ปานฤทัย
หล่อนคือดอกหญ้า เขาคือดอกฟ้า แต่ความรักไม่มีชนชั้น...
---------
ปล.เรื่องนี้อัพเร็วลบเร็วค่ะ... หลังจากลงได้ 10 ตอนแล้วจะเริ่มลบตั้งแต่ตอนที่ 4 ลงมาค่ะ...

Tags: ปานฤทัย ปานกมล ฤทัยรัตน์

ตอน: บทนำ

บทนำ
“ปานคะ… เราเลิกกันเถอะค่ะ”
เสียงอ่อนโยนที่เคยหวาน วันนี้ยังคงหวานและอ่อนโยนประดุจเดิม หากแต่กลับเคลือบพิษร้ายที่กรีดทำลายเข้าในไปหัวใจคนฟังให้ย่อยยับ!

“เกิดอะไรขึ้น ทำไม?...”
เสียงนั้นไม่ได้สั่นดังที่หล่อนหวัง แต่มันกลับเรียบจนคนฟังยังจับได้ ใบหน้าคมคายดุจเทพบุตรเครียดขรึมเห็นชัด เปรมปรีดิ์หยัดร่างระหงงดงามของหล่อนลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้อย อย่างที่ถูกฝึกมาไม่ผิดเพี้ยน ค่อยๆ สาวเท้าจนมาหยุดตรงหน้าของคนที่นั่งนิ่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่สีดำสนิท จ้องมองไม่กะพริบ

“ฉันขอโทษ แต่ฉันต้องแต่งงานกับคนที่คุณแม่ท่านเห็นดี”
เสียงนั้นไม่บ่งบอกเลยสักนิดว่ากำลังเสียใจหรือแม้แต่อาลัยอาวรณ์ในตัวเขา คนที่มิใช่เพียงคนรัก หากแต่เป็นยิ่งกว่านั้น ความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนมีใจให้กัน เขาและหล่อนร่วมเรียงเคียงหมอนมานับครั้งไม่ถ้วน หากวันนี้กลับถูกคนที่เคยคิดลงหลักปักฐานตัดรอนด้วยการไปแต่งงานกับชายอื่น…

เปรมปรีดิ์ออกจะเสียดายปานกมลมิใช่น้อย เขามีหลายสิ่งเหนือชายอื่นที่เคยคบหามาก่อนหน้า เขาคือเจ้าของใบหน้าคมคาย ร่างกายกำยำวัยสามสิบสามปี เขาทรงพลังและร้อนแรงที่สุดเท่าที่หล่อนเคยสัมผัส แม้มิใช่หนุ่มสังคมตัวยง แต่เขาก็มีฐานะเป็นถึงเจ้าของฟาร์มวัวนมขนาดใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา แต่มารดาของหล่อนบอกว่า แม้เขาจะมีฟาร์มวัวนมซึ่งมีเนื้อที่มากกว่าร้อยไร่ แต่นั่นยังเทียบไม่ได้กับเศรษฐีพันล้านนามว่าเจ้าสัวทรงชัย ฤทธิ์อมร เจ้าของธุรกิจนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของประเทศ เดิมทีหญิงสาวไม่ใคร่พอใจนักเมื่อมารดาเอ่ยเช่นนั้น เพราะยังคงเสียดายในตัวปานกมล เขาทำให้หล่อนโหยหารสรักที่มอบให้หล่อนอย่างเต็มอิ่มเหนือชายอื่นอย่างไม่ต้องเอ่ยถึง

แต่เมื่อหล่อนเอ่ยถึงการลงทุนซึ่งต้องใช้เงินมากมาย ปานกมลกลับไม่เห็นด้วยเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้หล่อนเริ่มคล้อยตามความคิดของมารดา เรื่องการสมรสกับเศรษฐีแม้จะรุ่นราวคราวพ่อหากแต่เมื่อคิดถึงเม็ดเงินที่มีใช้ไปจนตายก็ไม่หมดนั้นทำให้หญิงสาวเริ่มเอนเอียง แล้วในที่สุด… จึงตกลงใจ

นัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองใบหน้างามไม่มีที่ติดพอๆ กับเรือนกายของเปรมปรีดิ์หลุบลงปกปิดความรวดร้าว แล้วตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ข่มร่างระหงเทียบเท่านางแบบชั้นนำให้ดูบอบบางลงอีกเท่าตัว เขาทำให้หล่อนใจเต้นถี่ เมื่อเคลื่อนตัวเข้าใกล้จนเกือบชิด ใบหน้าคมคายเข้มขรึมของเขาก้มต่ำลงมาจนหล่อนแทบหยุดหายใจ…

เกือบชนอาทิตย์… ที่เขาและหล่อนแทบไร้โอกาสชิดใกล้ เหตุเพราะต้องตามติดมารดาและเจ้าสัวทรงชัย ซึ่งฝ่ายนั้นแสดงชัดว่าพอใจหล่อนเป็นอย่างยิ่ง วินาทีนี้หญิงสาวจึงโหยหารสรักจากเขาเสียจนแทบทนไม่ไหว

“คุณแน่ใจแล้วหรือ?” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยแทบเป็นกระซิบ เพียงแค่นี้เปรมปรีดิ์ก็สะดุดลมหายใจของตนเอง ใบหน้างามเชิดขึ้น ริมฝีปากเผยอเชิญชวน เรียกร้องให้ดวงตาคมกว้างหลุบมอง

“ค่ะ… ฉันแน่ใจ แต่วันนี้…” มือเรียวงามยกขึ้นทาบแผงอกกว้าง เลื่อนขึ้นไปยังลำคอแกร่งตั้งตรง สันครางบึกบึนเต็มไปด้วยไรนวดเขียวครึ้ม ก่อนจะสอดฝ่ามือเข้าไปในเส้นผมสลวยที่ตัดเจียนจนได้รูปแล้วโน้มศีรษะลงประชิดใบหน้าของหล่อนที่พร้อมแล้วสำหรับเขา

“ผมไม่ควรทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ ในเมื่อคุณกำลังแต่งงานกับคนอื่น” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามเย็นชา นัยน์ตาเคยอ่อนเชื่อมบัดนี้แข็งกร้าวจนน่าตกใจ หากแต่มารยาร้อยเล่มเกวียนของเปรมปรีดิ์ยังมีอีกมาก หล่อนจึงมั่นใจว่ามันสามารถสยบชายตรงหน้าได้ไม่ยากเกินไปนัก

“เรื่องนี้… ฉันเป็นคนตัดสินใจนะคะ”
นัยน์ตาคมกว้างหรี่ลง สันกรามแข็งแกร่งบดเข้าหากันอย่างข่มกลั้น หล่อนคิดว่าตนมีอำนาจเหนือเขาเช่นนั้นสินะ… ก็อาจใช้ หากเป็นก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง เขาจะยอมศิโรราบแก่หล่อนเพียงผู้เดียว แต่ ณ วินาทีนี้ ต่างออกไป เขาเท่านั้นที่จะเป็นผู้อยู่เหนืออำนาจเสน่หา และเขาอีกเช่นกันที่จะเป็นผู้กำหนด ว่าหล่อนควรได้รับรสเสน่หาจากเขาอีกหรือไม่…

“คุณไม่กลัวว่าเขาจะรู้หรือไง” เขาถามอย่างใจเย็น ทั้งที่ภายในเดือดจนร้อน ริมฝีปากแดงจัดแย้มเยือน ก่อนเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจดริมฝีปากของตนกับริมฝีปากหนาของปานกมลผาดๆ

“ไม่มีใครทำอะไรฉันได้ เขา ไม่มีทางรู้…”
มุมปากได้รูปกระตุกขึ้นนิด ดวงตาสีสนิมเหล็กกวาดมองเจ้าของใบหน้าที่เขาหลงใหลมานานสองนานราวมิเคยเห็น ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดขอหล่อนแต่งงาน และเกือบมีโอกาสได้เป็นนายหญิงของปานทิพย์ต่อจากมารดาของเขา แต่แล้ววันนี้ธาตุแท้แสนโสมมได้เปิดเผยจนหมดสิ้น แม้ขณะที่เขาปล่อยให้หล่อนกอดอยู่นี้ยังรู้สึกสะอิดสะเอียน เจ็บใจนักที่กลายเป็นไอ้โง่ถูกหลอกมานานสองนาน ที่แท้หล่อนและมารดาก็เห็นเงินเป็นพระเจ้า ดีเหลือเกินที่เขาไม่ได้บอกหล่อนและแม่ของหล่อนว่านอกจากฟาร์มวัวนมบนพื้นที่ร้อยไร่แล้ว เขายังมีพื้นที่ทำเกษตรชนิดอื่นอีกหลายร้อยไร่ ซึ่งรวมกันแล้วก็พันไร่สบายๆ ไม่นับเงินในธนาคารอีกหลายสิบแห่งที่เขามีบัญชีเงินฝากรวมทั้งเซฟส่วนตัวที่มีทั้งทองคำแท่งมูลค่าหลายร้อยล้าน เครื่องเพชรที่มารดายกให้เขาเพื่อมอบแก่สะใภ้ใหญ่ของไร่ปานทิพย์ เงินสดกว่าพันล้านบาท ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายหลายแห่งในประเทศไทยที่มีเขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น…

ชายหนุ่มเผยอเรียวปากต้อนรับเรียวลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาเคยคิดว่าหวานจับใจอย่างเร่าร้อน ทว่าบัดนี้นอกเสียจากความขุ่นแค้นแล้วไม่มีคำว่าพิศวาสหลงเหลือ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ เรียกว่าการสั่งสอนถึงจะถูก สั่งสอนคนที่บังอาจมาล้อเล่นกับคนเช่นเขา คนเช่นนายปานกมล มณฑาทิพย์!!

“อืม… ปานขา”
ร่างบอบบางถูกพาเข้าไปในห้องนอนกว้างของหล่อนอย่างไม่รีบร้อน หญิงสาวขยับกายออกห่างแล้วรีบจัดการกับชุดแสคสีหวานอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงบราเซียร์และซับเกาะติดกาย เผยให้เห็นความงามเย้ายวนอย่างชัดเจน นัยน์ตาคมกริบกวาดมองทุกแห่งที่เขาเห็นและสัมผัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนพลางหลุบตาปิดบังแววสมเพช รู้สึกแปลกใจตนเองนัก ก่อนนี้เขาหลงใหล คลั่งไคล้ แล้วทำไม… เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว หรือเพราะความจริงที่ได้รู้

“มาสิคะ”
ร่างบางที่ทิ้งตัวนอนตะแคงกลางเตียงยื่นมือออกรับร่างแกร่งในชุดเสื้อยีนสีซีดกับกางเกงยีนสีเดียวกัน ดวงตาหยาดเยิ้มรอคอย ชายหนุ่มทำตามที่หล่อนต้องการ เขาเคลื่อนตัวจนลงไปคลุกเคล้ากับหล่อนแล้วลูบไล้อย่างเอาใจเช่นทุกครั้ง เรียกเสียงครางหวานจากเปรมปรีดิ์ได้เช่นเดิม มุมปากได้รูปแสยะยิ้มเมื่อฟังเสียงกรซิบสั่นพร่าร้องขอจากเจ้าหล่อน…

“อื้อ…” เสียงนั้นบอกเขา และเรียกร้องขณะที่อกอวบใหญ่ไร้อาภรณ์หยัดรับปลายลิ้นร้อนผ่าว “ทูนหัว ได้โปรด เปรมต้องการคุณ ปานขาอ่า…”
หน้าท้องแบนราบเกร็งรับสัมผัสจากริมฝีปากเร่าร้อน ปานกมลเหลือบตาขึ้นมองคนที่เขาคิดว่าเคยรักแล้วกระตุกซับในตัวบางหลุดจนพ้นข้อเท้ากลมกลึง เพียงครู่เสียงหวานแหลมก็ดังขึ้นอีกครั้ง มือบางไขว่คว้าควานหาจนพบศีรษะที่ซุกไซ้อยู่เหนือส่วนสงวน หล่อนแอ่นหยัดขึ้นทั้งยังเปิดช่องทางรักให้เขาอย่างไม่อายแก่ใจ ยกท่อนขายาวกลมกลึงขึ้นทาบลงกับไหล่หนา มันสั่นระริกไปพร้อมกับลีลาจุ่มจ้วงปลายนิ้วเรียวยาวของเขา ส่วนเรียวลิ้นที่หล่อนต้องการไม่แพ้กันยังคงเดินทางไม่ถึง มันจูบซับอยู่เพียงแค่หน้าท้องเนียนมือจนต้องร้องขอ…

“ปานขา เถอะค่ะ… เปรมต้องการอย่างอื่นมากกว่า” เพียงแค่นั้น เขาก็รับรู้ในทันทีว่าหล่อนต้องการอะไร แต่ทว่า…

“อย่าเลย…”
ดวงตาที่ปิดพร้อมเบิกโพลง ขัดใจที่สุดจนถึงที่สุด

“ทำไม!? ไม่นะปาน…” ตะกายลุกขึ้นคว้าท่อนแขนของคนที่ถอยห่างด้วยใบหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งยืนบนเตียงหลุบตามองเจ้าของร่างเปลือยด้วยแววตาว่างเปล่า หล่อนไร้อาภรณ์ขณะที่เขายังไม่มีส่วนใดหลุดลุ่ย และนี่คือสิ่งที่เขาต้องการให้มันเป็น!

“เพราะเรา… ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ขอตัว”

“ไม่!” ร่างแบบบางโผนเข้ากอดร่างแกร่งไว้แน่นหนา หล่อนต้องการจนถึงที่สุดเขากลับถอนตัวออกห่าง “คนบ้า! คุณทำอย่างนี้กับเปรมไม่ได้นะ”

เจ้าของเสียงแหลมกรีดร้อง นัยน์ตาก่ำเยิ้มด้วยหยาดน้ำใส ไม่รู้เพราะอะไร เพราะห่วงหาอาวรณ์ในตัวเขาหรือว่าเพราะยังไม่ได้ในสิ่งที่หล่อนต้องการกันแน่…

“ได้สิ ผมทำได้อยู่แล้ว เหมือนกับที่คุณทำได้ไงเปรม มันจบแล้ว อย่างที่คุณบอกผม นับแต่นี้ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกระหว่างผมและคุณ ลาก่อนเปรมปรีดิ์ ขอให้คุณโชคดีกับบ่อเงินบ่อทองที่ตกลงไปนะ”

มือหนาปลดมือเรียวรอบเอวสอบของเขาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวกรีดร้องราวคนบ้า ความต้องการที่พลุ่งพล่านมิถูกปลดปล่อย หนำซ้ำยังมาถูกทอดทิ้งจากคนที่หล่อนต้องการมันจากเขาที่สุดเสียอีก

“กรี๊ดด!! ปาน! ไอ้บ้า! กลับมานะ กลับมา!”
ร่างสูงชะงักเท้า กรามแข็งแกร่งบดเบียดจนนูน ไม่มีใครเคยหยาบคายกับเขาเช่นนี้มาก่อน แต่หล่อน ผู้หญิงแพศยากล้าที่จะหยาบคายกับเขา ชายหนุ่มสลัดความคิดแล้วเปิดประตูก่อนเดินออกไปแล้วปิดดังปังตามแรงอารมณ์ ก้าวยาวๆ ออกไปจากบ้านหลังกะทัดรัดของเปรมปรีดิ์อย่างไม่คิดหันกลับ แล้วโหนขึ้นไปนั่งบนกระบะคันสวยพร้อมสตาร์ตแล้วเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ยังทันได้เห็นร่างบางของเปรมปรีดิ์จากกระจกส่องหลังวิ่งตามออกมาในชุดคลุมก่อนเหลือบตาไปข้างหน้า ใบหน้าเย็นชาก่อนหน้านี้หม่นลง หัวใจบอบช้ำเพราะผู้หญิงสวยแต่รูป!

ติ๊ด ตะ ลิด ติ๊ด ชึ่ง… ติ๊ด ตะ ลิด ติ๊ด ชึ่ง… ติ๊ด ตะ ลิด ติ๊ด ชึ่ง

เสียงเรียกเข้าเฉพาะสายดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในอารมณ์ไม่พร้อมจะรับฟังอะไรทั้งสิ้นถอนหายใจ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใครเมื่อได้ยินเพลงนี้ นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองแล้วหันไปหยิบบลูทูธขึ้นมาครอบใบหู

“คุณลุง… วันนี้อย่าลืมซื้อขนมมาฝากเต้นะคับ” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายเต้ร้องออกมาทันทีเมื่อเขากดรับ จากใบหน้าเข้มขรึมก่อนนี้จึงค่อยผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเสียงหลานรัก

“ได้สิครับ แล้วลุงปานจะซื้อกลับไปฝากนะครับ อ้อ ลองถามพี่นุ่มสิ ว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า?” เด็กน้อยอายุเพียงหกขวบหันไปถามพี่เลี้ยงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่เพิ่งพ้นรั้วโรงเรียนมาหมาดๆ

“พี่นุ่มครับคุณลุงปานถามว่าพี่นุ่มจะเอาอะไรหรือเปล่า?”
สาวน้อยหน้าใสผมตัดสั้นแค่บ่าสั่นหน้าทันที เพราะเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อจัดแต่ก็ดุจัดขึ้นมาทีไร หญิงสาวมีอันต้องรู้สึกแหยงเสียทุกครั้ง…

“เอ่อ ไม่ล่ะจ้ะ”

“แน่ใจนะครับ” เด็กชายเต้ถามซ้ำ ใบหน้าจริงจังเกินเด็กหกขวบ เรียกร้อยยิ้มหวานๆ เรียกร้อยยิ้มหวานๆ จากพี่เลี้ยงสาวได้ง่ายดาย

“จริงสิคะน้องเต้” น้องเต้พยักหน้าแล้วหันไปตอบคุณลุง

“พี่นุ่มไม่เอาครับ แต่เต้เอา” คนปลายสายยิ้มจางๆ เขาได้ยินหมดแล้วตั้งแต่เจ้าหลานชายเริ่มถามพี่เลี้ยง

“โอ.เค. งั้นแค่นี้นะครับลุงขับรถอยู่”

“ครับ หวัดดีครับ” เด็กชายเต้วางสายโทรศัพท์แล้วหันมาบอกพี่เลี้ยงสาวน้อย “คุณลุงบอกขับรถอยู่ครับ”

“จ้า งั้นเราไปอ่านหนังสือรอคุณลุงกันดีกว่านะคะ ป่านนี้ป้าใจเตรียมขนมไว้ให้น้องเต้แล้ว”

“ดีครับ งั้นเราไปอ่านหนังสือกันดีกว่า” ว่าแล้วเด็กชายเต้ก็วิ่งนำหน้าสาวน้อยไปอย่างกระตือรือร้น…
ฤทัยรัตน์ เพิ่งสำเร็จชั้นมัธยมศึกษามาได้ไม่นานนัก แม้ต้องการศึกษาต่อแต่ฐานะทางบ้านนั้นจำกัด จึงต้องออกทำงานเพื่อส่งเสียให้น้องๆ อีกสองคนได้เรียนในชั้นที่สูงขึ้น จนเมื่อต้นปีที่แล้วปานทิพย์เกิดเรื่องขึ้น คุณพ่อและคุณแม่ของน้องเต้ซึ่งเป็นน้องชายและน้องสะใภ้ของปานกมลประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตทั้งคู่ ทำให้ปานกมลต้องประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กเพื่อดูแลน้องเต้โดยใกล้ชิด

น้องเต้ร้องหาบิดามารดาบ่อยครั้งในช่วงแรก เมื่อเวลาผ่านไปจึงเริ่มเข้าใจและยอมรับ แต่ชายหนุ่มก็ยังสมัครใจจ้างพี่เลี้ยงเพื่อดูแลหลานชายต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับสาวน้อยเพราะหากเขาเลิกจ้างหล่อนคงต้องออกหางานใหม่ทำ และคงต้องไกลบ้านมากขึ้นกว่าเดิม…

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาเทียบท่า น้องเต้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูนเล่มล่าสุดแล้ววางลงพร้อมกับวิ่งออกไปรับหน้าทันที โดยมีฤทัยรัตน์เดินตามออกไปอย่างเป็นห่วง

“คุณลุงมาแล้ว!”

“ช้าๆ ค่ะน้องเต้” หญิงสาวเดินเร็วๆ ก่อนจะชะลอฝีเท้าลงเมื่อคนตัวเล็กวิ่งไปกอดขาคุณลุงที่ลงจากรถพร้อมกล่องขนมของโปรด
“ไงตัวยุ่ง ลงมารับลุงถึงนี่เลยนะ” ปานกมลเอ่ยกลั้วหัวเราะ ใช้มือข้างหนึ่งที่วางช้อนร่างอ้วนป้อมของหลานชายสุดรักขึ้นอุ้ม อีกมือก็ถือถุงใบโตที่มีกล่องขนมบรรจุอยู่ในนั้นตรงไปยังคนตัวบางที่ยืนรออยู่ด้านบนของบ้าน

“นุ่มช่วยค่ะ” สาวน้อยอาสาเมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึง

“ขอบใจ” ส่งขนมให้แล้วสาวเท้าเดินนำเข้าไปภายในบ้านโดยมีหญิงสาวตามเข้าไปติดๆ

“คุณลุงกลับเร็วจัง” น้องเต้เอ่ยเมื่อชายหนุ่มปล่อยให้นั่งลงข้างตัวบนเก้าอี้ไม้สัก ดวงตาสีเข้มมองตามลูกจ้างสาวน้อยที่เดินหายเข้าไปภายในครัวแล้วหันมายังหลานชายที่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ

“ก็วันนี้คุณลุงเสร็จธุระเร็วก็ต้องกลับเร็วสิครับ” ตอบยิ้มๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กชายปานชีวาเบาๆ พลางคิดถึงธุระที่เสร็จสิ้นลงแล้วตลอดกาลก่อนปัดออกจากห้วงคะนึงเมื่อร่างบางของสาวน้อยนามว่านุ่มเดินถือจานขนมออกมา

“ขนมคะน้องเต้ น้ำค่ะคุณปาน” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าถูกเจ้านายหนุ่มหล่อจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว “เอ่อ มีอะไรจะใช้นุ่มหรือเปล่าคะคุณปาน?”

เสียงถอนหายใจหนักหน่วงและใบหน้าคมคายที่ก้มลงมองหลานตัวน้อยทานขนมนั้นแลคล้ายจะมีทุกข์ แต่ด้วยฐานะลูกจ้างตัวเล็กนิดเดียวคงมิอาจช่วยเขาได้

“ไม่มีอะไรหรอก มากินขนมด้วยกันสิ ฉันซื้อมาเผื่อเธอด้วย” เขาบอกพลางมองขนมสลับสาวน้อยนุ่มนิ่มตรงหน้ายิ้มๆ เมื่อหญิงสาวหลุบตาลงมองขนมฝรั่งนัยน์ตาเป็นประกายไม่ได้ต่างไปจากเจ้าหลานชายของเขาเลยสักนิดเดียว

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ นุ่มทานขนมป้าใจแล้ว” เขารู้ว่าหล่อนเกรงใจ

“เถอะน่า ฉันซื้อมาเผื่อเธอ เธอก็ควรจะกินด้วย ถือเสียว่ากินเป็นเพื่อนน้องเต้ เนอะ น้องเต้เนอะ กินคนเดียวไม่อร่อยสักหน่อยว่าไหม?” เด็กชายตัวน้อยที่เคี้ยวตุ้ยเงยขึ้นพยักหน้าให้คุณลุง

“ครับไม่อร่อยเท่าไร พี่นุ่มกินด้วยกันสิครับ อร่อยมากเลยนะ” คนบอกไม่อร่อยแต่สุดท้ายก็เผลอลงเอ่ยว่าอร่อยมากทำให้หญิงสาวยิ้มขัน เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เขามองมือเล็กเรียวของฤทัยรัตน์หยิบขนมโดนัทไส้ครีมเอาไปกัดแล้วก้มลงมองหลาน ไม่อยากให้หล่อนอายเขานัก ก่อนจะนึกไปเมื่อครึ่งปีก่อนที่รับเข้าทำงาน

นางสาวฤทัยรัตน์ อายุสิบแปดปีเต็ม เพิ่งจบจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกมาหมาดๆ ด้วยฐานะทางบ้านย่ำแย่ ทำให้ไม่มีเงินเรียนต่อในระดับสูง จึงต้องออกหางานทำเพื่อจุนเจือครอบครัว และเป็นอีกแรงเพื่อช่วยส่งเสียน้องๆ อีกสองคนให้ได้เรียน เขาเห็นความเด๋อด๋าในหน้าตาหล่อนขณะนั้นแต่ในขณะเดียวกันก็เห็นความมุ่งมันจริงจัง บวกกับความเห็นใจในโชคชะตาทำให้ตัดสินใจรับหญิงสาวเข้าทำงานเป็นพี่เลี้ยงหลานชาย

จากวันนั้นถึงวันนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก ฤทัยรัตน์ยังคงไว้ผมสั้นเสมอบ่าเท่าเดิม ใบหน้าเรียวรูปไข่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม คิ้วเรียวดกดำ ริมฝีปากสีเรื่ออย่างสาวน้อยทั่วไป ผิวหน้านวลเนียนไร้สิวฝ้า ร่างกายบอบบางเหมือนสาวรุ่น รวมๆ กันแล้ว ฤทัยรัตน์ก็คือสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักที่เขาเห็นบ่อยๆ แต่ที่ทำให้เขาค่อนข้างเอ็นดูก็คงจะเป็นเพราะความเจียมเนื้อเจียมตัวของหญิงสาวนั่นเอง

“วันนี้ฉันอนุญาตให้กลับเร็วได้นะ ส่วนน้องเต้ฉันจะดูแลต่อให้เอง” เขาบอกเมื่อหญิงสาวยกน้ำขึ้นดื่ม

“เอ่อ…” ฤทัยรัตน์ติดอ่างเหมือนทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขา หล่อนมักจะทำตัวเก้ๆ กังๆ เหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเองเมื่อต้องเผชิญหน้าหรือสบตาเจ้าบ้าน

“ไม่ต้องเอ้ออ้าหรอก วันนี้ฉันไม่มีอะไรต้องทำแล้ว อนุญาตให้กลับเร็วหนึ่งวันไม่ดีหรือไง?” คนได้รับความปรานียิ้มแหย ไม่อยากถูกดุจึงก้มหน้างุด ทำให้อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอา

“เฮ้อ เมื่อจะโตสักทีน้าน้องเต้ ทั้งพี่เลี้ยงทั้งหลานดูจะเด็กพอๆ กันเลย” เขาหันไปคุยเล่นกับหลานชาย ขณะที่ฤทัยรัตน์แก้มแดงปลั่งเงยหน้าขึ้นมองเสียงทุ้มๆ ฟังดูอ่อนโยนที่เอ่ยกับหลานชายอย่างหวั่นๆ

“แต่ยังไม่หมดเวลางานเดี๋ยวคนอื่นว่านุ่มได้นะคะ” หญิงสาวค้าน คนตัวโตหันขวับพร้อมนัยน์ตาคมปราบที่ตวัดมอง

“ใครจะกล้า ในเมื่อฉันเป็นคนสั่ง?” คิ้วหนาเลิกขึ้นราวถาม แต่หญิงสาวรู้ดีว่าไม่มีใครกล้าตำหนิเขาแน่นอน หล่อนก็คนหนึ่งที่ไม่กล้าหือกับเขา…

“ถ้าอย่างนั้นนุ่มขอตัวกลับก่อนนะคะ” เมื่อไม่สามารถอยู่สู้ตาคมกริบของเจ้านายหนุ่มรูปหล่อได้อีกต่อไป หญิงสาวจึงเลือกหนทางที่เขาหยิบยื่นให้นั่นคือ… การกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน

“เชิญ…” เขาบอกแล้วก็หันไปสนใจหลานโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองลูกจ้างสาวน้อยอีกเลย ฤทัยรัตน์ก้มหน้าหมุนตัวหันตรงไปยังหน้าบ้านโดยไม่รู้ว่าเมื่อหันหลัง เจ้าของบ้านหนุ่มก็มองตามไปจนลับสายตา แต่แล้วเสียงร้องครืนของฟ้าก็ดังขึ้น คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนลุกขึ้นเดินไปดูฟ้าด้านนอก มันมืดครึ้มจนมองไม่เห็นสีของฟ้า ขาเพรียวยาวภายใต้กางเกงยีนเนื้อดีก้าวยาวๆ ตรงไปยังประตูบ้าน เห็นร่างเล็กๆ สตาร์ตรถขับออกไปอย่างรวดเร็วแล้วให้นึกฉุน

“เด็กบ้า! ฟ้าครึ้มขนาดนี้ยังระห่ำผ่าออกไปอีก เดี๋ยวได้ถูกฝนจนไม่สบายกันพอดี” ชายหนุ่มบ่นอุบหันรีหันขวางจนเห็นแม่บ้านเดินเร็วๆ ออกมาเพราะลมเริ่มพัดแรงขึ้นจึงเรียกเอาไว้

“ป้าใจครับ!”

“คะคุณปาน?” สายใจแม่บ้านเก่าแก่เดินหน้าตื่นเข้ามา พลางมองตามฤทัยรัตน์ที่เพิ่งจะหายลับไปจากสายตาอย่างเป็นห่วง

“อยู่ดูน้องเต้ให้ด้วยนะครับ ผมจะออกไปตามนุ่ม ไปได้ไม่ถึงไหนหรอกเดี๋ยวก็เปียกฝน” สิ้นเสียงสั่งความร่างสูงก็ก้าวฉับลงไปยังกระบะอีกคันที่จอดนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีร่างของแม่บ้านยืนมองอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหมุนกายเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนน้องเต้เมื่อฟ้าเริ่มคำรามจนสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้ง…



ฝากด้วยนะคะ แต่เรื่องนี้ลงเร็วและลบเร็วสักหน่อยค่ะ พอดีว่าลงอยู่ที่เว็ปอื่นและใกล้จะลบปล้ว เพิ่งมีโอกาสได้มาอัพผลงานที่เว็บเลิฟเลยทำให้ลบเร็วสักหน่อยค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ




วิลัลวลี วิลัลลา เจตคมน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2556, 17:42:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2556, 17:58:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 854





   บทที่ 1 อุบัติเหตุ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account