูจน์ให้ดู”
“ได้ แด๊ดจะให้เวลาเราสามปี แต่แด๊ดเชื่อว่าแจนจะกลับมาพร้อมความเจ็บปวด บนโลกนี้ไม่มีความรักอยู่จริงหรอก”

บนโลกนี้ไม่มีความรักอยู่จริงหรอก...
บนโลกนี้ไม่มีความรักอยู่จริงหรอก...
บนโลกนี้ไม่มีความรักอยู่จริงหรอก...
แจนจะกลับมาพร้อมความเจ็บปวด...
เจนนิเฟอร์สะดุ้งตื่นขึ้น ฝัน... ไม่ใช่สิ นั่นไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวค่อยๆยันกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มือเรียวบอบบางยกลูบหน้าราวกับจะไล่เรื่องจริงที่เธอเก็บไปฝันให้ออกจากความคิดไป พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับตัวเลขบนนาฬิกาดิจิตอล 2013 จะสามปีแล้วสินะ เวลาผ่านไปเร็วราวโกหก แจนจะกลับมาพร้อมความเจ็บปวด... ประโยคเดิมๆตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง หญิงสาวหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เจ็บปวดงั้นหรือ เธอไม่แน่ใจหรอกว่าตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่หรือเปล่า รู้แต่ว่าเธอกำลังกลัว ไม่ใช่ เธอไม่ได้กลัวความผิดหวัง เธอกลัวความไม่ชัดเจนต่างหาก บางทีถ้าเขาพูดออกมาว่าไม่รักมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

แจนทำขนมมาฝากค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ อย่าลืมพักผ่อนนะคะ
รัก
แจน
เจนนิเฟอร์บรรจงแปะโพสอิทสีหวานบนบานประตูไม้สักของห้องชุดห้องหนึ่งในคอนโดหรูใจกลางกรุง หญิงสาวจ้องลายมือที่บรรจงเขียนของตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา พี่อชิไปไหนแต่เช้านะ
แน่ล่ะ เธอรู้ว่าอชิระไม่อยู่บนห้องก่อนที่จะขึ้นมาบนนี้เสียอีก พิชญา พนักงานต้อนรับคนสวยที่คุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีบอกหลังทักทายกันเหมือนเช่นทุกวัน แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ เธอทำขนมมาแล้วนี่ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะกลับมาวันนี้หรือเปล่า เธอก็ตัดสินใจจะแขวนขนมไว้หน้าประตูห้องเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอไม่กล้าโทรถามเขาหรอกว่าไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ หนึ่ง เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาไปมากกว่าคนที่รู้จักกันมาเกือบจะสามปี สอง เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมา ก็เธอมาหาเขาทุกเช้าเลยนี่ แต่เขาก็ไม่ได้โทรบอกเธอว่าเขาจะไม่อยู่ เรื่องนี้มองได้สองมุม บางทีเขาอาจจะมีธุระสำคัญเลยรีบมาก หรือไม่ก็อาจจะเป็นเธอเองนั่นแหละที่ไม่มีความสำคัญพอ แน่นอนเธอเลือกที่จะเชื่ออย่างแรก ก็มันทำให้เธอสบายใจกว่านี่

เกือบสามปีแล้วที่เธอกับอชิระรู้จักกัน เธอและเขาเจอกันครั้งแรกในงานแต่งงานของคู่รักที่บัดนี้เธอก็ยังไม่รู้จัก ตอนนั้นเธอเพิ่งมาถึงเมืองไทยใหม่ๆ อันที่จริงคนรู้จักของเธอที่อยู่ที่นี่ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ สุธากร เพื่อนที่เธอรู้จักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เลือกที่นี่เพราะสุธากร แต่เพราะแม่... ที่นี่เป็นที่ที่แม่เกิดและเติบโต บ้านเกิดของแม่ เจนนิเฟอร์ยังจำวินาทีแรกที่เธอและอชิระสบตากันได้ดี โลกของเธอราวกับหยุดหมุน มีเสียงกระซิบเบาๆจากหัวใจ นี่แหละเจ้าชายของเธอ แต่ตอนนั้นเธอคงลืมคิดไป ในตอนนั้น โลกของเขาอาจไม่ได้หยุดหมุน และเธออาจไม่ใช่เจ้าหญิงของเขา
‘สวัสดีครับ พี่อชิ มาคนเดียวหรอครับ’ คนข้างกายของเธอทักทายผู้ชายแปลกหน้าที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอย่างสนิทสนม
‘อื้ม ก็ยังหาคนรู้ใจไม่ได้นี่’ ผู้ชายคนนั้นตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเบนสายตามาหาเธอ แล้วกลับไปมองสุธากรอีกครั้ง ในแววตาฉายแววล้อเลียน
‘นี่เจนนิเฟอร์ครับ เพื่อนผมเอง เพิ่งมาจากอังกฤษ เห็นนั่งเหงาๆเลยชวนมางานด้วยกัน ไม่ใช่คนรู้ใจอะไรหรอกครับ แจน นี่พี่อชิระ รุ่นพี่สมัยมัธยมของเราเอง’ สุธากรแก้ความเข้าใจผิดก่อนจะหันมาแนะนำอชิระกับเธอ
‘สวัสดีค่ะ เจนนิเฟอร์ค่ะ เรียกแจนเฉย ๆ ก็ได้’ เจนนิเฟอร์แนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มที่พยายามบังคับไม่ให้แฝงควงามยินดีที่มากเกินควร
‘สวัสดีครับ อชิระครับ เรียกว่าพี่อชิก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยนะครับ น้องแจน’ นั่นแหละ จบประโยคนั้นของ'พี่อชิ' หัวใจของหญิงสาวก็ลอยไปอยู่กับเขาด้วยความยินดีและเต็มใจแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินดีต้อนรับหัวใจของเธอก็ตาม

ขอบคุณสำหรับขนมนะครับแจน ฉันอ่านข้อความนั้นจากหน้าจอโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงแม้จะไม่มีคำชื่นชมเป็นต้นว่า ขนมอร่อยมากเลยครับ แต่แค่อชิระได้รับมัน แค่นั้นเธอก็ปลาบปลื้มแล้ว หญิงสาวหยิบที่คั่นหนังสือสีหวานมาคั่นหน้าของหนังสือต้นฉบับที่เธอกำลังแปล แล้วเริ่มพิมข้อความตอบชายหนุ่มในดวงใจ
ไม่เป็นไรค่ะพี่อชิ ทานเยอะๆนะคะ อย่าทำงานหนักนะคะ พักผ่อนบ้าง แจนเป็นห่วง แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแจนไปหานะคะ รัก แจน เจนนิเฟอร์อ่านทวนข้อความอีกทีก่อนจะกดส่ง ยังไม่ทันที่เธอจะวางโทรศัพท์ลง ก็มีข้อความตอบกลับมา ครับ แค่นั้นแหละ คำตอบของอชิระ แต่เธอก็ชินเสียแล้วล่ะ อชิระก็เป็นแบบนี้ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ติดจะยิ้มเสียมากกว่า แม้แต่ตอนนั้น ตอนที่เธอรวบรวมความกล้าสารภาพรักกับเขา สิ่งที่เธอได้รับไม่ใช่คำปฏิเสธ แต่ก็ไม่ใช่คำตอบรับเช่นกัน ครับ เขาตอบกลับสั้นๆเพียงเท่านี้พร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอไม่รู้จะแปลความหมายคำว่าครับและรอยยิ้มของเขาว่ายังไงดี แต่เมื่อเขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอจึงได้แต่ปล่อยให้คำตอบของความรักของเธอหลงอยู่ในม่านหมอกแห่งความไม่ชัดเจนต่อไป
ตอนแรกเธอก็แค่คิดว่ามันดีกว่าที่เขาจะปฏิเสธเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคิดผิด เธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเธอทนอยู่บนความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนี่มาเป็นปีได้อย่างไรโดยขาดใจไปเสียก่อน เธอเริ่มอยากได้ความชัดเจน จะเป็นคำว่า ไม่รัก ก็ได้ มันอาจจะทำร้ายเธอไปบ้าง แต่อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องมานั่งหวังอยู่แบบนี้ มันเหมือนวิ่งอยู่บนสนามแข่งที่มีคนคอยบอกเธอว่า นั่นไง จุดหมายอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเพ่งมองเท่าไหร่ เธอก็ยังไม่เห็นจุดหมายที่คนคนนั้นพูดถึง แน่นอน บางทีมันเหนื่อยจนเธออยากหยุดพัก แต่เธอก็กลัวว่าถ้าเธอพัก อาจมีคนอื่นวิ่งแซงหน้าเธอไป บางครั้งเธอก็อยากล้มเลิกมันเสียตรงนั้น แต่เธอกลัวยิ่งกว่า ใครจะไปรู้ บางทีอีกสองก้าวถัดจากนั้นอาจเป็นเส้นชัยก็ได้ สุดท้ายเธอเลยได้แต่วิ่งไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับแบกความคาดหวังที่หลังๆมานี้เธอเริ่มจะคิดแล้วล่ะว่า บางทีนะบางทีเสียงที่กระซิบอยู่อาจไม่ใช่เสียงของความหวังก็ได้ มันอาจจะเป็นเสียงของจิตใต้สำนึกของเธอเองที่พยายามหลอกตัวเองว่า อชิระอาจจะนึกรักเธอขึ้นมาบ้างก็ได้ อาจจะมี...สักวัน



รวินทร์วรกาล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2556, 02:35:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2556, 21:19:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1050





   ตอนที่ 2 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 ต.ค. 2556, 23:23:34 น.
น่าสนใจ ติดตามต่อ ค่ะ


รวินทร์วรกาล 6 ต.ค. 2556, 23:01:28 น.
ขอบคุณค่ะ =)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account