ข้อตกลงระหว่างหัวใจ
ยัยแสบทรวงของเขา กลับมาคราวนี้เจอเพื่อก่อศึกใหญ่ คิดจะทำให้เขายอมเธองั้นหรือ ไม่มีทาง
หา อะไรนะ ถ้าไม่ยอมเชื่อฟัง และยอมหมั้นกับยัยแสบทรวง คุณปู่จะไล่เขาออกจากกองมรดก? ไม่จริงน่า ทำไมคุณปู่ถึงได้รักและหลงยัยเด็กเก็บมาเลี้ยงมากกว่าเขาที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียวเล่า!

ยัยแสบทรวงยื่นข้อเสนอมาข้อนึง ถ้าเขาเรียนจบ และทำให้คนในบริษัทยอมรับเขาได้ จะยอมยกเลิกการหมั้น ยัยนั่นมีสิทธิ์อะไรมาตั้้งเงื่อนไขเนี่ย แต่เพื่ออิสรภาพจากยัยโหด ธันว์รวิ จึงต้องยอมตกลงไปอย่างเสียมิได้

แต่ว่า ... พอยัยแสบทรวงเข้ามาใกล้เขาทีไร หัวใจเขาต้องเต้นแรง และไม่ยอมอยู่นิ่งๆทำท่าจะกระโดดออกมาจากอกอยู่เรื่อย

โอ๊ย ยัยนี่มาทำอะไรกับหัวใจเขาเนี่ยยยยย???
Tags: คู่กัด

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

ธันว์รวิขับรถกลับบ้านอย่างรีบร้อน หลังจากตกตะลึงไม่คิดว่า 'แม่สาวยั่วเสน่ห์' คนนั้นจะคือ 'ยัยแสบทรวง' ที่ชอบทำเรื่องเจ็บแสบให้เขาเจอแต่อะไรแย่ๆ ทั้งโดนดุ โดนต่อว่า และยังล่าสุด ทำเขาเป็นตัวตลกต่อหน้าเพื่อนๆอีก

จะหักหน้ากันมากไปแล้วนะ ยัยตัวแสบ!

แต่ก็ยอมรับอยู่หรอกว่าเขาอึ้งและตกใจมากที่ยัยขี้เหร่หมูต้นนั่นกลายเป็นสาวสวยเสียจนจำเกือบไม่ได้ ...

ทันทีที่ถึงบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านในห้องนั่งเล่น รีบสาวเท้ายาวๆไปเห็นยัยตัวแสบนั่งอยู่กับพื้นข้างๆโซฟาที่คุณปู่นั่งอยู่ โดยมีคุณย่านั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัว และป้าพวง ป้าแม่บ้านวัยหกสิบปียืนอยู่ข้างๆ

“ตลกจริงๆนะคะคุณปู่" สร้อยสุดากำลังเล่าเรื่องขำขันให้คนสูงวัยฟัง ธันว์รวิรู้แน่นอนว่ามันคงตลกมากจริงๆทุกคนจึงดูมีความสุขกันเหลือเกิน

“อ้าว ตาซัน หายไปไหนมา ปู่บอกให้เราไปรับหนูสร้อยไงล่ะ" ธีระถามหลานชายทันทีเมื่อเห็นว่าเขากำลังสืบเท้าเข้ามาทางพวกเขา
ธันว์รวิมองหญิงสาวที่นั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ นี่คงฟ้องล่ะสิท่า

“พอดีผมติดธุระน่ะครับปู่ ไม่เจอกันนานเลยนะ สร้อย เรามาคุยกันหน่อยดีมั้ย" ธันว์รวิหันมาพูดกับหญิงสาวเสียงหวาน ทั้งๆที่หน้าตึงด้วยความโกรธ สร้อยสุดาถูกชายหนุ่มดึงให้ลุกขึ้น

“นี่!" สร้อยสุดาฝืนตัวเองไม่ได้เมื่อเขามีทั้งแรงที่เยอะและตัวที่ใหญ่กว่า

“ก็คิดถึงคู่หมั้นน่ะ มาคุยกันหน่อยนะ ผมขอตัวสร้อยนะครับคุณปู่คุณย่า" เขาพูดจบก็ดึงให้หญิงสาวถลาเดินตามออกไป จนมาถึงระเบียงบ้านที่ไกลออกมาจนแน่ใจว่าพวกผู้ใหญ่จะไม่ได้ยินเสียงพวกเขา เขาถึงยอมปล่อยมือหญิงสาว

“นี่นาย ทำบ้าอะไรน่ะ ฉันเจ็บนะ" สร้อยสุดาลูบข้อมือที่เป็นรอยแดงเพราะถูกบีบไปมา ต่อว่าเขาเสียงดัง

“เธอต่างหากทำบ้าอะไร ทำไมต้องมาหักหน้าฉันต่อหน้าเพื่อนๆด้วย" ธันว์รวิถามกลับ "แล้วนี่ฟ้องคุณปู่คุณย่าใช่ไหมเรื่องที่ฉันไม่ไปรับเธอ" ที่เขาเดาเช่นนี้เพราะลุงมั่นคงไม่ไปบอกท่านเองแน่ๆ

“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้มีนิสัยขี้ฟ้องแบบนายนะ พอไม่เห็นนาย ท่านก็ทราบของท่านเองว่านายไม่ได้ไปรับฉัน พูดความจริง ฟ้องตรงไหน" สร้อยสุดาพูดเรื่องจริง
“อีกอย่างเรื่องที่ร้านนั่น นายล่ะไว้หน้าฉันบ้างไหม คำก็ขี้เหร่ อีกคำก็เฉิ่มเบ๊อะ"

“ก็มันจริงนี่ ผิดตรงไหน เธอต่างหากไม่ควรพูดแบบนั้น เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยยอมรับเธอในฐานะนั้นเลย" ธันว์รวิหมายถึงคู่หมั้น ถ้าเขาไม่เห็นแก่สุขภาพของคุณย่าพิศอร เขาจะยกเลิกมันทิ้งเสีย เธอก็รู้ว่าเขาเกลียดเธอมากขนาดไหน!
“ทำไม อยากหมั้นนักเหรอ อยากได้สมบัติคุณปู่ใช่ไหม เธอทำมาตลอด เพราะหวังจะให้คุณปู่ยกให้เธอหมดเลยล่ะสิ"

เพียะ!
ฝ่ามือขาวฟาดลงที่แก้มของชายหนุ่ม ธันว์รวินิ่งไปเพราะตกใจ ก่อนจะหันมาจะตวาดใส่เธอว่ามีสิทธิ์อะไรมาตบเขา ทว่าคำพูดมากมายก็กลืนหายไปกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตซึ่งบัดนี้คลอไปด้วยน้ำใสๆ

สร้อยสุดาทั้งแค้นเคือง และน้อยใจสิ่งที่ได้ยิน ... แล้วก็เสียใจด้วย ทำไมในสายตาเขาไม่เคยมีดีอะไรสักอย่างเลยนะ ทั้งที่ตลอดมาเธอมีแต่ความหวังดีต่อเขา ทั้งพยายามช่วยเรื่องเรียน ช่วยอะไรหลายอย่าง อย่างเรื่องที่ไปเขาไม่ได้รับสนามบินเธอก็ไม่ได้บอกคุณปู่เลยสักคำ หากเมื่อท่านถาม สร้อยสุดาจะโกหกได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังแก้ตัวให้ด้วย แต่สุดท้ายในสายตาเขาก็มองแค่เธอเป็นคนน่าเกลียดตลอดเวลาเลย

นี่เธอใช่เธอจะไม่เสียใจนะว่าตลอดมา เขาเกลียดเธอมากแค่ไหน เธอเสียใจมาก เธอไม่อยากถูกผู้ชายที่แอบรักเกลียดหรอกนะ !

ใช่แล้ว ... สร้อยสุดาแอบรักธันว์รวิตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เขายังใจดีกับเธอ เล่นกับเธอ และคอยปลอบโยนเธอเวลาเธอร้องไห้คิดถึงคุณตาที่จากไป แต่พอวันหนึ่งในระดับชั้นมัธยมปลายเขาถูกเรียกพบผู้ปกครองว่าทุจริตข้อสอบ ในตอนนั้นเธอได้คะแนนดีเป็นปกติทุกครั้ง ทุกปี การถูกเปรียบเทียบทำให้ธันว์รวิเกลียดเธอไปเลย รวมถึงไม่เอาเรื่องเรียนอีกด้วย

แต่ถึงเขาจะใจร้าย และต่อว่าเธอมากขนาดไหน เธอก็ยังเลิกรัก เลิกห่วง เลิกยุ่งกับชายหนุ่มไม่ได้สักที

ธันว์รวิเผลอจ้องใบหน้าคนตัวเล็ก เขามีจุดอ่อนที่น้ำตาผู้หญิงมาตลอด ...
เขาเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า ... เขาพูดอะไรออกไปเพราะความโกรธ เพราะอยากเอาชนะ ...

สร้อยสุดาเองก็รู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังจะไหลเลยรีบหันหลัง แล้วเดินหนีเข้าบ้าน

“อ้าวคุณหนูสร้อย เป็นอะไรหรือเปล่าคะตาแดงๆ" เธอเดินเข้ามาก็เจอกับป้าพวงพอดี ป้าพวงเห็นตาแดงๆจึงถามด้วยความเป็นห่วง

“อ่อ ฝุ่นเข้าตาน่ะค่ะป้า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ว่าแต่คุณปู่คุณย่าละคะ" เธอรีบเปลี่ยนเรื่องถามถึงผู้สูงวัยทั้งสอง

“ยังอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ แต่เมื่อสักครู่คุณน้อยมา" ป้าพวงทิ้งท้ายด้วยใบหน้ากังวล

“อาน้อยมา ทำไมป้าพวงต้องทำหน้ากลุ้มด้วยละคะ"
สร้อยสุดาประหลาดใจเมื่อจับสีหน้าป้าแม่บ้านได้ ทำไมแค่ นาคร ลูกชายคนเล็กของธีระ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของธันว์รวิมาพบ พวงถึงต้องมีอาการกลุ้มใจอย่างนี้

พวงถอนหายใจเฮือกยาว มองซ้ายทีขวาทีก่อนจะระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจมาตลอดให้แก่คุณหนูของเธอฟัง
“คุณหนูสร้อยไปเรียนอยู่นู่นคงไม่ทราบว่าคุณหนูซันน่ะถูกคุณน้อยกลั่นแกล้งขนาดไหน"

"แกล้ง นายซันนี่นะคะจะยอมโดนแกล้ง ป้าพวงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า" สร้อยสุดานึกภาพนายตัวแสบโดนแกล้งไม่ออกเลย

"ตอนที่คุณหนูไปเรียน คุณท่านก็เริ่มอยากให้คุณหนูซันไปดูงานไว้บ้าง แต่คุณหนูซันแกคงไม่ค่อยถูกใจทั้งท่านและพนักงานอาวุโสในบริษัท มีแต่คุณน้อยน่ะแหละค่ะที่พยายามช่วยดันคุณหนูซันอยู่ แต่อย่าหาว่าป้าคิดร้ายนะคะ ป้าไม่เคยไหวใจคุณน้อยเลย เคยได้ยินคุณหนูซันโวยวายให้คุณท่านทราบเรื่องที่ถูกทำให้อับอายต่อหน้าคนในบริษัท ตอนนี้ให้ตายอย่างไรคุณหนูซันก็ไม่ยอมไปเหยียบบริษัทอีกเลยค่ะ" พวงรู้มาว่า นาคร หวังที่จะได้สืบต่อตำแหน่งประธานบริษัท ธีราไดส์ แอพพาเรล (Teeradise apparel) บริษัทธุรกิจด้านออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ ธีราไดส์ ชื่อดัง ที่ธีระและพิศอรช่วยกันก่อตั้งขึ้น หากเพราะความตั้งใจของธีระอยากจะให้ธันว์รวิ หลานชายสายเลือดตรงสืบทอดกิจการต่อมากกว่า นาครซึ่งเป็นเพียงลูกของภรรยาน้อยของธีระจึงไม่ได้รับสิทธิ์ตรงนี้ แม้ตำแหน่งของเขาจะมีอำนาจรองจากธีระก็ตาม ... นาครอาจจะเกลียดชังธันว์รวิเพราะเหตุผลนี้ก็เป็นได้

บ่อยครั้งที่พวงแอบเห็นธันว์รวิกลับบ้านมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว และบางทีก็ทะเลาะกับคุณธีระอย่างไม่ยอมลดอารมณ์ลงเลย คุณพิศอรก็เครียดหนักที่ทั้งคู่เป็นอย่างนี้

“ป้าพวง ... เดี๋ยวหนูขอตัวไปทักทายอาน้อยก่อนนะคะ" สร้อยสุดาผละจากป้าพวงออกมา เธอไม่อยากจะเชื่อว่านาครจะคิดร้ายต่อธันว์รวิ ในสายตาเธอนาครคือคนเก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาไม่น่าจะมาแย่งชิงอะไรกับหลานได้หรอกน่า อีกอย่างนายตัวแสบนั่นน่ะเหรอจะยอมโดนแกล้งฝ่ายเดียว ... ไม่มีทางหรอก ...

ในห้องนั่งเล่น สร้อยสุดาเห็นนาครนั่งพูดคุยกับสองผู้สูงอายุอย่างเคร่งเครียด
“ทางพนักงานเราเริ่มไม่พอใจที่ซันไม่เข้าออฟฟิศ ผมอยากจะช่วยดันหลาน แต่ถ้าหลานไม่เอาล่ะก็ ผมก็ ...” นาครหยุดพูดเมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา พอหันมาเห็นว่าเป็นใครก็คลี่ยิ้มดีใจ
“อ้าว หนูสร้อย กลับมาแล้วหรือ"

สร้อยสุดายกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นอา
“สวัสดีค่ะอาน้อย สร้อยกลับมาเมื่อสายๆนี้เองค่ะ"

“ดีจังเลย เรียนจบแล้วสินะ ดูแล้วมีอนาคตกว่าตาซันเยอะเลย เฮ้อ" นาครถอนหายใจ
แม้สร้อยสุดาจะยังแคลงใจกับสิ่งที่พวงกังวล แต่เธอก็ไม่พอใจที่นาครเอาเรื่องน่ากลุ้มใจเหล่านี้มาเล่าให้ธีระและพิศอรฟัง
“แล้วคุณพ่อคุณแม่มีแผนการแต่งงานของสร้อยสุดาและตาซันบ้างหรือยังครับ"
คำถามของนาครทำเอาสร้อยสุดาสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปได้

“ยังเลย กะว่ายังไงก็อยากให้ตาซันเรียนให้จบก่อน" ธีระตอบถึงสิ่งที่คิด เขาอยากให้ธันว์รวิเรียนจบ และได้เข้าทำงานเต็มตัวในธีราไดส์ก่อน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ธันว์รวิยังไม่ได้เรื่องแบบนี้ เขาก็ค่อนข้างกลุ้มใจไม่น้อยเลย

“นั่นสินะครับ สงสารแต่หนูสร้อย หนูสร้อยทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ตาซันไม่ได้เรื่องขนาดนี้ เสียดายหนูสร้อยจริงๆถ้ารีบแต่งกันไป" นาครส่ายหัวไปมา

“จริงๆแล้ว ซันไม่ใช่คนไม่ได้เรื่องหรอกค่ะ ...” สร้อยสุดาแทรกขึ้น น้ำเสียงหวานมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม

“อะไร หนูก็รู้ดีนี่หนูสร้อย เรียนก็ไม่จบ เที่ยวเล่นไปวันๆ" นาครพูดน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ถ้าให้เวลาเขา หนูเชื่อว่า ซันจะเป็นแรงสำคัญแรงหนึ่งของธีราไดส์ค่ะ" สร้อยสุดาเชื่อมั่นในตัวธันว์รวิ แม้ต่อหน้าจะด่าเขาไม่เหลือชิ้นดี แต่ใจลึกๆ เมื่อเขาถูกดูถูกเสียขนาดนี้ เธอก็อยากจะลุกขึ้นปกป้องเขา

“เฮอะ แค่ให้มันเรียนจบ ทำให้ได้ก่อนเถอะก่อนจะมาเป็นแรงของธีราไดส์ ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยหนูสร้อย" นาครยังคงไม่หยุดพูดดูถูกหลานชาย แต่แรกเดิมที นาครก็ไม่ได้รู้สึกอคติ หรือ อยากแย่งชิงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทจากหลานชายหรอกนะ แต่รับไม่ได้จริงๆที่คนไร้ความสามารถแบบนั้นจะให้มาดูแลบริษัท ทำไมบิดาเขาถึงไม่ให้เขาซึ่งมีความสามารถมากกว่าดูแลแทน ธีระมองข้ามเขาไปอยู่เรื่อยเลย

“คุณปู่คะ หนูจะช่วยเรื่องเรียนของซันเองค่ะ" สร้อยสุดาบอกอย่างมั่นใจ เธอแอบสืบเรื่องหน่วยการเรียน ปัญหาของวิชาเรียนต่างๆที่ธันว์รวิมีอยู่ตั้งแต่ก่อนกลับมาแล้ว การทำให้ชายหนุ่มเรียนจบนั้นคือมิชชั่นแรกของเธอ



ธันว์รวิเดินตามเข้ามาในบ้าน เจอกับนาคร และ สร้อยสุดาซึ่งเดินสวนมาพอดี

“อาน้อย ..” ธันว์รวิทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง ทว่านาครทักขึ้นเสียก่อน

“ซัน พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดนะ นายควรไป"

หลานชายหันมองผู้เป็นอา ... คิดจะทำอะไรให้เขาขายหน้าอีกล่ะ ... คราวก่อนอยู่ๆก็ให้เขาเสนอแผนงาน แล้วก็หักหน้ากันกลางที่ประชุม ...

“ผมไม่ไป" ธันว์รวิตอบหน้าตาเฉย ทำท่าจะเดินต่อ นาครยังไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป เขาอยากจะทำให้สร้อยสุดารู้ว่าหลานชายคนนี้เกินเยียวยาขนาดไหน

“นายเป็นกำลังต่อไปของธีราไดส์นะ นายต้องไป"

“เอ๊ะ คุณอา! จะอะไรกับผมอีก ผมไม่ยอมไปเป็นตัวตลกให้คุณอาหรอกนะ อาอยากจะทำไรก็เชิญ อยากได้อะไรก็เชิญ ยังไงผมก็ไม่ได้ดูมีอะไรดีในสายตาปู่ หรือใครอยู่แล้วนี่" แว่บหนึ่งสร้อยสุดารู้สึกเหมือนคนพูดหันมองมาทางเธอ

“นายทำตัวเองต่างหากนะ ถ้านายทำการบ้านไปดี ใครจะกล้าหัวเราะนาย" นาครไม่ยอมรับว่าเขาวางแผนเอาไว้
“ดูสิ หนูสร้อย แบบนี้น่ะเหรอ กำลังสำคัญ ตัวถ่วงสิไม่ว่า"

สร้อยสุดาเห็นคนฟังฝั่งตรงข้ามกำหมัดแน่น เธอไม่กล้าคาดเดาหรอกนะว่าจะธันว์รวิจะเกิดสติหลุดขึ้นมาหรือเปล่า เลยรีบแทรกขึ้น

“เดี๋ยวหนูจะเดินไปส่งอาน้อยที่รถนะคะ เชิญค่ะ"
สร้อยสุดาเดินนำผู้เป็นอาไปที่ประตูหน้าบ้าน นาครจึงยอมสงบศึกลง เดินตามหลานสาวนอกไส้ไป ทิ้งไว้แต่คนที่กำลังโกรธจัด และต้องการจะระบายอารมณ์ใส่อะไรสักอย่าง

ธันว์รวิเลือกเปิดเพลงดังลั่นห้องจนสร้อยสุดาที่พอส่งนาครเสร็จก็กลับมาหาเขา ยืนอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาก เธอเคาะประตูเรียกเขาเสียงดัง
“ซัน นายออกมาคุยกับฉันหน่อย ... นี่ นายซัน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ตาบ้า ... ไม่ออกใช่ไหม ไอ้หัวเหม่ง ออกมา...”

ไม่ต้องเรียกคำนั้นซ้ำ ประตูถูกเปิดออก พร้อมหน้าโกรธจัดกว่าเดิมของเจ้าของห้อง
“เธอเรียกใครไอ้หัวเหม่งหา ยัยแสบทรวง!”

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย ห้ามปิดนะ!” สร้อยสุดารีบเอาตัวเข้าไปดันประตูไว้ เมื่อชายหนุ่มทำท่าจะปิดประตูใส่หน้าเธอ

“ไม่คุย ไม่คุยว้อย ได้ยินไหม ออกไปเลยก่อนที่จะโมโหมากกว่านี้" ธันว์รวิไม่มีอารมณ์จะฟังใครพล่ามไรทั้งนั้น ออกแรงดันประตูให้ปิดลง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้เลย เขาต้องลดแรงลงนิดหน่อยด้วยกลัวจะทำให้หญิงสาวบาดเจ็บเข้า

“ฉัน ... ฉันจะถอนหมั้นให้"

ธันว์รวิชะงักตัวค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมา
“ว่าไงนะ" เขาหูฝาดไปหรือเปล่า

“ฉัน-จะ-ถอน-หมั้น-ให้-นาย" สร้อยสุดาย้ำชัดๆเต็มปากเต็มคำเต็มสองหูชายหนุ่ม
ธันว์รวิยอมรับว่าตกใจ และอะไรบางอย่างหายวูบไปเมื่อได้ยิน
“เมื่อนายเรียนจบปริญญาตรี ฉันจะถอนหมั้นให้นาย" หากแต่ประโยคถัดมา ก็คล้ายๆสิ่งที่หายไปของชายหนุ่ม ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกวูบไหวนั้นคืออะไร แต่มันก็ถูกเรียกกลับมาได้ครึ่งหนึ่ง ...

“หมายความว่ายังไง" เขาถาม

“ตามที่พูด ถ้านายตั้งใจเรียนให้จบ ฉันจะทำตามที่นายต้องการ ฉันไม่ได้ต้องการเงินทองหรืออะไร ทุกวันนี้ได้เรียนจบ ได้มีชีวิตที่ดี ฉันพอใจมากแล้ว และฉันก็ต้องการตอบแทนคุณปู่ นายต้องเรียนให้จบนะ ฉันขอร้อง" สร้อยสุดาพยายามเก็บความเสียใจไว้ใต้น้ำเสียงมุ่งมั่น แม้ว่าการเป็นคู่หมั้นเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ผูกเขาและเธอเอาไว้ แต่เธอก็รู้ดีว่ามันไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย

“ฉันไม่ได้อยากเรียนจบ และแน่นอน ฉันก็อยากจะถอนหมั้นอยู่แล้ว" เขาเสเดินเข้าไปในห้อง หยิบแผ่นซีดีขึ้นดู ท่าทางไม่สนใจเงื่อนไขข้อตกลงที่หญิงสาวเสนอมา

“นายก็รู้ นายไม่มีวันพูดให้คุณปู่ยอมยกเลิกการหมั้นของเราลงได้" สร้อยสุดาพูดให้ชายหนุ่มคิด

“เธอจะบอกว่าเธอสามารถหรือไง" ธันว์รวิหันมาถาม

“แน่นอน ... นายก็รู้ ฉันมีพาวเวอร์มากพอ มีเหตุผลมากกว่านาย อย่างน้อยในสายตาท่าน คำพูด ความต้องการของฉันก็มีน้ำหนักมากกว่านาย เพราะฉันมีความพยายามมากกว่านายมาตลอด" สร้อยสุดาจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มซึ่งเหมือนจะกำลังคิดตามอยู่

“นายก็เลือกเอาละกัน ข้อตกลงระหว่างเรานี่ นายจะได้อิสระ ได้ปริญญา ได้เอาชนะการดูถูกเหยียดหยามจากอาน้อย ได้สร้างความดีใจและความสุขให้กับคุณปู่ ได้อนาคต ในขณะที่ฉันไมไ่ด้อะไรสักหน่อย แค่เสียสถานะที่มัน ... ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว คิดดูละกันนะ"

สร้อยสุดาชี้แจงอะไรมากมาย เธอสงสัยตัวเองเหลือเกินว่า เธอสามารถซ่อนความเสียใจไว้ในน้ำเสียงเรียบๆแบบนี้ได้อย่างไร
ในเมื่อคำว่า ไม่มีค่า มันกำลังกรีดแทงหัวใจเธออยู่ขนาดนี้

- จบตอน -



วาดเขียน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2556, 15:43:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2556, 15:43:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 883





<< ตอนที่ 1 ยัยแสบทรวง คัมแบ๊ก !!   
วาดเขียน 22 ต.ค. 2556, 15:54:11 น.
เอาตอนที่ 2 มาฝากค่ะ จะพยายามอัพอาทิตย์ละตอนค่า
นางเอกจะห้วนๆดุๆหน่อยค่ะ
ส่วนพระเอก ดูไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ ... ต้องให้นางเอกเคี่ยวๆหน่อย ^^

ฝากด้วยนะคะ ><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account