เกลียดนักที่รักเธอ(รีไรท์)

Tags: บูเกต์ พีชญา นนท์

ตอน: 3/1

บทที่ 3

พีชญาก้มดูเข็มสั้นเข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือสลับกับเงยหน้าขึ้นดูตัวเลขสีแดงเหนือประตูลิฟต์ภายในคอนโดมิเนียมที่เธอซื้อไว้สำหรับพักอาศัยหลังจากเรียนจบและทำงานเก็บเงินได้สองปี ตัวเลขสีแดงกะพริบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามชั้นที่ห้องโดยสารรูปทรงสี่เหลี่ยมเคลื่อนผ่าน จะว่าไปก็คงเป็นอัตราเร็วตามปกติของมัน หากสำหรับคนรอ… ยิ่งในเวลาที่รีบมากๆ อย่างตอนนี้ด้วยแล้ว เมื่อมันมาไม่ทันใจก็ไม่วายหงุดหงิดและคิดว่าลิฟต์ทำงานช้ากว่าปกติ

‘ติ๊งงงง…’

คนกดเรียกลิฟต์ถึงกับถอนหายใจคลายความเคร่งเครียดลงไปได้บ้างเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณแจ้งว่ามันเคลื่อนลงมาถึงชั้นที่คอยอยู่แล้ว หญิงสาวขยับเท้าเตรียมก้าวเข้าไปภายในทันทีที่เห็นประตูเหล็กสองบานค่อยๆ ขยับห่างออกจากกันจนเห็นช่องว่าง ทว่าพอมันเปิดออกจนสุด คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของลิฟต์กลับชะงักเท้าหยุดอยู่กับที่ราวกับว่าพื้นที่ยืนมีแรงยึดเหนี่ยวมหาศาลจนเธอไม่สามารถยกเท้าขึ้นได้

แต่เปล่าเลย นอกจากแรงโน้มถ่วงของโลกแล้วที่พื้นไม่มีแรงยึดเหนี่ยวอื่นใด สาเหตุที่พีชญาก้าวขาไม่ออกเป็นเพราะชายหนุ่มหญิงสาวที่จับจองพื้นที่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มาก่อนนั่นต่างหาก… ด้วยสิ่งที่เขาและเธอกำลังทำอยู่มันผิดวิสัยของผู้โดยสารลิฟต์สาธารณะ เขาและเธอทำราวกับว่าเจ้าห้องโดยสารรูปทรงสี่เหลี่ยมนั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัว โรงแรมเคลื่อนที่ หรืออะไรสักอย่าง… ซึ่งความจริงมันไม่ใช่! นี่มันลิฟต์สำหรับผู้พักอาศัยทุกคนในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ ที่ถูกที่ควรคือใช้โดยสารขึ้นลงภายในตัวตึก ไม่ใช่มากอดจูบลูบคลำจนแทบจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้!

เวลาชั่วเสี้ยวนาทีของคนสองคนที่กำลังแสดงออกถึงตัณหาราคะระหว่างกัน หากกลับยาวนานราวกับผ่านไปนับชั่วโมงสำหรับบุคคลที่สาม คนที่ไม่ค่อยจะสะทกสะท้านกับอะไรง่ายๆ ถึงกับเบิกตากว้างเกือบอ้าปากค้างไปแล้วด้วยซ้ำดีแต่ยกมือขึ้นตะครุบปิดเอาไว้ได้ทัน สองเท้าที่ควรจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ตามอัตโนมัติเมื่อเห็นประตูเปิดกลับตรึงอยู่กับที่ แล้วเขาและเธอที่กระทำการราวกับว่าทั้งโลกมีเพียงสองเราก็เริ่มรู้สึกตัวก่อนจะผละริมฝีปาก มือไม้ และร่างกายออกห่างจากกันอย่างอ้อยอิ่ง

ฝ่ายชายดูจะเก้อไปเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นเสยผมลวกๆ ก่อนจะขยับจัดชุดสูทและเนคไทให้เข้าที่ ในขณะที่ฝ่ายหญิงดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านใดๆ เจ้าหล่อนกอดอกเชิดหน้าขึ้นไม่ได้ใส่ใจกับเสื้อที่ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ด หรือกระโปรงที่ร่นขึ้นจนเห็นไปถึงไหนๆ

“ลงรึเปล่าครับ” เสียงห้าวทุ้มดังถามขึ้นมา
พีชญาอึกอักพูดไม่ออก แค่ได้เห็นฉากเลิฟซีนถ่ายทอดสดเต็มสองตาเธอก็ช็อคจนยกเท้าไม่ขึ้นแล้ว แต่พอได้เห็นว่าผู้แสดงนำฝ่ายชายเป็นใคร… คราวนี้เธอถึงกับช็อคซีเนม่า!
“คุณครับ จะลงด้วยกันรึเปล่า” เขาถามซ้ำ
และคนช็อคก็ยังช็อคไม่หายไม่อาจขยับริมฝีปากเปล่งเสียงออกมาได้

“อ๊าย ชักช้าน่ารำคาญ ไปกันเถอะค่ะนนท์ไม่ต้องสนใจหรอก” ไม่เพียงพูดเปล่าเจ้าหล่อนยังยื่นนิ้วที่เล็บทาเคลือบด้วยสีแดงเลือดนกไปกดปุ่มปิดประตูลิฟต์

“ดะ เดี๋ยว นี่คุณ คุณ!” พีชญาทำได้แค่ละล่ำละลักแทบไม่เป็นคำเมื่อเห็นบานประตูลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน “ทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่มันลิฟต์สาธารณะไม่ใช่ห้องส่วนตัวของพวกคุณ ฉันมีธุระด่วนต้องรีบไปเดี๋ยวนี้” พอขาดคำช่องว่าง ระหว่างบานเหล็กสองบานก็วับหายไปทันที

“เฮ้ย!” หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างแล้วกะพริบตาปริบๆ ตามตัวเลขสีแดงที่กะพริบเปลี่ยนจำนวนลงไปเรื่อยๆ และกว่า จะได้สติมันก็กะพริบเปลี่ยนเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษบ่งบอกว่าได้หยุดอยู่ที่ชั้นล่างสุดเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
“คอยดูถ้าถึงทีฉันเมื่อไหร่ล่ะก็ ต่อให้ญาติเสีย เมียตามแพ่นกบาล ข้าศึกบุก ก็อย่าหวังว่าจะให้เข้าลิฟต์ด้วย ฮึ่ย!” ปากรัวคำอาฆาตแบบว่าแค้นนี้ต้องชำระ ขณะที่นิ้วก็รัวกระหน่ำกดปุ่มเรียกลิฟต์อีกครั้ง






“คุณพีชญา ไม่ทราบจะติดต่อเรื่องอะไรคะ” ประชาสัมพันธ์สาวแต่งหน้าสวยเฉี่ยวซึ่งอยู่ประจำเคาน์เตอร์สอบถามข้อมูลเบื้องต้นหลังจากเจ้าของร้าน Chill @ the Jungle ยื่นใบขับขี่ให้เพื่อแลกบัตรผ่านเข้าไปภายในตัวอาคารสูงรูปลักษณ์ทันสมัยตั้งโดดเด่นอยู่บนถนนสายธุรกิจของกรุงเทพมหานคร

“อินทีเรียร์ดีไซน์บ้านพักตากอากาศค่ะ คุณอรสานัดให้มาคุยรายละเอียดบ่ายสองวันนี้”

คนทำหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนประจำอาคารพยักหน้าแล้วคลิกเมาส์สำรวจรายการนัดหมายบนหน้า จอคอมพิวเตอร์เพียงครู่ ก่อนจะหยิบบัตรแข็งปั๊มตัวอักษรด้านในว่า ‘Visitors’ วางไว้ให้บนเคาน์เตอร์แล้วบอกว่า “ขึ้นไปที่ ชั้นยี่สิบแล้วเลี้ยวขวานะคะ คุณจะเห็นชุดโซฟารับรองแขก ให้นั่งรออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวคุณอรสาจะมาพบคุณเอง”

“ขอบคุณค่ะ” พีชญาไม่ลืมกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่อำนวยความสะดวกให้ เธอก้าวตรงไปยังทิศทางที่ทอดเข้าสู่ตัวลิฟต์ก่อนจะใช้บัตรที่ได้รับมาจากประชาสัมพันธ์สาวแตะไปที่เซ็นเซอร์เพื่อให้แผงกั้นทางเปิดออกและอนุญาตให้เธอผ่าน เข้าไปยืนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารไปยังชั้นต่างๆ ภายในตัวอาคาร

หญิงสาวถึงกับระบายลมหายใจพรูเมื่อมาถึงชุดโซฟารับแขกแล้วพบว่ายังมีเวลาเหลืออีกเกือบยี่สิบนาทีก่อนจะถึงเวลานัดหมาย นับเป็นสัญญาณในทางบวกครั้งแรกของวันนี้ หลังจากช่วงครึ่งวันเช้าเธอต้องผจญกับเรื่องราวไม่ได้อย่างใจมาโดยตลอด ไหนจะไปถึงที่ทำงานสายถูกเจ้านายบ่นจนหูชา แม้ว่าบริษัทที่เธอเป็นพนักงานประจำจะไม่ซีเรียสเรื่องเวลาเข้างาน เพราะพนักงานสามารถเลือกทำงานจากที่ไหนก็ได้ขอแค่ให้มีผลงานส่งตามกำหนดเวลา หากต้องยกเว้นสำหรับวันนี้ ด้วยคนเป็นเจ้านายต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศหลายวันจึงนัดเธอมาแต่เช้าเพื่อมอบหมายงานบางส่วนให้รับผิดชอบแทน แต่เธอกลับไปสายทำให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลารอและกว่าจะพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยคนมีหน้าที่จ่ายเงินเดือนก็เกือบจะตกเครื่อง เธอจึงไม่พลาดถูกสวดภาณยักษ์ไปตามระเบียบ

จากนั้นก็มาถึงคิวของเสี่ยเกี๊ยง ผู้ชายอันตรายที่พีชญาไม่อยากจะเฉียดกายเข้าใกล้ หากเพราะอนาคตของ Chill @ the Jungle ทำให้เธอจำเป็นต้องเสี่ยง โดยอีกฝ่ายทำทีเป็นผ่อนปรนในข้อตกลงเรื่องการซื้อขายที่ดินและนัดออกไปคุย รายละเอียด เธอเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีจึงไม่ปฏิเสธ แม้สถานที่นัดหมายจะอยู่ลึกลับซับซ้อนเกินไปหน่อยก็ไม่นึกหวั่น เพราะก่อนจะตอบตกลงเธอได้เตรียมการจนมั่นใจว่าตัวเองสามารถรับมือตาเสี่ยหัวงูแถมยังเจ้าเล่ห์เป็นสุนัขจิ้งจอกได้แน่ แต่พอไปถึงนอกจากจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายที่ดินแล้ว เธอยังเสียสุขภาพจิตเพราะถูกแทะโลมทั้ง ทางวาจาและสายตา ดีแต่ว่าช่วงเวลาอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นดำรงอยู่ไม่นานด้วยจู่ๆ อีกฝ่ายก็มีท่าทีลุกลนหลังจากรับ โทรศัพท์ก่อนจะหันมาบอกว่ามีธุระด่วนคุยต่อไม่ได้ทั้งยังเร่งให้เธอรีบขับรถออกไปจากร้านอาหารที่นัดกันไว้อีก เฮ้อ… อุตส่าห์ถ่อสังขารขับรถไปตั้งไกล เสียทั้งเวลา ค่าน้ำมัน แล้วยังสุขภาพจิต แต่กลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง

การประสบกับเรื่องราวไม่ได้ดั่งใจซ้ำหลายหนในวันเดียว ใครหลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตา หรือไม่ก็อาจจะก้าวเท้าผิดข้างออกจากบ้าน หากพีชญาไม่เชื่อเช่นนั้น สำหรับเธอแล้วเรื่องราวแย่ๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเธอยกให้เป็นความผิดของผู้ชายบ้ากามกับผู้หญิงร่านสวาทที่ไม่รู้ว่าเก็บกดมาจากไหนถึงได้มากอดจูบลูบคลำกัน แม้กระทั่งในลิฟต์สาธารณะ ต้องเป็นเพราะภาพอุจาดตานั่นแน่ๆ ที่ทำให้เธอซวยซ้ำซวยซ้อนตั้งแต่เช้ายันเที่ยง!

‘สาธุ… ขออย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย’

หญิงสาวตั้งจิตอธิษฐาน ณ จุดนี้ เธอหวังสุดใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีจริงและดลบันดาลให้เธอสมปรารถนา จากนั้น ก็สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ปัดเรื่องราวไม่น่าอภิรมย์ต่างๆ ออกจากใจก่อนจะหันมาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีก ครั้ง วันนี้เธอแต่งกายด้วยเสื้อแขนกุดสีขาวคลุมทับด้วยสูทลำลองสีน้ำเงินเข้ม กางเกงเป็นทรงสกินนี่สีเดียวกับเสื้อตัวใน บนไหล่สะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้ากันกับเข็มขัดและรองเท้า แลดูเรียบร้อยกว่าทุกวัน หากก็ไม่ถึงกับเคร่งขรึมเป็น ทางการจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมาะสำหรับการนัดพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดกับลูกค้าในครั้งแรก

นั่งรอเพียงไม่นานคนที่นัดหมายไว้ก็มาพบถึงชุดโซฟารับแขกดังคำที่ประชาสัมพันธ์สาวบอกไว้ และแม้จะเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่พีชญาก็แน่ใจว่าสาวใหญ่ในชุดสูทกระโปรงสีน้ำตาลแลดูภูมิฐานซึ่งกำลังเดินตรงเข้ามายังทิศทางที่เธอนั่งอยู่คือคุณ ‘อรสา’ คนที่เธอต้องการพบ เพราะอีกฝ่ายส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้แต่ไกล หญิงสาวจึงรีบผุดลุกขึ้นและส่งยิ้มตอบ

“สวัสดีค่ะ คุณพีชญาใช่มั้ยคะ” สาวใหญ่ทักขึ้นทันทีที่เดินมาอยู่ในระยะที่สามารถสนทนากันได้

พีชญายกมือไหว้ “ใช่ค่ะ ฉันพีชญา”

“พี่อรสาเองค่ะ ขออนุญาตเรียกสั้นๆ ว่าคุณพีชตามที่คุณแพทคุณอ้อเรียกได้มั้ยคะ” อีกฝ่ายกล่าวถึงเพื่อนกับสามีซึ่งเป็นผู้แนะนำลูกค้ารายล่าสุดให้ และจากท่าทีเป็นมิตรที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกเห็นเจ้าของไซส์มินิจึงไม่คิดปฏิเสธ นอกจากจะส่งยิ้มตอบกลับแล้วพยักหน้ารับ

“พี่ปล่อยให้รอนานรึเปล่าคะนี่ ขอโทษนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ พีชเองก็เพิ่งมาถึง”

“ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้างั้นก็ไปกันเลยนะคะ ท่านรองรออยู่แล้ว”

“ค่ะ” พีชญาตอบรับ หลังจากตกลงรับงานที่เพื่อนสนิทเป็นผู้แนะนำให้แล้ว อรสาก็เป็นผู้นัดหมายเวลาเพื่อพูดคุยในรายละเอียดระหว่างเธอกับผู้ว่าจ้างอีกที โดยครั้งนี้เป็นการนัดหมายครั้งที่สามหลังจากสองครั้งแรกต้องถูกยกเลิกไปเพราะ ‘ท่านรอง’ ของสาวใหญ่เผอิญติดธุระสำคัญ และครั้งนี้ก็นับเป็นครั้งแรกของการพบลูกค้าโดยที่สาวไซส์มินิไม่มีโปรไฟล์ของอีกฝ่ายอยู่ในมือ ข้อมูลที่เจ้าสาวหมาดๆ ให้มามีเพียงแค่ผู้ว่าจ้างเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เพื่อนรุ่นน้องของภัทรผู้เป็นสามี แต่ถึงแม้ข้อมูลที่มีจะน้อยไปนิด หากพีชญาก็ไม่ซีเรียสเพราะคิดว่าเพื่อนคงจะพิจารณามาถ้วนถี่แล้วถึงได้ติดต่อให้เธอรับงาน ประกอบกับช่วงนี้ตัวเธอเองก็ประสบกับปัญหาหลายอย่างจนลืมคิดที่จะหามันด้วยตัวเอง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอก็พบว่าบางทีโปรไฟล์เล่มหนาบรรจุข้อมูลแน่นเอี๊ยดก็ไม่ช่วยอะไร สู้การพบปะพูดคุยกันโดยตรงไม่ได้ แม้จะแค่ครั้งเดียว แต่ก็อาจจะเป็นครั้งเดียวนั้นที่ทำให้เธอเกิดไอเดียสร้างสรรค์งานได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด

“เชิญค่ะ” อรสาเคาะประตูสามครั้งแล้วก็ผลักเข้าไปเลยโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้องก่อนตามมารยาทที่พึงกระทำ พีชญาเห็นดังนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

สาวใหญ่หันมายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านรองบอกไว้แล้วว่าถ้าคุณพีชมาถึงเมื่อไหร่ก็ให้พาเข้ามาได้เลย” เมื่ออีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้นสาวไซส์มินิจึงไม่มีปัญหาใดๆ ยอมก้าวตามเข้าไปภายใน

ตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้เข้ามาในอาณาจักรส่วนตัวของลูกค้าสายตาของคนที่ทำงานคลุกคลีอยู่ในแวดดงของการออกแบบก็เริ่มทำงานทันที เบื้องหลังบานประตูทำจากไม้สักสีน้ำตาลเข้มแกะสลักเป็นรูปหงส์ฟ้า คือห้องทำงานโอ่โถงตกแต่งในสไตล์มินิมัลลิสต์ เรียบ เก๋ ไม่รกตา ฝาผนัง พื้นห้อง เพดาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์หลักใช้โทนสีแบบโมโนโทน ขาว เทา ดำ หากมีการเพิ่มลูกเล่นให้ภายในห้องดูโดดเด่นขึ้นด้วยเก้าอี้ทำงานแบบมีล้อหมุนสีแดง หมอนอิงพิมพ์ลายกราฟฟิกสีชมพู กรอบรูปและแจกันสีโอลด์โรส หญิงสาวบันทึกรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ในใจ เพราะถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเธอคงได้ใช้มันเป็นข้อมูลในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้านพักตากอากาศที่กำลังจะคุยรายละเอียดกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

“อ้าว ท่านรองหายไปไหน” คนที่เดินนำหน้าเปรยขึ้นมาเพราะภายในห้องนอกจากพวกเธอสองคนแล้วก็ไม่มีใครอีกเลย “น่าจะอยู่ข้างในนี้นะคะเพราะพี่เองก็นั่งอยู่หน้าห้องตลอดไม่เห็นแกออกไปไหนเลย” คราวนี้หันบอกกับคนที่เดินตามหลัง

พีชญามองข้ามไหล่สาวใหญ่ไปทางช่องว่างเล็กๆ กลางผนังห้องซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็น และขณะกำลังสงสัยว่ามันคืออะไร ใช่บานประตูที่เชื่อมต่อกับอีกห้องหนึ่งหรือเปล่า อีกฝ่ายก็ส่งเสียงแจ่มใสขึ้นอีกครั้ง “อ๋อ รู้แล้วค่ะ ต้องอยู่ในห้องประชุมเล็กแน่เลย ไปเถอะค่ะคุณพีช” จบคำก็ก้าวฉับๆ นำไปยังทิศทางที่ว่าทันที




“ทำไมยังอยู่ล่ะ ไม่รีบไปรับลูกเหรอ”

“วันนี้เนตรติดธุระค่ะเลยให้ลุงเหวงไปรับแทน บอกน้องโน้ตไว้แล้ว แปลกจังพี่นนท์มาถึงนี่ได้ อ๋อ… เข้าใจแล้วล่ะ วันนี้ไม่มีปลิง เอ้ย! ลูกลิง เอ๊ะไม่ใช่สิ ต้องน้องหงิงๆ ตามเกาะเป็นทากดูดเลือด อ๊าย! แย่จังวันนี้เนตรเป็นอะไรก็ไม่รู้สิคะพูดผิดๆ ถูกๆ สงสัยจะปลื้มใจจัดที่พี่นนท์โผล่มาให้เห็นหน้า ถ้าว่างก็ไปรับลูกแทนเนตรหน่อยซิคะ แกคงเซอร์ไพรส์ปนปลื้มใจที่ในที่สุดก็ได้เจอพ่อนนท์หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบปี”

“มากไป แค่เกือบเดือน แล้ววันนี้พี่ก็ไม่ว่างมีนัดทานข้าวกับลูกค้า”

“หือ คู่ขา”

“เนตรดาว”

“เฮ้อ… น่าสงสารจริงๆ เลยน้องโน้ตของแม่ โตขึ้นจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาหรือเปล่าหนอ มีพ่อก็เหมือนไม่มี”

“หึ… ถ้าเจ้าหมูโน้ตจะมีปัญหาก็คงเพราะได้รับความอบอุ่นจากแม่มากเกินไปจนร้อนมากกว่า แล้วเรื่องไร้สาระก็พอแค่นี้ก่อน มีธุระสำคัญอะไรนักหนาถึงกับให้คนขับรถไปรับลูกแทน ทุกทีไม่เคยเห็นยอมให้เรื่องอะไรมาสำคัญกว่าลูก”

“สำหรับเนตรลูกสำคัญที่สุดอยู่แล้วค่ะ ไม่เหมือนพี่นนท์หรอก แต่ธุระวันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน เรื่องบ้านพักตากอากาศที่หัวหินไงคะ ไม่รู้ใครบอกว่าจะจัดการให้ทุกอย่างแต่จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เนตรกับลูกชอบทะเลเวลาไปเที่ยวก็อยากจะพักผ่อนอยู่ในที่ที่เป็นส่วนตัวบ้างไม่ใช่ตามโรงแรมหรือรีสอร์ต แต่รอร้อรอก็ไม่เห็นจะได้เรื่องเสียที เนตรเลยต้องจัดการเอง วันนี้เนตรนัดคุยรายละเอียดกับอินทีเรียร์ดีไซน์ค่ะ เอาเป็นว่างานนี้เนตรขอดูแลเองก็แล้วกันพี่นนท์ไม่ต้องยุ่งแล้ว”

“อะไรกัน ก็พี่คุยกับเพื่อนไว้แล้ว เขาต้องเก็บรายละเอียดงานอินทีเรียร์ดีไซด์บูติก โฮเต็ลที่เชียงใหม่อีกแค่เล็กน้อยก็จะมีเวลาไปดูแลบ้านพักตากอากาศของเรา เนตรจะใจร้อนไปทำไม”

“คราวก่อนพี่นนท์ก็บอกกับเนตรแบบนี้ แล้วไงล่ะคะเพื่อนพี่ก็ชิ่งไปรับงานที่ใหญ่กว่าผลัดงานของเราออกไปไม่มีกำหนด ไม่เอาหรอกค่ะเนตรไม่รอแล้ว อินทีเรียร์ดีไซน์ฝีมือดีๆ ใช่ว่าจะมีแค่เขาคนเดียวเสียเมื่อไหร่ แล้วเนตรก็เจอคนที่ถูกใจแล้วปล่อยให้เนตรจัดการเองเถอะค่ะ”

“บริษัทอะไร พี่รู้จักหรือเปล่า”

“น่าจะไม่นะคะ เพราะเขาเป็นฟรีแลนซ์”

“ฟรีแลนซ์! เนตร เธอลืมไปหรือเปล่าว่าบ้านหลังนั้นราคาเป็นสิบล้านนะ ไม่ใช่บ้านขนมปังหรือเลโก้บ้านสำหรับเด็กเล่นขายของ คิดได้ยังไงถึงจะจ้างฟรีแลนซ์ไม่มีสังกัดบริษัทรองรับ มันน่าเชื่อถือได้ที่ไหนกัน”

“แหมพี่นนท์เห็นเนตรเป็นคนยังไงคะ ก่อนจะทำอะไรเนตรก็ต้องหาข้อมูลอยู่แล้ว และเพราะได้เห็นฝีมือเขามานั่นแหละเนตรถึงตกลงใจจ้าง เนตรไม่ได้ปัญญาอ่อนโตแค่นมแต่สมองฝ่อเหมือนน้องๆ หนูของพี่นนท์หรอกนะ”

“ยังไงก็ช่างเถอะ พี่ไม่เห็นด้วย”

.....

TBC....
ฝากติดตามด้วยนะคะ^^



พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2556, 11:17:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2556, 11:17:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1202





<< ตอนที่ 2   
sai 14 ต.ค. 2556, 18:15:56 น.
ตาพี่นนท์คือหนุ่มในลิฟแน่ๆเบยยย


อาทิตา 25 ต.ค. 2556, 01:04:33 น.
สนุกจัง อ่านเพลินเลย
ปล. ฉากในลิฟต์น้อยไปนิดอะค่ะ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account