ข้อตกลงระหว่างหัวใจ
ยัยแสบทรวงของเขา กลับมาคราวนี้เจอเพื่อก่อศึกใหญ่ คิดจะทำให้เขายอมเธองั้นหรือ ไม่มีทาง
หา อะไรนะ ถ้าไม่ยอมเชื่อฟัง และยอมหมั้นกับยัยแสบทรวง คุณปู่จะไล่เขาออกจากกองมรดก? ไม่จริงน่า ทำไมคุณปู่ถึงได้รักและหลงยัยเด็กเก็บมาเลี้ยงมากกว่าเขาที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวเล่า!
ยัยแสบทรวงยื่นข้อเสนอมาข้อนึง ถ้าเขาเรียนจบ และทำให้คนในบริษัทยอมรับเขาได้ จะยอมยกเลิกการหมั้น ยัยนั่นมีสิทธิ์อะไรมาตั้้งเงื่อนไขเนี่ย แต่เพื่ออิสรภาพจากยัยโหด ธันว์รวิ จึงต้องยอมตกลงไปอย่างเสียมิได้
แต่ว่า ... พอยัยแสบทรวงเข้ามาใกล้เขาทีไร หัวใจเขาต้องเต้นแรง และไม่ยอมอยู่นิ่งๆทำท่าจะกระโดดออกมาจากอกอยู่เรื่อย
โอ๊ย ยัยนี่มาทำอะไรกับหัวใจเขาเนี่ยยยยย???
หา อะไรนะ ถ้าไม่ยอมเชื่อฟัง และยอมหมั้นกับยัยแสบทรวง คุณปู่จะไล่เขาออกจากกองมรดก? ไม่จริงน่า ทำไมคุณปู่ถึงได้รักและหลงยัยเด็กเก็บมาเลี้ยงมากกว่าเขาที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวเล่า!
ยัยแสบทรวงยื่นข้อเสนอมาข้อนึง ถ้าเขาเรียนจบ และทำให้คนในบริษัทยอมรับเขาได้ จะยอมยกเลิกการหมั้น ยัยนั่นมีสิทธิ์อะไรมาตั้้งเงื่อนไขเนี่ย แต่เพื่ออิสรภาพจากยัยโหด ธันว์รวิ จึงต้องยอมตกลงไปอย่างเสียมิได้
แต่ว่า ... พอยัยแสบทรวงเข้ามาใกล้เขาทีไร หัวใจเขาต้องเต้นแรง และไม่ยอมอยู่นิ่งๆทำท่าจะกระโดดออกมาจากอกอยู่เรื่อย
โอ๊ย ยัยนี่มาทำอะไรกับหัวใจเขาเนี่ยยยยย???
Tags: คู่กัด
ตอน: ตอนที่ 1 ยัยแสบทรวง คัมแบ๊ก !!
บทนำ
กว่าสามปีที่จากเมืองไทยไปเรียนต่อ พร้อมความคับแค้นใจที่ถูก หมอนั่น เรียกเธอว่ายัยขี้เหร่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้อยสุดา ปรัชญวงศ์ เดินเข็นรถขนสัมภาระของสนามบินออกมาจากประตู ปราดสายตามองก็พบแต่ ลุงมั่น คนขับรถ เธอกระตุกยิ้มมุมปาก
คิดแล้วไม่มีผิด ตานั่น ไม่มีทางทำตามคำสั่งคุณปู่ที่ให้มารับเธอหรอก ...
สร้อยสุดาไม่เห็นจะสนใจว่าตานั่นจะมาหรือไม่ แต่ที่อยากจะทำให้เธอแก้เผ็ดตานั่นไวๆก็เพราะเรื่องที่หมอนั่นเหลวไหลจนเกินจะกู่กลับแล้วมากกว่า
“หนูสร้อย หนูจะต้องกลับมาจัดการไอ้หลานตัวแสบแทนปู่นะ ปู่ยกให้หนูซัดมันให้เต็มเหนี่ยวเลย"
“ค่ะ คุณปู่ หนูเองก็ระอากับการมีคู่หมั้นห่วยๆแบบนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน"
สร้อยสุดา ... ตั้งเป้าหมายแล้วว่า ไม่ว่าจะต้องออกปาก หรือต้องออกแรงแค่ไหน เธอก็จะต้องทำให้หมอนั่นเรียนให้จบ และเป็นผู้สืบทอดกิจการแทนคุณปู่อย่างเพียบพร้อบให้ได้
... ได้เจอกับฉันแน่ ตาเหม่ง!
ตอนที่ 1
ภายในร้านอาหารฝรั่งเศส ร่างแบบบางในเดรสกระโปรงสั้นแนบเนื้อสีดำ สวมเสื้อนอกสีแดงสด เจ้าของดวงตากลมวาววับกำลังเพ่งไปยังชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง พวกเขาหัวเราะพูดคุยกันสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่าความหรรษาในมื้ออาหารเที่ยงกำลังจะแตกกระเจิง
หึ! อย่าคิดนะว่าจะหนีฉันพ้น นายซัน นายตัวแสบ!
หญิงสาวหมายมาด ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากัน ทั้งๆที่คุณท่านสั่งกำชับแล้วแท้ๆให้หมอนั่นไปรับเธอที่สนามบินตอนสายๆ แต่พอเธอลงเครื่องมาก็พบแค่ ลุงมั่น คนขับรถเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าตัว นายธันว์รวิ หรือ นายซัน หลานชายตัวแสบของคุณท่านกลับหนีหน้า หนีความรับผิดชอบมาหาเพื่อนแบบนี้
'โอ๊ย หนูสร้อย ปู่ล่ะเบื่อพ่อซันนัก ดูสิอายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังเรียนไม่จบ ธุรกิจที่ปู่อยากจะฝากฝังให้มันดูแล ถ้ายังเป็นแบบนี้ ปู่ไม่คิดจะยกให้มันหรอก'
คุณธีระกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก หลานชายตัวดีไม่เอาอ่าว อาจจะเพราะคุณพิศอร ผู้เป็นภรรยา หรือ คุณย่าของธันว์รวิแสนจะตามใจหลานชายกำพร้าพ่อแม่คนนี้นัก ก็เลยแทบจะเสียคน กว่าจะเคี่ยวเข็ญให้จบมัธยมปลาย จนตอนนี้ระดับปริญญาตรียังไม่จบเลย อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบห้าปีแล้ว ขนาดว่าเธอจบปริญญาตรีแล้วไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจจนจบแล้ว หมอนั่นก็ยังลอยชานไม่ร้อนรนอะไรบ้างเลย คิดแล้วก็อดหมั่นไส้เจ้าตัวไม่ได้!
หญิงสาวเดินตรงดิ่งไปทางกลุ่มของธันว์รวิ ได้ยินบทสนทนาดังจากพวกเขา
“ยัยสร้อยสนิมแสบทรวงนั่นน่ะเหรอ ฮึ่ย ฉันไม่อยากจะไปเจอหรอก" ธันว์รวิในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์เบ้ปากยามนึกถึงคนที่เอ่ยถึง
ใช่ ... คุณปู่สั่งให้เขาไปรับ สร้อยสุดา หลานเลี้ยงแสนรักของเขา แต่แล้วจะทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธออย่างที่คุณปู่รักเสียหน่อย ไม่อยากจะไปรับให้เสียศักดิ์ศรีหรอก
สร้อยสุดา เป็นเด็กที่คุณปู่รับมาเลี้ยงหลังจากเธอเสีย คุณตา ญาติเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของคุณปู่ และมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเขาตั้งแต่เด็กๆ
และสร้อยสุดา เป็นเด็กที่เรียบร้อย และเรียนเก่ง จนคุณปู่และคุณย่ารัก ทำให้เขามักจะถูกเปรียบเทียบเสมอๆ ธันว์รวิจึงเบื่อที่จะเจอหน้า หรือ อยู่ใกล้หล่อน
จนก่อนที่สร้อยสุดาจะไปเรียนต่อเมื่อสามปีก่อนนั้น ก็ยังได้มีปากเสียงก่อนจากกันอีก ยัยนั่นต่อว่าเขาเมื่อเขาคิดจะดรอปวิชาหนึ่ง ซึ่งนั่นจะทำให้เขาจบช้าไปอีกปี
'นายซัน แค่วิชาเดียวแค่นี้ ตั้งใจเรียนให้ผ่านหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมจะต้องดรอปแล้วดรอปอีกแบบนี้'
สร้อยสุดานึกถึงตอนที่คุณปู่ธีระรู้เรื่องแล้วได้แต่ทำหน้าผิดหวัง ก็อดจะรู้สึกโกรธเคืองแทนไม่ได้จริงๆ จึงได้โมโหเบรคแตกใส่ธันว์รวิ ปกติก็ไม่อยากจะยุ่งอะไรด้วยหรอกนะ
'ยุ่งน่า ยัยขี้เหร่' ธันว์รวิพ่นคำใจร้ายใส่หน้าหญิงสาว ที่จริงแล้วสร้อยสุดาอายุเยอะกว่าปีหนึ่งด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าเพราะความที่คุณปู่รักสร้อยสุดามาก ทำให้ธันว์รวิไม่เคยให้ความเคารพหญิงสาวเลยแม้แต่สักน้อย
'อีกอย่าง เธอเป็นแค่เด็กที่ปู่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่ปู่ฉันนะจะได้มาตำหนิฉันแบบนี้' ธันว์รวิตวาดกลับ เขาเองก็กลุ้มใจไม่น้อยที่หัวสมองเขาทำได้แค่นี้ ไม่ได้เรียนเก่งเหมือนอย่างเธอที่คว้าเกียรตินิยมมาได้ง่ายๆ
'เพราะฉันได้รับความกรุณาจากท่านมากขนาดนี้ไงล่ะถึงได้มาพูดกับนาย พอพูดดีๆนายก็ไม่ฟัง นายน่ะเห็นใจปู่นายบ้างไหม ว่าปู่นายน่ะเครียดขนาดไหนที่นายเหลวแหลกแบบนี้'
'มันจะมากไปแล้วนะ ฉันแค่ดรอปเรียน ทำไมต้องว่ากันด้วยเนี่ยะ' ธันว์รวิถูกอีกฝ่ายจี้โดนใจดำ เขาเองก็เครียดนะ ทำไมจะต้องมาโดนยัยสร้อยสนิมต่อว่าแบบนี้ด้วยเนี่ย
'และนี่ ถ้ามีเวลาจะมาห่วงชาวบ้านเนี่ย เธอไปทำตัวให้สวยขึ้นดีกว่าไหมยัยขี้เหร่ หมูอ้วนต้มเผือก ผมฟู ฟันเหล็ก แถมยังน่องโต ชาตินี้ขายไม่ออกหรอก ขอบอกเลย' ธันว์รวิปรามาสอีกฝ่ายอย่างสะใจ ที่เอาจุดปมด้อยของหญิงสาวมาล้อเธอได้
ซึ่งแน่นอนว่า สร้อยสุดา เป็นเช่นนั้น เธอห่วงแต่เรียน ไม่เคยได้เข้าร้านทำผมนอกจากเวลาจะไปตัดผมให้สั้นลง ฟันที่ยื่นออกมาก็ถูกคุณปู่พาไปร้านทำฟันนั่นแหละถึงได้ทำ แต่สร้อยสุดาก็ไม่ได้อ้วนฉุขนาดที่ชายหนุ่มล้อเลียน แค่เป็นคนผิวขาวซีด และมีน้ำมีนวลเท่านั้นเอง
สร้อยสุดาแค้นใจมากที่ถูกชายหนุ่มล้อปมด้อยของเธอ
'ตาหัวเหม่ง!'
'เฮ้ย นี่จะมากไปแล้วนะ ใครเหม่งวะ ใคร!” ชายหนุ่มชี้หน้าอีกฝ่าย จะว่าอะไรก็ได้ แต่เรื่องหน้าผากกว้างนี่ขอทีเถอะ อย่าได้ยุ่ง!
'นายแหละ นายเหม่ง นายเหม่งงงงง' สร้อยสุดาตะโกนใส่อีกฝ่ายเสียงดังลั่น รู้ทั้งรู้ล่ะว่านายธันว์รวิไม่ชอบให้ใครเรียกเขาแบบนี้ ผมที่ตัดหน้าให้ปรกหน้าผากนิดหน่อยก็เพื่อปิดปมด้อยที่เขาคิดว่ามันทำให้เขาหมดหล่อ
และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่คุยกัน จนหลายเดือนให้หลังสร้อยสุดาก็ไปเรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้
“อะไรกัน ไปเรียกเขาแบบนั้น เขาชื่อสร้อยสุดาไม่ใช่เหรอ" ปริมริตา เพื่อนสาวคนสวยแย้ง
ปริมริตา และตฤณคือเพื่อนที่เรียนกับธันว์รวิสมัยมหาวิทยาลัย แต่ที่ไม่เหมือนกันคือเขาทั้งสองเรียนจบแล้ว เหลือธันว์รวินี่แหละที่ยังไม่จบสักที และที่ไม่จบนี่เพราะไม่ยอมไปเรียนให้จบๆ
“อีกอย่าง เขาเป็นคู่หมั้นของเธอไม่ใช่เหรอ ซัน" ปริมริตาพูดถึงเรื่องที่ธันว์รวิเกลียด และเคืองหูที่สุด (รองจากคำว่า เหม่ง )
“นั่นมันเป็นเรื่องที่คุณปู่คุณย่าคิดกันไปเอง ฉันไม่มีทางแต่งกับยัยขี้เหร่หมูต้มนั่นหรอก" ธันว์รวิพยายามจะลืมมาตลอดสามปีที่ผ่านมาว่าเขากับสร้อยสุดาถูกหมั้นหมายตั้งแต่จำความได้ ก็เจอกันทีไร อยู่ด้วยกันทีไรก็ทะเลาะกันบ้านแตก นี่คุณปู่คุณย่าคิดได้อย่างไรจับหมั้นกันแบบนี้ แต่งไปก็เลิกอยู่ดี แต่ถึงจะพยายามคัดค้านอย่างไร พวกท่านก็ไม่เคยยอมเปลี่ยนใจ แถมพูดทีไรคุณย่าก็โรคหัวใจกำเริบทุกที ทั้งเขาและสร้อยสุดาจึงปล่อยให้เรื่องเลยเถิดมาขนาดนี้
“แต่สร้อยสุดาก็ไปเรียนต่อตั้งสามปี นายเองก็ไม่ได้เจอเขาเลยนี่ นายไม่คิดหรือว่าเขาอาจจะสวยขึ้นก็ได้นะเว้ย" ตฤณออกความเห็น ธันว์รวิส่ายหน้าหวือ แน่นอนว่าเขาไม่คิดอยากจะอัพเดทเรื่องราวของคู่กัดหรอกนะ แต่เขาก็ไม่คิดหรอกว่ายัยเฉิ่มเบ๊อะจะสวยขึ้นได้
สร้อยสนิม ... แสบทรวง ... ขี้เหร่หมูต้ม ... เฉิ่มเบ๊อะ ...
สร้อยสุดารู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ถูกกล่าวถึง สาวในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อ คลุมด้วยเสื้อนอกสีแดง หรี่ตา เม้มปาก นึกแผนการณ์บางอย่างได้ เธอก็เลือกที่จะเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆกลุ่มของชายหนุ่มแทน ร่างแบบบางสวมแว่นตาดำปกปิดดวงตากลมสวย ผมดัดสีน้ำตาลทองยาวเคลียไหล่ตัดกับผิวขาวๆยาวเธอถอดเสื้อนอกออกพาดกับเก้าอี้ข้างตัว เผยทรวดทรงและผิวขาวๆทำให้ชายหนุ่มในร้านอาหารแห่งนั้นต่างหันมองมาทางเธอ พากันกลืนน้ำลายลงคอ รวมไปถึง ตฤณ เพื่อนสนิทหนุ่มร่วมโต๊ะของธันว์รวิด้วย
“เฮ้ย ซัน ดูนั่นดิวะ โคตรแจ่มเลย"
ธันว์รวิหันมองตามเพื่อนสนิท เห็นหล่อนกำลังนั่งเปิดเมนูอาหารดูด้วยท่าทางเฉิดฉาย ผิวขาวของหล่อนแทบจะส่องแสงได้
แต่ว่า ... ริมฝีปากแบบนั้น ช่างคุ้นตา ธันว์รวิฉุกคิดถึงใบหน้าจืดๆของยัยแสบทรวงนั่นก็รีบสั่นหัวไล่ความคิดบ้าๆนั่นไป ... เป็นไปไม่ได้หรอกน่าที่ยัยขี้เหร่นั่นจะกลายเป็นหงส์ได้แบบนี้
บ้าไปแล้ว นายซัน ... สงสัยป่านนี้ยัยแสบทรวงคงประจบคุณปู่อยู่บ้านมากกว่า
หญิงสาวคงรู้สึกตัวว่าถูกมอง จึงหันหน้ามาทางพวกเขา เอียงศีรษะ และริมฝีปากสีแดงส่งยิ้มบางๆเป็นมิตรมาให้ ธันว์รวิจึงยิ้มตอบกลับไป
“เฮ้ยยย ท่าทางเธอจะสนนายว่ะซัน ไม่สานต่อหน่อยหรือวะ" ตฤณเอียงตัวไปกระซิบหยอกล้อเพื่อนสนิท
“ก็งี้แหละนะคนมันหล่อ ... ก็ได้ รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่นะ" ธันว์รวิยักไหล่ ช่วยไม่ได้คนมันหล่อ เขาลุกจากที่นั่งเดินตรงไปยังเจ้าหล่อนที่นั่งเอาเท้าคางทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่เธอตั้งใจวางแผนให้เขาติดกับ และเขาก็ติดกับเข้าจริงๆ ... หึ ... หลงตัวเองไปหน่อยไหม ตาเหม่งเอ๊ย ...
ธันว์รวินั่งลงตรงข้ามหญิงสาว เอ่ยทักทายน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล
“สวัสดีครับ มาคนเดียวหรือครับ"
หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มผ่านแว่นตาดำ ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มให้
“ค่ะ ... พอดีคู่หมั้นห่วยๆไม่ว่างไปรับที่สนามบิน เลยต้องมาหาข้าวทานคนเดียว" สร้อยสุดาเหน็บอีกฝ่าย แน่นอนธันว์รวิไม่รู้ว่าคนห่วยๆที่ว่านั่นคือ เขา ...
“อะไรกัน ใช้ไม่ได้เลย ปล่อยให้ผู้หญิงกลับคนเดียวได้อย่างไร" เขาทำทีตำหนิ คนห่วยๆ ที่ว่า
สร้อยสุดายิ้มมุมปาก
“ใช้ไม่ได้ ไม่เอาถ่าน เรียนไม่จบ ชอบทำแต่เรื่องไร้สาระ และหลงตัวเองตลอดว่าหล่อมาก ...” หญิงสาวพูดน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำไมธันว์รวิถึงได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆชอบกล
“ผู้ชายแบบนี้แย่มาก ว่าไหมคะ"
“นั่นสิครับ ... แต่ถ้าหากคุณอยากได้คนดูแลคนใหม่ ติดต่อผมได้นะครับ" ธันว์รวิทำท่าหากระดาษสักแผ่นเพื่อจะจดเบอร์ให้ มือบางยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
“เมมในนี้ก็ได้ค่ะ" เสียงหวานบอกกับเขา
ชายหนุ่มรับมาถือไว้ โทรศัพท์ไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ เพียงลากนิ้วจากซ้ายไปขวา ก็เข้าสู่หน้าจอแรก ภาพคนแก่สองคนที่เขารู้จักดี และหญิงสาวคนหนึ่งบนหน้าจอนั่นทำให้เขาอึ้งไป ดวงตาคมวกกลับมามองใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้ถอดแว่นตาออกแล้ว เผยดวงตากลมที่เขา ... คุ้นเคย ... มาก ...
ธันว์รวิวางโทรศัพท์หล่อนลง เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเขาดั่งเดิม ท่าทางดูแปลกๆจนเพื่อนร่วมโต๊ะต้องเอ่ยถาม
“เฮ้ย เป็นไรวะ ไอ้ซัน"
ยังไม่ทันที่จะตอบ ร่างแบบบางในชุดสีดำแนบเนื้อก็เดินมาข้างหลังเขา คลี่ยิ้มให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะก้มลงไปพูดที่ข้างหูของชายหนุ่มซึ่งบัดนี้แทบจะกลายเป็นหินไปแล้ว เธอโน้มตัวลงมาใกล้เขาเสียจนกลิ่นหอมๆของน้ำหอมจากกายหญิงสาวลอยแตะจมูกเขา
“รีบกลับบ้านนะคะ คุณคู่หมั้น ... ห่วยๆ" เธอทิ้งระเบิดเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะสะบัดตัว เดินกรีดกรายออกจากร้านอาหารไป
ทุกคนบนโต๊ะ ทั้งตฤณและปริมริตาหันมอง "คุณคู่หมั้น ... ห่วยๆ" ที่ว่า ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งนิ่งอยู่ ... อย่างงุนงง
หน้าร้านอาหาร
“เสร็จแล้วหรือครับ คุณหนูสร้อย" ลุงมั่น คนขับรถซึ่งนั่งรออยู่เอ่ยถามเมื่อคุณหนูคนสวยกลับมาขึ้นรถ ขนาดลุงมั่นเองที่ไปรับสร้อยสุดายังจำแทบไม่ได้ สร้อยสุดาสวยขึ้นมาก ไม่รู้ไปทำอะไรมา และพอเธอเจอเขาก็ถามถึงคุณหนูซันตัวแสบ เมื่อรู้ว่าธันว์รวิเบี้ยวจึงได้ให้เขาตามมาหาที่ร้านอาหารนี่ ...
“ค่ะ ลุงมั่น กลับบ้านกันเถอะค่ะ"
สร้อยสุดาวางถุงอาหารลงบนเบาะข้างตัว เมื่อก้าวขึ้นรถยนต์แล้ว เธออดนึกสะใจไม่ได้ที่ทำให้ธันว์รวิที่คอยแต่จะล้อเธอว่าขี้เหร่อย่างนั้นอย่างนี้มาสนใจเธอแบบนี้
... คอยดูเถอะ นายซัน ฉันจะกำราบนายแทนคุณปู่คุณย่าเอง!
กว่าสามปีที่จากเมืองไทยไปเรียนต่อ พร้อมความคับแค้นใจที่ถูก หมอนั่น เรียกเธอว่ายัยขี้เหร่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้อยสุดา ปรัชญวงศ์ เดินเข็นรถขนสัมภาระของสนามบินออกมาจากประตู ปราดสายตามองก็พบแต่ ลุงมั่น คนขับรถ เธอกระตุกยิ้มมุมปาก
คิดแล้วไม่มีผิด ตานั่น ไม่มีทางทำตามคำสั่งคุณปู่ที่ให้มารับเธอหรอก ...
สร้อยสุดาไม่เห็นจะสนใจว่าตานั่นจะมาหรือไม่ แต่ที่อยากจะทำให้เธอแก้เผ็ดตานั่นไวๆก็เพราะเรื่องที่หมอนั่นเหลวไหลจนเกินจะกู่กลับแล้วมากกว่า
“หนูสร้อย หนูจะต้องกลับมาจัดการไอ้หลานตัวแสบแทนปู่นะ ปู่ยกให้หนูซัดมันให้เต็มเหนี่ยวเลย"
“ค่ะ คุณปู่ หนูเองก็ระอากับการมีคู่หมั้นห่วยๆแบบนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน"
สร้อยสุดา ... ตั้งเป้าหมายแล้วว่า ไม่ว่าจะต้องออกปาก หรือต้องออกแรงแค่ไหน เธอก็จะต้องทำให้หมอนั่นเรียนให้จบ และเป็นผู้สืบทอดกิจการแทนคุณปู่อย่างเพียบพร้อบให้ได้
... ได้เจอกับฉันแน่ ตาเหม่ง!
ตอนที่ 1
ภายในร้านอาหารฝรั่งเศส ร่างแบบบางในเดรสกระโปรงสั้นแนบเนื้อสีดำ สวมเสื้อนอกสีแดงสด เจ้าของดวงตากลมวาววับกำลังเพ่งไปยังชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง พวกเขาหัวเราะพูดคุยกันสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่าความหรรษาในมื้ออาหารเที่ยงกำลังจะแตกกระเจิง
หึ! อย่าคิดนะว่าจะหนีฉันพ้น นายซัน นายตัวแสบ!
หญิงสาวหมายมาด ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากัน ทั้งๆที่คุณท่านสั่งกำชับแล้วแท้ๆให้หมอนั่นไปรับเธอที่สนามบินตอนสายๆ แต่พอเธอลงเครื่องมาก็พบแค่ ลุงมั่น คนขับรถเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าตัว นายธันว์รวิ หรือ นายซัน หลานชายตัวแสบของคุณท่านกลับหนีหน้า หนีความรับผิดชอบมาหาเพื่อนแบบนี้
'โอ๊ย หนูสร้อย ปู่ล่ะเบื่อพ่อซันนัก ดูสิอายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังเรียนไม่จบ ธุรกิจที่ปู่อยากจะฝากฝังให้มันดูแล ถ้ายังเป็นแบบนี้ ปู่ไม่คิดจะยกให้มันหรอก'
คุณธีระกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก หลานชายตัวดีไม่เอาอ่าว อาจจะเพราะคุณพิศอร ผู้เป็นภรรยา หรือ คุณย่าของธันว์รวิแสนจะตามใจหลานชายกำพร้าพ่อแม่คนนี้นัก ก็เลยแทบจะเสียคน กว่าจะเคี่ยวเข็ญให้จบมัธยมปลาย จนตอนนี้ระดับปริญญาตรียังไม่จบเลย อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบห้าปีแล้ว ขนาดว่าเธอจบปริญญาตรีแล้วไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจจนจบแล้ว หมอนั่นก็ยังลอยชานไม่ร้อนรนอะไรบ้างเลย คิดแล้วก็อดหมั่นไส้เจ้าตัวไม่ได้!
หญิงสาวเดินตรงดิ่งไปทางกลุ่มของธันว์รวิ ได้ยินบทสนทนาดังจากพวกเขา
“ยัยสร้อยสนิมแสบทรวงนั่นน่ะเหรอ ฮึ่ย ฉันไม่อยากจะไปเจอหรอก" ธันว์รวิในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์เบ้ปากยามนึกถึงคนที่เอ่ยถึง
ใช่ ... คุณปู่สั่งให้เขาไปรับ สร้อยสุดา หลานเลี้ยงแสนรักของเขา แต่แล้วจะทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธออย่างที่คุณปู่รักเสียหน่อย ไม่อยากจะไปรับให้เสียศักดิ์ศรีหรอก
สร้อยสุดา เป็นเด็กที่คุณปู่รับมาเลี้ยงหลังจากเธอเสีย คุณตา ญาติเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของคุณปู่ และมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเขาตั้งแต่เด็กๆ
และสร้อยสุดา เป็นเด็กที่เรียบร้อย และเรียนเก่ง จนคุณปู่และคุณย่ารัก ทำให้เขามักจะถูกเปรียบเทียบเสมอๆ ธันว์รวิจึงเบื่อที่จะเจอหน้า หรือ อยู่ใกล้หล่อน
จนก่อนที่สร้อยสุดาจะไปเรียนต่อเมื่อสามปีก่อนนั้น ก็ยังได้มีปากเสียงก่อนจากกันอีก ยัยนั่นต่อว่าเขาเมื่อเขาคิดจะดรอปวิชาหนึ่ง ซึ่งนั่นจะทำให้เขาจบช้าไปอีกปี
'นายซัน แค่วิชาเดียวแค่นี้ ตั้งใจเรียนให้ผ่านหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมจะต้องดรอปแล้วดรอปอีกแบบนี้'
สร้อยสุดานึกถึงตอนที่คุณปู่ธีระรู้เรื่องแล้วได้แต่ทำหน้าผิดหวัง ก็อดจะรู้สึกโกรธเคืองแทนไม่ได้จริงๆ จึงได้โมโหเบรคแตกใส่ธันว์รวิ ปกติก็ไม่อยากจะยุ่งอะไรด้วยหรอกนะ
'ยุ่งน่า ยัยขี้เหร่' ธันว์รวิพ่นคำใจร้ายใส่หน้าหญิงสาว ที่จริงแล้วสร้อยสุดาอายุเยอะกว่าปีหนึ่งด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าเพราะความที่คุณปู่รักสร้อยสุดามาก ทำให้ธันว์รวิไม่เคยให้ความเคารพหญิงสาวเลยแม้แต่สักน้อย
'อีกอย่าง เธอเป็นแค่เด็กที่ปู่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่ปู่ฉันนะจะได้มาตำหนิฉันแบบนี้' ธันว์รวิตวาดกลับ เขาเองก็กลุ้มใจไม่น้อยที่หัวสมองเขาทำได้แค่นี้ ไม่ได้เรียนเก่งเหมือนอย่างเธอที่คว้าเกียรตินิยมมาได้ง่ายๆ
'เพราะฉันได้รับความกรุณาจากท่านมากขนาดนี้ไงล่ะถึงได้มาพูดกับนาย พอพูดดีๆนายก็ไม่ฟัง นายน่ะเห็นใจปู่นายบ้างไหม ว่าปู่นายน่ะเครียดขนาดไหนที่นายเหลวแหลกแบบนี้'
'มันจะมากไปแล้วนะ ฉันแค่ดรอปเรียน ทำไมต้องว่ากันด้วยเนี่ยะ' ธันว์รวิถูกอีกฝ่ายจี้โดนใจดำ เขาเองก็เครียดนะ ทำไมจะต้องมาโดนยัยสร้อยสนิมต่อว่าแบบนี้ด้วยเนี่ย
'และนี่ ถ้ามีเวลาจะมาห่วงชาวบ้านเนี่ย เธอไปทำตัวให้สวยขึ้นดีกว่าไหมยัยขี้เหร่ หมูอ้วนต้มเผือก ผมฟู ฟันเหล็ก แถมยังน่องโต ชาตินี้ขายไม่ออกหรอก ขอบอกเลย' ธันว์รวิปรามาสอีกฝ่ายอย่างสะใจ ที่เอาจุดปมด้อยของหญิงสาวมาล้อเธอได้
ซึ่งแน่นอนว่า สร้อยสุดา เป็นเช่นนั้น เธอห่วงแต่เรียน ไม่เคยได้เข้าร้านทำผมนอกจากเวลาจะไปตัดผมให้สั้นลง ฟันที่ยื่นออกมาก็ถูกคุณปู่พาไปร้านทำฟันนั่นแหละถึงได้ทำ แต่สร้อยสุดาก็ไม่ได้อ้วนฉุขนาดที่ชายหนุ่มล้อเลียน แค่เป็นคนผิวขาวซีด และมีน้ำมีนวลเท่านั้นเอง
สร้อยสุดาแค้นใจมากที่ถูกชายหนุ่มล้อปมด้อยของเธอ
'ตาหัวเหม่ง!'
'เฮ้ย นี่จะมากไปแล้วนะ ใครเหม่งวะ ใคร!” ชายหนุ่มชี้หน้าอีกฝ่าย จะว่าอะไรก็ได้ แต่เรื่องหน้าผากกว้างนี่ขอทีเถอะ อย่าได้ยุ่ง!
'นายแหละ นายเหม่ง นายเหม่งงงงง' สร้อยสุดาตะโกนใส่อีกฝ่ายเสียงดังลั่น รู้ทั้งรู้ล่ะว่านายธันว์รวิไม่ชอบให้ใครเรียกเขาแบบนี้ ผมที่ตัดหน้าให้ปรกหน้าผากนิดหน่อยก็เพื่อปิดปมด้อยที่เขาคิดว่ามันทำให้เขาหมดหล่อ
และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่คุยกัน จนหลายเดือนให้หลังสร้อยสุดาก็ไปเรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้
“อะไรกัน ไปเรียกเขาแบบนั้น เขาชื่อสร้อยสุดาไม่ใช่เหรอ" ปริมริตา เพื่อนสาวคนสวยแย้ง
ปริมริตา และตฤณคือเพื่อนที่เรียนกับธันว์รวิสมัยมหาวิทยาลัย แต่ที่ไม่เหมือนกันคือเขาทั้งสองเรียนจบแล้ว เหลือธันว์รวินี่แหละที่ยังไม่จบสักที และที่ไม่จบนี่เพราะไม่ยอมไปเรียนให้จบๆ
“อีกอย่าง เขาเป็นคู่หมั้นของเธอไม่ใช่เหรอ ซัน" ปริมริตาพูดถึงเรื่องที่ธันว์รวิเกลียด และเคืองหูที่สุด (รองจากคำว่า เหม่ง )
“นั่นมันเป็นเรื่องที่คุณปู่คุณย่าคิดกันไปเอง ฉันไม่มีทางแต่งกับยัยขี้เหร่หมูต้มนั่นหรอก" ธันว์รวิพยายามจะลืมมาตลอดสามปีที่ผ่านมาว่าเขากับสร้อยสุดาถูกหมั้นหมายตั้งแต่จำความได้ ก็เจอกันทีไร อยู่ด้วยกันทีไรก็ทะเลาะกันบ้านแตก นี่คุณปู่คุณย่าคิดได้อย่างไรจับหมั้นกันแบบนี้ แต่งไปก็เลิกอยู่ดี แต่ถึงจะพยายามคัดค้านอย่างไร พวกท่านก็ไม่เคยยอมเปลี่ยนใจ แถมพูดทีไรคุณย่าก็โรคหัวใจกำเริบทุกที ทั้งเขาและสร้อยสุดาจึงปล่อยให้เรื่องเลยเถิดมาขนาดนี้
“แต่สร้อยสุดาก็ไปเรียนต่อตั้งสามปี นายเองก็ไม่ได้เจอเขาเลยนี่ นายไม่คิดหรือว่าเขาอาจจะสวยขึ้นก็ได้นะเว้ย" ตฤณออกความเห็น ธันว์รวิส่ายหน้าหวือ แน่นอนว่าเขาไม่คิดอยากจะอัพเดทเรื่องราวของคู่กัดหรอกนะ แต่เขาก็ไม่คิดหรอกว่ายัยเฉิ่มเบ๊อะจะสวยขึ้นได้
สร้อยสนิม ... แสบทรวง ... ขี้เหร่หมูต้ม ... เฉิ่มเบ๊อะ ...
สร้อยสุดารู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ถูกกล่าวถึง สาวในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อ คลุมด้วยเสื้อนอกสีแดง หรี่ตา เม้มปาก นึกแผนการณ์บางอย่างได้ เธอก็เลือกที่จะเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆกลุ่มของชายหนุ่มแทน ร่างแบบบางสวมแว่นตาดำปกปิดดวงตากลมสวย ผมดัดสีน้ำตาลทองยาวเคลียไหล่ตัดกับผิวขาวๆยาวเธอถอดเสื้อนอกออกพาดกับเก้าอี้ข้างตัว เผยทรวดทรงและผิวขาวๆทำให้ชายหนุ่มในร้านอาหารแห่งนั้นต่างหันมองมาทางเธอ พากันกลืนน้ำลายลงคอ รวมไปถึง ตฤณ เพื่อนสนิทหนุ่มร่วมโต๊ะของธันว์รวิด้วย
“เฮ้ย ซัน ดูนั่นดิวะ โคตรแจ่มเลย"
ธันว์รวิหันมองตามเพื่อนสนิท เห็นหล่อนกำลังนั่งเปิดเมนูอาหารดูด้วยท่าทางเฉิดฉาย ผิวขาวของหล่อนแทบจะส่องแสงได้
แต่ว่า ... ริมฝีปากแบบนั้น ช่างคุ้นตา ธันว์รวิฉุกคิดถึงใบหน้าจืดๆของยัยแสบทรวงนั่นก็รีบสั่นหัวไล่ความคิดบ้าๆนั่นไป ... เป็นไปไม่ได้หรอกน่าที่ยัยขี้เหร่นั่นจะกลายเป็นหงส์ได้แบบนี้
บ้าไปแล้ว นายซัน ... สงสัยป่านนี้ยัยแสบทรวงคงประจบคุณปู่อยู่บ้านมากกว่า
หญิงสาวคงรู้สึกตัวว่าถูกมอง จึงหันหน้ามาทางพวกเขา เอียงศีรษะ และริมฝีปากสีแดงส่งยิ้มบางๆเป็นมิตรมาให้ ธันว์รวิจึงยิ้มตอบกลับไป
“เฮ้ยยย ท่าทางเธอจะสนนายว่ะซัน ไม่สานต่อหน่อยหรือวะ" ตฤณเอียงตัวไปกระซิบหยอกล้อเพื่อนสนิท
“ก็งี้แหละนะคนมันหล่อ ... ก็ได้ รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่นะ" ธันว์รวิยักไหล่ ช่วยไม่ได้คนมันหล่อ เขาลุกจากที่นั่งเดินตรงไปยังเจ้าหล่อนที่นั่งเอาเท้าคางทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่เธอตั้งใจวางแผนให้เขาติดกับ และเขาก็ติดกับเข้าจริงๆ ... หึ ... หลงตัวเองไปหน่อยไหม ตาเหม่งเอ๊ย ...
ธันว์รวินั่งลงตรงข้ามหญิงสาว เอ่ยทักทายน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล
“สวัสดีครับ มาคนเดียวหรือครับ"
หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มผ่านแว่นตาดำ ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มให้
“ค่ะ ... พอดีคู่หมั้นห่วยๆไม่ว่างไปรับที่สนามบิน เลยต้องมาหาข้าวทานคนเดียว" สร้อยสุดาเหน็บอีกฝ่าย แน่นอนธันว์รวิไม่รู้ว่าคนห่วยๆที่ว่านั่นคือ เขา ...
“อะไรกัน ใช้ไม่ได้เลย ปล่อยให้ผู้หญิงกลับคนเดียวได้อย่างไร" เขาทำทีตำหนิ คนห่วยๆ ที่ว่า
สร้อยสุดายิ้มมุมปาก
“ใช้ไม่ได้ ไม่เอาถ่าน เรียนไม่จบ ชอบทำแต่เรื่องไร้สาระ และหลงตัวเองตลอดว่าหล่อมาก ...” หญิงสาวพูดน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำไมธันว์รวิถึงได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆชอบกล
“ผู้ชายแบบนี้แย่มาก ว่าไหมคะ"
“นั่นสิครับ ... แต่ถ้าหากคุณอยากได้คนดูแลคนใหม่ ติดต่อผมได้นะครับ" ธันว์รวิทำท่าหากระดาษสักแผ่นเพื่อจะจดเบอร์ให้ มือบางยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
“เมมในนี้ก็ได้ค่ะ" เสียงหวานบอกกับเขา
ชายหนุ่มรับมาถือไว้ โทรศัพท์ไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ เพียงลากนิ้วจากซ้ายไปขวา ก็เข้าสู่หน้าจอแรก ภาพคนแก่สองคนที่เขารู้จักดี และหญิงสาวคนหนึ่งบนหน้าจอนั่นทำให้เขาอึ้งไป ดวงตาคมวกกลับมามองใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้ถอดแว่นตาออกแล้ว เผยดวงตากลมที่เขา ... คุ้นเคย ... มาก ...
ธันว์รวิวางโทรศัพท์หล่อนลง เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเขาดั่งเดิม ท่าทางดูแปลกๆจนเพื่อนร่วมโต๊ะต้องเอ่ยถาม
“เฮ้ย เป็นไรวะ ไอ้ซัน"
ยังไม่ทันที่จะตอบ ร่างแบบบางในชุดสีดำแนบเนื้อก็เดินมาข้างหลังเขา คลี่ยิ้มให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะก้มลงไปพูดที่ข้างหูของชายหนุ่มซึ่งบัดนี้แทบจะกลายเป็นหินไปแล้ว เธอโน้มตัวลงมาใกล้เขาเสียจนกลิ่นหอมๆของน้ำหอมจากกายหญิงสาวลอยแตะจมูกเขา
“รีบกลับบ้านนะคะ คุณคู่หมั้น ... ห่วยๆ" เธอทิ้งระเบิดเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะสะบัดตัว เดินกรีดกรายออกจากร้านอาหารไป
ทุกคนบนโต๊ะ ทั้งตฤณและปริมริตาหันมอง "คุณคู่หมั้น ... ห่วยๆ" ที่ว่า ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งนิ่งอยู่ ... อย่างงุนงง
หน้าร้านอาหาร
“เสร็จแล้วหรือครับ คุณหนูสร้อย" ลุงมั่น คนขับรถซึ่งนั่งรออยู่เอ่ยถามเมื่อคุณหนูคนสวยกลับมาขึ้นรถ ขนาดลุงมั่นเองที่ไปรับสร้อยสุดายังจำแทบไม่ได้ สร้อยสุดาสวยขึ้นมาก ไม่รู้ไปทำอะไรมา และพอเธอเจอเขาก็ถามถึงคุณหนูซันตัวแสบ เมื่อรู้ว่าธันว์รวิเบี้ยวจึงได้ให้เขาตามมาหาที่ร้านอาหารนี่ ...
“ค่ะ ลุงมั่น กลับบ้านกันเถอะค่ะ"
สร้อยสุดาวางถุงอาหารลงบนเบาะข้างตัว เมื่อก้าวขึ้นรถยนต์แล้ว เธออดนึกสะใจไม่ได้ที่ทำให้ธันว์รวิที่คอยแต่จะล้อเธอว่าขี้เหร่อย่างนั้นอย่างนี้มาสนใจเธอแบบนี้
... คอยดูเถอะ นายซัน ฉันจะกำราบนายแทนคุณปู่คุณย่าเอง!
วาดเขียน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2556, 17:45:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2556, 17:45:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 904
ตอนที่ 2 >> |
วาดเขียน 18 ต.ค. 2556, 18:13:17 น.
สวัสดีค่ะ ฝากเรื่องแรกด้วยนะคะ :)
สวัสดีค่ะ ฝากเรื่องแรกด้วยนะคะ :)