เพลิงดอกรัก by แสนดี

Tags: เจ้าพ่ออ่าง,มาเฟีย,แสนดี,เพลิงดอกรัก,

ตอน: บทที่ 16

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นภายในห้องนอนของคอนโดหรูแห่งหนึ่ง มันดังมาจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมคอลเล็คชั่นล่าสุด กระเป๋าใบนั้นวางอยู่บนโต๊ะกระจกซึ่งมีกระป๋องเบียร์เปล่าสามกระป๋องนอนเค้เก้อยู่ ถัดไปเป็นโซฟายาวสีครีมเรียบหรู นางแบบสาวผู้เจ็บช้ำจากการกระทำของคนรักนอนเหยียดยาวอยู่บนนั้น น้ำตายังค้างที่ข้างแก้ม

ครู่ต่อมา หญิงสาวก็รู้สึกตัวและลุกขึ้นอย่างยากลำบากเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังอยู่เต็มเปี่ยม ศีรษะหนักอึ้งไปหมด มือเรียวหยิบกระเป๋าขึ้นมาเพื่อควานหาเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงกรีดเสียงต่อเนื่อง เมื่อได้มาแล้วก็ทำท่าจะกดรับ แต่กลับชะงักมือ เพราะมั่นใจว่าเป็นวโรตม์แน่นอน

“อย่าหวังนีน่าจะรับง่ายๆนะ หึ” หล่อนวางมันลงบนโต๊ะ กอดอกและเชิดหน้าขึ้น ในที่สุด ทางนั้นก็วางสายไป ดวงนุชยังคงเชิดหน้าและรอการติดต่อกลับมาอีกครั้ง ทว่าเงียบ “จะง้อสาวทั้งที โทรฯแค่ครั้งเดียวเหรอคะ พายุ”

ราวกับได้ยินเสียงบ่นของหล่อน สิ้นเสียง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หล่อนรีบหยิบขึ้นมา และปล่อยให้ดังต่ออีกสองสามกริ๊งจึงกดรับ

“ทำไมไม่โทรฯมาซะพรุ่งนี้เลยละคะ” หล่อนกรอกเสียงงอนๆลงไป

“พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง ต้องพานักศึกษาไปทัศนศึกษา”

“คุณ...มรรคทายก...อะไรเนี่ย คุณอีกแล้วเหรอ” หล่อนทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ พลางเอนตัวลงนอนตามเดิมด้วยความผิดหวัง

“ผมไม่ได้อยากโทรฯ แต่พ่อกับแม่คุณให้โทรฯ” เขาตอบเสียงเบื่อๆมาตามสาย

“อะไรนะ! นี่คุณเล่าเรื่องฉันให้พ่อกับแม่ฟังเหรอ” หญิงสาวกระเด้งกายลุกขึ้นอีกครั้ง อาการเมาหายเป็นปลิดทิ้ง ความโกรธเข้ามาแทนที่

“ไม่ใช่อย่างนั้น...”

“แล้วมันอย่างไหน คุณนี่มันสาระแนไม่เข้าเรื่องจริงๆ เมื่อคืนอุตส่าห์นึกชมว่ามีน้ำใจ ฉันขอถอนความคิดทั้งหมด เฮอะ ทำเป็นตามมาดูแลฉัน จริงๆเพราะต้องการจะรายงานให้พ่อแม่ฉันรู้ทุกช็อตสิไม่ว่า คุณนี่มันทุเรศจริงๆ สาระแนไม่เข้าเรื่อง”

“ตั้งสติก่อนพูดด้วยนะคุณ เพราะคำพูดเอาคืนไม่ได้” ธีรพลติงเสียงเรียบ แต่คนทางนี้ของขึ้นเสียแล้ว

“ฉันก็ไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว ให้คุณทั้งหมดนั่นแหละ ให้หมดเลย”

“ชีวิตไร้สาระก็แย่แล้ว อย่าไร้สติจนทำให้ตัวเองน่าสมเพชไปกว่านี้เลย” เขาตำหนิและสอนอยู่ในที น้ำเสียงยังคงนุ่มเนิบ แต่ทำให้คนฟังอารมณ์ปีนขึ้นสูงสุด ทว่ายังไม่ทันได้ด่าเขากลับ เขาก็ตัดสายไปก่อนแล้ว

“อ๊าย อย่าตัดสายหนีฉันแบบนี้นะ คุณธี ต่อสายกลับมาให้ฉันด่าเดี๋ยวนี้นะ” หล่อนกรีดเสียงอยู่คนเดียว มองโทรศัพท์ด้วยความคับแค้นใจราวกับมันคือคนเรียกสายเข้ามาเมื่อครู่อย่างนั้นละ และหล่อนก็ตัดสินใจโทรฯกลับตามเบอร์ที่โทรฯเข้ามา “ยังไง ฉันก็ต้องได้ด่าคุณคืนบ้าง ความผิดของคุณมันเยอะ ขอบอก”

แต่ปรากฏว่าทางนั้นไม่ยอมรับสาย ดวงนุชไม่ยอมแพ้ กดกระหน่ำ แต่ผลก็เหมือนเดิม หล่อนจึงต้องรามือเอง หากไม่วายคุ้มแค้น

“อย่าให้เจออีกนะ อีตามรรคทายก โดนสวดเป็นภาษาสวดของฉันแน่!”

จบการหมายมาดธีรพล ดวงนุชก็ต้องเสียน้ำตาอีกครั้งหลังจากเช็คดูเบอร์ที่ไม่ได้รับแล้วไม่พบเบอร์ของวโรตม์แม้แต่ครั้งเดียว!

“คุณทำกับนีน่าแบบนี้ไม่ได้นะ พายุ ไม่ได้!”

+ + + + + + + + +


วโรตม์แวะไปเอาที่อยู่ของเวียงแก้วในห้องทำงานของเขาก่อน นรีกานต์ก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วก็ขอรออยู่ในรถ เพราะคิดว่าแต่งตัวแบบนี้เข้าไปในสถานที่แบบนี้คงไม่เข้าทีนัก วโรตม์จึงขอให้เพทายเป็นคนขึ้นไปหยิบเอกสาร

บอดี้การ์ดหนุ่มเดินเร็วๆขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ขณะที่กำลังจะเข้าห้องของเจ้านายนั่นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นมาม่าซังสาวใหญ่กำลังเดินคุยกับเด็กสาวซึ่งเป็นหมอนวดสองคนตรงมาทางนี้ เมื่อเห็นเขา เมทินีก็ชะงักไปนิดหนึ่ง

“มีอะไรหรือเปล่า เพทาย”

“ผมมาเอาเอกสารให้นายน่ะ” เพทายตอบสั้นๆ

“เอาไปให้ที่ไหนคะ แล้วนายคุณอยู่ที่ไหน”

“อยู่ข้างล่างครับ”

“อ้าว แล้วทำไมไม่ขึ้นมา เฮียจะไม่เข้าออฟฟิศเหรอ” เมทินีขมวดคิ้วงงๆ

“วันนี้คงไม่เข้าครับ และที่นายไม่ขึ้นมาก็เพราะ เอ่อ เพราะคุณกานต์เธอ...” เพทายหยุดพูดดื้อๆเมื่อเหลือบไปเห็นว่าข้อมือข้างหนึ่งของเมทินีพันไว้ด้วยผ้าพันแผล “มือไปโดนอะไรมาครับ คุณเมทินี”

เมทินียกมือตัวเองขึ้นมาดูแวบหนึ่งก็บอก “น้ำร้อนลวกน่ะ เมื่อเช้าฉันซุ่มซ่ามไปหน่อย”

บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้ารับทราบ และไม่ได้ใส่ใจอีก เขาทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง

“เดี๋ยว เมื่อกี้คุณบอกว่า ที่นายไม่ขึ้นมาบนนี้เพราะอะไรนะ”

“เพราะ...เพื่อนผู้หญิงของเจ้านายแต่งตัวเข้ากับสถานที่จนเกินไปน่ะ เธอคงกลัวคนเข้าใจผิด พอเธอไม่ขึ้นมา นายก็ไม่ขึ้นมาด้วย”

“เพื่อนผู้หญิง? คุณนีน่า?”

“ไม่ใช่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเพทายก็ผลักประตูเข้าไป เมทินียังคงครุ่นคิดเรื่องเพื่อนผู้หญิงของวโรตม์ ที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจหันไปบอกสาวน้อยที่เดินมาด้วยว่า

“เข้าไปในห้องแต่งตัวก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”

เด็กสาวทั้งสองรับคำ เมทินีจึงรีบเดินลงไปข้างล่างทันที

ทางด้านเพทาย เมื่อเข้ามาข้างในแล้ว เขาก็ครุ่นคิดบางอย่างอย่างหนักหน่วง ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรฯหาวโรตม์

“นายครับ คุณเมทินีกำลังลงไปครับ เอ่อ ผมบังเอิญเจอเธอ พอรู้ว่านายมาแต่ไม่ยอมขึ้นมาข้างบนก็เลยลงไปหา...ผมว่านายรีบออกไปก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเอาที่อยู่ของเวียงแก้วตามไปให้...”

ดังนั้นเอง เมื่อเมทินีลงมาถึงด้านหน้าสถานบริการ รถของวโรตม์ก็แล่นพ้นไปแล้ว มาม่าซังสาวได้แต่มองตามด้วยความเสียดาย ผิดหวัง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้ายังด้านในดังเดิม

เพทายกับเมทินีสวนกันอีกครั้งตรงเชิงบันไดด้านล่าง เพทายเดินยิ้มกริ่มท่าทางพออกพอใจบางอย่าง ขณะที่เมทินีก็มองเขาด้วยสายตารู้เท่าทัน

“อ้าว ไปไหนมาครับ คุณเมทินี” เพทายทักอย่างอารมณ์ดี

“ลงมาหาเฮียน่ะ”

“แล้วทันไหมครับ”

“ไม่ทัน คิดว่าคงมีคนสาระแนแจ้งให้เฮียรู้ว่าฉันกำลังจะลงไป” หล่อนตอบเสียงสะบัด จ้องเขาด้วยดวงตาลุกวาว

“งั้นหรือครับ ใครนะ ช่างใจร้ายได้ขนาดนั้น” พูดจบบอดี้การ์ดหนุ่มก็เดินผ่านหน้าหล่อนไป แต่ก็เหมือนนึกอะไรได้ เขาหันหลังกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง วางสายตาไปที่มือของหล่อน “ขอให้มือหายไวๆนะครับ”

แม้ไม่หันไปมอง แต่เพทายก็รับรู้ว่าสายตาโกรธ ชิงชังและคุมแค้นของเมทินีมองตามเขามา สีหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ของเขาจางหาย กลายเป็นความเครียดจัด

+ + + + + + + + +

พอไม่มีนรีกานต์ ภรณีก็กลับมายุ่งและเหนื่อยเหมือนเดิม เพราะในแต่ละวัน คนไข้เยอะมาก เนื่องจากนอกจากรักษาดีแล้ว นายแพทย์ถวิลหายังใจดี เอาใจใส่คนไข้อย่างเท่าเทียมกัน ถึงขนาดว่าคนไข้คนไหนที่ไม่มีค่ารักษา แกก็ไม่เอา หรือบางคนขอทยอยจ่าย แกก็ยินดี

คนไข้คนสุดท้ายออกจากคลินิกไปตอนบ่ายโมงครึ่ง ภรณีระบายลมหายใจโล่งอก เก็บเอกสารและข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อยและลุกขึ้นเพื่อจะเดินเข้าไปคุยกับหมอเรื่องของนรีกานต์ ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“ปิดหรือยังครับ”

“เอ่อ คุณหมอกำลังจะไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ” ภรณีตอบพลางเพ่งมองชายหนุ่มอย่างพิจารณา เนื่องจากคุ้นใบหน้าหล่อเหลานั้นมาก

“รอสักครู่นะครับ น้องสาวผมแกปวดท้องมาก” พูดจบเขาก็เดินออกไป สักครู่ก็ประคองเด็กสาวหน้าตาสะสวย แต่งตัวเข้าสมัยคนหนึ่งที่เดินกุมท้องตลอดเวลาเข้ามา “ขออีกซักคนได้ไหมครับ น้องผมแกปวดมากจริงๆ”

“เอ่อ ค่ะ เดี๋ยวดิฉันขอถามคุณหมอก่อนนะคะ” พูดจบหล่อนก็เดินเร็วๆเข้าไปยังด้านใน สักพักก็เดินยิ้มออกมา “เชิญค่ะ คุณหมอรออยู่ เสร็จแล้วญาติมากรอกประวัติทางนี้นะคะ”

ชายหนุ่มรับคำ ประคองน้องสาวไปส่งให้หมอ แล้วก็รีบกลับออกมาหาหล่อน

“ชื่ออะไรคะ” ภรณีหยิบใบกรอกประวัติขึ้นมาเตรียมเขียน

“หลักเขตต์ครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้ม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขางงๆ ครั้นเห็นรอยยิ้มนั่นก็หัวเราะเบาๆ

“ชื่อคนไข้ค่ะ ไม่ใช่ชื่อคุณ...เอ คุณหลักเขตต์ ทำงานอยู่ที่เอล็กซานดร้าอาบอบนวดหรือเปล่าคะ” ตอนท้ายหล่อนเอียงคอมองเขาอย่างใช้ความคิด

“ใช่ครับ คุณพยาบาลจำผมได้ด้วย” หลักเขตต์ยิ้มพอใจ

ภรณีไม่พูดเรื่องนี้ต่อ “ขอชื่อคนไข้ด้วยค่ะ”

ตลอดการซักประวัติของคนไข้ ภรณีพบว่าตัวเองมือไม้สั่น เงอะงะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหตุเพราะบางแววตาบางรอยยิ้มจากหลักเขตต์นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม หล่อนไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาสนใจ หล่อนรู้ว่าคนที่ทำงานพวกนี้มักเจ้าชู้เพราะชีวิตรายล้อมด้วยผู้หญิงสาวๆสวยๆเยอะแยะมากมาย ตาหวานๆ ยิ้มมีเสน่ห์แบบนี้อาจเป็นปกติของเขา หาใช่เพราะเขาสนใจหล่อนเป็นพิเศษไม่

“ผู้ช่วยอีกคนไปไหนครับ” หลักเขตต์ชวนคุยหลังจากการซักประวัติสิ้นสุดลง พลางเขาก็มองไปรอบๆ

“วันนี้ลาหยุดค่ะ”

“คุณภรณีเลยต้องเหนื่อยคนเดียวเลย”

“ชินแล้วละค่ะ เพราะก่อนกานต์จะเข้ามา ดิฉันก็ทำคนเดียวเหมือนกัน” หญิงสาวตอบพลางเก็บประวัติคนไข้เข้าลิ้นชักให้เรียบร้อย

ชายหนุ่มทำเสียงรับรู้และลุกออกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะหล่อนถอยไปนั่งยังเบาะสำหรับคนไข้และญาตินั่งรอหมอ ส่วนภรณีเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ก็เก็บข้าวของส่วนตัวต่อ ไม่นาน น้องสาวของหลักเขตต์ก็กลับออกมาพร้อมใบสั่งยา ภรณีรับมาเช็คแล้วก็หันไปจัดยาให้ทันที หล่อนจัดเสร็จแต่ยังไม่ทันอธิบาย นายแพทย์ถวิลหาก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าและกุญแจรถ

“เอ้อ คุณหมอคะ หลิวจะคุยเรื่องกานต์น่ะค่ะ” ภรณีรีบเรียกไว้ก่อนที่เขาจะเดินเลยไป

“ทำไม ไม่สบายหนักเหรอ”

“เอ่อ คือ...” ภรณีเหลือบไปทางหลักเขตต์แวบหนึ่ง ก็ตัดสินหันไปเอ่ยกับนายแพทย์วัยกลางคนว่า “คุณหมอเชิญด้านในสักครู่นะคะ...เอ่อ คนไข้รอสักครู่นะคะ...เชิญค่ะ คุณหมอ”

ครู่ต่อมาทั้งคู่ก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง นายแพทย์วัยกลางคนเดินออกนอกคลินิกไป ส่วนภรณีก็รีบขอโทษขอโพยหลักเขตต์กับน้องสาวเป็นการใหญ่ จากนั้นจึงหันไปจัดยาต่อ ระหว่างนั้นหลักเขตต์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“คุณภรณีครับ...ผมมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อย ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาไหม”

“เรื่องอะไรคะ” หญิงสาวเงยหน้ามามองเขาอย่างสนใจ

“คุณแม่ผมท่านไม่ค่อยสบาย ผมเลยอยากได้พยาบาลพิเศษซักคน และผมก็สนใจ...ผู้ช่วยอีกคนของคุณหมอ เพราะท่าทางเธอจะใจเย็นพอรับมือกับแม่ผมได้ คุณภรณีคิดว่าเธอจะตกลงไหมครับ”

ภรณีหน้าหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะนึกว่าเขาจะติดต่อหล่อนเสียอีก แต่ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังตอบเขาไปด้วยดี

“คุณแม่เป็นอะไรเหรอคะ คือ...กานต์เขาจบพยาบาลทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะทางน่ะค่ะ เราต้องรู้โรคก่อน”

“ท่านก็ป่วยตามประสาคนแก่น่ะครับ ผมไม่ได้ต้องการพยาบาลเฉพาะทาง แค่อยากได้คนไปดูแลท่านเท่านั้น” ชายหนุ่มยังคงใจเย็น ทั้งที่ใจหงุดหงิดที่อีกฝ่ายดูจะเรื่องมากในความรู้สึกเขา

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ดิฉันบอกกานต์ให้ก็แล้วกันนะคะ”

“ผมขอเบอร์เขาเลยได้ไหมครับ ผมใจร้อน ไม่อยากรอน่ะ”

ภรณีอึกอักและลำบากใจขึ้นมาทันที เพื่อนร่วมงานของหล่อนกำลังอยู่ในช่วงต้องเก็บตัวเพราะตกอยู่ในอันตราย ถึงจะดูว่าคนตรงหน้าไม่น่าเกี่ยวข้องกับการพยายามฆ่านั่น แต่หล่อนก็ไม่อยากประมาท

“คือตอนนี้กานต์เองก็ไม่ค่อยสบาย คงไม่สะดวกรับโทรศัพท์ เอาเป็นว่าคุณหลักเขตต์ทิ้งเบอร์ไว้ก็แล้วกันนะคะ ดิฉันจะให้เขาติดต่อกลับไปค่ะ”

หลักเขตต์หน้าบึ้ง หากแต่ยังรักษาอาการไว้ “อย่างนั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

หลังจากชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลักเขตต์ก็ประคองน้องสาวออกมา เดินห่างคลินิกไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มก็ปล่อยมือจากเจ้าหล่อน สีหน้าบ่งบอกความหงุดหงิดเต็มพิกัด

“ยายพยาบาลบ้า เรื่องมากชิบหาย! ว่าแต่เราเถอะ ได้ยินอะไรบ้าง”

“ได้ยินไม่ชัดเลย ยายพยาบาลนั่นพูดเสียงเบ๊าเบา ได้ยินแต่เสียงตาหมอนั่นบอกว่า ไปยุ่งเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไง”

“ไม่ได้เรื่องเลยนะ!” ชายหนุ่มทำเสียงดุ

เด็กสาวก้มหน้างุด ไม่มีปากมีเสียงอีกต่อไป ขณะที่หลักเขตต์กำลังนึกถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาที่คลินิกแห่งนี้

เมื่อคืนนี้ทาง ‘ผู้ร่วมมือ’ ซึ่งเขายกหน้าที่จัดการพยานให้ โทรฯมาบอกว่าตอนนี้ไม่สะดวกจะขยับตัวทำอะไรทั้งนั้น เพราะผู้ใหญ่และประชาชนกำลังจับตามอง หน้าที่จึงถูกถ่ายโอนมาที่เขา

‘ไอ้ต่อพงศ์มันตายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนพยานคนนั้นหรอก’ ตอนแรกเขาปฏิเสธด้วยความขี้เกียจ

‘อยู่วงการนี้มาตั้งนาน ทำไมยังประมาทและโง่อยู่แบบนี้ ฮึ คุณเขตต์’ ปลายสายตำหนิไม่ไหว้หน้า ‘อย่าลืมสิว่า คนตายก็เป็นหลักฐานได้ ไม่นานพยานก็ต้องมาให้ปากคำถึงรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ทีนี้ภาพออกมาก็เป็นรูปคนของคุณ แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ บอกไว้ก่อนนะว่า คดีนี้ประชาชนจับตาดูกันมาก ถ้าผมไม่เชิญคุณมาสอบปากคำเลยมันก็จะเป็นเรื่อง’

‘คุณก็ให้คนของคุณเอารูปคนอื่นมาเทียบกับภาพสเก็ตช์สิ แล้วก็ไปเรียกคนอื่นสอบปากคำซะ ไม่เห็นจะยากเลย’

‘ทำได้ง่ายขนาดนั้นมันก็ดีสิ เอาน่า อย่าโยกโย้ แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง มันคงไม่ยากหรอก ใช่ไหม’

นั่นเอง เขาจึงต้องส่งคนไปจัดการนรีกานต์ แต่คนของเขาก็ทำงานผิดพลาด บอดี้การ์ดของวโรตม์ตามมาช่วยไว้ได้ทัน เขาพยายามสืบว่าวโรตม์จะพาหญิงสาวคนนั้นไปอยู่ที่ไหน แต่ทุกคอนโดส่วนตัวของวโรตม์ไม่มีเงาของทั้งคู่ เขาจึงมาตามหานรีกานต์ที่ทำงาน เผื่อจะได้ข้อมูลบ้าง ตอนที่ภรณีกับเจ้าของคลินิกไปคุยกันเรื่องนรีกานต์ เขาจึงให้เด็กสาวข้างกายไปแอบฟัง ทว่าก็ยังไม่ได้เรื่อง

หลักเขตต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหา ‘คนร่วมมือ’ แล้วกรอกเสียงหงุดหงิดลงไป

“ที่คลินิกไม่มี คนที่คลินิกก็ไม่รู้ ให้ลูกน้องคุณส่งเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ที่ต่างจังหวัดของแม่นั่นมาให้ผมหน่อย’

พอเขาวางสาย หญิงสาวข้างตัวก็ถามขึ้น

“แล้วยานี่จะเอายังไงคะ”

“แค่นี้ก็ต้องถาม เอาไปให้แม่เธอกินมั้ง!” เพราะความหงุดหงิด เขาจึงตะคอกใส่หน้า หญิงสาวหน้าเสียไปอีกรอบ หากแต่ไม่เอ่ยอะไร นอกจากโยนถุงยาทิ้ง แล้วเดินตามเขาไปต้อยๆ

+ + + + + + + + + + +


อพาร์ตเมนต์ของเวียงแก้วตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกับสถานที่ทำงานของเจ้าตัว แต่เข้าไปในซอยที่ค่อนข้างคดเคี้ยว หากก็ไม่เกินความสามารถของบอดี้การ์ดของวโรตม์ไปได้ ไม่นาน รถเก๋งหนึ่งคัน มอเตอร์ไซค์สองคันก็มาหยุดหน้าอพาร์ตเมนต์ของเวียงแก้ว ซึ่งค่อนข้างโทรมและตั้งอยู่ในแหล่งแออัด

วโรตม์บอกให้ศักดิ์และเพทายรออยู่ข้างล่าง ส่วนเขากับนรีกานต์ขึ้นไปหาเวียงแก้วข้างบน

“เอ่อ มาหาใครคะ คุณ” หญิงกลางคนร่างท้วมซึ่งคงเป็นเจ้าของบ้านเดินเข้ามาหาชายหนุ่มกับหญิงสาวอย่างสงสัย

“เวียง เวียงแก้วน่ะค่ะ ห้องไหนนะคะ คุณ” นรีกานต์เป็นคนตอบ และตอนท้ายหล่อนหันไปถามวโรตม์ที่เป็นคนถือที่อยู่

“ห้อง 405 ครับ”

เจ้าของบ้านทำหน้างง “เอ...ห้อง 405 คนเช่า ไม่ได้ชื่อเวียงนะคะ”

“เพื่อนคุณมีชื่ออื่นอีกหรือเปล่า” วโรตม์หันมาถามนรีกานต์บ้าง หญิงสาวส่ายหน้าทันที

“ไม่มีค่ะ เอ่อ แล้วคนห้อง 405 เขาใช้ชื่ออะไรคะ แล้วตอนนี้เขาอยู่หรือเปล่า”

“ฉันบอกชื่อเขาไม่ได้หรอก พวกคุณเป็นใครก็ไม่รู้” เจ้าของอพาร์ตเมนต์ส่ายหน้าและทำท่าจะผละจากไป วโรตม์จึงใช้อำนาจที่เขามีและถนัด

แบงก์สีม่วงหนึ่งใบถูกหยิบออกจากกระเป๋ายื่นให้หญิงคนนั้น นรีกานต์มองอย่างไม่ชอบใจนัก แต่คนรับสุดแสนจะชอบ ยิ้มรับหน้าบาน

“คนเช่าชื่อทับทิม มันอาศัยอยู่กับลูกสาวแค่สองคน ผัวมันทิ้งมันกับลูกไปตั้งแต่ลูกมันตัวแดงๆแน่ะ แหม ใจร้ายใจดำไม่มีใครเกินไอ้หมอนั่นน่ะ ตอนนี้ลูกสาวแกอายุประมาณสิบห้า เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม พาผู้ชายมาที่ห้องเวลาแม่ไม่อยู่แล้วจ้า เฮ้อ...เด็กสมัยนี้”

“ไม่มีคนชื่อเวียงแก้ว?” วโรตม์เอ่ยขัดขึ้นด้วยความรำคาญความช่างพูดนั่น

“แหะๆ ไม่มีค่ะ”

“เป็นไปได้ไหมคะว่าเลขห้องจะผิดน่ะค่ะ” นรีกานต์หันมาทางวโรตม์อีกครั้ง

“แต่นี่เป็นลายมือของเพื่อนคุณเองนะ เขาไม่น่าจำชื่อห้องตัวเองผิดนะคุณ เว้นแต่ว่า เขาย้ายไปอยู่ห้องอื่น...คุณน้าครับ ล่าสุด เพื่อนของเราคนนี้มีแฟนฝรั่งน่ะครับ ไม่ทราบมีหรือเปล่า”

“คนมีผัวฝรั่งที่นี่มีคนเดียว มันชื่อพร แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ ออกไปทำงานแล้ว อยู่แต่ผัวมัน”

วโรตม์ถามถึงลักษณะคนชื่อพร ซึ่งพอฝ่ายนั้นบอกมา นรีกานต์ก็บอกว่าไม่ใช่เวียงแก้ว แล้วหญิงสาวก็หันมาทางวโรตม์อย่างนึกอะไรได้

“ขอใบสมัครของเวียงหน่อยค่ะ”

เมื่อได้มาแล้ว หล่อนก็ยื่นให้หญิงเจ้าของอพาร์ตเมนต์ดู ฝ่ายนั้นรับไปพิจารณาครู่หนึ่งก็ร้องขึ้น

“อ๋อ จำได้แล้ว...”

นรีกานต์หันสบตากับวโรตม์อย่างมีความหวัง

“คนนี้ย้ายออกไปเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง นึกว่าใคร ยายแก้วนี่เอง หนูบอกว่าเวียงๆ ป้าก็ไม่รู้จักสิ”

“แล้วย้ายไปอยู่ไหนคะ”

“เอ...เหมือนว่าจะไปอยู่กับเพื่อนแถวๆสุทธิสารนี่แหละ แต่ไม่รู้ตรอกซอกซอยไหนหรอกหนู”

“เขาไม่ได้ไปอยู่กับแฟนฝรั่งของเขาเหรอป้า” วโรตม์เป็นคนถามงงๆ

“แฟนฝรั่ง? เออ เออ ใช่ แฟนฝรั่ง” ป้าชะงักไปเล็กน้อยก็รีบพยักหน้ารับ...อย่างมีพิรุธ!

นรีกานต์ระบายลมหายใจแห่งความผิดหวังออกมา ก่อนเดินออกจากตรงนั้นหงอยๆ วโรตม์ผละไปหาบอดี้การ์ดคู่ใจ คุยอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวยาวๆจนทันหล่อน

นรีกานต์ไม่ได้หันไปมองเขา ในหัวสมองกำลังประมวลเหตุการณ์รวมถึงภาพเมื่อครู่นี้อย่างหนักอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าป้าเจ้าของอพาร์ตเมนต์มีพิรุธ และตอนนี้หล่อนก็คิดออกเพียงคนเดียวว่า ผู้ชายที่เดินข้างๆหล่อนนี่ละคือ เจ้าของพิรุธ!

เขาคงสั่งให้เวียงแก้วย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนแล้ว หล่อนจึงไม่เจอเพื่อน

“คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณพายุ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเย็นๆโดยไม่หันไปมองหน้าเขา

“ทำอะไร? ผมทำอะไร” อีกฝ่ายทำหน้าเหลอ มองหล่อนไม่เข้าใจ

“คุณรู้อยู่เต็มอกว่ากำลังทำอะไรอยู่” นรีกานต์แผดเสียงอย่างเหลืออดและหันมาทางเขา “คุณเอาตัวน้องสาวฉันไป แต่คุณโกหกฉัน แล้วคุณก็ให้เวียงแก้วลาออกจากงาน ให้มันย้ายไปอยู่ที่อื่น คุณต้องการเอาคืนที่ฉันบังอาจแจ้งความผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณใช่ไหม” ตอนท้ายๆ น้ำตาแห่งความอึดอัด ผิดหวังไหลบ่า

“เดี๋ยวๆ” วโรตม์ยิ่งออกอาการงงกว่าเดิม “นี่คุณบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่รู้จักน้องสาวคุณน่ะ”

“ฉันไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นเวียงมันจะลาออก จะย้ายบ้านทำไม เพราะคุณไปขู่มันใช่ไหม ใช่ไหม” พลันที่ตะโกนถาม นรีกานต์ก้าวไปจนใกล้เขาแล้วสองมือน้อยก็เริ่มต้นประทุษร้ายหน้าอกกว้างไปด้วย หยาดน้ำตายังคงไหลต่อเนื่อง “คุณมันเลว คุณมันไม่มีหัวใจ เอาชีวิตคนทั้งชีวิตมาเล่นได้ยังไง น้องสาวฉันทั้งคนนะ ฮือ ฮือ”

วโรตม์ดึงร่างนั้นมาสวมกอดเอาไว้อย่างเห็นใจและเข้าใจในความสับสนของหล่อน ครั้งแรกนรีกานต์ดิ้นหนีเพราะความโกรธ โมโห แต่ครู่ต่อมาหล่อนก็นิ่ง มีเพียงเสียงร้องไห้เบาๆเท่านั้น

ศักดิ์กับเพทายยืนมองภาพนั้นด้วยสีหน้าแบบเดิมทุกครั้งที่เห็นภาพความใกล้ชิดของสองหนุ่มสาว นั่นคือ ความหนักใจ!


+ + + + + + + + + + + +

ขากลับจากอพาร์ตเมนต์ของเวียงแก้ว วโรตม์เงียบขรึมกว่าเดิม นรีกานต์เองก็เงียบไปอย่างใช้ความคิดหนัก ถึงเขาจะปฏิเสธเรื่องน้อง ถึงเขาจะปลอบใจหล่อน แต่หล่อนก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดี เขาก็แค่เล่นละครตบตาหล่อนเท่านั้น!

“ผุดขึ้นอีกที่แล้วเหรอเนี่ย” เสียงของชายหนุ่มทำให้นรีกานต์ต้องหันไปมอง แล้วก็เลยมองตามสายตาเขา ก็พบว่าเขากำลังมองตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จตึกหนึ่ง มีป้ายผ้าขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า


ริเวียร่า โฉมใหม่แห่งการบริการ พบกันเร็วๆนี้


ใต้ตัวอักษรมีภาพหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยในหลากหลายอิริยาบถที่ล้วนเซ็กซี่เย้ายวน อันเดาได้ว่าเป็นสถานที่ตั้งอาบอบนวดแห่งใหม่นั่นเอง

“กิจการนี้เฟื่องฟูดีนะคะ” อดไม่ได้ที่จะประชด ทั้งที่ตอนนี้ไม่อยากพูดกับเขาเลย

“อย่างที่คุณบอกไง ดีมาน ซัพพลาย”

“แต่บางทีก็เหมือนดีมานจะสร้างมายั่วยุซัพพลายนะคะ นั่น”

“จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีคนเที่ยว พวกเราก็อยู่ไม่ได้ ก็ต้องปิดตัวไปเองนั่นแหละ แต่นี่แสดงว่ามันยังเป็นที่ต้องการ และมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ”

นรีกานต์เงียบกับความจริงในโลกของเขา โลกซึ่งหล่อนเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาชิดใกล้ขนาดนี้ โลกซึ่งห่างจากโลกของหล่อนลิบหล้า โลกซึ่งหล่อนไม่มีวันทำใจยอมรับได้ง่ายๆ

“คุณคงรังเกียจโลกของผมมากสินะ” ชายหนุ่มเปรยขึ้นอีก

“ฉันมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนชื่นชมมันหรอกค่ะ แม้แต่คนที่ทำงานในนั้นเองก็ตาม คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบให้ผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนแตะเนื้อต้องตัว และสำหรับผู้หญิงทั่วไป ก็ไม่มีใครชอบให้แฟนเที่ยวสถานที่แบบนี้ เพราะมันคือการไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน”

วโรตม์เงียบไปอย่างใช้ความคิด นรีกานต์จึงถามขึ้น “คุณเคยคิดอยากหยุดอาชีพนี้บ้างไหมคะ คุณพายุ”

เขาหันมามองหน้าหล่อนแล้วก็หัวเราะขำๆ

“เลิกก็โง่เต็มทน รายได้ดีขนาดนี้ อาชีพอื่นให้ผมไม่ได้หรอก ไหนจะเป็นที่รู้จักของคนจากหลายสาขาอาชีพ...ส.ส.คนนี้ก็ลูกค้าผม” เขาว่าพลางชี้ไปยังป้ายหาเสียงข้างทาง ก่อนเงยหน้ามองแผ่นโฆษณาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นภาพดาราหนุ่มชื่อดังของยุคนี้ “เผลอๆ ดารานักร้องที่คุณชื่นชอบก็เป็นลูกค้าผม”

“คุณภูมิใจไปคนเดียวเถอะ”

“คนทำงานอาบอบนวดไม่ใช่คนเลว ไม่ใช่ฆาตกร แต่เขาทำเพราะมันคืออาชีพ คือหน้าที่ ชีวิตบางคนก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกนักหรอก”

“แต่ฉันเชื่อว่าคนเรามีสิทธิ์เลือกค่ะ” นรีกานต์ไม่ยอมแพ้ “แต่เพราะคุณยึดติดอยู่กับเงิน กับอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งจอมปลอมต่างหาก คุณไม่กล้าเลือกทางอื่น เพราะคุณกลัวจะสูญเสียสองสิ่งนี้”

“ซ้าธุ!” เขาแสร้งยกมือพนมพลางเปล่งคำนั้นออกมา นรีกานต์เลยได้แต่ส่งวงค้อนกลับไปให้เขา แล้วก็นั่งเชิดหน้าไปตลอดทาง


(จบบทที่ 16)

ใครรำคาญนางเอกบ้างคะ 5555555555 เห็นใจนางหน่อยนะคะ นางกำลังสับสน


ทักท้ายค่ะ

คุณ Hibara...55555 รออีกนิดค่ะ

คุณ Sukhumvit66...พ่อคนนี้ออกแนวมั่นนิดหน่อยค่ะ 55555555

อ้อม...อุอะ พะ อะไรดีน้อ พะ อะไรดีน้อ

คุณwinbkin...คนอ่านอิชั้นพยายามต้อนอิชั้นมากๆเลย 5555555 รักที่สุดอ่ะ

คุณ ผักหวาน....เสี่ยฝากย้อนกลับมาด้วยดวงตาเป็นประกายค่ะ "ถ้าไม่หลงตัวเอง (ผักหวาน) แล้วจะหลงใครล่ะ" 555555

น้องโอ๋...คาดว่ากว่าไก่จะจิก คุณเสี่ยอาจรวบหัวรวบหางไก่ก่อนแล้ว คิกคิก

คุณporpla...55555555 กระบวนการหมั่นไส้คุณเสี่ยมาอีกคนแล้ว





วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2556, 08:44:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2556, 08:44:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1807





<< บทที่ 13   
ตุ๊งแช่ 3 ต.ค. 2556, 09:21:08 น.
555 ไม่ พะ แล้ว ตะ ไม่ใช่ ซะ เลย ไซโคลนดีไหมค๊า


Sukhumvit66 3 ต.ค. 2556, 12:06:15 น.
น่าสงสัย........


konhin 3 ต.ค. 2556, 12:26:46 น.
หึๆๆ แล้วถ้ายัยน้องสาวรู้ว่าพาเสี่ยเขตไปหาเพื่อปิดปากพี่ตัวเองจะรู้สึกยังไงน้อ


ผักหวาน 3 ต.ค. 2556, 13:33:06 น.
เอ.... อ่านไปอ่านมาหนูกานต์ของเรา เหมือนเรื่ององก์บากอ่ะ 555 เพราะว่าองก์บากตามหาเศียรพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแล้วเกิดเรื่องเยอะแยะกว่าจะเจอช้าง ส่วนหนูกานต์ ตามหาน้องสาว คาดว่ากว่าจะเจอน้องสาว คงเจออีกหลายเรื่องทีเดียวค่ะ


nasa 3 ต.ค. 2556, 14:13:04 น.
อัพเร็วมาก ตามอ่านแทบไม่ทัน ยิ่งอ่านยิ่งคิดว่ามันมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ กับพายุคนนี้

ว่าแต่แม่สาวบ้านเล็กเป็นใคร อยากรู้จริงๆ


ดังปัณณ์ 3 ต.ค. 2556, 15:16:47 น.
อั้ยย่ะ! พี่แก้วพูดงี้ หนูควานหาผ้าห่มไว้ซับเลือดรอ เอิ่มมมมมมมมมมมม 555+ เตรียมอุปกรณ์ทำแผลด้วย เพราะคาดว่าหากเสี่ยจับไก่ได้อยู่หมัดตอนนั้น เสี่ยอาจจะเจ็บหนักน่าดู ฮิ้วววววววววววว


พิมพ์นรา 3 ต.ค. 2556, 16:42:25 น.
เค้ามาแว้วววววววว อิอิ


แกมแก้ว 3 ต.ค. 2556, 20:09:36 น.
สนุกจุงเบย เค้าช๊อบบบบบบบชอบ


phugan 4 ต.ค. 2556, 00:08:43 น.
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ....สนุกมาก....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account